ต่อ >>52-54
กาลครั้งหนึ่งในฝัน : เอ็นโจ's side story
------------------
เช้าวันรุ่งขึ้น เพราะเหตุการณ์จากเมื่อวาน ถึงจะไม่ได้ดั่งใจนัก แต่ก็ทำให้ผมตื่นขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี พออาบน้ำแต่งตัว คว้ามือจะหยิบเสื้อสูท ก็ต้องชะงักเพราะไม้แขวนเสื้อนั้นว่างเปล่า
อ่า นั่นซินะ อยู่กับคุณคิโชวอินนี่นา
ตอนแรกผมลังเลอยู่ว่าจะหยิบเอาสูทตัวสำรองมาใส่ แต่คิดไปคิดมาก็สวมเพียงคาดิแกนไหมพรมทับเสื้อเชิ้ตไปเท่านั้น ถึงยังไงที่ซุยรันก็ไม่ได้เคร่งครัดเรื่องเครื่องแบบมากนักอยู่แล้ว ก่อนออกมาจากบ้านท่านแม่ก็เอ่ยทักว่าทำไมถึงไม่ใส่สูท ขณะคิดว่าจะตอบอย่างไรดี ยูกิโนะก็แทรกกลางเข้ามา บอกว่าผมลืมเสื้อสูทไว้ที่ห้องเปอร์ติต์ ท่านแม่จึงไม่ถามอะไรต่ออีก
เจ้าเด็กเลี้ยงแกะ ...ไม่เลวนี่
การที่ผมไม่ได้ใส่สูท เห็นจะจุดเด่นไม่ใช่น้อย ขณะที่การซุบซิบนินทาเริ่มขยายวงกว้างออกไป ผมก็ยังทำตัวอย่างเป็นปกติเหมือนทุกวัน
หลังเลิกเรียน ผมรีบแวะเข้าสโมสรเพื่อจะหยิบของก่อนที่จะไปที่ห้องเปอร์ติต์ แต่กลับพบว่าคุณคิโชวอินนั่งอยู่ในห้องอยู่แล้วที่มุมที่นั่งติดหน้าต่าง
ให้ตายเถอะ ดีนะที่แวะมาที่นี่ก่อน ช่างผลุบๆโผล่ๆเหลือเกินนะคุณคิโชวอิน มีโพรงกระต่ายส่วนตัวหรือยังไงกันน่ะ
ผมเดินเข้าไปอย่างเงียบๆ คุณคิโชวอินอ่านนิตยสารไปแล้วก็หัวเราะคิกคักไปอย่างไม่ได้รู้สึกตัวเลยสักนิด ผมแอบมองดูว่ากำลังอ่านอะไรก็เห็นว่าเป็นบทความเกี่ยวกับสถานที่เดทสำหรับวันคริสต์มาสอีฟ ทันใดนั้นไอเดียอย่างหนึ่งก็ผุดขึ้นมา
"คุณคิโชวอิน" คุณคิโชวอินสะดุ้งจนตัวโยน ก่อนจะหันมาเอ่ยทักทาย พอผมพูดว่าขอนั่งด้วย ก็ชักสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาแวบหนึ่ง สีหน้าอ่านง่ายเกินไปแล้วนะ คุณคิโชวอิน
แต่รู้ทั้งรู้ว่าเธอไม่พอใจ ผมก็ยังคงนั่งลงไปอยู่ดี
ผมบอกตั้งแต่เมื่อวานแล้วไงล่ะ ว่าอย่าคิดว่าผมจะยอมปล่อยคุณไปง่ายๆอย่างแต่ก่อนน่ะ
พอถามถึงงานเลี้ยงของมาดามคาบุรากิในวันสุดสัปดาห์ ก็ดูออกเลยล่ะว่าเจ้าตัวไม่ได้อยากจะไปเลยสักนิด ช่างเป็นคนที่ไม่เข้าสังคมเอาซะเลยนะ
จากนั้นผมจึงถามเรื่องแผลที่โดนเข็มตำ พลาสเตอร์ที่ผมแปะไว้เมื่อวานไม่อยู่เสียแล้ว ผมถือโอกาสจับมือคุณคิโชวอินขึ้นมาเพื่อดูแผล นิ้วเรียวยาวที่โดนตำจนเลือดออกเมื่อวาน เหลือเพียงรอยแผลจุดเล็กๆเท่านั้น
มือของคุณคิโชวอินนั้นเล็กและนุ่มแบบมือคุณหนู พอได้จับแล้วก็ยากที่จะปล่อยให้หลุดออกไปได้อีกครั้ง รู้สึกตัวอีกทีผมก็ประสานมือตัวเองเข้าเธอไปแล้ว
คุณคิโชวอินหน้าแดงขึ้นมาทันที พยายามจะดึงมือกลับไป แต่ผมไม่ยังคงรั้งไว้ พร้อมมองดูท่าทีว่าคราวนี้คุณคิโชวอินจะเอาตัวรอดยังไงกัน กลายเป็นว่าคุณคิโชวอินเสเปลี่ยนไปถามเรื่องมาซายะซะนี่
ตกลงจะยอมให้จับมืออยู่แบบนี้เหรอครับ? เห็นคุณคิโชวอินทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกก็อดสงสารขึ้นมาไม่ได้ ผมเองก็รู้สึกพอใจขึ้นมาบ้างแล้วเลยยอมปล่อยมือของเธอให้เป็นอิสระ แล้วหยิบเอาของในกระเป๋าออกมา พอบอกว่าจากยูกิโนะ คุณคิโชวอินก็ทำสายตาวิบวับดีใจ จนรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาตงิดๆ
ระหว่างที่คุณคิโชวอินนั่งอ่านโน้ตจากยูกิโนะ ผมมองไปรอบๆห้องสโมสร ตอนแรกที่เข้ามามันไม่มีใครอยู่ แต่ตอนนี้มีสมาชิกรุ่นเดียวกันนั่งอยู่อีกฟากของห้อง สายตาเราสบกันพอดี เห็นท่าทางของเธอผมก็พอจะเดาได้ว่าเราคงถูกจินตนาการไปต่างๆนานาแล้ว จึงยิ้มพร้อมกับเอานิ้วชี้แตะริมฝีปากไม่ให้เธอส่งเสียงอะไรออกมา
ส่วนข่าวลือน่ะเหรอ? ผมไม่ได้สนใจนักหรอก จะลือมากกว่านี้ก็ยังได้นะ
คุณคิโชวอินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขณะขอบคุณผม ผมเลยเล่าเรื่องด้านดีๆเกี่ยวกับยูกิโนะให้ฟัง จนกระทั่งมาซายะเข้ามาในห้อง ผมเลยต้องขอตัวลาอย่างเสียไม่ได้
แต่ก่อนหน้านั้น ก็ถือโอกาสนัดหมายกับคุณคิโชวอินซะเลย "วันถัดจากงานเลี้ยง ผมจะไปรับคุณคิโชวอินที่บ้านตอน 9 โมงนะครับ"
คุณคิโชวอินยิ้มค้างสักพัก ก่อนจะทำหน้าเหวออย่างงงๆ ผมเลยกระซิบกล่าวถึง หนี้บ้างล่ะ เสื้อสูทบ้างล่ะ ไหนจะเรื่องยูกิโนะอีกล่ะ
พอพูดแบบนั้นออกไป คุณคิโชวอินก็ทำหน้าซีดตัวสั่นอย่างหวาดกลัวจนผมแทบหลุดขำออกมา ดูเหมือนเธอจะไม่ได้คิดสักนิดว่าวันถัดจากงานเลี้ยงนั้นเป็นวันอะไรกัน สมกับเป็นคุณคิโชวอินจริงๆ
ผมปลีกตัวมานั่งกับมาซายะ เขาก็ทักเรื่องเสื้อสูททันที ทำท่าทางอย่างกับจะจับผิด
"แล้วยังไงล่ะ มาซายะ?" พอพูดแบบนั้นพร้อมส่งยิ้มให้ มาซายะก็ก้มลงไปจิบชา กินขนมต่อเงียบๆ ไม่พูดอะไรอีกเลย
ช่างเป็นวันที่สงบดีจริงๆ
*****