“ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนค่ะ ฉันชื่อคิโชวอิน เรย์กะ” เธอคนนั้นว่าพร้อมกับถอนสายบัว งดงามเรียบร้อยทุกระเบียดนิ้ว ดวงตาหลุบลงต่ำ แต่สาบานได้ว่าแวบนึงเธอตวัดสายตาไปมองคาบุรากิแบบหวาดระแวง
โฮ่ น่าสนใจดีนี่
เสียงในหัวของผมบอกว่ามันมีอะไรแปลกๆกับคิโชวอิน เรย์กะคนนี้ เสียงนั่นบอกกับผมว่าเธออันตราย เธอน่ารำคาญ อย่าไปยุ่งกับเธอ แต่ก็นั่นแหล่ะ อย่างที่ผมบอกไป ผมไม่ใส่ใจความรู้สึกแปลกๆที่มีมาเป็นระยะๆพวกนี้หรอก บางอย่างมันไร้สาระเกินไป แล้วก็จะมีอะไรอันตรายเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงวัยประถมคนนึงได้ล่ะ...จริงมั้ย?
พอเธอพูดจบก็เดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้นวมตัวเดิม
ผมเห็นคิโชวอิน เรย์กะมองคนถัดไปที่แนะนำตัว แต่ก็ไม่ได้มองอยู่ ทั้งที่เธอพยักหน้าเป็นระยะๆเหมือนฟังคนรายงานตัวจนดูหยิ่งๆ แต่ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นเธอขยับปากขมุบขมิบไปมา ผมก็ไม่ได้อยากรู้อะไรมากหรอก แต่รู้ก็ดีกว่าไม่รู้ใช่มั้ยล่ะ ดังนั้นผมจึงไปนั่งข้างเธอ
“Kimi wa Boku no Dolce…ดอกโบตั๋น ค่าเทอม” เธอบ่นพึมพำ แต่นั่นเธอพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ล่ะเนี่ย ไม่เห็นรู้เรื่องเลยซักนิด เธอคือ Dolce ของฉันเรอะ !? ทำไมถึงแทนตัวเองว่า Boku ล่ะ แต่มันก็ยังไม่เกี่ยวกับดอกโบตั๋นและยิ่งไม่เกี่ยวกับค่าเทอมเข้าไปใหญ่
นี่สติเธอยังอยู่ดีรึเปล่า ขนาดผมกระโดดขึ้นไปนั่งเก้าอี้ตัวเดียวกับเธอ เธอก็ยังไม่รู้สึกตัวน่ะเฮ้ย
ผมตัดสินใจว่าผมจะยังสังเกตเธอต่อไปอีกซักหน่อยก็แล้วกัน...
หลายวันต่อมา คิโชวอิน เรย์กะคนนั้นก็ยังไม่มีท่าทีจะรับรู้เลยซักนิด หรืออันที่จริงต้องพูดว่าเธอไม่สนใจมากกว่า
ก็คนที่เธอสนใจน่ะมีแค่มาซายะเท่านั้น
จักรพรรดิน้อยคนนั้นนั่งตรงเก้าอี้พิเศษกลางโซฟา รอบตัวแผ่รังสีไม่น่าเข้าใกล้ ขอแค่ไม่มีท่านยูริเอะอยู่แถวนั้น มาซายะก็จะกลายเป็นแบบนี้ทันที แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนจำนวนมากไปพูดกับเขา ยกเว้นอยู่คนเดียวที่นั่งห่างๆ และแอบมองมาซายะอยู่เงียบๆเหมือนทุกวัน
แต่วันนี้ต่างออกไปตรงที่มาซายะบังเอิญหันมาสบตากับเธอเข้าพอดี
คุณจะสามารถจินตนาการเป็นกระต่ายที่สะดุ้งโหยงออกจากเก้าอี้และวิ่งด้วยสปีดเต็มที่ที่สุดไปหลบในพงหญ้า(ออกจากสโมสร)ได้เลยล่ะ
หึๆ น่าสนใจดีจริงๆ
ไม่รู้ว่าสองคนนี้มีเรื่องอะไรกันมาก่อนรึเปล่า
ถ้าผมตีสนิทมาซายะนี่ผมจะเข้าใจเธอมากขึ้นไหมนะ? หรือเธอจะกลัวผมไปด้วยอีกคนรึเปล่า? หรือมาซายะจะทำอะไรให้ผมกลัวเหมือนเธอคนนั้น?
ของแบบนี้ไม่ลองก็ไม่รู้สินะ...แต่หลังจากนั้นผมก็พบว่า มาซายะน่ะไม่มีอะไรเลย!
เขาไม่ได้น่ากลัว ไม่ได้เป็นจักพรรดิน้อย ไม่ได้หยิ่ง เข้าถึงยากอะไรเลย (บ้ากีฬา กับช็อคโกล่าก็เท่านั้น..)
และพอได้เป็นเพื่อนมาซายะ เธอก็เหมือนจะสังเกตเห็นผมขึ้นมา...
ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดี
เธออุทานอะไรซักอย่างเกี่ยวกับการย้อมสี แล้วเริ่มมองผมด้วยสายตาแบบเดียวที่มองมาซายะเป๊ะเลย
เฮ้อ ดูเหมือนผมจะยังไม่สามารถเข้าใจเธอได้จริงๆนั่นแหล่ะ
เฮ้! แต่ผมยังไม่ได้ทำอะไรเธอซักหน่อยนะ...แล้วนั่นทำไมเธอถึงเปลี่ยนที่นั่งตอนที่ผมมานั่งล่ะ แต่ก่อนไม่เห็นจะเป็นอย่างนี้เลยนี่นา
ยะ อย่าบอกนะว่าพึ่งสังเกตเห็นผมตอนที่สนิทกับมาซายะจริงๆน่ะ
ไม่ยุติธรรมเลย!
แล้วอย่างนี้ผมจะแอบฟัง เอ้ย ทำความเข้าใจเธอได้ยังไงเล่า!
แย่จริงๆ แบบนี้ผมก็ตัดสินใจผิดน่ะสิที่ตีสนิทมาซายะก่อน ที่จริงผมต้องตีสนิทเธอก่อนต่างหาก
“มาซาย๊า นายเคยไปทำอะไรเธอไว้น่ะหา รีบๆบอกมาเลยนะ ผมทนไม่ไหวแล้ว” ผมหันไปเขย่าคอเสื้อคนที่นั่งข้างๆกันบนโซฟาตรงกลางที่ต้องมานั่งด้วยอย่างอดไม่ได้
...ทำไมน่ะเหรอ
เพราะพอผมจะตามไปนั่งข้างๆ เธอก็ลุกหนีก่อนทุกครั้งเลยน่ะสิ แล้วล่าสุดเธอก็ลุกหนีออกจากสโมสรไปเฉยเลย
“อะไรของนาย ชูสุเกะ ฉันก็อยู่ของฉันเฉยๆ ” มาซายะปัดเป็นพัลวัน “แล้วเธอน่ะ เธอไหน นายชอบใครที่ชอบฉันอยู่รึไง บอกไว้ก่อนเลยว่ามันไม่ใช่ความผิดของฉันที่พวกนั้นทำตัวน่ารำคาญ ฉันน่ะมีแค่ยูริเอะคน...”
ต่อจากนั้นมาซายะพูดอะไรผมเองก็ไม่ทันฟัง
ชอบ !? ชอบเนี่ยนะ...คิโชวอิน เรย์กะน่ะนะชอบมาซายะ !?
นายตาถั่วรึไงมาซายะ คิโชวอินน่ะ...เธอน่ะหนีนายจะเป็นจะตายออกขนาดนั้น จะชอบนายได้ยังไง...