“ห้องเรียนค่ะ”
“เลยมาตั้งยี่สิบนาทีแล้ว คุณคิโชวอินอยากเข้าไปเป็นตัวตลกเหรอ?”
ก็ไม่… แต่ที่พูดคืออยากเลี่ยงไม่นั่งอยู่นี่ต่างหากล่ะคะ
“หรือว่าไม่อยากอยู่กับผมกันล่ะ?”
สิ้นคำพูดนั้นก็นั่งลงฝั่งตรงกันข้ามกับเอ็นโจ เก้าอี้ที่เขานั่งนั้นเป็นรูปตัว C ซึ่งพวกเรานั่งอยู่คนละฝั่งและเว้นตรงกลางเอาไว้
“ชาคาโมมายด์ คงทานได้สินะ”
“ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับ มองดูเอ็นโจที่กำลังรินชาจากกาแล้วยื่นมาให้ฉันที่รับถ้วยไว้ แต่ยังไม่ยกขึ้นจิบ
“จะว่าไปแล้ว คุณคิโชวอินติดหนี้ผมแล้วนะ”
“เหะ”
“เรื่องพาไปส่งโรงพยาบาล กับตกบันไดไงล่ะครับ” เอ็นโจพูดพลางยิ้มหวาน
“...”
จอมมารล่ะคะ จอมมาร! จอมมารกำลังอวตารลงมาในร่างของเอ็นโจคนนี้ล่ะค่ะ ฮือ
“...จะให้ชดใช้อย่างไรดีนะ?” พร้อมกับยิ้มหวานที่ฉันคิดว่าเหมือนรอยยิ้มของซาตาน มือข้างนึงเคาะโต๊ะ เหมือนกับเจ้าหนี้ตอนทวงเงินจากลูกหนี้
สรุปแล้วเอ็นโจไม่คิดจะปล่อยฉันไปตั้งแต่แรกเลยใช่ไหมคะ อยากจะร้องไห้จังเลยค่ะ ฉันนั่งนิ่งเงียบไม่กล้าแม้แต่จะหยิบน้ำชาที่จอมมารรินให้เลยแม้แต่น้อย แม้ว่ามือจะกำอยู่ก็ตามที นัยน์ตาคู่นั้นยังมองหน้าฉันอยู่ทำให้ฉันต้องก้มลงหลบ
“จะไม่ถามหน่อยเหรอ ว่าทำไมถึงทำแบบนั้น”
“เรื่องอะไรหรือคะ” ฉันแสร้งทำเป็นไม่รู้ แต่ว่ามองจากนัยน์ตาของเอ็นโจที่มองไปยังต้นคอฉันก็รีบคว้ามือขึ้นมาจับโดยอัตโนมัติ เบือนหน้าไปทางอื่น
“ผมไม่รู้หรอกนะ ว่าทำไมคุณถึงไปเข้าหาประธาน แต่ถ้าคิดว่าประธานจะเป็นสะพานช่วยคุณไปกลั่นแกล้งคุณทาคามิจิล่ะก็… ผมคิดว่าคุณคงรู้นะว่าผมหมายถึงอะไร?”
“ฉัน…ไม่ได้มีจุดประสงค์แอบแฝงเลยค่ะ ท่านเอ็นโจ กรุณาถอนคำพูดด้วยค่ะ”
“ผมเชื่อคุณที่เปลี่ยนท่าทีไปมาไม่ได้หรอกนะ มีครั้งหนึ่งที่คุณไปตีสนิทกับพวกชมรมฟุตบอลให้มากลั่นแกล้งคุณทาคามิจิ ถ้าวันนั้นมาซายะไปช่วยไม่ทัน จะเกิดอะไรขึ้น คุณคิโชวอิน!”
“อึก…” ใช่ มันเป็นความผิดของเธอเอง ถึงแม้ว่าเรื่องนี้ลูกน้องของเธอจะเป็นคนทำไปโดยพลการ เพราะอิจฉาวาคาบะจังที่สนิทสนมกับมาซายะ…แต่เพราะทุกคนอยู่ใต้อำนาจการปกครองของเธอ เธอมีหน้าที่ดูแลลูกน้องของเธอ เพราะฉะนั้น กว่าที่เธอจะรู้เรื่องมันก็สายไปแล้ว
แต่เรย์กะเองก็ผิด ทั้งที่รู้แล้ว แต่ก็ไม่ยอมบอกใคร จนเอ็นโจมาเค้นเอาจากเธอ เธอจำได้ดีว่าวันนั้นเอ็นโจเกือบตบหน้าเธอ…
ถึงจะไม่ได้ทำอะไร แต่เท่าที่รู้ในความรู้สึกที่อัดแน่นตอนนึกถึง เรย์กะดูเหมือนจะรู้สึกผิดกับเรื่องที่ทำ แต่ก็แสร้งทำเป็นจักรพรรดินีที่ไม่แยแส จนเอ็นโจถึงกับสถบถ้อยคำแย่ๆ กับเธอ ครั้งนั้นมันคงเกินขีดจำกัดของเขาไปแล้ว
ฉันไม่รู้หรอกว่าทำไมเอ็นโจถึงทำแบบนั้น แต่อาจจะเป็นเพราะเขาแอบชอบวาคาบะจังรึเปล่า? ในเรย์กะคิมิดอลไม่เคยมีตอนไหนเผยถึงเรื่องในใจของเอ็นโจ อีกทั้งเขายังทำท่าทีเย็นชา แย่ๆ กับเรย์กะอยู่คนเดียวด้วย ก็มีสิทธิ์เป็นไปได้…
ทั้งที่หล่อแท้ๆ แต่ทำไมถึงไม่เป็นพระรอง กลับกลายเป็น npc คอยช่วยเหลือพระเอกซะงั้น ทั้งที่หน้าตาก็… อื๋อ… น่าสงสัยค่ะ
แต่พอคิดว่าเอ็นโจชอบวาคาบะจังจริงๆ ใจของฉันกลับรู้สึกด้านชา ไม่ใช่แค่เฉพาะตัวฉัน แต่ทำไมฉันกลับรู้สึกว่าตัวตนของเรย์กะคิมิดอลกำลังร้องไห้? เฮ้ๆ เธอชอบมาซายะไม่ใช่เรอะ?
“ท่านเอ็นโจชอบคุณทาคามิจิหรือคะ?” พอกลั่นใจถามออกไปกับเอ็นโจที่ที่กำลังจิบชาถึงกับสำลัก
“…คะ คิดได้ยังไง?” เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมากระแอมไอ แล้วตอบฉัน
“เห็นท่านเอ็นโจเป็นห่วงคุณทาคามิจิมาก ก็เลยคิดว่าเป็นเช่นนั้นค่ะ แต่ว่าท่านคาราบุกิก็ชอบคุณทาคามิจิ ท่านเอ็นโจเลยหลีกทางให้ใช่ไหมคะ” ฉันพ่นคำพูดรัวๆ เป็นคำถามที่ติดใจฉันออกมา “ดังนั้น ฉันที่เป็นคนกลั่นแกล้งคุณทาคามิจิ เลยเป็นตัวเกะกะสำหรับท่านเอ็นโจ อาร๊า … ท่านเอ็นโจนี่ช่างเป็นสุภาพบุรุษเหลือเกินนะคะ ถึงขนาดยกคนที่ชอบให้คนอื่นได้เนี้ย” ฉันยกมือขึ้นมาแตะปาก ส่งเสียงหัวเราะที่เค้นออกมาอย่างเสแสร้ง เอ็นโจมองฉันตาค้าง ขอฉวยโอกาสนี่แหละ
“อาร๊า ใกล้จะหมดคาบแล้ว ฉันคงต้องขอตัวก่อน ลาล่ะค่ะ ท่านเอ็นโจ” ทิ้งระเบิดเอาไปกองใหญ่ รีบเดินออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว
พอหมดคาบเรียนฉันก็รีบไปดักรอนายตัวสำรองที่ห้องคณะกรรมการนักเรียน คืนรองเท้าให้เขา แล้วใช้รองเท้าที่เปื้อนดินจนกลายเป็นสีน้ำตาลหม่นๆ มาใส่แทน ยังดีนะที่ไม่มีกลิ่นแล้ว
หลังจากนั้นก็รอจนกระทั่งทุกคนออกไปกันหมดก่อน ถึงเดินกลับไปเอากระเป๋าที่ห้องเรียน พร้อมๆ กับโทรลาเรื่องงานพิเศษด้วย วันนี้คงทำงานไม่ลงจริงๆ ค่ะ
---------------------------------------------------------------------------