Fanboi Channel

ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันยามบ่ายกลางจักรวาลแห่งกาว (ยานแม่ลำที่3)

Last posted

Total of 1000 posts

885 Nameless Fanboi Posted ID:hHg5bT2l5

กูแต่งฟิค โลกคู่ขนานแยกอีกเรื่องก็แล้วกัน

ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่คนแต่งก่อนหน้านี้น้า

ชื่อเรื่องแล้วเราก็ตามหากันจนเจอ ...ถุย น้ำเน่าชิบ 5555

--------------------------------------

วันนี้คือวันแต่งงานกับผมและเรย์กะ

แปลกใจสินะที่ผมเรียกชื่อของเธอตรงๆ หลังจากที่เราคบกัน เราก็ตกลงกันว่าจะเรียกด้วยชื่อเฉยๆ แต่ต่อหน้าคนอื่นพวกเราต้องรักษาภาพลักษณ์และมารยาทของผู้ดี เลยยังคงเรียกด้วยคำว่าคุณนำหน้า เรย์กะเองก็เปลี่ยนจากเรียกท่านเป็นคุณเช่นกัน

ผมเคยวาดฝันเวลานี้มานานแล้วตั้งแต่สมัยยังเรียนที่ซุยรัน พอมาเจอจริงๆกลับตื่นเต้นจนในลนลานไปหมด ที่ซ้อมในใจตั้งแต่เมื่อก่อนพอเจอของจริงดูจะช่วยอะไรไม่ได้เลย

ผมกำลังเดินทางไปยังสถานที่จัดงานแต่งงานเป็นโบสถ์แสนสวยที่เรย์กะเคยบ่นว่าอิจฉาคนที่แต่งงานที่นี่

ผมในชุดเจ้าบ่าวนั่งอยู่หลังรถที่แล่นไปบนท้องถนน ยิ้มบนใบหน้าไม่อาจหุบได้เลย ผมดีใจ....ดีใจจริงๆ

ขณะวาดฝันถึงเรย์กะในชุดเจ้าสาว เสียงโทรศัพท์ของบอดี้การ์ดของผมก็ดังขึ้น เขายกโทรศัพท์มือถือมารับ คุยกันสักพักหน้าก็กลายเป็นซีดเผือด แล้วหันมาทางผม

"เกี่ยวกับผมรึเปล่า" เนื่องจากวันนี้เป็นวันงาน ผมจึงไม่พกโทรศัพท์มือถือไว้กับตัว เห็นบอดี้การ์ดหันมาทางผมด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ก็รู้ได้ทันทีว่าในสายนั้นเขาโทรมาหาผม

"ครับ ท่านชายเอ็นโจว..."

"งั้นส่งมาให้ผม" โทรมาตอนนี้คงมีธุระด่วนจริงๆ ผมถอนหายใจเล็กน้อย ส่วนบอดี้การ์ดยังคงทำหน้าอึกอักไม่ยอมส่งโทรศัพท์ให้ผม จนผมต้องเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ เห็นสีหน้าย่ำแย่ของบอ์ดี้การ์ดในใจเริ่มวูบโหวงด้วยสังหรณ์ไม่ดี

"คุณคิโชวอินประสบอุบัติเหตุ... อาการเป็นตายเท่ากันครับ"

ตอนนั้นโลกของผมได้พังทลายลง

.
.
.
.

เธอกำลังนอนหลับ

คุณหมอบอกว่าสมองเธอได้รับการกระทบกระเทือนรุนแรง จนกลายสภาพเป็นเจ้าหญิงนิทรา โอกาสที่จะฟื้นแทบไม่มี แต่ด้วยความร่ำรวยของตระกูลคิโชวอินและผมเอง เราทำทุกวิถีทางที่จะรักษาเธอ ขอแค่เธอกลับมาหาพวกเรา ผมเอางานของบริษทมาทำงานในห้องของเธอ เพื่อที่จะอยู่เคียงข้างเธอ...ผมอยากเป็นคนแรกที่เธอเห็นตอนเธอตื่นขึ้นมา เช่นเดียวกับพี่ชายของเรย์กะที่ตอนนี้ก็เอางานมาทำที่โรงพยาบาลเหมือนผม

หนึ่งเดือนแล้ว...

เธอกำลังนอนหลับ อาการเริ่มทรุดตัวลงอย่างช้าๆ

ผมสงสัยจังว่าเธอกำลังฝันถึงเรื่องอะไรอยู๋

อาจเป็นเรื่องของกินที่เธอชอบ งานเย็บปักที่เธอรักแม้ฝีมืออาจจะยังต้องฝึกอีกมากก็เถอะ

หรือไม่ก็...

งานแต่งงานของเรา....

ตอนนี้เธอเหมือนกับเจ้าหญิงนิทราผู้งดงาม

เพียงแต่จุมพิตที่ผมมอบให้นับพันครั้งกลับไม่สามารถปลุกเธอขึ้นมาได้

ทำไมกันล่ะ... ทุกคนต่างเรียกผมว่าเจ้าชาย

เจ้าชายต้องปลุกเจ้าหญิงนิทราขึ้นมาไม่ใช่เหรอ

นี่เรย์กะ...

ตื่นสิ

มายิ้มให้ผมเห็นหน่อยได้ไหม...

ผมกุมมือเธอ สภาพของผมเริ่มทรุดโทรมจนมาซายะทนไม่ไหว ดึงผมออกมา แล้วให้คุณทาคามิจิเข้าไปดูแลเรย์กะต่อ

"ชูสุเกะ ฉันรู้ว่านายสภาพจิตใจย่ำแย่ แต่นายจะทำงานและเฝ้าคิโชวอินโดยไม่ดูแลตัวเองไม่ได้ กินข้าวบ้างเถอะ" พอได้ยินมาซายะเรียกชื่อผม ผมก็เหมือนได้ยินเสียงเรย์กะ เธอมักจะเรียกผม ชูสุเกะ ชูสุเกะ... ผมเงยหน้า รู้สึกเหมือนโลกสว่างในพริบตา

"เรย์กะกำลังเรียก ผมต้องไปแล้ว"

"เดี๋ยว! ชูสุเกะ!" ผมไม่ฟังคำพูดของมาซายะ วิ่งกลับเข้าไปยังห้องที่คุณคิโชวอินนอนอยู่ คุณทาคามิจิดูตกใจเมื่อผมเข้าไปในห้อง

เธอยังไม่ตื่น

ผมหัวเราะอย่างขมขื่น

ทรุดตัวลงข้างๆเตียงของเธอ กุมมือเธอไว้ แล้วแย้มยิ้มแบบที่เมื่อก่อนเธอมักจะทำท่าทางกลัวเสมอ

ตื่นสิเรย์กะ ผมยิ้มแบบนี้แล้วนะ เธอต้องลุกขึ้นมาทำหน้าไม่ไว้ใจแล้ววิ่งหนีผมสิ

เรย์กะที่แสนขี้ขลาดของผม

.
.
.
.

เดือนที่สอง

เรย์กะก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา

จะนอนขี้เกียจเกินไปแล้วนะ เรย์กะ

แต่เหมือนร่างกายผมจะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เพราะร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอและขาดสารอาหารผมจึงวูบไป รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่บนเตียงข้างๆเรย์กะ
ผมเห็นท่านแม่และน้องชายของผมร้องไห้ ผมรู้สึกผิดมาก แต่ผมน่ะ... ยังทำใจไม่ได้จริงๆ

ขอโทษนะครับ...

886 Nameless Fanboi Posted ID:hHg5bT2l5

"ถ้าแยกอีกห้องนายก็ดื้อจะมาอยู่ตรงนี้ใช่ไหม" มาซายะบอกกับผมเขานั่งอยู่ข้างเตียง "เมื่อก่อนนายมักมีเหตุผล และคอยเตือนฉันตลอดแท้ๆ ทำไมตอนนี้กลับเป็นฉันที่เตือนนายล่ะ" เขาบ่น ผมได้แต่ยิ้มอ่อนแรงไปให้

"อย่าทำให้เป็นห่วงสิ..." เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นมาซายะร้องไห้นอกจากเรื่องอกหักจากคุณยูริเอะ "นายเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของฉันนะ เจ้าบ้า"

"...โทษทีนะ" เขาไม่รับคำขอโทษของผม ยังด่าผมว่าเจ้าบ้าซ้ำๆ

"วันนี้วาคาบะทำอาหารมาให้กิน อร่อยมาก ถ้านายไม่กิน วาคาบะจะเสียใจ ฉันจะเอาช้อนยัดปากนาย"

อาหารของคุณทาคามิจิอร่อยอย่างที่มาซายะบอก แต่ผมกินได้นิดเดียวก็รู้สึกพะอืดพะอมไม่อยากอาหาร แต่เพราะสายตารบเร้าของมาซายะและท่านแม่กับยูกิโนะ เลยฝืนกินจนหมดแล้วล้มตัวลงนอน เพื่อที่จะได้พักผ่อนได้เต็มที่ ท่านแม่กับพวกมาซายะออกไปจากห้องพักผู้ป่วย เหลือคนเฝ้าเพียงพี่ชายของเรย์กะที่กำลังทำงานอยู่ที่โซฟามุมห้องเงียบๆ

ผมไม่ได้สนใจเขามากนักเพราะรู้เองว่าเขาก็ไม่ต่างจากผม ผมมองเรย์กะที่อยู่เตียงข้างๆ เอื้อมมือไป กุมมือของเธฮที่มีสายน้ำเกลือติดอยู่

"เรย์กะ ผมป่วยล่ะ รีบมาดูแลผมเร็วเข้า" ผมพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
.
.
.
.
เธอยังคงไม่ตอบผม...

........................................................

ผมหลับไป หลับลึกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนหลังจากวันที่เรย์กะประสบอุบัติเหตุ

ผมเหมือนได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย เลยลืมตาตื่นขึ้น

ภาพที่เห็นกลับไม่ใช่โรงพยาบาลเป็นห้องโถงงานเลี้ยงอะไรสักอย่าง ผู้คนต่างมุงอยู่รอบตัวของผม ข้างกายผมไม่มีเรย์กะหลับอยู่เคียงข้าง สมองผมตกใจจนแข็งทื่อไปหมด

"ชูสุเกะ นายเป็นอะไร เมื่อทำท่าเหมือนจะวูบไป" เสียงของมาซายะดังขึ้น ผมหันไปมองเขา เขาอยู่ในชุดสูธเต็มยศ ข้างกายมีคุณทาคามิจิที่ทำท่าทางตื่นๆทำตัวไม่ถูกอยู่

อาการป่วยและคลื่นไส้เมื่อวานนเหมือนจะหายดีเป็นปลิดทิ้งเหมือนเป็นความฝัน...

ความฝัน...งั้นเหรอ?

"นายไม่เป็นไรก็ดีแล้ว งั้นมาเริ่มงานกันต่อ" มาซายะพูดกับผม แววตาฉายแววเหี้ยมเกรียมขึ้น

"งาน?"

"หือ นายเหมือนจะเบลอๆกว่าทุกทีนะชูสุเกะ ทั้งๆที่นายคิดแผนนี้แท้ๆ" มาซายะกำลังพูดในสิ่งที่ผมไม่เข้าใจ เขาหัวเราะนิดหน่อยก่อนเฉลยผม "กำจัดตัวน่ารำคาญออกไปไงล่ะ"

ตัวน่ารำคาญ? ....ใครกัน

มาซายะเหมือนจะไม่เห็นสีหน้าที่งุนงงของผม เขาก้าวเท้าออกไป แหวกกลางผ่านเหล่าผู้คนที่มามุงจนไปถึงจุดหมาย

ที่มีร่างเด็กสาวบอบบางคนครึ่งนั่งทรุดตัวอยู่บนพื้น เธอมองรอบข้างอย่างงุนงง เหมือนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัว เธอตรงหน้าผมดูเด็กกว่าในความทรงจำล่าสุดของผม แต่ผมรู้ดีว่าเธอคือใครด้วยใบหน้าและทรงผมอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ คนที่ผมไม่มีทางลืมได้ชั่วชีวิต

"ไง คิโชวอิน แกล้งเป็นลมสนุกไหม พอไม่มีคนสนใจก็ทนไม่ไหวตื่นมาอีกเหรอ"

"คุณคาบุรากิ?" พอเธอเห็นหน้าคาบุรากิเธอก็ยิ้มดีใจเหมือนได้เจอเพื่อนท่ามกลางคนแปลกหน้า พยายามลุกขึ้นตรงไปหามาซายะ มาซายะทำท่ารังเกียจแล้วผลักเธอออก ร่างกายของเธอที่ดูเหมือนจะอ่อนแรงอยู่แล้วเลยล้มลงไปอีกรอบ มาซายะส่งเสียงเหอะแล้วบอกว่าปกติเรียกท่านคราวนี้มีตีสนิทเรียกคุณเหรอ เรย์กะกับผมมองไปทางมาซายะอย่างไม่เข้าใจ และผมโมโหมากที่มาซายะกระทำกับเรย์กะแบบนั้น ขณะที่กำลังจะเดินไปต่อว่า มาซายะกลับตะโกนดังก้อง

887 Nameless Fanboi Posted ID:hHg5bT2l5

"วันนี้จะไม่มีการหมั้นของฉันกับคิโชวอิน เรย์กะอะไรทั้งนั้น" ผมชะงัก ประมวลผลคำพูดของมาซายะอย่างุนงง

"คนที่ฉันรักและจะแต่งงานด้วยคือผู้หญิงคนนี้เท่านั้น" มาซายะกุมมือของคุณทาคามิจิที่ยืนอยู่ข้างๆ ให้คำมั่น เรย์กะเองก็มองสองคนข้างหน้าด้วยความงุนงงเหมือนเดิม เธอไม่พูดอะไรออกมา ยังคงมองไปที่มาซายะ และเหมือนเธอจะยังไม่เห็นผม

แต่ว่ามาซายะกับคุณทาคามิจิ... พวกเธอแต่งงานกันแล้วไม่ใช่เหรอ

เรื่องไม่หมั้นเรย์กะ และจะหมั้นคุณทาคามิจินั่นมันอะไรกัน

ที่สำคัญเรย์กะของผมไม่เคยคิดจะหมั้นกับนายสักหน่อย

เรย์กะยังเงียบสนิท แต่ผมสังเกตุเห็นว่าแววตาของเธอเหมือนมีความกระจ่างในอะไรบางอย่างแล้วแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว ทำให้มาซายะที่เห็นเรย์กะเงียบไปพูดขึ้นอย่างแปลกใจ

"ไม่โวยวายงั้นเหรอ... ช่างเถอะ...และนี่คือหลักฐานการฉ้อโกงของตระกูล! พวกเขาไม่สมควรอยู่ระดับเดียวกับพวกเรา" ข้อมูลถูกแจกจ่ายทั่วงานเลี้ยง ประธานและคุณนายคิโชวอินหน้าซีดเซียวประกาศว่าตนไม่ได้ทำ แต่ตอนนั้นเหล่าบอดี้การ์ดก็มาลากตัวพวกเขาออกไป และกำลังจะมาลากตัวเรย์กะไปด้วยเช่นกัน

ผมพุ่งตัวผ่านมาซายะ วิ่งไปหาเธอ

เธอเองก็มองเห็นผมแล้ว วินาทีที่เราสบตากัน ผมเห็นดวงตาของเธอเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา เรียกชื่อผมแผ่วเบา

"ชูสุเกะ..."

เป็นเธอ...

เธอคนนั้นของผม

ผมผลักบอดี้การ์ดที่เข้าใกล้เธอจนล้ม ไม่สนใจเสียงร้องตกใจของคนรอบข้าง ไม่สนใจสายตาของมาซายะที่มองผมอย่างตกใจ ไม่สนสายตาแปลกใจของพวกท่านแม่ที่มองมาที่ผม ไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น!

ผมนั่งคุกเข่าแล้วรวบตัวเธอมากอดไว้

กอดแนบแน่น สาบานว่าจะไม่ปล่อยเธอไปอีก
.
.
.
.
แล้วร้องไห้ออกมาเหมือนกับเด็กๆ

..........จบ

วิ่งหนีด้วยความเร็วแสง

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.