“ขอโทษมากจริงๆนะฮะที่ผมต้องทำให้เดือดร้อน”
เทวดาน้อยพูดกับฉัน พร้อมก้มหัวลงน้อยๆ อ่อนน้อมอ่อนโยนน่ารักเกินไปแล้ว ทำไมเอ็นโจไม่มีด้านดีๆจากน้องชายไปบ้างเลยนะ เอ๊ะ แต่ว่าสำหรับคนที่เป็นเพื่อนคงจะได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่าล่ะนะคะ สำหรับฉันที่เป็นศัตรูคงไม่ได้เห็นด้านดีๆพวกนั้นหรอกค่ะ...
“พี่เองก็ขอโทษเหมือนกันที่ทำให้เดินทางมาโรงพยาบาลล่าช้านะ... ยูกิโนะคุงไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ไม่เป็นไรฮะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะฮะ” ยูกิโนะรับคำอย่างน่ารัก
พลังเทวดานี่เยียวยาหัวใจดีจังเลยค่ะ น่ารักจังเลย
“เอ่อ ขอผมนั่งข้างๆได้ไหมฮะ”
“ได้สิจ้ะ”
ในวินาทีนั้นฉันลืมท่านพ่อท่านแม่หรือเอ็นโจที่อยู่ห้องเลยค่ะ และคุยกับยูกิโนะไปเรื่อยๆ เทวดาน้อยยังคล้ายกับโลกเก่ามากๆเลยค่ะ
ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ เอ็นโจก็พายูกิโนะไปตรวจอะไรสักอย่างตามคำสั่งหมอ ท่านพ่อก็กลับไปทำงานต่อ ส่วนท่านแม่ยังคงอยู่ในห้องกับฉัน
การอยู่ในห้องกับท่านแม่แค่สองคนรู้สึกน่ากลัวยังไงไม่รู้ค่ะ...
“ดูเหมือนคุณชูสุเกะ เอ็นโจก็สนใจลูกไม่น้อยเลยนะคะจากการพูดคุยเมื่อกี้”
“เอ๊ะ... เขาคงพูดตามมารยาทล่ะค่ะ”
แน่สิคะ เรย์กะ คิโชวอินเป็นศัตรูของเขานี่นา... ความสามารถระดับจอมมารคงรู้เรื่องของศัตรูมากพอที่จะรับมือล่ะนะคะ ที่ว่าสนใจนี่คงไม่น่าจะใช่ในความหมายที่ดีมั้งคะ...
“ถ้าพลาดจากคุณคาบุรากิ ก็เอาเอ็นโจเป็นตัวสำรองได้นะคะ”
จะตัวสำรองหรือตัวเลือกสุดท้ายก็ไม่เอาค่ะ! และก็...ท่านแม่อย่าพูดราวกับคนเป็นสิ่งของสิคะ ถ้าซื้ออันนี้ไม่ทัน ก็ซื้ออีกอันแทน อีกอย่างทั้งสองตัวเลือกไม่น่าเลือกทั้งนั้นเลยค่ะ...
“หนูไม่สนใจพวกเขาหรอกค่ะ” ฉันยืนยันอย่างจริงจัง แต่ท่านแม่ดูไม่สนใจคำประท้วงของฉันเลยค่ะ
ฉันได้แต่ปลงๆ พยายามเชื่อมั่นว่าท่านแม่และท่านพ่อยังรักฉันในแบบของพวกเขา จะยังไงฉันจะพยายามค่อยๆเปลี่ยนแนวคิดเรื่องการฉ้อโกงให้ได้ค่ะ
จะว่าไป ฉันจะนั่งบนเตียงแบบนี้ไปอีกทำไมคะ ในเมื่อฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรตั้งแต่แรกแล้ว สงสัยคงมึนกับอะไรหลายๆอย่างมากไปหน่อยจนลืมคิดไปนะคะ...
ฉันชวนท่านแม่กลับบ้านอย่างรักษาระยะห่าง ก่อนจะเปิดประตูห้องแล้วพบกับใครสักคนที่ทำมือเหมือนกำลังจะเปิดประตูนี้เหมือนกัน
“ท่านคาบุรากิ!”
คาบุรากิดูชะงัก มองฉันอย่างประเมิน ดูเย็นชาอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่านะ...
“ขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้ไหม พอมีเวลาหรือเปล่า”
เขาพูดแบบเคร่งขรึมจริงจังแบบจักรพรรดิแห่งซุยรัน ฉันอึ้งจนพูดไม่ออก นายเอาหัวโขกกำแพงมาจนสติกับเข้าที่เข้าทางงั้นหรอ?
ท่านแม่เห็นอย่างนั้นก็ดีใจใหญ่ บอกจะไปห้องน้ำ ปล่อยให้ฉันคุยกับคาบุรากิ
นี่แค่เพื่อนร่วมชะตากรรมทะลุมิติเฉยๆค่ะ... ท่านแม่อย่าคิดอะไรไปเองสิคะ
“มีอะไรหรอคะ?” ฉันถาม หลังจากท่านแม่เดินจากไปแล้ว
คาบุรากิไม่ตอบ ยังจ้องมองฉันไปเรื่อยๆ นี่จะร่ายคาถามนต์ดำสาปแช่งอะไรฉันหรือเปล่าคะ
“นักษัตรตัวแรกที่เธอแต่งคืออะไร”
“หะ!?!”
คาบุรากิ นายเป็นบ้าอะไรคะ! มาโรงพยาบาลเพื่อมาถามเรื่องนี้กับฉันหรอคะ!? !
“ตอบมาสิ” เขาเร่ง
“เป็นหนูค่ะ...” ฉันลองบ้าจี้ตอบตาม หมอนั่นทำหน้าตายถามเรื่องแบบนี้ลงได้ไงคะ
ฉันเห็นคาบุรากิทำท่าทางโล่งอกอย่างที่สุด เอ๋?
“โชคดีไปนะ” เขาพูดแล้วตบไหล่ฉันอย่างอารมณ์ดี
“ทำไมหรอคะ?” ฉันนึกไม่ออกว่าสมองคาบุรากิคิดอะไรอยู่ ฉันโชคดีเพราะเริ่มแต่งตัวจากปีแรกของนักษัตร คือ ปีชวดงั้นหรอ?
“ไม่เข้าใจงั้นหรอ” หมอนั่นทำสีหน้าแบบฉันเป็นแค่เด็กน้อยที่ต้องอธิบายทุกอย่าง อย่ามาทำหน้าอย่างนั้นนะ ใครจะไปเข้าใจความคิดล้ำโลกของนายกันล่ะ!
“ฉันได้ยินว่าเธอถูกรถชน ฉันคิดว่าเธอทะลุมิติไปโลกอื่นแล้วซะอีก”
อ้อ ลืมเรื่องนั้นไปเลยค่ะ
คุยไปๆมาๆ ก็ได้รู้ว่าเขามาเยี่ยมยูกิโนะคุง แล้วยูกิโนะคุงบอกว่ารถของเขามาชนฉันน่ะค่ะ ฉันเดาว่ายูกิโนะยังไม่ได้อธิบายให้จบ หมอนี่ก็รีบวิ่งออกมาแล้ว เลยไม่รู้เรื่องราวที่แท้จริงล่ะนะคะ
ฉันขอบคุณเรื่องข้อมูลท่านพี่กับเขาอีกครั้ง เขาหันหน้าไปทางอื่นเล็กน้อยแล้วรับคำ
พอฉันเตรียมจะบอกลา เขาก็พูดขึ้นมาว่า “คิโชวอิน คราวหน้าข้ามถนนหัดระมัดระวังบ้างนะ เธอไม่มีทักษะกลิ้งตัวหลบระดับทาคามิจิ ถ้าโดนชนจริงๆคงหนีไม่ทัน”
ควรบอกคนที่ขับฝ่าไฟแดงเกือบชนฉันมากกว่านะคะ...
“ค่ะ” ฉันตอบ ปกติก็ไม่ค่อยได้ข้ามถนนอยู่แล้วเท่าไหร่หรอกค่ะ มีรถรับส่งทุกที่ถ้าต้องการขนาดนั้น
“แล้วก็...ฉันดีใจนะที่เธอยังอยู่โลกนี้กับฉัน”
“เอ๊ะ...”
ทำไมเมื่อกี้นี่มันอะไรกัน ทำไมหัวใจฉันเต้นแรงขึ้นมา รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ
ความรู้สึกนี้...อย่าบอกนะว่าฉัน...