‘อ่า คุณพี่สาวฮะ’
‘อะไร?’ เรย์กะยังเป็นเรย์กะที่หยิ่งยโส มองเด็กน้อยผมสีอำพัน หน้าตาใสซื่อที่ยื่นผ้ามาให้ทั้งสองมือ
‘ให้คุณพี่สาวใช้ฮะ คุณพี่สาวตัวเปียกปอนไปหมดแล้วนะฮะ’
‘...เฮอะ ไม่ขอบใจหรอกนะ’ เรย์กะเค้นยิ้มคล้ายกับรำคาญ แต่ก็หยิบผ้ามาเช็ดตามตัวของตัวเอง
‘ไม่เป็นไรหรอกฮะ’ เด็กน้อยคนนั้นยิ้มให้เรย์กะ
‘นี่อย่ามายิ้มนะ! ไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร?’
‘คุณพี่สาวก็เป็นคุณพี่สาวไงฮะ’ เด็กน้อยยังคงยิ้มแย้มอย่างไม่เกรงกลัวในท่าทีของเรย์กะ
‘ผมมองเห็นคุณพี่จากที่นี่ทุกวันเลยฮะ คุณพี่ทำหน้าเศร้าทุกวัน ไม่เป็นไรใช่ไหมฮะ’
เธอมองเด็กน้อยที่ยิ้มให้เธออย่างโง่ๆ นิ่ง
อยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ แล้วเหมือนมีอะไรบางอย่างเย็นๆ ไหลออกมาตรงบริเวณแก้ม
เธออยากให้มีใครสักคนเข้ามาถามเธอแบบนี้นานแล้ว เข้ามาถามว่าเป็นอะไรไหม หรือว่า ยิ้มให้ ยิ้มให้เธอแบบบริสุทธิ์ใจอย่างนี้ ไม่ใช่หน้ากากจอมปลอม
แต่ว่า แต่ว่า…
‘เธอรักเขา’ รักเขาหมดหัวใจ จนแทบจะทนไม่ได้… เธอที่เอาแต่คิดว่าสิ่งที่ทำไปนั่นดีแล้ว เธออยากจะเป็นคนที่เข้าใจเขา แต่ดูเหมือนว่าที่เธอทำจะผิดพลาดไปเสียหมด
ทำไมกัน เธอแค่อยากจะเข้าใจคาราบุกิ มาซายะเท่านั้นเอง!
ฮึก
‘อา? คุณพี่สาวฮะ อย่าร้องไห้สิฮะ ไม่ร้องไห้นะฮะ โอ๋ๆ’ เด็กน้อยที่เห็นว่าเธอกำลังร้องไห้ รีบกุลีกุจรเข้ามาตบแขนเธอเบาๆ ราวกับปลอบประโลม
‘ใครร้องกัน! เด็กงี่เง่า!’
‘ฮะๆ พี่สาวไม่ได้ร้องฮะ พี่สาวแค่ผงเข้าตาเฉยๆ เท่านั้นฮะ’ เด็กงี่เง่านั่นยิ้ม ดูขัดตาในความรู้สึกของเรย์กะ แต่เธอก็ยังให้เด็กคนนั้นปลอบเธอ
ความอบอุ่นที่เธอขาดหายไป ความอ่อนโยนที่ไม่เคยได้จากใคร แวบเข้ามาในจิตใจของเรย์กะ ทั้งยังรู้สึกอบอุ่นจนรู้สึกทนไม่ไหว
.
.
.
‘นี่ อย่าบอกเรื่องนี้กับใคร แล้วก็ต่อไปอย่ามาพูดกับฉันอีก’ เรย์กะเค้นเสียงพูดออกมา หลังจากที่ร้องไห้โฮไปพักใหญ่ โดยมีเด็กชายตัวน้อยอยู่ข้างเธอ
‘ทำไมล่ะฮะ พี่สาวเป็นคนไม่ดีเหรอ’
‘ใช่ และเธอก็จะเดือดร้อนด้วย’ เธอบอกเด็กน้อยงี่เง่า ที่ไร้เดียงสา อยากจะรู้จริงๆ ว่ามีใครเป็นพี่ของเด็กคนนี้ถึงเลี้ยงน้องให้อ่อนต่อโลกแบบนี้ ทั้งยังมายุ่งกับคนแบบเธออีก ชั่วแวบนึงที่เธอนึกขัน หัวยิ้มออกมา วินาทีนั้นทำเอาเด็กน้อยถึงกับยิ้มตอบ
‘อย่ายิ้มนะ!’
‘ถึงผมจะไม่เข้าใจก็เถอะฮะ ...แต่ว่า แต่ผมว่าคุณพี่สาวที่ยิ้มใจดีไม่มีทางเป็นคนไม่ดีหรอกนะฮะ!’
‘ยิ้มใจดี ฉันน่ะเหรอ? หึ...เข้าใจผิดแล้วล่ะ เด็กบื้อ’
เรย์กะว่า แล้วหยิบผ้าขนหนูที่ตะกี้เอามาเช็ดผมวางลงบนหัวเด็กน้อยงี่เง่า แล้วเดินออกจากตรงนั้นไป
แล้วก็อีกเหตุการณ์นึงที่ต่อเนื่องกันคือ เมื่อไม่กี่วันก่อน เธอเจอกับเด็กคนนี้ล้มลงที่ทางเดิน หอบตัวโยนจนน่าสงสาร เธอไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี เด็กนั่นก็พยายามที่จะเขย่าของในมืออย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วยังทำท่าทรมาน แถมยังพูดไม่ได้ เธอเลยดึงของในมือมาเขย่าให้และส่งกลับไป พอใช้เครื่องมือนั้นเด็กน้อยเหมือนจะดีขึ้น แต่ก็ยังหน้าซีดจนเธอถึงกับหน้าซีดตามไปด้วย วินาทีนั้นเด็กสาวไม่ทันคิดอะไร ใช้แขนแบกตัวเด็กชายขึ้นหลังอย่างทุลักทุเล