โอเค ระหว่างรอหลายๆฟิคก็มาอ่านสลับร่างคั่นเวลาไปก่อน
>>453 >>464 เขียนจากพล็อตนี้
-----------------------
จำได้ว่าวันนั้นเป็นวันที่อากาศค่อนข้างจะแย่เล็กน้อย ฉันได้รับบัตรเชิญจากมาดามคาบุรากิให้ไปร่วมดื่มน้ำชายามบ่ายเช่นเคย ทุกอย่างก็ปกติดีจนกระทั่งมาดามคาบุรากิให้สาวใช้เอาคุกกี้มาเสิร์ฟพร้อมกับน้ำชา บอกว่าเป็นสินค้าใหม่ของโรงแรมในเครือ
"เอ๋ นั่นคุกกี้เสี่ยงทายไม่ใช่เหรอคะ" เด็กผู้หญิงอื่นๆในวงน้ำชาทำเสียงตื่นเต้นเมื่อได้เห็นคุกกี้บนจาน
"เห็นว่าคำทำนายแม่นมากเลยนี่คะ"
ฉันได้ฟังสรรพคุณของคุกกี้เสี่ยงทายจากปากคนอื่นๆที่เคยลิ้มลอง โอ้โฮ ดีเลิศขนาดนี้เลยเหรอคะ ทั้งอร่อย ทั้งทำนายแม่นก็เลยขายดีสุดๆ แถมวันหนึ่งๆก็ผลิตออกมาไม่มาก กลายเป็นสินค้าหายากที่นิยมกันในหมู่สาวๆสังคมชั้นสูง ไม่ลิ้มลองไม่ได้แล้ว
มีม้วนกระดาษแผ่นเล็กๆอยู่ในคุกกี้ ฉันลองแกะออกมาอ่าน "ชะตาดอกท้อพลันเรียกหา คือช่วงเวลาแห่งการเปิดเผยสิ่งที่ซ่อนเร้น เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจหลีกหนี ร่วมมือกับคู่ชีวีเพื่อแก้ไข ความรักและความเข้าใจจะช่วยฟันฝ่าอุปสรรคทั้งปวง"
"ชะตาดอกท้อนี่มันอะไรเหรอคะ" ฉันถามมาดามคาบุรากิไป
"อ้าว คุณเรย์กะได้คำทำนายที่สาวๆอยากได้กันมากที่สุดเลยนะคะเนี่ย" มาดามคาบุรากิเอามือป้องปากหัวเราะคิกคัก ทำเหมือนคาดไม่ถึง "ชะตาดอกท้อก็คือมีดวงชะตาเกี่ยวกับความรักค่ะ"
เอ๋ มีดวงเกี่ยวกับความรักงั้นเหรอคะ
ฉันจ้องมองกระดาษอย่างตื่นเต้น เอ็นโจที่นั่งข้างๆกันก็เอี้ยวตัวมาพูดด้วย "ได้คำทำนายเดียวกันเลยนะ คุณคิโชวอิน"
อย่ามาแอบอ่านข้อความของคนอื่นเขาสิคะ
แต่นอกจากฉันกับเอ็นโจก็มีคนได้คำทำนายซ้ำๆกันบ้าง แต่ไม่ใช่แบบเดียวกับที่ฉันได้ ส่วนคาบุรากิก็ได้คำทำนายว่าจะมีปัญหาครั้งใหญ่ให้รับมือ เห็นเจ้าตัวขมวดคิ้วใหญ่เลยล่ะค่ะ
ปัญหาอะไรนะคะที่สามารถสั่นสะเทือนเจ้าเด็กบ้านี่ได้ อยากจะรู้จังเลยค่า อุฮุฮุฮุ
กลับมาบ้านในตอนเย็น ฝนหลงฤดูก็ตกลงมาพอดี ลมพัดเอากลีบดอกท้อที่กำลังบานสะพรั่งให้ปลิวขึ้นฟ้า ลมแรงจนน่ากลัวว่าจะถอนรากถอนโคนต้นท้อให้ปลิวไปตามลมด้วย
ฉันนั่งมองกลีบดอกท้อที่ถูกลมพัดจากหน้าต่าง ก็นึกถึงคำทำนายขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ ชะตาดอกท้องั้นเหรอ
แล้วอยู่ๆก็นึกถึงคนที่ได้คำทำนายเดียวกันนี้ด้วย เอ็นโจก็มีชะตาดอกท้อเหมือนกันกับฉันสินะคะ แต่หมอนั่นมีสาวๆมารุมกรี๊ดเยอะแยะยิ่งกว่าดอกท้อที่บานบนต้นไม้อีกมั้งคะ คงไม่ต้องการชะตาดอกท้ออะไรนี่หรอก
แว่วเสียงระฆังดังเข้ามาให้ได้ยิน เอ๋ ฝนตกหนักขนาดนี้ เสียงระฆังลอยมาจากที่ไหนกันคะ
ฉันปัดเรื่องนี้ออกไปจากหัวเมื่อท่านพี่กลับมาบ้านพร้อมกับเค้ก วันนี้ก็เป็นวันที่ผ่านไปมีความสุขอีกหนึ่งวันค่า
--------------------------
เมื่อคืน เหมือนจะฝันแปลกๆด้วยล่ะค่ะ แต่จำไม่ได้ว่าฝันอะไร
ฉันลืมตาขึ้นแบบงัวเงียเพราะได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก ลุกขึ้นไปตบมันให้เงียบเสียงแล้วเอาผ้าห่มคลุมตัวไว้เหมือนเดิม
"ขออีกห้านาทีนะคะ"
ฉันลืมตาโพลงเมื่อพูดจบ เอ๊ะ นี่ห้องฉัน บ้านฉันไม่ใช่หรือคะ แล้วทำไมได้ยินเสียงเอ็นโจกันล่ะ
พอลุกพรวดขึ้นมา มองไปรอบๆก็ไม่พบเงาเอ็นโจแต่อย่างใด แล้วก็ไม่ใช่ห้องที่เคยคุ้น ฉันมาหลับในบ้านใครเขาเข้าล่ะคะ
หรือจะอ่อนเพลียจากอากาศในงานเลี้ยงน้ำชาจนต้องนอนค้างบ้านมาดามคาบุรากิ
ว้ายยยย แย่แล้วค่ะฉัน ทำตัวเสียมารยาทขนาดนี้เลยงั้นหรือ
ฉันเลิกผ้าห่มออก เดินไปเปิดประตูอย่างเร่งร้อน สาวใช้สองคนกำลังเดินผ่านมาพอดี พอเห็นฉันก็ถอนสายบัวย่อตัวให้ "อรุณสวัสดิ์ค่ะ ท่านชูสุเกะ"
เอ๋ ท่านชูสุเกะ!!!
ฉันอ้าปากค้างกับคำเรียกนั้น รู้สึกช็อคอย่างแรงกล้า
"อ้าว วันนี้ไม่ไปโรงเรียนงั้นเหรอคะ คุณชูสุเกะ" มาดามเอ็นโจที่เพิ่งออกจากห้องทำหน้าแปลกใจใส่ฉัน "ไม่รีบแต่งตัวเดี๋ยวจะไปสายนะคะ"
ฉันปิดประตูห้องแล้วถลาไปที่กระจกทันที ภาวนาให้ไม่ใช่อย่างที่คิด แล้วก็ต้องอ้าปากค้าง เมื่อได้เห็นเอ็นโจ ชูสุเกะมาอยู่ตรงหน้าฉัน
เสียงกรีดร้องโหยหวนของฉันดังไปทั่วบ้าน
มาดามเอ็นโจและพ่อบ้านวิ่งเข้ามาข้างในห้อง ดูจะตกอกตกใจไม่น้อยกับเสียงกรีดร้องและท่าทางของฉัน แต่ฉันหาได้สนใจไม่ มือยังคงชี้นิ้วไปตรงหน้ากระจก แล้วเอ็นโจที่อยู่ในกระจกก็ทำกริยาเดียวกับฉันไม่ผิดเพี้ยน
"คุณชูสุเกะ เป็นอะไรไปคะ" มาดามเอ็นโจเขย่าตัวฉันเบาๆ "ไม่สบายสินะคะ ถึงได้ทำท่าแปลกๆ เดี๋ยวไปโรงพยาบาลเลยดีกว่า"
ฉันพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเพราะยังช็อคอยู่ แต่พอได้สติก็รีบปฎิเสธที่จะไปโรงพยาบาล พร้อมกับยืนยันว่าสบายดีด้วยความแข็งขัน
ถ้าฉันอยู่ในร่างของเอ็นโจ แล้วร่างของเรย์กะล่ะคะ อย่าบอกนะว่า.....
เพื่อเป็นการยืนยันสมมติฐานของฉัน ต่อให้ป่วยแค่ไหนก็ต้องไปให้ดูให้เห็นกับตาให้ได้เลยค่ะ