เพิ่งรู้ว่ามีคนไม่อ่านฟิค... ขอโทษจริงๆนะคะที่บางทีอาจจะเกะกะไปบ้าง...
ต่อจาก >>466-467
ตอนแรกเขียนฟิคนี้ก็กลัวๆนะคะว่าจะมีคนอ่านไหม เป็นเรือคาบุรากิเล็กๆท่ามกลางเรือเอ็นโจมากมาย
ตอนนี้เริ่มมีฟิคกับคนอื่นมาให้เห็นแล้ว สมกับชื่อกระทู้ "ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ" หน่อย 5555 เผื่อจะรอดพ้นคานอันน่ากลัวนั่นได้
ป.ล. พรุ่งนี้กำหนดส่งงานแล้ว อาจจะเขียนฟิคสั้นไป แต่ก็ควรหยุดเขียนฟิคไปปั่นงานแล้ว...
..............…….....
ตอนแรกฉันเครียดมากเลยค่ะว่าถ้าเข้าข้างวาคาบะจังมากเกินไป มีหวังเพื่อนๆต้องหันมาเป็นศัตรูแน่ๆ แต่ในโลกนี้ทุกคนดูเกรงฉันอยู่พอควร พอฉันบอกอย่างให้พวกเขาหยุด และเสริมว่า "ฉันรู้มาว่าจักรพรรดิไม่ชอบคนขี้แกล้งน่ะค่ะ" ทุกคนก็ยอมทำตามแต่โดยดี ไม่มีใครพูดถึงคดีเก่าฉันหรืออะไรเลยด้วย
แต่ว่าเหมือนทุกคนทำอะไรก็กลัวๆฉันไปหมดเลยค่ะ ฉันพอเข้าใจนะคะ เรย์กะ คิโชวอินมักจะเอาแต่ใจตัวเอง ใครไม่พอใจก็คว่ำบาตรกลั่นแกล้ง ใช้อำนาจของ Pivione ในทางผิดอย่างสุดๆ...
โลกก่อน มีแต่ผู้ชายเท่านั้นที่กลัวๆ ไม่กล้าสบตาฉัน โลกนี้มีผู้หญิงเองก็กลัวกันค่ะ แย่แล้วค่ะ ตอนนี้ฉันไร้เพื่อนเกินไปแล้ว
ตอนนี้คนเริ่มลือกันว่าฉันผีเข้า หัวกระแทก โดนคำสาปตุ๊กตาหินอะไรไม่รู้... ฉันเลยตัดบทข่าวลือบ้าบอหลุดโลกของทุกคนว่าฉันเสียความทรงจำบางส่วนค่ะ ซึ่งจะเรียกว่าเป็นความจริงก็ได้ เพราะฉันเองก็ไม่มีความทรงจำใดๆจากเจ้าของร่างเลยสักนิด ที่รู้ๆก็มาจากโลกก่อนทั้งนั้น ไปหาหมอตระกูลคิโชวอินก็ยืนยันเรื่องนี้มาให้ ตอนนี้ทุกคนเริ่มคลายความสงสัยว่าทำไมพฤติกรรมของฉันเปลี่ยนไป
ท่านพ่อกับท่านแม่ยิ่งเห็นดังนั้น ก็พยายามเอาความทรงจำฉันกลับมา เพราะฉันไปคัดค้านเรื่องฉ้อโกงล่ะมั้งคะ... เรายังทะเลาะกันหนักขึ้นอีก
ฉันเคยหวังว่าเรื่องทุจริตเป็นแค่การใส่ร้าย แต่ว่ามันคือเรื่องจริงงั้นหรอคะ... ได้โปรดบอกทีเถอะค่ะว่าฉันเข้าใจผิดไปเอง
เป็นอีกวันที่ฉันร้องไห้จนหลับไป...
..............…….....
ในวันงานเทศกาลมาถึงอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้ฉันลงแข่งยืมของค่ะ ฉันนี้เป็นการแข่งที่ค่อยข้างพึ่งดวงมากกว่าออกกำลังกาย บางทีอาจจะดีกับเธอกว่าการแข่งอื่นๆล่ะนะคะ ฉันตั้งใจไว้ว่าจะปรับตัวมาดูดีในสายตาคนทั่วไปให้ได้ค่ะ เริ่มต้นด้วยการทำประโยชน์ให้กับห้อง
เป้าหมายแรก คือ ทุกคนไม่หลบหน้าหลบตาอย่างหวาดกลัวขนาดนี้ค่ะ
ฉันหวังว่าคงได้อะไรง่ายๆ ไม่ใช่โจทย์อะไรแปลกมาก ในวงกลุ่มคนในห้องฉัน มีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า “มาพยายามกันเถอะนะ” ฉันรู้สึกอุ่นใจมากเลยค่ะ ดีจัง เหมือนทำกิจกรรมกับเพื่อนๆอยู่จริงๆเลยนะคะ
ฉันสวดภาวนาว่าจะได้ของที่หาได้ไม่ยาก เช่น แว่นตา หนังสือ แต่กลับได้ "คนเพศตรงข้ามที่สนิทที่สุด"
เอ๋! ! ! ยืมคนไม่ใช่ของงั้นหรอคะ! จะว่าไปในอีกโลกก็มีปีที่เป็นแบบนี้เหมือนกัน ฉันลืมไปเลยว่ามียืมคนในการแข่งยืมของด้วย...
แย่แล้วค่ะ ในโลกนี้ฉันไม่สนิทกับเพื่อนผู้ชายคนไหนเลย... อยู่ๆไปเอาคนที่ไม่เคยคุยด้วยมาจะดีไหมนะ แต่แบบนั้นก็ถือว่าผิดน่ะสิคะ ทำยังไงดี...
มีคนเข้าเส้นชัยไปแล้วคนหนึ่ง ฉันเริ่มตื่นตัวขึ้น จะยอมให้ห้องของฉันเป็นที่โหล่ไม่ได้หรอกนะคะ ฉันจะมัวแต่ยืนอึ้งแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว
ฉันตัดสินใจพุ่งตรงไปที่ผู้ชายคนเดียวที่นับว่าสนิทได้
"ท่านคาบุรากิคะ มากับฉันหน่อยได้ไหมคะ"
เสียงฮือฮาดังไปทั่วสนาม รู้สึกได้ถึงสายตาจับจ้องมา ประหม่าไปหมดแล้ว... รู้งี้ฉันน่าจะไปหาอาจารย์ผู้ชายดีกว่านะคะ ไม่น่าเพิ่งมานึกได้ตอนนี้เลย
"จะยืนนิ่งอีกนานไหม อยากเป็นที่โหล่หรือไง ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ"
คาบุรากิถามพลางจับมือฉันเตรียมพร้อมวิ่ง
"เอ๊ะ ค่ะ"
ฉันค่อยๆได้สติกลับคืนมา ก่อนที่คาบุรากิจะพาฉันวิ่งไปตามทาง ฉันรู้สึกเหมือนโดนกระชากไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว คล้ายๆกับถูกเหวี่ยงเลยค่ะ
เร็วไปแล้ว! แงงง ฉันหายใจไม่ทันแล้ว
"นี่เธอวิ่งหรือเดินกันแน่เนี้ย รีบหน่อยสิ อย่างน้อยจะได้ทันที่สอง"
ฉันหอบจนพูดตอบไม่ไหว
สุดท้ายหลังจากถูกลากจนตัวแทบปลิว ก็ได้ที่สองมาจริงๆค่ะ ความอยากเอาชนะของหมอนั่นยังสุดยอดเหมือนเคยเลยนะคะ...
เมื่อฉันเข้าเส้นชัย ก็ไม่มีแรงแม้แต่จะส่งการ์ดให้กรรมการ คาบุรากิเลยคว้ามาแล้วยื่นให้กรรมการแทนฉัน