ขาฉันสั่นไปหมดแล้ว กล้ามเนื้อก็ปวดตุบๆ แล้วยังจะแผลที่หัวเข่าอีก แต่ก็พยายามอดทนเดินไปจนถึงห้องพยาบาลจนได้
คาบุรากิมองเอ็นโจที่ยืนอยู่ข้างๆฉันแบบเคลือบแคลง อาจารย์ห้องพยาบาลเอาสำลีชุบแอลกอฮอลล์ทำแผลให้ฉัน พอยาฆ่าเชื้อโดนแผลก็อดที่จะสะดุ้งเพราะความแสบไม่ได้
เหลือบมองเอ็นโจที่เดินไปคุยอะไรกับคาบุรากิซักอย่างตรงมุมห้อง แล้วคาบุรากิก็ออกไปจากห้องพยาบาล เอ็นโจเดินกลับมาหาฉัน หน้าตาไม่มีรอยยิ้มอยู่เลย
คงจะโกรธที่ทำให้ร่างกายของเขาบาดเจ็บสินะ
"เดี๋ยวไปโรงพยาบาลกัน รถมารอแล้วล่ะ" เอ็นโจช่วยประคองฉันขึ้น "พอจะเดินไหวรึเปล่า"
ฉันพยักหน้าเบาๆ เดินโซเซไปยังรถที่มาจอดรอใกล้ๆ เป็นรถของตระกูลคิโชวอินนั่นเอง คุณซากามิเปิดประตูให้ฉันอย่างนอบน้อม ดูท่าทางเอ็นโจจะบอกไว้ล่วงหน้าแล้วว่าต้องไปที่ไหน
พอลงจากรถ คณะแพทย์และพยาบาลก็กรูเข้ามาต้อนรับฉันทันที เอาใส่รถเข็นไปยังห้องฉุกเฉินที่มีเครื่องมือแพทย์เต็มไปหมด
อะ ทำไมมันดูเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตขนาดนี้เลยล่ะคะ แค่หกล้มเองค่า ไม่ได้เป็นอะไรสักนิด ให้วิ่งให้ดูอีกครั้งก็ยังได้นะคะ
ฉันถูกจับเข้าเครื่องแสกน MRI นอนนิ่งๆให้เครื่องทำงานของมันไป แต่อยู่ในท่าเดิมห้ามขยับเลยมันก็เมื่อยอยู่นะคะ พอออกมาจากเครื่องนี้ได้เหมือนได้ขึ้นสวรรค์เลยล่ะค่ะ
ผลตรวจออกมาไม่เป็นอะไรมาก หัวเข่าก็ยังดีอยู่ ไม่มีกระดูกหักที่ตรงไหน แต่เรื่องกล้ามเนื้ออักเสบปิดยังไงก็ไม่มิด ก็เลยถูกคาบุรากิดุใหญ่เลยล่ะค่ะ
“บาดเจ็บอยู่ทำไมไม่บอกก่อนล่ะเจ้าบ้า” คาบุรากิถลึงตามองฉัน “จะฝืนวิ่งทำไม”
“ขะ ขอโทษ”
แง้ ขอโทษค่า อย่าดุกันสิคะ มันน่ากลัวนะรู้มั้ย
“เอาน่า ท่านคาบุรากิคะ อย่าไปดุท่านเอ็นโจนักเลย”
“ท่านคาบุรากิงั้นเหรอ” คาบุรากิหันไปมองเอ็นโจในร่างฉันแล้วขมวดคิ้วแบบสงสัย “เมื่อกี้นี้เธอเรียกฉันว่ามาซายะไม่ใช่รึไง”
นี่ จะมาความจำดีอะไรตอนนี้ล่ะคะ
“ต้องขออภัยด้วยนะคะท่านคาบุรากิ เมื่อครู่ฉันคงจะเผลอตัวไปหน่อย” เอ็นโจคำนับให้คาบุรากิแบบนอบน้อม
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ อยากเรียกก็เรียกไปสิ”
เอ๋!!
“เธอน่ะเป็นเพื่อนฉันมาตั้งนานแล้ว แต่มาวางท่าห่างเหิน เรียกแต่นามสกุลกันอยู่ได้” คาบุรากิพ่นลมหายใจ “เพราะงั้นต่อไปนี้ก็ไม่ต้องเรียกนามสกุลฉันแล้ว เข้าใจนะเรย์กะ”
“ทราบแล้วค่ะ ท่านมาซายะ” เอ็นโจหัวเราะเบาๆ แล้วก็หันมาทางฉัน “ถ้าจะเรียกท่านเอ็นโจด้วยชื่อชูสุเกะจะเป็นอะไรรึเปล่าคะ”
ทำไมถึงโยนเผือกร้อนมาให้ทางนี้ล่ะค้าาาาา
“อะ เอ่อ ได้สิ” ถ้าฉันตอบไม่ได้ก็จะดูเป็นคนใจแคบมากแหงๆ อาจจะความแตกต่อหน้าคาบุรากิก็ได้
เอ็นโจยิ้มออกมา แล้วก็โค้งคำนับให้ฉัน “ถ้าอย่างนั้นก็เรียกฉันว่าเรย์กะได้ตามสบายเลยนะคะ คุณชูสุเกะ”
เดี๋ยว อย่าเอาร่างฉันไปพูดมั่วซั่วแบบนั้นสิคะ ฉันยังไม่อนุญาตเลยนะ
เย็นวันนั้น ฉันเลยได้สนิทกับคาบุรากิกับเอ็นโจเพิ่มขึ้นแบบงงๆล่ะค่ะ ทั้งที่ตั้งใจว่าจะหลีกเลี่ยงสองคนนี้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วไหงถึงขั้นมาเรียกชื่อตัวกันได้ล่ะค้าาาา
.
.
คาบุรากิขอตัวไปงานเลี้ยงต่อ ข้าวของของเอ็นโจถูกเอามาให้จากที่โรงเรียนเรียบร้อยแล้ว เอ็นโจบอกว่าวานให้คาบุรากิช่วยติดต่อโรงพยาบาลกับเก็บของมาให้ อันเป็นการเฉลยว่าคุยอะไรกันในห้องพยาบาล
ค่อยยังชั่วหน่อย ดูเหมือนความลับจะยังไม่แตกนะคะ
เอ็นโจขนาดอยู่ในร่างฉันก็ยังกล้าใช้งานจักรพรรดิคนนั้นได้ ไม่ถูกคิดว่าทำเกินไปหน่อยเหรอ
แต่พอจะกลับ เอ็นโจก็ยืนยันว่าจะให้รถบ้านคิโชวอินไปส่งท่าเดียว ฉันเลยต้องยอมๆไปด้วยความสำนึกผิดที่ทำให้ร่างกายนี้บาดเจ็บ เขาอุตส่าห์เตือนแล้วแท้ๆยังไม่ฟัง ไปฝืนวิ่งจนเกิดเรื่องขึ้น
เมื่อผ่านมินิมาร์ทแห่งหนึ่งเอ็นโจบอกคุณซากามิให้จอดรถแล้วก็ลงไปซื้อของ ฉันจะอ้าปากพูดค้านก็ไม่ทันแล้ว
ใช้ร่างของคิโชวอิน เรย์กะลงไปซื้อของจากมินิมาร์ทสามัญชนบ้านๆเนี่ยน้า ใจกล้าบ้าบิ่นอะไรอย่างนี้คะ
เอ็นโจกลับมาพร้อมกับถุงพลาสติกที่ดูโป่งพอง น่าจะมีของบรรจุไว้เพียบ แต่ฉันยังไม่ทันถามว่าซื้ออะไร เอ็นโจก็บอกให้คุณซากามิไปต่อ