แต่ทาคามิจิร้องไห้แบบนี้ คิโชวอินไปทำอะไรมาอีกแล้วงั้นหรอ ผมรู้สึกโกรธผู้หญิงคนนี้ขึ้นมา บางทีเธออาจจะฉลาดขึ้นโดยการไม่ทำทุกอย่างโจ่งแจ้ง ผู้หญิงคนนี้หลงรักมาซายะจนน่าโมโห ทำเรื่องร้ายๆมากมาย เพื่อเรียกร้องความสนใจจากมาซายะ และแกล้งคนอื่นเพราะความอิจฉา
ผมวางแผนในใจ ต้องรวบรวมหลักฐานอะไรให้มากพอ ก่อนจัดการกับเธอซะที
ขณะที่ผมกำลังคิดเรียบเรียงเรื่องต่างๆ ก็ชะงักทันทีที่เข้ามาในห้อง ทาคามิจินั่งพร้อมเรียนอย่างตั้งใจ หยิบหนังสือขึ้นมาเตรียมเนื้อหาล่วงหน้า
แสดงว่าคนที่อยู่ในห้องน้ำนั่น ไม่ใช่ทาคามิจิงั้นหรอ...
ผมรีบออกจากห้อง ถ้ามาซายะไปเจอใครไม่รู้คงไม่ดี ผมคงต้องตามไปช่วยดึงเขาออกจากสถานการณ์พวกนั้นล่ะนะ...
เมื่อผมไปถึง ก็เห็นคิโชวอินเดินออกมาเจอมาซายะพอดี ทั้งผมทั้งมาซายะหรือแม้แต่คิโชวอินเองก็ตกใจ ผมซ่อนตัวอย่างรวดเร็วเพื่อดูสถานการณ์
ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงร้องไห้ เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ หรือว่า...นี่เป็นวิธีเรียกร้องความสนใจแบบใหม่
คิโชวอินดูระแวงมาซายะอย่างเห็นได้ชัด ดูน้อมโน้ม และหวาดกลัว ท่าทางเหมือนต้องการออกห่างมาซายะให้มากที่สุด
แต่หลังจากทั้งคู่คุยๆกันสักพัก ก็ได้เห็นท่าทางคิโชวอินที่แปลกไป ทั้งตกตะลึง ทั้งดีใจ ทั้งเสียใจ
รอยยิ้มของคิโชวอินขณะคุยกับมาซายะครั้งนี้ดูต่างออกไป มันดูจริงใจกว่าครั้งไหนๆ ทำให้ผมยิ่งไม่เข้าใจกว่าเดิม
หัวใจผมเต้นแรงขึ้นมา นี่มันเกิดอะไรกันแน่!?!
มาซายะตบไหล่คิโชวอินอย่างสนิทสนม แล้วก็โดดเรียนไปคุยต่อที่ห้องสมุด ผมแอบตามไป แต่โชคร้ายที่ผมมัวสงสัยจนไม่ทันระวังตัว โดนอาจารย์จับได้ และลากผมไปห้องเรียน... ถึงผมจะหาข้อแก้ตัวไม่ให้โดนดุได้ก็ตาม แต่ว่าผมก็ต้องไปเข้าเรียน และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ผมไปดูช่วงพัก ทั้งคิโชวอินและมาซายะโดดเรียนไปกันทั้งคู่และยังไม่กลับมา ผมรู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ...
จนถึงเวลาพักทั้งคู่ก็ยังไม่กลับมา ผมจึงพุ่งตรงไปห้องสมุด แต่บังเอิญเจอกับคิโชวอินเสียก่อน
"คุณคิโชวอิน ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม"
จริงๆผมกะจะทำแบบนี้อย่างระมัดระวัง และอยู่ในที่ที่ไร้คน แต่ตอนนี้ผมทนไม่ได้แล้ว
คิโชวอินไม่ได้โต้เถียงหรือพูดอะไรเจ็บแสบไร้หัวคิดแบบแต่ก่อน ทำให้ผมระแวงอีกฝ่ายเพิ่มยิ่งขึ้น
"เมื่อไหร่คุณจะสำนึกซะทีว่าสิ่งที่คุณทำมีแต่ทำให้มาซายะรังเกียจคุณ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผมรู้ว่าคุณทำอะไรกับคุณทาคามิจิบ้าง ถามจริง สมองของคุณคิดได้แค่นั้นงั้นหรอ คุณคิดว่าการแกล้งขัดขวางคนอื่นจะทำให้มาซายะหันมาชอบคุณงั้นหรือไง”
ผมรอให้คิโชวอินตอบโต้กลับมา แต่เธอกลับมองผมอย่างหวาดกลัว ตัวสั่นๆราวกับกระต่ายน้อยที่โดนหมาป่าต้อนจนจนมุม
เวลาแบบนี้เป็นช่วงเดียวที่คิโชวอินจะสนใจและคุยกับผม พอเธอไม่แม้แต่จะพูดอะไรสักคำทำเอาผมหงุดหงิดนิดหน่อย
"มาซายะไม่มีทางชอบคนอย่างคุณได้หรอก คุณก็แค่ผู้หญิงที่หัวใจบิดเบี้ยว" ผมพูดต่อไป น้ำเสียงเยือกเย็นแฝงความโกรธไปเล็กน้อย “เลิกแกล้งทำเป็นกลัวได้แล้ว เธอคิดว่าจะเสแสร้งให้ใครดูกัน เมื่อไหร่จะเข้าใจว่าวิธีการของคุณมีแต่จะทำให้น่าขายหน้า”
คิโชวอินทำปากพะงับๆเหมือนพยายามจะพูดอะไรสักอย่าง แต่พูดไม่ออก ท่าทางของเธอดูไม่ได้เหมือนแกล้งทำซะด้วย...
อะไรทำให้เธอเปลี่ยนไปขนาดนี้ในเวลาสั้นๆ...
“ชูสุเกะ ทำอะไรอยู่น่ะ ไปกินข้าวกัน” เสียงทักของมาซายะชะงักไปเมื่อเขาเห็นผมอยู่กับคิโชวอิน
“นั่นสินะ ไปกันเถอะ” ผมพยายามควบคุมสติตัวเอง แล้วหันไปยิ้มแย้มปกติกับมาซายะ เดินออกห่างจากผู้หญิงคนนั้น พยายามไม่หันกลับไป
ตอนกินข้าว ผมเห็นมาซายะเขียนเมลล์อย่างตื่นเต้นส่งหาใครสักคน เมื่อเขาละสายตาจากมือถือผมก็แอบดูไวๆ
คิโชวอิน เรย์กะงั้นหรอ...
ผมตกตะลึง ไม่คิดเลยว่ามาซายะจะแลกเมลล์กับผู้หญิงคนนั้น เสียดายผมไม่เห็นสิ่งที่เขาพิมพ์ เลยเดาไม่ได้ว่าอะไรทำให้พวกเขาคุยกัน และเปลี่ยนไปขนาดนั้น
แฮกมือถือดีไหมนะ นั่นจะผิดกฎหมายเกินไปหรือเปล่า ถ้าถูกจับได้จะเตรียมตัวแบบไหนดี หรือว่ามีวิธีอื่นที่ปลอดภัยกว่า
ขณะที่ผมกำลังนั่งคิดอย่างงั้นในสโมสร ผมก็เห็นมาซายะหยิบมือถือขึ้นมาอีกแล้ว ครั้งนี้ผมหลอกล่อชวนคุยให้เผลอ แล้วแอบดูข้อความแวบๆไวๆ
แล้วก็เจอข้อความประมาณ "แบบนี้เธอก็มีเวลาเพิ่มขึ้นในการเก็บนักษัตรให้ครบแล้วสินะ"
ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ...