แต่หลังจากนั้นสักพัก ฉันก็เริ่มเครียดหน่อยๆ ช่วงนี้เหมือนฉันจะใช้อำนาจมากเกินไปหรือเปล่านะคะ... ถ้าตระกูลฉันล้มละลายเข้าจริงๆต้องแย่แน่ๆ
ถ้าฉันตกต่ำเข้าจริงๆ ฉันจำได้ว่าเรื่องแกล้งผ่านรองเท้ามีวิธีแก้คือเอารองเท้ากลับบ้านค่ะ ถึงในซุยรันจะไม่ยอมรับให้ทำแบบนั้นก็ตาม ถ้าแอบๆก็พอไหว พยายามเดินในบริเวณที่อยู่ท่ามกลางสายตาคน อย่างน้อยก็ให้มั่นใจว่าครูอาจารย์อยู่แถวนั้นน่ะค่ะ แล้วก็บางทีอาจจะฝึกใช้แรงบ้างแล้วล่ะมั้งคะ กรณีที่โดนทำร้ายร่างกายจะได้ตอบโต้ได้ ถ้าเป็นไปได้ก็มาโรงเรียนเร็วๆ ตัดปัญหาเรื่องมารถไฟฟ้าไม่ทัน ปกติถ้าคนจะดักทำร้ายช่วงเช้าอาจจะเป็นเป้าได้ก็จริง แต่ว่าถ้าเรามาเร็วกว่าน่าจะหลบหลีกทัน ฉันว่าจะไปอยู่ที่ห้องสมุดค่ะ นั่งใกล้ๆกับอาจารย์หน่อยน่าจะไหว
เอ๊ะ...อ้า ฉันไม่ควรคิดเรื่องพวกนี้ล่วงหน้าสินะคะ ฉันควรจะพยายามรอดพ้นเรื่องนี้ไปให้ได้สิ…
ตอนกลางวันฉันเห็นวาคาบะจังคุยเล่นกับเพื่อนปกติ ท่าทางคงไม่สังเกตสินะคะ ดีจริงๆ
คาบุรากิลากฉันมากินข้าวด้วยตอนกลางวัน ทั้งๆที่ฉันอยากจะนั่งกินกับเพื่อนๆผู้หญิงในห้องเพื่อสานความสัมพันธ์แท้ๆ แต่ว่านะคะ ฉันเพิ่งทำให้หมอนั่นเสียเพื่อนไป จะยอมไปด้วยก็ได้ค่ะ
พอฉันแอบๆถามเรื่องเอ็นโจ เขาก็บอกว่าตอนนี้คืนดีกันแล้ว แต่คืนดีของนายนี่มานั่งกินข้าวอะไรกับฉันคะ ทำไมไม่กินกับเพื่อนสนิทของนาย แล้วไอเมลล์ล่าสุดที่นายส่งมาราวกับสั่งเสียนั่นมันน่าสงสัยนะคะ
“ชูสุเกะไม่สบายน่ะ เลยไม่มาโรงเรียนวันนี้”
เอ๊ะ? ฉันเองก็เพิ่งสังเกตว่าหมอนั่นไม่มาโรงเรียนค่ะ แต่ลางสังหรณ์ของฉันไม่คิดว่าเอ็นโจจะไม่สบาย... หวังว่าคงไม่วางแผนฆาตกรรมฉันอยู่อ้อมๆอยู่นะคะ
“นี่ คิโชวอิน... เธอคิดว่าชูสุเกะในโลกนี้จะชอบทาคามิจิหรือเปล่า...”
“หะ! ไม่มีทางหรอกค่ะ อะไรที่ทำให้คิดอย่างนั้นหรอคะ”
“ก็หมอนั่นดูปกป้องทาคามิจิอยู่ตลอดแบบลับหลัง แล้วก็ตอนหลังๆ บางครั้งก็ห้ามฉันเวลาคุยกับทาคามิจิด้วย”
จะว่าไปในนิยาย เอ็นโจก็ชอบแอบช่วยเหลืออยู่ลับๆแบบตัวรองที่ดี ส่วนคาบุรากิออกตัวปกป้องเบื้องหน้าล่ะนะคะ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถ้าจำไม่ผิด คนเขียนนิยายเรื่องนั้น เหมือนจะยืนยันนะคะว่าเอ็นโจไม่ได้ชอบวาคาบะจัง มีแต่นายตัวสำรองผู้น่าเศร้าที่ต้องมาสู้กับคาบุรากิเท่านั้นแหละค่ะ
แต่ว่าที่ห้ามนายคุยกับทาคามิจิน่าจะเป็นเพราะนายไม่รู้กาลเทศะ อยู่ๆก็พุ่งเข้าไปคุยด้วย สร้างศัตรูให้วาคาบะจังนะ... ! เวลาที่นายไม่ได้เป็นกรณีคล้ายๆกันนั้น ฉันก็ไม่เคยเห็นเอ็นโจห้ามนายนี่
ฉันพยายามอธิบายให้คาบุรากิฟัง
“หมายความว่า ถ้าฉันจะคุยกับทาคามิจิต้องแอบไปคุยตอนที่ไม่มีใครเห็นเท่านั้นหรอ ทำไมกันน่ะ”
“คือ...จะมีคนอิจฉาไงคะ”
“หะ? ทำไมล่ะ”
ฉันแทบจะจนปัญญากับคาบุรากิ นายไม่เคยรู้หรือไงว่าตัวเองมีคนชื่นชอบเป็นแฟนคลับมากแค่ไหน แล้วพอเห็นนายไปสนิทกับใครเข้า คนนั้นก็จะโดนขเม่นเป็นเรื่องธรรมดาของสาวๆขี้อิจฉา
ฉันอธิบายเรื่องทั่วไปของสาวๆในซุยรันให้ฟัง และอธิบายว่าทำไมวาคาบะจังถึงซวย คาบุรากิขมวดคิ้วคิดตาม
“ถ้างั้นแสดงว่า การที่ฉันมาคุยกับเธอ ก็ทำให้เธอโดนแกล้งหรอ...”
“ไม่หรอกค่ะ ถ้ามีชาติตระกูลคอยสนับสนุนจะไม่ค่อยมีใครกล้ามาแกล้งน่ะค่ะ”
ฉันบอก รู้สึกเหมือนกำลังสอนเด็กน้อยให้รู้จักโลกเลยค่ะ ฉันปล่อยให้คาบุรากิครุ่นคิดสภาพปัจจุบันของตัวเอง แล้วรีบกินข้าวที่เหลืออยู่อย่างรวดเร็ว อาหารของโรงเรียนอร่อยเหมือนเคยเลยนะคะ สมกับเป็นเซฟชั้นหนึ่งจริงๆ
เมื่อกินข้าวเสร็จก็รีบเก็บของเตรียมตัวเข้าเรียนบ่าย ก็บังเอิญสบตากับวาคาบะจังที่เดินผ่านมาพอดี
วาคาบะจังเห็นฉันก็ก้มหัวให้ไวๆแล้วรีบเดินจากไป
“ทาคามิจิหน้าแดงด้วยแหะ ไม่สบายหรือเปล่าน่ะ...”
คาบุรากิที่ยืนอยู่ข้างๆฉันพูดขึ้น แย่แล้วค่ะ ฉันลืมไปเลยว่าตอนนี้อยู่กับหมอนี่ หวังว่าวาคาบะจังคงไม่ได้รู้สึกแย่อยู่หรอกนะคะ...
ลืมไปเลยค่ะว่าจะหลีกเลี่ยงที่จะอยู่กับคาบุรากิในที่สาธารณะ...
ฉันพยายามตั้งสติ วางแผนว่าจะจัดการเรื่องนี้ทีหลังสักวัน แต่ว่าตอนนี้ฉันต้องสนใจเรื่องไปหาท่านพี่ก่อนล่ะนะคะ
เมื่อเลิกเรียนฉันก็กลับบ้านไปเปลี่ยนเป็นชุดที่ท่านพี่ในโลกก่อนเคยชมว่าน่ารัก ก่อนเตรียมตัวออกจากบ้าน
หวังว่าทุกอย่างจะโอเคนะ...