พอมาถึงห้องเรียน ฉันก็ลองสอดส่ายสายตาหาตัวฉันเองก่อน แต่ดูเหมือนจะยังไม่มา ฉันเลยเดินไปที่ห้องเรียนของเอ็นโจเพื่อเอากระเป๋าไปเก็บ แล้วปัญหาก็เกิดขึ้นค่ะ
ฉันไม่รู้ว่าเอ็นโจนั่งอยู่ตรงไหนน่ะสิ
ยืนรีๆรอๆอยู่หน้าประตูห้อง กะว่าให้คนเข้าไปกันให้หมด แล้วที่นั่งตรงไหนว่างคงจะเป็นที่นั่งของฉัน แต่ก็มีมือมาตบบ่าฉันจากทางข้างหลัง
"โย่ว ชูสุเกะ" คาบุรากินี่เอง ตกใจหมดเลยค่ะ "ยืนทำอะไรไม่เข้าห้องเนี่ย"
"คือว่า...." ฉันพยายามคิดหาคำตอบอยู่ในหัว "...เอ่อ...."
"อรุณสวัสดิ์ค่ะ"
คิโชวอิน เรย์กะปรากฎกายจากทางด้านหลังของคาบุรากิ ฉันเกือบจะอ้าปากค้างไปแล้ว แต่ยั้งตัวเองไว้ได้ทัน
นี่มันเหมือนภาพหลอนจริงๆที่ได้เห็นตัวฉันมายืนอยู่ตรงหน้า หยั่งกะปรากฎการณ์ดอปเปลแกงเกอร์แน่ะค่ะ
ยังไม่ทันพูดคุยอะไรกัน ก็ได้เวลาเข้าเรียนพอดี พวกเราก็เลยต้องแยกย้ายกันไปตามห้องของตัวเอง
"แถวที่สาม โต๊ะตัวที่หกจากฝั่งซ้าย" เรย์กะกระซิบบอกฉันแล้วเดินจากไป ฉันกำลังจะบอกที่นั่งตัวเองบ้าง แต่เอ็นโจในร่างฉันเข้าห้องไปแล้ว ฉันเลยต้องเข้าไปนั่งที่แบบกังวลนิดหน่อย
คาบเช้าวิชาสังคมมีแบ่งงานกลุ่มทำกัน เหล่าเด็กผู้หญิงตรงมาหาฉันก่อนทันที ส่งเสียงเรียกเซ็งแซ่เหมือนนกกระจอกที่ฟังดูน่าปวดหัว
ขนาดฉันเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ตอนอยู่ห้องเดียวกับเอ็นโจยังรู้สึกรำคาญเลย แล้วคนประสบเหตุโดยตรงแบบหมอนี่จะรู้สึกยังไงกันนะคะ
ฉันเลือกไปอยู่กลุ่มเด็กผู้ชายล้วนเป็นการตัดปัญหา กลุ่มนี้มีแต่เด็กที่ดูเงียบๆเรียบร้อยๆก็น่าจะพอไหวอยู่
ระหว่างจดบันทึกก็อดที่จะเห็นใจเอ็นโจขึ้นมาไม่ได้ นายต้องเจอแบบนี้ทุกวันเลยสินะคะ ช่างน่าสงสารอะไรอย่างนี้ ป๊อบไปก็ไม่ดีสินะ
ชีวิตฉันที่เงียบสงบไร้ความวุ่นวายนั่นล่ะดีที่สุดเลยล่ะค่ะ
------------------------
พักกลางวันก็ไม่มีจังหวะได้คุยกับเอ็นโจเลย คาบุรากิและเพื่อนผู้ชายก็มารุมล้อม พูดเรื่องการซ้อมวิ่งผลัดในงานกีฬาที่จะถึงนี้ ฉันก็ได้แต่เออออตามน้ำไปเพราะไม่รู้เรื่องซักแอะ ตัวเรย์กะที่เป็นกรรมการห้องก็ต้องไปสภานักเรียนเพื่อรับเอกสารมาแจกจ่าย พอเดินสวนกันที่ทางเดินฉันก็รีบตรงเข้าไปหาทันที
"คุณคิโชวอิน เดี๋ยวตอนเย็นขอคุยด้วยหน่อยนะ" ฉันก้มลงไปกระซิบใกล้ๆเพราะไม่อยากให้ใครได้ยิน แต่กลายเป็นว่านักเรียนหญิงรอบๆตัวต่างกรี๊ดขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผล แต่ฉันไม่สนใจว่าใครจะซุบซิบนินทาอะไรแล้ว
"ค่ะ" เอ็นโจตอบฉันมาด้วยรอยยิ้มน้อยๆแล้วเดินเข้าห้องไป
รอยยิ้มนั่นมันอะไรกันคะ คิโชวอิน เรย์กะไม่มีวันยิ้มตาหวานเชื่อมแบบนั้นใส่ใครหรอกนะคะ ถ้าตัวฉันเป็นข่าวแปลกๆกับนายขึ้นมาจะรับผิดชอบยังไง หา!!!!
ฉันไม่เคยใจจดใจจ่อรอเวลาเลิกเรียนขนาดนี้มาก่อนเลย พอได้เวลาปุ๊บ ฉันก็คว้ากระเป๋าตรงดิ่งออกจากห้องทันที แต่ยังไม่ทันพ้นหน้าประตูก็มีสาวๆมาห้อมล้อมจนแทบจะเดินไม่ถนัด โอ๊ย!! ใครก็ได้ช่วยด้วยค่ะ!!!
เอ็นโจออกจากห้องเรียนมาพอดี ดูท่าทางสบายๆไม่เร่งร้อน ผิดกับฉันที่ตอนนี้แทบจะพ่นไฟออกมาได้แล้ว
"สวัสดีค่ะ ท่านเอ็นโจ เมื่อตอนกลางวันบอกว่ามีเรื่องจะพูดกับฉันสินะคะ" เอ็นโจใช้ร่างฉันยิ้มหน้าระรื่นเดินฝ่าวงล้อมเข้ามา ได้ยินเสียงสาวๆรอบตัวพูดกันเซ็งแซ่
"เอ๋ อะไรน่ะ"
"จะสารภาพรักเหรอ"
"ไม่จริงน่า"
อ๊าาาากกกกกกก อย่าทำแบบนั้นนะ นายอยากให้ฉันเป็นศัตรูกับพวกผู้หญิงแฟนคลับของนายรึไงค้าาาาาา
"เอ่อ ใช่แล้ว" ฉันรีบตอบออกไป "ไปคุยกันที่อื่นเถอะ"
ฉันอยากจะคว้าแขนร่างของฉันแล้ววิ่งออกไปเลย แต่ถ้าทำอย่างนั้นคงได้เป็นข่าวลือแปลกๆอีกแน่ แค่นี้ก็จะไม่ไหวแล้วนะ
เอ็นโจกับฉันเดินไปที่ห้องเรียนว่างๆห้องหนึ่ง พอปลอดคนปุ๊บ ฉันก็เริ่มต้นแบบไม่อ้อมค้อม
"นี่มันอะไรคะ ท่านเอ็นโจ ทำไมคุณกับฉันถึงได้..."
"ใจเย็นๆก่อน คุณคิโชวอิน" เอ็นโจยกมือห้ามฉันที่กำลังจะว้าก แต่เจอแบบนี้ใครจะใจเย็นอยู่ได้ล่ะคะ
แล้วทำไมนายถึงดูใจเย็นนักล่ะยะ นี่เรื่องคอขาดบาดตายไม่ใช่เหรอ!!!!
"เอาอย่างนี้ ลองมาเรียบเรียงเหตุการณ์ก่อนดีมั้ย ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน" เอ็นโจนั่งลงบนเก้าอี้ตัวใกล้ๆ
ฉันเริ่มเล่าเหตุการณ์ตอนเช้าที่ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในร่างของเอ็นโจเข้าให้แล้ว เรื่องเล่าจากเอ็นโจก็คล้ายๆกันกับฉันเช่นกัน
"คุณคิโชวอินคงลำบากแย่เลยสินะ" เอ็นโจฟังเรื่องของฉันแบบยิ้มๆ
ใช่สิค้า ลำบาก ลำบากสุดๆไปเลยล่ะ โดยเฉพาะตอนเข้าห้องน้ำน่ะ!! แล้วนายไม่ลำบากอะไรบ้างเรอะ!!!