และเย็นวันนั้น ยูกิโนะคุงก็เข้ามาหาฉันอีก
“นี่คุณพี่เรย์กะฮะ จะย้ายโรงเรียนเหรอฮะ?”
เอ… ใครเอาไปบอกล่ะเนี้ย
“รู้ได้ยังไงกันจ้ะ?”
“พี่ชายบอกฮะ ว่าวันนี้เห็นคุณแม่ของคุณพี่เรย์กะไปที่โรงเรียน…”
ฉันยิ้มอ่อน หน่วยข่าวกรองของเอ็นโจนี่ก็ไวดีนะ แต่ทำไมถึงต้องให้ยูกิโนะคุงมารับรู้ด้วยล่ะคะ
“ใช่แล้วล่ะจ้ะ ครอบครัวพี่สาวไม่เหมือนเดิมแล้ว ต่อไปพี่สาวจะต้องลำบากขึ้น ตอนนี้พี่สาวก็เลยต้องลดรายจ่ายของครอบครัวไงจ้ะ”
“แต่ว่าไม่ย้ายไม่ได้เหรอฮะ ผมยังไม่ได้ตอบแทนคุณพี่สาวเลยนะ”
ใบหน้าของเทวดาชัดๆ แต่ว่าไม่ได้หรอก ฉันส่ายหน้า พร้อมกับพึมพำว่าขอโทษ
“เอ๋ ไม่เอาอ่ะ…”
“เอาแบบนี้ไหมจ้ะ ถ้าพี่หายดีแล้ว พี่จะมาเล่นด้วยบ่อยๆ ดีไหม”
“ผมจะได้เจอคุณพี่เรย์กะอีกเหรอฮะ”
“ได้เจอสิจ้ะ” ฉันยิ้มให้เทวดาตัวน้อย
“งั้นก็ตกลงฮะ”
ยูกิโนะคุงตอบอ้อมแอม ฉันเหมือนเห็นประกายในแววตาเหงาหงอยนั้นนิดนึง แต่คงคิดไปเองล่ะมั้งคะ ก็ยูกิโนะคุงน่ะ เทวดาชัดๆ นี่นาา
“คุณพี่เรย์กะฮะ?”
“อ่า จ้ะ ยูกิโนะคุง?”
“คุณพี่เรย์กะ ยังมีไข้อยู่เหรอ? หรือว่าผมพูดไม่ดีออกไปกันฮะ?” คงเป็นเพราะฉันเหม่อล่ะมั้ง
“อ่า เปล่าค่ะ พี่ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ ยูกิโนะคุง”
“แต่ว่า…” ยูกิโนะคุงยังทำสีหน้าลำบากใจ แต่ว่าฉันยิ้มแล้วพูดตัดเทวดาตัวน้อยคนนี้ก่อน
“พี่แค่คิดว่าพี่ทำเรื่องไม่ดีกับคนอื่นๆ เยอะน่ะ ถ้ายูกิโนะคุงมาอยู่ใกล้พี่จะโดนหางเล่ไปด้วยน่ะสิจ้ะ”
“เอ…” ยูกิโนะคุงทำหน้าสับสน เหมือนกับกำลังคิดอะไรอยู่ “แต่ว่านะคุณพี่เรย์กะ ผมไม่คิดว่าคนที่ยิ้มอย่างอ่อนโยนแบบคุณพี่เรย์กะจะเป็นคนไม่ดีจริงๆ หรอกนะฮะ!”
อ๋าาาาาาาาา
น่ารักจริงๆ เทวดาตัวน้อย…
...แต่ว่าสุดท้ายแล้ว เรย์กะคนก่อนก็ทำตัวคนเลวร้ายจริงๆ นี่
พอกลับมาที่บ้าน ที่ตอนนี้พวกเราใช้แมนชั่นของท่านพี่อยู่กันก่อนชั่วคราว ซึ่งรู้สึกว่าท่านพ่อจะซื้อให้ท่านพี่ตอนที่ท่านพี่เรียนมหาวิทยาลัย ไว้ใช้เผื่อวันไหนไม่ได้กลับบ้านจะได้มาพักที่นี่ โดยเป็นชื่อของท่านพี่เลยไม่โดนถูกยึดทรัพย์ไปด้วย เป็นห้อง 5LDK มีห้องน้ำสองห้อง แบ่งแยกชัดเจน ถึงจะไม่เท่ากับบ้านเก่า แต่ก็ยังบอกได้ว่าอยู่กันได้สบายอยู่ค่ะ
วันนี้ท่านพี่มารับฉันกลับบ้าน ฉันหาเรื่องคุยกับเขาถึงโรงเรียนที่จะไปเรียนต่อให้จบ เพราะเหลืออีกแค่สองเทอมเท่านั้น ท่านพี่เองก็ให้คำแนะนำกับฉัน พร้อมกับปลอบใจฉันว่าถ้าฉันจะเรียนต่อที่ซุยรันเขาก็ยังพอมีค่าเรียนส่งจากเงินที่เขาเก็บไว้ในบัญชี เพราะว่าการย้ายไปกลางคัน ไม่ค่อยมีที่ไหนรับเท่าไหร่ แต่ฉันก็ยืนยันว่า จะขอย้ายอยู่ดีเหมือนกับที่บอกไว้ตอนแรก
แล้วก็เหมือนโชคไม่เข้าข้างฉันที่ทำเรื่องย้ายโรงเรียนไม่ได้…
พอถามเหตุผล คุณแม่ก็บอกเพียงแค่ว่าตระกูลเอ็นโจจ่ายค่าเทอมให้ฉันแล้ว
ดูเหมือนว่าเพราะยูกิโนะคุงไปอ้อนท่านพ่อท่านแม่ของเขาให้ฉันเรียนอยู่ที่นี่ต่อ ทำเอาฉันไม่รู้จะพูดยังไงดี…
ต้องรับสภาพเรียนไปเหรอ ไปเรียนในที่ที่มีคนเกลียดชังแบบนั้นน่ะนะ…
แถมยังติดหนี้ของตระกูลเอ็นโจไปแล้วอีก ค่าเทอมของซุยรันมันแพงอยู่นะ ฉันจะชดใช้หนี้ยังไงหมดล่ะคะ ทั้งตระกูลเอ็นโจยัง…
แน่นอนว่าเอ็นโจ ชูสุเกะคงต้องคิดว่าฉันวางแผนอะไรอยู่แหงเลย
ทำไงดีล่ะคะ ทำยังไงดีล่ะคะ
พอฉันได้ฟังก็หน้าซีด มองหน้าท่านพ่อท่านแม่ และท่านพี่ อย่างทำตัวไม่ถูก
ไม่เอานะคะ!
“แต่ท่านแม่คะ ถ้าเราย้ายก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลยนี่คะ?”
“แม่เองก็อยากทำอย่างนั้นนะจ้ะ คุณเรย์กะ ทางตระกูลท่านเอ็นโจไม่ยินยอมจ้ะ”
อาาา
จะจองเวรอะไรกันนักกันหนาคะ!
แต่ก็ยังโชคดีที่ปิดภาคเรียนฤดูร้อนไปพอดิบพอดี ทำให้ฉันไม่ต้องทนไปรับสภาพแย่ๆ แบบนั้นอีกสักพัก ฉันเลยบอกกับท่านพ่อ ท่านแม่ และท่านพี่ว่า ไว้จะไปตอบปฏิเสธข้อเสนอนี้
ทว่าตอนนี้พักเรื่องหนักๆ พวกนี้ไว้ก่อน ก่อนอื่นต้องหางานพิเศษทำก่อนอันดับแรก
ฉันนั่งไล่หางานพิเศษที่จะรับเด็กม.ปลายทำงานตลอดทั้งคืน สุดท้ายก็หาที่สมัครได้สองสามที่ ที่เวลาในการทำไม่ชนกันพอดิบพอดีเลยเชียวล่ะค่ะ!
กำลังจะสบายใจ พอหันหน้ามาเห็นผมทรงโรโคโค่แล้ว ก็คิดหนัก… ใครจะรับเด็กที่มีทรงผมคุณหนูแบบนี้เข้าทำงานกันล่ะคะ….ฮือ
สุดท้ายก็ต้องนั่งยืดผมตัวเองให้ตรงเป๊ะ เหมือนคนธรรมดาสามัญทั่วไป จะว่าไปแล้ว มันก็ดูดีไม่น้อย แต่ท่านแม่ที่เห็นฉันผมตรงทำหน้าช็อกไปเลยค่ะ ฉันเลยบอกท่านแม่ว่า มันเกะกะตอนทำงานพิเศษ และไม่มีเวลาดูแล ท่านแม่เลยมองอย่างเสียดายค่ะ
อาเระ
ต่อไปนี้จะได้กินขนมแบบสามัญชนแล้วสินะคะ ดีใจจังเลยค่ะ~!