แต่ก็อย่างที่ผมบอกไปแล้ว ผมหาโอกาสคุยกับเธอได้ยากมาก ถ้าไม่ถูกล้อมด้วยพวกผู้หญิงอยู่ ตอนที่เธอเห็นผมหรือมาซายะเธอก็จะหันไปอีกฝั่งทันที ฉะนั้นผมก็ยังไม่ได้คุยกับเธออีก จนกระทั่งจะขึ้นป.4
ผมได้คุยกับเธอเพราะว่ามาซายะ...อา หมอนั่นทำตัวไร้สาระอย่างการกระทืบ อะแฮ่ม! สั่งสอนรุ่นพี่ที่มาจีบท่านยูริเอะนิดหน่อยแล้วก็ตามคุมตัวแจเช้าเย็น จนท่านยูริเอะทนไม่ไหว ห้ามให้มาเจอกัน แล้วหมอนั่นก็หอบตัวเองก็มานั่งซึมอยู่ในสโมสรหวังว่าท่านยูริเอะจะมาบ้าง
...ถึงผมจะพูดว่าซึม แต่ผมก็ไม่ได้หมายความอย่างนั้นตรงๆหรอกนะ คุณก็คงรู้
หมอนั่นแผ่รังสีไม่น่าเข้าใกล้หนักกว่าเดิมสิบเท่า แถมยังพึมพำกับตัวเองไม่หยุด นานๆทีถึงจะหันมาขอความคิดเห็นผมบ้าง
แต่ใครฟังตลอดก็แย่แล้วมีแต่เรื่องเดิมๆซำไปซ้ำมาแบบนั้น
ผมถึงได้แต่ยิ้มแล้วก็ปลอบนิดๆหน่อยๆ เพราะอันที่จริงนายมันก็ทำตัวเองล่ะน้า
คนส่วนมากก็หลบไม่เข้ามาในสโมสรกันเพราะหมอนี่ด้วย ดีนะที่คิโชวอินยังเข้ามากินขนมบ้างอยู่
ถ้าเธอไม่มาอีกผมก็คงไม่ได้เจอเธอเลยล่ะครับ
สุดท้ายผมก็ปิ๊งไอเดียชวนเธอคุยขึ้นมาได้ ผมสะกิดมาซายะที่นั่งพึมพำไม่หยุดให้เห็นเธอ
“นายจำไม่ได้เหรอว่ายัยนั่นน่ะสนิทกับท่านไอระน่ะ ท่านไอระต้องรู้อะไรแน่ๆ” ผมกระซิบ แหม จะให้ผมพูดตรงๆไปเลยเดี๋ยวเธอก็ได้มองค้อนผมอีก แถมนี่ยังเป็นเรื่องของมาซายะด้วยให้ผมออกหน้าเองมันก็คงไม่ดีเท่าไหร่~
มาซายะหันไปช้าๆ แน่นอนว่าเธอทำหน้าปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอไม่ได้รู้สึกถึงสายตาอะไรทั้งนั้น
แต่ หึๆ มือเธอสั่นแหน่ะ
“นี่ ตรงนั้นน่ะ!” มาซายะเรียกออกไป คิโชวอินหันมาด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้...นี่เธอไม่รู้เหรอว่ามาซายะไม่สงสารหรอกนะ
สุดท้ายมาซายะก็ข่มขู่ อะแฮ่ม ขอความร่วมมือให้คิโชวอินมาเป็นสปายพร้อมๆกับไล่คนอื่นๆออกจากห้องไป
ซักพักผมก็เริ่มรู้สึกว่ามาซายะชักจะพูดกับเธอคนเดียวมากเกินไปหน่อยแล้ว
“แหม แหม อย่าไปข่มขู่เธอมากสิครับ เธอกลัวนะครับนั่น” ผมไกล่เกลี่ยก่อนจะยิ้มแบบ(ที่ผมคิดว่า)จริงใจที่สุดไปให้ หึๆ อย่างมาซายะน่ะรับบทตัวร้ายไปเถอะ เดี๋ยวผมจะรับบทอัศวินช่วยเกลี้ยกล่อมเอง
แล้วคิโชวอินก็ยอมตกลงจนได้
เอ๊ะ นี่ผมบอกรึยังนะ ว่าผมแอบถามไปแล้วด้วยว่าคิโชวอินชอบมาซายะรึเปล่า...แต่เธอบอกว่าก็ไม่ได้ปลื้มอะไรหรอกนะคะ
นั่นไงล่ะ!
ผมว่าแล้วเชียว ผมไม่มีทางสังเกตผิดหรอก เสียงในหัวนี่บางทีก็เพี้ยนๆได้เหมือนกับที่บอกว่าท่านยูริเอะชื่อวาคาบะนั่นแหล่ะน่า
...หรือว่าเธอเขิน ?
ก็มาซายะอยู่ที่นี่ด้วยนี่นา...เด็กผู้หญิงที่ไหนจะสารภาพรักอ้อมๆแบบนี้กันเล่า
สุดท้ายเรื่องก็จบลงไปด้วยดี นั่นแหล่ะครับ
จริงๆ เธอไม่ยอมเรียกชื่อผมเลยด้วยซ้ำ จนตอนที่ผม ‘บังเอิญ’ ผ่านหน้าห้องแล้วไปช่วยจากคนอื่นๆที่กำลังคาดคั้นเรื่องที่มาซายะมาตามเมื่อเช้า
เฮ้อ หมอนั่นน่ะรีบร้อนเกินไป ผมบอกแล้วว่าก่อนไปหาสปายให้รอผมด้วยยังไงล่ะ ดีนะที่ผมตามไปทันเจอคิโชวอินอยู่กับมาซายะพอดี แต่โทษที่ไม่รอผมน่ะ ผมไม่ยกโทษให้ง่ายๆหรอกนะ ผมเลยสั่งสอนมาซายะไปนิดๆหน่อยๆ แล้วก็โยนให้คิโชวอินคิดแก้ปัญหาอีกนิดนึง จะทิ้งให้ผมอยู่วงนอกไม่ได้หรอกนะ!
สุดท้ายพอจบคาบแรก ก็อย่างที่พูดไปแล้ว ผมบังเอิญเดินออกจากห้อง เจอเธอในสถานการณ์ลำบากพอดี ก็เลยไปบอกว่ามาซายะน่ะนัดเธอต่อหลังพักอาหารกลางวันทั้งๆที่จริงๆแล้วไม่มีนัดซะหน่อย ผมก็เลยต้องเดินกลับไปบอกมาซายะว่าคิโชวอินคิดแผนได้แล้ว นัดที่สโมสรหลังกินข้าวเที่ยง
จริงๆต่อให้เธอไม่คิดแผนอะไรมา ผมก็คิดไว้อยู่แล้วน่ะน้า เพราะงั้นก็ไม่เป็นไรหรอก จะได้คุยกันด้วยไงล่ะ
พอมาถึงเธอก็ขอบคุณพร้อมกับเรียกชื่อผมเป็นอย่างแรกเลย! ผมยิ้มให้เธอไป แต่พอกำลังจะพูดว่าจริงๆแล้วเธอเรียกผมว่า ชูสุเกะเหมือนมาซายะก็ได้นะ หมอนั่นก็ขัดขึ้นมาซะก่อน
สอนไม่จำจริงๆด้วย!
พึ่งบอกไปอยู่หยกๆเมื่อเช้าว่าให้รู้จักอ่านสถานการณ์รอบข้างด้วยน่ะ!
ยังไม่ได้คุยเล่นกับคิโชวอิน (ซึ่งผมอาจจะมีโอกาสได้เรียกแบบไม่ต้องมีคุณนำหน้า หรือ เรียกว่าเรย์กะเลยก็ได้ ถ้ามาซายะไม่ขัดซะก่อน เฮอะ!)
ก็ต้องกลับไปคุยเรื่องมาซายะอีกแล้ว พอผมเสนอวิธีแก้ไขที่ผมรู้ว่าท่านยูริเอะต้องการแบบนี้ ก็ปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่เอา เพราะแบบนี้ไงล่ะท่านยูริเอะถึงโกรธนายน่ะหา!
แต่ไอเดียของคิโชวอินก็น่ารักจริงๆนั่นแหล่ะครับ ท่านยูริเอะหายโกรธภายในไม่กี่วัน แค่คิดลวกๆไม่ถึงครึ่งวันไอเดียยังน่ารักขนาดนี้
ผมสงสัยว่าถ้าเธอจะสารภาพรักใครขึ้นมา...จะน่ารักขนาดไหนน้า