ผมสังเกตพฤติกรรมของคุณคิโชวอินอยู่หลายวันจนแน่ใจว่าเธอเปลี่ยนไปจริงๆ แบบนี้แผนรับมือการหลบหน้าของเธอที่ผมคิดมาก่อนเข้าโรงเรียนก็เสียเปล่าหมดทุกอย่าง พอจะพูดคุยด้วย คุณคิโชวอินก็พูดคำตอบคำแล้วก็ไปสนใจแต่มาซายะ
ถ้าเป็นสมัยก่อน ผมคงจะหงุดหงิดมากที่ถูกเมินเช่นนี้ แต่ตอนนี้อะไรก็เปลี่ยนไป ผมโตเป็นผู้ใหญ่พอที่จะระงับอารมณ์และเก็บความรู้สึกได้ดี คุณคิโชวอินในตอนนี้ก็แค่เด็กหกขวบ ไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่จะรับมือสักนิด
ผมรู้ว่าถ้าเธอยังตามตื๊อมาซายะต่อไปเช่นนี้ โอกาสมาต้องมาถึงอย่างรวดเร็ว แล้วก็เป็นไปตามคาด มาซายะตวาดใส่คุณคิโชวอินที่ตามตื๊อไม่เลิกตอนกำลังจะเดินไปรับยูริเอะไปเรียนพิเศษด้วยความโกรธเกรี้ยว รอบข้างไม่มีใครกล้าเดินเข้ามาสักคน ปล่อยพื้นที่ตรงนั้นเหมือนสูญญากาศ
หลังจากมาซายะไปแล้ว คุณคิโชวอินได้แต่ยืนนิ่งๆอยู่ตรงนั้น น้ำตาไหลอาบแก้ม อาจจะเพราะเธอได้รับการสั่งสอนมา เวลาร้องไห้เธอก็ยังไม่ฟูมฟายเสียงดังแบบเด็กทั่วไป แล้วเธอก็เดินไปจากที่ตรงนั้น ทิ้งให้คนรอบข้างส่งเสียงซุบซิบกันถึงเรื่องนี้
ผมเดินตามเธอไป คุณคิโชวอินมาหลบมุมร้องไห้เงียบๆอยู่ตรงสวนหย่อมที่ไม่ค่อยจะมีใครเดินผ่านไปผ่านมานัก ผมเดินเข้าไปหา ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ เมื่อเธอไม่รับไปก็พูด "เช็ดหน้าเช็ดตาก่อนเถอะ คุณคิโชวอิน หน้าตาดูไม่ได้แบบนี้มาซายะไม่ชอบหรอกนะ"
เพราะอ้างชื่อมาซายะ เธอก็เลยยอมรับมันมาซับน้ำตาตัวเอง กล่อมง่ายจังเลยน้า
ผมปล่อยให้เธอร้องไห้ นั่งรอเงียบๆ สักพักเธอก็เงยหน้าขึ้นมาพูดด้วย "ขอโทษด้วยค่ะ ทำผ้าของท่านเอ็นโจเปื้อนหมดแล้ว"
ถ้าเป็นปกติผมคงแหย่คุณคิโชวอินแล้วพูดเรื่องบุญคุณไปแล้ว แต่นี่คือการแก้ไข ผมจะไม่ยอมทำพลาดให้เธอกลัวจนต้องหนีอีกต่อไป "เวลาคนให้อะไรก็ควรขอบคุณไม่ใช่เหรอ"
"ขอบคุณค่ะ" เธออ้อมแอ้มตอบ "จะซื้อผืนใหม่ให้นะคะ"
"เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ ตอนนี้คุณทำให้มาซายะโกรธนี่มันร้ายแรงมากเลยนะ" ผมพูดขรึมๆ แต่แอบไขว้นิ้วไว้ข้างหลัง "มาซายะน่ะโกรธง่ายหายช้าซะด้วยสิ ถ้าไม่ใช่ยูริเอะก็อย่าหวังเลยว่าจะเข้าหน้าติด ถ้าถูกบอกว่าอย่ามาให้เห็นหน้าก็หมายความตามนั้นนั่นล่ะ"
ที่ผมพูดมาน่ะ โกหกทั้งเพเลยล่ะครับ
"เอ๋!!" คุณคิโชวอินหน้าเสียไปเลย บิดผ้าเช็ดหน้าในมืออย่างกลัดกลุ้ม ผมแทบจะเห็นวงจรความคิดในหัวเธอได้ทันที ก็ยังเป็นคนคิดง่ายๆไม่ซับซ้อนเหมือนเดิมเลยนะ
ผมนับถอยหลัง รอจังหวะเวลาที่เธอจะพูดขอความช่วยเหลือ แล้วก็เป็นไปตามคาด คุณคิโชวอินเอ่ยออกมาแทบจะในทันที
"แล้ว ฉันควรจะทำยังไงดีล่ะคะ ถ้าเขาเกลียดฉันล่ะก็....ฉันคง..."
"ใจเย็นๆ คุณคิโชวอิน" ผมจับไหล่เธอทั้งสองข้างไว้ มองสบตาแสดงความบริสุทธิ์ใจ "มาซายะน่ะใจอ่อนง่ายกับความอ่อนหวานนะ แบบยูริเอะไงล่ะ"
พอเธอนิ่งไป ผมก็รู้ว่าคำเกลี้ยกล่อมนี้ได้ผลแล้ว ผมเลยพูดต่อ
"คุณคิโชวอินเป็นคุณหนูไม่ใช่เหรอ ไม่ต่างอะไรจากยูริเอะเลยนะ มาซายะชอบคนวางตัวดีและเหมาะสม ขืนคุณยังกรี๊ดๆใส่เขาอยู่แบบนี้ก็เหมือนกับเด็กผู้หญิงทั่วไปที่เอาแต่ตามตื๊อเขาน่ะสิ แล้วเขาจะมาเหลียวแลคุณตรงไหนกันล่ะ คุณควรแสดงความแตกต่างออกมาให้เห็นนะ"
คุณคิโชวอินกระพริบตาปริบๆ ดวงตาที่ยังชุ่มไปด้วยน้ำตา ริมฝีปากที่สั่นระเรื่อทำให้ใบหน้านั้นดูอ่อนแอและอ่อนหวานน่าปกป้อง ผมต้องห้ามใจตัวเองอย่างมากที่จะไม่ดึงเธอเข้ามากอด
นี่เด็กหกขวบนะชูสุเกะ ท่องไว้
เหมือนเธอจะคล้อยตามผมเพราะเธอพยักหน้า แย้มรอยยิ้มกว้างที่ดูสดใสแบบเดียวกับที่เคยเห็นในงานเลี้ยง
รอยยิ้มนั่นขโมยหัวใจผมไปอีกครั้ง จนเหมือนทั้งโลกหยุดเคลื่อนไหว
"ขอบพระคุณที่แนะนำสั่งสอนฉันนะคะ ท่านเอ็นโจ" คุณคิโชวอินค้อมหัวลง
"ไม่เป็นไร แต่ถ้าอยากปรึกษาอะไรก็เชิญได้ทุกเมื่อเลยนะ"
"ค่ะ"
คุณคิโชวอินรับคำด้วยรอยยิ้มสดใสก่อนจากไป ผมรู้ว่าผมซื้อความไว้วางใจจากเธอได้แล้วเรื่องหนึ่ง ของอย่างนี้ไม่ต้องเร่งร้อน ค่อยๆเป็นค่อยๆไปทีละก้าว
เด็กก็เหมือนผ้าขาว ถึงก่อนหน้านั้นเธอจะถูกระบายสีมาอย่างไร แต่จากนี้ไป ผมจะค่อยๆแต่งแต้มสีสันลงไปบนผืนผ้านั้นเอง