มาต่อแล้วจาก >>813 เรย์กะซามะละครหลังข่าวตอน 2
เชิญพวกมึงซูดกันต่อได้
--------------------------------------------------------------------------------------
วันนี้มีปาร์ตี้บริษัทในฐานะที่ตอนนี้ฉันทำงานอยู่ที่นี่ โดยเฉพาะเป็นลูกสาวของท่านประธานเลยต้องเข้าร่วมหาเหตุผลหลีกเลี่ยงไม่ได้โดยสิ้นเชิง ครั้งจะคอยเกาะติดท่านพี่อย่างสมัยก่อนก็ไม่ได้ เพราะตอนนี้ท่านพี่ขึ้นเลขสามแล้วยังไม่มีวี่แววว่าจะมีสะใภ้มาให้ท่านแม่เลย อาจเป็นเพราะฉันเกาะติดท่านพี่มากเกินไปจนทำให้ไม่มีสาวๆคนไหนกล้าเข้าใกล้ ไม่เป็นไรค่ะท่านพี่ น้องจะไถ่โทษโดยการหาหญิงสาวที่เพรียบพร้อมมาเป็นภรรยาให้ท่านพี่เอง
ฉันหลบมุมมาพูดพวกมาดามกับท่านแม่ถึงจะชอบพูดคุยเรื่องน่ารำคาญไปหน่อยอย่าง หนูเรย์กะยังไม่มีคนที่ถูกใจบ้างหรือคะ~ ดิฉันแนะนำหลานชายให้เอามั้ยคะ โฮะๆ~ แต่เพื่อหลีกเลี่ยงทานุกิกับท่านพี่กำลังคุยกับท่านประธานคาบุรากิอยู่เลยจำเป็นต้องหาที่ลี้ภัย
ปีนี้ท่านประธานคาบุรากิก็ยังสง่างามเช่นเคย เผลอๆรู้สึกว่าดูมีสง่าราศีมากกว่าเดิมด้วยซ้ำแม้จะอายุขึ้น 50 แล้ว หรือนี่จะเป็นเสน่ห์ของคนอายุมากกันนะ ทำไมต่างจากทานุกิอย่างนี้นะ โดยเฉพาะห่วงยางนั่น นั่มมันไม่แค่ห่วงยางแต่เป็นยางรถยนต์แล้ว!
โชคดีจริงๆที่อีเว้นต์ใหญ่อย่างวันนี้เหมือนจะไม่เห็นคาบุรากิ มิเช่นนั้นฉันคงทำหน้าไม่ถูก นายนั่นหลีกเลี่ยงทั้งๆที่ตัวเองจะเป็นประธานในอนาคตจะดีหรือ? หวังว่าหมอนั่นคงไม่หาทางคว้านซื้อหุ้นคิโชวอินแล้วหาข้อมูลทุจริตของท่านพ่อหรอกนะ แต่จากที่ฉันทำงานฝ่ายบัญชีเพื่อตรวจสอบไม่ให้ท่านพ่อทุจริต อีกทั้งท่านพี่ที่ทำงานอยู่ฝ่ายบริหารก็ไม่พบข้อมูลอะไรผิดปกติ แต่ก็ยังไว้วางใจลดการ์ดลงไม่ได้หรือกนะ!
“คุณคิโชวอินกำลังมองหามาซายะอยู่หรือครับ? วันนี้มาซายะติดธุระโชคไม่ดีเลยนะครับ”
ฉันหน้าเหวอหันไปมองเอ็นโจไปชั่วขณะ วันนี้หมอนี่ไม่ตัวติดกับคาบุรากิแฮะ จะว่าไปช่วงหลังๆไม่ค่อยเจอหมอนี่ตัวติดกับคาบุรากิโดยเฉพาะหลังจากที่ตาบ้านั่นสารภาพกับวาคาบะจัง
แต่ทำไมวันนี้ตาเอ็นโจตาแวววาวให้ฉันอย่างผิดปกติ ปกติแล้วท่านเอ็นโจจะแสดงท่าทางสุขุมนุ่มนวล ไม่แสดงที่ทีชัดเจนขนาดนี้โดยเฉพาะยิ้มที่เหมือนจอมมารนั่น! อย่าบอกนะว่าคาบุรากิเล่าเรื่องนั้นให้หมอนี่ฟังแล้ว!?
“สวัดดีค่ะท่านเอ็นโจ อาเระ~ วันนี้ท่านเอ็นโจมาคนเดียวหรือคะ น่าแปลกจังเลย โฮะๆ~ ไม่ทราบว่าท่านเอ็นโจจะรังเกียจไปนั่งพูดคุยกับดิฉันทางโน้นตามประสารู้จักที่ไม่เจอมากันซักพักเลยหรือไม่คะ”
พูดจบฉันก็ลากแขนเอ็นโจออกมาจากวงแล้วพาไปนั่งที่มุมห้อง ทำไมหมอนี่ถึงยิ้มกว้างกว่าเดิมเนี่ย
“คุณคิโชวอินกลัวจะมีคนรู้’ความลับ’ขนาดนั้นเลยหรือครับ” จะเป็นลม~ หมอนี่ต้องรู้อะไรบางอย่างมาแน่ๆเลย
ฉันรู้ตัวเลยว่ารอยยิ้มที่ตัวเองปั้นอยู่ตอนนี้บิดเบี้ยวไปไหนต่อไหนแล้ว
“ไม่ต้องกลัวหรอก ผมไม่บอกใครง่ายๆแน่” เอ็นโจยื่นหน้ามากระซิบที่ข้างหู ทำเอาฉันเอามือปิดหูที่รู้สึกจั๊กจี้จากไอร้อนไม่ได้ หมอนี่เดี๋ยวนี้เข้ามาประชิดตัวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย?
“แต่ก็ขึ้นอยู่กับคุณคิโชวอินจะมีข้อเสนออะไรให้ผมด้วย อย่างเช่น ทีหลังอย่าไว้ใจให้ผู้ชายเข้าใกล้ขนาดนี้นะครับ” อยู่ดีๆก็กลับมานั่งปกติแล้วไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้า ฉันได้แต่จ้องทำอะไรไม่ถูก
“แล้วเดี๋ยวผมจะติดต่อไปแล้วกันนะครับ” หมอนั่นลุกขึ้นเดินออกไปทำเอาฉันรั้งไว้ไม่ทัน
“ดะ-เดี๋ยว ดิฉันไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องเป็นแบบนี้ ได้โปรดอย่าบอกเรื่องนี้กับใครเลยนะคะ”
ฉันไม่รู้ว่าใบหน้าในตอนนี้เป็นอย่างไร รู้แต่ความกลัวในจิตใจที่ฉันเป็นสาเหตุให้คนที่รักกันสองคนไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ สุดท้ายแล้วจุดจบของฉันอาจจะไม่แตกต่างจากหนังสือการ์ตูนแค่ร่นเวลาออกมาเล็กน้อยเท่านั้น
พอหันไปมองที่เอ็นโจใบหน้าหมอเป็นอะไรที่ฉันไม่เคยเห็น เศร้า? ไม่สิคงสังเวชฉันมากกว่า ฉันที่ทำร้ายเพื่อนของเขาขนาดนั้น นั่นทำให้ฉันรู้ตัวว่าฉันกำลังรั้งชายเสื้อหมอนั่นอยู่จึงรีบปล่อยแทบไม่ทัน
พอปล่อยชายเสื้อเขาก็เดินจากไปเลย...