Last posted
Total of 1000 posts
>>584-586 เมื่อฉันกับเขา XXX ต่อ
-------------
จากที่ไปถามคนที่ได้คำทำนายซ้ำเมื่อตอนไปงานบ้านมาดามคาบุรากิ ทุกคนก็ปกติสุขดี ไม่มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นกับตัวเองเหมือนฉันกับเอ็นโจ แต่ก็ยังวางใจไม่ได้เท่าไหร่ อีกฝ่ายอาจจะปิดบังข้อมูลอยู่ก็เป็นได้
แล้วพอรู้ตัวอีกที ฉันก็สลับร่างกับเอ็นโจผ่านมาได้ห้าวันเข้าไปแล้ว
ฉันยังไม่ชินการใช้ชีวิตแบบผู้ชายๆเลยสักนิด รวมไปถึงการเข้าห้องน้ำและอาบน้ำด้วย แต่รู้สึกเอ็นโจจะปรับตัวได้ดีเกินคาด เมื่อวานก็มาคุยเรื่องไปแฮร์ซาลอนกับท่านแม่ของฉันอยู่เลย
"พวกทรีตเมนท์พวกนี้กลิ่นหอมดีนะครับ แถมกลิ่นติดทนด้วย" เอ็นโจจับปอยผมปอยหนึ่งของฉันขึ้นมาดม "มิน่า คุณคิโชวอินถึงได้หอมขนาดนี้"
นายอย่าทำเหมือนฉันกำลังลวนลามตัวเองอยู่ได้มั้ยยะ มันน่าอายนะรู้มั้ย
ฉันพยายามจะทำใจให้กว้าง ไม่ถือสาเรื่องที่เอ็นโจจะเห็นร่างเปลือยเปล่าของฉัน โชคดีที่ก่อนหน้านี้หมุนฮูลาฮุป บริหารช่วงเอวจนไร้ไขมันหน้าท้อง จึงมั่นใจว่าไม่ขายหน้าเพราะพุงที่มักจะยื่นออกมาหลังกินแน่ๆ
แต่เอาเถอะ ฉันก็เห็นร่างเปลือยของเอ็นโจด้วยเหมือน จะว่าหายกันไปได้รึเปล่านะ
ฉันไม่ได้ตั้งใจจะสำรวจร่างกายของหมอนี่เลยสักนิด แต่ตอนอาบน้ำยังไงก็ต้องเห็น และฉันทำใจอยู่นานกว่าที่จะสามารถมองลงไปยังเบื้องล่างได้
ใต้เสื้อผ้าชั้นดีที่ตัดเย็บอย่างปราณีตนั้นเป็นรูปร่างที่ดีเกินคาด กล้ามเนื้อได้รูปไร้ไขมันส่วนเกิน ไม่ดูเทอะทะเป็นก้ามปูเหมือนคนที่เล่นกล้ามบางคน อะไรกัน นายก็ซ่อนรูปเหมือนกันนี่นา เอ็นโจ
และการเป็นผู้ชายก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อดี เพราะฉันแข็งแรงขึ้น แรงเยอะขึ้น ทำอะไรก็ไม่ค่อยเหนื่อย แถมจะฟาดขนมที่สโมสรจนพุงกางยังไงก็ไม่อ้วน จับดูก็ไม่มีไขมันยืดย้วยออกมาให้แสลงหัวใจ ถ้าเป็นเรย์กะกินขนาดนี้ล่ะก็ ป่านนี้คงต้องไดเอทอย่างเร่งด่วนแล้วล่ะค่ะ
นอกจากนี้ก็ยังมียูกิโนะคุงที่เป็นเทวดาน้อยๆรอต้อนรับอยู่ที่บ้านด้วย
พอฉันกลับไปถึงบ้าน ยูกิโนะคุงก็เข้ามาหา เล่านั่นเล่านี่เจื้อยแจ้วไปเรื่อยทั้งเรื่องที่โรงเรียนบ้าง เรื่องการเรียนพิเศษบ้าง ช่างเยียวยาฉันจากเรื่องน่าเหนื่อยหน่ายพวกนี้ได้ดีเหลือเกิน
อยู่ในร่างเอ็นโจนี่มันเหนื่อยจริงๆค่ะ อาจารย์ก็คาดหวัง หัวหน้าห้องและกรรมการห้องก็เข้ามาปรึกษาปัญหา พวกผู้หญิงก็มารุมล้อมไล่ยังไงก็ไม่ไป พอเตือนเข้าหน่อยก็ร้องไห้โฮกัน
เอ็นโจก็ไม่ช่วยฉันจากสถานการณ์พวกนี้ แต่เดินผ่านหน้าฉันไป หัวเราะต่อกระซิกกับพวกเซริกะจังอย่างสนุกสนาน
หนอย เอ็นโจ นี่มันปัญหาของนายไม่ใช่รึไงยะ ทำไมฉันต้องมาติดอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ด้วย หา!!!!
ยูกิโนะคุงจ้องฉันตาแป๋ว "มีอะไรงั้นเหรอฮะ ท่านพี่"
"ไม่มีอะไรหรอก" ฉันส่ายหน้าแล้วยิ้มให้ "พี่แค่เหนื่อยนิดหน่อยน่ะ"
"เล่าให้ฟังได้นะฮะ" เทวดาน้อยๆตบแขนฉันแปะๆ อุ ในเมื่อพูดขนาดนี้จะยอมเล่าก็ได้ค่ะ
ฉันเล่าเรื่องพวกผู้หญิงที่รุมล้อมอย่างน่าปวดหัวในแต่ละวันให้ยูกิโนะคุงฟัง เทวดาน้อยทำท่าครุ่นคิด สีหน้าแบบนี้ก็น่ารักจนอยากจับมาฟัดๆเลยล่ะค่ะ
"ถ้าปวดหัวเรื่องสาวๆที่มารุมล้อม ก็ต้องหาแฟนสิฮะ ถ้าพวกเธอเห็นว่าท่านพี่มีแฟนแล้วก็คงจะยอมถอยไปเองล่ะ"
"เอ แฟนเหรอ ใครดีล่ะ หายากเหมือนกันนะ" ฉันพยายามนึกชื่อเด็กผู้หญิงที่สามารถจะเป็นแฟนกับเอ็นโจได้ แต่ยูกิโนะคุงก็พูดขึ้นมาเสียก่อน
"ไม่ยากหรอกฮะ คุณพี่เรย์กะยังไงล่ะ"
ถ้าฉันดื่มน้ำหรือทานอะไรอยู่ก็คงจะสำลักไปแล้ว ไหงชื่อฉันถึงมาเป็นตัวเลือกของแฟนเอ็นโจได้ล่ะคะ!!!
"ท่านพี่เองก็ชอบคุณพี่เรย์กะอยู่ไม่ใช่เหรอฮะ นี่ก็ใกล้จบการศึกษาแล้วนะ ถ้าเกิดมีหนุ่มมาชิงสารภาพรักตัดหน้าไปจะแย่เอานะฮะ"
อะไรกันค้า ยูกิโนะคูงงงง ไหงแนะนำกันแบบนี้ล่ะคะ
มาดามเอ็นโจเรียกยูกิโนะไปด้วยเรื่องเรียนพิเศษพอดี แต่ก่อนไปก็หันมาส่งยิ้มน่ารักๆให้ "พยายามเข้านะฮะ ท่านพี่"
พยายาม ต้องพยายามอะไรล่ะค้า
ฉันเดินโซเซกลับไปที่ห้องนอน รู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
จะให้ฉันไปขอเป็นแฟนกับตัวเองเนี่ยนะคะ ถึงจะมีเอ็นโจอยู่ในร่างก็เถอะ มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ
เอาไว้เป็นทางเลือกสุดท้ายถ้าแก้ปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้ก็แล้วกัน หวังว่าฉันจะไม่ต้องติดอยู่ในร่างนี้นานๆนะคะ
----------------
สิ่งที่เร่งด่วนกว่าการแก้ไขปัญหาเรื่องสาวๆที่มารุมล้อม นั่นก็คืองานกีฬาที่ใกล้เข้ามาค่ะ
ดูเหมือนว่ากรรมการห้องจะส่งสายตาคะยั้นคะยอให้เอ็นโจลงกีฬาวิ่งแข่งเหมือนกับทุกปี ฉันตอบปฏิเสธด้วยรอยยิ้มแค่เล็กน้อย ก็ไม่มีใครกล้าเซ้าซี้ต่อ
แต่ฉันก็ลงแข่งปาบอลไปล่ะค่ะ นั่นอาจจะเป็นสิ่งดีที่สุดที่ฉันสามารถทำได้ในร่างของเอ็นโจแล้ว
ปัญหาที่หนักใจคงมีแค่เรื่องสาวๆที่เข้าหาแต่ไม่ช่วยปาบอลเหมือนอย่างที่เคยเห็นมั้งคะ แต่เอาเถอะ ฉันปาของฉันคนเดียวก็ได้
แต่ฉันประเมินปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองต่ำไปค่ะ ในเมื่อเอ็นโจเป็นเพื่อนของคาบุรากิ นั่นก็หมายความว่าคาบุรากิจะมาลากเพื่อนไปทำกิจกรรมบ้าพลังของตัวเอง อย่างเช่นการคัดเลือกผู้ลงแข่งขี่ม้าส่งเมืองเป็นต้น
เพราะปีที่แล้วพ่ายแพ้แก่รัชทายาทอาริมะ ปีนี้คาบุรากิก็เลยคัดเลือกอย่างเข้มงวดขึ้น และทุกคนต่างก็กระหายที่จะนำชัยชนะมามอบแด่จักรพรรดิ เตรียมใจตบเท้าเข้าสนามรบเพื่อพลีชีพแบบไม่หยุดหย่อน
ห้องของคาบุรากิเห็นว่ามีผู้สมัครลงแข่งขี่ม้าส่งเมืองอย่างล้นหลามเกินโควต้าจนต้องคัดออกไปก่อนส่วนหนึ่งด้วยซ้ำ คนที่ถูกคัดออกดูเหมือนจะซึมไปเลยล่ะค่ะ
คาบุรากิกล่าวปาฐกถาที่หน้าห้อง "ถึงแม้พวกนายจะไม่ได้ลงแข่งที่เป็นเกียรติยศครั้งนี้ก็ไม่เป็นไร พวกนายยังสามารถเป็นกำลังให้ห้องของเราได้ในด้านอื่น ไม่มีใครที่จะไร้ค่าไร้ความหมาย และฉันจะช่วยดึงศักยภาพพวกนายออกมา"
พอคาบุรากิพูดจบ น้ำตาลูกผู้ชายที่ไม่ให้ใครเห็นกันง่ายๆก็หลั่งไหลออกจากตาของเหล่าผู้ถูกคัดออก ทุกคนต่างตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "ครับ" สาวๆเองก็มีบางคนที่ร้องไห้ด้วยเช่นกัน จากนั้นทุกคนก็เริ่มเปล่งเสียงโห่ร้อง สดุดีแด่จักรพรรดิดังกึกก้อง
นี่ฉันหลงมาอยู่ในสนามรบที่แม่ทัพกำลังพูดปลุกใจให้พลีชีพเพื่อบ้านเมืองอยู่ใช่มั้ยคะ
ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ เป็นฉันคงอายแทรกแผ่นดินหนีไปแล้วล่ะค่ะ
รอบข้างฉันเต็มไปด้วยบรรยากาศการฆ่าฟันที่รุนแรงมากจนชักจะหวั่น พอได้มาเห็นแบบนี้ก็หวังว่าห้องของฉันจะมีชีวิตรอดไปครบ 32 หลังลงแข่งนะคะ
"เฮ้ ชูสุเกะ ช่วยถือไว้หน่อย" คาบุรากิยื่นคลิปบอร์ดมาให้ฉัน พอลองรับมาดูก็พบว่าเป็นรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเป็นม้าในรอบแรก มีข้อมูลอย่างชื่อ รูปถ่าย ส่วนสูง น้ำหนัก กรุ๊ปเลือดแบบคร่าวๆ "เดี๋ยวรอผลตรวจแบบละเอียดๆที่บ้านฉัน"
ฉันรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเป็นรอบที่สอง
ทำบ้าอะไรของนายคะเนี่ย!! ข้อมูลพวกนี้มันอะไรกันน่ะ!!! กะอีแค่ลงแข่งขี่ม้าส่งเมืองต้องใช้ข้อมูลละเอียดยิบขนาดนี้ คิดว่าตัวเองเป็นกองประกวดหาดาราหน้าใหม่งั้นเหรอคะ!!!!
รถบ้านคาบุรากิมาจอดรออยู่แล้ว คาบุรากิให้พวกม้าที่ผ่านการคัดเลือกในรอบแรกล่วงหน้าไปก่อนแล้วจะตามไปสมทบ ฉันในร่างเอ็นโจก็ถูกบังคับให้ไปที่บ้านเพื่อดูผลการคัดเลือกด้วย
จะบ้าเหรอคะ นายอยากคัดเลือกม้าหรือทำโคลนนิ่งตัวเองเพื่อลงแข่งก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับห้องฉันซักหน่อย ทำไมฉันต้องไปดูของแบบนั้นด้วยล่ะ
พอไปถึงบ้านคาบุรากิก็ได้เห็นเอ็นโจนั่งจิบชา หัวเราะต่อกระซิกกับมาดามคาบุรากิอยู่ก่อนแล้ว อะไรกันยะ ไม่เห็นจะบอกเลยว่าจะมาบ้านคาบุรากิน่ะ
"เฮ้ เธอมาที่นี่ได้ไงเนี่ย" คาบุรากิเลิกคิ้ว
"สวัสดีค่ะท่านคาบุรากิ ท่านเอ็นโจ" เอ็นโจในร่างฉันลุกขึ้นคำนับแบบนอบน้อม "พอดีว่าวันนี้มีนัดกับมาดามคาบุรากิน่ะค่ะ เกี่ยวกับเรื่องคุกกี้เสี่ยงทายที่ทานไปวันนั้น มันอร่อยมากจนต้องมาขอร้องให้ช่วยสอนทำเลยล่ะค่ะ"
"แหม ก็แค่สูตรธรรมดาๆเองค่ะ" มาดามคาบุรากิหัวเราะป้องปาก "คุณเรย์กะนี่น่ารักจริงๆ ได้ยินข่าวการทำขนมอบอันเป็นที่เลื่องลือของคุณเรย์กะมามาก ก็อยากจะลองชิมดูจังเลยค่ะ"
"แหม ยังไม่เก่งเลยค่ะ คงเอาให้ชิมไม่ได้หรอก" เอ็นโจหัวเราะไปกับมาดามด้วย นี่ ทำไมนายถึงดูเป็นฉันได้ดีกว่าตัวฉันเองแบบนี้ล่ะคะ
"มาซายะไม่ยอมเล่าอะไรที่โรงเรียนให้ฟังบ้างเลย ก็ต้องลำบากคุณเรย์กะมาเป็นเพื่อนคุย ได้รู้อะไรสนุกๆหลายอย่างเลยค่ะ" มาดามคาบุรากิปรายตามองลูกชายแล้วก็หันไปยิ้มให้เอ็นโจ "เห็นว่าปีนี้คุณเรย์กะจะลงแข่งวิ่งแฟนซีใช่มั้ยคะ น่าสนุกจังเลยนะ"
คาบุรากิมีสีหน้าแช่มชื่นขึ้น มองไปทางเอ็นโจในร่างฉันที่มีรอยยิ้มน้อยๆด้วยสายตาชื่นชมผสมกับนับถือ
เดี๋ยว ฉันยังไม่รู้เรื่องเลยนะคะว่าจะลงแข่งวิ่งแฟนซีน่ะ มาลงกีฬาตามใจชอบไม่ปรึกษากันได้ยังไงคะ
มาดามหัวเราะต่อกระซิกกับเอ็นโจอยู่สองสามประโยคก็ขอตัวไปดูแลเรื่องอาหารการกินก่อน ทิ้งให้ฉันอยู่กับสถานการณ์ที่ดูพิลึกพิลั่นนี่
คาบุรากิผุดลุกขึ้นจากที่นั่งตัวเอง เดินตรงเข้าไปหาเอ็นโจแล้ววางมือสองข้างลงบนไหล่
"ยอดเยี่ยมมาก คิโชวอิน ในที่สุดก็เอาจริงแล้ว จะเก็บแต้มให้ครบซีรีย์นักษัตรแล้วสินะ ฉันมองคนไม่ผิดจริงๆ" คาบุรากิทำท่ากระหยิ่มยิ้มย่อง "ปีที่แล้วเธอคงอัดอั้นตันใจมากใช่มั้ย ที่ไม่ได้ลงแข่งด้วยตัวเองเลยต้องส่งร่างแยกออกมาเก็บแต้มให้ครบๆ ฉันเข้าใจความอัดอั้นนั้นดีเลยล่ะ"
หมอนี่พูดอะไรอยู่น่ะ!!! เข้าใจบ้าบออะไรของนายยะ!!!!
"เห็นเธอมุ่งมั่นขนาดนี้ ฉันจะช่วยเธอเอง" คาบุรากิตบไหล่ฉันป้าบๆแบบไม่ออมแรง อ๊าาาา อย่าทำกับร่างกายของฉันแบบนั้นนะ "เธอต้องมาดูการคัดเลือกม้าแล้วล่ะคิโชวอิน เผื่อจะได้ไอเดียอะไรดีๆขึ้นมา"
ฉันกำลังจะเดินไปปัดมือที่กระทำแบบไร้ปราณีนั่นออกไป แต่เอ็นโจชิงจับจับมือของคาบุรากิออกจากไหล่แล้วส่งยิ้มให้ "ต้องขอบพระคุณท่านคาบุรากินะคะที่เอื้อเฟื้อ แต่ธีมของห้องฉันปีนี้ไม่ใช่นักษัตรหรอกนะคะ"
คาบุรากิขมวดคิ้วเข้าหากันทันที แต่ยังไม่ทันได้พูด เด็กคนหนึ่งจากหนึ่งในผู้สมัครคัดเลือกม้าก็มารายงานว่าทุกอย่างพร้อมแล้ว เรื่องนักษัตรก็เลยต้องหยุดไว้ชั่วคราวก่อน
"เฮ้ คิโชวอิน เธออย่าเพิ่งกลับล่ะ เดี๋ยวฉันจะกลับมาคุยด้วย" คาบุรากิบอกเอ็นโจในร่างฉันก่อนไป "ไปกันเถอะ ชูสุเกะ"
"เดี๋ยวผมตามไป"
พอปลอดคนปุ๊บ หน้ากากเอ็นโจที่ฉันใส่ไว้ก็หลุดออกมา ฉันกำลังจะอ้าปากพูดเรื่องที่เอ็นโจพาร่างฉันมาที่นี่แบบไม่บอกล่วงหน้ากันก่อน แต่เอ็นโจทำหน้านิ่ว จับไปที่ไหล่ ฉันก็เลยต้องโยนเรื่องนั้นทิ้งไปก่อนชั่วคราว มาดูแลร่างกายของตัวเองก่อน
"มาซายะนี่ตบมาแบบไม่ออมแรงเลยน้า" เอ็นโจหัวเราะ แต่ฉันไม่ขำด้วยหรอกนะคะ นั่นมันร่างกายฉันนะ ต้องเป็นรอยแดงแน่ๆ
"ฉันมีกอเอี๊ยะอยู่ที่บ้าน ถ้ายังไงก็รบกวนแปะมันด้วยนะคะ" ฉันถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
"คุณคิโชวอินไม่ดูหน่อยเหรอ" เอ็นโจยิ้มหวานให้ฉัน
ฉันรู้สึกตะลึงนิดหน่อย ไอ้อยากดูมันก็อยากดูนะคะ ยังไงมันก็ร่างกายของฉันเองนี่นา แต่จะให้มาดูในบ้านของคาบุรากิมันก็แปลกๆอยู่นะ
ว่าแต่ทำไมนายต้องใช้หน้าของฉันยิ้มแบบนั้นด้วยคะ คิโชวอิน เรย์กะ ไม่มีวันยิ้มแบบนี้หรอกน้า!!!
"เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะค่ะ เมื่อกี้นี้เห็นพูดกับมาดามคาบุรากิเรื่องคุกกี้เสี่ยงทายด้วยใช่มั้ยคะ" บรรยากาศมันชักแปลกๆ ฉันก็เลยเปลี่ยนเรื่อง "ตกลงเรื่องเป็นมายังไงคะ"
"ตัวคุกกี้น่ะธรรมดามาก แต่ว่าหัวใจหลักก็คือคำทำนาย คุณแม่มาซายะบอกว่าซินแสที่เขียนคำทำนายคนนี้เก่งที่สุดในฮ่องกงเลยล่ะ"
"ถ้าเราไปถามเขาดูอาจจะพอรู้ทางแก้นะคะ" ฉันฟังแล้วคิดตามไปด้วย "เดี๋ยวจะให้บ้านคิโชวอินเชิญมาดีกว่าค่ะ"
"เอ แต่ในคำทำนายบอกให้ผมกับคุณคิโชวอินร่วมมือกันแก้ไขปัญหานี่นา" เอ็นโจยังคงยิ้ม "อาจจะเป็นอะไรที่ต้องรู้กันอยู่สองคน ถึงจะแก้ไขปัญหาได้มั้งนะ"
แล้วอะไรล่ะยะ ที่ต้องรู้กันอยู่สองคนน่ะ
มาดามคาบุรากิกลับมาที่ห้องนั่งเล่นพอดี "อ้าว ชูสุเกะ คุณเรย์กะ ไม่ไปที่สนามกับเขาเหรอจ๊ะ กำลังครึกครื้นเลยล่ะ"
"กำลังจะไปอยู่พอดีเลยค่ะ" เอ็นโจโค้งให้ให้มาดามคาบุรากิ
"เอ่อ ขอโทษครับ ขอรบกวนถามอะไรหน่อยนะครับ" ฉันตรงดิ่งไปหามาดามคาบุรากิอย่างร้อนใจเล็กน้อย "คือว่าเรื่องคุกกี้เสี่ยงทายนั่น คำทำนายมันมีกี่แบบงั้นหรือครับ"
"อ้าว ชูสุเกะก็สนใจเรื่องนี้ด้วยเหรอจ๊ะ" มาดามคาบุรากิเลิกคิ้วแล้วก็หัวเราะคิกคัก "คำทำนายมีสามหัวข้อหลักคือเรื่องการงาน การเงิน แล้วก็ความรัก ชูสุเกะได้หัวข้อความรักสินะ ดีจังเลย"
"ถ้าไม่รบกวนจนเกินไป ผมขออ่านคำทำนายอื่นๆด้วยได้รึเปล่าครับ" แม้จะดูสงสัยนิดหน่อย แต่มาดามคาบุรากิก็ยอมฟังคำขอร้องของฉัน รออยู่ครู่หนึ่ง ก็กลับมาพร้อมกับสมุดจดคำทำนายที่ซินแสเขียนไว้ให้
ฉันเปิดอ่านทันที เอ็นโจก็เข้ามาอ่านด้วย
ข้อความเป็นกลอนภาษาจีนที่มีภาษาญี่ปุ่นแปลกำกับไว้ด้านล่าง หัวข้อแบ่งเป็นสามข้อใหญ่ๆ แต่ละหัวข้อมีคำทำนายย่อยๆต่างออกไปอีก รวมทั้งหมดได้สิบห้าทำทำนายพอดี
ฉันพลิกไปดูหมวดความรัก เห็นคำว่าชะตาดอกท้อก็รีบกวาดตาอ่าน แต่เอ๊ะ รู้สึกคำทำนายจะไม่ค่อยเหมือนกับที่ฉันได้เลยอ่ะ
"คำทำนายนี่มีแค่นี้เหรอคะ" เอ็นโจถามขึ้น
"ก็มีเท่านี้ล่ะจ๊ะ" มาดามคาบุรากิยิ้มแย้มอย่างใจดี
"รู้สึกว่าคำทำนายเรื่องชะตาดอกท้อนี้มันต่างไปจากที่ผมเคยได้นะครับ" พอเห็นมาดามคาบุรากิกระพริบตาปริบๆแบบไม่เข้าใจ ฉันก็เลยท่องคำทำนายที่ได้ให้ฟัง แต่ก็กระท่อนกระแท่นเต็มทีเพราะจำไม่ค่อยจะได้ เอ็นโจเลยช่วยพูดอีกคน
จำได้ด้วยเหรอยะ น่าอิจฉาพวกหัวดีความจำดีชะมัดเลยค่ะ
"เอ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะจ๊ะ คำทำนายอันนี้"
ฉันกับเอ็นโจเหลือบมองกัน หมายความว่ายังไงน่ะ มีคำทำนายแปลกๆโผล่มาในคุกกี้โดยที่มาดามคาบุรากิก็ไม่รู้งั้นเหรอ
"อาจจะเป็นเพราะฝ่ายผลิตพิมพ์พลาดก็ได้ เดี๋ยวจะลองตรวจสอบให้นะ" ว่าแล้วมาดามคาบุรากิก็ดันหลังฉันกับเอ็นโจให้เดินไปที่ประตู "เอ้าๆ อยู่ในนี้ก็อุดอู้เปล่าๆ ออกไปเล่นกับเพื่อนๆข้างนอกเถอะจ๊ะ กำลังสนุกกันใหญ่เลยล่ะ"
ฉันกับเอ็นโจเดินไปที่สนามด้วยกัน ในหัวยังคิดถึงเรื่องที่มาดามคาบุรากิพูด ถ้าคำทำนายมีแค่นี้ แล้วคำทำนายนั่นมาจากไหนนะ พิมพ์ผิดจริงๆงั้นเหรอ
"กังวลเหรอ"
"เอ่อ...ก็ นิดหน่อยค่ะ" ฉันถอนหายใจออกมา "ถ้าต้องเป็นแบบนี้ไปตลอดกาลล่ะก็ จะทำยังไงดีนะ"
"ผมเชื่อว่าปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ไขนะ" เอ็นโจยื่นมือมาบีบมือฉันเบาๆ "คุณคิโชวอินอย่าเพิ่งยอมแพ้สิ"
อุ นายให้กำลังใจฉันอยู่เหรอคะ ช่างเป็นคำพูดที่นุ่มนวลต่างจากปาฐกถาของคาบุรากิเหลือเกินค่ะ
"เอาเป็นว่าตอนนี้มาสนใจปัญหาเฉพาะหน้าก่อนดีกว่า" เอ็นโจหัวเราะ แต่ยังจับมือฉันเดินไปตามทางอยู่ "อีกสามวันจะต้องซ้อมวิ่งกับมาซายะแล้ว คุณคิโชวอินเตรียมตัวพร้อมแล้วใช่มั้ย"
ซ้อมวิ่ง!!!
ลืมไปซะสนิทเลยค่ะ!!!!!!
เดินมาถึงสนามที่ถูกดัดแปลงให้เป็นค่ายฝึก ก็เห็นคาบุรากิในชุดวอร์มยืนถือนาฬิกาจับเวลามองเหล่าม้าที่ผ่านการคัดเลือกและกำลังฝึกกำลังขาอยู่พอดี เสียงตะโกน "โอ๊สสส" ดังกึกก้องไปทั่วสนามเหมือนกับการฝึกทหารของประเทศไหนซักแห่งบนโลก
มะ ไม่ไหวแล้ว แค่เห็นก็เหมือนจะรู้รสชาติเลือดในปากเลย นี่ต้องซ้อมกับคาบุรากิแบบนี้จริงๆเหรอ ตาย ตายแน่ๆฉัน
"คุณคิโชวอิน พยายามเข้านะครับ" เอ็นโจหันมายิ้มให้ฉัน "ผมเองก็จะพยายามในการวิ่งแข่งแฟนซีเหมือนกัน"
แกล้งตายตอนนี้ยังทันรึเปล่าคะ
-------------
กูไม่รู้จะเขียนคาบุรากิให้บ้าๆบอๆไปกว่านี้ยังไงแล้วว่ะ กูขอโทษ 55555555555555555
>>843-846 เลิฟมึง เท่านี้ก็ถ่ายถอดความบ้านักษัตรของคาบุรากิออกมาได้ดีแล้วล่ะ ถถถถถถถถถ
โคตรชอบเอ็นโจในร่างเรย์กะ รู้สึกว่าบรรยากาศความสวยเสียของของนางจะหายไป กลายความสวยแบบมีเสน่ห์แพรวพราว
รู้จักอ่อยรู้จักหยอดแบบนางมารน้อยเข้ามาทันที... เอ้า ตายห่า นั่นมันเสป็คอุเมวากะคุงเลยนี่หว่า 55555555
ขอไร้สาระกับมะหมาคั่นเวลา กูชอบซีรีส์นี้ 555555
เป็นตอนๆสั้นๆไม่ต่อเนื่องกัน 2ตอน
---------------
« ตอน: พลังสุดเจ๋งของไซซายะ »
วันนี้พวกเราได้พบกับวาคาชิบะที่สวนสาธารณะอีกครั้งโดยบังเอิญ ไซซายะกระดิกหางรัวๆอย่างบ้าคลั่ง แล้ววิ่งลากพวกเราเข้าไปหาวาคาชิบะที่เดินเล่นกับเจ้านายสาวอยู่
"สวัสดี"
"อ๊ะ สวัสดีคุณไซซายะ"
"จำชื่อฉันได้ด้วยเหรอ?"
"จำได้ซิ นานๆจะเจออะไรแปลกๆอย่างหมาคนรวยข้ามถนนนี่นา อะฮะฮะ"
"เจ๋งใช่มั้ยล่ะ!"
เจ๋งยังไงกันน่ะไซซายะ...
สายจูงยังผูกติดพวกเราไว้ ฉันกับชูสุมอยเลยเดินไปที่อื่นไม่ได้ ต้องนั่งฟังไซซายะพล่ามเรื่องไร้สาระกับวาคาชิบะ
"เดี๋ยวฉันจะทำอะไรที่มันสุดยอดเจ๋งกว่านี้ให้ดู!"
"เห~ ไหนๆ"
ไซซายะเดินวนรอบตัววาคาชิบะ หนึ่งรอบ...สองรอบ...สามรอบ... ก่อนจะหมอบลงข้างหน้าแล้วเอาขาหน้าปิดตาตัวเองไว้
....?
ฉัน ชูสุมอย และวาคาชิบะเอียงคออย่างงงๆว่า เขากำลังทำอะไร ผ่านไปสักพักไซซายะก็ลุกขึ้นมายืนท่าทางมาดมั่นเต็มที่
"เจ๋งมั้ยล่ะ!"
"หา?"
"ไม่ทันสังเกตล่ะซิ! หายตัวไงล่ะ! แค่ปิดตาไว้ก็ไม่มีใครเห็นฉันแล้ว!"
ฉัน "...."
ชูสุมอย "...."
"... อะฮะฮะ ตลกจัง หมาคนรวยตลกแบบนี้กันหมดรึเปล่าน่ะ"
วาคาชิบะหัวเราะแล้วหันมาพูดคุยกับพวกเรา ฉันกับชูสุมอยส่ายหัวพร้อมเพรียงกันโดยไม่ต้องนัดหมาย
อย่าเอาฉันไปรวมกับเจ้าปัญญาอ่อนนี่นะคะ!
วาคาชิบะเป็นพวกเอ๋อๆเหรอเนี่ย ตลกตรงไหนกัน งี่เง่าชะมัด แค่ปิดตาจะหายตัวได้ยังไงกันเล่า! ฉันไม่เห็น คนอื่นก็ไม่เห็นน่ะเหรอ นายเป็นลูกหมารึไง?
ฉันกับชูสุมอยได้แต่มองไปทางไซซายะเงียบๆอย่างอเน็จอนาจใจ วาคาชิบะก็หัวเราะร่วนอย่างกับว่ามันตลกนักล่ะ ส่วนไซซายะยังคงกระดิกหางริกๆอย่างภาคภูมิใจ ไม่ได้รู้สึกตัวเลยสักนิด…
.
ขากลับจากการเดินเล่น ฉันเห็นรถกระบะเก่าๆคันหนึ่งวิ่งผ่านหน้าไป เห็นวาคาชิบะ และหมาอัลเซเชียนสีเงินตัวหนึ่งนั่งอยู่ด้วยกันที่ท้ายกระบะ
แต่ไซซายะคงจะไม่ทันได้สังเกตเห็น
« ตอน: หมากุ๊ยอุเมวาคาอิ »
"เฮ้ เธอน่ะ ไม่เคยเห็นหน้า มาใหม่เหรอ!"
วันนี้เจ้านายน้อยก็พาฉันออกมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะเหมือนทุกครั้ง ระหว่างที่เจ้านายน้อยปล่อยให้พวกเราวิ่งเล่นกัน ฉันก็ปลีกตัวออกมาเพื่อจะแอบไปสืบเรื่องของวาคาชิบะให้ไซซายะ ที่ยอมทำก็เพราะว่าเขาขอร้องมาหรอก ไม่ได้เห็นแก่กินสักนิด จริงๆนะ
ทว่าฉันกลับถูกขัดจังหวะโดยหมาแปลกหน้า
เขาเป็นหมาลายเสือพันธุ์คาอิตัวผู้ ท่าทางหยาบคายเหมือนกุ๊ย ไม่มีปลอกคอด้วยอะ น่ากลัวชะมัดเลยค่ะ
"เธอพันธุ์อะไรน่ะ?"
"...อเมริกัน ค็อกเกอร์ สแปเนี่ยลค่ะ"
"เห ชื่อยาวจัง หมาเมืองนอกเหรอ มาจากหมู่บ้านคนรวยตรงนั้นล่ะซิ ... นี่ๆ เห่าสำเนียงเมืองนอกให้ฟังหน่อยซิ! เหมือนกับญี่ปุ่นมั้ยน่ะ วังๆ? หรือโฮ่งๆ? บ๊อกๆ? วูฟๆ?"
... น่ารำคาญจัง
เขาพูดทีก็ก้าวเท้าเข้ามาใกล้จนฉันต้องถอยหลังไปเรื่อยๆ แต่เขาตัวใหญ่กว่าฉันเยอะแค่ก้าวเดียวก็โดนตามทันซะแล้ว แง้ อย่าเข้ามานะะะะ
"นี่ๆ ฉันเคยได้ยินว่าหมาคนรวยจะได้กินอาหารหมาเกรดพรีเมี่ยมที่แพงๆด้วยน่ะ จริงรึเปล่า รสชาติมันเป็นยังไงเหรอ เหมือนเนื้อติดกระดูกมั้ยน่ะ ขอชิมบ้างซิ! นะ นะ นะ ไว้ฉันล่าอีกามาแลกก็ได้!"
น่ารำคาญขนานแท้ ขอจัดให้อยู่กลุ่มหมาบ้ากลุ่มเดียวกับไซซายะเลยค่ะ
"ขนยาวแบบนี้ไม่ร้อนเหรอเนี่ย ดูแลลำบากแย่เลย แบบนี้คงต้องตัดขนบ่อยๆเลยซินะ ที่เขาเรียกว่าเพ็ทบิวตี้ใช่มั้ย โห นุ่มจังเลย! หอมน่ากินด้วย!"
กรี๊ดดด หยุดนะ! นี่มันล่วงละเมิดทางเพศนะคะ! อย่าเลียนะ! อย่ากัดด้วย! เพิ่งจะเข้าสปาแต่งขนใหม่เมื่อวานนี้เอง เสียทรงหมดแล้วอะ แง้ ใครก็ได้ช่วยด้วยค่าา
ฉันกำลังคิดหาทางหนีไปจากเจ้าหมากุ๊ยน่ารำคาญนี่ ระหว่างนั้นถอยหลังกรูดไปเรื่อย จนกระทั่งชนเข้ากับอะไรนุ่มๆที่ข้างหลัง
พอหันกลับไปก็เห็นว่าเป็นชูสุมอยที่นั่งจ้องเขม็งไปที่หมากุ๊ย ก่อนจะก้มลงมามองฉัน
ขนาดนั่งยังสูงกว่าฉันเลยอะ! ฮือ หมาตัวโตๆน่ากลั๊ว! อย่ากัดเค้านะ!
อะ แต่ว่าขนนุ่มจังเลยค่ะ ที่เห็นอ้วนๆนึกว่าลงพุงจริงๆแล้วแค่ขนฟูหรอกเหรอ ไม่ยุติธรรมเลยฉันก็พันธุ์ขนยาวเหมือนกัน แต่ทำไมหุ่นไม่เฟิร์มแบบนี้บ้างล่ะ?
"เรย์ทัน เจ้านายน้อยเรียกน่ะ"
"อ๊ะ ค ค่ะ"
ฉันหันซ้ายหันขวามองหมากุ๊ยกับชูสุมอยสลับกัน ก่อนจะรีบถอยกรูดออกมาจากวง วิ่งกลับไปหาเจ้านายน้อยทันที
“เอ๋~ เดี๋ยวก่อนซิ”
เจ้าหมากุ๊ยเห่าเรียก
พร้อมกันนั้นฉันก็ได้ยินเสียงขู่ขอชูสุมอยดังไล่หลังมา
กรี๊ดดดด ไปแล้วค่ะๆ รีบไปแล้วค่ะ อย่าขู่ใส่ซิคะ! ขาฉันมันสั้นน่ะเข้าใจมั้ย!?
แง้ เจ้านายน้อยช่วยด้วย!
ฟิคหมาโคตรน่ารักกกกกกกกกกกกกกก กูตายอีกแล้ว แงงงงงงงงงงง ขอบคุณมึงที่ต่อซีรี่ย์กู คาแรกเตอร์โดนใจกูมาก กูตายตาหลับแล้ว คร่อกก
ไซซายะ อิหมาอนุบาล ตลก วาคาชิบะจังเหมือนคุณม่เลย เห็นเด็กมันบ้า ก็ยิ้มอ่อนโยน ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แล้วนั่น ขนเงินนั้นนายตัวสำรองใช่ไหม คู่แท้วาคาชิบะแน่นอน เพราะไซซายะตอนแล้ว...//โดนไล่กัด
ส่วนนายบ้าหมาเวอร์หมาเอง ปากมากสุดๆ แต่น่าร้ากกก น่ารักยิ่งกว่าคือ ชุสุมอยหึงหน้ามืด เอื้อออ กุฟินนนนนนน ก๊าวมากกกก กรี้ดด//ขูดจอ
กรี๊ดดดดด กูอ่านจนตาเยิ้มไปหมดแล้ววว ขอบคุณทั้งโม่งแปล โม่งฟิค // หลังๆ กูก็แยกไม่ออกแล้วเหมิอนกันนะ โอยย มึนนนน
โหวด กุชอบชื่อกาวสตูดิโอ แต่พวกมึงช่วยตั้งชื่อให้สามัญชนไม่ตกใจหน่อยดิ!
ปล. กุคือโม่งข้างบนที่ๆทำงานมีแต่ผู้ชาย
เมื่อวานที่ทำงานกุสงสัยว่ากุแม่งพิมไรทั้งวันมาอ่านชื่อหัวกระทู้แล้วแล้วพูดว่า "เชี่ยไรเนี่ย"
ยังดีเขานึกว่ากุพิมพ์นิยาย ถ้ารู้กุพิมพ์กาวนี่กุคงเอาปิ๊ปคลุมหัว
>> 548-553 มาต่อแล้วค่ะ
----------------------------------------------------------
สถานที่จัดงานเลี้ยงยังคงเป็นที่เดิม แต่จากลานโล่งๆ ในคราวนี้ถูกแต่งเป็นประตูไม้เลื้อยดอกวิสทีเรียสีม่วงสลับขาว ห้อยลงมาเป็นแพ มีไฟติดเป็นระยะ เพื่อเพิ่มความสว่าง พอมองผ่านแสงแล้วบางพุ้มก็เป็นประกายสีชมพูเข้ม สวยมาก เหมือนกับอยู่ในความฝัน จนเผลอยิ้มออกมาเลยล่ะค่ะ
“ว้าว สวยจังเลยค่ะ~”
“ใช่ไหมฮะ คุณพี่เรย์กะ ผมอยากให้มาเห็นนี่แหละฮะ!”
“แหม ขอบคุณค่ะ ยูกิโนะคุง”
ฉันก้มลงไปยิ้มให้ยูกิโนะคุงที่จับมือฉัน ยูกิโนะคุงยิ้มตอบกลับมา
อาาา น่ารักจังเลย แต่ว่าพอผ่านวันนี้ไปคงไม่ค่อยได้เจอแล้วสินะคะ
ตะกี้ตอนเข้ามาในงาน เจ้าหน้าที่ทำหน้าที่ดูแลคนเข้ามาในงานเลี้ยงกลางคืนนั้นมองฉันอย่างงงงวย แต่เอ็นโจกล่าวเรียบๆ เพียงคำเดียวว่า ‘...เธอมากับผม’ เจ้าหน้าที่ก็รีบเปิดทางให้ฉันเลยค่ะ
รู้สึกเกรงใจที่ต้องรบกวนจังค่ะ
แต่ว่าไม่คิดเลยว่าเอ็นโจในการ์ตูนจะรักยูกิโนะคุงขนาดนี้ด้วย ตรงจุดนี้ช่างเหมือนท่านเอ็นโจเลยค่ะ ตามใจยูกิโนะคุงตลอดเวลาเลย
“ยูกิโนะ พี่จะไปหามาซายะกับคุณทาคามิจิ จะไปด้วยไหม” ตอนที่พูดชื่อคาราบุกิ เอ็นโจสบตากับฉันแวบหนึ่ง นัยน์ตาที่เหมือนจะลังเล แต่ว่าฉันคงคิดไปเองแน่ๆ เลยล่ะค่ะ
“ไปสิฮะ คุณพี่เรย์กะไปด้วยกันนะ”
“ไม่ดีกว่าจ้ะ พี่ขอนั่งรอตรงมุมโน้นดีกว่าจ้ะ ยูกิโนะคุง” ฉันบอกปัดไปพร้อมกับลูบหัวยูกิโนะเพื่อปลอบโยน แล้วลุกขึ้นมากล่าวขอบคุณเอ็นโจที่พาเข้ามาในงาน
“ขอบคุณท่านเอ็นโจ ที่พาดิฉันเข้ามาในงานค่ะ”
“หวังว่าคงไม่ก่อเรื่องหรอกนะ”
“ไม่ทำให้ท่านเอ็นโจต้องเป็นกังวลหรอกค่ะ ตอนนี้ดิฉันมาอยู่ในฐานะไหน ดิฉันรู้ตัวดีค่ะ” ฉันยิ้มแย้มตอบเอ็นโจ เดินไปหยิบน้ำจากบริกร และเดินไปตรงมุมที่ฉันบอกกับยูกิโนะ
รู้น่าว่าให้ทำตัวอยู่เงียบๆ เหมือนไม่ให้มีใครรู้น่ะ!
แต่ว่าขอแวบไปตักขนมมาทานนิดๆ หน่อยๆ ล่ะกันค่า~
หลังจากผ่านไปประมาณสักยี่สิบนาที ขนมในจานก็หายวับไปอย่างรวดเร็ว อยากกินอีกชะมัดเลยค่ะ แต่ต้องอดใจเอาไว้ ไม่งั้นจะอ้วนเอาได้
ฉันเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสังเกตว่าฉันมาที่นี่ แต่ก็ดีแล้วล่ะค่ะ อยู่อย่างนี้ไปจนจบงานก็ดีนะคะ
ฉันอยู่ว่างๆ มองเลยไปเห็นเอ็นโจกำลังคุยกับคาราบุกิและวาคาบะจัง สายตาของเอ็นโจมองคนทั้งคู่อย่างอ่อนโยน ส่วนยูกิโนะคุงก็ไปคุยเล่นกับเพื่อนร่วมรุ่นของเขา เห็นมาโอะจังกับยูริคุงด้วยล่ะ อยากเข้าไปคุยด้วยจังเลยค่ะ
เหงาจังเลยค่ะ
.
.
.
ฉันที่นั่งชมบรรยากาศไปเรื่อยเปื่อยอย่างเดียวดาย มองดูคนที่เริ่มเข้าไปในฟลอร์เต้นรำ ดีจังเลยค่ะ
“น้ำครับ คุณคิโชวอิน”
“...ท่านเอ็นโจ”
นึกว่าจะลืมฉันไปแล้วซะอีกค่ะ ฉันรับน้ำจากมือของเอ็นโจที่ยื่นมาให้ พร้อมกับขอบคุณเบาๆ เงยหน้ามองท่านเอ็นโจในชุดทักซีโดสีเทาเข้ากับสีผมเป็นสีอำพันแปลกตา มือข้างหนึ่งถือไวน์ อีกข้างหนึ่งกำลังเสมองไปอีกทาง ดูน่าหลงไหล เหมือนกับ…
เหมือนกับ...หลุดออกมาจากเจ้าชายในนิทานเลยค่ะ
“มาซายะกับคุณทาคามิจิกำลังไปได้สวย ผมหวังว่าคุณคิโชวอินจะไม่เข้าไปขัดขวางอีกนะ” แต่เรื่องคำพูดที่ทำให้คนชะงักนี่ อีกเรื่องนึงนะคะ
“ดิฉันไม่คิดจะทำอย่างนั้นแน่นอนค่ะ แล้วก็...”ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “อยากจะพูดเรื่องอะไรกันแน่คะ ท่านเอ็นโจ”
นี่ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อป่วนงานเลี้ยงซะหน่อย! ถ้ายูกิโนะคุงไม่ชวนมาฉันก็ไม่คิดจะมาเหยียบที่นี่หรอกนะ แค่นั่งนึกถึงความหลังก็แค่นั้นแหละค่ะ ก็เข้าใจอยู่หรอกค่ะ ว่าระแวง แต่แบบนี้ทำเอาความรู้สึกดีๆ หดหายหมดเลยค่ะ
“อื๋อ ตอบหนักแน่นดีนี่” เอ็นโจยิ้ม แล้วหัวเราะเบาๆ “ถ้าเช่นนั้นให้เกียรติเต้นรำกับผมสักเพลงได้ไหมครับ คุณคิโชวอิน”
อะ อาเระ?
มึนงงไปหมดแล้วค่ะ สรุปจะเข้ามาหาเรื่อง หรือว่าเข้ามาทำอะไรกันแน่คะ? ถ้าไม่เต้นก็ถือว่าไม่ให้เกียรติกับผู้ชวน แต่ว่าถ้าเข้าไปบนฟอร์ลล่ะก็ฉันไม่แย่เอาหรอกหรือคะ
ไม่เอาด้วยหรอกค่ะ
เมื่อเห็นฉันส่ายหน้า เอ็นโจก็ยิ้มน้อยๆ ไม่ได้ว่าอะไร
“ถ้างั้นมานี่ดีกว่าครับ”
“อะ เอ๋?” เอ็นโจดึงมือฉันไปโดยไม่ทันตั้งตัว เขาพาฉันเดินไปยังโซนซุ้มกุหลาบที่ตอนนี้ไร้วี่แววผู้คน ดอกกุหลาบหลากหลายสีสันกำลังเบ่งบานสะพรั่ง งดงามมากเลยล่ะค่ะ
“อ้ะ! กระดิ่งนี่?”
ฉันเดินเข้าไปหยุดอยู่ที่ซุ้มดอกกุหลาบสีแดง มีริบเบิ้นสีขาวผูกปลิวไสวในสายลม คล้ายผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว ข้างบนก็มีกระดิ่งแขวนอยู่ด้วย ตกแต่งได้สวยเหมือนเคยเลยนะ
ไม่รู้ว่าเอ็นโจมายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามฉันเมื่อไหร่ แต่เขาก็ยื่นมือไปจับที่ปลายผ้าด้านนึง แล้วยกยิ้มให้ฉัน
“สั่นกระดิ่งไหม คุณคิโชวอิน?”
“เอ๊ะ ค..ค่ะ” ฉันจับปลายอีกด้านนึง สั่นกระดิ่งพร้อมกับเอ็นโจด้วยความรู้สึกขัดเขินในอก เพราะก้มหน้าอยู่เลยไม่รู้ว่าเอ็นโจมองฉันด้วยสายตาแบบไหน
พอรู้สึกตัวอีกที ก็ตอนที่เขาเข้ามาประชิดตัวฉันแล้ว ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ทั้งสองมือของเอ็นโจยื่นมือมากุมมือของฉันเอาไว้แน่น
“คุณคิโชวอิน รู้ความหมายของซุ้มนี่รึเปล่าครับ?”
“?”
อื๋ม ไม่ใช่ว่าแค่ตกแต่งให้สวยๆ หรอกหรือคะ? ฉันเงยหน้ามองเอ็นโจ พบว่านัยน์ตาคู่นั้นกำลังมองลงมาที่ฉันด้วยสายตาที่จริงจังทำเอาพูดอะไรไม่ออก
“ตามตำนานของซุยรัน ว่ากันว่าคู่รักที่มาสั่นกระดิ่งที่นี่จะมีความสุขตลอดไปล่ะครับ”
เอ๊ะ มีตำนานแบบนั้นด้วยเหรอคะ? ก็ไหนท่านพี่บอกไม่มีอะไรพิลึกๆ แบบนั้นนี่คะ?
แต่เอ๊ะ เมื่อกี้ฉันสั่นกระดิ่งกับเอ็นโจ! ไม่สิ ฉันกับเขาไม่ใช่คู่รักกันเสียหน่อยค่ะ!
“คุณคิโชวอินตัดใจเรื่องมาซายะเถอะ”
เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยว แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับคาราบุกิคะ?
“ท่านเอ็นโจเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ”
ไม่สิเรย์กะคนก่อนชอบคาราบุกิ แต่ว่าฉันไม่ได้ชอบตานั่นนี่ แต่ดันเผลอตอบไปแบบนั้นแล้ว เอ็นโจถึงกับเบิกตากว้างแวบนึง ก้มมองลงมาแบบไม่แน่ใจ
“เข้าใจผิด งั้นที่ผ่านมาคุณทำเพื่อใครกันล่ะ คุณคิโชวอิน”
ตอบผิดเป็นภัยมหันต์อย่างร้ายแรง ยิ่งกับคนเจ้าแผนการอย่างเอ็นโจด้วยแล้ว จะว่ายังไงต่อดีล่ะคะ อา… ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งกดดันเข้าไปใหญ่เลยล่ะค่ะ ทำยังไงดี ทำยังไงดีล่ะค่ะ ตอนนี้ตาฉันเริ่มหมุนไปหมดแล้วล่ะค่ะ~
“ดิฉันหมายถึง ตอนนี้ดิฉันไม่คิดกับท่านคาราบุกิแบบนั้นแล้วยังไงล่ะคะ”
“ทั้งที่คุณทุ่มเทขนาดนั้นเนี้ยนะ?”
“ค่ะ ท่านเอ็นโจจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม แต่ในตอนนี้ดิฉันคิดเรื่องครอบครัวของดิฉันอย่างเดียวเท่านั้นค่ะ”
“...”
เอ็นโจเงียบไป สายตาของเราสองคนประสานกันอย่างเงียบงัน ตอนนี้ในหัวของฉันไม่ได้ยินแม้แต่เสียงดนตรี สิ่งที่ตรึงฉันไว้คือสายตาของเอ็นโจเท่านั้น ทั้งรู้สึกผิดที่เหมือนกับเอามาเป็นตัวแทนท่านเอ็นโจ แต่ว่า แต่ว่าใบหน้าที่เหมือนกับท่านเอ็นโจนี้ทำให้ฉันเผลอไผลไปแล้วล่ะค่ะ
ไม่รู้ว่าทำไมร่างกายถึงไม่ฟังคำสั่ง มืออีกข้างที่เป็นอิสระถึงได้ยื่นออกไปหมายจะแตะแก้มของคนตรงหน้า แต่แล้วเพราะเสียงของเขาทำให้ฉันหยุดชะงัก
“คุณคิโช..”
“ขะ...ขออภัยที่เสียมารยาทค่ะ ท่านเอ็นโจ!”
ฉันรีบพูด แล้วรีบผละออกจากที่ตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
ไม่ได้! ไม่ได้นะ! ไม่ได้เด็ดขาดเลย!
ฉันทำอะไรอยู่กันคะ ฉันน่ะไม่ใช่คนแบบนี้สักหน่อยนี่คะ
ฉันเข้ามาระงับสติอารมณ์ในห้องน้ำ ตอนนี้ผู้คนคงมัวจดจ่ออยู่กับฉากเต้นรำของคาราบุกิและวาคาบะจังอยู่แน่ๆ พอมองดูตัวเองในกระจก เทียบกับฉันที่ไม่มีใครสนใจ อยู่คนเดียวอย่างนี้ก็สาสมแล้วค่ะ
ไม่รู้ว่าทำไมน้ำตาถึงได้ไหลคลอลงมา
ฉันจะทำยังไงดี ฉันถึงกับทรยศท่านเอ็นโจเพราะว่าเอ็นโจที่มีบรรยากาศคล้ายกับท่านเอ็นโจเลยเหรอ
“แหม~ คุณคิโชวอินไม่เจอกันเสียนานนะคะ”
“อะค่ะ สวัสดีค่ะ” ฉันยิ้มน้อยๆ ตอบกลับไป ไม่คิดเลยว่าจะมีคนเข้ามาในตอนนี้ หรือว่างานเต้นรำจะจบแล้วนะ
“แต่ว่าสามัญชนแบบคุณคิโชวอินเข้ามาในงานได้ด้วยรึคะ รึว่าแอบเข้ามากันคะ?”
“เผอิญว่าท่านเอ็นโจให้เกียรติเชิญดิฉันมาเป็นเพื่อนกับน้องชายของท่านน่ะค่ะ” แล้วกล่าวตามจริง ถ้าอ้างชื่อเอ็นโจออกไป น่าจะ… อื๋อ น่าจะคุ้มครองฉันได้ส่วนหนึ่งล่ะมั้ง
เห็นไหมล่ะคะ พอได้ยินชื่อของเอ็นโจก็ตกตะลึงไปเลยล่ะค่ะ
“อุ้ย นี่ยังผละจากเรื่องท่านคาราบุกิไม่ทันไร ก็เข้าหาทางท่านเอ็นโจเสียแล้วหรือคะ คุณคิโชวอินนี่เสน่ห์แรงดีนะคะ~”
คำพูดเสียดสีชะมัดเลยค่ะ… แต่ก็ช่างเถอะ สิ่งที่ฉันทำมาก่อนหน้านี้มันก็ควรสมควรได้รับแล้วล่ะค่ะ ฉันไม่ได้โต้ตอบเพียงแค่ฉีกยิ้มที่มุมปากเพิ่มอีกนิดเท่านั้นเองค่ะ
“ถ้าพวกท่านไม่มีธุระอะไรแล้ว ดิฉันขอตัวกลับเข้างานก่อนนะคะ” ฉันโค้งตัว พร้อมกับจะสวนทางออกไป ทว่าผู้หญิงตรงหน้ากลับขัดขาฉันก่อน ทำให้ฉันล้มลง
อุหวา ทำไงดี?! เสื้อจะเปื้อนไหมเนี้ย!
“อุ้ยตาย~ ขออภัยด้วยค่ะ คุณคิโชวอิน ดิฉันซุ่มซ่ามไปหน่อยน่ะค่ะ~”
“...”
ฉันที่ล้มลงมองดูก้มดูเสื้อผ้าของตัวเอง จะมีรอยเปื้อนไหมเนี้ย เป็นสีขาวเสียด้วย ทำไงดีล่ะคะ คงต้องไปไปเอาน้ำมาลูบไว้ก่อนค่อยส่งไปซัก
“เป็นแค่สามัญชนมาตีตัวเสมอท่านเอ็นโจนี่มันออกจะเกินหน้าเกินตาไปแล้วนะคะ!”
“ใช่ค่ะ คนแบบคุณน่ะ ไม่สมควรที่จะอยู่เคียงข้างท่านเอ็นโจหรอก”
“...”
อื๋อ… ค่าซักรีดมันเท่าไหร่กันนะ แต่ว่าชุดแบบนี้คงแพงแหงเลย เงินเดือนจากงานพิเศษก็ยังไม่ออกซะด้วยสิ ขอติดเอ็นโจไว้ก่อนดีไหม หรือขอความช่วยเหลือจากท่านพี่ดีนะ ไม่สิ...เดี๋ยวลองขอร้องดูก่อนล่ะกัน
“อ้ะ!”
ไม่ทันตั้งตัวฉันก็ถูกผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มนั้นเชยหน้าฉันให้หันไปมองทางเธอ
“ฟังอยู่รึเปล่าคะ!”
“เอ๊ะ??” ฟัง ฟังอะไรเหรอคะ? เรื่องซักรีดเหรอคะ ไม่ต้องห่วงค่ะ น่าจะหาทางได้อยู่ค่ะ
“สามัญชนก็ควรอยู่ในที่ของสามัญชนสิคะ!”
“ท่านเอ็นโจคงโดนแผนสกปรกแน่ๆ เลยๆค่ะ”
ฉันเม้มปากแน่น อื่อ เข้าใจแล้วล่ะค่ะ ที่แท้ก็คงเข้าใจผิดเรื่องของฉันกับเอ็นโจนี่เอง แรงรักของพวกผู้หญิงนี่เยอะจังเลยค่ะ
...น่ากลัวจังเลยค่ะ ใครก็ได้ช่วยที!
“ทำอะไรน่ะ!”
“ทะท่านฟุยุโกะ!” เสียงของพวกผู้หญิงกลุ่มนั้นดูตกใจมากทีเดียวค่ะ แต่ว่า ฟุยุโกะ? หรือว่าจะเป็นท่านฮางิโนะโคจิ ฟุยุโกะ สาวสไตล์ญี่ปุ่นคนนั้นน่ะเหรอคะ? เป็นเพื่อนๆ กลุ่มเดียวกันกับฉัน แต่ว่าในการ์ตูนนั้น เหมือนท่านฟุยุโกะจะไม่ค่อยโผล่ออกมาเท่าไหร่นัก
พอพวกผู้หญิงกลุ่มนั้นตีวงหนีออกไป ฉันก็เห็นท่านฟุยุโกะที่ถอนหายใจ แต่ว่าขนาดถอนหายใจก็ยังงดงามเลยนะคะ
“...ตกต่ำขนาดนี้เชียวหรือคะ ท่านเรย์กะ”
ท่านฟุยุโกะเดินมาทางฉันแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงห่วงใย เอ๋…? มีคนเป็นห่วงฉันด้วยเหรอคะ…ทั้งที่ก่อเรื่องไปตั้งขนาดนั้นแท้ๆ
พอนึกๆ ดูในความทรงจำแล้ว เรย์กะในการ์ตูนนั่นมักจะออกมาก็ตอนที่กลั่นแกล้งวาคาบะจัง เพราะหึงหวง และมีเรื่องราวที่ใช้อำนาจในทางที่ไม่ดี เป็นคนที่ไม่เห็นหัวคนอื่น พูดจาเอาแต่ใจ หยิ่งยโส เรียกได้ว่าไม่มีข้อดีอะไรให้กล่าวถึงเลย แต่ว่านั่นเป็นเรื่องที่เผยให้เห็นแค่ในมุมมองของการ์ตูนเท่านั้นค่ะ
แต่ว่าเรย์กะก่อนที่จะมาเป็นฉันนั้น ที่ฉันลองนึกดูในความทรงจำของเธอกับพวกผู้หญิงที่ติดตามเธอนั้น เรย์กะก็ดูแลอย่างดี ไม่เคยให้อะไรขาดตกบกพร่องเลย...หรือว่าเป็นเพราะแบบนั้น ถึง…?
“ท่านเรย์กะ”
“คะ? เอ่อ ขออภัยด้วยค่ะ ท่านฟุยุโกะ ทำให้มาเห็นดิฉันในสภาพน่าอับอายเสียแล้วล่ะค่ะ” ฉันยิ้มแย้มตอบกลับไป และพูดอีกประโยค “และก็ต้องขอขอบคุณที่ช่วยเหลือคนอย่างดิฉันนะคะ”
“...” ท่านฟุยุโกะมองฉันอย่างชั่งใจชั่วครู่ “ท่านเรย์กะคะ”
“คะ?”
“ช่วยพึ่งพาพวกเรามากกว่านี้เถอะค่ะ!”
“เ------อ๋?”
“พวกดิฉันน่ะ เฝ้ามองท่านเรย์กะตลอดเลยนะคะ ท่านที่อดทนได้อย่างเข้มแข็ง แม้จะถูกท่านคาราบุกิหักหน้า หรือเรื่องที่ถูกลดขั้นเป็นสามัญชนทำให้ถูกรังแก แต่ก็ยังพยายามอยู่นั้นทำให้พวกเราประทับใจมาก พวกคุณคุคิโนะ และคุณเซริกะเองก็เป็นห่วงท่านเช่นกันค่ะ ถึงพวกเราจะออกหน้าไม่ได้มากนัก แต่ว่า แต่ว่า...ท่านไม่ควรทิ้งพวกเราไปไม่ใช่หรือคะ?”
“ทะ...ท่านฟุยุโกะ”
“ตอนที่ได้ข่าวว่าท่านเรย์กะเข้าโรงพยาบาล หรือจะย้ายโรงเรียน ทำเอาพวกเราทุกคนช็อคเลยนะคะ ถึงขนาดที่...ถึงขนาดที่...ต้องไป..”
ท่านฟุยุโกะเม้มปากแน่นเหมือนกับมีเรื่องที่อยากพูดมากมาย แต่แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแค่เอาผ้าเช็ดหน้าไปชุบน้ำ และมาเช็ดรอยที่เปื้อนให้ฉันเท่านั้น เหมือนเธออยากพูดอะไรออกมา แต่พูดไม่ได้งั้นแหละค่ะ
“เนื้อแท้ของท่านเรย์กะเป็นคนดี พวกเราที่อยู่ข้างท่านมานาน รู้ทั้งนั้นแหละค่ะ จะมีก็แต่ตอนที่ท่านคิดเรื่องท่านคาราบุกิมากไปเท่านั้นเอง ทำให้…”
“ขอบคุณค่ะ ท่านฟุยุโกะ”
ท่านฟุยุโกะเป็นคนดีจังเลย ยังอ่อนโยนเหมือนเดิมไม่มีผิดเลยล่ะค่ะ! ฉันเอื้อมมือไปจับมือของท่านฟุยุโกะเอาไว้
“ท่านเรย์กะ?”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ดิฉันตัดใจจากท่านคาราบุกิได้แล้วล่ะค่ะ”
“จริงรึคะ”
“ค่ะ แล้วก็ท่านฟุยุโกะคะ ต่อไปนี้ถึงดิฉันจะเป็นแค่สามัญชนธรรมดาๆ แต่ก็ขอเข้าไปคุยกับท่านฟุยุโกะและทุกคนอีกได้ไหมคะ?”
“แน่นอนสิคะ! ทุกคนรอคอยท่านเรย์กะอยู่เสมอนะคะ!”
อื๋อ ขอโทษนะเรย์กะ ดูเหมือนว่าฉันจะเข้าใจเรย์กะคนนี้ผิดไปแล้วค่ะ เรย์กะเธอเองก็ยังมีเพื่อนดีๆ หลงเหลืออยู่นะ!
ฉันออกมาจากห้องน้ำกับท่านฟุยุโกะ ที่พูดคุยกับฉันด้วยท่าทางเป็นกันเอง ก่อนที่ท่านฟุยุโกะจะขอแยกตัวออกไปเพราะเอ็นโจที่เดินมาหาฉัน เธอเอ่ยกับฉันว่าไว้ค่อยคุยกันหลังจากเปิดเทอมใหม่ค่ะ
“คุณคิโชวอิน!”
“ท่านเอ็นโจ ขออภัยด้วยค่ะ ดิฉันซุ่มซ่ามทำให้ชุดเปื้อนแล้วล่ะค่ะ!” ได้โปรดอย่าเพิ่มหนี้สินให้ฉันเลยนะคะ!
“คุณ...อา..เฮ้อ..เรื่องนี้ไม่เป็นไรหรอกครับ” ทำไมต้องถอนหายใจแล้วยิ้มแบบระอาใจแบบนั้นด้วยล่ะคะ! เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับสามัญชนเลยนะคะ
“ยูกิโนะเรียกหาคุณคิโชวอินน่ะครับ เพราะคุณไม่อยู่ในงาน”
“ยูกิโนะคุง? งั้นไปกันเถอะค่ะ” ฉันรับคำเอ็นโจ เราสองคนเดินไปหายูกิโนะคุงที่รออยู่ตรงซุ้มดอกไม้เมื่อครู่ ฉันคุยเล่นกับยูกิโนะคุงและเพื่อนของยูกิโนะคุงพักใหญ่ จนกระทั่งท่านพี่และท่านอิมาริเข้ามารับฉันที่งานเลี้ยง ถึงได้บอกลาจากมา
พอผ่านพ้นงานเลี้ยงฤดูร้อนไปแล้ว ฉันก็กลับเข้าสู่วงจรชีวิตสามัญชนเช่นเดิมค่ะ ยูกิโนะคุงก็ส่งเมลล์มาหาฉันบ้าง พวกเราติดต่อกันผ่านข้อความค่ะ แล้วก็มีได้คุยกับคุณคิคุโนะและคุณเซริกะ ที่ส่งข้อความมาขอโทษฉัน ที่ไม่ได้ช่วยเหลือตอนที่ฉันลำบากเลยหลังจากคืนวันงานที่ฉันได้คุยกับท่านฟุยุโกะ น่าจะเป็นท่านฟุยุโกะล่ะมั้งคะ ที่ส่งข่าวไปบอกพวกเธอ ทำให้ฉันไม่เหงาเลยล่ะค่ะ
ที่ทำงานที่มินิมาร์ทฉันปรับตัวได้ดีขึ้นแล้วค่ะ เริ่มสนิทกับอุเมวากะคุงแล้วค่ะ ได้เจอเบียทันแล้วด้วยล่ะ ยังน่ารักมากๆ เช่นเคยค่ะ อีกอย่างฉันได้เป็นเพื่อนทางเมลล์กับเบียทันแล้วนะคะ
ที่คาเฟ่ก็เหมือนกัน ตอนแรกทุกคนไม่สนิทกับฉันแท้ๆ แต่คงเป็นเพราะฉันมีความพยายามเลยทำให้ทุกคนค่อยๆ ยอมรับฉัน ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีค่ะ แต่ว่านะสิ่งหนึ่งที่เพิ่มเข้ามาในตอนนี้ และยิ่งทำให้ฉันไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่ ปัญหาหลักๆ เลยก็คือ เอ็นโจ ค่ะ
ทั้งที่บอกกับเขาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย แต่ทำไมเอ็นโจถึงได้ขยันมาที่ร้านคาเฟ่ทุกวี่ทุกวันล่ะคะ!
สายตาที่กดดันแบบนั้น ทำให้วันแรกๆ ฉันเกร็งเลยล่ะค่ะ ต้องคอยสอดส่องตลอดเวลาว่าจะมาไม้ไหน แต่พอสบตา เอ็นโจกลับยิ้มให้ฉัน อุ...วางแผนอะไรอยู่กันคะ?
พอเอ็นโจมา เพื่อนๆ ในคาเฟ่ก็มองฉันด้วยสายตาแปลกๆ ทั้งยังให้ฉันไปรับออเดอร์ของเอ็นโจตลอด นี่เขาไม่ได้มาหาฉันสักหน่อยนะคะ ทุกคนอย่างเข้าใจผิดสิคะ อย่ามองฉันด้วยสายตาหวานชื่นแบบนั้นน้าาา!
“เรย์กะจังดูซูบๆ ลงนะคะ” ท่านแม่ทักฉันในเช้าวันหนึ่งที่อยู่บ้าน พลางยกมิโซะซุปมาวางไว้บนโต๊ะอาหาร ไม่รู้ว่าทำไมพอเห็นมิโซะ ท่านพี่กับท่านพ่อถึงกับหน้าซีดเซียวเลยค่ะ
แล้วก็เวลาที่ท่านแม่เข้าครัวทำอาหารสลับกับท่านพี่บางครั้งนั้น ไม่รู้ว่าทำไมท่านพี่ถึงทำหน้าอยากจะห้าม แต่ก็ห้ามไม่อยู่เสียทุกครั้ง คงกลัวว่าท่านแม่จะเหนื่อยล่ะมั้งคะ แต่ท่านพ่อกับท่านพี่ก็กินอาหารที่ท่านแม่ทำหมดทุกครั้งนะคะ
ถึงแม้จะกินน้ำเปล่าเป็นขวดๆ ก็เถอะ กินน้ำเยอะแบบนั้นเดี๋ยวท้องก็อืดหรอกค่ะ!
“คงเพราะช่วงนี้หนูทำงานหนักไปหน่อยน่ะค่ะ ท่านแม่” เจอแรงกดดันของจอมมารเข้าไปน่ะค่ะ
“งั้นหรือคะ ถ้ายังไงหยุดพักบ้างดีไหม วันศุกร์เสาร์อาทิตย์นี้แม่ว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อนของแม่ เรย์กะจังก็ไปด้วยดีไหมคะ”
“เอ๋ แต่ค่าที่พักมันแพงนะคะ ท่านแม่” ไปตั้งออนเซ็นเชียวนะ
“คุณเรย์กะคะ!” อยู่ๆ ท่านแม่ก็พูดเสียงเฉียบขาดขึ้นมา ทำให้ฉันทำหน้าจริงจังตาม ถึงคุณแม่จะกลับมาลงท้านเรียกชื่อของฉันว่า ‘จัง’ แต่พอเวลาอารมณ์เสียก็จะเรียกฉันว่า ‘คุณเรย์กะ’ เหมือนเดิมค่ะ
“ค่ะ ท่านแม่”
“เรื่องความสวยกับเรื่องเงินมันคนละอย่างกันนะคะ คุณเรย์กะลองคิดดูสิ ถ้าเราไม่สวย จะมีใครที่ไหนเขามาชอบ...คุณเรย์กะคงไม่อยากที่จะอยู่เป็นโสดคนเดียวไปตลอดชีวิตหรอกใช่ไหมคะ?”
อุ...หวาาาา
ท่านแม่โหดร้ายที่สุดเลยค่ะ หยิบยกเรื่องความงามกับเรื่องคานทองมาพูดแบบนี้มันผิดกติกากันชัดๆ เลยนี่คะ
พอหันไปหาตัวช่วยจากทางท่านพ่อกับท่านพี่ พวกท่านก็ยิ้ม ไม่พูดอะไร ใบหน้าเหมือนมีธงสีขาวติดอยู่ ก็รู้อยู่หรอกค่ะ ว่าเวลาท่านแม่เอาจริงขึ้นมา มันก็น่ากลัว แต่ว่า แต่ว่า...บ้านเราต้องประหยัดไม่ใช่รึไงกันค้าาาาาาาา!
ลับหลัง หลังจากนั้นฉันก็ถามถึงท่านพี่เรื่องที่ท่านแม่จะไปเที่ยว แต่ท่านพี่บอกกับฉันว่าไม่ต้องห่วงเรื่องเงินขนาดนั้น ให้ท่านแม่กับฉันผ่อนคลายบ้างก็ดี เป็นอันว่าฉันจะถูกท่านแม่ลากไปเที่ยวแล้วค่ะ...
ระหว่างทางกลับห้อง ฉันได้ยินท่านพ่อคุยโทรศัพท์หาคุณซาซาจิมะ อดีตเลขาของท่านพ่อ ได้ยินแว่วๆ ว่าจะให้มาช่วยสอนท่านแม่ทำอาหาร อะไรสักอย่างเนี้ยแหละค่ะ อาหารที่ท่านแม่ทำก็อร่อยนะ ทานุกินี่!
***************************************************************************************************
// ท่านแม่ลิ้นจระเข้! แฮ่…!
ตัดฉับ
กำลังคิดว่าถ้าดำเนินเรื่องช้าไปคงไม่ดี ให้สกิลปักธงแบบรัวๆ เลยแล้วกันนะ (?) --คิดอยู่ว่าจะเอาพาทความคิดของคาราบุกิมาลงดีไหม
แต่พอไล่อ่านๆ ดูเป็นมุมมองที่คาราบุกิกลัวเอ็นโจมาก เลยยังไม่กล้าเอามาลง--*
เรย์กะแมงลิ้นจระเข้ กินอะไรก็อร่อยไปหมด 555555555555555
กูชอบฟิคมึงมาก เอ็นโจวก็ตามจีบไม่ปล่อยเลยเชียว 555555555555555
กูแต่งฟิค โลกคู่ขนานแยกอีกเรื่องก็แล้วกัน
ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่คนแต่งก่อนหน้านี้น้า
ชื่อเรื่องแล้วเราก็ตามหากันจนเจอ ...ถุย น้ำเน่าชิบ 5555
--------------------------------------
วันนี้คือวันแต่งงานกับผมและเรย์กะ
แปลกใจสินะที่ผมเรียกชื่อของเธอตรงๆ หลังจากที่เราคบกัน เราก็ตกลงกันว่าจะเรียกด้วยชื่อเฉยๆ แต่ต่อหน้าคนอื่นพวกเราต้องรักษาภาพลักษณ์และมารยาทของผู้ดี เลยยังคงเรียกด้วยคำว่าคุณนำหน้า เรย์กะเองก็เปลี่ยนจากเรียกท่านเป็นคุณเช่นกัน
ผมเคยวาดฝันเวลานี้มานานแล้วตั้งแต่สมัยยังเรียนที่ซุยรัน พอมาเจอจริงๆกลับตื่นเต้นจนในลนลานไปหมด ที่ซ้อมในใจตั้งแต่เมื่อก่อนพอเจอของจริงดูจะช่วยอะไรไม่ได้เลย
ผมกำลังเดินทางไปยังสถานที่จัดงานแต่งงานเป็นโบสถ์แสนสวยที่เรย์กะเคยบ่นว่าอิจฉาคนที่แต่งงานที่นี่
ผมในชุดเจ้าบ่าวนั่งอยู่หลังรถที่แล่นไปบนท้องถนน ยิ้มบนใบหน้าไม่อาจหุบได้เลย ผมดีใจ....ดีใจจริงๆ
ขณะวาดฝันถึงเรย์กะในชุดเจ้าสาว เสียงโทรศัพท์ของบอดี้การ์ดของผมก็ดังขึ้น เขายกโทรศัพท์มือถือมารับ คุยกันสักพักหน้าก็กลายเป็นซีดเผือด แล้วหันมาทางผม
"เกี่ยวกับผมรึเปล่า" เนื่องจากวันนี้เป็นวันงาน ผมจึงไม่พกโทรศัพท์มือถือไว้กับตัว เห็นบอดี้การ์ดหันมาทางผมด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ก็รู้ได้ทันทีว่าในสายนั้นเขาโทรมาหาผม
"ครับ ท่านชายเอ็นโจว..."
"งั้นส่งมาให้ผม" โทรมาตอนนี้คงมีธุระด่วนจริงๆ ผมถอนหายใจเล็กน้อย ส่วนบอดี้การ์ดยังคงทำหน้าอึกอักไม่ยอมส่งโทรศัพท์ให้ผม จนผมต้องเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ เห็นสีหน้าย่ำแย่ของบอ์ดี้การ์ดในใจเริ่มวูบโหวงด้วยสังหรณ์ไม่ดี
"คุณคิโชวอินประสบอุบัติเหตุ... อาการเป็นตายเท่ากันครับ"
ตอนนั้นโลกของผมได้พังทลายลง
.
.
.
.
เธอกำลังนอนหลับ
คุณหมอบอกว่าสมองเธอได้รับการกระทบกระเทือนรุนแรง จนกลายสภาพเป็นเจ้าหญิงนิทรา โอกาสที่จะฟื้นแทบไม่มี แต่ด้วยความร่ำรวยของตระกูลคิโชวอินและผมเอง เราทำทุกวิถีทางที่จะรักษาเธอ ขอแค่เธอกลับมาหาพวกเรา ผมเอางานของบริษทมาทำงานในห้องของเธอ เพื่อที่จะอยู่เคียงข้างเธอ...ผมอยากเป็นคนแรกที่เธอเห็นตอนเธอตื่นขึ้นมา เช่นเดียวกับพี่ชายของเรย์กะที่ตอนนี้ก็เอางานมาทำที่โรงพยาบาลเหมือนผม
หนึ่งเดือนแล้ว...
เธอกำลังนอนหลับ อาการเริ่มทรุดตัวลงอย่างช้าๆ
ผมสงสัยจังว่าเธอกำลังฝันถึงเรื่องอะไรอยู๋
อาจเป็นเรื่องของกินที่เธอชอบ งานเย็บปักที่เธอรักแม้ฝีมืออาจจะยังต้องฝึกอีกมากก็เถอะ
หรือไม่ก็...
งานแต่งงานของเรา....
ตอนนี้เธอเหมือนกับเจ้าหญิงนิทราผู้งดงาม
เพียงแต่จุมพิตที่ผมมอบให้นับพันครั้งกลับไม่สามารถปลุกเธอขึ้นมาได้
ทำไมกันล่ะ... ทุกคนต่างเรียกผมว่าเจ้าชาย
เจ้าชายต้องปลุกเจ้าหญิงนิทราขึ้นมาไม่ใช่เหรอ
นี่เรย์กะ...
ตื่นสิ
มายิ้มให้ผมเห็นหน่อยได้ไหม...
ผมกุมมือเธอ สภาพของผมเริ่มทรุดโทรมจนมาซายะทนไม่ไหว ดึงผมออกมา แล้วให้คุณทาคามิจิเข้าไปดูแลเรย์กะต่อ
"ชูสุเกะ ฉันรู้ว่านายสภาพจิตใจย่ำแย่ แต่นายจะทำงานและเฝ้าคิโชวอินโดยไม่ดูแลตัวเองไม่ได้ กินข้าวบ้างเถอะ" พอได้ยินมาซายะเรียกชื่อผม ผมก็เหมือนได้ยินเสียงเรย์กะ เธอมักจะเรียกผม ชูสุเกะ ชูสุเกะ... ผมเงยหน้า รู้สึกเหมือนโลกสว่างในพริบตา
"เรย์กะกำลังเรียก ผมต้องไปแล้ว"
"เดี๋ยว! ชูสุเกะ!" ผมไม่ฟังคำพูดของมาซายะ วิ่งกลับเข้าไปยังห้องที่คุณคิโชวอินนอนอยู่ คุณทาคามิจิดูตกใจเมื่อผมเข้าไปในห้อง
เธอยังไม่ตื่น
ผมหัวเราะอย่างขมขื่น
ทรุดตัวลงข้างๆเตียงของเธอ กุมมือเธอไว้ แล้วแย้มยิ้มแบบที่เมื่อก่อนเธอมักจะทำท่าทางกลัวเสมอ
ตื่นสิเรย์กะ ผมยิ้มแบบนี้แล้วนะ เธอต้องลุกขึ้นมาทำหน้าไม่ไว้ใจแล้ววิ่งหนีผมสิ
เรย์กะที่แสนขี้ขลาดของผม
.
.
.
.
เดือนที่สอง
เรย์กะก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา
จะนอนขี้เกียจเกินไปแล้วนะ เรย์กะ
แต่เหมือนร่างกายผมจะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เพราะร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอและขาดสารอาหารผมจึงวูบไป รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่บนเตียงข้างๆเรย์กะ
ผมเห็นท่านแม่และน้องชายของผมร้องไห้ ผมรู้สึกผิดมาก แต่ผมน่ะ... ยังทำใจไม่ได้จริงๆ
ขอโทษนะครับ...
"ถ้าแยกอีกห้องนายก็ดื้อจะมาอยู่ตรงนี้ใช่ไหม" มาซายะบอกกับผมเขานั่งอยู่ข้างเตียง "เมื่อก่อนนายมักมีเหตุผล และคอยเตือนฉันตลอดแท้ๆ ทำไมตอนนี้กลับเป็นฉันที่เตือนนายล่ะ" เขาบ่น ผมได้แต่ยิ้มอ่อนแรงไปให้
"อย่าทำให้เป็นห่วงสิ..." เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นมาซายะร้องไห้นอกจากเรื่องอกหักจากคุณยูริเอะ "นายเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของฉันนะ เจ้าบ้า"
"...โทษทีนะ" เขาไม่รับคำขอโทษของผม ยังด่าผมว่าเจ้าบ้าซ้ำๆ
"วันนี้วาคาบะทำอาหารมาให้กิน อร่อยมาก ถ้านายไม่กิน วาคาบะจะเสียใจ ฉันจะเอาช้อนยัดปากนาย"
อาหารของคุณทาคามิจิอร่อยอย่างที่มาซายะบอก แต่ผมกินได้นิดเดียวก็รู้สึกพะอืดพะอมไม่อยากอาหาร แต่เพราะสายตารบเร้าของมาซายะและท่านแม่กับยูกิโนะ เลยฝืนกินจนหมดแล้วล้มตัวลงนอน เพื่อที่จะได้พักผ่อนได้เต็มที่ ท่านแม่กับพวกมาซายะออกไปจากห้องพักผู้ป่วย เหลือคนเฝ้าเพียงพี่ชายของเรย์กะที่กำลังทำงานอยู่ที่โซฟามุมห้องเงียบๆ
ผมไม่ได้สนใจเขามากนักเพราะรู้เองว่าเขาก็ไม่ต่างจากผม ผมมองเรย์กะที่อยู่เตียงข้างๆ เอื้อมมือไป กุมมือของเธฮที่มีสายน้ำเกลือติดอยู่
"เรย์กะ ผมป่วยล่ะ รีบมาดูแลผมเร็วเข้า" ผมพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
.
.
.
.
เธอยังคงไม่ตอบผม...
........................................................
ผมหลับไป หลับลึกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนหลังจากวันที่เรย์กะประสบอุบัติเหตุ
ผมเหมือนได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย เลยลืมตาตื่นขึ้น
ภาพที่เห็นกลับไม่ใช่โรงพยาบาลเป็นห้องโถงงานเลี้ยงอะไรสักอย่าง ผู้คนต่างมุงอยู่รอบตัวของผม ข้างกายผมไม่มีเรย์กะหลับอยู่เคียงข้าง สมองผมตกใจจนแข็งทื่อไปหมด
"ชูสุเกะ นายเป็นอะไร เมื่อทำท่าเหมือนจะวูบไป" เสียงของมาซายะดังขึ้น ผมหันไปมองเขา เขาอยู่ในชุดสูธเต็มยศ ข้างกายมีคุณทาคามิจิที่ทำท่าทางตื่นๆทำตัวไม่ถูกอยู่
อาการป่วยและคลื่นไส้เมื่อวานนเหมือนจะหายดีเป็นปลิดทิ้งเหมือนเป็นความฝัน...
ความฝัน...งั้นเหรอ?
"นายไม่เป็นไรก็ดีแล้ว งั้นมาเริ่มงานกันต่อ" มาซายะพูดกับผม แววตาฉายแววเหี้ยมเกรียมขึ้น
"งาน?"
"หือ นายเหมือนจะเบลอๆกว่าทุกทีนะชูสุเกะ ทั้งๆที่นายคิดแผนนี้แท้ๆ" มาซายะกำลังพูดในสิ่งที่ผมไม่เข้าใจ เขาหัวเราะนิดหน่อยก่อนเฉลยผม "กำจัดตัวน่ารำคาญออกไปไงล่ะ"
ตัวน่ารำคาญ? ....ใครกัน
มาซายะเหมือนจะไม่เห็นสีหน้าที่งุนงงของผม เขาก้าวเท้าออกไป แหวกกลางผ่านเหล่าผู้คนที่มามุงจนไปถึงจุดหมาย
ที่มีร่างเด็กสาวบอบบางคนครึ่งนั่งทรุดตัวอยู่บนพื้น เธอมองรอบข้างอย่างงุนงง เหมือนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัว เธอตรงหน้าผมดูเด็กกว่าในความทรงจำล่าสุดของผม แต่ผมรู้ดีว่าเธอคือใครด้วยใบหน้าและทรงผมอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ คนที่ผมไม่มีทางลืมได้ชั่วชีวิต
"ไง คิโชวอิน แกล้งเป็นลมสนุกไหม พอไม่มีคนสนใจก็ทนไม่ไหวตื่นมาอีกเหรอ"
"คุณคาบุรากิ?" พอเธอเห็นหน้าคาบุรากิเธอก็ยิ้มดีใจเหมือนได้เจอเพื่อนท่ามกลางคนแปลกหน้า พยายามลุกขึ้นตรงไปหามาซายะ มาซายะทำท่ารังเกียจแล้วผลักเธอออก ร่างกายของเธอที่ดูเหมือนจะอ่อนแรงอยู่แล้วเลยล้มลงไปอีกรอบ มาซายะส่งเสียงเหอะแล้วบอกว่าปกติเรียกท่านคราวนี้มีตีสนิทเรียกคุณเหรอ เรย์กะกับผมมองไปทางมาซายะอย่างไม่เข้าใจ และผมโมโหมากที่มาซายะกระทำกับเรย์กะแบบนั้น ขณะที่กำลังจะเดินไปต่อว่า มาซายะกลับตะโกนดังก้อง
"วันนี้จะไม่มีการหมั้นของฉันกับคิโชวอิน เรย์กะอะไรทั้งนั้น" ผมชะงัก ประมวลผลคำพูดของมาซายะอย่างุนงง
"คนที่ฉันรักและจะแต่งงานด้วยคือผู้หญิงคนนี้เท่านั้น" มาซายะกุมมือของคุณทาคามิจิที่ยืนอยู่ข้างๆ ให้คำมั่น เรย์กะเองก็มองสองคนข้างหน้าด้วยความงุนงงเหมือนเดิม เธอไม่พูดอะไรออกมา ยังคงมองไปที่มาซายะ และเหมือนเธอจะยังไม่เห็นผม
แต่ว่ามาซายะกับคุณทาคามิจิ... พวกเธอแต่งงานกันแล้วไม่ใช่เหรอ
เรื่องไม่หมั้นเรย์กะ และจะหมั้นคุณทาคามิจินั่นมันอะไรกัน
ที่สำคัญเรย์กะของผมไม่เคยคิดจะหมั้นกับนายสักหน่อย
เรย์กะยังเงียบสนิท แต่ผมสังเกตุเห็นว่าแววตาของเธอเหมือนมีความกระจ่างในอะไรบางอย่างแล้วแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว ทำให้มาซายะที่เห็นเรย์กะเงียบไปพูดขึ้นอย่างแปลกใจ
"ไม่โวยวายงั้นเหรอ... ช่างเถอะ...และนี่คือหลักฐานการฉ้อโกงของตระกูล! พวกเขาไม่สมควรอยู่ระดับเดียวกับพวกเรา" ข้อมูลถูกแจกจ่ายทั่วงานเลี้ยง ประธานและคุณนายคิโชวอินหน้าซีดเซียวประกาศว่าตนไม่ได้ทำ แต่ตอนนั้นเหล่าบอดี้การ์ดก็มาลากตัวพวกเขาออกไป และกำลังจะมาลากตัวเรย์กะไปด้วยเช่นกัน
ผมพุ่งตัวผ่านมาซายะ วิ่งไปหาเธอ
เธอเองก็มองเห็นผมแล้ว วินาทีที่เราสบตากัน ผมเห็นดวงตาของเธอเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา เรียกชื่อผมแผ่วเบา
"ชูสุเกะ..."
เป็นเธอ...
เธอคนนั้นของผม
ผมผลักบอดี้การ์ดที่เข้าใกล้เธอจนล้ม ไม่สนใจเสียงร้องตกใจของคนรอบข้าง ไม่สนใจสายตาของมาซายะที่มองผมอย่างตกใจ ไม่สนสายตาแปลกใจของพวกท่านแม่ที่มองมาที่ผม ไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น!
ผมนั่งคุกเข่าแล้วรวบตัวเธอมากอดไว้
กอดแนบแน่น สาบานว่าจะไม่ปล่อยเธอไปอีก
.
.
.
.
แล้วร้องไห้ออกมาเหมือนกับเด็กๆ
..........จบ
วิ่งหนีด้วยความเร็วแสง
กูเริ่มสงสัยแล้วว่ะว่ากว่าอฟช.จะจบจะเกิดฟิคกาวขึ้นมาอีกกี่จักรวาล fandom วะเนี่ย...
อาาาาาาาาาาาาาาาาา เห็นคอมเมนต์เรื่องที่บอกหัวหน้าห้องต่างหากที่รู้จักเรย์กะดีที่สุด ทั้งนิสัยใจคอ ความรักครั้งแรก หรือสัตว์รุมเกลียด ไม่ใช่เอ็นโจ กูอยากจะเถียงเขาจังว่ะ ว่าหัวหน้าห้องก็รู้เพราะเป็นเพื่อนกับเรย์กะ แต่โมเมนต์เอ็นโจนี่มันแฝงมาเนียนๆเกือบทุกตอนเลยนะเว้ย แบบต้องจับสังเกตอะถึงจะรู้ว่าเอ็นโจก็สอดส่องเรย์กะอยู่ อ่านใจเรย์กะได้ด้วยว่าคิดอะไร ถึงขั้นรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ถ้าไม่สังเกต ไม่ติดตามพฤติกรรมเขา จะไปรู้ความรู้สึกนึกคิดเขาเหรอ แล้วที่บอกว่าชงให้คาบุรากิตลอดมันก็ไม่ใช่นะ ตอนหิ่งห้อยเห็นเพื่อนแล้ว รู้ว่าเพื่อนอยู่ตรงไหน แต่ก็จะอยู่กับเขา ไม่พาเรย์กะไปหาด้วยซ้ำ ยืนดูหิ่งห้อยด้วยกันแบบโรแมนซ์ๆในสายตาคนนอกอีกต่างหาก แล้วก็จับหิ่งห้อยให้ด้วย จะชงให้เพื่อนเขาไม่ทำกันขนาดนี้
แล้วเปิดเรื่องมา เรย์กะบอกว่าชอบหน้าของเอ็นโจมากกว่าคาบุรากิ ไม่ใช่เรย์กะชอบคาบุรากิที่สุดนะ //กูไฟ้ว์เพื่อเรือกูวววววว
ขอค้านคอมเม้นท์ในแมวดุ้นอ่ะ เดี๋ยวรอคนเปิดเยอะๆแล้วไปด้วย #ทีมอิมาริ
กูว่าปล่อยเมนท์นั้นเขาไปเต๊อะ เดี๋ยวไม่นานมันจะมีโมเมนต์นึงที่ชัดมาก ไม่กาวด้วย ยังจะเถียงอีกมั้ยว่าว่าเอ็นโจไม่ได้คิดอะไรกับเรย์กะแล้วชงให้คาบุรากิอีกงั้นเหรอ พอตอนนั้นมาถึงก็เอาไปอ่านวนไปนะคะ เราก็มาสูดกาวของเราในนี้กันต่อ
แมวดุ้นเขาไม่พี้กาวแบบเรา แต่กุค้านเรื่องหัวหน้าห้องสุดใจว่ะ หัวหน้าห้องเป็นเพื่อนก็จริง แต่เรย์กะไม่ได้แสดงอะไรเยอะมากนะ ที่รู้ๆคือรู้อันที่บังเอิญเห็น ในขณะที่เอ็นโจว เรย์กะไม่ได้บอกเชี่ยไรเลย รูุ้กอย่าง มองหน้าก็เหมือนรู้แล้ว โคตรสตอร์กเกอร์ขั้นสูง 5555555555555555555 ยิ่งดิบหลังๆ กูยิ่งคิดว่าใช่ ฮีแกมีความสุขกับการแกล้งให้เรย์กะกลัวและระแวงมาก 55555
กูรวมรายชื่อมาให้โหวตใหม่ตรงนี้นะ เริ่มโหวตใหม่เลย
1 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันยามบ่ายกลางจักรวาลแห่งกาว (ดาวเคราะห์ดวงที่ 4)
2 ฮาเร็มเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับช่องมโนแห่งมิติพิศวง (เรือโนอาลำที่สี่)
3 ฮาเร็มเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับสตูดิโอกาวโปรดักชั่นหมายเลข 4
4 ฮาเร็มเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชากับหลุมดำแห่งกาวแล็กซี่ซุยรัน (มิติที่ 4)
5 ฮาเร็มเจ้าแม่เรย์กะ : จิบน้ำ(กัญ)ชาทัศนา คณะตลกสามช่า (พระราม4)
3 เหมือนกัน
ข้อ 3 คือความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน...
ฟิคกาวกูอยู่ไหน!!!
ชอบทุกชื่อนะ แต่3มีนิมิตหมายที่ดีต่ออนาคตการสูดกาวที่สุดแล้ว กา3เลย
ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก ดีใจที่พวกมึงชอบชื่อนี้กันนะ สตูดิโอกาวจริงๆ พล็อตมากมาย บทหลากหลาย ถ่ายทำกันแทบไม่ได้หลับได้นอน
ใครจะตั้งกระทู้ กูพิมพ์คำว่า"ของ"ตกไปว่ะ ช่วยแก้จาก "ฮาเร็มเจ้าแม่เรย์กะ" เป็น"ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ" ด้วยนะ จะได้ขึ้นต้นเหมือนๆกัน
เดี่ยวกุว่าพวกมึงใจเย็นก่อนจริงๆแล้วมันก้อควรจะมีหลายเรือให้ลงนะอย่าไปพึ่งไปแย้งความคิดใครแค่พวกเราเสพกาวท่านเอ็นโจกันเกินขนาดมากกว่าในแมวเอง5555
ถ้ามีกาวเรือรองจะมีใครอยากเสพมั้ยอะ ขอลองsurvey ตลาดดู
กุอยากรู้ถ้าคาบุรากิใน kimi dolche มาอยู่ในร่างบากะรากิจะเกิดอะไรขึ้นวะ ยิ่งถ้าฟื้นมาตอนจีบวาคาบะยังไม่ติด จะตลกแค่ไหน5555555
ได้หมด ถ้าสดชื่นค่ะ. ซูดดดดดดดด
>>930 เห็นเรย์กะคิมิดอลเปิดซีรีย์ใหม่ เป็นสาวร้านขายปลาก็ขมวดคิ้ว เธอนี่ใจโลเลจังเลยนะ สิบสองนักษัตรยังไม่สมบูรณ์แบบ เธอก็จะทิ้งมันไปแล้วเปิดซีรีย์อุราชิมะ ทาโร่แทนงั้นเหรอ หัดคิดถึงความรู้สึกของหนู แมว ลา ไก่ แกะที่เธอทิ้งไว้ข้างหลังด้วยสิ แต่เอาเถอะ ถ้าเธอเลือกแล้วฉันก็จะสนับสนุน //เอาชุดเต่าให้เรย์กะคิมิดอล
เออ ถ้าบากะรากิไซซายะไปอยู่กูว่าที่นั่นคงช็อก เอ็นโจกูต้องเอ๋อแดกแน่ๆ55555
วันนี้มีกาวมาเพิ่มมั้ยยย ว่าแต่พวกโม่งที่แต่งเอ็นโจ side story พาร์ทหายไปไหนหมด
แปลไทยมาถึงตอนให้ลาเต้อาร์ทนุ้งต่ายแล้ว อยากเห็นมุมมองอันโรแมนติก 5555
>>935 กูอยากเห็นด้วยยยยยยยยยยยยยยยย
เตือนเพื่อนโม่ง ประมาณ เม้น 980 ตั้งห้องใหม่เลยนะพวกมึง ใครตั้งเขียนไว้เลยว่า จองตั้งห้องจะได้ไม่ตั้งซ้ำ ผมโหวตน่าจะชนะใสๆคือ
ฮาเร็มเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับสตูดิโอกาวโปรดักชั่นหมายเลข 4
เอาไว้พูดคุยเรื่อง "นอบน้อมและหนักแน่น คือคติประจำใจในการใช้ชีวิตของฉันค่ะ!"
รักใคร อวยใคร ชอบใคร อยากให้ใครเข้าวิน เชิญได้ที่กระทู้นี้
謙虚、堅実をモットーに生きております!
นอบน้อมและหนักแน่น คือคติประจำใจในการใช้ชีวิตของฉันค่ะ!
(RAW) http://ncode.syosetu.com/n4029bs/
(TH) http://www.nekopost.net/novel/3015
_______________________________
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ [เรือลำที่ 1 : องค์ชายเอ็นโจ]
https://fanboi.ch/webnovel/3289
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำชายามบ่ายของโม่งซุยรัน [ซาลอนที่ 2]
https://fanboi.ch/webnovel/3364/
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันยามบ่ายกลางจักรวาลแห่งกาว (ยานแม่ลำที่3)
https://fanboi.ch/webnovel/3451/
สารบัญแฟนฟิค-แฟนอาร์ต-รายชื่อตัวละคร
https://justpaste.it/reika
แก้
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับสตูดิโอกาวโปรดักชั่นหมายเลข 4
เอาไว้พูดคุยเรื่อง "นอบน้อมและหนักแน่น คือคติประจำใจในการใช้ชีวิตของฉันค่ะ!"
รักใคร อวยใคร ชอบใคร อยากให้ใครเข้าวิน เชิญได้ที่กระทู้นี้
謙虚、堅実をモットーに生きております!
นอบน้อมและหนักแน่น คือคติประจำใจในการใช้ชีวิตของฉันค่ะ!
(RAW) http://ncode.syosetu.com/n4029bs/
(TH) http://www.nekopost.net/novel/3015
_______________________________
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ [เรือลำที่ 1 : องค์ชายเอ็นโจ]
https://fanboi.ch/webnovel/3289
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำชายามบ่ายของโม่งซุยรัน [ซาลอนที่ 2]
https://fanboi.ch/webnovel/3364/
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันยามบ่ายกลางจักรวาลแห่งกาว (ยานแม่ลำที่3)
https://fanboi.ch/webnovel/3451/
สารบัญแฟนฟิค-แฟนอาร์ต-รายชื่อตัวละคร
https://justpaste.it/reika
มึงคะ เหมือนกุเคยเห็นเรือลำอื่นด้วย ไปไหนหมดแล้วอ่าคะ?
ยิ่งน้อยลำยิ่งต้องผลิตค่ะ เรือเอ็นโจวนี่ ก่อนมีโม่งนี่เหมือนกับพายไม้จิ้มฟัน ไม่เห็นมีใครเม้นเชียร์ท่านเอ็นโจวคนเราไม่กล้าเม้นเชียร์ด้วย มาเจอกันเลยเหมือนปลดปล่อย ผลิตเองรัวๆ จนเมากาวกันถ้วนหน้า เรืออื่นมาดูยังเมาตาม 5555 เวลากูอ่านเรื่องอื่นกูชอบอยู่เรือลำเล็ก แต่ที่กูเห็นเหมือนๆกันคือลำเล็กจะมีความทรหดในการแจวเรือสูง ผลิตเองเสพเอง ไม่รอใคร เพราะรอแล้วมันไม่มี 55555 เพราะงั้นโม่งเรือลำอื่น แต่งเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่อะไรถึงกูเรือเอ็นโจว แต่กูเสพได้ทุกลำยกเว้นเรือคานกูแบนนน กูแอนตี้ คานจงหายไป!
เรืออิมาริก็น่าสนนะ ออกแนวน้องสาวเพื่อนผมที่เห็นมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยโตเป็นสาวแล้ว ผมเลยชักจะหวั่นไหว แถมหัวใจเธอยังว่าง จีบเลยดีมั้ย แต่พี่ชายเขาหวง เข้าใกล้ไม่ได้เลยล่ะครับ
แต่สำหรับกู อิมาริมีโมเมนต์กับท่านพี่มากกว่าเรย์กะอีกง่ะ ทำให้กูจิ้นไม่ค่อยออก แต่ใครอยากขายกาวให้กู กูก็ไม่ขัดศรัทธานะเอ้อ
>>943 ท่านอิมาริได้ยินข่าวแว่วๆจากเพื่อนที่เรีนพิเศษเรย์กะว่าแอบชอบพี่ชายไรงี้ แล้วใจเต้นโดคิโดคิเปล่า แต่บังเอิญพี่ชายยืนอยู่ข้างเลยโดนโยนลงอ่าวโตเกียว
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
//เอาจริงๆ อิมารินี่กูก็จิ้นนะ แต่ไม่รู้ทำไมพอจิ้นทีไร ภาพท่านพี่ถ่วงหมอนี่ลงอ่าว ปรากฏชัดทุกที แอบเรย์กะชอบคนอื่นท่านพี่มองห่างๆอย่างห่วงๆ แ่พออิมาริไปกระแซะ ถึงกับลากเข้าห้อง ออกมาแบบโทรมๆ คือไรคะ ท่านพี่ 55555555555555555555555
กูชอบเรือนายสำรองนะ แม้บทจะน้อยนิดก็เถอะ
จริงๆอิมาริเนี่ย ตอนหลังๆก็มีโมเมนต์เหมือนจะจีบอยู่นะ แต่นานมากกกกกก กว่าพี่แกจะมีบท และมาหยอดตอนเดียวแล้วก็หายไปเลย ทำเอากูคิดว่าจริงๆอิมาริมีโคลนนิ่งใช่ป่ะวะ แบบร่าง 1 ตาย ก็เอาความทรงจำของร่าง 1 ไปใส่ร่าง 2 พอร่าง 2 ตาย ก็เอาความทรงจำไปใส่ร่าง 3 ไปเรื่อยๆ แต่ว่าการถ่ายเทความทรงจำจะใช้เวลานานพอสมควร อิมาริก็เลยออกมาได้ไม่บ่อย และฆาตกรก็คือ....//เสียงเปิดประตูแบบโคนัน พักชมโฆษณาซักครู่
กุขอเสนอพล็อตกาวเรือคำ้คอร์ พี่ชายผู้รักน้องสาวมากจนก้าวลํ้าคำว่าศีลธรรม น้องแล้วไงใครจะทำไม กำจัดผู้ชายที่อยู่รอบตัวทุกคน ก็เรย์กะมีเเค่พี่คนเดียวก็พอแล้ว เอ้า ซู๊ตตตตตต อ้าาาา
เเถวนี้มีคนแต่ขาดกาวคะคุณมึง แต่ไม่มีความสามารถในการเขียนฟิคเองอ้ะ
>>947 ความคิดมึงล้ำมากนี้มันนิยายไซไฟชัดๆ 5555 แต่กุก้อแอบเชียร์อิมาริตั้งแต่บอกว่าเรย์กะน่ารัก น่าสนใจแล้ว
>>946,948 กุก้อชอบนายตัวสำรองแต่กุอยากให้คู่กะวาคาบะมากกว่าแล้วให้บากะรากี้ไปออกบวช5555
>>949 ตายแล้วงั้นกุขอให้ไม่ให้พี่ชายแท้ๆแล้วกันจะได้ไม่ผิดศีลธรรมมากไป555 เพราะท่านพี่ก้อได้อะไรดีๆผิดกับทาคานุกิ
หรือกูจะเขียนอิมาริโคลนนิ่งดีวะ พูดเองชักสนใจเอง 5555555555555555555555
กูอยากแต่งหลายอันมากตอนนี้ ยูกิโนะเอ็นโจ เอ็นโจเรย์กะ คาบุรากิไอ้บ้า แต่ทั้งนั้นกูอยากมาถาม ว่าถ้ากูจะแต่งอิมาริท่านพี่นี่จะมีใครว่ามั้ยวะ คือมันเป็นชายชาย กูกลัวโม่งบางคนรับไม่ได้อ่ะ แต่คู่นี้มันเรียลมาก เอ็นโจกับเรย์กะยังมีโมเม้นต์เล็กๆน้อย(แต่มากสุดในคู่นอร์มอลของเรื่องแล้ว) แต่คู่พี่ชายกับอิมารินี่มัน.....อฟช ถึงขั้นใส่บทครุมเครือมาเลยนะเว้ย ฟิคยังไม่มโนถึงขั้นนั้น ทั้งอิมาริถูกลากไป...ในห้อง(?) ทั้งโดนโทรตามจิกไปเดทต่อกันสองคน(?) วัยมหาลัยก็ตัวติดกัน ท่านพี่รู้เรื่องของอิมาริทุกอย่าง อิมาริก็ตามใ---ยอมทำทุกอย่าง นี่มันคู่เรียลโดยไม่ต้องพึ่งกาว พุ่งแรงยิ่งกว่าเรือรำไหน
>>949 กุกาวเองแต่งเองมาให้พวกมึงได้เสพกันเรย
*ฟิคคำ้คอร์รับไม่ได้ก็ข้าม.
ถ้าถามว่าสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของผมคืออะไร
ผมตอบได้เลยว่า น้องสาวของผม คิโชวอิน เรย์กะ
ผมชอบเวลาทีเธอมาซบลงที่เเขนผมบอกเล่าเรื่องราวของเธอให้ผมฟังมันเหมือนกับว่าผมเป็นคนสำคัญที่สุด'คนเดียว'ของเธอ
แน่ล่ะในโลกนี้คนที่เธอจะพึ่งพาได้มีเเค่ผมเท่านั้น
ผมบังคับให้เธออยู่ในแต่กำมือของผมมาตั้งแต่เธอยังเด็ก ชักใยเธอให้เหมือนตุ๊กตาที่ผมชี้ซ้ายเธอก็หันซ้าย ชี้ขวาเธอก็ต้องหันขวา ดวงตาของเธอต้องจ้องมาแค่ผม แค่ผมคนเดียวเท่านั้น
การกระทำของผมก็ไม่ต่างกับการล้างสมองให้เธอเดินตามทิศทางที่ผมต้องการ
ผมค่อยๆฝังความคิดของผมเข้าไป เข้าไปทีละนิด เธอจะต้องรักผมยิ่งกว่าใครแม้กระทั่งพ่อกับแม่ก็ต้องสำคัญน้อยกว่าผม
ผมไม่ได้เป็นซิสค่อนอย่างที่อิมาริล้อเลียนผม
แค่ผู้ชายคนนึงที่รักผู้หญิงคนนึงเท่านั้น
และผมจะไม่มีวันให้ใครมาแย่งเธอไปจากผมได้ เพียงแค่รอเวลา รอเวลาที่ผมจะได้ทุกสิ่งในตระกูลคิโชวอิน เมื่อถึงวันนั้น....
ต่อให้ต้องทำร้ายใครก็ตามแม้กระทั่งพ่อแม่ก็ยอม
ขอเพียงได้อยู่กับเธอน้องสาวของผม
ผมก้มลงมองไปที่น้องสาวของผมที่เผลอหลับใหลช่างไม่ระมัดระวังตัวเลยจริงๆนะ มือเรียวของเขาสัมผัสเส้นผมที่เป็นลอนของเธออย่างทะนุถนอม ริมฝีปากของเขาจุมพิตที่เส้นผมอย่างแผ่วเบา ไล้เลียไปที่ซอกคอขาวประทับตราความเป็นเจ้าของสีกุหลาบเอาไว้ และกระซิบที่ข้างหูของเธอ
"น้องเป็นของพี่เรย์กะ ของๆพี่คนเดียว อย่าได้คิดหนีไปจากพี่"
และมารร้ายที่สวมหน้ากากพี่ชายแสนใจดีก็ถูกเปิดออก เผยให้เห็นตัวตนด้านมืดที่เธอคงไม่มีโอกาสได้เห็น
มารร้ายที่ค่อยๆล่อลวงสาวน้อยผู้บริสุทธิ์ให้ทานผลไม้ต้องห้ามที่น่าหลงใหล
แค่เธออยู่กับเขาศีลธรรมก็ช่างมัน
...เขาเผยรอยยิ้มร้ายกาจด้วยความเงียบงัน
กุเอาฟิคมาของคั่นเรื่องผิดศรีธรรมแปป55555
ฟิคเรื่องแรกถ้าหลุดคาแรคเตอร์ไปขออภัยด้วยนะ
ภาคพิธีจบการศึกษา
ในที่สุดวันที่ฉันรอคอยก็มาถึงแล้วค่ะทุกคน วันที่ฤดูใบไม้ผลิของฉันมาเยือนแล้วคร้าาาา ถ้าเป็นจริงก็วิเศษไปเลยสิค่ะ เฮ้อ วันนี้เป็นวันจบการศึกษาของพวกเราซุยรัน เป็นวันที่พวกเรารอคอยกันจริงๆ แต่ว่าทุกคนลืมไปหรือเปล่าค่ะ ว่ายังมีการสอบเข้ามหาลัยและชีวิตมหาลัยที่แสนจะยากลำบากกว่าม.ปลายอีกนะคะ อุ๊ย แค่คิดถึงก็รู้สึกท้อคิดมาเลยคะ ในตอนที่ฉันรู้สึกท้อแท้ก็ได้ยินเสียงดัง บัง! คล้ายเสียงของพลุ เอ๊ะมีคนจุดพลุ ฉลองวันเรียนจบด้วยหรอค่ะ สมกับเป็นซุยรัยจริงๆ แต่ทำไมทุกคนดูเอะอะ ตกใจอะไรกันค่ะ หือ!นั้น ท่านคาบุรากิกับวาคาเบะจังนี้ เอ๊ะ!! หรือว่าท่านคาบุรากิจะสารภาพรักกับวาคาบะจัง อุ๊ยตาย โรแมนติกจังเลยนะคะ รู้สึกอิจฉาวาคาบะจังนิดๆแหะ
"ทาคามิจิ"
"....."
บุ้ง! เสียงพลุดังสนั่นอีกครั้ง คนจากตระกูลคาบุรากินับสิบๆคนขนดอกไม้เข้ามารอบตัววาคาบะจัง
ฟิ้ว! เสียงเครื่องบินไอพ่นดังขึ้นเหนือหัว ทุกคนจึงหันไปมอง ปรากฏเครื่องบินพ่นลมเป็นประโยค
"คาบุรากิ มาซายะ ชอบทาคามิจิ วาคาบะ "
“ ~A time for us last to see
A life worthwhile for you and me~”
"~คาบุรากิ มาซายะชอบ ทาคามิจิ วาคาบะ~”
คณะประสานเสียงจากวงออร์เคสตรากำลังร้องเพลง A time for us ของ Romeo and Juliet
"......."
"......"
นั้นมันห่_ อะไรว่ะค่ะ ฉันหลุดคำหยาบคายในใจเป็นสิบๆคำ นี้คำแนะนำที่มาขอฉันวันก่อนไม่ได้เข้าหูเลยใช่มั้ยค่ะ จากแค่มีช่อดอกไม้ กับคำพูดหวานๆ เสียงดังฟังชัด กลายเป็นทุ่งดอกไม้กับเสียงดังที่เกือบจะดังไปทั้งเมืองแบบนี้ ไปได้อย่างไงค่ะแล้วเพลงนั้นมันของโรมีโอกับจูเลียต หรืออยากตายแบบตอนจบ แล้วทำไมถึงมีท่อนแปลกๆแบบนั้นออกมากด้วย นี้แกทำอะไรกับบทเพลงอมตะแบบนั้น นี้ถ้าฉันเป็นวาคาบะคงอยากเอาหัวโขกพื้นให้สลบไปเลย ไม่เอาดีกว่าเปลี่ยนเป็นจับหัวมันโขกพื้นให้ตายไปจะดีกว่า
"แต่งงานกับฉัน”
"....."
อุ๊ว่ะ นั้นมันประโยคอะไร แกนี้มันบ้าจริงคาบุรากิ ปฏิเสธมันไปเลยวาคาบะจัง ให้มันไปโดดหน้าผาตายไปเลย
"คำตอบแหละ"
"ตกลงค่ะ"
เฮ้ย ชะงัก ฉันอดที่จะนับถือวาคาบะจังไม่ได้ ต้องเป็นยอดหญิงตัวจริงที่จะรับรักไอ้บ้านี้ได้
"กริ๊ดดดดดด"
"ไม่นะท่านคาบุรากิ ฮือๆ"
"อึก จักรพรรดิของพวกเรา"
ทำไมทุกคนต้องทำหน้าเสียใจกันขนาดนั้น จริงควรจะจุดพลุฉลองที่มีคนสติดีเอาหมอนี่มากกว่า วาคาบะจังนี้น่ายกย่องจริงๆ แล้วฉันก็เป็นคนแรกที่ตบมือให้วาคาบะจัง
ทุกคนเลยเริ่มตบมือตามฉัน แต่ทำไมต้องหันมาทำหน้าซาบซึ้งใส่ฉันล่ะ เย่ ฉันแค่ตบมือเองนะไม่ได้รับรักไอ้บ้านั้น
"โถ่ท่านเรย์กะของพวกเรา"
"ท่านเรย์กะช่างเป็นคนที่จิตใจกว้างใหญ่นะ"
"ท่านเรย์กะยอมรับความพ่ายแพ้อย่างสมศักดิ์ศรียิ่งนัก"
เดี๋ยวนะฉันไม่แพ้อะไรสักหน่อย พอฉันเริ่มปฏิเสธทุกคนก็คิดว่าฉันแค่เขิน แงๆ ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย
ช่างเถอะแต่มันก็ดีแล้วที่ฉันไม่ได้จบแบบคิมิดอล เรย์กะคนนี้ยังอยู่อย่างสงบสุข น่าดีใจจริงๆ ท่านคาบุรากิกับวาคาบะจังก็จบอย่างสวยงามแล้ว ท่านเทพโปรดประทานฤดูใบไม้ผลิให้ลูกที!
"คุณคิโชวอิน"
หือ ขอพรไม่ทันขาดคำนี้ส่งผลแล้วหรอค่ะ แต่เสียงคุ้นๆ ฉันหันหลังกับไปก็เห็นร่างสูงโปร่งในชุดนักเรียนชายซุยรัน พร้อมรอยยิ้มแสนสง่างามอันเป็นเอกลักษณ์
"ท่านเอ็นโจ"
"ยินดีที่สำเร็จการศึกษานะ" รอยยิ้มนั้นยิ่งสว่างเข้าไปใหญ่
"ค่ะ ยินดีกับท่านเอ็นโจด้วยนะคะ"
"เพราะคุณคิโชวอิน แท้ๆที่ทำให้มาซายะสารภาพรักกับคุณทาคามิจิ ได้สำเร็จสวยงามแบบนี้”
นี้จะบอกว่าเพราะคำแนะนำของฉัน เลยออกมาเป็นแบบนี้หรอย่ะ เป็นเพื่อนรักกันแท้ๆทำไมไม่เตือนกันบ้างล่ะค่ะ หรือจริงๆสนุกที่เห็นท่านคาบุรากิทำไม่เข้าถ้าแบบนี้กันแน่
"มันก็สนุกจริงๆอ่านะ"
แอบอ่านใจฉันอีกแล้วหรอค่ะ
"คุณไม่อยากได้บ้างหรอ”
หือ "อะไรหรอค่ะ" วงประสานเสียง พลุ ดอกไม้
"สารภาพรักนะ”
หน้าฉันร้อนขึ้นมากอย่างไม่มีสาเหตุ อ๊ากก เลิกยิ้มแบบนั้นนะ ท่านเอ็นโจคงไม่ได้จะสารภาพ
"คาดหวังอะไรอยู่หรอ” ห๊ะ!!ฉันอดทำหน้าตกใจออกไปไม่ได้
“เปล่านี้ค่ะ” ชิไม่ได้คาดหวังอะไรเลยนะย่ะ
ท่านเอ็นโจก็หัวเราะพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูจะกดลึกเข้าไปอีก เสียมารยาทจริงคนอะไร ฉันอดอารมณ์เสียขึ้นมาไม่ได้ แล้วอยู่ท่านเอ็นโจก็ยืนกล่องสีชมพูขนาดเล็กเท่ากลางฝ่ามือ
“ของขวัญแสดงความยินดีจากผม”
“แต่ฉันไม่มีอะไรจะตอบแทนนะ”
“งั้นหรอครับ” อยู่ก็รู้หนาวขึ้นมา คงต้องกลับไปกินยาที่บ้านแล้ว
“เรย์กะ”
ท่านพี่! ไม่ได้ติดงานที่ต่างประเทศหรอค่ะ ฉันอดวิ่งไปหาท่านพี่ด้วยความดีไม่ได้
“ท่านพี่กลับมาตั้งแต่เมือไรค่ะ”
“เลื่อนบินกลับมาไฟท์เช้าแทนนะ จะพลาดไม่มางานพิธีจบการศึกษาของเรย์กะได้อย่างไร นี้ของเรย์กะนะ” ว้าวกล่องทรงกระบอกสีชมพูขนาดใหญ่ ฉันรีบแกะริบบิ้นแล้วเปิดดูข้างในไม่ได้ โอ๊ยน้ำตาจะไหลเป็นช้อกโกแลตรูปกุหลาบอุราระที่ท่านพี่เคยให้ในวันพิธีจบการศึกษาชั้นประถม เรียงตัวกันอย่างสวยงามคล้ายช่อดอกไม้ ท่านพี่! อือๆๆๆ แต่ถ้าน้องกินหมดนี้ต้องวิ่งรอบพระราชวังกี่รอบกันค่ะ
“ท่านพี่ของเรย์กะวิเศษที่สุดในโลกเลยค่ะ”
ท่านพี่ยิ้มให้ฉันก่อนจะหันไปยิ้มให้กับท่านเอ็นโจ เอ๊ะ ท่านเอ็นโจ! ยังอยู่อีกหรอค่ะ แย่แล้วเผลอแสดงท่าทางไม่เป็นกลุสตรีออกไปต่อหน้าท่านเอ็นโจแล้ว ขายหน้าจังเลย
“ยินดีด้วยนะคุณเอ็นโจ”
“ขอบคุณครับท่านคิโชวอิน” ทำไมเหมือนเห็นประกายไฟจากทั้งคู่ทั้งที่ ทั้งสองคนออกจะยิ้มให้กับอย่างสุภาพ สงสัยไข้จะขึ้น หรือเป็นเพราะวันนี้เห็นอะไรไม่เข้าท่าของท่านคาบุรากิ คงต้องเอาน้ำมนต์ล้างตาก่อนนอนแล้วมั้งเรา
“กลับก่อนเหอะเรย์กะ ขอตัวก่อนนะครับคุณเอ็นโจ”
“คือน้องขอตัวไปลาพวกเพื่อนๆก่อนนะคะท่านพี่รอน้องสักครู่นะคะ ขอตัวก่อนนะคะท่านเอ็นโจ”
“แล้วเจอกันนะครับคุณคิโชวอิน” ฉันปล่อยท่านพี่ไว้กับท่านเอ็นโจก่อน รู้สึกเหมือนฟ้าครื้ม ฝนจะตกเพราะท่านคาบุรากิร้องเพลงประหลาดนั้นแน่ๆเลย ดีนะที่ฉันจบแล้วไม่งั้นคงต้องแอบเอาเกลือมาเทรอบซุยรัน
.
.
.
.
ฉันกำลังจะเข้านอนหลังเอาน้ำมนต์ล้างตัว ตอนแรกว่าจะแค่ล้างตาแต่คิดไปคิดมาระดับเชื้อบ้าของท่านคาบุรากิแค่ตาคงไม่พอ หือ กล่องอะไรอ่า อ้อของขวัญท่านเอ็นโจ พอฉันลองแกะดูปรากฏเป็นสร้อยข้อมือ Pink Gold มีจี้รูปกระต่ายทัดดอกกุหลาบอุราระว้าว นี้มีมันของสั่งทำแน่ๆ โดยเฉพาะกระต่ายที่ทำท่าเหมือนกำลังแทะกระดุม ทำไมต้องเป็นกระดุม!
--------
ทำไมต้องเป็นกระดุม55555 คงรู้กันนะ
เอ็นโจนี่นายกลัวสาวเจ้าไม่ขอกระดุม (แต่ก็ไม่แม้แต่จะมีความคิดเรื่องกระดุมเลยจริงๆละนะ) ถึงขนาดต้องยัดเหยียดให้เองเลยเหรอ
คิดบ้างมั้ยว่าบางทีท่านเรย์กะอาจไม่เข้าใจ อาจต้องวิธีโต่งๆแบบบากะรากิก็ได้นะ. พยายามต่อไปนะเอ็นโจ ช็อตนี้ท่านพี่กลบเลย
>>967 กระต่ายแทะกระดุม...เพราะหิวสินะ //โดนเสย แหม่ ท่านเรย์กะคะ คาดหวังอะไรอยู่ล่ะคะ คิดว่าเขาจะทำแบบคาบุรากิเหรอ
โอ๊ยยยยยยยยยยย กูจะพูดอะไรกับฉากสารภาพรักของคาบุรากิดีเนี่ย บ้าบอชิบหาย 555555555555555555555555555 แล้วนิยายรักมีเยอะแยะบนโลกไม่ใช้ เสือกใช้โรมิโอกับจูเลียตอีก ทั้งคู่ตายตอนจบเป็นโศกนาฏกรรมนะเว้ย แกลืมไปงั้นเรอะะะะะะะะะ 55555555555555555
ตื่นมารอโม่งแปล ตั้งแต่ตี 4...
//จริงๆคือทำงาน ... กระซิกๆ
จุ๊บๆโม่งแปล กุยังไม่ได้อ่านนะ กุ 974 นะ กุขอโทษกุไม่ได้กดดัน กุตื่นมารอเจ้านาย จนนี่เจ็ดครึ่งละ เจ้านายกุยังไม่ตื่นเลยเฟร้ยยยย //อ่านวนไป รอเจ้านายตื่น
983 แกบอกอากาศเช้าๆสดชื่น...
กุมานั่งรอเจ้านายที่หน้าบ้าน ตอนนี้แกตื่นรึยังนะ...
/ทำหน้าเหม่อลอย
ขอบคุณมากนะโม่งแปลลล มึงทำให้เช้าก่อนสอบของกูสดใสส ท่านเรย์กะนี่น้า เขาอุตส่าห์ทำให้ดันไปคนทิ้งอีก โธ่ววววว
ตอนนี้ฟินคู่อาคิสะวะกับซากุระจังมากกก จริงๆก็แอบชอบเขาอยู่ล่ะซี่ อาคิสะวะคูงงงงง
เมื่อคืนเห็นพวกมึงคุยกันเรื่องเรือลำอื่นๆ ดูน่าสนใจ กูเลยว่าจะลองแต่งท่านอิมาริดู
แต่ไปอ่านย้อนแล้วแม่งพอตอนที่48 ก็บทหายยาวเลยนี่หว่า ไล่หามาถึงตอนที่80กูก็ยังไม่เจอบทพี่แกเลย กลับมาอีกทีตอนไหนวะ กูจำไม่ได้ อย่าบอกนะว่าตอนไปเที่ยวกะมาโอะกะริรินะด้วยนั่นน่ะนั่นมันน่าจะร้อยกว่าๆเลยนะ.....
ง่าสงสัยกูจะเสพกาวของพวกมึงเยอะเกินไป
อ่านอฟชไปก็คิดไปว่าเมื่อไหร่ชุสุมอยทูนหัวของบ่าวจะมีบทออกมาในตอนนี้นะ
แต่ในหัวกูเหนเป็นภาพชุสุมอยขนนุ่มฟูหน้ายิ้มๆหลบอยู่ตามหลังพุ่มไม้คอยสตอกท่านเรย์กะอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ
ทำไมท่นเรย์กะถึงเอากระต่ายน้อยไปเชื่อมโยงกับซีรีส์นีกษัตรล่ะ....
อาคิสะวะหึงด้วยล่ะ หึงด้วยล่ะ~~~ กิ๊วก๊าวมากจนกระทั่งเห็นรอยยิ้มของซากุระ... นางมารใส่หนังแมวยังไงก๋เป๋นนางมารสินะ อาคิสะวะลูกไก่ในกำมือชัดๆ
https://fanboi.ch/webnovel/3507/
กระทู้หมายเลข4 มู้นี้เต็มค่อยไปนา
โฮ้ยยยย อาคิสะวะคุงน่ารัก! ซากุระจังถึงกับแสยะยิ้ม แหมๆๆ นานๆจะมีความคืบหน้าแบบนี้ทีนี่นะ ว่าแต่ดิเทนี่ชอบซากุระจังสินะ? นึกว่าอย่างหมอนี่จะแต่งกับไวโอลินซะอีก กูแอบรอดูนิดนึงว่าดิเทชื่ออะไร ยังไงนอกซุยรันคงไม่มีฉายาว่าดิเท แต่ไม่หลุดมาเลยแฮะ
ท่านเรย์กะเศรษฐีคูปองโปรยเงินเป็นอาเสี่ยเลยค่ะ แค่กๆ--- ช้อนคนคันเดียวก็สามารถหักธงแบบโหดเหี้ยมได้ ฮรือออออ กูว่าตั้งแต่เริ่มหักธงทิ้งนี่ครั้งนี้โหดร้ายที่สุดเลยนะ สะเทือนใจในความโหดเหี้ยมใจอำมหิตชิบหาย อยากจะตัดพ้อว่าเธอช่างใจร้ายยย หลังจากนี้ท่านเอ็นโจยังคงความหยอดต่อไปได้ หัวใจช่างแข็งแรง...
ดิเท ยินดีต้อนรับสู่คานทองนิเวศน์ ซากุระ ร้ายกาจ ร้ายกาจจจ
ส่วนท่านเรย์ก่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา คนบ้า อะไรคือหนุ่มอ่อยมาแล้วหักธงในพริบตา ต่ายน้อยยยยยย แง้ๆๆ
กูว่าเอ็นโจต้องมีน้ำตาตกในบ้างแหละ รอบนี้อุตส่าห์จีบกันตรงๆสาวเจ้าแม่งหักธงกันไม่ไว้หน้าเลย
กุอยากอ่านเอ็นฌจว side story ที่เคยมีคนแต่งถึงหิ่งห้อยไว้ต่อ กูชอบสำนวนคนนั้นมาก ลำดับเรื่องกับสำนวนความคิดเอ็นโจว เลิศมากจนกูเมาว่านั่นคือ อฟช 5555555555555555 แต่ถ้าจะแต่งกันรอมู้หน้านะพวกมึง ช่วยกันปิดมู้นี้ก่อนใกล้ละ
ท่านเอ็นโจก็ท่านเอ็นโจ เจอสกิลหักธงขั้นเทพ กับการสร้างข่าวลือแบบไม่เกรงใจใครของคาบุรากิ ก็คงยิ้มไม่ออกเลยสินะ
แค่หักธงทิ้งแค่นี้ทำอะไรพวกเราชาวเรือเอ็นโจไม่ได้หรอก! จงยึดมั่นในท่านจอมมารและกัปตันยูกิโนะ พวกเราจะพังคานไปด้วยกัน! ไปพายเรือกันต่อในกระทู้หน้า~!!
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.