เอ็นโจจับมือฉันพาเดินไปที่ร้านขนมที่ดูน่ารักๆ บรรยากาศสดใสเหมาะกับช่วงคริสต์มาส ฉันที่คิดว่าจะทานอะไรไม่ค่อยลงเพราะหนัง แต่พอแพนเค้กที่สั่งไปมาเสิร์ฟ กลิ่นหอมๆของนมและเนยก็ทำให้ฉันตักเข้าปากแบบลืมตัวว่ากำลังเศร้าอยู่
อร่อย อร่อยชะมัดเลยล่ะค่ะ เวลาเศร้าก็ต้องทานของหวานๆนี่ล่ะน้า จะช่วยให้หายเศร้า
ฉันเหลือบมองเอ็นโจที่นั่งจิบชา แล้วก็เผลอนึกถึงเรื่องในความฝันขึ้นมา
ถ้าความฝันนั้นได้ดำเนินต่อ ก็คงมีบรรยากาศคล้ายๆแบบนี้ล่ะมั้ง นุ่มละมุนและอ่อนโยนเหมือนหิมะตกใหม่ในคืนคริสต์มาส
ว่าแต่ฉันจะนึกถึงความฝันนั้นขึ้นมาทำไมกันล่ะคะ ลามกที่สุดเลย เดี๋ยวเลือดกำเดาก็ไหลอีกหรอก
เอ็นโจก็หัวเราะอีกแล้ว มีอะไรน่าขำรึไงค้า
หลังดื่มชาเสร็จ เราสองคนก็ไปต่อคิวขึ้นชิงช้าสวรรค์ ดีที่มาช่วงเที่ยง ถ้าเป็นตอนกลางคืนคงคิวยาวกว่านี้ แต่ระหว่างยืนรอเอ็นโจก็ถามตลอดเลยว่าเจ็บเท้ามั้ย เมื่อยรึเปล่า ไม่ไหวก็นั่งพักได้นะ แบบเดียวกับที่เคยได้ยินในฝันเลยล่ะค่ะ
เอ๊ะ ทำไมฉันจำเรื่องความฝันได้แม่นขนาดนี้เลยล่ะ
แล้วเอ็นโจก็ทำตัวเหมือนคุณชูสุเกะในฝันด้วย อย่าบอกนะว่าหมอนี่ฝันเรื่องเดียวกับฉัน บ้าน่า พระเจ้าเล่นตลกอะไรอยู่งั้นเหรอคะ
ชิงช้าลอยสูงขึ้นไปจนเห็นได้ทิวทัศน์ถ้วนทั่ว มองจากมุมสูงนี่สวยมากเลยล่ะค่ะ แสงแดดก็ส่องประกายระยิบระยับเหนือผิวน้ำของทะเลสาบที่กลายเป็นสีเงินเหมือนในภาพวาด เห็นเรือพายที่จอดเรียงรายอยู่ ก็นึกถึงเรื่องที่แนะนำให้ซากุระจังไปพายเรือที่สวนสาธารณะกับอาคิสะวะคุงขึ้นมา
ไม่รู้ว่าได้ไปกันรึยัง แต่ดูท่าซากุระจังคงไม่ต้องพึ่งเทพแห่งความรักอะไรแล้วล่ะมั้ง
หลังจากงานโรงเรียนปีที่แล้ว ซากุระจังกับอาคิสะวะคุงคงจะพูดความในใจกันไปเรียบร้อย สีหน้าดูมีความสุขและอิ่มเอิบด้วยกันทั้งคู่
ดีจังเลยนะคะที่ใจตรงกัน ดีจังที่ได้พูดออกไป ไม่อย่างนั้นต่างฝ่ายต่างคิดว่าไม่ได้รักกันแบบเรย์นะและคุณชูจิ อาจจะต้องลงเอยกันด้วยโศกนาฏกรรมแบบในหนังก็ได้
“คิดอะไรอยู่เหรอ” เอ็นโจนั่งฝั่งตรงข้าม มองมาที่ฉันด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
“เอ่อ...ก็...คิดเรื่องหนังเมื่อครู่นี้นิดหน่อยค่ะ” พอเห็นสายตาที่มองแบบยิ้มๆแต่ดูกดดันอยู่ในที ฉันที่หัวใจนกกระจิบก็เปิดปากพูด “แหม ถ้าสองคนนั้นหันหน้ามาพูดกันดีๆล่ะก็ ถึงชีวิตจะแสนสั้น ถึงจะต้องจากกัน แต่ก็สามารถสร้างความทรงจำที่มีความสุขได้ไม่ใช่เหรอคะ”
เอ็นโจเลิกคิ้วขึ้น แล้วก็ยิ้มออกมา
“นั่นสินะ” สายตานั้นก็อ่อนโยนมากจนฉันรู้สึกหน้าร้อนผ่าว “งั้น จากนี้ไปมาสร้างความทรงจำที่มีความสุขด้วยกันเยอะๆเถอะนะ”
เอ๊ะ!!
ฉันจะถามว่าหมายความว่าอย่างไร แต่ชิงช้าสวรรค์หมดรอบเสียก่อน พนักงานเปิดประตูให้ เอ็นโจจับมือฉันก้าวเดินออกมาจากกระเช้าชิงช้า ทุกอย่างเป็นไปด้วยความนุ่มนวลและอบอุ่นอ่อนโยน ไม่ต่างอะไรจากในฝันเลยสักนิด
แว้บหนึ่ง ฉันใจเต้นแรงขึ้นมา และคิดว่าไม่อยากจะปล่อยมือคู่นี้ไปเลย
------------------
ที่ท้องฟ้าจำลองนี่ก็มีคู่รักพากันมาดูดาวจนเต็มห้องจัดแสดง แต่สาวๆบางคนที่มากับแฟนก็ยังมองเอ็นโจที่นั่งอยู่ข้างๆฉันตาปรอยเลยล่ะ
เฮ้ๆ สนใจแฟนของเธอที่มาด้วยกันสิค้า มันจะผิดต่อเขาไม่ใช่รึยังไงกันน่ะ ถ้ามัวแต่สนใจผู้ชายคนอื่นแบบนี้
เอ็นโจไม่ได้มีปฎิกริยาอะไร แต่เอื้อมมือมาจับมือของฉันไปกุมไว้แล้วจูบปลายนิ้วเบาๆ รู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่แผ่ออกมาจากบริเวณนั้นจนถึงข้างแก้ม
ทำอะไรน่ะค้าาา นี่มันที่สาธารณะน้าาาาา!!!!
สาวๆพวกนั้นสะบัดหน้าหนีไปเลย หรือไม่ก็ส่งสายตาทิ่มแทงให้ฉัน
พอฉันมองค้อนไปนิดหน่อย เอ็นโจก็ยิ้ม แต่ก็ยังจับเอาไว้อยู่ ฉันขี้เกียจจะท้วงอะไรแล้วก็เลยยอมๆไป
พิธีกรเข้ามาบรรยายแนะนำเรื่องราวต่างๆคร่าวๆ แล้วห้องก็ค่อยๆมืดลง ปรากฎภาพของดวงดาวมากมายที่อยู่บนฟ้า
หวา สวยจังเลยค่ะ
มิน่าล่ะคะ คู่รักถึงอยากมาดูดาวกันขนาดนี้ ดวงดาวที่พราวแสงระยิบระยับบนฟ้า ให้ความรู้สึกงดงามเกินบรรยาย ดวงดาวทั้งหลายผ่านพวกเราไปมากมาย ไม่ว่าจะเป็นซิริอุสที่ส่องสว่าง ซิกนัสที่เป็นหนึ่งในกลุ่มดาวสามเหลี่ยมฤดูร้อน หรือพอลลักซ์กับคาสเตอร์ที่เป็นกลุ่มดาวคนคู่ ข้ามผ่านวงแหวนดาวเสาร์ ยูเรนัส เนปจูน ลอยละลิ่วจากทางช้างเผือกไปยังกาแลกซี่อันโดรเมด้าและกาแลกซี่อื่นๆที่ไร้ขอบเขต
ฉันมองดวงดาวพร้อมกับฟังบรรยายไปอย่างเพลิดเพลิน
จบการบรรยาย เอ็นโจจับมือฉันเดินออกไปจากห้อง อา--รู้สึกว่ามีสายตาทิ่มแทงรอบทิศเลยล่ะค่ะ ถ้าสายตาเป็นมีดฉันคงจะตายไปแล้ว
เอ็นโจไม่ได้ใส่ใจสายตาพวกนั้น แต่หันมาถามใกล้ๆ "คุณคิโชวอิน หิวรึยัง อยากทานอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า"
ถ้าให้เอ็นโจพาไป อย่างหมอนี่ฉันนึกออกแต่ร้านสุดหรูที่นั่งกินไปตัวเกร็งไปเท่านั่นล่ะค่ะ แต่เอ๊ะ จะให้ฉันเลือกร้านเองเหรอค้า
ฉันยิ้มกริ่มแล้วตอบชัดถ้อยชัดคำว่าร้านข้าวหน้าไก่