ฉันเลยพูดคัดค้านเรื่องนี้ไปก่อน เอาไว้ให้มาซากิกับยูกะรักกันค่อยจับหมั้นทีหลังก็ไม่สาย ฮุฮุฮุ ความรักน่ะมันต้องมีอุปสรรคบ้างนะจ๊ะถึงจะมีรสชาติ
ทุกคนเห็นดีเห็นงามกับฉัน พูดเชียร์ให้มาซากิจีบเจ้าหญิงน้อยบ้านเอ็นโจ เจ้าตัวเขินใหญ่เลยล่ะค่ะ
ท่านย่ากับท่านปู่ขอตัวไปพักผ่อน ทิ้งให้ท่านพ่อนั่งคุยกับลูกๆไป
ท่านพ่อพยายามเสนอวิธีแต่ละอย่าง มันไม่เข้าท่าเลยสักนิด ฉันเลยต้องปรามๆไว้บ้าง ขืนเอาวิธีของท่านพ่อไปจีบสาวล่ะก็ ต่อให้หล่อแค่ไหนเขาก็หนีกันกระเจิงหมดนั่นล่ะ
ตอนนี้ ท่านพ่อเริ่มเล่าถึงความประทับใจแรกพบที่มีต่อท่านแม่ นี่ก็ฉายหนังซ้ำครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ แต่มาซากิที่กำลังศึกษาในเรื่องความรักนั้นตั้งอกตั้งใจฟังเป็นอย่างดี หวังได้คำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์มากกว่า
แล้วท่านพ่อก็เริ่มลงไปม้วนกลิ้งให้ดูกับพื้น สาธิตว่าท่านแม่กลิ้งออกจากจักรยานหลบรถของท่านพ่อที่ชนได้อย่างไร
ท่านแม่เข้ามาเห็นก็ส่ายหน้า บอกว่าท่านพ่อทำผิดขั้นตอน แล้วก็กลิ้งให้ดูใหม่
มาซากิทำสีหน้าปลาตายใส่ภาพตรงหน้า
ฉันได้แต่หัวเราะ หัวเราะ แล้วก็หัวเราะ
---------------
ดูเหมือนมาซากิจะตัดสินใจได้ว่าพึ่งพาท่านพ่อในเรื่องนี้ไม่ได้ จึงตัดสินใจที่จะไปคลุกคลีกับท่านปู่แทน ซึมซับพฤติกรรมและลักษณะนิสัยมาจากท่านปู่แทบทุกอย่าง ท่าทางเคร่งขรึมงามสง่าเกินวัยนั่นก็น่าเอ็นดูไปอีกแบบ ฉันเฝ้ามองพฤติกรรมน้องชายด้วยความสนุกสนาน คอยให้คำปรึกษาที่เหมาะที่ควรไปด้วย
ผ่านไปไม่กี่เดือนก็มีคนเรียกน้องชายของฉันว่า "จักรพรรดิ" แล้วล่ะค่ะ
ฉายาเดียวกับท่านพ่อสมัยเรียนเลย แต่ไม่ได้มาจากการแข่งขี่ม้าส่งเมืองแบบเดียวกับท่านพ่อหรอกนะ
มาซากิเคร่งขรึมห้าวหาญดั่งจักรพรรดิปกครองโลกจริงๆ แม้อยู่ที่บ้านจะเป็นน้องชายจอมงอแงเอาแต่ใจก็เถอะน้า
ฉันฮัมเพลงอย่างร่าเริงขณะเดินไปที่สโมสรเปอติต์เพื่อไปรับมาซากิ แต่อยู่ๆก็ถูกดักหน้าไว้
"จะไปแผนกประถมเหรอ"
"อือ ซาคุยะจะไปด้วยกันมั้ยล่ะ"
คนที่ถามฉันคือเด็กหนุ่มที่ดูสุภาพเรียบร้อยในชั้นม.ต้น อาคิสะวะ ซาคุยะ หนุ่มหล่อสไตล์ญี่ปุ่นผู้เนื้อหอมที่อยู่ห้องเดียวกับฉัน เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆผ่านทางคุณอาเรย์กะ สนิทกันดีจนคนอื่นเข้าใจผิดว่าเราสองคนน่ะเป็นแฟนกันเลยล่ะ ทั้งที่จริงๆแล้ว หมอนี่น่ะ.......
"ผมมีซ้อมยิงธนู ใกล้จะแข่งแล้ว" ซาคุยะล้วงเข้าไปในอกเสื้อ หยิบตั๋วแข็งๆออกมาให้สามใบ "ช่วยเอานี่ให้ยูกะได้รึเปล่า"
.....หมอนี่น่ะ หายใจเข้าหายใจออกก็มีแต่เอ็นโจ ยูกะเท่านั้นแหล่ะค่า
นั่นไง ครั้งนี้ก็ว่าแล้วเชียว เจ้าโลลิค่อนเอ้ย
"เอ นักเรียนธรรมดาอย่างนาย ใช้งานฉันที่เป็น Pivoine แบบนี้จะดีเหรอ ไม่กลัวถูกลงโทษรึยังไง"
"ผมหวังว่ามิตสึบะคงไม่ใจร้ายจนเกินไป"
ฉันรับตั๋วนั่นมา อ่านดูก็พบว่าเป็นตั๋วเข้าชมการแข่งยิงธนู จัดที่สนามใหญ่เชียวล่ะ
"ให้แค่ยูกะคนเดียวเหรอ" ฉันถามล้อๆ
"ตั๋วสามใบนั่นรวมเธอด้วย อีกคนก็คุณน้าเรย์กะ"
แหม จัดแจงเอ่ยชื่อเพื่อมัดมือชกเสร็จสรรพไม่ให้ชวนใครเลยนะคะ ฉันเลยเอาตั๋วตีไหล่หมอนี่ไปหนึ่งทีแบบหมั่นไส้
ซาคุยะไม่หลบ เอาแต่ยิ้มอย่างเดียว
"เฮ้อ~ ขนาดเด็กประถมยังเนื้อหอม มีแต่ใครต่อใครมารุมชอบ" ฉันแกล้งถอนหายใจ "ส่วนฉัน ออกจะสวยน่ารักขนาดนี้ ดันไม่มีผู้ชายมาแลเหลียว"
"เพราะหนุ่มๆพวกนั้นเท่สู้เทพีงานกีฬาสีคนนี้ไม่ได้น่ะสิ" ซาคุยะหัวเราะ "สาวๆก็เอาแต่พูดถึงท่านคาบุรากิ มิตสึบะ สุดเก่งสุดเท่จนผู้ชายอื่นทาบรัศมีไม่ติดเลยซักคน"
"พูดออกมาได้นะ อาคิสะวะคูงงงง" ฉันลากเสียงยาว ทำหน้าเหม็นเบื่อ "ได้ช๊อกโกแลตวาเลนไทน์ไปเท่าไหร่ล่ะ"
ซาคุยะก็เอาแต่ยิ้มเหมือนเดิม น่าหมั่นไส้ชะมัดเลยล่ะค่าาา
"เรื่องอะไรฉันจะเชียร์นาย" ฉันแลบลิ้น "ฉันไปเชียร์น้องชายฉันเองไม่ดีกว่าเหรอ ยูกะจังน่ะกำลังจะถูกหมั้นหมายกับมาซากิเร็วๆนี้ อย่าลืมหาชุดหล่อๆไปงานหมั้นล่ะ~"
ซาคุยะหุบยิ้มทันควัน จ้องเขม็งมาที่ฉัน น้อยคนนักที่จะเห็นสีหน้าแบบนี้จากเขา สนุกชะมัดเลยค่า
"แล้วก็น้า~~ นายใกล้ชิดกับฉันมากเกินไป ถึงจะเพราะเรื่องของยูกะจังก็เถอะ แต่ฝั่งผู้ใหญ่อาจจะเข้าใจผิดว่าเราเป็นแฟนกัน จับฉันหมั้นกับนายตามไปอีกคนก็ได้~"
"ผมไม่คู่ควรเป็นเขยของตระกูลคาบุรากิหรอกนะ" ซาคุยะกลับมายิ้มเหมือนเดิมแล้ว
"งั้นก็เลิกใช้ฉันเป็นสะพานไปหายูกะได้แล้ว จะชวนก็ไปชวนโดยตรงเลยสิ"
"ถ้าทำได้ตรงๆก็ไม่ต้องกลุ้มขนาดนี้หรอก" ซาคุยะถอนหายใจแบบเซ็งๆ "คุณชูสุเกะน่ะสิ...."
"อ้อออ" ฉันลากเสียงยาว "จีบเจ้าหญิงน้อยที่พ่อเขาหวงก็ลำบากหน่อยน้า"
"ไม่ต้องมาล้อเลยมิตสึบะ" ซาคุยะทำเสียงขุ่นเคืองใส่ฉัน "ตกลงเธอจะช่วยผมรึเปล่า"