>>384 จากพล็อตนี้ กูอยากเขียนมาก ขอเอามาเขียนนะ
------------------------------
ภาพสุดท้ายที่ผมจำได้คือแสงไฟสีขาวที่เจิดจ้าจนมองไม่เห็นอะไรข้างหน้า และเสียงแตรที่ดังสนั่นหวั่นไหว สติผมดับวูบไปจนเหลือแค่สีดำๆที่มองไม่เห็นอะไรเลยสักอย่าง แต่รู้สึกตัวอีกที ผมก็กลายมาเป็นเด็กหกขวบเข้าให้แล้ว
ตลอดชีวิต ผมไม่เคยทำอะไรที่ดูโง่เง่า แต่ตอนนี้ผมกลับอ้าปากค้างเหมือนคนปัญญาอ่อนอยู่หน้ากระจกเงาเมื่อได้เห็นรูปโฉมตัวเอง
มันเหมือนเปิดอัลบั้มรูปแล้วได้เห็นตัวเองเมื่อสิบกว่าปีก่อน เอ็นโจ ชูสุเกะวัยสี่ขวบที่อยู่ในรูปถ่าย กลับมาปรากฎอยู่ตรงหน้าในกระจก ทำกริยาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน ลองตบแก้มหรือหยิกตัวเองก็รู้สึกความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น นี่ไม่ใช่ฝันงั้นหรือ
ผมนั่งลงกับพื้นเพราะรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย พยายามนึกความทรงจำก่อนหน้านั้น ผมไปที่บ้านพักตากอากาศ ตอนนั้นฝนตกลงมาอย่างหนัก แล้วรถบรรทุกก็ข้ามเลนมา...แต่หลังจากแสงสีขาวนั่นก็นึกไม่ออกเลย
นั่นคือวาระสุดท้ายในชีวิตผมงั้นเหรอ
มันค่อนข้างจะเหลือเชื่อ แต่เวลาผ่านไป ผมก็ต้องยอมรับว่าผมได้ตายลงในวัยสิบเจ็ดปี แล้วก็กลับมาอยู่ในร่างตัวเองตอนสี่ขวบอีกครั้ง
โชคดีที่ไม่ได้ไปอยู่ในร่างแปลกๆหรือร่างคนอื่นแบบที่เคยอ่านเจอในนิยายหลายๆเรื่อง อย่างน้อยก็ได้กลับมาเป็นตัวเอง ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านตัวเอง ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมแม้แต่น้อย
อ้อ ไม่สิ ที่เปลี่ยนน่ะคือสีผมต่างหาก ตัวผมในชาติที่แล้วมีผมสีดำ แต่ตอนนี้มีผมสีอำพัน มันค่อนข้างๆจะแปลกๆที่ได้เห็น แต่ก็ใช่ว่าจะเลวร้ายอะไร
พรุ่งนี้คือวันที่เข้าเรียนที่ซุยรันวันแรก ผมไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไรเพราะทางบ้านจัดไว้ให้หมดแล้ว ผมนอนบนเตียง ครุ่นคิดเรื่องวันแรกของการเปิดเทอมในชาติที่แล้ว ในโลกนี้ผมรู้จักมาซายะ ไอระ ยูริเอะหมดแล้ว งั้นก็เหลือแค่เธอคนนั้น
คุณคิโชวอิน
ผมจำได้ว่าวันเปิดเทอมวันแรก เธอจ้องมาที่หัวผมแล้วพูดเรื่องย้อมผมทองนี่นา
ถ้าได้เห็นสีผมของผมในตอนนี้ เธอจะคิดยังไงกันนะ จะดีใจรึเปล่า
แต่พอนึกถึงคุณคิโชวอินก็รู้สึกเศร้าแปลกๆ เธอจะเศร้าที่ผมตายรึเปล่า เธอจะร้องไห้ให้ผมบ้างมั้ย หรือหัวใจเธอจะเย็นชาจนวาระสุดท้ายของผม
โลกนั้นผมตายลงก่อนที่จะได้พูดอะไรออกไป เมื่อนึกย้อนไปก็พลาดโอกาสหลายๆอย่างที่น่าเสียดายว่าทำไมผมไม่ทำมันนะ
ในเมื่ออดีตก็คืออดีต อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ย้อนกลับมาแก้ไขไม่ได้ แต่ในเมื่อมีโอกาสที่พระเจ้าประทานให้ ผมก็ขอน้อมรับไว้ด้วยความเต็มใจ
เอ็นโจ ชูสุเกะ ในเมื่อมีโอกาสแก้ไขแล้วก็จะไม่ยอมปล่อยให้มันผิดพลาดเป็นครั้งที่สอง
.
.
ผมเห็นเธอได้ไม่ยากเลย ด้วยรูปลักษณ์เช่นนั้น ผมม้วนเกลียวอันเป็นเอกลักษณ์ ใบหน้าน่ารักเหมือนตุ๊กตา ข้างกายเธอก็มีลูกสมุนสองคนประกบติดเหมือนเดิม ที่ต่างออกไปคือท่าทางที่ดูเชิดหยิ่งยิ่งกว่าครั้งไหนๆในความทรงจำ
คุณคิโชวอิน ท่าทางแบบนั้นมันอะไรกันน่ะ
เมื่อเธอเห็นผม เธอก็ตรงเข้ามาทันที ผมกำลังจะทักเธอ แต่คุณคิโชวอินกลับผ่านเลยไป ไปทักมาซายะที่เดินตามมาด้านหลัง
มาซายะทำหน้ารำคาญ พยายามสะบัดแขนออก แต่คุณคิโชวอินกลับเกาะแน่นไม่ยอมปล่อย
เอ๋ อะไรน่ะ
"อ้อ ท่านเอ็นโจ อยู่ด้วยเหรอคะ สวัสดีค่ะ" คุณคิโชวอินหันหน้ามาทางผมแล้วถอนสายบัวให้ จากนั้นก็ไปพูดกับมาซายะต่อ
ผมกระพริบตาปริบๆอย่างไม่เข้าใจ คุณคิโชวอินเนี่ยนะเข้าหามาซายะ โลกนี้มันบ้าไปแล้ว หรือผมจะสติฟั่นเฟือนเองกันแน่นะ
ขณะจิบน้ำชาในสโมสร ผมก็ได้แต่ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์แปลกๆนี่ ทุกอย่างมันดูกลับตาลปัตรไปหมด คุณคิโชวอินที่เข้าหามาซายะอย่างเปิดเผย หรือมาซายะที่เคร่งขรึมเกินวัย ต่างจากเจ้าเด็กบ้าที่คอยตามแต่ยูริเอะในความทรงจำของผมลิบลับนี่มันอะไรกันนะ
แต่ยูริเอะกับไอระก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ผมควรวางใจไปได้หนึ่งเปลาะ ที่อย่างน้อยก็ไม่มีปัญหาเพิ่มมาให้ปวดหัว
พอมียูริเอะมานั่งด้วย มาซายะก็ไม่เปิดรับใครเหมือนเดิม คุณคิโชวอินก็เลยต้องระเห็จไปนั่งกับสมาชิก pivoine คนอื่นๆ แต่สายตายังคอยมองมาซายะอยู่ตลอดเวลา
ไม่เข้าใจเลย คุณคิโชวอินน่ะคอยหนีพวกเราอยู่ตลอดเวลานะ จะมากรี๊ดกร๊าดดูเป็นเด็กผู้หญิงคลั่งรักเหมือนคนอื่นๆในโรงเรียนนี่เป็นไปได้ยังไง