>>>/webnovel/3543/496-499
ไม่เข้ามาแค่สองสามวันขึ้นกระทู้ใหม่แล้ว ไวจริงๆ
***********************************
********************************************
คงจะเข้าห้องในสภาพแบบนี้ไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ แวบแรกที่มองตัวเองในกระจกฉันแทบกรีดร้องออกมา เมื่อเห็นต้นคอของตัวเองมีรอยแดงจางๆ สองจุด
ตานั่นเป็นคาสโนวาหรือยังไงกันค้าาาาาา! คิดจะทำอะไรกับฉันกันแน่คะ!
เมื่อก่อนที่ยังไม่รู้นั้นเคยนึกว่าเป็นรอยแมลงกัด แต่พอรู้แล้วกลับรู้สึกเหมือนมีความร้อนขึ้นมาบนใบหน้า ทำไงดีเล่า จะเอาผ้าพันคอมาพันคงไม่ได้แหงนี่มันหน้าร้อน
ทั้งที่เป็นวันเปิดเรียนวันแรก ไม่อยากที่จะเป็นจุดเด่นแล้วเชียว ฉันจับคอตัวเองแน่น ควานหาพาสเตอร์จากในกระเป๋าขึ้นมาติดลบรอย
ถึงแม้ตะกี้อยากจะถามตามไปถามเหตุการณ์เมื่อครู่ แต่มันก็พูดไม่ออก จะให้ถามว่าจูบเพราะอะไร มันก็ออกจะโจ่งแจ้งไปไหมคะ แต่ถ้าไม่ถามมันก็คงจะค้างคาใจอยู่อย่างนี้
ประเดี๋ยวเย็นชา ประเดี๋ยวก็ใจดี แล้วยัง…! เฮ้! ทำไมเป็นแบบนี้ได้ล่ะคะ?
หรือว่าเขาจะชอบฉันเหรอคะ? ไม่สิ เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ก็ในความทรงจำของเรย์กะน่ะ แทบไม่มีเรื่องพวกนี้อยู่เลยนี่
เท่าที่นึกๆ ดูในความทรงจำของเรย์กะคิมิดอลนั้น แทบไม่มีอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเอ็นโจ นอกจากตอนที่เขาเริ่มเข้ามาพูดจาไล่ให้เธออย่ามายุ่งกับคาราบุกิเท่านั้นเอง ยิ่งค้นก็ยิ่งไม่เห็นอะไรเลยสักนิด
แต่พอมาเห็นสภาพตัวเองแล้ว ฉันคิดว่าฉันควรเว้นระยะห่างจากเอ็นโจให้มากที่สุดน่าจะปลอดภัยกว่า
เหมือนตะกี้พูดถึงนายตัวสำรอง พอเลิกเรียนแล้วรีบเอารองเท้าไปคืนให้จบๆ ป่านนี้รองเท้าของฉันก็น่าจะแห้งแล้วล่ะน่า เอากลับบ้านไปซักอีกรอบน่าจะขาวขึ้น แต่พอมองดูมือของตัวเองที่เป็นแผลถลอกแล้วก็ถอนหายใจอีกหน
อันที่จริงแล้ว มือของเรย์กะคิมิดอลนั้นบอบบางกว่าฉันเสียอีกค่ะ แต่ว่าถ้าสังเกตดีๆ เหมือนมีรอยขีดข่วนจางๆ หลายรอย ซึ่งฉันคิดว่าน่าจะเกิดขึ้นเพราะเธอผ่านการฝึกฝนมาหลายอย่าง ตอนแรกก็คิดว่าเธอไม่มีดีอะไรเลยสักอย่าง แต่พอยิ่งไล่ดูความทรงจำกลับน่าสงสารกว่าที่คิด
ทั้งที่มีความพยายามในหลายเรื่อง แต่พอใกล้จะจบแล้ว ดันล้มไม่เป็นท่า อีกทั้งยังแบกรับความผิดหลายๆ อย่างของลูกน้องเป็นของตัวเอง พอยิ่งทำแบบนั้นก็ยิ่งมีแต่คนโยนความผิดให้เธอ นี่มันตลกร้ายรึไงกันคะ?
อย่างเรื่องการเล่นไวโอลีนที่ท่านแม่ตั้งความหวัง เรย์กะตั้งใจฝึกซ้อมมาก แต่ว่าดันมาป่วยวันประกวด หลังจากนั้นเธอก็ฝังใจไม่เล่นอีกเลย
และก็อย่างเรื่องเต้นรำ ทั้งที่เต้นได้ดีแล้ว แต่กลับดันมาเจ็บขาเพราะซ้อมมากเกินไป วันสอบเลยได้แค่รางวัลความพยายาม เรย์กะถึงกับปารางวัลทิ้งเพราะความเอาแต่ใจ
เรื่องทำข้อสอบทั้งที่ไม่ได้ฝืนเกินตัว แต่วันนั้นอาหารดันเป็นพิษแค่กับเธอคนเดียว ทำให้ไม่มีกระจิตกระใจสอบ… หลังจากนั้นเลยไม่คิดที่จะอ่านอีก
หรือเรื่องที่อยากจะปลอบใจมาซายะที่อกหัก แต่ว่าเพราะเป็นคนที่มีแต่คนพะนอมพะนอเอาใจเลยคิดได้แต่คำพูดไม่เข้าหูคนอื่นทำให้คาราบุกิเดือดจัด
ซวยซ้ำซวยซ้อนเหลือเกิน นี่มันนางร้ายอะไรกันคะเนี้ย? โหงชีวิตมันน่าสงสารงี้อ่ะ!
เรื่องที่แย่จริงๆ ก็คือไปตอแยมาซายะมากไปนั่นแหละ พอเป็นเรื่องนี้ฉันรู้สึกสงสารเรย์กะนิดๆ ที่ไปหลงรักคนที่ไม่มีทางชอบเรา เหมือนกับว่าเธอไม่รู้ว่าจะเข้าหาคนคนนั้นยังไง เลยใช้อำนาจจนเกินตัวมากไป หลงระเริงในอำนาจ และการวางท่าเป็นราชินี จนดูถูกคนอื่นเสียชิบ
ถอนหายใจไปพลาง พลางเดินไปตามทางที่จะไปสโมสรPivoine เพื่อเอาเสื้อไปคืนเอ็นโจ
แน่นอนว่าฉันที่เป็นสามัญชนไม่มีสิทธิ์เข้าไปได้แท้ๆ แต่ว่าพนักงานที่หน้าประตูกลับเปิดประตูให้ฉันเข้าไป ฉันคิดว่าคงเป็นเพราะเอ็นโจบอกเอาไว้แล้วล่ะมั้ง ฉันเดินเข้าไปหาเอ็นโจก็เห็นว่าเขานั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงมุมหนึ่งของห้องที่มีฉากกั้นไว้เป็นมุมส่วนตัว ที่นั่งประจำของเขา
“ท่านเอ็นโจคะ”
“อื๋อ นั่งสิ คุณคิโชวอิน” เอ็นโจยังคงก้มหน้ามองหนังสือในมือ ไม่สบตากับฉัน แต่ฉันไม่ไดนั่งตามคำสั่งของเขา แต่ยื่นเสื้อสูทที่พับไว้ให้เขา
“ดิฉันเอามาคืนค่ะ”
“วางไว้ได้เลย” เฮ้ๆ ตอนพูดนี่มองตาคนอื่นหน่อยสิคะ แต่ก็วางไว้ตามที่เขาบอก “มีธุระแค่นี้?”
“ค่ะ ขอขอบคุณท่านเอ็นโจที่ให้ยืมเสื้อค่ะ”
“อื้ม ไม่เป็นไร” ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าน้ำเสียงของเอ็นโจดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นักล่ะ เพียงแต่ฉันคงจะคิดไปเอง
จังหวะที่หมุนตัวเตรียมจะเดินออกไปจากห้อง มือข้างหนึ่งก็ถูกเอ็นโจดึงเอาไว้ สบตากับฉันแล้วเอ่ยว่า “จะไปไหน?”