ยูตะคุงยิ้มกว้างอย่างสดใสเป็นประกายระยิบระยับไม่แพ้รอยยิ้มของยูกิโนะคุงเลยล่ะ อา น่ารัก! น่ารักจังเลย! ยูกะจังก็น่ารักมากเลย! มีเด็กน่ารักๆอยู่ข้างกายตั้งสองคนแบบนี้สวรรค์ชัดๆเลยล่ะค่า!
ยูตะคุงถึงจะเป็นผู้ชายแต่ก็เป็นเด็กขี้แยน่ะนะ แถมยังชอบกินของหวานมากๆเลยล่ะ ...อา นิสัยคุ้นๆจังเลยแฮะ เพราะแบบนั้นก็เลยมักจะโดนน้องสาวพูดตักเตือนอยู่บ่อยๆ
"ท่านพี่ห้ามร้องไห้นะคะ! เดี๋ยวต้องไปโรงเรียนแล้ว ถ้าตาบวมแล้วโดนคนอื่นจับได้ แล้วก็จะต้องโดนล้อว่าลูกชายบ้านเอ็นโจขี้แยยันเรียนจบแน่ๆเลยล่ะค่ะ"
ยูกะจังท้วงติง ยูตะคุงก็ทำหน้าหวาดผวาเล็กน้อย พยักหน้าอือๆอย่างหนักแน่น รับผ้าเช็ดหน้าจากยูกะจังมาเช็ดน้ำตา
ถึงจะไม่อยากคิดก็เถอะ แต่ว่ายูกะจังน่ะรู้จักการสร้างภาพ การวางแผน เก่งฉกาจจนน่ากลัวมากเลยล่ะค่ะ ตอนยูกะจังอยู่ต่อหน้าคนอื่นๆจะวางตัวเป็นเด็กสุภาพอ่อนหวานสมกับภาพลักษณ์เจ้าหญิงน้อยเลยน่ะ ทั้งที่ยังห้าขวบแท้ๆ...
ความเป็นนางมารน้อยเจ้าเล่ห์นี่มันอะไรกัน? นิสัยอย่างกับพ่อไม่มีผิด เพราะว่าช่วงนี้มักจะตามติดพ่อแจเลยน่ะเหรอ ไม่เอานะยูกะจัง! อะไรที่ไม่ดีก็อย่าไปเลียนแบบซิจ้ะ! นี่นายสอนอะไรลูกกันน่ะห๊ะ!?
ฉันจูงมือเด็กทั้งสองไปที่ห้องรับประทานอาหาร พอนั่งลงกับโต๊ะ สาวใช้ก็นำมื้อเช้ามาวาง จากนั้นก็มีมือหนึ่งนำลาเต้มาเสิร์ฟให้กับฉันจากข้างหลัง พร้อมกับเสียงกระซิบเบาๆที่ข้างหู
"บริการพิเศษจากผมครับ"
"เอ๋?"
คุณชูสุเกะส่งยิ้มให้และพยักเพยิดไปทางลาเต้แก้วนั้น มันเป็นลาเต้ที่มีวาดลาเต้อาร์ตเป็นรูปกระต่ายน่ารักทีเดียวล่ะ ฉันใช้ช้อนขึ้นมาคนจนฟองนมเข้ากับลาเต้ ก่อนจะยกขึ้นดื่ม อา อร่อยดีจังเลยค่ะ
พอหันไปมองที่คุณชูสุเกะ ก็เห็นเขาหัวเราะและส่ายหน้า พูดว่า "เฮ้อ ใจร้ายเหมือนเดิมเลย... นี่จำไม่ได้จริงๆเหรอเนี่ย..."
"คะ?" เอ่อ หมายถึงเรื่องอะไรงั้นเหรอ?
"เปล่าหรอกครับ ทานข้าวกันเถอะ"
ไม่ว่าเปล่า คุณชูสุเกะก็ก้มหอมแก้มฉันหนึ่งทีก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้
อ๊า! บ้าเอ๊ย! ตานี่ชอบทำแบบนี้ตลอดเลย พอเผลอตัวทีไรก็จะมากอดมาหอมบ้าง ถึงจะบอกว่าแต่งงานกันแล้ว แต่ความทรงจำของฉันยังเป็นแค่สาวมัธยมบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่นะยะ รู้สึกหน้าร้อนไปหมดแล้วเนี่ย
เด็กๆทั้งสองที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็หัวเราะคิกคักกันเบาๆอย่างชอบใจ ให้ตายซิ ทำไมถึงแก่แดดกันแบบนี้นะ?
คุณชูสุเกะบอกว่าจัดการเคลียร์งานล่วงหน้าเสร็จแล้ว วันนี้เลยจะพาฉันไปเยี่ยมพวกเพื่อนๆเผื่อจะกระตุ้นความทรงจำกลับมาได้
5วันที่ผ่านมาอยู่ในช่วงรักษาหัวที่โนและช่วงทำความเข้าใจกับสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น นอกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันก็ได้แต่อยู่ที่คฤหาสน์เอ็นโจ นี่จึงเป็นวันแรกที่ฉันจะได้ออกมาข้างนอกน่ะค่ะ แต่ก่อนหน้านั้นก็ต้องไปส่งเด็กๆที่โรงเรียนเสียก่อนล่ะนะ
หลังทานอาหารมื้อเช้าเสร็จ พวกเราก็ขึ้นรถบ้านเอ็นโจแล้วออกเดินทาง
ยูตะกับยูกะพากันพลัดกันเล่าเรื่องราวต่างๆที่โรงเรียนให้ฟังอย่างสนุกสนาน
"ได้เจอท่านพี่มิตสึบะด้วยล่ะครับ เพิ่งรู้ล่ะว่าที่โรงเรียนท่านพี่มิตสึบะได้ฉายาว่าเทพีกีฬาเชียวล่ะ พวกเด็กผู้หญิงชั้นโตกว่ากรี๊ดกร๊าดกันใหญ่เลยล่ะครับตอนที่ท่านพี่มิตสึบะเข้ามาทักทายพวกเราที่ชั้นเรียนน่ะ"
"ได้ยินว่าปีที่แล้วลงแข่งกีฬาโรงเรียนตั้งหลายอัน แล้วก็ได้ที่หนึ่งทุกอันเลยล่ะค่ะ ทุกคนก็เลยขนานนามว่าเทพีแห่งชัยชนะ มีแฟนคลับเพียบเลยล่ะ"
"เห~ ขนาดนั้นเชียว"
นี่เรียกว่าได้พ่อมาเต็มๆเลยซินะเนี่ย~
มิตสึบะที่เด็กๆพูดถึงก็คือ คาบุรากิ มิตสึบะน่ะค่ะ
ใช่แล้วล่ะ เป็นลูกสาวของคาบุรากิกับวาคาบะจังน่ะ ว้าว ในที่สุดก็ได้ลงเอยกันจริงๆซินะ สมกับเป็นคู่แท้คู่พรหมลิขิตกันจริงๆ
ได้ยินว่านอกจากมิตสึบะที่ตอนนี้ 8 ขวบแล้ว ก็ยังมีลูกชายอีกคน มาซากิคุงที่ตอนนี้เพิ่งจะ 2 ขวบเท่านั้น เมื่อสัปดาห์ที่แล้วพวกเราเพิ่งจะไปฉลองวันเกิดที่โรงแรมคาบุรากิกันมาเอง ...แต่ฉันก็จำไม่ได้หรอกนะ
"จริงซิ หนูได้อยู่ห้องเดียวกับลูกชายของเพื่อนท่านแม่ที่เจอกันในงานเลี้ยงวันเกิดมาซากิคุงด้วยล่ะค่ะ"
"เอ๋?"
"ยูกะหมายถึงหัวหน้าห้องงั้นซินะ? ฮะฮะฮะ"
"ใช่ค่ะ ท่านพี่ก็ทราบเหรอคะ? ตอนที่ให้เลือกกันว่าใครจะเป็นคณะกรรมการห้อง เขาก็ยกมือเสนอตัวมาเลยล่ะ ว่า "ผมเป็นเองครับ! ตอนพ่อผมเรียนที่นี่ได้เป็นหัวหน้าห้องทุกปีเลย ผมจะเป็นแบบพ่อมั่ง!" ทุกคนในห้องทั้งขำทั้งปรบมือกันใหญ่เลยค่ะ ก็เลยได้เป็นหัวหน้าห้องห้อง2 สมใจ"
"ตอนผมเจอที่โรงอาหาร เขาก็มาบอกผมนะว่า "ต่อไปนี้ท่านยูตะต้องเรียกผมว่าหัวหน้าห้องนะ" ทำเอางงไปเลยล่ะครับ ฮะฮะฮะ เห็นว่าวางแผนจะเป็นหัวหน้าห้องทุกปีตามพ่อให้ได้เลยล่ะ”