Fanboi Channel

ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับปฏิบัติการปลูกไร่กัญชาบนดาวเคราะห์ดวงที่ 5

Last posted

Total of 1000 posts

496 Nameless Fanboi Posted ID:2RBd/DfPt

>>334-336 มาต่อค่ะ สำหรับคนที่ต้องการความหวาน ขอให้อย่าเพิ่งเติมน้ำตาลจนกว่าจะอ่านจบ ไม่งั้นน้ำตาลในเลือดจะขึ้นสูงนะคะ

ปล. มันเกิดอะไรขึ้นกับฟิคที่ไม่มีทางเกิดขึ้นในความเป็นจริงเนี้ยยยย!!!!~

=========================================================

สุดท้ายฉันก็ไม่ได้ไปเที่ยวกับท่านแม่ ปล่อยให้ท่านพ่อไปแทนฉัน ถึงแม้ว่าพวกท่านจะไม่ค่อยเห็นด้วย แต่ฉันบอกไปว่าอยากให้ท่านทั้งสองคนได้พักด้วย แน่นอนว่าท่านพี่เองก็สนับสนุนเสียงของฉัน ยันกรานหนักแน่นว่าจะดูแลฉันให้เอง เพราะฉะนั้นฉันเลยอยู่บ้าน นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงค่ะ

ได้ทานอาหารฝีมือท่านพี่ด้วยล่ะค่ะ ฝีมือของท่านพี่ยังอร่อยเหมือนเดิม
จะว่าไปเมื่อวานนี้ท่านพ่อเข้ามาหาฉันเป็นคนแรกที่โรงพยาบาล ท่านพ่อขอโทษที่ทำให้ฉันต้องมาเป็นแบบนี้ ถึงจะงง แต่ก็พอรู้ว่าท่านพ่อโทษตัวเองเรื่องที่ฉันออกมาลำบากเป็นเพราะเขา พอเห็นทานูกิเป็นแบบนี้ทำเอาฉันกลับยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่เลยค่ะ ทานูกิตัวเล็กลงไปแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ มันไม่ใช่ความผิดของท่านพ่อเลยนี่คะ

ในตอนนั้นฉันไม่สามารถโต้ตอบอะไรกลับไปได้นอกจากคำว่า ‘ไม่ใช่ความผิดของท่านพ่อ’ เท่านั้นค่ะ เหมือนท่านพ่ออยากจะพูดอะไรต่อ แต่ตอนนั้นท่านพี่กับท่านแม่ก็มากันแล้ว พวกท่านก็เลยพาฉันกลับบ้านกันก่อน

เหมือนว่าท่านพี่จะรู้ว่าฉันกังวลเรื่องอะไร ท่านพี่เลยกล่าวกับฉันว่า ถึงแม้ค่ารักษาพยาบาลรอบนี้ทางบ้านเอ็นโจเป็นคนออกให้ แต่ว่าท่านพี่ก็ไม่คิดที่จะเป็นหนี้บุญคุณใคร ยืนยันว่าจะรับแค่คำขอบคุณที่ช่วยพาน้องสาวมาที่โรงพยาบาล และออกค่ารักษาให้เอง พร้อมกับลูบหัวปลอบโยนฉัน ทำเอาฉันรู้สึกใจชื้นขึ้น

ขอบคุณมากค่ะท่านพี่ น้องสัญญาว่าจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับทางนั้นอีกค่ะ ถึงแม้ยูกิโนะคุงจะเป็นโอเอซิสในใจ ก็จะใจแข็งไม่ยุ่งเด็ดขาดค่ะ!

หลังจากวันนั้นฉันก็ใช้ชีวิตวนเวียนอยู่กับงานพิเศษ คุยโทรศัพท์กับพวกเซริกะจังบ้าง คุคิโนะจังบ้าง และก็มีข่าวลือเข้ามาพูดให้ฉันฟังปละปลายว่าคาราบุกิไปพักร้อนที่อังกฤษพร้อมกับเอ็นโจ พอหลุดปากพูดออกมา พวกเธอก็ขอโทษฉันใหญ่เลยค่ะ

แหม นิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่เป็นไรมั้งคะ

++++++++++++++++

วันนี้ท่านอิมาริและท่านพี่มาหาฉันที่คาเฟ่พร้อมกับท่านไอระค่ะ ตอนแรกที่ได้เห็นท่านไอระอีกครั้งทำเอาฉันอยากจะร้องไห้ขึ้นมาเลยค่ะ ยังเป็นคุณพี่สาวแสนเท่เหมือนกับที่โลกโน้นเลยค่ะ แถมยังดูเท่กว่าเดิมด้วยซ้ำค่ะ แต่ว่าไปไงมาไงถึงได้มาอยู่กับพวกท่านพี่ได้ล่ะคะ

พอเลียบๆ เคียงๆ ถาม ตอนหลังเลิกงานแล้วก็รู้ว่าท่านไอระนั้นเป็นรุ่นน้องชมรมยิงธนูของท่านพี่ตอนปีหนึ่งค่ะ อยู่ในช่วงที่กำลังจะหาที่ฝึกงานก็ได้ท่านพี่ของฉันช่วยแนะนำบริษัทให้ แล้วก็มาจบลงที่ทำงานกับบริษัทของท่านพ่อท่านอิมาริ แน่นอนว่าเป็นการทำงานหนักโดยไม่สนใจว่าเป็นคุณหนู ในแบบที่ท่านไอระชอบทีเดียว เพราะเธอไม่อยากให้ใครมองเธอว่าเป็นคุณหนูสักเท่าไหร่ แล้วก็เลยสนิทกันค่ะ

เรื่องนี้ทำเอาฉันรู้สึกช็อคนิดหน่อย แต่ท่านไอระบอกกับฉันว่า ท่านพี่พูดกับเธอว่า ‘ในเมื่อเสนอตัวมาแล้วก็ขอใช้งานให้คุ้มกับค่าจ้างนะ’ นั่นแหละค่ะ

หวังว่าคงไม่ใช้งานมากเกินไปนะคะ…

ท่านไอระบอกว่าฉันเปลี่ยนไปมากทีเดียว เธอสารภาพกับฉันว่าตอนแรกเธอไม่ค่อยชอบใจฉันเท่าไหร่นัก ถึงท่านอิมาริจะพูดถึงฉันยังไงก็ไม่อยากจะเชื่อ จนได้เจอตัวฉันเป็นๆ นี่แหละค่ะ

แต่ว่านะคะ พอได้คุยกับท่านไอระ รู้สึกสบายใจจริงๆ ค่ะ น่าจะเป็นเพราะท่านพี่เป็นห่วงฉันล่ะมั้งคะ ถึงได้ชวนท่านไอระมาด้วย

“เรย์กะจัง ไว้วันหลังมาคุยกันใหม่นะ พวกพี่ต้องเข้างานกันแล้วล่ะ” ท่านไอระพูดยิ้มๆ เธอแลกเบอร์และเมล์กับฉันเรียบร้อย หลังจากที่เดินมาส่งฉันที่สถานีรถไฟ ท่านพี่ ท่านอิมาริ และท่านไอระก็นั่งรถกลับไปที่ทำงานต่อ

ดูเหมือนว่าที่แวะมาคาเฟ่ที่ฉันทำงานอยู่ น่าจะเพื่อมารอเวลาคุยงานกับลูกค้าที่อยู่ย่านนี้ค่ะ

อีกอย่างฉันไปขอที่ทำงานพิเศษทั้งมินิมาร์ทและคาเฟ่ไว้ว่าจะเปลี่ยนกะเป็นช่วงหลัง 5 โมงเย็นถึง 3 ทุ่ม แทน เนื่องจากจะเปิดเทอมแล้ว

ถึงแม้จะเปิดเทอมแล้ว แต่ฉันก็ไม่มีทางเลิกทำงานพิเศษหรอกค่ะ ถึงท่านพ่อ ท่านแม่ และท่านพี่จะคัดค้าน ก็ไม่สนหรอก อะไรที่เลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้ ต้องเก็บให้หมดค่ะ!

************************

497 Nameless Fanboi Posted ID:2RBd/DfPt

************************

“...อ๊ะ ตัวสำ..ไม่สิ มิซึซากิคุง!”

“เอ๊ะ? หา?”
อุหวาา ผมสีเงินด้วยล่ะค่ะ! ไม่สิต้องพูดว่าที่ออกเงินๆเวลาโดนแสงมากกว่าค่ะ ตอนนี้นายตัวสำรองมองฉันแปลกๆ ด้วยล่ะค่ะ ไม่สิ ในตอนนี้เขาไม่ใช่คนที่ฉันรู้จักนี่นา ต้องขอโทษแล้วล่ะ

“ขอโทษค่ะ ที่เสียมารยาททักไปอย่างนั้น”

“อ่า ไม่เป็นไร”
ฉันมองใบหน้าตกตะลึงของนายตัวสำรอง ที่คิดว่าน่าจะจำได้แล้วว่าฉันคือ คิโชวอิน เรย์กะ เหมือนได้ยินพึมำพว่าเมดๆ ไรสักอย่าง ฉันจะทำหูทวนลมไปนะคะ

“จะนำทางไปที่โต๊ะนะคะ” ฉันพูดพลางเดินนำนายตัวสำรองที่เดินตามฉันมาในสภาพแข็งทื่อ

“ขออภัยอีกครั้งค่ะ เอ่อ แล้วคุณลูกค้าจะรับอะไรดีคะ?” พูดจบก็ส่งยิ้มให้ พลางรอรับออเดอร์ตามปกติ

“หา?”

ตกใจอะไรขนาดนั้นคะ ฉันแค่ทำงานเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเองอยู่เท่านั้นเองค่ะ ฉันยกยิ้มให้เขาอีกครั้ง

“เธอ...เอ่อ คุณคิโชวอิน เรย์กะ?”

“ค่ะ”

“ทำงานพิเศษ?”

“ใช่แล้วล่ะค่ะ จะรับอะไรดีคะ?”

“...ละ เลม่อนโซดา กับฮันนีโทส”

“เลม่อนโซดากับฮันนีโทสนะคะ อีกสิบนาทีของที่สั่งไว้จะมาเสิร์ฟที่โต๊ะนะคะ คุณลูกค้า”

“อะอื้อ”

เหมือนนายตัวสำรองจะทำหน้าแปลกๆ แต่จะว่าไปแล้วเลม่อนโซดากับฮันนีโทสนี่กินด้วยกันมันไม่รู้สึกแปลกๆ เหรอคะ?

พอเสิร์ฟชุดของหวานให้นายตัวสำรองเสร็จ ก็ทำงานต่อค่ะ

ประมาณสิบนาทีหลังจากนั้นฉันก็ได้เวลาเลิกกะพอดี ฉันบอกลาเจ้าของร้าน และพนักงานคนอื่นๆ แล้วเดินออกจากร้านไป ดูเหมือนนายตัวสำรองกำลังนั่งจดจ่อกับหนังสือสอบ ขยันจังเลยค่ะ

*************************************************

เช้าวันไปโรงเรียนฉันไม่ได้ม้วนผมไป แต่ปล่อยให้ผมยาวเรียบตรงเหมือนเดิม เพราะพอลองม้วนแล้วดูเหมือนผมจะยิ่งเสียเข้าไปใหญ่เลยค่ะ แย่จังเลยน้า~

เพราะว่าสถานีรถไฟคนจะแน่นมาก ฉันเลยเผื่อเวลาไปโรงเรียนเช้าหน่อย จะได้ไม่ต้องไปเบียดกับใครเค้าค่ะ

อีกอย่างฉันไม่อยากให้ใครมามองตอนเข้าโรงเรียนด้วยค่ะ ลองนึกภาพมีคนมองมาแบบเกลียดชังดูสิคะ แค่คิดก็สยดสยองแล้วล่ะค่ะ ฮือ…

แต่ดูเหมือนฉันจะคิดตื้นๆ ไปสินะคะ แค่เปิดตู้รองเท้าเพื่อหยิบรองเท้าออกมา ก็เห็นว่าในรองเท้านั้นเต็มไปขี้ดินแห้งๆ แถมเหม็นด้วย ท่าทางว่าจะทำไว้ก่อนที่จะปิดเทอมฤดูร้อนแล้ว แย่จังเลย ไม่มีรองเท้าสำรองด้วย

…ช่วยไม่ได้นะ

ฉันใช้ทิชชู่ค่อยๆหยิบรองเท้าที่เปื้อนไปด้วยดินทั้งคู่ออกมา แล้วเดินไปยังก๊อกน้ำ ใช้แฟ๊บที่วางอยู่ตรงนั้นเอาออกมาซักรองเท้า ขัดๆ มันไปเรื่อยๆ ถึงจะมีที่ขัดรองเท้าอยู่ด้วย แต่มือที่ไม่เคยสัมผัสกับสารเคมีแรงๆ แบบนี้ทำให้ถูกแฟ็บกัดจนเป็นรอยแดงกล่ำ แถมคันยุบยิบ สงสัยหลังจากทำความสะอาดรองเท้าเสร็จคงต้องไปขอพาสเตอร์จากห้องพยาบาลมาแล้วล่ะ

ในตอนนั้นเองก็สังเกตเห็นใครคนหนึ่งกำลังจะเดินมาตรงนี้

ผมสีเงินที่สะท้อนแสงแดด ทำให้ดูแปลกตา แต่ว่าใบหน้านั้นเป็นใบหน้าของนายตัวสำรองแน่ๆ ค่ะ เพียงแต่ว่าเขาคงจะไม่สนใจคนที่กลั่นแกล้งคนที่เขารักแบบฉันหรอกค่ะ ฉันเลยก้มหน้าก้มตาเอาแฟ๊บในมือขัดรองเท้าต่อไปโดยไม่สนใจใคร

“...ทำอะไรน่ะ”

“...!”
ไม่คิดว่าคนอย่างนายตัวสำรองจะมาถามฉันด้วย ฉันเงยหน้าขึ้น มองนายตัวสำรองที่มองของในมือฉันแล้วขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ

“รองเท้าเปื้อนเลยเอามาซักน่ะค่ะ มิซึซากิคุง”

“เธอโดนแกล้งเหรอ?”

พอถูกถามตรงๆ แบบนั้นฉันก็เม้มปากแน่น ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่ขัดรองเท้าอีกครั้ง อื๋อ เริ่มขาวขึ้นนิดนึงแล้วล่ะ

“เป็นเพราะกรรมตามสนองน่ะค่ะ” ฉันกล่าวกับนายตัวสำรอง “...แต่ว่าเป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกันค่ะ” แล้วเค้นยิ้มให้

“รองเท้านั่นน่ะ น่าจะใช้ไม่ได้แล้วนะ ตามมาสิจะเอารองเท้าในห้องกรรมการนักเรียนให้ยืมก่อน”

“เอ๋? แต่ว่านั่นมัน…”

“ฉันปล่อยให้มีคนใส่ถุงเท้าเดินไปมาไม่ได้หรอกนะ”

“เอ่อ เดี๋ยวค่ะ คุณมิซึซากิ”

“มีอะไร?”

“ถึงฉันจะแกล้งคนที่คุณรัก คุณก็ช่วยฉันรึคะ? ทำไม?”

“...เพราะเธอเป็นนักเรียนของซุยรัน และฉันมีหน้าที่ต้องดูแลนักเรียนของซุยรันทุกคน ไม้เว้นแต่คนที่ถูกไล่ออกจากPivoine ก็ด้วยเหมือนกัน” นายตัวสำรองพูดด้วยน้ำเสียงไม่ยินดียินร้าย ทำเอารู้สึกซ้อนทับกับนายตัวสำรองในโลกของฉันเลยค่ะ ไม่ว่ายังไงก็มีทัศนคติเหมือนกันสินะคะ ดูน่านับถือจังเลยค่ะ

ช่างดีเหลือเกิน

“ถ้างั้น ฉันขอรบกวนด้วยนะคะ มิซึซากิคุง”

“อื้ม”

ฉันเดินตามนายตัวสำรองเข้าไปเอารองเท้า แต่ดูเหมือนว่าจะมีเบอร์ใหญ่กว่าขนาดของฉันเยอะเลยค่ะ

“เอาของฉันไปใส่ซะ”

498 Nameless Fanboi Posted ID:2RBd/DfPt

“เอ๋ แต่มัน” ไม่รู้ว่าเพราะอะไรมิซึซากิคุงถึงได้เอารองเท้าของเขาให้ฉัน ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ว่ารองเท้าของเขามันก็ใหญ่เหมือนกันนะคะ

“อันอื่นมันเบอร์ใหญ่กว่า เธอใส่ไม่ได้”

“ถะ...ถ้างั้นตอนเย็นฉันจะเอามาคืนให้นะคะ”

“อื้อ”

“ขอบคุณค่ะ มิซึซากิคุง” ฉันยิ้มให้อีกหนด้วยท่าทีขัดเขิน ไม่คิดว่านายตัวสำรองจะเท่ขนาดนี้ด้วยล่ะค่ะ

แต่เอ...ทำไมหันหน้าเมินหน้าหนีเสียล่ะคะ?

“เอ่อ...มิซึซากิคุง?”

“ไม่มีอะไรแล้วก็กลับห้องไปเถอะ”

อ่าค่ะ ถ้าไล่ขนาดนั้นล่ะก็… ฉันมองนายตัวสำรองอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็เดินออกไปทั้งที่ใส่รองเท้าของเขา แต่ว่าดันมีชื่อของนายตัวสำรองติดอยู่ด้วย

หวา~ หวา~ อันตราย รีบไปหาที่ตากรองเท้าให้แห้ง แล้วรีบเอาไปคืนดีกว่า

จริงสิ! ผมแบบนั้นไม่ผิดกฏโรงเรียนหรอกเหรอคะ?
ไม่สิ มีเอ็นโจแหกกฏอยู่ด้วยนี่นา คงไม่เป็นไรล่ะมั้ง แต่ว่าผมสีเงินแบบนี้ก็ดูเทีดีนะคะ~ ทำเอาใจเต้นตึกตักไปวูบนึงเลยล่ะค่ะ

ฉันใส่รองเท้าของนายตัวสำรองอย่างเก้ๆ กังๆ ยังไงก็ใหญ่ไปอยู่ดีนั้นแหละ ทำให้เดินเหมือนกับการลากเท้า ยังดีที่ไม่มีใครเห็น เข้าห้องพยาบาล ทายาแก้ผื่นคัน แล้วติดพาสเตอร์ตรงที่เริ่มถลอกเพราะโดนกัดเยอะไว้ แล้วรีบเดินเร็วๆ ไปที่ห้อง

ที่นั่งของฉันในความทรงจำนั้นได้นั่งติดหน้าต่างพอดิบพอดี ข้างหน้าก็เป็นที่นั่งของหัวหน้าห้อง จะว่าไปความรักของหัวหน้าห้องกับคุณฮอนดะเป็นยังไงบ้างนะ? โลกนี้จะได้คู่กันรึเปล่าคะเนี้ย?

ฉันนั่งหัวเราะคิกคัก คิดอย่างสนุกสนาน ในเวลาเช้าอย่างนี้ไม่มีคนอยู่นี่สบายใจจังเลยค่ะ แผนที่ฉันคิดไว้ก็คือจะต้องสนิทกับเพื่อนๆ ให้ได้เลยค่ะ!

ฉันทวนการบ้านไปเรื่อยๆ อย่างใจเย็น ไปพักใหญ่ จนกระทั่งได้ยินเสียงกรี๊ดจากหน้าประตูโรงเรียน พอมองออกไปก็เห็นรถหรูที่คุ้นตา และคนที่กำลังมาจากรถนั้นคือคาราบุกิ กับ เอ...วาคาบะจัง!

ถึงขั้นมาโรงเรียนด้วยกัน แล้ววาคาบะจังไม่ได้ทำสีหน้าไม่สบาย แต่กลับยิ้มแย้มแบบนั้น ถือว่าก้าวหน้าขึ้นเยอะเลยนะคะเนี้ย อยากให้คาราบุกิโลกโน้นเป็นสุภาพบุรุษแบบในโลกนี้จังเลยค่ะ ถึงภาพลักษณ์ภายนอกจะดูดี แต่ว่าข้างในมันกลวงเปล่ามีแต่ความบ้าเต็มขั้นซะอย่างนั้นนี่นะ

ถ้าคาราบุกิในโลกนี้ไม่เป็นแบบคาราบุกิในโลกของฉันก็ดีสิคะ! ไม่อย่างนั้นแฟนการ์ตูนเรื่องนี้ได้อกแตกตายแน่ๆ ค่ะ แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นอย่างนี้ก็เถอะ แต่ฉันคงจะต้องหลีกเลี่ยงไม่ไปยุ่งกับสองคนนั้นเด็ดขาดเลย ไม่อย่างนั้นเอ็นโจได้หาทางเล่นงานฉันแน่ๆ

พอเผลอคิดชื่อเอ็นโจก็รู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูกเลย อุสาห์ไม่คิดถึงแล้วเชียวนะ เฮ้อ…

วันนี้พอทักพอส่งเสียงทักหัวหน้าห้องไปว่า ‘อรุณสวัสดิ์ค่ะ’ หัวหน้าห้องก็ตัวแข็งทื่อ ปฏิกิริยาแบบนี้นี่มันตลกดีจังค่ะ เหมือนนายตัวสำรองเลย

วันนี้ฉันพยายามที่จะไม่ขยับตัวไปไหนทั้งสิ้นนอกจากอยู่ที่โต๊ะเรียน และจะไปเข้าห้องน้ำหลังที่ทุกคนกลับมาในห้องหมดแล้วเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกกลั่นแกล้ง อีกอย่างนึง พวกคิคุโนะจังก็เข้ามาคุยเล่นกับฉันด้วย ทำให้ใจชื้นขึ้นมาหน่อยเลยค่ะ

พอพักคาบช่วงบ่ายคิดว่าคงจะไม่มีอะไรแล้วสำหรับการเปิดเรียนวันแรก ฉันตระเตรียมเก็บหนังสือใส่กระเป๋า เพราะคาบสุดท้ายเป็นคาบวาดรูปสบายๆ ไม่น่าจะมีอะไรมากนัก

เพียงแต่อยู่ๆ เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นมา ทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นมองไปที่ตรงประตูโดยอัตโนมัติ เห็นเส้นผมสีน้ำผึ้งฮันนี่สะดุดตา ใบหน้ายิ้มแย้มสุภาพยังคงติดอยู่เป็นเอกลักษณ์ของชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเป็นองค์ชายของโรงเรียนซุยรัน ทำเอาฉันชะงักมือที่เตรียมจะหยิบสมุดวาดภาพกึก มองคนคนนั้นเดินเข้ามาถึงที่โต๊ะ

“คุณคิโชวอิน ขอเวลาหน่อยสิ” ใบหน้ายิ้มแย้มที่เป็นเหมือนกับหน้ากากฉาบหน้าพูดขึ้น น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ทำเอาฉันพูดไม่ออก

คงเป็นเพราะตั้งแต่วันนั้นฉันไม่ได้เจอทั้งเขา และก็ยูกิโนะคุงเลย ถึงแม้ยูกิโนะคุงจะส่งเมล์มาชวนออกไปเล่นด้วย แต่ฉันก็ปฏิเสธหมดเลย จนกระทั่งถึงวันนี้

“ค่ะ ท่านเอ็นโจ” ฉันว่าเบาๆ พอเงยหน้าสบก็เห็นว่าเขามองมือของฉันอยู่ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรค่ะ

ระหว่างที่เดินตามเอ็นโจออกจากห้องเหมือนกับถูกจอมมารสูบวิญญาณออกจากร่าง ฉันเผลอไปทำอะไรไม่ดีอีกรึเปล่าคะ? จะว่าไปก็ไม่ได้ไปยุ่งแล้วนี่นา… ปฏิเสธหมดทุกช่องทางด้วยนี่คะ!

499 Nameless Fanboi Posted ID:2RBd/DfPt

ถึงแม้จะได้ยินคำพูดเสียดสีของพวกผู้หญิงทำนองว่า ‘ทำไมท่านเอ็นโจมากับแม่นั่นได้’ อะไรเทือกนั้น แค่ปรายตาไปคำพูดพวกนั้นก็หยุดไปโดยปริยาย ฉันไม่ใช้อำนาจอะไรเลยนะคะ แค่มองพวกปลาซิ่วปลาสร้อยเท่านั้นเอง

การเดินโดยพยายามใช้รองเท้านายตัวสำรองนี่ไม่สะดวกเลย เป็นเพราะหลวมทั้งต้องคอยหนีบเอาไว้ การเดินเลยเกร็งไปด้วยความที่ไม่อยากให้สะดุด แต่อยู่ๆ เอ็นโจก็หยุดเดินระหว่างขั้นบันได ทำให้ฉันที่ก้าวขาไปแล้วถึงกับเสียการทรงตัว

“...อะ”
กรี๊ด นี่ฉันจะตกบันไดอีกแล้วเรอะ…
ฉันหลับตาแน่น มือขวานหาที่เกาะโดยอัตโนมัติอย่างไม่รู้สึกตัวถึงระบบป้องกันตัวของร่างกาย ในหูได้ยินเสียงดังผลัก แต่ทว่าฉันกลับไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ทั้งที่น่าจะเจ็บ แต่ทำไมรู้สึกได้ถึงสัมผัสที่นุ่มละมุนตรงริมฝีปากล่ะ? แล้วกลิ่นหอมสะอาดนี่มาจากไหนกันคะ พอลืมตาขึ้นมองกลับพบกับนัยน์ตาอีกคู่ที่สั่นระริกอยู่ใต้ร่างของฉัน ในตอนที่กำลังจะผละออก ก่อนที่จะได้คิดอะไร คนที่อยู่ใต้ร่างฉันกลับจับหัวของฉันกลับไปสัมผัสอีก

อื๋อ เดี๋ยวก่อนค่ะ นี่มันอะไรกันคะ!? ได้โปรดขอเวลานอกให้ฉันประมวลผลด้วยเถอะค่ะ! แต่เหมือนกับคนคนนั้นจะไม่รับรู้นอกจากจูบที่หนักแน่นที่แม้เขาจะพยุงตัวฉันลุกขึ้นแล้ว แต่ก็ไม่หยุดที่จะรุกไร้คืบคลานเข้ามาต่อ จนหลังของฉันถูกดันติดกับกำแพง

มือทั้งสองข้างของเขาแนบกับแก้มของฉันอย่างทนุถนอม นัยน์ตาคู่นั้นไม่ได้มีแววชิงชัง เย็นชาหรืออะไรเลย ทำเอาหัวใจพาลรู้สึกเต้นแปลกประหลาด

“เปิดปากสิ”

“เอ๋... อื๋อ!” ไม่ทันให้ตั้งตัว เอ็นโจก็โน้มหน้าเข้ามา เหมือนมีอะไรเข้ามาในปากด้วย ลิ้นเรอะคะ! หยุดก่อนสิ นี่นายไปเรียนการจูบแบบนี้มาจากไหนกันคะ?!

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ รู้สึกตัวอีกทีก็เป็นตอนที่หายใจหอบแฮ่กๆ และเจอกับนัยน์ตาคู่นั้นที่มองมาอย่างสับสนเท่านั้น มันอะไรกัน

“...อึก...ท่านเอ็นโจ?”

“ติดกระดุมซะ”

“เอ๊ะ?” พอก้มลงไปมองก็พบว่ากระดุมเสื้อถูกปลดไปสองเม็ด เหมือนมีอะไรแดงจางๆ อยู่ตรงเนินไหปลาร้า แค่นั้นฉันก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิด เดี๋ยวค่ะ นี่นายคิดจะทำอะไรกับฉันกันแน่!?????

“ขอโทษที ผมวู่วามเกินไปหน่อย” ไม่เรียกว่าหน่อยแล้ว เก็บคำขอโทษไปเลยค่ะ! อย่างน้อยก็ยังดีที่คิดเป็นสุภาพบุรุษปลดเสื้อสูทมาให้ฉันที่ขวัญผวาคลุม

ฉันมองเอ็นโจที่นั่งจ้องหน้าฉัน เหมือนเขาอ้าปากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่ได้พูด แล้วลุกขึ้นยืนพร้อมกับส่งมือมา

“สภาพนี้คงกลับห้องไม่ได้แล้ว ไปที่อื่นเถอะ”

“อะ ค่ะ”
ฉันลุกขึ้น แต่ไม่รับน้ำใจที่หยิบยื่นมาให้ มองหารองเท้านายตัวสำรอง ข้างที่กระเด็นไปตอนตกบันไดมาสวม ขืนหายไปล่ะก็ นายตัวสำรองได้ฆ่าฉันแน่

“ทำไมถึงเอารองเท้าของประธานมาใส่ได้?”

“คะ?”

“รองเท้าที่คุณสวม”

“อ๋อ พอดีว่ารองเท้าดิฉันสกปรกน่ะคะ มิซึซากิคุงที่ผ่านมาเห็นพอดีเลยกรุณาให้ยืมใส่วันนึงน่ะค่ะ” ฉันตอบออกไปตามความจริง เหมือนได้ยินเอ็นโจพึมพำว่า อะไรคุงๆ แต่คงคิดไปเองสินะคะ

“ท่านเอ็นโจมีเรื่องอะไรหรือคะ” แม้ว่าจะเพิ่งผ่านเหตุการณ์ขวัญผวา แต่ฉันก็แสร้งทำเป็นใจกล้า ปิดบังความสับสนของตัวเอง ถามออกไป

“ยูกิโนะ ฝากมาให้ แล้วก็ถ้าเป็นเรื่องยูกิโนะจะไปหาก็ได้ ผมไม่ได้ว่าอะไร”

“ค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ ท่านเอ็นโจ”

“แล้วก็ เอารองเท้าไปคืนซะ” พูดขึ้นเร็วๆ แล้วก็รีบเดินจากไปเหมือนกับไม่มีอะไร ส่วนฉันได้แต่ยื่นนิ่งค้างไปนานสองนาน กว่าจะรู้สึกตัวแล้วเอามือแตะที่ริมฝีปาก สัมผัสนั้นยังคงอยู่เลย

********************************************
มันเกิดอะไรขึ้นกับกู กูต้องการความหวานในนิยายมากใช่ไหมเนี้ย ถึงได้เขียนออกมาแบบนี้ ฮือๆ

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.