Last posted
Total of 1000 posts
>>29 เอาเลยค่ะ เชียร์ ท่านเอ็นโจคะ ใกล้จบม.ปลายแล้ว รีบเคลียร์เรื่องของตัวเอง แล้วก็รุกท่านเรย์กะหนักๆเลยนะคะ สาวเจ้าเขาความรู้สึกช้า
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
จำได้ว่าตอนหลังเนี่ย ท่านเรย์กะยกให้ท่านเอ็นโจเป็นอับดับสองรองจากท่านอิมาริ ในด้านคาสโนว่าตัวร้ายย เพราะว่าท่านรับมือกับผู้หญิงและเหล่าแฟนคลับได้ดีเหลือเกิน โถถถถ ท่านเอ็นโจกลายเป็นว่า ไม่ว่าท่านเอ็นโจจะหยอดจะชมยังไง ท่านเรย์กะก็จะเตือนตัวไว้ไม่ให้โดขิ ตกหลุงพรางคาสโนว่า ซะงั้นน ฉงฉานท่านเอ็นโจจจจจ ถถถถถถ
>>22-24
เมื่อมีคนจุดประกาย อยากต่อมุมมองของเอ็นโจค่าาา !!
แต่ว่าอาจจะเขียนไม่ค่อยดีนะ
เริ่มกันเลย
=============================
เอ็นโจ พาท
หลังจากที่แยกจากคุณคิโชวอิน ผมก็ไปหลบมุมอยู่กับมาซายะที่มุมห้องที่มีม่านกั้น ที่ที่พวกสาวๆ ไม่สามารถเข้ามาได้
ทั้งที่อยากจะอยู่ใกล้ๆ ต่ออีกหน่อย อยากคุยต่ออีกสักนิด แต่ถ้าทำแบบนั้นกระต่ายก็คงจะผวาแล้วหนีหน้าไปแบบที่แล้วๆ มาอย่างแน่นอน
มาคิดๆ ดูแล้ว
ทำไมถึงต้องกลัวผมขนาดนั้นด้วย
ผมไม่เข้าใจคุณคิโชวอินเลย
ตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้ว ไม่ว่าผมจะทำท่าทีเป็นมิตรแค่ไหน เจ้าตัวก็ทำสีหน้าประหลาด หวาดผวา แปลก แตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้าหาผมกับมาซายะ
ในตอนนั้นคิดว่าคงเป็นแค่แสร้งทำ เพื่อให้ดูต่างจากคนอื่น แล้วก็คงจะเหมือนผู้หญิงทั่วไป
แต่มันไม่ใช่ ไม่ใช่เลย
พอมาคิดๆ ดูเรื่อยๆ ก็ อ๋อ… ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับพวกเราแบบสุดริดสุดเดชเลยนี่นา
แต่ว่าก็เหมือนกับมีหลายเหตุการณ์ที่ดึงเจ้ากระต่ายตัวนั้นให้เข้าหาพวกเราแบบไม่ค่อยเต็มใจ พอมาคิดๆ ดู ท่าทางกระต่ายที่กำลังหวาดกลัวนั้น น่ารักสุดๆ ไปเลยนี่นา
เป็นคนที่น่าสนุกเหมือนกับมาซายะเปี้ยบเลย!
ผิดแต่ตรงที่มาซายะนั้นเป็นคนตรงกว่า แต่ของเจ้าหล่อนนั้นกลับต้องให้ผมถึงขั้นหาข้ออ้างเรียกร้องหนี้ที่เธอติดเอาไว้ จนเธอยอมเข้ามาช่วยในที่สุด ถึงแม้จะแก้ปัญหาไม่ค่อยได้มากก็เถอะ
ไม่สิ ตอนเรื่องที่มีกลุ่มผู้หญิงคนนึงเข้ามาติดพันมาซายะมากเกินไป ตอนที่คุณคิโชวอินอยู่ห้องเดียวกับมาซายะ
ผมเผลอแกล้งแรงไปหน่อย จนโดนเธอต่อยที่ท้อง ทำเอาจุกไปเลย
จะแค้นอะไรนักหนากันน้า
แกล้งนิดๆ หน่อยๆ เอง
แต่งั้นก็เถอะ โดยรวมแล้วคุณคิโชวอินเป็นคนตลก สนุกดี
และไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่สายตาของผมมักจะหยุดมองไปที่คุณคิโชวอิน
ท่าทีที่แสร้งทำเป็นวางมาดยิ้มน้อยๆ แบบคุณหนูผู้อ่อนแอนั่นน่ะ มันน่าขันนะ
จริงๆ แล้วตอนนั้นเป็นตอนที่กำลังคิดอะไรไม่ออก อยากจะหาทางหนีอยู่ไม่ใช่รึไงครับ คุณคิโชวอิน--!!
ท่าทางของเธอบางครั้งที่ทำให้ผมหัวเราะไม่หยุด น่าสนใจเกินไปแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เข้าไปช่วยหรอกนะ!
ก็คุณทำให้ผมหงุดหงิดหลายเรื่องเหมือนกันนี่นา
อย่างตอนที่ไปกินข้าวกับตาลุงนั่นบ่อยๆ
ก็เลยต้องมาอดข้าวแบบนั้นไงล่ะ! หึ เห็นท่าทางที่มองขนมในสโมสรแล้วผมก็นึกสงสารนะ แต่ก็ทำตัวเองล้วนๆ นี่
ที่หลังก็เลือกผู้ชายดีๆ หน่อยเถอะ คุณคิโชวอิน
แต่ทุกครั้งที่ผมเห็นว่าเธอนั้นอยู่กับผู้ชายคนอื่น ทำเอาผมรู้สึกแปลกๆ ภายในใจเสมอ
แต่ก็ไม่ใส่ใจกับมันเลยสักครั้ง
แต่จุดที่ทำให้ผมเริ่มเอ๊ะใจกับความรู้สึกของตัวเอง ก็ตอนที่เธอมาช่วยยูกิโนะเอาไว้
ทั้งที่บอบบางแท้ๆ ทั้งๆที่ตัวเองไม่ไหวแท้ๆ แต่ก็ยังมีน้ำใจแบกยูกิโนะขึ้นหลังแบบไม่ห่วงมาดคุณหนูของตัวเอง วิ่งไปห้องพยาบาลเพื่อน้องของผม
ทำไมเธอถึงทำอย่างนั้นกันนะ คุณคิโชวอิน…
แต่ว่าผมน่ะ ก็ยังไม่แน่ใจความรู้สึกของคุณอยู่ดี
เพราะบางครั้งสายตาของคุณก็มองไปที่...มาซายะ
ผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าควรจะทำตัวยังไงไม่ให้คุณกลัว แต่ถ้าไม่ทำแบบนั้น คุณก็คงจะไม่คุยกับผม ไม่ยอมอยู่ข้างผม
พวกผู้ชายในโรงเรียนนั้นต่างชื่นชมคุณคิโชวอินแบบลับๆ กันทั้งนั้น
แต่โชคดีด้วยมาดคุณหนูของคุณที่ทำให้ทุกคนไม่กล้าจะไปเด็ดดอกฟ้า หรือแม้กระทั่งข่าวลือของคุณกับพวกผม ที่บางอันผมก็ปล่อยไปเองแบบลับๆ เพื่อไม่ให้ใครมายุ่งกับคุณ
จะมีทางไหนบ้างที่ทำให้คุณยอมคุยกับผมดีๆ ยิ้มให้ผมสักนิด แบบที่ยิ้มกับยูกิโนะ ยิ้มให้กับทุกคนบ้างนะ
พอคิดทบ
แล้วคืนนั้นผมก็ฝันแปลกๆ
เป็นความฝันที่ทำให้ผมเริ่มตระหนักว่าตัวผมเองนั้นแย่แล้ว…
แย่มากกว่าที่คิด หลงไปมากกว่าที่ตัวเองคิดเอาไว้ซะอีก
จะถอนตัวก็ถอนไม่ทันแล้ว
ความฝันบ้าอะไรกัน ฝันดีหรือ? ถ้ามันไม่ใช่ฝันสิ คงจะดีกว่านี้อีก…
แล้วหลังจากวันที่ฝันนั้นคุณคิโชวอินก็หายหน้าไปเลย ทำเอาจิตตก คะแนนสอบร่วงลงมาจนมาซายะรู้สึกผิดปกติ แต่ผมก็กลบเกลื่อนไป
มีเหตุการณ์ที่ทำให้ผมได้อยู่กับคุณคิโชวอิน
ท่าทางที่ห้องพยาบาลน่ะ เห็นแล้วรู้สึกอยากเข้าไปกอดเลยล่ะ
อ้ะ ทำไปแล้วนี่นา
แต่ว่าตอนที่กำลังอยู่ในจังหวะดีๆ เธอกลับเลือดกำเดาไหล้สียได้
นี่คุณคิดอะไรอยู่ในหัวเหรอครับ คุณคิโชวอิน เรย์กะ…
ผมหลุดขำเลยนะ รู้ไหม
รู้ไหมตอนที่มาโอะจังเพื่อนของยูกิโนะร้องเพลงน่ะ พอผมได้มองคุณที่กำลังหน้าแดงกล่ำ บอกตามตรงนะว่ารู้สึกดีที่สุดเลย
ใบหน้าเล็กๆ ที่น่ารักราวกับตุ๊กตา ยิ้มแย้มแบบไม่เสแสร้ง วางตัวแบบเป็นกันเองไม่เหมือนคุณหนูทั่วไป
อาา อยากเข้าไปกอดอีกจังเลยล่ะครับ
แต่จังหวะที่ได้อยู่ด้วยกันไม่บ่อย รู้หรอกน่ะ ว่ากำลังหลบหน้าอยู่น่ะ แต่หนีไม่พ้นหรอกนะ!
ก็ผมมองคุณอยู่นี่ครับ
ตอนที่ได้คุยกับคุณคิโชวอินในสโมสร รู้สึกว่าดีจังน้า~
แค่จับมือ คุณก็หน้าแดงแล้ว จะน่ารักไปไหนกันน่ะ ไม่ยอมยิ้มให้ผมแบบเป็นกันเอง แต่ยิ้มแบบสุภาพ แบบนั้นมันน่าขัดใจจังนะ แต่ว่าพอผมคุยเรื่องยูกิโนะ กลับยิ้มอย่างดีใจ เป็นกระต่ายตาโตไปได้ น่าน้อยใจจังนะ…
แกล้งนิดๆ หน่อยๆล่ะกัน
อ่ะ ใบหน้าที่กำลังหาทางหนีก็น่ารักไปอีกแบบนะ คุณคิโชวอิน
อย่าเผลอหลุดสีหน้าสิ เห็นไหมเพื่อนในสโมสรกำลังมองดูอยู่นะ ระวังตัวบ้างสิครับ!
ไม่ให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ทั้งนั้นแหละ
จะจัดการให้พ้นทางไม่ให้เข้ามาใกล้เด็ดขาดเลย กระต่ายตัวน้อย
>>35-36
ต่อจากที่หลุดไปจ้า
.
.
“เฮ้ นายยิ้มน่ากลัวไปแล้วนะ ชูสุเกะ…”
ผมมองหน้ามาซายะที่มองหน้าผมแบบหวาดผวา
อ่า...เผลอหลุดยิ้มมาดร้ายไปซะแล้วสิ
“คิดบางอย่างอยู่น่ะ แล้วนายไม่ไปหาท่านแม่เหรอมาซายะ”
“ไม่ล่ะ ไว้ค่อยออกไปตอนจบงานแล้วกัน”
“อื้๋อ”
เป็นแบบมาซายะนี่ก็เหนื่อยใจเหมือนกัน แต่ว่ามาซายะเป็นพวกที่ไม่คิดอะไรอยู่แล้ว ที่วางมาดขรึมนั่นเป็นตอนที่คิดเรื่องอื่นเรื่อยเปื่อยอยู่ในหัวอย่าง ‘วันนี้กับข้าวเป็นอะไร’ แบบนั้นล่ะ
คุณคิโชวอินเองก็เป็นเหมือนกับมาซายะภาคผู้หญิงล่ะมั้ง…
อยู่ๆ ก็มีข้อความส่งมาจากสมุน(?) ไม่สิเด็กที่พอสนิทในห้องของผมว่ามีคนขอคุณคิโชวอินเต้นรำ และเจ้าหล่อนก็รับคำเต้นรำด้วย
เท่านั้นล่ะ ผมรีบเดินออกไปจากห้องเลย
ไม่หันไปทักท้วงมาซายะที่มองผมที่รีบลุกไปแบบผิดปกติด้วย
เจ้าหมอนั่น กล้ามายุ่งกับผู้หญิงของผมเชียวเรอะ!
ผมมองเจ้านั่นอยู่ที่หน้าฟลอร์เต้นรำ จ้องเขม็งไปที่คู่นั้น จนไม่รับรู้ว่าข้างตัวผมกลายเป็นไร้ร่องรอยของผู้คนไปแล้วด้วยซ้ำ
ทั้งยังเอามือจับเอวคุณคิโชวอินอีก จะทำให้ฝันร้ายไม่ได้ผุดไม่ให้เกิดเลยเชียวล่ะ
เหมือนเจ้านั่นจะรู้ตัวว่ากำลังถูกผมมองดูอยู่
ผมยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มธุรกิจ แฝงไปด้วยรังสีอำมหิต
ผู้ชายคนนั้นรีบปล่อยมือออกจากตัวของคุณคิโชวอินทันที!
ดีมาก ไปซะ
อย่ามายุ่งกับของคนอื่นเซ่!
พอคิดดู ถ้าไม่ทำตัวเป็นเจ้าของล่ะก็ เจ้าพวกมดปลวกแมลงพวกนี้ก็ยังเข้ามาหาคุณอยู่ดีสินะ
งั้นก็ขอประกาศในงานนี้เลยล่ะกัน!
พอมองหน้าของคุณคิโชวอินที่มีสีหน้าตื่นตระหนก ก็ทำไม่ลง
จะทำสีหน้ากลัวผมทำไม ผมแค่อยากเต้นรำกับคุณเองนะ
ไม่ให้ปฏิเสธหรอก ยังมีชนักติดหลังอยู่นะ คุณคิโชวอิน
ผมประมาทมากเกินไปใช่ไหม
ถึงคิดว่าจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะรู้ตัว
“ท่านเอ็นโจเต้นเก่งจังเลยค่ะ~” แวบหนึ่งที่คุณคิโชวอินยิ้มให้ผม ใบหน้าน่ารักนั้นยิ้มกว้างเชียว โกงกันนี่นา
แต่ว่าผมเองก็พอกันนั่นแหละ มองดูก็รู้ว่าคุณคิโชวอินเจ็บเท้าอยู่ ก็ยังฝืนให้มาเต้นอีก
ขอโทษที่ใจร้ายนะ แต่ว่าคุณทำตัวคุณเองนี่นา
ใครใช้ให้ถอดเสื้อคลุมไหล่ เผยผิวขาวละมุนนี่
ใครใช้ให้เจ้าหมอนั่นมาลวนลามคุณ จนผมอยากจะลบร่องรอยนั้นออก
ใครใช้ให้คุณยิ้มหวานให้เจ้ามดปลวกแมลงนั่นกันล่ะ!
ไม่ได้แกล้งนะ แค่อยากให้รู้สึกตัวสักที
คุณยังมีผมตรงนี้นะ คุณคิโชวอิน
สุดท้ายก็ทนไม่ไหว ดึงมือของเธอออกจากฟลอร์เต้นรำ
คิโชวอินคนพี่จะเดินตามมาด้วย แต่ว่าผมกระซิบบอกให้พวกเพื่อนของผมสกัดทุกคนที่เข้ามาขัดผมกับคุณคิโชวอินเอาไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว
“น้ำครับ”
“ขอบคุณค่ะ” คุณคิโชวอินกลับมายิ้มน้อยๆ เหมือนเดิมแล้ว
ผมเองก็ทำตัวขรึมไม่ไหวแล้วเหมือนกันนะ
ระวังตัวเองหน่อยสิ มีหมาป่าอยู่ตรงนี้นะ!
“พรุ่งนี้ ผมชวนเพราะเป็นวันอะไรคุณคิโชวอิน?”
ผมลองถามหยั่งเชิง หวังว่าคงไม่งี่เง่าจนไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้เป็นวันอีฟนะ คุณคิโชวอิน
วันที่ผู้ชายชวนผู้หญิงที่ชอบไป เป็นวันพิเศษของคู่รักเลยนะ!
แต่สุดท้ายผมก็พ่ายแพ้
เจ้าหล่อนยังซื่อบื้อเหมือนเดิมไม่มีผิด
.
.
.
เอาเถอะ ไม่เป็นไร ช้าๆ ไม่เร่งรีบ ไม่เร่งรัดอะไรหรอกนะ
แต่ไม่ได้บอกว่าจะไม่ทำให้รู้ตัวนี่
คุณคิโชวอินที่ไม่ระวังตัวนั้น มีสีหน้าตื่นตระหนก เมื่อผมเอาใบหน้าไปประชิด น้ำเสียงสั่นๆ ของเจ้าตัวนั้นทำเอาผมสั่นไหวไปหมด
ตอนแรกก็แค่อยากแกล้งเล่นหรอกนะ
แต่คุณดันน่ารักเกินไปจนทนไม่ไหวแล้วล่ะ เรย์กะ
“...เรย์กะ”
ผมเรียกชื่อเธอ นัยน์ตาของกระต่ายตัวนี้ ฉายแววตกใจ สับสัน และสั่นไหว อ่าา น่ารักเกินไปแล้วครับ
ผมคลี่ยิ้ม แล้วเชยหน้าของเธอขึ้น จรดริมฝีปากที่หน้าผากกลมมนของเธอเบาๆ อย่างอ้อยอิ่งอยู่ตรงนั้นครู่ใหญ่
“เรย์กะ” ผมเรียกชื่อเธออีกครั้ง มองแววตาคู่นั้น อยากให้เธอรับรู้ความรู้สึกของผมบ้าง อยากที่จะโน้มตัวไปจูบที่ริมฝีปากเล็กๆ นั่น
ประทับตราเป็นเจ้าของ เหมือนกับความฝันคืนนั้น
ทว่าก็ดันมีตัวมารมาขัดขวางเสียได้
ชิ
ผมถอนตัวออกมาช้าๆ
คุณคิโชวอินผวาไปเลย
พอคุณพี่ชายของเธอมา เธอก็รีบไปเกาะเขาทันที
อ่า… ทำเกินไปหน่อยสินะ
กระต่ายกลัวจนตื่นตูมแล้ว
แต่ไม่เป็นไรหรอก
พรุ่งนี้ยังมีโอกาสอยู่ด้วยกันอีกทั้งวัน
ไม่ยอมให้หนีหรอกนะ
เพราะคุณเป็นของผม
คุณคิโชวอิน เรย์กะ
--------------
จบแระ
โอ๊ยยยยยย เขินโคตร เขินโคตรๆเลยแงงงง ;7; ขอบคุณสำหรับกำลังใจในการทำงานของตัวเองต่อค่ะ โคตรกร๊าวใจเล้ยยยย ,___,)///////
เขินมากกกกก โอ้ย กรีดร้องงงง มายโฮมมม!!! นี่แหละจักรวาลแห่งกาวที่ข้าน้อยใฝ่ฝัน!!!? ขอบคุณเจ้าค่ะ ฮิๆๆ หยุดยิ้มไม่ล้ายยย~~~ รอทุกฟิคค่ะ >.0
เห็นทวิตหลักของโม่งบอกว่าระบบผิดพลาดน่ะ มันเลยล็อคทั้งบอร์ดเลย
มาค่ะ
กาลครั้งหนึ่งในฝัน : เอ็นโจ's side story
----------
เพราะความฝันเมื่อกลางดึก ทำเอาผมไม่สามารถหลับต่อได้ ลงท้ายเลยลุกขึ้นมานั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบจนเช้า แต่บทเรียนก็ไม่ได้เข้าหัวเลยสักนิด มักจะเผลอใจลอยนึกถึงฝันนั้นอยู่นั่น
มันเป็นความฝันที่ชัดเจนแจ่มชัดราวกับเรื่องจริง เป็นฝันดีที่...หอมหวาน และน่าอายเกินกว่าจะพูดให้ใครฟัง โดยเฉพาะเจ้าตัวเองล่ะนะ
แต่ถ้ารู้เข้าจะทำหน้ายังไงกันนะ... ก็อยากเห็นเหมือนกันแฮะ
พอจินตนาการถึงท่าทางของคุณคิโชวอินก็ทำเอาขบขันไม่ใช่น้อย คุณคิโชวอินมักจะมีปฏิกริยาแปลกๆไม่เหมือนใคร แรกๆผมก็คอยจับตามองดูเพียงเพราะรู้สึกตลกดี แต่พอนานเข้าความรู้สึกตลกมันก็เปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีมันก็เกินกว่าจะถอนความรู้สึกนั้นออกไปแล้ว
แต่ถ้าเกิดว่าวันนี้ได้เจอคุณคิโชวอินเข้าล่ะก็ คงจะทำตัวให้เป็นปกติยากหน่อยล่ะ
ไม่ทันขาดคำ ผมก็พบกับคุณคิโชวอินที่ประตูทางเข้าโรงเรียนจนได้
คุณคิโชวอินทำกระเป๋าร่วงกับพื้น ทำหน้าตาอย่างกับเห็นผี พอคว้ากระเป๋าได้ ก็รีบลุกขึ้นมาคำนับทักทายแล้วรีบวิ่งหนีไปโดยไม่มองหน้า เร็วเกินกว่าผมจะได้เอ่ยปากทักทายตอบเสียอีก
อะไรกันน่ะ? ช่วงนี้ผมยังไม่ได้ทำอะไรให้เธอน่าจะกลัวขนาดนั้นนี่นา?
แต่ก็นับเป็นเรื่องดีแล้วล่ะ เพราะผมในตอนนี้เองก็ไม่มีความมั่นใจที่จะพูดคุยกับเธอเลย เมื่อสักครู่นี้เพียงแค่เห็นตอนที่คุณคิโชวอินเดินเข้ามา ก็รู้สึกการตอบสนองของตัวเองหยุดนิ่งไปแล้ว
ตอนกลางวันผมกับมาซายะนั่งทานอาหารกลางวันตามปกติ ผมก็สบสายตากับคุณคิโชวอินเข้าพอดีโดยไม่ได้ตั้งใจและเตรียมใจสักนิด พอตั้งสติควบคุมตัวเองได้ก็ส่งยิ้มให้ คุณคิโชวอินก็รีบหันขวับไปพูดคุยกับคุณโนเซ็นทันที
ไม่ยักรู้ว่าคุณคิโชวอินชอบวรรณกรรมคลาสสิคขนาดนั้น แล้วท่าทางที่ดูหวาดกลัวอย่างกับกระต่ายตัวเล็กๆนั่นมันอะไรกันน่ะ ทำท่าทางตลกอีกแล้วซิน่า
"หัวเราะอะไรน่ะ ชูสุเกะ" มาซายะที่นั่งทานอาหารด้วยกันถามขึ้น แล้วหันไปมองตามสายตาผม "อย่าบอกนะ... ว่านาย... คิดจะไปเข้าชมรมวรรณกรรมของโนเซ็นน่ะ?"
... เงียบไปเหอะน่า มาซายะ
เย็นวันนั้นคุณคิโชวอินไม่ได้เข้ามาที่ห้องสโมสรอีก
รวมถึงหลายๆวันนับแต่วันนั้น
*****
ผ่านพ้นช่วงการสอบไปในที่สุด บอร์ดติดประกาศรายชื่อลำดับแออัดไปด้วยเหล่านักเรียนที่มามุงดู พอผมกับมาซายะเดินเข้าไป ทุกคนก็เปิดทางให้
คุณคิโชวอินมาดูบอร์ดรายชื่อเช่นเดียวกัน เป็นเวลากว่าสองสัปดาห์ที่แทบไม่ได้พบหน้า อย่างกับกำลังถูกหลบหน้าอยู่อย่างนั้นล่ะ คุณคิโชวอินยิ้มน้อยๆขณะที่มองเห็นชื่อตัวเองบนนั้น ท่าทางเก็บอาการสุดๆ แต่ลักยิ้มน่ารักที่มักปรากฏเวลาดีใจนั่นไม่สามารถซ่อนได้หรอกนะ
รู้สึกอีกทีผมก็เผลอตรงเข้าไป วางมือบนไหล่คุณคิโชวอินซะแล้ว "ยินดีด้วยนะ คุณคิโชวอิน"
คุณคิโชวอินสะดุ้งโหยง หันมาเห็นหน้าผมก็ทำหน้าแปลกๆ กล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อยโดยไม่มองหน้าด้วยซ้ำ ท่าทางเหมือนกำลังกลัวจริงๆนั่นล่ะ แต่ทำไมกันนะ?
สักพักมาซายะก็เข้ามายืนข้างๆ ตำหนิเรื่องอันดับที่ร่วงลงของผม มันก็ควรจะดีกว่านี้จริงๆนั่นล่ะ แต่เพราะตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา มันไม่มีสมาธิเลยน่ะซิ
เป็นความผิดของคุณคิโชวอินนั่นแหละ
พอนั่งอ่านหนังสือหรือทำอะไรก็ตาม ภาพความฝันในคืนนั้นก็มักจะผุดขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจจนไม่เป็นอันเรียน แถมพอคิดมองหาตัวคนร้ายที่ทำให้เป็นแบบนี้ก็ดันหายตัวไปไม่ให้ได้เห็นหน้า ความว้าวุ่นใจเลยยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ลงท้ายผลการสอบเลยดิ่งลงแบบนี้
เป็นความผิดของคุณคิโชวอินนั่นแหละ
พอคิดจะพูดคุยด้วยอีกสักนิด คุณคิโชวอินก็ขอตัวแล้วเผ่นแนบไปอีกแล้ว ให้ตายซิ
ตอนแรกคิดว่าพอหลังสอบเสร็จ จะได้พบคุณคิโชวอินตามปกติที่ห้องสโมสร แต่ก็ต้องผิดหวังอีกครั้ง
ตอนเย็นของวันถัดมา ยูกิโนะก็เข้ามาที่ห้องนอนผม
"ท่านพี่เดี๋ยวนี้ไม่มารับผมกลับบ้านบ้างเลยนะฮะ~"
"หือ พักนี้ก็แข็งแรงไม่มีอะไรให้ห่วงนี่"
"เอ๋ ต้องไม่สบายถึงจะไปรับเหรอฮะ ใจร้ายจัง"
ยูกิโนะทำหน้างอ
"ทำไมล่ะ เหงารึไง?"
ผมแหย่ไปขำๆพลางขยี้หัวน้องชายอย่างหมั่นไส้จนยูกิโนะสะบัดใส่ แล้วถอยหลังกลับไปที่ประตูห้อง
"เปล่าสักหน่อย ก็แค่พักนี้ท่านพี่ไม่ได้ไปที่เปอร์ติต์เลย เพื่อนๆหลายคนถามถึงน่ะฮะ"
ยูกิโนะพูด เปิดประตูทำท่าจะออกไป แต่ก็หันกลับมาพูดต่อ ทำหน้าทำตาอย่างโอ้อวด
"ส่วนผมน่ะ ไม่เหงาหรอกฮะ~ เพราะเดี๋ยวนี้ท่านพี่เรย์กะมาเล่นด้วยที่ห้องเปอร์ติต์ทุกเย็นเลยล่ะ~"
อย่าเผลอทำหน้าตาแบบนั้นให้คุณคิโชวอินเห็นเชียวล่ะ เจ้าตัวแสบ
*****
ต้องขอบคุณยูกิโนะที่คาบข่าวมาบอก เย็นวันถัดมาผมเลยทิ้งมาซายะไว้ที่สโมสรแล้วไปที่ห้องเปอร์ติต์ทันที
มองผ่านหน้าต่างเข้าไปก็เห็นคุณคิโชวอินที่รายล้อมไปด้วยเด็กๆ
คุณคิโชวอินเป็นคนรักและเอ็นดูเด็กๆมาก มากพอที่จะทำให้ยูกิโนะชอบเธอมากทีเดียวล่ะ เวลาที่อยู่กับเด็กๆ คุณคิโชวอินมักมีรอยยิ้มร่าเริงสดใสราวกับเป็นคนละคนกับตอนวางมาดเป็นจักรพรรดินีที่แผนกมอปลาย เป็นรอยยิ้มที่เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม
พอเข้าไปในห้อง คุณคิโชวอินมีท่าทางแปลกใจที่เห็นผม พูดคุยกันได้นิดหน่อยก็หันไปคุยกับมาโอะแทน ท่าทางที่ดูลนลานนั่นก็ดูตลกอีกแล้วซิน่า อย่างกับตอนที่อยู่ในฝันงั้นล่ะ
ทันใดนั้นผมก็เหมือนเห็นภาพซ้อนของความฝันผุดขึ้นมา ภาพคุณคิโชวอินในชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาดตานั่งอยู่ปลายเตียง ท่าทางลุกลี้ลุกลนและขัดเขินจนใบหน้าแดงก่ำจ้องมองมาทางผม "คะ... คุณชูสุเกะ..."
เสียงแตกตื่นจากพวกเด็กๆ ทำให้ผมหลุดจากภวังค์ ความรู้สึกผิดผุดขึ้นมาเต็มๆ ไม่ได้ๆ อย่าเผลอคิดเรื่องนั้นซิ! อย่างน้อยๆนี่ก็ยังอยู่ในที่สาธารณะนะ...
ผมรีบทำตัวให้กลับมาเป็นปกติแล้วหันมาสนใจกับสถานการณ์ตรงหน้า
ดูเหมือนว่าคุณคิโชวอินจะโดนเข็มตำนิ้ว ผมรีบเข้าไปดึงมือของเธอมาแล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเลือดให้ เลือดออกมามากทีเดียวจนคุณคิโชวอินทำหน้าเสีย ผมเลยบีบนวดเบาๆให้เธอผ่อนคลาย
มือของคุณคิโชวอินทั้งเล็กและบอบบางแตกต่างกับมือของผู้ชาย บอบบางจนกลัวจะเผลอทำให้เป็นรอยช้ำเลยล่ะ
มาโอะบอกให้คุณคิโชวอินไปที่ห้องพยาบาล พอผมเงยหน้ามองคุณคิโชวอินอีกครั้งก็ต้องประหลาดใจ
ใบหน้าของเธอแดงก่ำอย่างกับมะเขือเทศสุกอย่างนั้นล่ะ
คุณคิโชวอินดึงมือของตัวเองออกไป แล้วขอตัวไปห้องพยาบาล จากนั้นก็วิ่งรี่ออกไปจากห้อง
ไออุ่นจากมือของเธอยังหลงเหลือในอุ้งมือ ภาพใบหน้าที่แดงแจ๋ขนาดนั้นอย่างกับในฝันไม่ผิดเพี้ยน...
แต่นี่คือความจริงไม่ใช่เหรอ?
ความจริงที่คุณคิโชวอินไม่เคยเขินอายหรือกระทั่งสนใจผมสักนิดเดียว...
"อ๊ะ รู้สึกว่าวันนี้อาจารย์ที่ห้องพยาบาลจะไปประชุมที่โรงพยาบาลตั้งแต่บ่ายล่ะฮะ ไม่รู้ว่าจะกลับมาแล้วยังนะ" ยูกิโนะพูดขึ้น "ท่านพี่ไม่ตามไปดูหน่อยเหรอฮะ~"
ผมรีบลุกขึ้นแล้วตามคุณคิโชวอินไปที่ห้องพยาบาล
เพราะเป็นเวลาหลังเลิกเรียน จึงไม่ค่อยมีคนบนอาคารนัก พอไปถึงห้องพยาบาลก็เห็นคุณคิโชวอินกำลังปฐมพยาบาลด้วยตัวเองอย่างทุลักทุเล ผมเลยอาสาช่วยทำแผลให้
คุณคิโชวอินดูจะลุกลี้ลุกลนอยากจะหนีเต็มทน แต่อย่างน้อยผมก็สัมผัสได้ ว่ามันไม่ใช่ความรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่เคยเป็นมาตลอด...
พอคิดแบบนั้นก็รู้สึกหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมา จนอดไม่ได้ที่จะขยับตัวเข้าไปพูดคุยด้วยใกล้ๆ คุณคิโชวอินยิ่งทำตัวฟีบพยายามจะถอยห่างออกไปจนผมแทบหลุดขำ ท่าทางแบบนั้นยิ่งทำให้อยากจะกลั่นแกล้งยิ่งกว่าเดิมอีกนะ ใบหน้าของเธอยิ่งแดงมากขึ้นทุกทีจนน่ากลัวว่าจะระเบิดออกมาได้
ในยามปกติที่พวกเราพูดคุยกัน คุณคิโชวอินมักจะวางตัวอย่างระมัดระวังตลอดเวลา แต่ดูตอนนี้ซิ... นี่ไม่ใช่ว่าระบบการป้องกันตัวเองลดลงแล้วอย่างนั้นเหรอ?
"คุณคิโชวอินหน้าแดงเชียว ไม่สบายเหรอ?" ผมถาม พร้อมกับวางมือแตะบนหน้าผากของเธอ รู้สึกได้ถึงไอร้อนที่แผ่ออกมาเลยทีเดียว คุณคิโชวอินรีบตอบกับว่าสบายดีด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พอเย้าแหย่เข้าหน่อย คุณคิโชวอินก็ทำหน้าตาไม่พอใจเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากันพอดี
ใบหน้าเราใกล้ชิดกันมากยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ยิ่งทำให้หัวใจผมเต้นแรงยิ่งกว่าเดิม ราวกับเวลานั้นหยุดนิ่งไปแล้ว แววตาที่สั่นระริกของเธอ แทบจะทับซ้อนกับภาพความฝันในคืนนั้น ทั้งไออุ่นที่สัมผัสได้ กระทั่งกลิ่นหอมหวานที่โชยมาก็ทำเอาหายใจไม่ทั่วท้อง
ผมไม่ใช่คนชอบฉวยโอกาส ทั้งพยายามทำตัวเป็นสุภาพบุรุษมาตลอด แต่ขอโทษนะ คุณคิโชวอิน
ความอดทนของผมคงจะเกินขีดจำกัดแล้วล่ะครับ
"...เรย์กะ"
คุณคิโชวอินเบิกตากว้างอย่างตกใจ ตัวค้างแข็ง ผมค่อยๆขยับตัวเข้าไปใกล้มากยิ่งขึ้น ทว่า
"คุณคิโชวอิน!"
เลือดกำเดาของคุณคิโชวอินไหลออกมา พร้อมกันนั้นอาจารย์ประจำห้องพยาบาลก็กลับมาพอดี ผมยืนอยู่ที่ข้างเตียงพยาบาลขณะที่อาจารย์กำลังปฐมพยาบาลให้เธอ ทั้งหงุดหงิดทั้งกลั้นขำซะแทบแย่
ทำอะไรของคุณกันน่ะ คุณคิโชวอิน ....อีกแค่นิดเดียวเองแท้ๆ
พอออกจากห้องพยาบาลมา คุณคิโชวอินก็ขอสูทผมไปซัก เพิ่งจะสังเกตนี่ล่ะว่ามันเลอะเลือดกำเดาคุณคิโชวอินด้วย
เพราะยังรู้สึกเสียดายจากเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ผมเลยแกล้งด้วยการมอบหนี้ให้คุณคิโชวอินเสียเลย คุณคิโชวอินรีบยื่นขอเสนอว่าจะซื้อสูทให้ใหม่ ยังไงก็พยายามจะหนีอยู่ดีซิน่า
แต่ผ่านพ้นเหตุการณ์เมื่อกี้มาแล้ว อย่าคิดว่าผมจะยอมปล่อยคุณไปง่ายๆอย่างแต่ก่อนเชียวล่ะ
กลับมาถึงห้องเปอร์ติต์ พวกเด็กๆก็เข้ามารุมล้อมถามอาการของคุณคิโชวอิน มาโอะจ้องมองที่เสื้อสูทของผมในมือคุณคิโชวอินไม่วางตา แล้วก็เอ่ยพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับเจ้าหญิงนิทราอะไรพวกนั้น เป็นเด็กฉลาดจริงๆ
นั่นซินะ เกือบจะได้ปลุกเจ้าหญิงอยู่แล้วเชียว
คุณคิโชวอินรีบเปลี่ยนเรื่องไปพูดถึงเรื่องงานปัก ยูกิโนะรีบเอางานที่ทำไปอวด พอได้รับคำชมก็ยิ้มดีใจอย่างมีความสุข ไม่นานนักก็ถึงเวลาที่คนขับรถมารับ ผมกับยูกิโนะจึงบอกลาคุณคิโชวอินและทุกคนในห้องเปอร์ติต์
"ทำไมสูทพี่ไปอยู่กับท่านพี่เรย์กะล่ะฮะ?" ยูกิโนะทำหน้าอยากรู้อยากเห็น ท่าทางน่าหมั่นไส้ผิดกับตอนอยู่กับคุณคิโชวอินจริงๆ
ขอย้ำอีกครั้งเลยนะยูกิโนะ ว่าอย่าทำหน้าแบบนั้นให้คุณคิโชวอินเห็นเชียว
-----------------
จบแค่นี้ก่อน กูต้องทำงานละ ไม่รู้จะได้มาต่อมั้ยนะ 555555555
>>52-54 กรี๊ดดดดดดดดดดดดด กูชอบบบบบบบบบบบบบบ ยูกิโนะคูงงงงงงงงง ทำดีมากลูก น่ารักมาก เทนชิมาก มาโอะจังก็เด็กดีมากๆ เด็กฉลาดชาติเจริญนะคะ ทั้งมาโอะจังทั้งยูกิโนะคุงจงชงมันเข้าไปค่ะ ชงจนกว่าแก้วจะแตก ชงเข้มๆเลยค่ะ
>>36 เอ็นโจดูยันชิบหายเลยฟิคมึง แต่ไม่เป็นไร กูชอบบบบบบบบบบ แม่งก๊าววววววววววววว กาวแบบไหนก็ดีต่อใจกู
โอ๊ยยยยยยยยย ฟิคมึงนี่เติมพลังให้กูจริงๆ อ่านแล้วมีเรี่ยวแรงปั่นงานขึ้นมาเลย ฮืออออออออออ
มึงงงงงงง ฟิควาเลนไทน์ที่กูสัญญาจะลงให้อ่ะ มันมีฟิคไวท์เดย์มาด้วยยยย พวกมึงจะให้กูลงให้หมดเลยทีเดียวมั้ย หรือฟิคไวท์เดย์ก็ลงวันไวท์เดย์ไปเลย??
แม้วาเลนไทน์นี้ท่านเรย์กะจะยังไม่มีใคร แต่จะมีเหล่าโม่งตั้งวงสูดกาว ชิบน้ำชาเป็นเพื่อนนะคะ
อยากอ่านฟิค KimiDolce ~after story อยากรู้ว่าเรย์กะกับเอ็นโจจะเป็นไงต่อจังเลยอ่ะ เรย์กะจะได้ไปเป็นเกอิชาไหม หรือว่าจะโดนเอ็นโจห้ามไว้ก่อน คือแบบ คิดไปเพ้อไป สงสารไป อยากอ่านจนจะลงแดงอยู่แล้ว โม่งฟิคที่ลงเรื่องนี้ไว้ มาต่อทีเถอะนะ น้าาาาาาาาา...
กูอยากอ่าน เอ็นโจว side story ของคนที่แต่งตั้งแต่ตอนแรกถึงตอนหิ่งห้อยอ่ะ กูอยากอ่านของคนนั้นต่อ สนุกมาก กรี้ดมาก ประหนึ่งอฟชมาเอง โมเมนมาแล้วนะมึงทั้งฉากช่วยยูกิโนะคุง ฉากผ้า มาแต่งต่อได้โปรด 555555555
กู กูอยากอ่านต่อทุกฟิคเลยยยย 555555555
ใครก็ได้ เรื่องไหนก็ได้ มาต่อกันทีเหอะ
กุด้วยย กุอยากอ่านต่อทุกฟิคเลยยย
ฟิคในนี้มันเยียวยาใจกุมาก ฮือๆ ได้โปรดมาต่อเถอะนะะะ
ต่อ >>52-54
กาลครั้งหนึ่งในฝัน : เอ็นโจ's side story
------------------
เช้าวันรุ่งขึ้น เพราะเหตุการณ์จากเมื่อวาน ถึงจะไม่ได้ดั่งใจนัก แต่ก็ทำให้ผมตื่นขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี พออาบน้ำแต่งตัว คว้ามือจะหยิบเสื้อสูท ก็ต้องชะงักเพราะไม้แขวนเสื้อนั้นว่างเปล่า
อ่า นั่นซินะ อยู่กับคุณคิโชวอินนี่นา
ตอนแรกผมลังเลอยู่ว่าจะหยิบเอาสูทตัวสำรองมาใส่ แต่คิดไปคิดมาก็สวมเพียงคาดิแกนไหมพรมทับเสื้อเชิ้ตไปเท่านั้น ถึงยังไงที่ซุยรันก็ไม่ได้เคร่งครัดเรื่องเครื่องแบบมากนักอยู่แล้ว ก่อนออกมาจากบ้านท่านแม่ก็เอ่ยทักว่าทำไมถึงไม่ใส่สูท ขณะคิดว่าจะตอบอย่างไรดี ยูกิโนะก็แทรกกลางเข้ามา บอกว่าผมลืมเสื้อสูทไว้ที่ห้องเปอร์ติต์ ท่านแม่จึงไม่ถามอะไรต่ออีก
เจ้าเด็กเลี้ยงแกะ ...ไม่เลวนี่
การที่ผมไม่ได้ใส่สูท เห็นจะจุดเด่นไม่ใช่น้อย ขณะที่การซุบซิบนินทาเริ่มขยายวงกว้างออกไป ผมก็ยังทำตัวอย่างเป็นปกติเหมือนทุกวัน
หลังเลิกเรียน ผมรีบแวะเข้าสโมสรเพื่อจะหยิบของก่อนที่จะไปที่ห้องเปอร์ติต์ แต่กลับพบว่าคุณคิโชวอินนั่งอยู่ในห้องอยู่แล้วที่มุมที่นั่งติดหน้าต่าง
ให้ตายเถอะ ดีนะที่แวะมาที่นี่ก่อน ช่างผลุบๆโผล่ๆเหลือเกินนะคุณคิโชวอิน มีโพรงกระต่ายส่วนตัวหรือยังไงกันน่ะ
ผมเดินเข้าไปอย่างเงียบๆ คุณคิโชวอินอ่านนิตยสารไปแล้วก็หัวเราะคิกคักไปอย่างไม่ได้รู้สึกตัวเลยสักนิด ผมแอบมองดูว่ากำลังอ่านอะไรก็เห็นว่าเป็นบทความเกี่ยวกับสถานที่เดทสำหรับวันคริสต์มาสอีฟ ทันใดนั้นไอเดียอย่างหนึ่งก็ผุดขึ้นมา
"คุณคิโชวอิน" คุณคิโชวอินสะดุ้งจนตัวโยน ก่อนจะหันมาเอ่ยทักทาย พอผมพูดว่าขอนั่งด้วย ก็ชักสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาแวบหนึ่ง สีหน้าอ่านง่ายเกินไปแล้วนะ คุณคิโชวอิน
แต่รู้ทั้งรู้ว่าเธอไม่พอใจ ผมก็ยังคงนั่งลงไปอยู่ดี
ผมบอกตั้งแต่เมื่อวานแล้วไงล่ะ ว่าอย่าคิดว่าผมจะยอมปล่อยคุณไปง่ายๆอย่างแต่ก่อนน่ะ
พอถามถึงงานเลี้ยงของมาดามคาบุรากิในวันสุดสัปดาห์ ก็ดูออกเลยล่ะว่าเจ้าตัวไม่ได้อยากจะไปเลยสักนิด ช่างเป็นคนที่ไม่เข้าสังคมเอาซะเลยนะ
จากนั้นผมจึงถามเรื่องแผลที่โดนเข็มตำ พลาสเตอร์ที่ผมแปะไว้เมื่อวานไม่อยู่เสียแล้ว ผมถือโอกาสจับมือคุณคิโชวอินขึ้นมาเพื่อดูแผล นิ้วเรียวยาวที่โดนตำจนเลือดออกเมื่อวาน เหลือเพียงรอยแผลจุดเล็กๆเท่านั้น
มือของคุณคิโชวอินนั้นเล็กและนุ่มแบบมือคุณหนู พอได้จับแล้วก็ยากที่จะปล่อยให้หลุดออกไปได้อีกครั้ง รู้สึกตัวอีกทีผมก็ประสานมือตัวเองเข้าเธอไปแล้ว
คุณคิโชวอินหน้าแดงขึ้นมาทันที พยายามจะดึงมือกลับไป แต่ผมไม่ยังคงรั้งไว้ พร้อมมองดูท่าทีว่าคราวนี้คุณคิโชวอินจะเอาตัวรอดยังไงกัน กลายเป็นว่าคุณคิโชวอินเสเปลี่ยนไปถามเรื่องมาซายะซะนี่
ตกลงจะยอมให้จับมืออยู่แบบนี้เหรอครับ? เห็นคุณคิโชวอินทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกก็อดสงสารขึ้นมาไม่ได้ ผมเองก็รู้สึกพอใจขึ้นมาบ้างแล้วเลยยอมปล่อยมือของเธอให้เป็นอิสระ แล้วหยิบเอาของในกระเป๋าออกมา พอบอกว่าจากยูกิโนะ คุณคิโชวอินก็ทำสายตาวิบวับดีใจ จนรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาตงิดๆ
ระหว่างที่คุณคิโชวอินนั่งอ่านโน้ตจากยูกิโนะ ผมมองไปรอบๆห้องสโมสร ตอนแรกที่เข้ามามันไม่มีใครอยู่ แต่ตอนนี้มีสมาชิกรุ่นเดียวกันนั่งอยู่อีกฟากของห้อง สายตาเราสบกันพอดี เห็นท่าทางของเธอผมก็พอจะเดาได้ว่าเราคงถูกจินตนาการไปต่างๆนานาแล้ว จึงยิ้มพร้อมกับเอานิ้วชี้แตะริมฝีปากไม่ให้เธอส่งเสียงอะไรออกมา
ส่วนข่าวลือน่ะเหรอ? ผมไม่ได้สนใจนักหรอก จะลือมากกว่านี้ก็ยังได้นะ
คุณคิโชวอินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขณะขอบคุณผม ผมเลยเล่าเรื่องด้านดีๆเกี่ยวกับยูกิโนะให้ฟัง จนกระทั่งมาซายะเข้ามาในห้อง ผมเลยต้องขอตัวลาอย่างเสียไม่ได้
แต่ก่อนหน้านั้น ก็ถือโอกาสนัดหมายกับคุณคิโชวอินซะเลย "วันถัดจากงานเลี้ยง ผมจะไปรับคุณคิโชวอินที่บ้านตอน 9 โมงนะครับ"
คุณคิโชวอินยิ้มค้างสักพัก ก่อนจะทำหน้าเหวออย่างงงๆ ผมเลยกระซิบกล่าวถึง หนี้บ้างล่ะ เสื้อสูทบ้างล่ะ ไหนจะเรื่องยูกิโนะอีกล่ะ
พอพูดแบบนั้นออกไป คุณคิโชวอินก็ทำหน้าซีดตัวสั่นอย่างหวาดกลัวจนผมแทบหลุดขำออกมา ดูเหมือนเธอจะไม่ได้คิดสักนิดว่าวันถัดจากงานเลี้ยงนั้นเป็นวันอะไรกัน สมกับเป็นคุณคิโชวอินจริงๆ
ผมปลีกตัวมานั่งกับมาซายะ เขาก็ทักเรื่องเสื้อสูททันที ทำท่าทางอย่างกับจะจับผิด
"แล้วยังไงล่ะ มาซายะ?" พอพูดแบบนั้นพร้อมส่งยิ้มให้ มาซายะก็ก้มลงไปจิบชา กินขนมต่อเงียบๆ ไม่พูดอะไรอีกเลย
ช่างเป็นวันที่สงบดีจริงๆ
*****
สองสามวันมานี้ ผมก็ยังคงสวมเพียงเสื้อคาดิแกนไหมพรม ดีที่อากาศช่วงนี้ยังไม่หนาวมากนัก
ตกเย็นคุณคิโชวอินก็ยังแวะไปที่เปอร์ติต์ ผมเองก็ถือโอกาสไปด้วยเช่นกัน ท่าทางคุณคิโชวอินจะแปลกใจมากว่าทำไมผมถึงมาที่นี่ทุกวันจนแอบถามกับยูกิโนะ ยูกิโนะก็ตอบกลับตามที่เคยคุยตกลงกันไว้ นอกจากคุณคิโชวอินจะเชื่อโดยสนิทใจแล้ว ยังดูจะสงสารเจ้าตัวแสบนี่มากทีเดียว ผมก็ได้แต่มองดูพร้อมกับยิ้มอย่างเงียบๆ
นอกจากนั้น ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เข็มตำนั้น มาโอะก็เริ่มร้องเพลงประกอบการ์ตูนเจ้าหญิงนิทาน "กาลครั้งหนึ่งในฝัน"ขึ้นมา แล้วเปอร์ติต์ก็กลายเป็นลานการแสดงของมาโอะ เนื้อหาของเพลงทำให้คิดถึงความฝันคืนนั้นขึ้นมาอีกครั้ง คุณคิโชวอินดูจะใจลอยไปที่ไหนก็ไม่รู้ พอได้สติกลับมาสายตาเราก็สบกันพอดี
But if I know you, I know what you’ll do
You’ll love me at once, the way you did once upon a dream
...
พอมาโอะร้องจบ คุณคิโชวอินก็ขอตัวกลับบ้านไปทันที
*****
วันถัดมา ผมสังเกตได้ว่าวันนี้คุณคิโชวอินมักจะด้อมๆมองๆอยู่บ่อยๆ แต่เพราะรอบตัวผมที่คนอื่นๆอยู่ เธอจึงถอยกลับไป จนกระทั่งผมปลีกตัวออกมาจากกลุ่ม คุณคิโชวอินก็รีบเข้ามา พร้อมเสนอให้หาที่อื่นคุยกันสองคน
พอได้สถานที่คุย คุณคิโชวอินที่ท่าทางลุกลี้ลุกลนก็รีบยื่นถุงกระดาษสีน้ำเงินให้ "เสื้อสูทค่ะ"
ผมยื่นมือรับไว้ในมือ คุณคิโชวอินก็ทำหน้าตาโล่งใจ จนอดไม่ได้ที่จะแกล้งแหย่เล่น
"แต่ว่าหนี้ก็ไม่ลดลงหรอกนะครับ เรย์กะ"
ผมเรียกด้วยชื่อของเธออีกครั้ง ก็คาดหวังว่าวันที่เลิกเรียกนามสกุลจะมาถึงจริงๆสักทีล่ะนะ
คุณคิโชวอินทำหน้าตาตกตะลึงพรึงเพริด หน้าแดงไปทั้งหมด ทำหน้าตาตลกอีกแล้วนะ ท่าทางแบบนั้นยิ่งเชิญชวนให้แกล้งซะเหลือเกิน ... ถ้าได้เล่าเรื่องความฝันออกไป จะทำหน้าแบบไหนออกมานะ
ผมเย้าแหย่ว่าอยากจะเล่าเรื่องความฝันให้ฟัง คุณคิโชวอินกลับเอาแต่ส่ายหน้าปฏิเสธทำนองว่าไม่ได้อยากฟังสักนิดแถมยังค่อยๆถอยหลังหนีไปเรื่อยๆอีก น่าน้อยใจจังเลยแฮะ
พอสบโอกาส คุณคิโชวอินก็รีบขอตัวแล้วเผ่นแน่บออกไปอย่างรวดเร็วจนผมหลุดขำออกมา
ผมเปิดถุงกระดาษนั้นออกมา มีเสื้อสูทของผมห่ออย่างดีอยู่ และกล่องขนมยี่ห้อGuimauve อีกหนึ่งกล่อง ของขวัญงั้นเหรอ? คงไม่ได้ฝากให้ยูกิโนะใช่มั้ยนะ?
ขณะคิดสงสัยว่ากล่องขนมนี้มีความหมายอะไร ผมก็สบตาเข้ากับนักเรียนชายคนหนึ่งที่เดินผ่านมา คุ้นๆว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมห้องกับคุณคิโชวอิน แถมยังเป็นคนที่คอยแอบมองคุณคิโชวอินอยู่บ่อยๆมาตลอดหลายปี เห็นแววตาของเขาผมก็สามารถเดาได้เลย
น่าเสียดายนะ ที่ได้แค่มองน่ะ
ผมส่งยิ้มให้เขาก่อนที่จะเดินจากมา และไม่ลืมที่จะหยิบเสื้อสูทในถุงกระดาษที่คุณคิโชวอินมอบให้ขึ้นมาสวมอีกครั้ง
-----------------------
งานเสร็จไวกว่าที่คิด เลยมาแต่งต่อ อุอิ
แต่งแล้วก็สงสารคาบุรากิทำไมบทนายในฟิคนี้แม่ง...5555
พาร์ทต่อไปเป็นงานเลี้ยงนี่ยากละสำหรับกู ยังนึกไม่ออกว่าแต่งยังไงดีแฮะ
>>70-71 วันนี้วันของฟิคสินะคะ รู้สึกขอบคุณเลยค่ะ นี่จะเป็นกำลังใจในการทำงานวันพรุ่งนี้
ขอบคุณค่ะ โม่งฟิค
เอ็นโจ....นายนี่มัน นอกจากใช้ประโยชน์จากน้องแล้วยังเจ้าเล่ห์อีก... อ่านไปยิ้มตามไปเลยค่ะ
ขำลั่นตรงคาราบุกิ ช่างน่าสงสารเหลือเกิน เป็นได้แค่ตัวเสริมสินะ แถมยังพูดไม่เข้าหูใครอีก ฮาาา
ต่อค่ะ ต่อเลยยาวๆ... >_____<:
เพราะมีฟิคพวกมึง กูหายง่วงเลย ขอบคุณมาก ๆ นะโม่งฟิคทุกคน //จับจูบ
เออ วันนี้กูอิ่มมาก ปริ่มในความน่ารักของท่านเรย์กะแล้วก็ความร้ายกาจของท่านเอ็นโจ ละมุนจังเลยพวกมึง เหมือนพวกมึงสมองเชื่อมต่อกันโดยสมบูรณ์ 555555 เป็นกำลังใจให้พวกมึงเรื่อย ๆ นะ ชุ้บ //ส่งกาวเพิ่มพลังให้
>>67 กูกะว่าให้มันไปไกลกว่านั้นก่อนแล้วค่อยแต่งต่ออ่ะ ขอโทษด้วยเน้อ ยังน้อยไปหน่อย พลังงานกาวยังไม่พอ อ่านไอ้นี่ฆ่าเวลาไปก่อนละกัน
--------------------------
จากพล็อตกระทู้ก่อนที่มีคนเคยพูดไว้ว่า จริงๆแล้วยูกิโนะคือชูสุเกะ แต่เพราะเกิดทีหลังเลยถูกแย่งชื่อชูสุเกะไป ส่วนชูสุเกะในตอนนี้เป็นใครก็ไม่รู้ มันน่าสนใจ กูเลยลองแต่งฟิคดู
>>>/webnovel/3364/344
>>>/webnovel/3364/347
-------------------
ผมมีความลับที่บอกใครไม่ได้หนึ่งอย่างนั่นคือผมมีความทรงจำของชาติก่อนอยู่ครับ
อาจคิดว่าฟังดูเหลวไหล เป็นจินตนาการไร้สาระของเด็กหกขวบ แต่เชื่อเถอะว่าผมมีสติดีทุกอย่าง ไม่ได้บ้า ไม่ได้ฟั่นเฟือนหรือทานยาที่มีฤทธิ์หลอนประสาท
ผมจำเรื่องในชาติก่อนได้จริงๆ
ชาติที่แล้วของผมน่ะหรือ คือเอ็นโจ ชูสุเกะยังไงล่ะ
ความทรงจำสุดท้ายที่ผมจำได้คือ ผมร่วมมือกับมาซายะทำลายผู้หญิงที่เป็นเหมือนแม่มดร้าย ทำลายคิโชวอิน เรย์กะคนนั้นจนครอบครัวเธอล้มละลาย แต่ต่อจากนั้นผมกลับจำอะไรไม่ได้เลย หรือผมจะถูกลอบสังหารโดยคิโชวอินกันนะ
เอาเป็นว่าผมฟื้นขึ้นมาอีกทีก็กลายมาเป็นเด็กหนึ่งขวบที่พอจะจำความได้แล้ว วันที่เปล่งเสียงอ้อแอ้เรียกพ่อ แม่ ทุกคนดีใจกันใหญ่เลยล่ะ
ท่านพ่อท่านแม่ก็ยังเป็นคนเดิมที่คุ้นเคย อ่อนโยนกับลูกเสมอ แต่สิ่งที่ทำให้ผมขวัญผวาก็คือได้เห็นเอ็นโจ ชูสุเกะมายืนตรงหน้า
ถ้าไม่นับว่ามีผมสีดำ เขาก็เหมือนผมทุกประการ ทั้งรูปร่าง หน้าตา เสียง วิธีพูด ลักษณะท่าทาง ส่วนผมนั้นมีผมสีอำพันที่เหมือนกับชาติก่อนของตัวเอง นี่เป็นหลักฐานบ่งบอกว่าผมคือเอ็นโจ ชูสุเกะจะได้รึเปล่านะ
แต่มายืนใกล้ๆแบบนี้ก็เหมือนได้เห็นดอปเปลแกงเกอร์ของตัวเองเลย เขาว่ากันว่าคนที่เห็นดอปเปลแกงเกอร์จะตายในเร็วๆวัน ผมต้องตายอีกรอบงั้นเหรอ
แต่อยู่มาเป็นปีก็ยังไม่ตาย ผมก็ควรทำใจยอมรับได้แล้วว่าเขาคือเอ็นโจ ชูสุเกะจริงๆ
ส่วนผมคือเอ็นโจ ยูกิโนะนับจากนี้ไป
.
.
.
ชีวิตที่อยู่ในบ้านเอ็นโจก็เป็นปกติดีทุกอย่าง ตารางชีวิตของผมก็คล้ายๆกับในชาติก่อนว่าต้องทำอะไรบ้าง แต่ที่เพิ่มมาก็คือโรคหอบหืดที่ชาติก่อนไม่เคยเป็น
สุขภาพของยูกิโนะอ่อนแอมาก ป่วยง่าย โดนแดดโดนลมก็จับไข้ไม่สบาย หอบหืดกำเริบเอาดื้อๆ
ชูสุเกะคนนั้นแวะเวียนมาเยี่ยมผมอยู่ทุกวัน เล่านิทาน อ่านหนังสือ ชวนคุยไม่ให้เบื่อ วันที่หิมะตกพอบอกว่าอยากเห็นตุ๊กตาหิมะก็ไปปั้นกระต่ายหิมะตัวเล็กๆมาให้
นับว่าเขาเป็นพี่ชายที่ดีและอ่อนโยน ผมก็เลยหยวนๆให้เขาใช้ชื่อชูสุเกะต่อไป ทั้งที่ในใจยังสงสัยว่าหมอนี่เป็นใครกันแน่ ทำไมต้องแย่งชิงชื่อของผมไป
ดูเหมือนว่าชูสุเกะจะไปเล่าให้เพื่อนฟังเรื่องปั้นตุ๊กตาหิมะ เพราะเย็นวันนั้นมาซายะก็มาหาผม เหมือนได้เห็นคนตายกลับฟื้นคืนมายังไงก็ไม่รู้สิครับ ทั้งที่คนตายน่ะคือผมไม่ใช่เหรอ
มาซายะที่เคยเป็นเพื่อนในชาติที่แล้ว ตอนนี้ก็เป็นพี่ชายอีกคนไปเสียอย่างนั้น
แต่ว่ามาซายะในตอนนี้ดูจะต่างออกไปจากชาติที่แล้วสักหน่อย เท่าที่ผมจำได้ มาซายะไม่ใช่พวกบ้าขนาดนี้ ใครกันนะที่จะอยากให้การปั้นตุ๊กตาหิมะออกมาเพอร์เฟคที่สุดจนลงทุนฝ่าอากาศหนาวๆออกไปซื้อถังสีแดงมาครอบหัวเพื่อให้เห็นชัดๆ สีอื่นก็ไม่ได้ด้วยนะ
โอเค แต่ทำเพื่อผมถึงขนาดนี้ ก็จะขอน้อมรับน้ำใจเอาไว้ก็แล้วกัน
.
.
ผมได้เข้าเรียนประถมที่ซุยรันอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของ pivoine เช่นเดียวกับชูสุเกะในชาติที่แล้ว
วันคืนผ่านไปอย่างสงบสุข แล้วจู่ๆ ผมก็นึกขึ้นได้ว่าถ้ามีชูสุเกะ มาซายะและซุยรัน อย่างนั้นก็ต้องมีคิโชวอิน เรย์กะด้วยน่ะสิ
ผู้หญิงที่เป็นเหมือนปีศาจร้ายคอยรังควานชีวิตของมาซายะ ป่านนี้เธอจะทำอะไรอยู่กันนะ
ผมไปเปิดหนังสือรุ่นของชูสุเกะ และได้พบกับคิโชวอิน เรย์กะคนนั้น เธอดูโดดเด่นมากจากในรูปถ่าย ใบหน้าน่ารักเหมือนตุ๊กตา ผมลอนม้วนเป็นเกลียวราวกับเจ้าหญิง แต่นิสัยน่ารำคาญจนไม่อยากเข้าใกล้
ชูสุเกะมาเห็นผมดูรูปถ่ายอยู่พอดี เลยได้โอกาสถาม
"นี่ใครเหรอฮะ" ผมชี้ไปที่เป้าหมายที่ต้องการจะรู้
"เธอชื่อคิโชวอิน เรย์กะ" ชูสุเกะตอบกลับมา ผมเลยรบเร้าให้เขาเล่าให้ฟัง ทำเป็นถามเรื่องความทรงจำตอนไปทัศนศึกษา เขาก็ยอมเล่า
พี่ชายของผมเอารูปถ่ายตอนที่คิโชวอินคนนั้นถูกกวางเตะกระเด็นให้ดูด้วย
หา!! นี่คือคิโชวอินจริงๆเหรอ!!!!
นอกจากผมหลอดและหน้าตา ก็ไม่มีอะไรเหมือนคิโชวอินในความทรงจำผมเลย
ผมเปิดหนังสือรุ่นของเขาไปเรื่อยๆ เจอภาพหนึ่งที่คิโชวอินเล่นกับกระต่ายอยู่ ใจผมนึกไปถึงกระต่ายหิมะที่ชูสุเกะเคยปั้นมาให้ และน้ำเสียงกับหน้าตาของเขาเวลาพูดถึงคิโชวอินก็จะอ่อนโยนมาก
เฮ้ๆ อย่าบอกนะว่านายชอบผู้หญิงคนนั้นอยู่น่ะ ชูสุเกะ
ว๊ากกกกกกกกกกก ท่านเรย์กะตอน 149 นี่จบได้ค้างจังเลย ฮือ
ผมคิดจะตรวจสอบคิโชวอินดู แต่ไม่มีโอกาสสักที เด็กที่ร่างกายอ่อนแออย่างผมไม่ค่อยอยากออกไปเจอความจอแจของแผนกม.ปลายเท่าไหร่ ไม่งั้นอาการคงกำเริบอีก และเด็กประถมอย่างผมก็ไม่มีธุระอะไรที่ต้องไปที่นั่นด้วย
จะมีทางไหนที่ผมจะได้พบกับคิโชวอินบ้างมั้ยนะ
เหมือนฟ้าประทานโอกาสมาให้ เพราะในขณะที่จิบชาฝรั่งอุ่นๆอยู่ หูก็พลันได้ยินเด็กผู้หญิงที่ชื่อซาวาราบิ มาโอะคุยกับเพื่อนเรื่องงานวันเกิดของตัวเองที่เพิ่งผ่านไป ได้ยินแว่วๆถึงท่านพี่เรย์กะที่สวยและใจดีไปงานวันเกิดของเธอ วันนี้ก็นัดกับท่านพี่เรย์กะจะมาหา
ผมไปนั่งคอยแถวๆหน้าประตูเลยทีเดียว
และผมก็เห็นเธอจากหน้าต่าง ด้วยรูปลักษณ์สะดุดตาเช่นนั้นเห็นแว้บแรกก็จำได้ ผมลุกจากเก้าอี้ไปเปิดประตูให้เธอ ดูเหมือนว่าเธอก็จ้องผมแบบไม่วางตาเช่นเดียวกัน
"สวัสดีฮะ คุณพี่ม.ปลาย มีธุระอะไรเหรอฮะ" คำทักทายแบบนี้ใช้ได้ใช่มั้ย แต่เธอไม่มีปฎิกริยาตอบรับ ยังคงยืนจ้องเอาๆจนผมเหงื่อตก
หรือจะรู้ว่าผมคือเอ็นโจ ชูสุเกะกันนะ
"คุณพี่ฮะ"
คิโชวอินสะดุ้งเล็กน้อยและยิ้มกลบเกลื่อนการจ้อง เริ่มต้นแนะนำตัวเองว่าชื่ออะไร มาทำอะไรที่นี่ ผมเลยพาเธอเข้ามาข้างใน ให้มาโอะจังรับหน้าที่ต่อไป
แม้ชาติก่อนผมจะไม่ชอบคิโชวอิน แต่ไหนๆมีโอกาสได้เจอทั้งทีก็อยากลองพูดด้วยสักหน่อย เลยยกถาดชากับขนมไปให้ หนักไม่เบาเลยแฮะ
คิโชวอินมีสีหน้าดีใจมาก คิดว่าคงไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำแน่ๆ ถ้าเป็นชาติก่อนเธอคงไม่ยอมเข้าใกล้พวกเด็กๆชั้นประถมแบบนี้หรอกนะ ถ้าจะมีอะไรที่เธอเห็นว่าวิเศษคงเป็นแค่มาซายะอย่างเดียวเท่านั้นล่ะ
พอแนะนำตัวเองว่าชื่อเอ็นโจ ยูกิโนะ คิโชวอินก็ชะงักไปเลย หรือเธอจะมีอะไรลับๆบางอย่างกับชูสุเกะที่ผมยังไม่รู้กันนะ
"เอ่อ พี่ชายทำไมเหรอฮะ" ผมปั้นหน้าไร้เดียงสาถามไปด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ
คุณคิโชวอินรีบอธิบายทันทีว่าตกใจที่ไม่รู้มาก่อนว่าท่านเอ็นโจจะมีน้องชายน่ารักอย่างผม แล้วก็พูดถึงเรื่องของฝากที่ชูสุเกะไปซื้อมาจากการที่ไปตามตัวมาซายะจากสถานที่ต่างๆ
ผมรู้ว่ามาซายะอกหักจากยูริเอะ แต่ก็ไม่นึกเลยว่าจะเป็นขนาดนี้ ตามความทรงจำเดิม ถึงมาซายะจะโทรมไปเลยก็เหอะ แต่ไม่ได้ออกเดินทางไปฆ่าตัวตายซักหน่อย แล้วก็ได้ทาคามิจิ วาคาบะช่วยเยียวยาหัวใจด้วย แต่ป่านนี้คุณวาคาบะก็ยังไม่ได้โผล่มามีบทบาทอะไรเลยสักแอะ
มันยังไงกันนะโลกนี้
ผมคุยกับเธอ เก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ คิโชวอินดูนิสัยดีขึ้นมาก ไม่มีเศษเสี้ยวของนางมารร้ายในความทรงจำเลยสักนิด
ตอนนี้คิโชวอินหันไปพูดกับมาโอะจังเรื่องไปทานอาหารกับคุณอาของมาโอะจังในสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ท่าทางดูมีความสุขเหมือนพูดถึงคนที่แอบชอบ
เฮ้ ชูสุเกะ ความรักของนายนี่มันยังไงกันล่ะเนี่ย
.
.
กลับบ้านไป ผมก็เลยเล่าให้ชูสุเกะฟังว่าเจอคิโชวอินที่สโมสรเป็นการหยั่งท่าทีของเขา
นอกจากสีผม ชูสุเกะก็เหมือนผมทุกประการในชาติก่อน แต่พอได้ใช้ชีวิตด้วยกัน ผมก็รู้สึกว่ามันมีอะไรที่ต่างออกไป
เขามักจะยิ้มน้อยๆ ปฎิบัติตัวกับทุกคนด้วยความสุภาพอ่อนโยน แต่จริงๆข้างในผมเดาความคิดเขาไม่ออก มันเหมือนจ้องไปในแม่น้ำที่ไม่รู้ว่ามีความลึกเท่าไหร่ ใต้กระแสน้ำที่ดูสงบนิ่งจะไหลเชี่ยวกรากแค่ไหน ทำให้เขาดูน่ากลัวไปในเวลาเดียวกัน
พอบอกว่าคิโชวอินกินขนมที่ให้ไปแล้วและชมว่าอร่อยมาก ชูสุเกะก็ยิ้มน้อยๆ แต่ปิดบังสายตาที่มีความสุขแบบนั้นจากผมไม่ได้หรอกนะ
ผมน่ะ เป็นผู้ใหญ่มาก่อนนายนะชูสุเกะ ชั้นเชิงความรักของนายยังอ่อนหัดอยู่ แต่แค่นี้ก็มีความสุขแล้วเหรอ มักน้อยจังเลยนะ
พอผมพูดถึงเรื่องคิโชวอินไปทานอาหารกับคุณอาของมาโอะจัง ชูสุเกะก็เอาหน้ากากสุภาพอ่อนโยนกลับมาใส่ตามเดิม แต่แววตาแห่งความสุขนั้นเลือนหายไป
ผมไม่สบายใจเท่าไหร่เลย
.
.
คิโชวอินมาที่ห้องสโมสรบ่อยมากเพราะสนิทกับมาโอะจัง รู้สึกว่าตอนนี้เธอกำลังทำงานฝีมือที่เรียกว่านีดเดิลเฟลท์อยู่ ผมที่กำลังว่างก็เลยไปขอให้ช่วยสอน และคิโชวอินก็สอนกลับมาอย่างใจดี
ผมทำเป็นรูปกระต่าย ลองพูดกระตุ้นเรื่องกระต่ายว่าชูสุเกะปั้นตุ๊กตาหิมะที่เป็นรูปกระต่ายให้ อาจจะเกี่ยวโยงกันกับที่เธอไปอุ้มกระต่ายเมื่อตอนนั้นก็ได้ แต่ดูเหมือนเธอจะจำเรื่องนี้ไม่ได้ซักแอะ
โธ่เอ้ย ยัยคนหัวทึบนี่
แต่ยังไม่ได้จัดการอะไรไปมากกว่านั้น ร่างกายของยูกิโนะก็เกิดป่วยขึ้นมาเสียก่อน คราวนี้ไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรงมาก แต่ก็ต้องเข้าโรงพยาบาลไปดูอาการเอาไว้เหมือนอย่างทุกที มาซายะมาเยี่ยมผมทุกเย็น เอาหนังผี หนังซอมบี้มาด้วย
มาซายะ หัวสมองนายโดนชอนไชด้วยไส้เดือนเหมือนหน้าปกหนังพวกนี้อยู่รึยังไง ถึงได้เอาของแบบนี้มาเยี่ยมเด็กน่ะ
มีของเยี่ยมที่เข้าท่าที่สุดก็คือหนังสือนิทานที่คิโชวอินฝากชูสุเกะมาให้ รสนิยมการอ่านของเธอก็ใช้ได้อยู่ ผมนอนอ่านหนังสือบนเตียง ฟังเรื่องเล่าจากชูสุเกะไปด้วย
คิโชวอินดูร้อนใจมากที่ผมเข้าโรงพยาบาล ปกติเธอไม่ชอบที่จะเข้าใกล้ชูสุเกะหรือมาซายะ แต่พอเป็นเรื่องของผมก็กล้าขึ้นเสียงใส่ แทบจะลากพี่ชายของผมมาที่โรงพยาบาลให้ได้เดี๋ยวนั้น ชูสุเกะเล่าไปยิ้มไปแต่ผมฟังแล้วหงุดหงิด
แล้วทำไมนายไม่พาเธอมาด้วยกันล่ะ หา!! กลัวเธอจะปฎิเสธนายใช่มะ เจ้าคนไม่ได้เรื่องนี่!!!
ผมลงมือเขียนจดหมายขอบคุณคิโชวอิน แต่เหลือบไปเห็นกอง DVD หนังซอมบี้ที่กองพะเนินอยู่บนโต๊ะข้างเตียงก็เลยตัดสินใจเพิ่มเรื่องนี้ลงไปด้วย
เจ้าบ้าอย่างมาซายะสมควรที่จะคะแนนติดลบไปซะ
.
.
.
อีกหลายวันต่อมา พอผมออกจากโรงพยาบาล คิโชวอินก็มาเยี่ยมถึงที่
ท่าทางเธอดีใจมากที่ผมหายป่วยแล้ว พอเล่าให้ฟังถึงความทุกข์ทรมานจากการทิ่มสายน้ำเกลือเข้าเส้นเลือดเธอก็ตะลึงไปเลย ละล่ำละลักถามด้วยความเป็นห่วงใหญ่ เป็นภาพที่คงไม่มีทางได้เห็นจากคิโชวอินเมื่อชาติที่แล้วอย่างแน่นอน ดูไม่เหมือนกำลังเสแสร้งซะด้วยสิ
โอเค ผมจะยอมรับก็ได้ว่าเป็นคนละคนกัน คิโชวอินคนนี้ดูน่ารักกว่ากันตั้งเยอะ ถ้าชูสุเกะชอบแบบนี้ผมจะสนับสนุนก็ได้
ผมเล่าคุณงามความดีของชูสุเกะให้ฟังเรื่องช่วยมาซายะที่พยายามฆ่าตัวตาย คิโชวอินทำหน้าประหลาดใจแล้วก็เปลี่ยนเป็นแววตาที่ดูนุ่มนวลขึ้น นั่นล่ะ ดีมาก เพิ่มคะแนนในใจของคิโชวอินให้ชูสุเกะได้แล้ว
ผมไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ ระหว่างคิโชวอินกับชูสุเกะจะมีเรื่องอะไรกัน จะถามซอกแซกมากไปก็ไม่ได้ด้วย เพราะเดี๋ยวจะถูกสงสัยเอาเปล่าๆ แต่คนเราต้องอยู่กับปัจจุบัน ผมนี่ล่ะจะช่วยเอง
ถ้าต่อจากนี้มาซายะหรือใครคิดจะมาเป็นคู่แข่ง ก็ไปนอนฝันเอาก่อนนะ
.
.
.
ผมรู้ว่าคิโชวอินจะอกหักเข้าให้ในสักวันหนึ่ง เพราะอิชิโนะคุระอะไรนั่นมีแฟนอยู่แล้ว ชูสุเกะเป็นคนพูดให้ฟังเองถึงเรื่องนี้
มาโอะเองก็ดูเคียดแค้นมาก ดูเธอหมายมั่นปั้นมือ อยากให้คิโชวอินมาเป็นอาสะใภ้ของเธอจะแย่ แต่กลับถูกใครก็ไม่รู้มาตัดหน้าไปก่อน
มิตรภาพของสาวน้อยต่างวัย ดูเหมือนจะผลิบานแตกหน่อออกผลได้เต็มที่เมื่อมีศัตรูคนเดียวกัน
ผมมองท่าทีของชูสุเกะ ก็ดูเขาเฉยๆเรื่องนี้ แต่ดวงตาดูมีความสุขมากกว่าที่ผ่านมา สรุปแล้วคิโชวอินนั้นว่างอยู่ เป็นโอกาสให้จีบได้
วันหนึ่ง ชูสุเกะผู้เยือกเย็นคนนั้นหิ้วกรงหิ่งห้อยกลับมาที่บ้านหลังจากงานชมหิ่งห้อย สั่งให้พ่อบ้านเอาไปส่งที่คฤหาสน์คิโชวอินในตอนเช้า ผมยืนมองด้วยความปลาบปลื้มใจอย่างยิ่ง ในที่สุดก็ยอมขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวสักที
ทำได้ดีมาก ชูสุเกะคุง แบบนี้คงไม่ต้องให้ผมช่วยแล้วสินะ
ซะเมื่อไหร่กันล่ะ....
งานเลี้ยงซัมเมอร์ของ Pivoine มาถึง ชูสุเกะก็ด้นไปควงไอระเข้างานเพราะว่ามากับยูริเอะ ถึงจะเป็นมารยาทก็เถอะน้า แต่นายก็ดันลงไปเต้นกับไอระแทนที่จะชวนสาวที่แอบชอบไปเต้น
งั้นผมกระตุ้นซักหน่อย เจ้าชูสุเกะอาจจะมีความกล้ามากขึ้น
ผมชวนคิโชวอินไปเต้นวอลซ์ เธอก็ตอบตกลงอย่างง่ายดาย ผมจงใจพาไปให้ชูสุเกะเห็น หมอนั่นทำหน้าประหลาดใจผมก็ส่งยิ้มไปให้
เอาล่ะ ผมกรุยทางให้แล้วนะชูสุเกะ จงมาชวนคิโชวอินเต้นรำซะดีๆ อย่าให้ต้องเอ่ยปากสั่งนะ
ก่อนไปสมทบกับเพื่อนคนอื่นชั้นประถม ผมเหลือบมองมาซายะและคิโชวอิน สองคนนี้ไม่ได้มีท่าทีอะไรพิเศษต่อกันก็ค่อยวางใจหน่อย ชาติที่แล้วคิโชวอินนี่แทบจะกลืนกินมาซายะลงท้องไปเลยถ้าทำได้ ลำบากผมต้องไล่ไปไกลๆให้พ้นหูพ้นตา
ผมลอบมองไปยังสองคนนั้นบ่อยๆ มาซายะ ไอระ ยูริเอะไปคุยกับประธาน Pivoine คนปัจจุบัน เหลือแค่ชูสุเกะกับคิโชวอินสองคนยืนคุยกัน นั่นล่ะ โอกาสดีแล้ว ชวนเลย ชวนสิเจ้าบื้อ
ชูสุเกะทำให้ผมผิดหวังในตัวเขาอย่างมาก เพราะเอาแต่ยืนคุยจนกระทั่งคิโชวอินไปคุยกับคนอื่นแล้วสามคนนั้นตามมาสมทบ หมดโอกาสแล้ว
โธ่เอ้ย หลงคิดว่านายจะมีพัฒนาการขึ้นมาบ้างแล้วจากตอนหิ่งห้อย แต่แค่นี้ก็ทำไม่ได้งั้นเร้อออออ ชูสุเก่!!!!!!
โอเค ไม่เป็นไร เอาใหม่ก็ได้ ของแบบนี้มันก็มีพลาดกันบ้างล่ะ
ขณะที่กำลังเดินไปห้องสโมสร อยู่ๆอาการหอบก็กำเริบขึ้นมา ผมหายใจอย่างยากลำบาก ต้องพยายามประคองตัวเองล้วงหายาพ่นกระเป๋า แต่มือไม้สั่นไปหมด แน่นหน้าอกหายใจไม่ออกมากขึ้นทุกที
นี่ก็พรหมลิขิตอีกเหรอ คนผ่านไปผ่านมาตั้งเยอะในชั้นประถม แต่กลับเป็นคิโชวอินที่มาพบ
เธอช่วยพ่นยาให้แต่อีกซักพักกว่ามันจะออกฤทธิ์ คิโชวอินหน้าเสียไปเลย และเธอก็ทำในสิ่งที่ผมคาดไม่ถึง คุณหนูที่ดูเรี่ยวแรงน้อยบอบบางอย่างเธอเสนอให้ผมขี่หลัง
ถึงร่างกายของยูกิโนะจะผอมและตัวเล็กขนาดไหน แต่น้ำหนักก็ไม่ใช่น้อยๆ ผมเห็นคิโชวอินกัดฟันทน แบกผมขึ้นหลังเอาไปส่งห้องพยาบาลที่อยู่ห่างออกไปได้
ผมพูดไม่ออกเลยทีเดียว
ชูสุเกะได้รับการแจ้งไปก็มาถึง หน้าซีดมาเชียว มาถึงก็นั่งลงข้างๆเตียงผม ไถ่ถามอาการยกใหญ่ พอรู้ว่าคิโชวอินช่วยผมไว้ก็หันไปมอง ทำท่าเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง คงคาดไม่ถึงล่ะสิว่าคิโชวอินจะให้ผมขี่หลังแล้วไปส่งที่ห้องพยาบาลน่ะ
แต่ผมก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน นึกว่าเธอจะไปตามใครมาช่วยเสียอีก
ต้องให้ผู้หญิงมาอุ้มตัวเองไปอย่างนี้ ผมเองก็รู้สึกอดสูอยู่เบาๆ คราวหลังคงต้องหาทางทำให้สุขภาพแข็งแรงขึ้นบ้างแล้ว
แต่เรื่องหนึ่งที่ผมไม่ยอมปล่อยผ่านคือแววตาของชูสุเกะที่มองคิโชวอินในวันที่ผมหอบกำเริบนั้น สายตานั้นจ้องเธอด้วยความรักใคร่ชื่นชมเหลือประมาณ
อืม ปกตินายจะระวังตัว ไม่แสดงอารมณ์หรือความรู้สึกที่แท้จริงนี่นา หรือเพราะเจอเรื่องที่ทำให้รู้สึกดีแบบคาดไม่ถึงก็เลยเก็บไว้ไม่อยู่กันแน่นะ
ได้เลย พี่ชายคนนี้จะช่วยเองนะ
ชาติที่แล้ว เพราะผม มาซายะกับคุณวาคาบะถึงได้ครองคู่กัน ในชาตินี้ผมยังไม่เห็นวี่แววของคุณวาคาบะ เพราะงั้น ผมจะช่วยชูสุเกะกับคิโชวอินที่อยู่ใกล้มือผมที่สุดเอง
.
.
.
พอออกจากโรงพยาบาล ผมก็เดินไปดูในห้องชูสุเกะว่ามีข้าวของเครื่องใช้อะไรที่สามารถใช้ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงบ้าง ก็เหลือบไปเห็นเซ็ตเทียนหอมกับผ้าขนหนูที่เพิ่งแกะใช้พอดี นี่ไงล่ะ คำตอบ
ผมสั่งซื้อเซ็ตเทียนหอมกับผ้าขนหนูมาอีกเซ็ตมอบให้คิโชวอิน แล้วก็สั่งให้ชูสุเกะอีกเซ็ต ใช้คู่กันกับคิโชวอิน
อ้อ ไม่สิ ต้องเรียกเรย์กะแล้ว
จากเหตุการณ์นั้น ผมก็เลื่อนขั้นให้คิโชวอินไปเรียบร้อย
ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าผมมีจุดประสงค์อะไร แต่ก็ทำแค่ยิ้มๆไม่พูดออกมา ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้อย่างน่าหมั่นไส้
ผมรอฟังผลจากชูสุเกะ พอเขากลับบ้านผมก็รีบไปถามทันทีว่าเรย์กะได้ใช้หรือไม่ เขาพยักหน้ายิ้มๆแล้วลูบหัวผมเป็นเชิงว่าทำได้ดีมาก
มันต้องอย่างนี้สิ
ชูสุเกะมีความสุข ผมก็มีความสุขไปด้วย
แต่อีกวันต่อมา ผมก็ได้เห็นนักเรียนหญิงเกือบทั้งโรงเรียนแห่กันมาใช้ผ้าขนหนูลายที่ผมให้ชูสุเกะกับเรย์กะไป ทำเอาผมอ้าปากค้าง
ชูสุเกะอธิบายว่าเพราะมาซายะมายืมผ้าไปใช้แล้วติดใจในคุณภาพเลยไปซื้อมาใช้เองบ้าง นักเรียนหญิงก็เลยแห่ตามมาใช้ผ้าเข้าคู่กัน หวังจะเป็นคู่กับพี่ชายผมหรือไม่ก็มาซายะ
ผ้าก็มีตั้งเยอะแยะ จะมาใช้ของที่ผมให้ไปทำไมกันเล่า
หนอยยยยยย หมดกัน โอกาสที่ผมสร้างขึ้นอย่างยากลำบาก ถูกมาซายะทำลายไปในเวลาไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง
ผมกัดฟันกรอดๆอยู่ในใจ สาปแช่งมาซายะให้รักไม่สมหวังจนต้องไปโดดผาโทจิมโบอีกรอบ แต่คราวนี้ผมจะไม่ให้ชูสุเกะไปช่วยแน่ๆ บอกไว้เลย
อกหักไปซะ เจ้าบ้าาาาาาาาาา!!!!!
-----------------------
จบ ไม่มีต่อแจ้
5555555555555555555555 กูอยากลองเขียนน่ะ สนุกดี
กุเม้นเสร็จมีต่อเลย แอร้ยดีต่อใจ อ่านแปป
กูเริ่มแยกระหว่างฟิคกาวกับอฟช.ไม่ออกแล้วว่ะ55555
>>75-79 กร๊ากกกกก ไม่คิดว่าจะมีคนเอาความเมากาวในกระทู้นู้นของกูมาขยาย 55555555
ชอบมากค่ะ ได้เห็นAU ใหม่ๆ มุมมองยูกิโนะที่คืออดีตชูสุเกะแล้วแปลกๆดี 5555
มึงจงตั้งชื่อฟิคนี้มาซิ จะได้ใส่ในสารบัญ
>>83 ทุกวันนี้ก่อนอ่านทั้งฟิค ทั้งอฟช.กูนี่ต้องปรับจูนสมองก่อนละ ว่าเรื่องนี้ตอนนี้มันไปถึงไหน ฉากไหนที่ไม่ใช่
กูอยากอ่านฉากกระโดดอันตราตรึงของวาคาบะกับรักครั้งใหม่ของคาบุรากิมาก จะมีใครแต่งไหม 5555555555555
กูไม่มีเวลาแต่ง ี่ปั่นงานแต่อู้มาเสพฟิค
คุณชายบ้อบอสาวโก๊ะสุดแกร่งและจักรยานบู้บี้ของเธอ
กูอ่านฟิคพวกมึงทีไร กูแอบมโนของตัวเองต่อว่า เป็นไปได้มั้ยที่จริงๆแล้วเอ็นโจเรียกท่านเรย์กะ ว่า 'เรย์กะ' อยู่ในใจ แต่เวลาที่พูดออกมาจะใช้คำว่าคุณคิโชวอิน มันดูเป็นคนควบคุมอารมณ์+สติเก่ง เข้ากับเอ็นโจดีนะพวกมึง ><
อรุณสวัสดิ์เช้าวันจันทร์ เพื่อนโม่งและโม่งแปล รอตอนต่อไปนะ จุ้บุ ปล.เมื่อวานกาวและชาชั้นดีมาก อิมพอร์ตมาจากดาวฤกษ์นอกระบบสุริยะจักรวาล ยานลำนี้ยังคงพุ่งทะยานต่อไปในเอกภพอันไม่มีที่สิ้นสุด......กาวพร้อม ชาพร้อม เราทำได้ ฮู่เร่ย์~
>>90 กู >>52 ตอนแรกคิดแบบนั้นนะ แบบในใจต้องแอบเรียกชื่อซิ! แต่พอแต่งจริง กูเนี่ยแหละที่จะขาดสติ แต่งแล้วรู้สึกความคิดเอ็นโจมันล่อแหลมขึ้นทุกที ทั้งหื่นและยันขึ้นเรื่อยๆ 55555555 เลยโล๊ะมาเป็นเอ็นโจผู้ยั้งอารมณ์กระทั่งในความคิด 55555
แต่เดี๋ยวพาร์ทหน้าจะลองแทรกเรียกชื่อไปบ้างดีกว่า น่าจะก๊าวใจเป็นพักๆดี ❤
อ่านตอนแปลล่าสุดนี่ก็ยังรู้สึกว่าอิตาคาบุรากินี่ยังไงของมันกันนะ555555 ชอบที่สุดก็ตอนที่เรย์กะซามะแนะนำวาคาบะจังให้ขูดรีดบ้านคาบุรากินี่แหละ เหมือนหมั่นไส้มานานจริงๆ
ตอนกุไปอ่านแบบดำน้ำมาก็คิดนะว่าวาคาบะเนี่ยน่ารักมากๆ พอมาอ่านแปลแล้วก็ยังคิดอยู่ ว่าวาคาบะเนี่ยน่ารักเกินไปไม่เหมาะกับไอ้บ้าอย่างคาบุรากิเลยให้ตายสิ 55555555
เออ กุชอบตอนบอกให้ขูดรีดเหมือนกันนะ ไหนๆก็ชนแล้ว เอาให้สุดๆไปเลยสิ โว้ยยย 555555555555
แปลตอนล่าสุดนี่สาวๆน่ารักจังเลยน้า~ (〃ω〃)
วาคาบะจังน่ารักเกินไปแล้ว!!
ไม่เหมาะกับบากะรากิ--- คาบุรากิเลยโว้ยยย
ขอบคุณโม่งแปลนะะ มาแต่เช้าเลยย
รักมึงงง <3
แต่ขนาดไม่ได้ขูดรีดก็ยังได้ตั้งห้าแสนนะ....
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่าคาบุรากิแม่งบ้าบอชะมัด ไม่เหลือเค้าลางพระเอกสักนิด 55555
แต่วาคาบะก็พอกัน อะไรคือขอปรับแต่งจักรยานอิตาลีให้เป็นจักรยานแม่บ้านน่ะห๊ะ! สมกับเป็นคู่กันจริงๆ....
โม่งแปลล เลิฟมึงนะยูวววว
กูอ่านตอนนี้แล้วจิ้นไป...คาบุรากิกับวาคาบะแม่งก็น่ารักดีนะ เอ๋อๆกับบ้าๆ ชีวิตแม่งคงหนุกหนานกันแน่ๆ555555
กูลืมถาม เห็นโม่งบนๆมีหย่อนเอาไว้ เรื่องวาเหตุที่ว่าทำไมเอ็นโจถึงเป็นเพื่อนกับคาบุรากิ กูอยากรู้วววววว
แต่กูเสียดายวาคาบะนางควรจะได้คู่กับคนที่ดูเป็นผู้เป็นคนกว่านี้นะ สงสารนาง ปล่อยให้อีตาคาบุเป็นตัวโจ๊กบ้าๆบอๆอยู่บนคานไปแบบเนี่ยแหละดีแล้ว เหอะๆๆๆ
วาคาบะโลกนี้เป็นคนสบายๆง่ายๆอะไรก็โอเค เพราะเป็นเนื้อคู่กับคาบุรากิที่เคร่งครัดไปซะทุกเรื่องป่ะ เหมือนเป็นสมดุลหยินหยางอะไรแบบเนี้ย อยู่ด้วยกันกูว่าต้องฮามากแน่ๆ เนื้อคู่ฟ้าลิขิตชัดๆ แต่กูก็ชอบวาคาบะเรย์กะด้วยเหมือนกันนะ เพื่อนสาวมุ้งมิ้งน่ารักมากจนน่าเสียดายถ้าต้องยกวาคาบะให้คาบุรากิเลย อีตาคาบุรากิก็ลักซัวรี่ รอยัลเกินไป เขาต้องการของใช้งานได้เลยขอปรับแต่งเป็นจักรยานแม่บ้าน ไม่ใช่เอามาตั้งประดับบ้านไว้เฉยๆ
กูขำที่เรย์กะบอกให้ขูดรีดเลย อัดอั้นมานานสินะ ได้โอกาสก็ใส่ใหญ่ วาคาบะก็คนดีเกินไปอีก ประเสริฐแบบนี้หอบเข้าบ้านคิโชวอินเลยค่ะ ไม่ต้องปล่อยให้รอดไปถึงมือคาบุรากิหรอก
อ่านตอนล่าสุด กูคิดว่าถ้าเรย์กะคู่กับคาบุคงอกแตกตาย เรื่องมากชิบ คงตบกันทั้งวัน 55555555555555555555
วาคาบะจังเป็นคนเดียวที่ทนไอบ้าแบบนี้ได้มั้ง มิน่าถึงได้ชื่อว่าเนื้อคู่5555
เห็นแบบนี้กูยิ่งเชียร์คาบุรากิวาคาบะว่ะ จะหาคู่ที่เหมาะสมกันกว่านี้ไม่มีแล้ว เกิดมาเพื่อกันและกันจริงๆ คนนึงตึงเกิน อีกคนหย่อนเกิน วาคาบะน่ารักชิบหาย มีทำท่าให้ดูด้วยว่าล้มยังไง ท่านเรย์กะที่ว่าเอ๋อๆบ๊องๆแล้ว มาเจอสองคนนี้เข้าไป ดูเป็นคนมีความคิดความอ่านปกติไปเลย ถถถถถถถถถ
>>105 กูเห็นด้วยกับมึง 55555 คงตบกันบ้านแตกอ่ะ แต่กูว่าไม่มีวันนั้นว่ะ
สปอยล์นิดหน่อย
.
.
.
.
--->>ตอนร้อยสองร้อยกว่าๆ(ตาคนบ้า)คาบุรากิกับท่านเรย์กะสถานะเฟลนด์อัพรัวๆๆๆ สนิทกันมากขึ้นแหละ ติวบทเรียนให้ท่านเรย์กะด้วย บอกอ่านให้อ่านจนกว่าอ้วกเป็นเลือด5555555
ท่านเรย์กะก็เป็นที่ปรึกษาว่าด้วยการล่อลวงวาคาบะจังไปเป็น(ว่าที่)สะใภ้คาบุรากิยังไง ขอไว้อาลัย+อวยพรให้วาคาบะจังโชคดีค่ะ หนูไม่รอดแล้วลูก5555 ระวังตัวไว้นะ วันดีคืนดีอาจโดนอุ้มเข้าบ้านตาบ้าเขาก็ได้ วิเคราะห์ดูแล้ว รูทนี้ค่อนไปทางเฟลนเอน เย่~~!!
--->> โมเม้นท่านเอ็นโจถึงจะไม่เยอะมาก แต่ แต่ละอย่างกร๊าวใจหนักมากนะเว่ยยยยยยย เรือนี้มั่นคงหนักแน่นแน่นอน!!
--->> ตารองหัวหน้าบ้านคานทอง(ท่านประธานนร.) เฟรนดเอนค่ะ มิตรภาพสวยงามมม เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนน นี่ก็เฟลนเอนนน
แล้สมันจะไปมีอะไรได้อีก เรือท่านเอ็นโจ มีโอกาสเข้าวินเว่ยยยยยย
เอาจริงๆจักยานอิตาลี่มันก็มีแนวจ่ายตลาดคันละหมื่นกว่านะ แต่อย่างคาบุรางิมันคงจัดแนวสปอร์ตฟูลคาร์บอนคันแสนอัพให้โน้นแหละ (แม่มไม่คิดเลย นึกว่าสาวเจ้าเขาจะเอาไปลงแข่งที่ไหนรึไงฟ่ะ)
>>109 คนอย่างอีตานี่ทำอะไรครึ่งๆกลางๆไม่ได้ ต้องจัดเต็มฟูลออฟชั่นทุกสิ่งอย่าง แม้กระทั่งแต่งแฟนซีสัตว์หรือซื้อจักรยาน จะมาเอาของไก่กาสามัญได้ยังไง รับไม่ได้ เดี๋ยวผื่นขึ้น ถถถถถถถถถถ
เออ โม่งสารบัญ ลิงค์ผิดว่ะ ตรง side story เอ็นโจอันแรก จากลิงค์ >>>/webnovel/3289/814-816
ต้องเป็น >>>/webnovel/3289/874-876 นะ กูเพิ่งกดไปอ่านเมื่อกี้
แต่จริงๆ กูก็แอบคิดเหมือนกันนะ เพราะดูแววเรื่องนี้คงไม่มีตัวร้ายแบบร้ายยยยละครไทยโผล่มาแน่ๆ ยัยไมฮามะนั่นก็โปริ่งชัดๆ กูกลัวท่านเรย์กะจะเป็นคนดีโผล่ไปเคลียร์ปัญหาให้เขาแบบงงๆ ได้เพื่อนเพิ่มมาคนนึงแล้วก็งุ้งงิ้งหลั่นล้าชวนกันไปจิบชาแดกข้าวเรื่อยๆ สุดท้ายก็ได้เป็นข้าราชการ มีความมั่นคงในการดำรงชีวิตอย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก Happy End....ส่วน tag Love ที่ว่าก็คือความรักดูดดื่มของเบียทันกับอุเมวากะคุงนั่นเอง //ล้มโต๊ะรัวๆ
>>115 ประโยคสุดท้ายเลวมาก 55555555555 ขอเป็นความรักหวานแหววของมาโอะจังกะยูริคุงก็ยังดีนะ ...
แต่ก็นึกไม่ออกเลยแฮะว่าปัญหาของเอ็นโจนั่น ท่านเรย์กะจะได้เข้าไปพัวพันยังไง มันเรื่องครอบครัวคนอื่นท่านเรย์กะไม่น่าจะอยากเข้าไปวุ่นวาย (หรือจอมมารจะกดสูตรวาร์ปเข้าไปเอง ถถถ)
.
.
.
.
.
ตัวร้าย เท่าที่ดำน้ำ ยัยว่าที่คู่หมั้นก็ดูใช่ย่อยนา ถึงจะไม่มีบทมาจริงจังก็เหอะ แต่โผล่มาที ท่านเรย์กะรับรู้ได้ถึงสายตาที่จ้องเขม็ง ยิ้มให้แต่ตาไม่ยิ้มด้วยไรงี้ นี่อาจจะเป็นบอสที่แท้จริงก็ได้...
>>116 ผู้หญิงที่มีแฟนหรือไม่ก็มีผู้ชายที่แอบชอบอยู่ แล้วผู้ชายพวกนั้นมาใกล้ชิดเรย์กะ เกือบทุกคนเห็นเรย์กะเป็นศัตรูหมดเลยว่ะ ซากุระประเดิมไปแล้วสำหรับความรู้สึกนั้น ซึรุฮานะก็เขม่นขี้หน้า ถ้าคาซึมิไม่ได้สนิทกับเรย์กะก่อนคงเห็นเป็นศัตรูแบบเดียวกันอะ ท่านเรย์กะกูนี่ความสวยเป็นภัยจริงๆ
กูว่าแม่นางคู่หมั้นน่าจะจับความรู้สึกเอ็นโจได้รางๆว่ะ แนวๆเซนส์ของผู้หญิงไรเงี้ย ไม่งั้นไม่จ้องเรย์กะเขม็งขนาดนี้หรอก
ปรากฏแนว love ที่ว่าคือตัวประกอบอื่น ๆ หาได้เกี่ยวกับเจ้าแม่ไม่ อย่างนั้นกูโวยวายเลยนะ ไม่โอเคคคคคคค
>>117 อีห่า เอาแล้วไงมึง กูก็จะสบายใจแล้วเชียว แค่รอลุ้นท่านเอ็นโจรุกท่านเรย์กะเท่านั้น
โธ่เอ๊ยยยยยย เป็นแค่ [ว่าที่] คู่หมั้นแท้ๆ อย่ามาทำเป็นหมาหวงก้านนะ!!!(ริรินะสไตล์)
ถ้าเขาไท่รักก็ปล่อยเขาไป เธอก็มีไอตาไก่โง่ที่เป็นเดือดเป็นร้อนให้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ
So! , go with him!!
Don't dare to turn green with envy!!
เออ พวกมึงมโนว่าท่านเรย์กะเป็นแบบไหนอ่ะ
สำหรับกูแบบนี้เลย ใช่สุด!! สวยสง่าทั้งภายนอกและภายใน ถึงจะออกโก๊ะๆหน่อยแต่รวมดูๆแล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน ไม่ต้องมาเขิน ฉันพูดจริงๆ555
ฮืออออออออ อย่าเชียวนะ ถ้าท่านเรย์กะไม่ได้ลงเอยกับใครเลยจนจบเรื่องกูจะเสียใจมากและโกรธมาก
ฮิโยโกะซามะอย่าใจร้ายกับท่านเรย์กะนักเลย กูสงสารนาง นกมาตลอดชีวิตแล้ว ทั้งชาติก่อนและชาตินี้ ให้เขาสุขสมหวังบ้างอะไรบ้าง เอ็นโจรีบๆเคลียร์ปัญหานายแล้วมาจับกระต่ายเข้ากรงได้แล้ว ออกมาเพ่นพ่านข้างนอกนานเกินไปเดี๋ยวถูกหมาป่าตัวอื่นจับกินไม่รู้ด้วย
จะนอบน้อมหนักแน่นยังไงก็ช่วยลงจากคานก่อนเถิดค่าท่านเรย์กะ
>>119 สำหรับกู ท่านเรย์กะอะไรประมาณนี้อะ http://fav.me/d9l2m8t
ดูสวยแบบตุ๊กตา แต่ก็ดูสง่ามีออร่าจักรพรรดินีที่ยากจะเข้าถึง
ระหว่างค้นก็เจอบางภาพที่น่าจะเข้ากะตัวละครอื่น
https://www.pinterest.com/pin/359725088956814206/
นี่ละยูกิโนะะะะ เทนชิโคตรๆ เทวดาน้อยผู้ร่างกายอ่อนแอสุดๆ
https://www.pinterest.com/pin/364017582366186403/
คาบุรากิ อารมณ์งี้ มองแง่นึงก็ดูหล่อเย็นชา แต่ดูดีๆก็เห็นถึงความกวนตีนปัญญาอ่อนแปลกๆ(ชม...)
เอ็นโจค้นๆดูละไม่มีที่ตรงสเป็ค ถถถ
>>122 กูยังไม่ได้อ่านชื่อ แต่เห็นรูปแล้วนึกถึงแดเนริส แม่มังกรเลย แล้วก็ใช่จริงๆด้วย
เรย์กะ นึกถึงอารางากิ ยุย คนนี้ตัดผมสั้นสวยกว่าผมยาว แต่เวลายิ้มแม่งน่ารักโครต
คาบุรากิกูนึกถึงน็อคติสว่ะ ดูหล่อๆขรึมๆ แต่จริงๆรั่วมาก ฮามาก เอาแบบ 3D ก็ประมาณนิชิกิโดะ เรียวล่ะมั้ง
เอ็นโจกูยังไม่มีอิมเมจในใจ แต่เอาใกล้เคียงสุดก็ซาโตชิ ซึมาบุกิฟิวชั่นกับฮารุมะ
ยูกิโนะนี่นึกถึงดาโกต้า โกโยว่ะ เด็กผมทองน่ารักเนี่ย (แต่นี่มันเด็กฝรั่ง)
ต่อจาก >>70-71
กาลครั้งหนึ่งในฝัน : เอ็นโจ's side story (Part 3)
------------------------------------------
แม้จะไม่ได้เป็นที่โดดเด่นนัก แต่ผมก็รู้ดีว่ามีนักเรียนซุยรันหลายคนที่คอยแอบมองคุณคิโชวอินอยู่ ด้วยรูปลักษณ์น่ารักอย่างกับตุ๊กตา การวางตัวอย่างเหมาะสมกับเป็นคุณหนู ก็ไม่น่าแปลกใจนักหรอกที่จะมีผู้ชายหลายคนให้ความสนใจ
ยิ่งถ้าได้รู้จักกัน ก็จะยิ่งเห็นถึงเสน่ห์ของคุณคิโชวอินที่แตกต่างไปจากผู้หญิงคนไหนๆที่เคยรู้จักมา
แต่น่าเสียดายและน่ายินดีที่ไม่มีใครได้โอกาสนั้น
แบบผม
*****
ในที่สุดวันงานเลี้ยงของมาดามคาบุรากิก็มาถึง ที่ห้องงานเลี้ยงประดับประดาตกแต่งไปด้วยสัญลักษณ์ของวันคริสต์มาสที่ใกล้เข้ามา
ผมกับท่านแม่มาถึงก็ไปทักทายแขกเหรื่อหลากหลายคนที่จำได้บ้างไม่ได้บ้าง ก่อนที่ผมจะขอตัวแยกออกมาในตอนที่มาซายะมาถึง
วันนี้มาซายะดูจะอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก คงเป็นเพราะว่าถูกมาดามคาบุรากิบังคับให้มาร่วมงานอีกตามเคย มีคนกลุ่มคนรุ่นเดียวกันภายในงานหลายคนที่มาพูดคุยกับพวกเรา เป็นเรื่องสัพเพเหระที่ผมสนใจบ้าง ฟังผ่านหูไปบ้าง ขณะที่สายตาก็คอยสอดส่ายมองไปที่ประตูทางเข้าอยู่บ่อยครั้ง
จนในที่สุดคนที่รอคอยก็มาถึง
คุณคิโชวอินในชุดเดรสเกาะอกสีขาว คลุมด้วยผ้าขนเฟอร์สีขาวดูอย่างกับกระต่ายน้อย ผมม้วนลอนในยามปกติถูกรวบเกล้าขึ้นจนเห็นลำคอขาวให้ความรู้สึกแปลกตาไม่เคยชินทุกครั้ง แม้ภายในงานเลี้ยงจะมีหญิงสาวมากมาย แต่ในสายตาผมไม่มีใครที่โดดเด่นเท่าเธอเลย
หรือบางทีก็อาจจะสายตาคนอื่นด้วย ผมจับสังเกตได้ว่ามีผู้ชายบางคนในงานที่จ้องมองไปที่เธอเช่นเดียวกัน
คุณคิโชวอินเดินคู่กับมาดามคิโชวอินไปทักทายกลุ่มมาดามท่านอื่นๆ เดินไปทางโน้นที ทางนี้ที น่ากลัวว่าจะเจ็บเท้าเอาซะก่อน
ผมคงจะเผลอตัวมัวแต่จ้องมองไปที่คุณคิโชวอินมากจนเกินไป จนถูกมาซายะจับได้
"ชูสุเกะ" มาซายะเดินเข้ามาเอามือวางบนไหล่ผม แล้วกระซิบ "ออกจากห้องไปแล้วเลี้ยวซ้าย ห้องน้ำอยู่ทางนั้นนะ"
"..."
ไม่ใช่แฮะ
ขณะกำลังคิดว่าจะตอกกลับไปว่าอะไร คุณไมฮามะก็เดินเข้ามาพอดี คุณคิโชวอินเองก็ปลีกตัวออกจากกลุ่มของมาดามแล้ว ผมเลยทิ้งเจ้าคนอ่านสถานการณ์ไม่เป็นไว้แล้วจากมา
ผมหยิบน้ำมะนาวมาจากบริกร ก่อนเดินตรงเข้าไปหาคุณคิโชวอิน
"เชิญครับ"
คุณคิโชวอินที่ดูเหนื่อยล้าพอได้จิบน้ำมะนาวก็มีสีหน้าที่ดูดีขึ้น ผมเอ่ยชมเรื่องชุด คุณคิโชวอินก็ขอบคุณตามมารยาทตามเคย
ให้ตายซิ ผมไม่ได้ชมตามมารยาทสักหน่อย เมื่อไหร่คุณรู้กันนะว่าผมน่ะไม่เคยเอ่ยชมใครคนอื่นเลย นอกจากคุณน่ะ... คุณเรย์กะ...
ยิ่งได้มาอยู่ใกล้ๆ ก็ยิ่งมีโอกาสสังเกตชุดมากยิ่งขึ้น ชุดเกาะอกเผยผิวขนาดนี้จะไม่หนาวหรือไงกันน่ะ ต่อให้มีขนกระต่ายคลุมไว้ก็เถอะ
ผมคงจะจดจ้องมากเกินพอดี จนโดนคุณคิโชวอินทำตาค้อนใส่ ยิ่งเหมือนกับกระต่ายพองตัวอย่างไรอย่างนั้น
เห็นมาดามคาบุรากิเดินขึ้นเวที น่าจะใกล้เริ่มพิธีเปิดงาน ผมเลยชวนคุณคิโชวอินออกไปที่ซุ้มมิสเซิลโทข้างนอก พออ้างเรื่องยูกิโนะ คุณคิโชวอินก็ยอมตามมาอย่างว่าง่าย
แสงสว่างจากเทียนไขไล่เรียงไปตามทางเดิน จนถึงซุ้มมิสเซิลโท ช่อมิสเซิลโทขนาดใหญ่ห้อยลงมาต่างโคมระย้า รอบผนังก็แขวนประดับประดาด้วยมิสเซิลโทหลากหลายทรงดูสวยงาม อย่างที่คาดคิด พอเริ่มพิธีเปิดงาน คนส่วนใหญ่จึงเข้าไปข้างในกันหมดแล้ว
คุณคิโชวอินชมซุ้มมิสเซิลโทแล้วทำสายตาอย่างเคลิบเคลิ้ม หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปตรงนั้นทีตรงนี้ที ดูท่าทางชอบมากทีเดียว
โดยไม่คาดคิด กิ่งของมิสเซิลโทกลับเข้าไปเกี่ยวกับสร้อยคอของคุณคิโชวอินที่ไม่ทันระวังตัวพอดี ผมสบโอกาสจึงเดินเข้าไปช่วยแกะออกใกล้ๆ
ปลายนิ้วแตะสัมผัสกับต้นคอเรียวสวยที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก ยิ่งชุดเดรสเกาะอกเผยให้เห็นผิวขาวเนียนจรดหัวไหล่ ทำให้จิตใจแทบจะเตลิดเปิดเปง หัวใจเต้นระรัวจนน่ากลัวว่าจะดังออกมากลบบรรยากาศความเงียบสงบในซุ้มแห่งนี้
ช่องว่างระหว่างเรานั้นแคบยิ่งกว่าครั้งที่อยู่ในห้องพยาบาลเสียอีก
ผมค่อยๆดึงกิ่งมิสเซิลโทออกจากสร้อยเส้นเล็กของคุณคิโชวอินอย่างเชื่องช้า ค่อยๆเสพสัมผัสของความใกล้ชิดและกลิ่นน้ำหอมอันหอมหวานที่โชยออกมา ใบหูของคุณคิโชวอินนั้นแดงระเรื่อ ตัวก็สั่นเกร็งอย่างเห็นได้ชัด แม้จะไม่เห็นใบหน้าแต่คิดว่าตอนนี้เธอคงทำหน้าตาสับสนและแดงก่ำอยู่แน่ๆ
"คุณคิโชวอิน เคยได้ยินเรื่องเล่าของมิสเซิลโทรึเปล่า?"
"อะ เอ๋?"
ผมพูดโพล่งขึ้นมาทำลายความเงียบ คุณคิโชวอินยังดูจะงุนงงสับสน ผมจึงเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับมิสเซิลโทที่เคยได้ยินมาให้ฟัง
"สมัยก่อนน่ะ เขาเชื่อกันว่ามิสเซิลโทเป็นต้นไม้ที่นำความโชคดีและความสุขมาให้ ก็เลยตัดช่อมิสเซิลโทเอาไว้ไปใช้ในงานแต่งด้วย"
"งะ งั้นเหรอคะ"
"แต่ถ้าคนที่ยังไม่แต่งงานมายืนจูบกันใต้ซุ้มมิสเซิลโท ก็เหมือนได้รับคำอวยพรให้ได้แต่งงานกันในอนาคต"
คุณคิโชวอินนิ่งฟังอย่างตั้งใจ ผมค่อยๆถอนมือออกจากสร้อยคอของเธอ
"แล้วก็นะ ถ้าผู้หญิงไปยืนใต้ต้นมิสเซิลโทก็หมายความว่าเธออนุญาตให้ผู้ชายที่หมายปองจูบเธอได้"
มือของเลื่อนลงมาประสานกับมือทั้งสองของคุณคิโชวอินก่อนจะรวบเข้าด้วยกัน นัยน์ตาของเธอเบิกกว้างอย่างตกใจ ก่อนที่ผมจะค่อยๆก้มลงไปกระซิบใกล้ที่ข้างหูของเธอ
"คุณคิโชวอิน อนุญาตรึเปล่าครับ"
คุณคิโชวอินค้างแข็งราวกับหยุดหายใจไปแล้ว แววตาสั่นระริกเต็มไปด้วยความหวาดผวา มือสองข้างก็พยายามยื้อยุดออกไป แต่ผมจับแน่นและรั้งเข้ามาไม่ให้ถอยหนี
แล้วรู้อะไรอีกมั้ย คุณ...เรย์กะ ว่านอกจากตำนานที่เล่าไปนั้น ก็ยังมีอีกเรื่องเล่าหนึ่งนะ เขาว่ากันว่า...
ผู้หญิงที่ยืนอยู่ใต้มิสเซิลโทน่ะ ไม่สามารถปฏิเสธการจูบได้หรอกนะ
ผมเลื่อนศีรษะจากใบหูของเธอมาที่ข้างหน้า ใบหน้าของเราใกล้ชิดจบแทบจะสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย
แต่ก่อนจะผมจะได้ทำอะไรอย่างที่ปรารถนา กลับมีคู่รักที่เดินเข้ามาขัดจังหวะอย่างไม่ได้ตั้งใจ เรายังคงค้างอยู่ในท่าเดิมในตอนนี้ทั้งสองเดินเข้ามาเห็น ก่อนจะรีบโค้งคำนับแล้วเผ่นหนีออกไป คุณคิโชวอินได้จังหวะที่ผมเผลอตัวก็รีบถอนตัวออกไปทันที แล้วชี้ชวนให้กลับเข้าไปในงาน
...อีกแค่นิดเดียวแท้ๆ
ผมได้แต่นึกเสียดาย ขณะที่เดินตามหลังคุณคิโชวอินกลับเข้าไปในงานเลี้ยง
ที่แท้พิธีเปิดก็เสร็จสิ้นไปแล้ว เห็นคนจับกลุ่มพูดคุยกันหลากหลายกลุ่ม หนึ่งในนั้นคือกลุ่มของเด็กนักเรียนซุยรันและคู่รักที่ขัดจังหวะเมื่อสักครู่จับจ้องมาทางเราแล้วก็หันไปพูดคุยกัน
ดูจากหน้าตาของคุณคิโชวอินก็คงจะพอคาดการณ์ได้เช่นเดียวกันว่าเกิดอะไรขึ้น ทำหน้าตาขวัญผวาแทบจะร้องไห้ดูตลกสุดๆ เธอคงเป็นประเภทที่ไม่ชอบตกเป็นข่าวลือมากนัก
แต่ตรงกันข้ามกับผม
"แล้วเจอกันวันที่ยี่สิบสี่นะครับ"
ผมก้มลงกระซิบที่ข้างหูเธออย่างเปิดเผย จนนอกจากกลุ่มนักเรียนซุยรันแล้ว เหล่ามาดามหรือคนอื่นๆก็จ้องมองมาและฮือฮากันอย่างสนอกสนใจ ก่อนที่ผมจะเดินหลบเลี่ยงไปที่ห้องรับรองแขกกับมาซายะ ทิ้งให้คุณคิโชวอินตกผจญชะตากรรมของการสอบสวนเพียงลำพัง
-----------------------------
เหลือพาร์ทสุดท้ายก็ทันจบงานเลี้ยงละ โฮวว ควรมีใครมาสานต่อภาคของท่านเรย์กะสักที กูจะกลับไปเป็นคนอ่านแล้ว
แทบจะแยกไม่ออกระหว่างฟิคกับอฟช ถถถถถ
พวกมึงทำดีมาก มาจุ้บคนละที ขอบคุณสำหรับกาวต่างๆที่หยิบยื่นมาให้กู //จิบน้ำ(กัญ)ชารออ่านต่อ
>>126-127 โถ มาซายะคุงงงงง หมอนี่มันจะ KY เกินไปแล้วนะ วาคาบะตบเรียกสติมันหน่อย//หรือจะเตลิดเปิดเปิงบ้าบอกันไปทั้งคู่
เอ็นโจนี่ชั่วร้ายเหลือเกิน หลอกเขาไปใต้ต้นมิสเซิลโทเพราะรู้อยู่แก่ใจเรื่องตำนานนี่สินะ แต่ได้จูบง่ายๆก็ไม่เร้าใจสิค้าาาาาาาาาาาา นอกจากจะต้องต่อสู้กับท่านพี่แล้วยังต้องต่อสู้กับพลังเหนือธรรมชาติอย่างคานทองอีก จอมมารจะทำลายคำสาปคานทองแล้วสาปคำสาปคู่ครองทับลงไปได้มั้ยน้อ
กูคิดไม่ออกเลยว่าท่านคาบุรากิจะสารภาพรักวาคาบะจังยังไง....ถ้าไม่เล่นใหญ่ก็คงจะทำแบบนี้
.
.
.
http://imgur.com/jycQnfF
55555555+
"ท่านคาบุรากี่!!!! ทำอะไรของท่านน่ะคะ?!!!"
"ก็ทำตามที่เธอแนะนำไง"
คิโชวอิน เรย์กะหวีดร้องออกมาอย่างตกอกตกใจ หน้าตาก็ซีดเซียวคล้ายคนจะเป็นลมโดยมีชูสุเกะคอยยืนประคองอยู่ข้างๆพลางยิ้มอ่อนๆ(?)มองมาทางผม
อะไรกันน่ะเรย์กะ นี่เธอร่างกายอ่อนแอขนาดนี้เชียว? ก็ช่วยไม่ได้นะ ไม่รู้จักออกกำลังกายเองนี่
แล้วที่ทำหน้าประหลาดใจอย่างนั้นน่ะ แปลว่าคิดไม่ถึงน่ะสิที่มันออกมาสมบูรณ์แบบอย่างนี้ รู้มั้ยว่าฉันต้องฝึกพูดหน้ากระจกทุกวัน และรวบรวมความกล้ามากแค่ไหน แต่ก็นะ มันจะไม่มีทางมีวันนี้ได้ถ้าไม่ได้ทั้งสองช่วย
ขอบคุณจริงๆเรย์กะ ชูสุเกะ สมกับเป็นเป็นเพื่อนรักและเพื่อนแท้ของฉันจริงๆ ไว้จะพาไปเลี้ยงขอบคุณนะ!!
"มาซายะ ฉันว่านายหันไปมองคุณทาคามิจิก่อนจะดีกว่านะ"
หือ??
"ว--วาคาบะ!!"
-----------------------------------------------+
จบ กูมโนต่อไปไม่ได้แล้วค่ะ 555555 หลุดคาเเรกเตอร์ไปก็ขออภัยด้วย ถถถถถถถ
>>133 กูรอดูอ.ฮิโยโกะเขียนให้คาบุรากิสารภาพรักกับวาคาบะอยู่เนี่ย ถ้าไม่เล่นใหญ่อลังการงานสร้างเหมือนหนังฮอลิวู้ดก็น่าจะมุ้งมิ้งเบาๆน่ารักๆแน่ๆ แต่ของเอ็นโจกูรอลุ้นอยู่ว่าจะยังไง
>>135 ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก 5555555555555555555555555555555
คาบุรากิ เสียใจด้วยนะคะ เรื่องนี้มันฮาเร็มของเรย์กะค่ะ ไม่ใช่นาย
>>133 ต่ออีกสักนิดดด
"ท่านคาบุรากี่!!!! ทำอะไรของท่านน่ะคะ?!!!"
ฉันรีบกระโจนออกมาจากมุมซ่อนทันทีที่ได้เห็นฉาก พระเอกสารภาพรักนางเอกที่แสนตราตรึงใจ(?)
"ก็ทำตามที่เธอแนะนำไง"
คนละอย่างกับที่ฉันแนะนำแล้วล่ะค่ะ!!!
ที่ฉันแนะนำไปคือการให้หาช่อดอกไม้ที่มีความหมายลึกซึ้ง ไปมอบให้เขาด้วยจริงใจและหนักแน่น
อันนี้ผ่านค่ะฉันไม่เกี่ยง แต่นี่!!! วาคาบะจังกำลังจะยื่นมือไปโอบอุ้มช่อดอกไม้ที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกของท่านอย่างอ่อนโยนแท้ๆ!!
พัง!! พังหมดแล้ว!! อยู่ๆก็รู้สึกวิงเวียนซวนเซจะเป็นลมล้ม โชคดีที่ท่านเอ็นโจเข้ามาช่วยประคองไว้ไม่ให้คะมำลงไป โฮฮฮฮฮฮฮ อุตส่าห์กรอกข้อมูลว่าด้วยภาษาดอกไม้ใส่มันสมองของท่านคาบุรากิได้แล้วแท้ๆเชียว ไม่คิดว่าจะมาล้มไม่เป็นท่ากับจุดเล็กๆตรงนี้
"มาซายะ ฉันว่านายหันไปมองคุณทาคามิจิก่อนจะดีกว่านะ"
ท่านคาบุรากิขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางหันไปมองวาคาบะจังตามที่ท่านเอ็นโจบอก
"ว--วาคาบะ!!"
เห็นหรือยังล่ะ!! เห็นแล้วใช่มั้ย!!
ถ้าจะเขินก็ช่วยเพลาๆหน่อยนะคะ ไม่ใช่ยัดช่อดอกไม้ใส่หน้าเขาแบบนี้!! รู้จักหรือเปล่าน่ะฮะ GENTLEMAN น่ะ!!
-----------------------------------------------
จบ จบแล้วจริงๆ 5555555555+
>>139 กูเสริมให้
"ท่านคาบุรากี่!!!! ทำอะไรของท่านน่ะคะ?!!!"
หลังจากที่มาซายะเอาดอกไม้สารภาพรักยื่นไปข้างหน้าสุดแรงเกิด คุณคิโชวอินก็กรี้ดร้องพร้อมกระโจนออกมาทันที
"ก็ทำตามที่เธอแนะนำไง"
อืม... มาซายะ เหมือนมันจะไม่ใช่แบบนี้นะ
พอจะออกปากเตือนเพราะทั้งขำทั้งทนดูต่อไปไม่ได้ คุณคิโชวอินก็เริ่มทำท่าวิงเวียนแล้วเอนตัวล้มจนต้องไปรับ
ดูเหมือนเธอจะช๊อคจนลืมระวังตัวไป ผมประคองเธอก็ไม่ขยับหนี จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกรึเปล่านะที่ได้ใกล้ชิดกับคุณคิโชวอินขนาดนี้
ตัว....นุ่มกว่าที่คิดนะ
แถมหอมหัว
ผมกลั้นยิ้มไม่ไหวเลยล่ะ
แต่ท่าทางคุณคิโชวอินจะไม่ไหวจริงๆแล้ว ผมเลยต้องเตือนมาซายะอย่างจริงจัง
"มาซายะ ฉันว่านายหันไปมองคุณทาคามิจิก่อนจะดีกว่านะ"
มาซายะขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางหันไปมองคุณทาคามิจิตามที่ท่านเอ็นโจบอก
"ว--วาคาบะ!!"
รู้สึกตัวแล้วสินะ
มายาซะพอเป็นเรื่องคนที่ชอบ สมองเหมือนจะมีแต่ฟองน้ำจริงๆนั่นแหละ
กับผู้หญิงน่ะ ต้องอ่อนโยนกับเธอสิ
ผมยังคงยิ้มสองมือยังคงประคองคุณคิโชวอินไว้
เหมือนคุณคิโชวอินจะไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด... งั้นขออยู่ต่อแบบนี้ไปสักพักก็แล้วกัน
ผมไม่ได้ได้ฉวยโอกาสนะ
...ก็คุณคิโชวอินไม่ได้ปฏิเสธนี่นา
--------- จบ
กรี้ดดดด
หลงมาเจอลงเรือไปด้วยเรียบร้อยยยย กี๊ดด อ่านใหม่มโนตามกาวววว
คอมเมนต์รัววมาก ตามอ่านมาสามกระทู้แล้ววว
>>140 กรี๊ดดดดด หัวสมองเราคงจะเชื่อมโยงกันอยู่ ดีมากเพื่อนโม่ง กูรักมึงจริงๆ!!! ไว้กูจะแต่งความนึกคิดของท่านคาบุรากิต่อบ้างละกัน มันก็สนุกดีนะ 55555+ กูว่าท่านคาบุรากิก็เข้าใจง่ายดี ส่วนพวกมึงเสริมพาทของท่านเอ็นโจไป กูยังไม่ค่อยเก็ทความนึกคิดท่านเอ็นโจสักเท่าไหร่ ทำงานกันเป็นทีมเวิร์กอย่างนี้แหละ!!! กาวจะได้ออกมาเยอะๆ!!
กรี๊ดดดดดดดดด
พวกมึงงงง คืนนี้กะไม่ให้นอนเลยใช่ป่ะ!!!!
เออ แต่งออกมาเยอะๆเลย เดี๋ยวกูตื่นมาอ่านนะจ๊ะ 55555555555555555
>>135
"ท่านเรย์กะ ได้โปรดรับตัวฉันไว้พิจารณาด้วยเถอะค่ะ!"
อ เอ๋!!!? วาคาบะจัง!?!!
วาคาบะจังจับสองมือของฉันขึ้นมา แล้วจ้องตาเขม็งมาที่ฉันอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเลื่อนสายตาไปที่เอวของฉัน ฉันถึงรู้สึกตัวว่าตัวเองถูกเอ็นโจประคองตัวไว้อยู่
ว้ายยย! แย่แล้ว!
ฉันรีบขยับตัวออก แต่แขนของเอ็นโจกลับเลื่อนเข้ามารวบตัวฉันแน่น
ท ทำอะไรน่ะคะะ!!!?
ฉันแหงนหน้าขึ้นมองกะเหวใส่ แต่กลับพบว่าเอ็นโจไม่ได้สนใจฉันสักนิด แต่กำลังส่งยิ้มให้วาคาบะจัง วาคาบะจังเองก็ยิ้มตอบเช่นกัน
บรรยากาศควรจะสดใสแท้ๆ แต่รู้สึกราวกับมีรังสีของการข่มขู่ฆ่าฟันเกิดขึ้นจนหนาวยะเยือกเลยค่ะ
ก เกิดอะไรขึ้นกันน่ะคะ!?
ฉันไปมองคาบุรากิกะจะขอความช่วยเหลือ แต่สภาพของคาบุรากินั้นกำลังตกในอาการช็อคค้างจนแทบจะป่นเป็นผุยผงไปแล้ว
ไม่นะ!! คาบุรากิ!!! มาช่วยกันก่อนซิยะ!!!
>>148
"คุณทาคามิจิ รู้สึกว่ามาซายะจะช็อคไปแล้วน่ะ ช่วยไปดูแลทีสิ" เอ็นโจยิ้มสดใส แต่มองแล้วรู้สึกเหน็บหนาวเหลือเกินค่ะ
"เอ๋~ ถ้าท่านเอ็นโจอยากให้มีคนดูแลท่านคาบุรากิก็ทำเองสิคะ" วาคาบะจังหัวเราะแหะๆ มือยังคงจับมือฉันไม่ปล่อย "ท่านเรย์กะคะ~ เสาร์นี้แถวบ้านของฉันมีงานเทศกาลนะคะ ไปทานปลาหมึกปิ้งกันเถอะนะ ยากิโซบะด้วยก็ได้ หรือจะทานเค้กก็ได้นะคะ~"
เอ๋ ปลาหมึกปิ้งเหรอ เค้กบ้านวาคาบะจังงั้นเหรอ อยากกินจัง~
ยังไม่ทันตอบอะไร เซริกะจังกับคิคุโนะจังที่เป็นคนนำกลุ่มเด็กผู้หญิงกลุ่มใหญ่ก็เข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี คิคุโนะจังร้องขึ้น "ทำอะไรของคุณน่ะคะ คุณทาคามิจิ ท่านเรย์กะน่ะไม่ไปเดินในสถานที่ชั้นต่ำแบบนั้นหรอกนะคะ"
"ท่านเรย์กะน่ะจะไปบ้านพักที่คารุอิซาวะของฉันต่างหากล่ะคะ" เซริกะจังยิ้มอย่างอ่อนหวาน "ท่านเรย์กะคะ ตอนนี้คารุอิซาวะกำลังมีเทศกาลแยมอยู่ คิดว่าท่านเรย์กะต้องชอบแยมบลูเบอรี่แฮนด์เมดที่เคยซื้อด้วยกันแน่นอนเลยล่ะค่ะ ทานกับสโคนอบใหม่ๆช่างวิเศษไปเลย"
"จริงด้วยค่ะท่านเรย์กะ~ ตอนนี้ดอกแมกโนเลียที่บ้านพักตากอากาศของฉันก็กำลังเบ่งบานได้ที่~ หากท่านเรย์กะไม่รังเกียจ อยากขอเชิญไปรับชมด้วยกันน่ะค่ะ" อายาเมะจังกุมมือฉันอีกข้างที่ว่างอยู่
มีเสียงร้องจากในกลุ่มเด็กผู้หญิงดังขึ้น
"เอ๋ ขี้โกงนี่นา!!"
"ฉันก็อยากชวนท่านเรย์กะไปจิบชาชมดอกไม้เหมือนกันนะคะ"
"ท่านเรย์กะคะ~ ไปซ้อมวิ่งสามขากับฉันดีกว่าค่ะ งานแข่งกีฬาใกล้เข้ามาแล้ว ไม่อยากให้แพ้ห้องอื่นด้วยน่ะค่ะ" รุเนะจังถลาเข้ามากอดแขนอีกข้าง
มิฮารุจังเดินออกมาจากกลุ่มเด็กผู้หญิง ส่งยิ้มอายๆให้ฉัน "ว่าไปฉันก็อยากทานช็อกโกแลตวาเลนไทน์ที่ท่านเรย์กะเคยมอบให้เหมือนอย่างตอนนั้นจังค่ะ เอาอย่างนี้ เราไปซื้ออุปกรณ์มาทำด้วยกันเถอะนะคะ แล้วก็มาแลกช็อกโกแลตกัน ต้องสนุกแน่ๆเลย~"
"หา!!" เอ็นโจกับวาคาบะจังร้องออกมาพร้อมกัน ถลึงตาใส่มิฮารุจังที่ยิ้มอย่างอ่อนหวาน เดี๋ยวเถอะ อย่าไปทำใหัมิฮารุจังกลัวจะได้มั้ยยะ เอ็นโจ
อ๊ะ หัวหน้าห้องที่ยืนอยู่ในกลุ่มคนดูจะแหลกสลายตามคาบุรากิไปแล้วล่ะค่ะ
"ฉันอยากปรึกษาเรื่องแต่งหน้าด้วยน่ะค่ะ" คุณโนโนเสะดันไหล่มิฮารุจังออกไปเพื่อจะมายืนตรงหน้าฉัน "มีสกินแคร์มาใหม่ ท่านเรย์กะสนใจจะลองรึเปล่าคะ บำรุงได้ดีเยี่ยม แถมกลิ่นก็หอมมากเลยด้วย"
เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยวก่อน นี่มันเรื่องอะไรกันคะ
ทำไมทุกคนจู่ๆมารุมนัดฉันไปนั่นไปนี่แบบนี้กันล่ะคะ
"เอ่อ ท่านเรย์กะ" ท่านซาราระแหวกวงล้อมออกมา ในอ้อมแขนมีหนังสือปกกำมะยี่ดูหรูหรา "เสาร์นี้พอจะว่างรึเปล่าคะ ฉันได้หนังสือมาใหม่ คิดว่าท่านเรย์กะอาจจะชอบ ไปนั่งอ่านด้วยกันที่เงียบๆเถอะค่ะ"
คำว่าหัวเราะไม่ได้ ร่ำไห้ไม่ออกมันกำลังเกิดกับตัวฉันสินะคะ เพราะทุกคนจ้องมองมาแบบคาดคั้นเอาคำตอบกันเดี๋ยวนี้ แล้วฉันควรจะตอบอะไรไปดีล่ะคะ
ริรินะปรากฎตัวขึ้น มาถึงก็เท้าสะเอวแหวใส่ทุกคน
"พวกเธอน่ะหลบไปให้พ้นเลยย่ะ คุณเรย์กะจะไม่ไปไหนกับใครทั้งนั้น เพราะคุณเรย์กะมีนัดไปชอปปิ้งเสื้อผ้ากับฉันคนเดียวเท่านั้น แล้วก็มีนัดร้านทำผมด้วย ไม่ว่างไปทำเรื่องไร้สาระกับพวกเธอหรอกนะยะ"
พูดอะไรของเธอน่ะ หาาาาา!!!! ฉันไปนัดกับเธอตอนไหนยะ!!!!!!!
ริรินะดึงแขนฉัน แต่เอ็นโจ วาคาบะจัง รุเนะจัง อายาเมะจัง ขืนตัวเอาไว้ เซริกะกับคิคุโนะก็ออกมาขวางหน้าริรินะไว้เต็มที่ สายตาดูท้าทายสุดๆ
นี่มันตอนหนึ่งในคัมภีร์ไบเบิ้ล ที่กษัตริย์โซโลมอนตัดสินคดีที่ผู้หญิงสองคนกำลังแย่งเด็กทารกคนหนึ่งอยู่ ต่างคนก็ต่างอ้างว่าตัวเองเป็นแม่ของเด็ก หรือยังไงกันคะ
มะ ไม่ไหวแล้วค่ะ สถานที่นี่อบอวลด้วยบรรยากาศชั่วร้ายเหลือเกิน ทางโรงเรียนสมควรเชิญองเมียวจิมาปัดเป่าวิญญาณร้ายนะคะ
ใครก็ได้ช่วยฉันด้วยค่ะ!!!!
>>150
ทันใดนั้นก็มีเสียงข้อความจากมือถือของฉันดังขึ้นมา จะต้องเป็นไลฟ์เซฟเวอร์ของฉันแน่ๆเลยล่ะค่ะ!
ฉันขออนุญาตอายาเมะจังดึงมือหยิบมือถือขึ้นมา
'ไม่ได้เจอเรย์ตันตั้งนานแล้ว เบียตันคิดถึงเรย์ตันจังเลย ❤ เราไปเที่ยวด็อกแลนด์ด้วยกันกะอาตันอีกดีมั้ยคะ'
"เรย์ตันงั้นเหรอ!?"
เอ็นโจพูดโผล่งขึ้นมา อย่ามาเสียมารยาทแอบอ่านมือถือคนอื่นซิยะ!
แล้วนายบ้าหมาจะส่งมาอะไรตอนนี้ล่ะยะ!! จากที่คิดว่าจะีป็นผู้ช่วยชีวิต กลับกลายเป็นมาทำให้บรรยากาศรอบๆนั้นครุกรุ่นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ท ทำยังไงดีล่ะคะเนี่ย แง้ โทรเรียกท่านพี่เวลางานแบบนี้จะโดนดุมั้ยคะเนี่ย
-----
ไม่ได้ช่วยท่านเรย์กะขึ้นเล้ย 5555
>>153
"โอ๊ะ โฮะโฮะโฮะ ซุยรันยังคงเป็นสถานที่ป่าเถื่อน มีนักเรียนหยาบคายไร้มารยาทอยู่เต็มไปหมดเหมือนเดิมเลยนะคะ"
ไมฮามะ เอะมะเท้าสะเอว เอาอีกมือป้องปาก
"หล่อนมาที่นี่ทำไมยะ" คิคุโนะจังแยกเขี้ยวใส่ นักเรียนหญิงรอบตัวก็ฮึ่มๆแฮ่ๆกันแล้ว
"ก็จะมาชวนท่านมาซายะไปดื่มน้ำชายามบ่ายยังไงล่ะคะ แต่ลิงป่าอย่างพวกคุณคงไม่รู้จักความมีอารยธรรมกันล่ะสินะคะ" ไมฮามะมองฉันด้วยหางตา "อ๊ะ คุณเรย์กะอ้วนอีกแล้วสินะคะ โถ น่าสงสารจริงๆเลยเชียว"
หา อะไรของยัยนี่ยะ ฉันออกกำลังกายด้วยการวิ่งเกือบทุกวันนะยะ ตอนนี้หุ่นเป๊ะไร้ไขมันส่วนเกินสุดๆ
"ช่วยไม่ได้นะค้า เพราะสงสารคุณเรย์กะ ดิฉันก็เลยไปหาโปรแกรมลดความอ้วนมาให้" ไมฮามะแปะใบปลิวใส่หน้าฉัน "เอ้า ไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวนี้เลย จะได้ไม่เสียเวลา คุณเรย์กะน่ะต้องหัดเผาผลาญไขมันบ้างนะคะ อ้วนอืดไปก็น่าเกลียดแย่"
"คุณเรย์กะไม่ได้อ้วนซักหน่อยนะยะ หล่อนน่ะสิที่อ้วน เหนียงเป็นชั้นๆอย่างนี้ยังกล้าออกจากบ้านอีกเหรอ" ริรินะถลึงตามอง ปัดมือไมฮามะออกไปจากข้อมือฉัน สองสายตาสบประสานกัน มีฟ้าแลบแปลบปลาบอยู่เป็นฉากหลัง
ว้ากกกก ตัวปัญหาเพิ่มมาอีกแล้ว ทำไมไม่มีใครมาช่วยกันเลยล่ะคะ แล้วฉันจะแกะมือทุกคนออกไปจากตัวฉันยังไงดี
>>155 (โอ๊ย หยุดขำไม่ได้ 555555)
----------
"ทำอะไรของพวกเธอกันน่ะ!?" นายตัวสำรองโผล่เข้ามา หันมองไปรอบๆแล้วทำหน้าเครียด "โรงเรียนใช่สถานที่ที่จะมาทำตัวแบบนี้กันมั้ยน่ะห๊ะ!"
นายสำรองที่ติดตราประธานนักเรียนดุใส่ฉอดๆ เทศนาใส่ทุกๆคนจนพวกเขายอมปล่อยตัวฉันเป็นอิสระทั้งที่ยังหน้าตาไม่เต็มใจ แถมยังไล่ไมฮามะว่าเป็นคนนอกให้ออกไปจากโรงเรียนอีก
ิอา นี่ล่ะผู้ช่วยชีวิตที่แท้จริง!!
ทำได้ดีมากรองผู้ใหญ่บ้าน!!
"เธอก็เหมือนกัน! คุณคิโชวอิน!"
อ เอ๋!? ฉันเหรอ? ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะคะ!
นายสำรองทำหน้าเครียดจนน่ากลัว เดินดุ่มเข้ามาใกล้
อุ แง้ โดนเล่นงานแน่ๆเลยค่ะ
"... ไปคุยกันที่ห้องสภานักเรียนเดี๋ยวนี้!"
ว่าแล้วก็คว้ามือฉันแล้วลากตัวออกไป มองเห็นเอ็นโจจะคว้ามืออีกข้างของฉันไว้แต่ก็ช้าเกินไป ส่วนคนอื่นๆก็ส่งเสียงร้องอย่างตกใจกันออกมา
อ เอ๋!? คุยเรื่องอะไรน่ะนายตัวรอง!?
>>155 มือใหม่หัดแต่งนะคะ สั้นๆ
"ปัง"
เสียงดังขึ้นทางประตูทางออกเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ พอวาคาบะหันมาอีกที ตัวต้นเรื่องก็หายตัวไปซะแล้ว พร้อมกับร่างสูงข้างกาย
"อ๊ะ ท่านเรกะหายไปแล้ว" สิ้นเสียงของเซริกะความวุ่นวายในห้องก็หายไปทันที แทนที่ด้วยความเงียบ
ไม่มีใครสนใจหัวหน้าห้องกับคาบุรากิมี่ตอนนี้เป็นผุยผงไปแล้ว อีกเสียงนึงดังขึ้น
"เอนโจซังล่ะ" ทุกคนหันไปหาประตูราวกับคาดเดาสิ่งที่คิดได้ไม่อยาก
......
"แฮกๆ ท่าน เอน..โจ คะ" ฉันวิ่งตามท่านเอนโจที่ดึงข้อมือฉันไปอย่างกระชั้นชิด ก่อนจะถูกลากเข้ามาบนรถที่ถูกจอดสตาร์ทอยู่หน้าโรงเรียนตอนไหนก็ไม่มีใครรู้
พอรู้ตัวอีกทีฉันก็มาถึงที่สนามบินแล้ว พอมาถึงที่สนามบินก็เจอกับการ์ดชุดดำนับสิบคน ที่มารอรับฉันกับท่านเอ็นโจ
คนกลุ่มนี้ หน้าตาดูคุ้นคล้ายๆกับคนกวาดถนนแถวๆคฤหาสน์ของตระกูลคิโชวอินตอนที่ฉันไปวิ่งทุกเช้า อีกถัดไปสองคนฉันจำได้ว่าเป็นเมดที่บ้านของฉันที่เพิ่งรับเข้ามาเมื่อสามปีที่แล้ว เขาตัวเล็กมาก ทันใดนั้นกระเป๋าใบเล็กของฉันพร้อมพาสปอร์ตก็ถูกส่งไปที่มือคนข้างๆฉันต่อหน้าต่อตา
"ตรานั่น!?" ฉันมองไปที่ตราประจำตระกูลๆหนึ่งที่คุ้นตาเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน นี่มันตราของตระกูลนินจานี่!!
ฉันมองหน้าเอ็นโจอย่างตกใจ
"ตราประจำตระกูลฝั่งท่านแม่น่ะ" เขาตอบคำถามของฉันอย่างสบายๆ
หืม!! อย่างนี้นี่เองถึงไม่ค่อยปรากฏข้อมูลของบ้านเอ็นโจซะเท่าไหร่ เพราะเป็นนินจานี่เอง ฮะ! นินจา?!
"เดี๋ยวสิคะ จะพาดีฉันไปไหนคะท่านเอ็นโจ"
เอ็นโจไม่ตอบ เพียงยิ่มแบบสุภาพบุรุษแต่ไปไม่ถึงดวงตา ชวนทำให้ขนลุก
"ถามมาได้ครับ เรกะ...ก็พาหนียังไงล่ะ"
สวัสดี กูเป็นโม่งหน้าใหม่ คือเม้นพวกมึงไปไวมาก กุนั่งกาวจนตาเยิ้มมาสามห้องติดแล้ว ซู้ดดด
ตื่นมากูงง กาวแม่งแรงชิบหาย ไอ้ห่า 55555 แต่โคตรชอบมะรุมมะตุ้มรักท่านเรย์กะเลยว่ะ นี่แหละสิ่งที่กูอยากเห็น เอาอี๊กกกก เอาอีกค่าาาาาาา
กูขึ้นเรือวาคาบะแล้วค่ะ น่ารักโฮกฮาก เรืออื่นกูต้องอาศัยกาวและแรงมโน แต่เรือวาคาบะโมเม้นเขาของจริงงง มุ้งมิ้งสนิทสนมน่ารักชิบหาย //รัวแป้นเลขหนึ่ง
>>157 ขอรับไม้ต่อรูทฮาเร็มอีกนิดนะ
ฉันตัวปลิวไปตามการฉุดกระชากของนายตัวสำรอง เดี๋ยวค่ะ! จะพาฉันไปไหนน่ะคะ! จะเปิดประชุมตามวาระของหมู่บ้านคานทองเหรอ!?
ทว่าไปได้ไม่ไกล พวกเราก็เห็นเงาร่างเล็กๆ คุดคู้อยู่ตรงทางโน้น อ๊ะ นั่นมันยูกิโนะคุงนี่! เป็นอะไรไปน่ะ อาการกำเริบอีกแล้วเหรอ! ฉันสะบัดมือนายตัวสำรองวิ่งถลาเข้าไปหาทันที
"เป็นอะไรหรือเปล่า ยูกิโนะคุง!?"
"คะ คุณพี่เรย์กะเหรอฮะ..." ยูกิโนะคุงผวาเข้ามาซบฉันทันที อื๋อ ยูกิโนะคุงดูแก้มแดงๆ นะ หายใจก็ไม่ติดขัด หรือว่าจะไข้ขี้นเหรอคะ
"เป็นอะไรหรือเปล่า" นายตัวสำรองรีบตามมาประกบทันที เหมือนจะได้ยินยูกิโนะคุงทำเสียงจิ๊เบาๆ ในลำคอ หรือว่าฉันจะหูฝาดไปเองนะ ?
"คุณพี่ประธานนักเรียน ช่วยไปตามอาจารย์ห้องพยาบาลมาให้หน่อยสิฮะ" ยูกิโนะคุงพูดอ้อนๆ แต่เอามือไปผลักนายตัวสำรองเบาๆ โถๆ สงสัยจะทรมานมากสินะคะ
นายตัวสำรองอึกอักอยู่ครู่หนึ่งก็รีบวิ่งไป ก็เป็นคำขอร้องของเด็กประถมไม่สบายนี่นะคะ ...แต่เอ๊ะ อ้าว ไหงยูกิโนะคุงลุกขึ้นปัดฝุ่นจากเนื้อตัว แล้วจูงมือฉันวิ่งไปไหนอีกแล้วล่ะ จะไปไหนกันคะ ยูกิโนะคู้งงงง!?
"ไปเที่ยวคฤหาสน์เอ็นโจกันนะฮะ คุณพี่เรย์กะ สอนผมทำนีดเดิลเฟลท์ต่อหน่อยนะฮะ" ยูกิโนะคุงหันมาโปรยยิ้มเทวดาใส่ฉัน อ๊าาาา ถึงไหนถึงกันเลยค่ะ!
นายตัวสำรองพาฉันมาที่ห้องคณะกรรมการนักเรียนที่เคยมาหารุ่นพี่โทโมเอะ ในห้องไม่มีใครอยู่เลย บนโต๊ะประชุมมีเอกสารกองใหญ่มากองสุมๆเรียงกันให้เต็มไปหมด
"นั่งก่อนสิ" นายตัวสำรองชี้ไปที่เก้าอี้ตรงโต๊ะประชุม ฉันกระพริบตาปริบๆ แต่ก็นั่งลงอย่างว่าง่าย
จะลงโทษอะไรฉันเหรอคะ
"คิโชวอินเคยเป็นกรรมการจัดงานกีฬาสีด้วยสินะ" นายตัวสำรองหยิบอุปกรณ์ที่ใช้ในสำนักงานขึ้นมาวางบนโต๊ะ "ช่วยงานกรรมการหน่อยสิ พอดีวันนี้ทุกคนติดซ้อมกีฬาหมด เอกสารพวกนี้ก็เลยไม่มีใครจัดการเลย"
อ๋อ ที่แท้ก็จะให้ฉันมาช่วยงานสินะคะ บอกกันดีๆก็ได้นี่นา
ฉันพยักหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจ หยิบเอกสารขึ้นมานั่งอ่าน ก็เหมือนๆกับที่เคยทำสมัยประถมคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงเท่าไหร่
ระหว่างนั้น หูฉันได้ยินเสียงดังกริ๊ก! ขึ้นมา หันไปมองก็เห็นนายตัวสำรองถอยออกมาจากประตู เดินกลับมานั่งที่โต๊ะ
เอ๋ ล็อคห้องทำไมคะ
"เอ้า เริ่มต้นทำงานกันเถอะ" นายตัวสำรองหยิบเอกสารขึ้นมาทำบ้าง
ฉันทำงานด้วยใจตุ้มๆต่อมๆ นึกไปต่างๆนานา ถึงนายตัวสำรองจะไม่ได้คิดอะไรกับฉันก็เถอะ แต่ล็อคห้องอยู่กับผู้ชายสองต่อสองนี่มันไม่งามเลยนะคะ
ประตูถูกเปิดออกโดยฝีมือของวาคาบะจังที่เดินยิ้มร่า หมุนพวงกุญแจในมือไปมา โอ้ โชคดีมากเลยล่ะค่ะ มาช่วยฉันจากวิกฤตนี้ไปสินะคะ
ยังไม่ทันที่วาคาบะจังจะพูดอะไร เซริกะจัง คิคุโนะจัง อายาเมะจัง รุเนะจัง มิฮารุจัง คุณโนโนเสะและริรินะก็ก้าวเข้ามา
เอ็นโจเข้ามาข้างในเป็นคนสุดท้าย
"กล้าดียังไงคะ มาใช้งานท่านเรย์กะ" เซริกะจังเท้าสะเอว ส่วนคิคุโนะจังดึงแขนฉันให้ลุกขึ้น
"ถึงจะเป็นประธานนักเรียนก็ไม่ให้อภัยหรอกนะคะ" ริรินะจ้องนายตัวสำรองด้วยแววตาน่ากลัว
"ท่านเรย์กะไม่เหมาะกับงานกรรมกรแบบนี้หรอกนะคะ ประเดี๋ยวมือจะหยาบกร้านหมด" อายาเมะจังกอบกุมมือฉันทั้งสองข้างเอาไว้
"ไปกันเถอะค่ะ ท่านเรย์กะ เราไปซื้อสกินแคร์บำรุงมือกันดีกว่า" คุณโนโนเสะจับไหล่ฉันทั้งสองข้างด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"คิโชวอินยังไม่ทันพูดอะไรเลย พวกเธอก็ไม่ใช่แม่เขาสักหน่อย" นายตัวสำรองจ้องหน้าสาวๆอย่างท้าทาย
อ๊าาา นายตัวสำรอง ไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจากไหนคะ เป็นศัตรูกับสาวๆพวกนี้มันน่ากลัวมากเลยนะคะ นายจะกล้าบ้าบิ่นเกินไปแล้ว!!!
"เอ่อ ฉันตกลงไปแล้วว่าจะช่วยงานมิซึซากิคุงน่ะค่ะ" ฉันรีบตอบอย่างประณีประนอม กันไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายมากไปกว่านี้
"มิซึซากิคุงงั้นเหรอ" เอ็นโจพูดด้วยใบหน้ายิ้มๆ แต่ดวงตาไม่ได้ยิ้ม
หนาว หนาวเหลือเกินค่ะ ห้องนี้เปิดแอร์แรงไปงั้นเหรอคะ
"ถ้าอย่างนั้น มาทำให้เสร็จๆกันไปเลยดีกว่านะคะ" วาคาบะจังประกบมือเข้าหากันเหมือนตบมือ แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆฉัน "คุณเรย์กะจัดการตรงนั้นไปก็พอนะคะ เดี๋ยวตรงนี้ฉันทำเอง"
พอเห็นฉันทำงาน พวกเซริกะจังก็มานั่งแล้วก็เริ่มทำงานด้วยเหมือนกัน
ริรินะบ่นปอดแปดใหญ่ว่าทำไมต้องมาทำแบบนี้ แต่ก็เห็นเย็บแม็กเอกสารและพับแผ่นพับอย่างแข็งขันนี่นา
พอฉันลุกขึ้นจะไปรินน้ำชามาดื่ม มิฮารุจังก็ทำมือบอกให้ฉันนั่งลงแล้วกระวีกระวาดไปรินชามาให้ ชานี้ถึงจะสู้ในสโมสรไม่ได้แต่ก็นับว่าไม่เลวร้าย
เอ็นโจนั่งอยู่ที่สุดปลายโต๊ะ ไกลห่างจากฉันที่สุด ใบหน้านั้นก็ยังยิ้มอยู่เมื่อพับเอกสาร แต่ฉันรู้สึกว่าดินแดนตรงนั้นช่างเหน็บหนาวเหลือเกิน เหมือนมีออร่าชั่วร้ายอะไรบางอย่างแผ่ออกมาไม่สิ้นสุดเลยล่ะค่ะ
แต่เห็นทุกคนมาเอาอกเอาใจฉันเช่นนี้ ภาพเหตุการณ์หนึ่งก็ทับซ้อนขึ้นมา เป็นภาพของตอนที่ฉันนั่งทำงานกรรมการสมัยประถมเพียงลำพังด้วยความเหน็บหนาวเป็นแดนสนธยา ส่วนเอ็นโจมีสาวๆรุมล้อมคอยเอาใจ ปรนนิบัติพัดวีไม่ห่าง
เอ๋ นี่มันเดจาวูเหรอคะ
หรือจะเรียกว่ากงกรรมกงเกวียนดีล่ะคะ บาปกรรมที่เอ็นโจเคยทำไว้กับฉันสมัยประถม มันย้อนรอยมาหาแล้ว
เจ็บปวดมั้ยล่ะคะท่านเอ็นโจ โอ๊ะ โฮะโฮะโฮะ
ฉันมองออกไปนอกหน้าต่างที่เห็นสนามได้ชัดมาก หลังจากถูกนายตัวสำรองว้ากใส่ นักเรียนก็เลยแยกย้ายกันไปหมดแล้ว แต่คาบุรากิกับหัวหน้าห้องยังคงยืนอยู่ตรงนั้นในท่าเดิมเหมือนรูปปั้นหินประดับสวน
พวกคุณแข่งอะไรกันอยู่เหรอคะ แข่งว่าใครจะยืนท่าเดิมไม่กระดุกกระดิกได้นานที่สุดรึยังไง ชนะไปก็ไม่มีใครให้รางวัลหรอกนะ
พอลองถามสาวๆ ไม่มีใครสนใจไปพาคาบุรากิกลับมาเลยล่ะค่ะ
อ้าว ไหนว่าเป็นแฟนคลับคาบุรากิยังไงล่ะคะ
ขอพักช่วงเวลาของฮาเร็มสักครู่
ต่อจาก >>126-127
กาลครั้งหนึ่งในฝัน : เอ็นโจ's side story (Part 4)
--------
"นายแย่มากที่ทิ้งฉันไว้กับไมฮามะ!"
พอเข้ามาในห้องรับรองก็โดนมาซายะขึ้นเสียงใส่ทันที ท่าทางการอยู่กับคุณไมฮามะเมื่อสักครู่จะย่ำแย่ไม่ใช่น้อย
"ขอโทษที พอดีมีธุระน่ะ"
"บ้าเอ๊ย ถ้าทาคามิจิมาก็ดีซิ..." มาซายะพึมพำอยู่คนเดียว ก่อนนั่งลงกับโซฟา
ถ้าคิดแบบนั้นทำไมไม่ชวนมาแต่แรกกันเล่า ...แต่ถึงชวนก็คงโดนปฏิเสธอยู่ดีซะล่ะมั้ง? ผมเพียงแค่คิดแต่ไม่ได้พูดออกไป เดินเข้าไปนั่งอีกฟากหนึ่งของโซฟา
"แต่ยังไงพรุ่งนี้ก็น่าจะเจออยู่ดีนี่ ใช่มั้ย?"
ต่อให้ยังไม่ได้สารภาพรักหรือคบกัน แต่อย่างมาซายะคงไม่ปล่อยให้โอกาสค่ำคืนวันคริสมาสต์อีฟผ่านหลุดมือไปแน่ๆ ทว่านั่นกลับทำให้เจ้าตัวทำหน้าตามืดมนลงไปยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
"ชวนแล้ว... แต่ทาคามิจิบอกว่าต้องอยู่ขายเค้กที่ร้านน่ะ..."
อา นั่นซินะ เค้กวันคริสต์มาสเป็นช่วงเวลาทำกำไรส่งท้ายปีของร้านเค้กเลยนี่นา
"พอบอกจะว่าจะเหมาซื้อทั้งหมดก็โดนปฏิเสธ แล้วไม่ได้คุยกันอีกเลย..."
เรื่องเหมาเค้กทั้งร้านนี่ยังไม่เข็ดหรือไงกัน... มาซายะทำหน้าสิ้นหวังสุดๆ ถ้าร้องไห้ได้คงทำไปแล้ว ผมกำลังคิดว่าจะพูดปลอบใจเขายังไงดี เขาก็เงยหน้าขึ้นมา ทำหน้าตาเลื่อนลอย
"ชูสุเกะ พรุ่งนี้ไปทะเลกัน"
"ไม่ล่ะ ผมไม่ว่าง"
ตอบปัดไปโดยแทบไม่ต้องคิด มาซายะก็ก้มหน้าสิ้นหวังลงไปตามเดิม
จะให้ไปนั่งดูทะเลที่ทั้งมืดทั้งคลั่งท่ามกลางพายุหิมะในวันคริสต์มาสกันสองคนอีกน่ะเหรอ ฝันไปเถอะ
แถมผมเองก็มีนัดแล้ว อย่าคิดว่าคนอื่นเขาจะไม่ได้เรื่องเหมือนนายซิ
"...ทำไมไม่ลองบอกคุณทาคามิจิว่าจะช่วยขายเค้กดูล่ะ?"
"ขายเค้ก? ฉันเนี่ยนะ?"
"อือฮึ จะได้มีประสบการณ์วิถีสามัญชนของคุณทาคามิจิด้วยไงล่ะ แถมได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันด้วย"
หน้าตามาซายะดูจะสดชื่นขึ้นมาอย่างเห็นด้วย บางทีวิธีการนี้อาจจะได้ผลก็ได้ แต่คิดสภาพมาซายะไปช่วยขายเค้กคงจะดูไม่จืด แถมน่าจะรบกวนคุณทาคามิจิไม่ใช่น้อย ถ้าสร้างปัญหาให้เธอมากๆเข้าก็อาจจะโดนเกลียดเอาก็ได้นะ มาซายะ
ผมกับมาซายะนั่งฆ่าเวลาในห้องรับรองได้สักพัก มาดามคาบุรากิก็เดินเข้ามาในห้อง ไล่ตะเพิดพวกเราให้ออกไปร่วมงานเลี้ยง
ภายในงาน วงดนตรีเปลี่ยนเป็นเล่นเพลงวอลซ์ ที่กลางลานก็เปลี่ยนเป็นฟลอร์เต้นรำ มีผู้คนหลายคู่ออกมาเต้นวอลซ์ด้วยกันอย่างเพลิดเพลิน
ผมมองไปรอบๆ เห็นเพียงพี่ชายของคุณคิโชวอินยืนจิบไวน์อยู่คนเดียวมองไปในลานฟลอร์ พอผมสังเกตในลานเต้นรำนั้นจึงได้เห็นเธอ
คุณคิโชวอินเต้นวอลซ์อย่างสนุกสนานเหมือนกับที่เคยเห็นเธอเต้นกับพี่ชายของเธอ หรือที่เต้นกับยูกิโนะ
แต่คราวนี้คู่เต้นรำของเธอนั้น เป็นคนที่ผมไม่รู้จัก
ความไม่พอใจผุดขึ้นมาทันที ผมแยกตัวจากมาซายะ ค่อยๆเดินตรงไปที่ฟลอร์เต้นรำ
ชายคนนั้นผมจำได้ว่าเป็นหนึ่งในคนที่จับจ้องมาที่คุณคิโชวอินตั้งแต่แรกที่เข้ามาภายในงาน มือข้างหนึ่งของเขาจับมือของคุณคิโชวอิน ส่วนอีกข้างก็วางพาดลงมาบนเอว เสื้อคลุมของคุณคิโชวอินหายไปแล้ว ยิ่งเปิดเผยให้เห็นเรือนร่างของเธอ หมอนั่นจ้องมองแล้วยิ้มกรุ่มกริ่มไม่วางตา กระทั่งผมเดินเข้าไปใกล้
ผมไม่รู้จักเขา แต่เขาคงจะรู้จักผมดี พอเห็นหน้าผมเขาก็หน้าซีด รีบปล่อยตัวคุณคิโชวอินแล้วถอยกลับไป
ดีแล้ว ถ้าถอยไปช้ากว่านี้ อาจจะไม่ได้ถอยไปอย่างปลอดภัยแน่
คุณคิโชวอินไม่ได้รับรู้ถึงการมาของผมเลย กำลังจะเดินออกจากฟลอร์ ผมก็คว้าหมุนตัวเธอกลับมาพร้อมกับประคองไว้
"คุณคิโชวอินนี่ปล่อยให้คาดสายตาไม่ได้เลยนะครับ…"
เพิ่งจากกันเพียงแค่แป็บเดียวก็ไปเต้นรำกับคนแปลกหน้าซะแล้ว น่าโมโหจริงๆ
ผมปล่อยตัวคุณคิโชวอินออก แล้วโค้งคำนับขอเธอเต้นรำ คุณคิโชวอินดูจะลังเลเล็กน้อย ผมเลยใช้วิธีข่มขู่เธอแบบไร้เสียงจนเธอยอมจำนนวางมือลงมาบนมือของผม
พวกเราหมุนไปตามจังหวะดนตรี ผมได้เรียนเรื่องการเต้นรำมาตั้งแต่เด็กจึงทำมันได้อย่างง่ายดายและคล่องแคล่ว
คุณคิโชวอินแทบจะไม่มองหน้าผมสักนิดระหว่างที่เต้นรำกัน ทั้งที่ตอนที่เต้นกับหมอนั่น ยิ้มให้เขาอย่างสนุกสนานขนาดนั้นแท้ๆ ผมเต้นรำได้ห่วยมากนักหรืออย่างไรกัน? หรือเพราะว่าเป็นตัวผมเองที่มาเป็นคู่เต้นรำของเธอ?
พอคิดแบบนั้นก็ยิ่งหงุดหงิดจนแทบกระอัก ผมเลยเต้นรำอย่างจริงจังและตั้งใจมากยิ่งขึ้น พอส่งตัวเธอหมุนรอบตัวจนกระโปรงพริ้วไหวราวกับกลีบดอกไม้ผลิบาน ผมก็สังเกตเห็นความผิดปกติ
แม้จะเพียงแค่แวบเดียว แต่คุณคิโชวอินทำหน้าตาเหยเกและเหลือบมองไปที่ส้นสูงของเธอ พอกลับมาที่ท่าเบสิคเธอก็ฝืนส่งยิ้มมาให้ผม "ท่านเอ็นโจเต้นเก่งจังเลยค่ะ~"
... ทำอะไรของคุณกันน่ะ คุณคิโชวอิน
แย่ แย่มาก... ตัวผมเองนี่ล่ะ...
"คุณนี่ไม่ระวังตัวเลยนะ..."
ผมหยุดเต้นที่กลางเพลงก่อนจะจับมือคุณคิโชวอินออกจากฟลอร์เต้นรำโดยไม่ได้สนใจสายตาของใครอีก
*****
ผมพาคุณคิโชวอินมาข้างนอกใกล้กับซุ้มมิสเซิลโท อากาศข้างนอกเริ่มเย็น พอคุณคิโชวอินนั่งลง ผมก็ถอดสูทออกมาคลุมให้กับเธอ จากนั้นก็รับน้ำจากบริกรที่อยู่ใกล้ส่งให้คุณคิโชวอิน แล้วขอกล่องพยาบาลจากบริกร ไม่นานนักก็ได้มา
"คุณคิโชวอิน ขออนุญาตนะ"
"คะ?"
ผมคุกเข่าลงต่อหน้าคุณคิโชวอิน แล้วเอื้อมจับข้อเท้าของเธอเบาๆ
"...โอ๊ย"
เป็นอย่างที่คิด ใส่รองเท้าส้นสูงสูงขนาดนี้เต้นรำก็คงจะบาดเจ็บกันบ้างล่ะ
แต่ทั้งที่เป็นแบบนั้นคุณคิโชวอินก็ยังฝืนเต้นรำกับผม ทั้งที่จะหยิบเอาเป็นข้ออ้างในการปฏิเสธแต่แรกก็ยังได้ แถมเจ็บขนาดนั้นก็ยังฝืนยิ้มกล่าวชมผมที่ทำหน้าบึ้งตึงใส่อีก
แย่มาก แย่จริงๆ ตัวผมเองนั่นล่ะ ที่มัวแต่หงุดหงิดโมโหจนไม่ได้ใส่ใจคุณเลย
"ทะ...ท่านเอ็นโจ ฉันทำเองได้ค่ะ"
"คุณน่ะ เงียบไปเลย"
ทั้งความหงุดหงิดที่ยังไม่จางหายกับความรู้สึกผิดที่ผุดขึ้นมา ผมเลยก้มหน้าก้มตาช่วยนวดคลึง เอาผ้าเย็นประคบ และพันผ้าตรงส่วนที่บาดเจ็บให้กับเธอ
"ขอบคุณค่ะ ท่านเอ็นโจ"
"ไม่ต้องห่วง ผมเก็บหนี้ทุกต้นทุกดอกอยู่แล้วล่ะ"
เรื่องที่คุณฝืนทนเต้นรำกับผมทั้งที่บาดเจ็บก็เรื่องหนึ่ง แต่เรื่องที่คุณไปเต้นรำกับผู้ชายคนอื่นน่ะหักล้างความไม่พอใจของผมไม่ได้หรอกนะ
ทั้งๆที่คนอื่นเขาลือเรื่องเราสองคนกันไปทั่ว ทั้งๆที่ผมแสดงตัวออกไปมากขนาดนั้น แต่คุณกลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรสักนิดเลยจริงๆน่ะเหรอ?
"พรุ่งนี้ ผมชวนเพราะเป็นวันอะไรคุณคิโชวอิน?"
ผมลองตั้งคำถามและก็เป็นอย่างที่คิด คุณคิโชวอินทำหน้างงๆอย่างไม่ได้มีเศษเสี้ยวของความคิดเลยว่าพรุ่งนี้เป็นวันคริสต์มาสอีฟ นี่คุณไม่ได้เป็นสาวน้อยเพ้อฝันอะไรพวกนั้นหรือไงกัน? หรือว่าคฤหาสน์คิโชวอินไม่มีปฏิทินน่ะ?
"แต่ก็นะ แบบนี้ก็สมเป็นคุณคิโชวอินดี" ผมหัวเราะออกมาในที่สุด ความหงุดหงิดโมโหจางหายไปในทันที หัวเราะได้สักพัก พอเงยหน้าขึ้นมากลับพบว่าใบหน้าของคุณคิโชวอินนั้นแดงแจ๋
อะไรกันน่ะ? ... เพราะว่าผมยิ้มน่ะเหรอ?
พอคิดแบบนั้นก็รู้สึกวาบหวามขึ้นมา จนต้องยิ้มกว้างแล้วขยับตัวเข้าไปประชิด
"ท่านเอ็นโจคะ ใกล้เกินไปแล้วค่ะ!"
"งั้นเหรอครับ ฮะๆ"
ทั้งที่พูดแบบนั้น แต่คุณคิโชวอินภายใต้เสื้อสูทของผมที่ดูกระวนกระวายพยายามหดตัวหนีอย่างดูน่ารักน่าเอ็นดูแบบนั้น ดูไม่เหมือนว่าปฏิเสธอย่างจริงจังเลยสักนิด
เมื่อตอนห้องพยาบาลก็พลาดไปทีนึงแล้ว เมื่อชั่วโมงที่แล้วที่ซุ้มมิสเซิลโทก็พลาดไปอีกครั้ง ถ้าหากเป็นตอนนี้ล่ะ...จะได้มั้ยครับ?
"...เรย์กะ"
ผมขยับใบหน้าเข้าไปใกล้จนเธอก้มตัวหลับตาปี๋อย่างน่ารัก มุมองศาที่เปลี่ยนไปทำให้หน้าผากของเธอลงมาต่อหน้า ทั้งที่อยากจะประทับลงบนริมฝีปาก แต่นั่นก็คงจะเสียเวลาเกินไปแล้ว
ผมยกมือรั้งที่หลังคอของเรย์กะเบาๆ ก่อนจะใช้ริมฝีปากสัมผัสแผ่วเบาบนหน้าผากของเธอ เหมือนเธอจะพยายามเรียกผม แต่ผมก็ไม่ได้สนใจแล้ว รู้สึกได้เลยว่าเธอสั่นเกร็งไปทั้งตัว ผ่านไปสักพักจนพอใจแล้ว ผมก็ถอนริมฝีปากออกมา ก้มหน้าจนกระทั่งหน้าผากของเราชนกัน และจ้องมองเข้าไปนัยน์ตาใสที่ดูสับสนคู่นั้น
"เรย์กะ..."
แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรอีกครั้ง ก็ได้ยินเสียงพี่ชายของเธอดังแว่วมา ผมเลยต้องผละตัวออกมาอย่างน่าเสียดาย
พอคุณพี่ชายมาถึง เรย์กะก็ยื่นมือจับแขนเสื้อของพี่ชายเธอไว้แน่น จนคุณคิโชวอินคนพี่เอาตัวมาบังเธอไว้ข้างหลัง
"ขอบคุณที่ช่วยดูแลน้องสาวของฉันให้นะ เอ็นโจคุง"
"ไม่เป็นไรครับ เป็นหน้าที่ที่ผมต้องทำอยู่แล้ว"
พวกเรายิ้มให้แก่กัน แต่ดวงตาจ้องมองขับแข่งกันอย่างรู้ทันอีกฝ่าย
ในบรรดาผู้ชายที่ข้องเกี่ยวกับคุณคิโชวอินผมไม่เคยให้ค่าใครทั้งนั้น หากจะมีใครสักคนที่จะสามารถตั้งตัวเป็นศัตรูด้วยกันได้ ก็เห็นจะมีแต่คุณพี่ชายที่ต่อกรด้วยยากคนนี้เท่านั้นล่ะ
"ผมคงจะหมดหน้าที่แล้ว ขอตัวก่อนนะครับ"
ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นพี่น้องกัน ถ้าผมไปทำให้คุณพี่ชายไม่พอใจมากกว่านี้คงจะไม่ดีกับตัวผมเองนั่นล่ะ ผมเอ่ยลาทั้งคู่ พอกลับเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง ก็พบว่างานเลี้ยงจบลงแล้ว ท่านแม่เห็นผมก็รีบเรียกให้เตรียมตัวกลับบ้านกัน
*****
ยามเช้าของวันคริสต์มาสอีฟ โชคดีที่วันนี้อากาศดี ผมจัดการธุระเสร็จเรียบร้อย ก็หยิบเอาเสื้อโค้ทและห่อของขวัญขนาดเล็กที่เตรียมไว้ขึ้นรถไปที่คฤหาสน์คิโชวอิน
ผมไปถึงก่อนเวลาที่นัดหมาย แต่ก็ได้พบกับสมาชิกครอบครัวคิโชวอินกันพร้อมหน้าพร้อมตาที่หน้าคฤหาสน์ มาดามคิโชวอินพูดคุยประมาณว่าวันคริสต์มาสปีก่อนๆคุณลูกสาวจะอยู่ติดบ้าน ไม่เคยได้ไปไหนเลย ปีนี้ดีจริงๆที่ได้ไปกับผม ได้ฟังแล้วก็ทั้งดีใจทั้งกลั้นขำแทบแย่
ส่วนท่านประธานคิโชวอินและคุณพี่ชายดูจะไม่ยินดียินร้ายนัก พอสบโอกาสจะพูด ก็โดนคุณนายพูดแทรกตัดบท ไม่ก็สั่งเงียบไป
คุณคิโชวอินเองก็ไม่ต่างกันนัก ทำหน้ามุ่ยอย่างน่ารักน่าชัง วันนี้เธออยู่ในชุดเดรสสีแดงยาวเหนือเข่าทับด้วยเสื้อโค้ทสีครีมอ่อนๆ ถุงน่องสีดำและรองเท้าบู๊ทหนังสีน้ำตาลประดับด้วยขนเฟอร์ ที่ผมก็ผูกด้วยริบบิ้นเป็นโบว์สีแดง ดูสดใสเข้ากับบรรยากาศคริสต์มาสเป็นอย่างดี
"เท้าที่แพลงไม่เป็นอะไรแล้วใช่มั้ยครับ?"
"ค่ะ ตอนนี้ไม่เจ็บแล้วล่ะค่ะ ต้องขอบคุณท่านเอ็นโจที่ช่วยปฐมพยาบาลให้ด้วยค่ะ"
"ไม่เป็นไรครับ ... วันนี้เป็นซานต้าริน่าซินะ เหมาะกับคุณคิโชวอินมากเลยล่ะครับ"
"...ขอบคุณค่ะ วันนี้ท่านแม่ช่วยแต่งตัวให้น่ะค่ะ"
คุณคิโชวอินรับคำชมตามมารยาทอีกตามเคย แถมทำหน้าตาพิลึกตอนที่บอกว่าถูกมาดามช่วยแต่งตัว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นซิน่ะ
ทักทายกันพอหอมปากหอมคอ ผมก็ขอตัวลากับท่านประธาน มาดามและคุณพี่ชาย แล้วพาตัวคุณคิโชวอินขึ้นรถ
คุณคิโชวอินขยับตัวเข้านั่งชิดในสุดๆ จนผมต้องขยับตามเข้าไปนั่งใกล้ๆ โชคดีที่คนขับรถกดล็อคประตูไว้ทันควันแล้วเคลื่อนรถออกไป ไม่อย่างนั้นคุณคิโชวอินอาจจะเปิดประตูรถข้างนั้นแล้วเผ่นออกไปแล้วก็ได้
"อ เอ่อ เราจะไปที่ไหนกันงั้นเหรอคะ?"
คุณคิโชวอินถามขึ้นมา สายตาไม่ได้มองผมสักนิดเอาแต่เสมองไปนอกหน้าต่าง ผมเลยเรียกร้องความสนใจด้วยการคว้ามือของเธอขึ้นมาไว้บนตักตัวเอง คุณคิโชวอินรีบหันขวับมาจ้องมอง ใบหน้าแดงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พยายามจะดึงมือออก ขณะที่อ้าปากจะพูดอะไรขึ้นมา ผมก็ชิงตัดบทเสียก่อน
"แล้วเรย์กะอยากจะไปเดทที่ไหนบ้างเหรอครับ?"
ผมส่งยิ้มกว้างให้ คุณคิโชวอินได้ยินก็ตัวค้างแข็งทื่อไปราวกับถูกสับสวิตช์ปิดอย่างไรอย่างนั้น
--------------
จบพาร์ทเอ็นโจค่ะ เย่ะ
>>181-183 ขอบคุณสำหรับฟิคกาววันนี้ค่ะ
อ่านไปยิ้มไป โอ๊ย น่ารักค่ะ เอ็นโจจจ จะแกล้งเรย์กะไปถึงไหนกันคะ
เค้าเรียกว่า เรย์กะ เฉยๆ ด้วยล่ะค่ะ มึงงง //แอบกรี๊ดร้องเบาๆ
ตอนนี้แยกระหว่างฟิค กับฟิค และเรื่องหลักไม่ออกแล้ว ละมุนเกินไปแล้วว
โม่งฟิค ไม่สนใจแต่งต่อเหรอ... กาลครั้งหนึ่งในฝันแบบปกติ ไม่มีคนมาต่อเลยนะ ต่อเลยก็ได้นะ เชียร์ๆ
ฮาา
ฟิคฮาเร็มพวกมึงแม่งเมากาวได้น่ากลัวสัสๆ แป๊บๆก็ได้สตอรี่ฟิคมาอีกอันแล้ว คาบุรากิโครตน่าสงสารไม่เหลือศักดิ์ศรีพระเอกคิมิดอลแล้ว เรย์กะมีทั้งรูทเอ็นโจ รูทฮาเร็ม รูทแบดเอนด์นี่เป็นยังไงวะ เอ็นโจตัดหัวเรย์กะไปล่องเรือด้วยกันเหรอ
>>181-183 เรย์กะเป็นซานต้าริน่า ขอของขวัญจากซานต้าเลยค่ะ แล้วก็แกะกล่องของขวัญอย่างทนุถนอม เบามือ ใจเย็น ไม่เร่งร้อน นี่พูดถึงแกะกล่องของขวัญเฉยๆนะ ไม่ได้มีความหมายอะไรแอบแฝงเลยจริงๆ 5555555555555555555555
>>185 ไม่มีใครต่อเดี๋ยวกูต่อเอง
ฟิคแม่งก๊าวใจมากกกกก ยิ่งมีเยอะยิ่งชอบ อ่านแล้วก็ฟินทุกแบบเลย ขอบใจมาก ตื้นตันนนนน
>>185 แต่งเอ็นโจ4พาร์ทนี่ก็โดนดูดพลังวิญญาณไปหมดละ พักดีกว่า 5555
>>186 เย้ ต่อเลย รออ่านนะ
แต่จริงๆก็มีฟิคแบดเอนด์อยู่นะ... โม่งคนแต่งหายไปไหนแล้ว ไม่มาต่อเลย ประกาศหาคนหายค่าาา
ย้อนไปที่ฟิครูทฮาเร็ม ตัวเด่นๆในซุยรันยังขาดอิวามุโระคุงอีกคนนึงนะ อิวามุโระน่าจะช็อคกะโนโนเซะเหมือนหัวหน้าห้อง
... หรือว่าจะกลายมาเป็นตัวละครเพียงคนเดียวที่เข้ามาปลอบใจคาบุรากิกะหัวหน้าน่ะ 55555555
พวกมุงเกบของย้ายห้องกันไวชิป ใจเย็นๆ รอกุหน่อย กุยังเมากาวอยู่ห้อง2
นั่งอ่านลิงค์ของโม่งสารบัญแล้วฮา มีการขีดฆ่าชื่อเรื่อง การสารภาพรักของคาบุรากิ เปลี่ยนเป็น ฮาเร็มของท่านเรย์กะ สงสารคาบุชะมัด แต่ก็ฮา 555555
>>193 ตอนแรกว่าจะใส่แค่ ฮาเร็มของท่านเรย์กะ หรอก แต่สงสาร อุตส่าห์เป็นคนต้นเรื่อง ถถถถถ
กูว่างไม่มีไรทำ เลยเอาสารบัญรายชื่อของเพื่อนโม่ง >>>/webnovel/3364/217/ กับข้อมูลใน http://kenkyokenjitsu.com/characters/ (ดำน้ำ) มาเรียงเรียง
https://justpaste.it/reika-chara
เฉพาะตัวละครที่ในแปลไทยโผล่มาแล้วเท่านั้น
ข้อมูลบางคนขาดหาย เพราะขี้เกียจละ
ไปไล่อ่านสารบัญ รับรู้เลยว่า แม่งทุกคนโคตรกาว นี่ตั้งมู้แรกไม่นานเองนะ ฟิคคลอด 13 เรื่อง แถมยาวๆทั้งนั้น 5555555555555555555555555
คนแต่งก็ไม่ใช่คนเดียวด้วย มีความสามัคคี 555555
>>197 นั่นดิ ขอบอกเลยว่าในฐานะคนตั้งกระทู้แรก กูนึกว่ากระทู้นี้จะร้างนานๆทีจะมีคนมาคุยซะแล้ว แต่มาขนาดนี้กูไม่ห่วงแล้วว่ะ 555555555555
พลังกาวพวกมึงแม่งสุดยอดจริงๆ แม่งดีดกันทุกวัน และดีดมากเป็นพิเศษตอนมีโมเมนต์ของเอ็นโจ ขอให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆจนกว่าเอ็นโจจะเข้าวินนะ
>>200 ตอนแรกติ่งเงียบๆมาร้อยตอนยังคงเหนียวแน่น พอมาเจอพรรคพวก สหายร่วมรบยิ่งกู่ไม่กลับค่ะมึง กูเชื่อมั่นว่ากูตามกรี้ดยันจบแน่นอน กรี้ดคนเดียวเงียบเหงาว้าเหว่ก็ได้ผ่านมันมาได้แล้ว กูรู้ว่าพวกมึงทุกคนเข้าใจความเหงานั้น 5555
ดูจากมู้ได้เลยว่าทุกคนเก็บกดกันมาก โดยเฉพาะเรือเอ็นโจ ตอนอยู่ในแมวดุ้น ไม่มีคนเชียร์เลยกูนึกว่ากูต้องพายเรือบนขอนไม้น้อยๆ เจอเพื่อนในเน็ตคนนึงกรี้ดเหมือนกัน ก็เม้าท์หลังไมค์กันสองคนอย่างเหงาๆ
ที่ไหนได้ นี่มันกระสวยอวกาศชัดๆ
555555555555555555
กูไม่ได้ขยัน กูทำเล่นระหว่างรอลูกค้าตอบงานกลับมา และลูกค้าเทกู ป่านนี้ยังไม่ตอบกูเลย โฮววววว //นอกเรื่อง
>>199 ว้ายได้เป็นเลขาข้างกายท่านพี่ ตำแหน่งนี้โอเคมากค่ะ
>>202 >>203
กูขุดมาให้เลย 555555
>>>/literature/2333/667-777
>>>/webnovel/2413/231-258
>>204 ใครเม้น " เอาเลย แต่จะมีเรื่องคุยกันถึงสามพันความเห็นเหรอวะ กูกลัวล่มอยู่ที่เรือเอ็นโจถ้าคนแปลจู่ๆ หายไปกลางคัน..." ในห้องนั้น แสดงตัวหน่อยค่ะ ตอนนี้อีกไม่นานก็สามพันละมึง 5555555555555 พวกเรามาไกลมาก กาวมาก โฮ้ยยยยยยยยย
ตอนนี้ต่อให้เรือเอ็นโจล่ม พวกกูก็ยืนหยัดด้วยกาวได้ ฮ่าๆๆๆ
พูดแล้วก็ตบปากตัวเอง //ไม่เป็นมงคล! ไม่เป็นมงคล! ไม่เป็นมงคล!
กุขัดใจท่านเรย์กะตอนล่าสุดชิบหาย ขอออร่านางเอกใจแกร่งให้นางหน่อยได้ม้ายยยย
>>211 ท่านเรย์กะก็งี้ล่ะ ภัยยังไม่มาถึงตัวก็กลัวไว้ก่อน เลี่ยงได้ก็เลี่ยง ชิ่งได้ก็ชิ่ง ไม่อยากมีเรื่อง แต่ถ้าไปโดนนางเมื่อไหร่ นางอาละวาดไม่สนหน้าไหนทั้งนั้นเลย คาบุรากิกับเอ็นโจก็โดนด่ามาแล้ว เพราะงั้นกูเชื่อว่าท่านกาลีจะออกมาเฉิดฉายอีกครั้งเมื่อมีปัญหามากระทบตัวแน่นอน
>>210 ห้องนี้มันห้องรมกาวชัดๆ กูร้างราจากการเขียนฟิคไปนานมาก พอได้สูดดมควันเข้าไป ถึงกับต้องมาเขียนเพื่อความกาวและความติ่งที่มีต่อเรื่องนี้เลย ขอสารภาพเลยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่กูไม่เคยคิดว่ากูจะลงทุนเขียนฟิคให้ อนิเมะหรือมังงะอื่นๆกูดูแล้วจบกูก็จบไป ไม่ได้คลั่งไคล้จนต้องเขียนจนอยากผลิต แต่กับเรื่องวันๆของท่านเรย์กะก็แบบนี้ กูกลับรัวแป้นคีย์บอร์ดอย่างบ้าคลั่ง สร้างโอเอซิสให้ตัวเองเพื่อหล่อเลี้ยงหัวใจ จะว่าฮิโยโกะซามะเก่งหรือพวกมึงรมกาวกูจนกูหลอนประสาทดีวะ ถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถ
>>215 ฮิโยโกะซามะเก่ง ล่อหลอกให้นักอ่านจมอยู่กับความอัตคัต อดอยากปากแห้งจนทนไม่ไหวต้องผลิตกาวมารมตัวเอง แล้วมึงคิดดู ตอนกูอ่านดิบไปแสนไกลกูต้องกรีดร้องกลิ้งม้วนหน้าม้วนหลังอยู่คนเดียว แม่งคับอกคับใจจนทนไม่ไหว ต้องหน้าด้านขอเขามาแปลต่อนี่แหละ เพราะกูต้องการเพื่อนร่วมสครีมอย่างรุนแรง แต่ที่มีฟิคกาวมาใส้เสพและบริโภคขนาดนี้นี่แม่งเหนือความคาดหมายจริงๆ ว่ะ // เหม่อมองไร่กาวสุดสายตา
ตอนนี้ใครด่าว่าดอยเขามาแปลกูก็ทนๆ เอา เพราะแม่งดอยมาจริง... สมัยก่อนตอนดราม่านิยายแปลจีนกูก็ด่าเขาไว้เยอะ ดันเสือกทำซะเอง... Orz กูเลยอยากให้ฮิโยโกะซามะขายสิทธิ์ทำรูปเล่มซะที จะได้ทำอะไรให้มันถูกๆ ฮือ... //จบการบ่น
>>216 โอ๋ๆ กูเข้าใจความรู้สึกมึงนะ ยังไงมึงก็ไม่ได้เก็บเงินคนอ่าน เว็บที่ลงก็ให้ลงฟรีไม่เคยมาเรี่ยไรหรือทำนาบนหลังนักเขียน แล้วมึงก็ไม่ค่อยบ่นนอยด์หรือตั้งเงื่อนไขนั่นนี่กับนักอ่านมากมาย ยกเว้นเรื่องสปอยแค่นั้นเอง เพราะแม่งก็เป็นมารยาทอยู่แล้วถ้าใครจะสปอยต้องเตือนก่อน
ถ้ามีรูปเล่มกูเชื่อว่าทุกคนในกระทู้นี้พร้อมอุดหนุนสุดใจขาดดิ้น ขอให้มี LC ซักทีเหอะ เรื่องอื่นในเว็บเขาก็รวมเล่มกันไปเกือบหมดละ ฮิโยโกะซามะยังอินดี้ เขียนตามใจตัวเองไม่แคร์ใคร เรียกร้องเลิฟคอมเมดี้เรอะ งั้นเอาตอนลดความอ้วน ทำตัวบ้าๆบอๆไปก็แล้วกัน
ขอสารภาพว่ากูเกือบลบโปรเจคต์ไปจากน้องแมวหลายทีแล้วตอนที่engไม่ยอมแปลต่อซักที
ต้องขอบคุณโม่งแปลมากที่แปลต่อจนทำให้มีคนมาร่วมวงกาวกันหนักขนาดนี้
จากใจคนแปลคนแรก ขอบคุณโม่งแปลจริงๆ
>>218 เหยดดดดดดดดดด นี่มันงานแซยิดรวมญาติใช่มะ 55555555555 คนแปลคนแรกก็มาร่วมวงกาวด้วย
กูทันอ่านตอนโม่งแปลคนแรกลงอยู่นะเว้ย ชื่อเรื่องแม่งโดดเด่นมากจนกูต้องคลิกอ่าน ทีแรกก็อ่านเรื่อยๆนะไม่ได้คิดอะไร แต่เอ๊ะ เอ็นโจตอนที่ไปช่วยเรย์กะทำไมมันก๊าวจังวะ อีตานี่คิดอะไรอยู่ป่ะเนี่ย แล้วกูก็คอยมองหาโมเมนต์เอ็นโจอยู่เรื่อย ลงเรือเอ็นโจไปเรียบร้อยโรงเรียนซุยรัน พอคนแปลหายไปกูลงแดงมากกกกกกกกกกกกกก อยากรู้เรื่องต่อไป โชคดีที่มีคนมาแปลต่อ จะดำน้ำอ่านเองก็รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง จะบอกว่ารักพวกมึงมากกกกกกกกก //โป้ง ชี้ ก้อย แล้วกูจะตอบแทนพวกมึงในรูปแบบฟิคกาวนะจ๊ะ จุ๊บๆ
>>222 รออ่านเลอ
โม่งเหมือนเป็นแหล่งสุมหัวเลยอ่ะ ทำไมเจอกันได้ในที่แบบนี้555555555 โม่งสำหรับกูมะนเหมือนเป็นที่ใต้ดินกว้างๆอ่ะ คนอยู่บนดินจะไม่รู้ แต่ถ้าหลุดเข้ามาจะต้องกลับมาอีกครั้ง.... ปกตินี่ก็ไม่เล่นเข้ามาอ่านแค่เกี่ยวกับนิยายแปลจีน แต่จู่ๆก็หลุดเข้ามาในไร่(กัญ)ชาเฉย(....) แล้วก็ไม่เคยได้ออก เข้ามารีโพสตลอดเวที่ว่าง55555555555
นี่กุ 222 เอง เตรียมรออ่านได้เลย ไม่คืนนี้ ก็พรุ่งนี้แหล่ะ ขอกุไปดมกาวในที่มืดๆ บิ้วอารมณ์ก่อน
วิ่งเข้าไปกอดคอโม่งแปลหมายเลขหนึ่งและสองก่อนก้มกราบบบบ!!! //// หมายเลขหนึ่ง ถ้าไม่มีมึง เราคงมาไม่ถึงวันนี้ วันที่ดมกาวววจนโรงงานผลิตไม่ทัน ตั่งชื่อ ได้ยังไงวะ พ้องกันขนาดนี้ มึงเป็นครูภาษาไทยใช่ไหม????? ขอบคุณเพื่อนนักแปลมึงด้วยย/// หมายเลขสอง ไม่เป็นไรนะะะะ มึง ดราม่ามันเยอะะ แต่มึงต้องไม่ท้อ มึงต้องสู้ต่อไป พวกเหี้ยปัญหามากมันก็มี แต่มึงมีพวกกูหน่วยไสเรือปอนด์ขับยานอยู่นะะะะะ /// พวกมึงงงง กูเพิ่งเริ่มอ่านเจ้าแม่คืนวันอาทิตย์ 150 ตอน วันจันทร์เจอที่สุมหัวโม่ง หลังจากนั้น ถ้าไม่วนนิยาย กูก็วนมู้โม่ง เป็นลูปกาวชิบหายยย นอนก็ไม่ได้นอน ไปๆมาๆ ที่นี่บิ๊วสาดดดด กูเห็นอะไรกลับไปอ่านก็เริ่มจะพึมพัมกับเจ้าแม่ ว่าเค้าชอบมึงง เค้าชอบมึงงแล้วนะะ เหี้ยยย ดมกาวต่อปายยย
>>222 มึงจะแต่งเอ็นโจสายยันเรือสวยหรอวะ ผู้ชายสายยันแม่งก็ก๊าวใจดี อยากเห็นด้านมืด กูจะรอนะ 5555
ไปรื้อฟื้นความหลังแล้วกูไม่คิดว่าพวกเราจะเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ จำได้ว่าพอกูเห็นข้อความเกี่ยวกับเรื่องท่านเรย์กะตอนอยู่ห้อง li กูรีบกระโจนลงไปร่วมด้วยทันที ใจก็ตุ้มๆต่อมๆว่าจะโดนไล่ที่ตอนไหน เพราะแม่งผิดหมวด5555 พอโดนไล่แล้วเห็นมีโม่งไปเปิดประเด็นที่ webnovel ต่อก็รีบวาร์ปไปเป็นทัพเสริมอย่างไว เม้าท์มอยอย่างบ้าคลั่ง สุดท้ายก็ได้เห็นการสถาปนาอาณาจักร(ที่ตอนนี้แม่งอยู่อวกาศแล้ว) แถมมีฟิคFaให้เสพมากมาย มีเพื่อนโม่งๆซุยรันมั่วสุมกรี๊ดกร๊าด ผลักดันกระสวยอวกาศเอ็นโจจนถึงดวงดาว ได้พบปะโม่งแปลรุ่นหนึ่งรุ่นสอง ชีวิตนี้แม่งมีฟามสุขจริงๆ จากที่กูไม่เคยแต่งฟิคให้อะไรมาก่อนแต่อดไม่ได้ต้องมาแต่งกับเรื่องนี้ ความกาวนี่คือแรงผลักดันสินะ
กูแต่งฟิคเรื่องสุดท้ายก็ฟิคบารามอสสมัยที่มันพีคๆ //ทำตาเลื่อนลอย
กลับมาแต่งอีกทีก็เพราะท่านเรย์กะล้วนๆ ต้องกล่าวโทษไปถึงคนแจกฟิคกาวคนแรกล่ะวะ คุยกระทู้กันอยู่ดีๆ ก็ค้ายาเอาฟิคมาปล่อยเฉย จนกูแต่งต่อเป็นคนที่ 2 555555555555
กราบโม่งฟิคทุกตัวววว แต่งต่อไปนะมึงๆๆๆๆ
ใครเป็นคนแต่งฟิคคนแรก มึงคือเทพเจ้าแห่งกาว เทพผู้ซึ่งจุดประกาย มอมเมาชาวเรา ขอบคุณมึงมาก 555555555555555555555555
ห้องนี่ถ้าไม่มีฟิคนี่เอาตรงๆไม่รู้จะคุยอะไรจริงๆ เพราะเม้าหมดแล้ว พอฟิคมา เม้าเม่าจนบางทีสลับ อฟชกับฟิคซะงั้น ถถถถถถถถถถถถถ
นี่กุเอง 222 กุเอาฟิคเรือสวยมาให้เสพกันก่อน ยังแต่งไม่จบนะ พอดี ลูกค้าง้องแง้ง
ถือว่าเป็นตอนต่อหลังจากฟิคที่ คาบุรากิ เอาดอกไม้ทิ่มหน้าวาคาบะจัง ก็แล้วกัน ไม่ขอแปะต้นทางฟิค เพราะมีหลายเวอร์ชั่นเสียเหลือเกิน เรามาดูกัยเถอะว่า หลังจากทุกๆคนทิ้งให้จักพรรดิคาบุรากิยืนตัวเเข็งโดยไม่คิดสนใจ หลังจากนี้จะเป็นไงต่อ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ทุกอย่างเป็นเพราะยัยนั่น….
คาบุรากิ มาซายะ นั่งพึมพำอยู่ภายในห้องนอนมืดครึ้ม ไม่เปิดไฟ ผ้าม่านปิดสนิท เขาเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วตั้งแต่วันที่สารภาพรับกับทาคามิจิ วาคาบะ แต่เจ้าหล่อนกลับตอบปฏิเสธเขาโดยไม่ต้องคิด
ถ้ามันมีแค่นั้น คนอย่างเขาก็แค่ไปดูท้องทะเลอันบ้าคลั่งหรือไปมองน้ำตกอย่างคราวของยูริเอะ แต่เพราะทาคามิจิบอกว่าชอบคิโชวอิน เรย์กะ
เขาทำผิดพลาดตรงไหนกัน ก็ทำทุกอย่างตามที่คิโชวอินบอกแล้วนี่นา
กึก กึก กึก เสียงกัดเล็บดันก้องในหัว ยิ่งทุ่มเทมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น ทั้งยูริเอะ ทั้งทาคามิจิ ไม่ว่าเขาจะรักใคร พวกเธอกลับไม่สนใจความรักที่เขามอบให้เลย มันเพราะอะไรกัน….
…
…
…
ทุกอย่างเป็นเพราะยัยนั่น….
ใช่แล้ว เป็นเพราะยัยนั่น คิโชวอิน เรย์กะ!
ทำเป็นตีหน้าซื่อให้ความช่วยเหลือเขา ที่แท้ก็แอบใช้มารยาทำให้ทาคามิจิหลงรัก ไม่สิ ไม่ใช่แค่นั้น….ตั้งแต่แรก ยัยนั่นก็หลอกลวงเขามาตลอด
เพราะวิธีงี่เง่าทั้งหลายที่คิโชวอิน เรย์กะ เสนอมาทั้งหมด ทำให้ยูริเอะไม่สนใจเขา!!
ปล่อยไว้ไม่ได้ ปล่อยไว้ไม่ได้ ปล่อยไว้ไม่ได้ ปล่อยไว้ไม่ได้ ปล่อยไว้ไม่ได้ ปล่อยไว้ไม่ได้ ปล่อยไว้ไม่ได้ ปล่อยไว้ไม่ได้ ปล่อยไว้ไม่ได้ ปล่อยไว้ไม่ได้ ปล่อยไว้ไม่ได้ ปล่อยไว้ไม่ได้ ปล่อยไว้ไม่ได้ ปล่อยไว้ไม่ได้ ปล่อยไว้ไม่ได้ ปล่อยไว้ไม่ได้ ปล่อยไว้ไม่ได้ ปล่อยไว้ไม่ได้ ปล่อยไว้ไม่ได้ ปล่อยไว้ไม่ได้ ปล่อยไว้ไม่ได้
“ปล่อยไว้ไม่ได้!!!”
เสียงตะโกนก้องในห้องดังไปทั่วคฤหาสน์คาบุรากิ เหล่าคนรับใช้ตัวสั่นระริก นี่มันยิ่งกว่าคราวของคุณซูสุชิโนะ ยูริเอะเสียอีก
มาดามคาบุรากิเป็นห่วงลูกชายที่เป็นแบบนี้มาหลายวัน เอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้อง ไม่พูดไม่จา อาหารก็แตะเพียงน้อยนิด เธอได้แต่โทรติดต่อให้เอ็นโจ ชูสุเกะ เพราะสนิทของลูกชายมาช่วยพูดเพียงเท่านั้น แต่ก็ไร้ผล หลายครั้งหลายคราที่เอ็นโจ ชูสุเกะ ต้องกลับไปทั้งที่ยังไม่ได้พบหน้า ครั้งนี้เองก็เช่นกัน
ยืนส่งเพื่อนสนิทของลูกชายที่หน้าประตูบ้าน รถของตระกูลเอ็นโจเลี้ยวพ้นคฤหาสน์คาบุรากิไปไม่ทันไร เสียงร้องโวยวายของลูกชายก็ทำเธอตกใจ รีบวิ่งไปหาที่ห้องด้วยความเป็นห้อง
“มาซายะ นี่แม่เอง เปิดประตูที มาซายะ!”
มาดามคาบุรากิ เคาะประตูร้องเรียกลูกชายอย่างร้อนใจ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
หากเป็นปกติ เธออาจได้ยิน เสียงบอกจากในห้องว่าไม่มีอะไร และบอกให้เธอกลับไป แต่คราวนี้ เธอได้ยินเสียงขว้างปาข้าวของภายในห้อง ยิ่งทำให้ใจไม่ดี เธอสั่งการกับเมดที่มารุมล้อมอยู่รอบข้างด้วยความเป็นห่วง ให้ไปเอากุญแจสำรองมา
เมื่อกุญแจสำรองอยู่ในมือ มาดามคาบุรากิไม่รอช้า รีบไขเข้าไปทันที
ภายในห้องเละเทะ ข้าวของกระจัดกระจาย แต่สิ่งที่ทำให้เธอปวดใจคือสภาพของลูกชาย คาบุรากิ มาซายะ ลูกชายที่เธอภูมิใจ ทั้งรูปงาม ฉลาดเฉลียว เป็นความหวังของตระกูล แล้วนี่มันอะไร ทั้งไมลูกชายคนนั้นถึงได้มีสภาพแบบนี้
มาดามคาบุรากิร้องไห้ออกมา มือสั่นเทาโอบกอดลูกชายที่นั่งกัดเล็บอยู่กลางเตียง
“ลูกแม่ ลูกเป็นอะไร บอกแม่ได้ไหม”
“ทำลาย ต้องทำลาย...ท่านแม่...ทำให้ผมได้ไหม…” เสียงแหบแห้งแทบทำหัวอกคนเป็นแม่แถบแหลกสลาย
“มันเป็นใคร….ใครทำให้ลูกต้องเป็นแบบนี้ บอกแม่!” ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหน เธอจะขยี้มันให้แหลกคามือ
“คิโชวอิน…”
คิโชวอิน? มือบอบบางกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีก ไม่จำเป็นต้องถามเหตุผลใดๆ แค่สภาพเป็นคนตายของลูกชายก็มากเกินพอ
…
…
...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตัดจบ ฉับๆ ที่เหลือเดี๋ยวมาต่อ ขอไปเติมพลังกาวก่อน ซู๊ดดดดดดดดดดดด
คาบุรากี้~!!!! นายทำอย่างงี้ได้ยังไง พ่อนายล่ะ แม่นายล่ะ แล้วยังชูสุเกะอีก! นายทิ้งคน(ที่เป็นเพื่อน)รักไปได้ยังงายยยย โฮรรรร //วางกาวชมพูไว้แล้วเปลี่ยนมาสูดกาวม่วง
กุคนแต่งฟิคเรือสวย
โมเม้นนี้ กุต้องบอก คาบุรากิว่า Welcome to the Dark Side //ส่งเสียงฟื้ดฟ๊าด แบบสตาร์วอร์
แต่เชื่อเถอะ เอ็งสู้ท่านเอ็นโจไม่ได้หร๊อกกกก
เพื่อนโม่ง ใครก็ได้อธิบายเรือสวยให้เราหน่อยสิ
>>240 กุก็อบคำตอบที่อื่นมาลงนะเมิง
คือมันมีที่มาจากอนิเมะเรื่องหนึ่งชื่อ School Day นะครับ
ด้านเนื้อหาเดี๋ยวมันจะยาวเอาแบบสั้นๆละกันว่าเกี่ยวกับชีวิตวัยรุ่นในสังคม พระเอกเป็นผู้ชายที่แย่มากๆ คือ ทำหญิงท้องแล้วไม่รับผิดชอบหนีไปคบกับคนอื่น ซึ่งตอนจบของเรื่องพระเอกจะโดนตัดหัวแล้วไปล่องเรือกลางทะเลด้วยกัน
กับบังเอิญมากๆที่ว่าช่วงสัปดาห์ที่จะฉายตอนจบที่ญี่ปุ่นมีข่าวคดีฆาตกรรม ลูกฆ่าพ่อ ( นานแล้วจำไม่ค่อยได้ ) ทางสถานีเลยต้องเอารายการอื่นมาฉายทับเวลากันเพราะเนื้อหาตอนจบมันบังเอิญคล้ายกันอีกซึ่งรายการนั้นคือ สารคดีท่องเที่ยวเรือสวย
พอสัปดาห์ต่อมาเป็นปกติแล้วเนื้อหากลับเป็นล่องเรือเหมือนกันคนเลยเรียกเป็นศัพท์ใหม่ว่า " Nice Boat " หรือ เรือสวยครับ
>>240 ตามกระทู้นี้เลย https://pantip.com/topic/31190208
เดี๋ยวกูแต่งเรือสวยบ้างดีกว่า555555555555555555
อ้าว คาบุรากิมันใช้สมองกับเรื่องความรักเป็นด้วยเหรอถถถถถถถ
กู >>133 นะ คาบุรากิเอ่ยยยยยยย ไม่ใช่ความผิดของท่านเรย์กะสักติ๊ด
ใครใช้ให้เอาช่อดอกไม้ไปปักหน้าคนที่ตัวเองสารภาพรักน่ะห๊าาาาาาาาาาาา!!!!
หยุดความคิดที่จะทำร้ายท่ารเรย์กะเดี๊ยวนี้นะ!!!
ซัมม่อนท่านตอมมารเอ็นโจมาตบเกรียนแรงๆด่วนค่ะ!!
พวกมึงลงเวอร์ชั่นดาร์กๆเสดเมื่อไหร่ เดี๊นวกูต่อโมเม้นบ้าๆของท่านสามคนดัวนี้ต่อ 555555+
กูจะรอให้มีฟิคเลิฟซีนว้อย แล้วเอาเรือสวยไปคั่นกลางความสุขชาวบ้าน55555555555555555555555
>>244 >>246 กุว่าคาบุรากิเปราะบางนะมึง คือเหมือนเป็นพวกจริงจังกับความรักและทุ่มเทมากๆอ่ะ อย่างคราวยูริเอะ ก็เกือยจะโดดผา โดดน้ำตกไปแล้ว ถ้าไม่มีท่านเอ็นโจอยู่ข้างๆอ่ะ (จิ้นวายเบาไปอีก) คนแบบนี้มันต้องมีเก็บกดบ้างล่ะวะ แบบทำไมอ่ะ ฉันไม่ดีตรงไหน ทำไมพวกเธอถึงไม่รักฉัน แล้วยิ่งวาคาบะจังชอบท่านเรย์กะจากในฟิคก่อนหน้า นั่นอีก คือกุคิดว่าคาบุรากิเหมือนโดนหักหลังอ่ะมึง มันก็มีเยอะแยะไม่ใช่เหรอ กรณีพ่อสื่อทั้งหลายพยายามช่วยงั้นงี้ สุดท้ายสาวก็ไปชอบพ่อสื่อแทน สาวไม่รักแล้ว เพื่อนที่ไว้ใจหักหลังอีก คนทุกทิ้งให้นางยืนเเข็งทื่อไม่สนใจ ส่วนท่านเอ็นโจก็ไม่คิดไปยืนข้างๆริมผาอีก (จากฟิค >>181 ) แล้วบรุ้ง เกิดเป็น คาบุรากิ The Dark Side ณ บัดนาว
>>239 อยากชวนหัวหน้าห้องเข้าแก๊งเรือสวยเช่นกัน แต่ทำไม่ลงว่ะ คือกุคิดไม่ออกว่าสาวน้อยอย่างหัวหน้าห้องจะช่วยคาบุรากิเรือสวยยังไงดี
>>245 แต่งเลย กุรออ่านด้วยคน
----------------------------------------------------------
>>235 มาๆ เรือสวย ตอนที่ 2 มาต่อแล้วนะ
---------------------------------------------------------
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนคิดว่ามันอาจเป็นแค่ฝันร้าย
ตระกูลคิโชวอินล้มละลาย ประธานคิโชวอินถูกจับข้อหาทุจริต ทรัพย์สินทุกอย่างถูกยึดจนแม้แต่ที่ซุกหัวนอนยังไม่มี
เพื่อนๆที่รู้ข่าวต่างพยายามให้ความช่วยเหลือ แต่กลับถูกพ่อแม่ของตนเองขัดขวาง เบื้องหลังของเรื่องนี้คือคาบุรากิ แม้ทุกคนจะแคลงใจแต่ไม่มีใครกล้าให้ความช่วยเหลือคิโชวอินเพราะกลัวพวกตนจะโดนลูกหลงไปด้วย
คราวนี้คาบุรากิเอาจริง….
“นี่มันเรื่องอะไรกัน มาซายะ!” เอ็นโจ ชูสุเกะ บุกมาถึงบ้านของเพื่อนสนิท ทันทีที่ทราบเรื่องราวของตระกูลคิโชวอิน
ในโถงรับแขก คาบุรากิ มาซายะ แม้จะอารมณ์ดีขึ้นเพราะมารดาช่วยระบายความแค้นในใจ แต่ร่างกายที่ทรุดโทรมยังคงแสดงให้เห็นอยู่
“ทำในสิ่งที่ควรทำ พวกคิโชวอินสมควรได้รับ” เสียบราบเรียบเอ่ยออกมาอยากไม่รู้สึกรู้สาที่ทำให้ครอบครัวหนึ่งต้องล้มละลาย
“สมควรได้รับ? คิโชวอินทำอะไรให้นาย” เอ็นโจ ชูสุเกะมองมาอย่างไม่เข้าใจ ทั้งๆที่ปกติเขาจะเป็นเพื่อนที่เข้าใจอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายเพียงแค่มองตาเท่านั้น แต่คราวนี้เขากลับไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
“ทุกอย่างเป็นแผนของยัยนั่น ทั้งยูริเอะ ทั้งทาคามิจิ พวกเขาปฏิเสธฉันเพราะยัยคิโชวอิน”
“ไม่ใช่! ที่พวกเขาปฏิเสธนายไม่ใช่เพราะคุณคิโชวอิน แต่เป็นเพราะตัวนายเอง...ฟังนะ คุณยูริเอะ ปฏิเสธนาย เพราะเธอเห็นนายเป็นน้องชาย เธอไม่เคยคิดเกินเลยกับนาย ส่วนคุณทาคามิจิ เธอคิดกับนายเป็นเพื่อน เธอไม่ได้ชอบนาย มันไม่เกี่ยวกับคุณคิโชวอินเลย ลองคิดดูดีๆสิ” เอ็นโจ พยายามอธิบายให้เพื่อนของตนค่อนๆคิด แต่มันก็...เปล่าประโยชน์
“ชูสุเกะ นายเป็นเพื่อนฉันนะ นายก็เห็นแผนชั่วๆของคิโชวอิน ทำทีเป็นแนะนำฉัน บอกว่ามันจะทำให้ทั้งยูริเอะกับทาคามิจิพอใจ แล้วไหนล่ะ! ถ้าพวกเธอพอใจ จะปฏิเสธฉันทำไม สุดท้าย คิโชวอินก็ได้หน้าไปเองฝ่ายเดียว ตอนนี้ยูริเอะไม่ยอมเจอหน้าฉัน ทาคามิจิโกรธฉัน แม้แต่นายเองก็เข้าข้างยัยนั่นเหรอ” เสียงที่ราบเรียบ เริ่มทวีความรุนแรง ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นใจ อุตส่าห์นึกเห็นใจว่าเป็นพวกเดียวกัน โดนปฏิเสธความรักเห็นว่าเป็นน้อง นึกว่าจะเข้าใจความรู้สึกเหมือนกันแท้ๆ เป็นเขาเองที่ปล่อยให้งูพิษมันแว้งกัด
“เลิกบ้าสักที!” เอ็นโจ ชูสุเกะ ตะคอกเสียงดังอย่างที่เคยทำมาก่อน จนเขาอึ้งไป
“มันไม่ใช่ความผิดของเรย์กะ เลิกโทษคนอื่นสักที” เอ็นโจ ชูสุเกะไม่มีรอยยิ้มเหมือนอย่างเคย เขาสัมผัสได้จึงออร่าบางอย่างชวนให้หนาวเหน็บ
เอ็นโจ ชูสุเกะ ขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจขอตัวกลับ
“พรุ่งนี้ผมจะมาใหม่ ช่วยคิดทบทวนดูให้ดีเถอะ มาซายะ”
เมื่อไร้เงาของเพื่อนสนิท เขาจึงตัดสินใจกลับไปที่ห้องนอน รู้สึกเหมือนความโดดเดี่ยวเข้าเกาะกุม ทำไมล่ะ ทำไมทุกคนต้องโทษเขา แม้แต่เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวยังไม่เข้าข้างเขา
ในวงการธุรกิจ หรือกลุ่มชนชั้นสูง หากคิดกำจัดคนที่ขัดผลประโยชน์ มันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือไง แล้วทำไม……..
“ถ้าไม่กำจัดให้สิ้นซาก ก็ไม่มีความหมายสินะ…” เสียงทุ้มพึมพำเงียบๆ ก่อนตัดสินใจหยิบโทรศัพท์เพื่อส่งเมล์ไปหาคิโชวอิน เรย์กะ
-หากอยากช่วยประธานคิโชวอินให้พ้นผิด ให้มารอฉันที่สวนสาธารณะข้างโรงเรียน ห้ามบอกใครและมาคนเดียว-
…
…
…
เอ็นโจ ชูสุเกะ รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเอาเสียเลย เพื่อนสนิทของเขาแปลกไป…
คนซื่อบื้อที่เดาการกระทำได้ง่ายๆ คนที่พูดตรงๆโดนไม่คิด คนนั้นน่ะหรือ จู่ๆจะทำเรื่องงี่เง่าแบบนั้นลงไปโดยที่ไม่ปรึกษาเขา การจะทำให้คิโชวอินล้มละลายนั้นไม่ง่ายหากมาซายะกระทำเพียงคนเดียว นอกเสียจากว่ามีคนหนุนหลัง ซึ่งคนเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพ่อและแม่ของเพื่อนสนิท
“คุณชูสุเกะ ลูกควรอยู่ให้ห่างพวกคิโชวอินนะจ๊ะ” ท่านแม่ของเขาพูดอย่างเป็นห่วง หึ ทั้งๆที่ดูท่าทางจะชอบเรย์กะแท้ๆ แต่พอเกิดเรื่องแบบนี้กลับกลัวโดนคาบุรากิเล่นงาน
“มาซายะไม่ทำอะไรผมหรอกครับ เดี๋ยวค่ำๆผมกลับมานะ ไม่ต้องเป็นห่วง” เขาไม่คิดจะอยู่ในบ้านนานนัก ตอนนี้เขาอยากเจอเรย์กะ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง
ยูกิโนะยืนเกาะราวบันไดอยู่ไม่ไกล ข้างตัวมีพยาบาลคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่รู้ข่าวเรื่องบ้านคิโชวอิน ยูกิโนธทั้งตกใจและเสียใจจนอาการกำเริบขึ้นมาอีกจนได้
“ท่านพี่ช่วยคุณพี่เรย์กะด้วยนะฮะ”
“อยู่บ้านเป็นเด็กดีนะ เข้าใจไหม” ยูกิโนะพยักหน้ารับคำ แล้วจูงมือพยาบาลกลับเข้าห้องไป
เขาหยิบมือถือขึ้นมา เลื่อนหาเบอร์ของเรย์กะซึ่งเขาบันทึกไว้ในเครื่องนานแล้วแต่ไม่เคยโทรหา
หากเขาโทรหา เจ้าแกะตัวน้อยจะต้องเปลี่ยนเบอร์เพื่อหนีเขาแน่นอน….
เอ็นโจ ชูสุเกะตัดสินใจโทรหาทันที แม้อีกฝ่ายจะเปลี่ยนเบอร์หลังจากนี้ เขาก็มีวิธีได้เบอร์ใหม่นั่นมาอยู่ดีนั่นแหล่ะ
-สวัสดีค่ะ คิโชวอินค่ะ-
“นี่ผมเอง เอ็นโจ”
-เอ๋ ท่านเอ็นโจ! ทะ โทรมามีอะไรคะ-
“คุณอยู่ที่ไหน ผมจะไปหา พอดียูกิโนะเป็นห่วงน่ะ แต่อาการกำเริบเลยขอร้องให้ผมไปแทน” ข้ออ้างเพื่อให้เธอไม่ตื่นตกใจจนหนีไปเสียก่อน…
-อา ตอนนี้ฉันมาเดินสวนสาธารณะข้างโรงเรียนน่ะค่ะ รบกวนท่านเอ็นโจไปรอที่ร้านกาแฟข้างๆได้นะคะ”
“เข้าใจแล้ว งั้นแค่นี้…..เดี๋ยวอย่าเพิ่งวาง”
-คะ?-
“ผมจะปกป้องคุณเอง เรย์กะ”
-เอ๊ะ เอ๋!-
“แค่นี้แหล่ะครับ บาย”
ไม่รู้ว่าตอนนี้เรย์กะจะเป็นยังไงบ้าง คงลำบากน่าดูเลยนะ หากเจอกันแล้ว เขาควรพูดอะไรกับเธอก่อนดีนะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
พรุ่งนี้ตอนจบแล้วนะพวกมึง ตอนนี้กุขอตัวไปนอนก่อน พรุ่งนี้ต้องทำงานแต่เช้า ใจอยากแต่งต่อแต่แม่ไล่นอนว่ะ ร้องไห้แปบ
อุ๊ยเที่ยงคืนแล้ว งั้นลงจะได้ไปนอน
เรือสวย วาคาบะจัง route
ตามสไตล์ school days (เกือบจะ)เป๊ะๆ
เกิดการปะทะกันขึ้นระหว่างวาคาบะจังและเอ็นโจ ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องใครจะกลับบ้านด้วยกันกับฉันวันนี้ค่ะ แต่มันมีปัญหามากกว่านั้น!
เอ็นโจ! ตาบ้านั่นจับฉันไปจูบต่อหน้าคนอื่นๆ แถมประกาศเรื่องการหมั้นหมายของพวกเรา!? นี่มันเรื่องอะไรกันค้า!? ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องมาก่อนเลย!?
แล้วนั่นมันจูบแรกของฉันนะตาบ้า!!!!! อีตาจอมมารนี่!!!
ท่ามกลางสีหน้าอันตกตะลึงของวาคาบะจังและคนอื่นๆ ข่าวลือก็แพร่ไปทั่วซุยรันและวงสังคมอย่างรวดเร็ว พอฉันกลับถึงบ้านก็พบว่าทางบ้านเอ็นโจได้มาเชิญครอบครัวฉันไปรับประทานอาหารร่วมกันเพื่อจะคุยเรื่องหมั้นหมายแล้ว! ทุกอย่างมันเกิดขึ้นโดยที่ฉันไม่ทันตั้งตัว
รู้สึกตัวอีกที ฉันก็กลายเป็นว่าที่คู่หมั้นของเอ็นโจ ท่ามกลางความยินดีของคนอื่นๆ
หลังจากที่ผ่านเรื่องรักๆ อันวุ่นวายทั้งหลายไปได้แล้ว ในตอนนี้ ฉันก็ลองเปิดใจ และได้คบกับเอ็นโจแล้วค่ะ น่าอายจัง ถึงแม้จะแอบใจเต้นกับคนอื่นก็ตาม แต่นับจากนี้ไป… ในฐานะว่าที่คู่หมั้นที่ดี ฉันจะไม่ชายตามองใครแล้วล่ะค่ะ นอกจากเอ็นโจ…
“ยินดีด้วยนะคะ ท่านเรย์กะ ได้ยินว่าจะไปท่องเที่ยวด้วยกันก่อนงานหมั้นกับท่านเอ็นโจรึคะ?”
“ไปล่องเรือที่ทะเลสินะคะ น่าอิจฉาจริงๆ ขอให้มีความสุขนะคะ ท่านเรย์กะ ฮึก…”
“ขอบคุณมากนะคะเซริกะจัง คิคุโนะจัง”
ในระหว่างที่เพื่อนๆแสดงความยินดีให้ฉันอยู่นั้น วาคาบะจังเดินมาหาฉันด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดีนัก มีปัญหาอะไรรึเปล่านะ?
“คุณคิโชวอิน~ ขอคุยด้วยหน่อยได้รึเปล่าคะ?”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะคุณทาคามิจิ คุยกันที่ไหนดีเอ่ย?”
“บ้านของเรา… แล้วกันค่ะ~”
อา… ที่เรียก “บ้านของเรา” นั่นคงเป็นเพราะฉันไปเที่ยวที่บ้านวาคาบะจังค่อนข้างบ่อยล่ะมั้งคะ
“ได้สิคะ ถ้าอย่างนั้นเย็นนี้เรากลับด้วยกันนะ”
ฉันยิ้มให้กับวาคาบะจังที่ยิ้มขื่นๆ กลับมา วาคาบะจังที่มีรอยยิ้มสดใสพอทำหน้ากลุ้มใจแบบนี้เป็นห่วงจังแฮะ…
ฉันมองตามวาคาบะจังที่มีบรรยากาศมืดมนอย่างเป็นห่วง
>>259
พอมาถึงบ้าน วาคาบะจังก็พาฉันไปนั่งรอในห้อง แต่จากนั้นทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ…
“…..จะไปชงชามาให้นะ ~”
หลังจากพูดทำลายความอึดอัด ว่าแล้ววาคาบะจังก็ปลีกตัวเข้าห้องครัวไป ฮืม… ระหว่างนั้นฉันจะทำอะไรดีนะ? วาคาบะจังดูไม่ร่าเริงเลย ฉันควรจะทำยังไงให้เธอยิ้มดี…
ฉันคิด คิด คิด แล้วก็คิด…
หรือว่าจะชวนไปทะเลด้วยกันดีนะ! ล่องเรือสวยๆ บรรยากาศดีๆ วาคาบะจังจะต้องเพลิดเพลินธรรมชาติแล้วกลับมาอารมณ์ดีแน่ๆ
เอาล่ะ! ตามนี้แหละ จะต้องเลือกสถานที่ๆดีที่สุด เพื่อวาคาบะจัง!
ฉันเพลิดเพลินในการดูใบปลิวเอกสารเรือสำราญ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าวาคาบะจังได้ยืนนิ่งอยู่ข้างหลังฉัน
“……แม้ตอนนี้จะอยู่กับฉัน คุณยังคิดถึงเรื่องไปเดทกับเขาอีกเหรอคะ?”
“อ๊ะ คุณทาคามิจิ---”
“ลาก่อนค่ะ… คุณคิโชวอิน~”
ฉึก!
ทันใดนั้น วาคาบะจังก็ชักมีดทำครัวมาแทงเข้าที่หน้าท้องฉัน!!!?
“อั่ก.. ทะ… ทำไม…?”
ฉันกระอักเลือดออกมา เจ็บ…!? วาคาบะจังที่สายตาเลื่อนลอยก็ผลักฉันลงไปกับพื้น ก่อนที่จะคร่อมและกระหน่ำมีดแทงลงมา!
“คุณมันใจร้ายที่สุด!”
เสียงมีดเสียบเข้าที่เนื้อดังฉึก ฉึกไม่หยุด เจ็บ! เจ็บที่สุดเลย! ฉันพยายามขอความช่วยเหลือ แต่เสียงมันไม่ค่อยจะออกมา!? ใครก็ได้ช่วยด้วย! …เอ็นโจ!
“แค่ก! แค่ก… หยุ--”
“เห็นแก่ความสุขของตัวเองและท่านเอ็นโจเท่านั้น! จนกระทั่งตอนนี้ คุณก็ยังคิดเรื่องที่จะไปล่องเรือกับเขา โดยที่ไม่แคร์ฉันสักนิด!”
“มะ.. ไม่ใช่--- กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด”
มีดที่แทงซ้ำลงมาแต่ละที ก็ยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น ฉันตาเหลือก ดิ้นทุรนทุราย กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ได้โปรด… หยุดเถอะค่ะ…
“ทั้งๆ ที่ฉันรักเพียงคุณ ~ และมีเพียงคุณเท่านั้น..”
อา… วาคาบะจังร้องไห้เพราะฉันสินะ ทำให้เสียน้ำตาไปซะแล้ว… ไม่อยากเห็นใบหน้าเศร้าหมองและเจ็บปวดของเธอเลย
ภาพความทรงจำในชีวิตนี้ของฉันค่อยๆหลั่งไหลมา เขาว่ากันว่า คนใกล้ตายจะเห็นภาพแบบนี้สินะ..? แสดงว่าชีวิตนี้ของฉัน… กำลังจะตายงั้นเหรอคะ?
ดวงตาของฉันเริ่มพร่ามัว อา… มึนหัวจัง ชักจะง่วงแล้วล่ะสิ…
แต่ว่า… แต่ว่านะ… อย่างน้อยก็อยากจะพูดคำนี้…
“วาคาบะจัง…”
ขะ.. ขอโทษ… นะ..
เรือสวยเวอร์วาคาบะจังจย้า คนที่ร่าเริงสดใสคำพูดลงท้ายด้วย "~" แบบวาคาบะจังนี่แหละยันแตกแล้วอร่อยสุดๆ แฮ่กๆ แต่จะใส่อิ "~" ยังไงไม่ให้คิลมู้ดนี่ยากชิบหาย ไม่ใส่ก็ดูไม่ใช่วาคาบะจังอีก
ทำไมตอนนี้มีแต่อะไรปวดตับให้กุอ่านวะ 5555555555555555555
ขออะไรเยียวยาใจด้วยซี่ กุขออะไรโดกิๆบ้าง กุก็ชอบอะไรปวดตับนะแต่อ่านจบกุอยากได้อะไรเยียวยาด้วย 555555
ฟิคเรื่องแรกที่เดทกันในงานโรงเรียนแล้ว นี่ไม่มีใครแต่งต่อเลยเหรอออ
ก๊อกๆ นี่กูโม่งแปลนะ //กวาดสายตาดูเหล่าโม่งเมากาวยันๆ อย่างหวาดระแวง// เมื่อวานเห็นตอนมันสั้นๆ วันนี้กูเลยมาลงเพิ่มให้อีกตอน
เชิญไปเสพกันโดยพลัน แล้วอย่าเอามีดมาจิ้มกูนะ กูกลัวแล้ว แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันตามปกติ
ป.ล. ความบ้าของคาบุรากิแม่งเกินระงับชิบหาย 5555555
กรี๊ซซซซ *มั๊วะะะ* ส่งจูบให้โม่งแปล
เลิฟมึงนะโม่งแปลลล คาบุรากิแม่งสมเป็นไอ้บ้าจริงๆ มโนไปไกลเลยนะเอ็ง โคตรคู่โจ๊ก 5555
แต่ท่านเอ็นโจออกมาน้อยเหลือเกิน จิตใจกูช่าง เหี่ยวแห้ง จะมีตอนไหนที่กระชุ่มกระชวยในเร็ววันนี้มั้ยนะ ใครก็ได้กูขอกาว 1 ที่เพิ่มความฟินในจิตใจที
ไอบ้าคาบุรากี่่่่่่่ จะเป็นลมแบบในรูทที่คาบุรากิมันยัดดอกไม้ใส่หน้าวาคาบะจังแล้ว.....
(ขอเป็นนายตัวสำรองมารับนะค--- แค่ก )
#คาบุรากิก็คือคาบุรากิ
เป็นไอ้บ้ายังไงก็เป็นอย่างนั้นเสมอต้นเสมอปลาย ซีรีส์นักษัตรพร่องง555555555
กูขำ กูไม่เห็นออร่าพระเอกในตัวเขาเลย กูเห็นแต่ออร่าตัวตลก ออร่าตัวโจ๊ก
เออ กูว่าถ้าท่านเรย์กะกับหมอนี่เป็นเพื่อนกันคงตลกน่าดู เห็นภาพ55555555
จะว่าไป คาบุรากิกับวาคาบะก็เหมาะกันนะ โคตรคู่สร้างฟ้าประทาน คนนึงหย่อน คนนึงตึง รวมๆ กันแล้วก็พอดี
แต่กูเสียดายวาคาบะ นางน่ารักเกินไป อีกอย่างคือ กูอยากเห็นซีนชมทะเลคลั่งในคืนวันคริสต์มาสอีก55555555
อ่านตอนล่าสุดแล้ว คาบุรากิมันคาบุรากิจริงๆ อยากตะโกนแทนเรย์กะจริงๆว่า "ไม่ใช่ย่ะ!! ปีนักษัตรบ้านเอ็งหรอ!!"
>>269 ถ้าตอนหลังๆ ที่ดำๆมา เรย์กะกับตาบ้านี่เป็นตัวตบมุกส่งมุกจนจะไปแข่งรายการตลกได้แล้ว มรึงอย่าให้ไอ้บ้าไปชมทะเลคลั่งอีกรอบเลยสงสารเอ็นโจกุต้องไปห้าม ดีไม่ดีคราวนี้อาจพ่วงเรย์กะไปเป็นเพื่อนในฐานะเพื่อนร่วมชะตาอกหัก ส่วนตอน 152 เอ็นโจเป็นยันต์กันภัยให้วาคาบะจังแฮะ หรือจะมาเนียนๆ เพื่อดูเรย์กะแข่งกันแน่
โอ๊ยยยยย ตอนนี้แม่งฮาชิบหาย คาบุรากิออกมาเป็นตัวโจ๊กเต็มตัวแล้วสินะ คิดว่าเรย์กะชอบนักษัตร กว่าจะเรียนจบก็เก็บแต้มไปหลายตัวแล้ว นี่อะไรของแก๊!!!!!!!!!! ราศีพระเอกไปไหนหมดแล้ว สัตว์ผมหลอดเป็นเทพเจ้าเร็กเก้อีก กูขำแบบไร้สติมากตอนนี้ 55555555555555555 เอ็นโจโผล่มานิดเดียวเอง แต่ปกป้องวาคาบะแบบนี้ จงใจสินะ เพราะอะไรกันน้อ
บากะรากิ!!! โอ๊ยยย ไอ้บ้าาาาาา
กูว่ากูแต่งฟิคให้มันบ้าๆบอๆแล้ว ยังไม่เท่ากะที่ตัวของมันเป็นเองเลย แม่ง บ้า บ้าบอชิพหาย 5555555555555
อยากอ่านพาร์ทของคาบุรากิว่ะ เข้าไปในวงจรความคิดของมัน อยากรู้จะบ้าบอได้ขนาดไหน ฟิคกาวทั้งหลายในกระทู้เอามารวมกันก็ยังเทียบความบ้าไม่ได้เลยมั้ง 5555555555555 ส่งร่างแยกมานั่นมันอะไรน่ะ เข้าใจอะไรของนายหา
ได้อ่านตอนใหม่แล้ว ขอบคุณโม่งแปลลลล ส่วนโม่งฟิคก็สู้ๆเขานะ อ่านแล้วกระชุ่มกระชวย เชียร์ๆ (ชูสองนิ้ว)
ว่าแต่นายตัวสำรองเป็นรัชทายาทเลยเหรอ นี่ตำแหน่งสูงกว่าองค์ชายเอ็นโจอีกนะ!
อ่านตอนนี้ไม่อยากให้นายตัวสำรองไปเป็นคู่แข่งความรักกับบากะรากิ แย่งวาคาบะเล้ย มาเข้าฮาเร็มท่านเรย์กะเถอะ
ถ้าเอ็นโจไม่จีบสักที ก็ให้นายตัวสำรองนี่จีบแทนเหอะ สาวเอ๋อกับหนุ่มจริงจัง ปธ.นร.กับสมาชิกPivoine ท่านเรย์กะจะได้เป็นจูเลียตสมใจ ถถถ
>>278 เห็นด้วย จริงๆนายนิสัยเหมาะสมกับคำว่าพระเอกมากนะ แต่เพราะเรารับรู้กันแล้วว่านายเคยเป็นพระรอง ประกอบกับฉายานายตัวสำรองที่ท่านเรย์กะตั่งให้ นายเลยดูจืดๆไปหน่อย น่าสงสารๆ
>>273 บ้าบอ บ้าบอมาก ฟิคใดๆที่มอบแด่คาบุรากิล้วนไม่บ้าบอเท่าออริจินัล //ปลง
แต่จริงๆ ตอนอ่านรู้สึกว่ามันฮาตรงท่านเรย์กะเอาเรื่องบ้าบอของตาบุรากิมาคิดต่อมากกว่า
แบบ คาบุรากิเหมือนยิงมุขปีนักษัตรมา แล้วท่านเรย์กะก็มาตบมุขต่อ
ชั้นไม่ได้มีเป้าหมายตอนม.ปลายเป็นการเก็บเซ็ทปีนักษัตรนะ !! คือฮาประโยคนี้มากกกกกกกกกกก ถถถถ
เห็นเอ็นโจลงมาแข่งละกูรู้สึกแปลกๆ เอ็นโจนี่นะ โดนคาบุรากิขอ? เต็มใจลงมาเองเพราะเป็นห่วงวาคาบะ? กูกลัวเรือล่ม /ตบปาก
นอกจากไม่มีแมวใน12นักษัตรแล้ว
ของญี่ปุ่นนี่มะแมคือแกะได้ แต่มะเมียเนี่ยยังไงก็ไม่ใช่ลาว้อย
>>282 กูว่ามาช่วยว่ะ เพราะคาบุรากิอยู่คนละห้อง แถมไม่ลงกีฬาแบบนี้หรอก อีตานี่มันไม่ละเอียดอ่อนเท่าไหร่ อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวาคาบะโดนขว้างบอลใส่เพราะตัวเองไปทำดีด้วย ถ้าปล่อยไปวาคาบะคงน่วมทั้งตัว อาจจะเกลียดมาซายะ จนมาซายะอกหักต้องไปโดดผาอีกรอบ มันจะลำบากตัวเองทีหลัง วาคาบะคงไม่น่าสนใจไปมากกว่าเรย์กะหรอกว่ะ ถถถถถถถถถถถถถถุ
เห็นด้วยเรื่องเอ็นโจมาช่วยวาคาบะจัง .......แต่กรุอยากมโนว่าท่านเรย์กะลงแข่งปาบอลทุกปี ปีนี้เอ็นโจเลยมาลงด้วยยยยย//ซูดดดดดดกาว มาแค่ชื่อก็กาวได้
กูวิเคราะห์ได้อย่างคือ คาบุรากิมันคลั่งความสมบูรณ์แบบ แบบคลั่งมากจนก้าวข้ามสามัญสำนึกของคนทั่วไปละ แบบต่อให้สิ่งนั้นมันปัญญาอ่อนแค่ไหน คาบุรากิมันก็จะไม่ด่าไม่ว่า แต่ถ้าสิ่งนั้นมันไม่สมบูรณ์คาบุรากิพร้อมที่จะลงไปไฟท์ 555555 ตอนแรกหงุดหงิดใส่เรย์กะ แต่พอมโนไปเองว่า ท่านเรย์กะกำลังล่าแต้ม เดินหน้าบานมาเชียว ประหนึ่งปลาบปลื้มที่สหายทำตัวน่าเลื่อมใส ถุย 55555
>>287 กูก็ว่างั้น คงโดนเลี้ยงมาให้ทำทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบและดีเลิศ ถึงจะเป็นเรื่องประสาทแดก ปัญญาอ่อนและหยุมหยิมแค่ไหนก็ตาม เช่นซื้อจักรยานให้วาคาบะหรือด่าเรย์กะเรื่องไม่ติดจมูก 555555555555555555555 กูว่าตอนล่าสุดนี่คาบุรากิมันนับเรย์กะเป็นคนประเภทเดียวกับตัวเองไปแล้วแหงๆ คือ ต้องเก็บให้ครบเซ็ต ต้องให้สมบูรณ์แบบถึงจะสบายใจ คงคิดว่าเรย์กะเป็นเพื่อนอีกคนไปแล้ว
ไม่แน่นะเว้ย ปีหน้าแข่งวิ่งแฟนซีเรย์กะอาจจะใส่ชุดกระต่ายก็ได้ ถ้าเรย์กะใส่ชุดกระต่ายคงได้มีคนแถวๆนี้เลือดกำเดาไหลตายแน่ๆอะ
ปีนี้เนื่องจากเด็กผู้หญิงห้องของฉันเกิดล้มป่วยกระทันหัน ฉันเลยต้องอาสาทำแทนอีกครั้ง ครั้งนี้ต้องแต่งตัวเป็นกระต่ายในเรื่องอลิส ฟังดูน่ารักกว่าหนูมากๆ ตื่นเต้นจังว่าจะเป็นชุดแบบไหน
พอเห็นชุดแล้วถึงกับไปต่อไม่ถูก ส่ายหน้าหวือปฏิเสธ จนคนตัดชุดหน้าเสีย แล้วบอกว่า เพราะกระทันหันเลยตัวชุดใหม่ให้ไม่ทัน
สายตาของทุกคนก็มองมาที่ฉันอย่างมีความหวังด้วย อุ จะปฏิเสธยังไงดี
คุณกระต่ายของเรื่องอลิสต้องเป็นตัวผู้ไม่ใช่เหรอ ทำไมครั้งนี้ชุดมันถึงได้โชว์เนื้อโชว์ตัวขนาดนี้ล่ะคะ
ผู้หญิงคนที่ลาป่วยไปตัวใหญ่กว่าฉันค่อนข้างมาก ใส่แล้วจึงหลวมสุดๆ ฝ่ายตัดเสื้อเลยต้องแก้ขนาดให้แบบเร่งด่วน
เย็นหวิวๆแปลกๆ ก้มลงเอามือปุกปุยลูบขาอ่อนตัวเองเบาๆ ฉันแทบไม่เคยโชว์ขาให้ใครเห็นเลยนะคะ นอกจากตอนใส่ชุดว่ายน้ำน่ะ! แถมยังโชว์สะดืออีก ท้องจะโผล่รึเปล่า วิ่งไปแขม่วท้องไปจะทำให้ช๊อคตายได้รึเปล่า
ส่วนทุกคนทุกทีทำท่าทางกลัวฉันแท้ๆ ทำไมครั้งนี้เหมือนจะพร้อมใจมาบังคับฉันล่ะคะเนี่ย
"น่ารักสุดๆเลยค่ะท่านเรย์กะ" เด็กผู้หญิงฝ่ายตัวเสื้อชมฉัน
ขอบคุณที่ชมนะ แต่ดูจากสายตาของเด็กผู้ชายทั้งหลายในห้องที่ช๊อคตาตั้ง เหมือนน้ำลายฟูมแบบนั้น เชื่อไม่ลงหรอกค่ะ
สุดท้ายก็ถึงเวลาวิ่งแฟนซีแล้ว เปิดตัวด้วยเด็กผู้ชายในชุดอลิสสั้นกุด จนเจ้าตัวต้องวิ่งไปดึงกระโปรงไป เรียกเสียงหัวเราะกันใหญ่ ก็ถึงเวลาที่ฉันจะต้องออกโรง
ฉันปรากฏตัวออกมาด้วยชุดกระต่ายสีขาวขฟู ทั้งสนามเงียบกริบจนฉันใจเสีย แต่ก็ยังออกวิ่งตามหน้าที่ เสียงเชียร์ที่ดังเหมือนจะมีแค่นักเรียนห้องฉันเท่านั้น
แง อายจัง อายจังเลย อยากกลับไปแต่งชุดหนู จะใส่จมูกก็ได้นะคะ
วิ่งไปได้ราวๆสิบกว่าวินาที ก็มีคนส่งเสียงโวยวายกรีดร้อง
เหมือนจะได้ยินเสียงแว่วๆว่ามีคนเป็นลม
กับได้ยินเสียงท่านคาบุรากิตะโกนอย่างตกใจว่า "ชูสุเกะ"
อะเระ เกิดอะไรขึ้นคะ เพราะกำลังวิ่งแข่งกันอยู่เลยจะเสียสมาธิหันกลับไปดูก็ไม่ได้ เลยได้แต่พยายามวิ่งเร็วขึ้นเพื่อให้ถึงเส้นชัย
เหมือนปาฏิหารย์ของความอยากรู้อยากเห็น สปีดของฉันเร็วขึ้นทันตา สุดท้ายก็ได้ที่หนึ่งมาอย่างงงๆ
พอหันกลับไปดูจุดที่มีเสียงเอะอะมา ทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว
เอ๋ เกิดอะไรขึ้นกัยแน่คะ
จบ
>>291 มาต่อละ
งานกีฬาสีปีนี้ดูเหมือนอากาศจะร้อนเป็นพิเศษ เล่นเอาเหงื่อไหลท่วมตัว แต่ผมก็ยังคงรักษารอยยิ้มบนใบหน้าไว้ได้
ปีนี้มาซายะดูกระตือรือร้นกว่าทุกๆปี บอกผมว่าต้องไปดูงานวิ่งแข่งแฟนซีให้ได้จะไปสายไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว แล้วบ่นถึง นักษัตรอะไรสักอย่าง นายพูดเรื่องอะไรน่ะ มาซายะ...
สุดท้ายเลยมาถึงก่อนเวลาท่ามกลางอากาศร้อนระบุ ผมหยิบผ้าขนหนูที่ยูกิโนะซื้อมาให้เมื่อปีที่แล้วมาซับหน้าแล้วหวนนึกถึงใครบางคนที่ยูกิโนะซื้อผ้าคู่กับผมให้
จะว่าไปคุณคิโชวอินเคยแต่งเป็นหนูนี่นะ เล่นเอาอึ้งสุดๆ แถมยังแต่งเป็นพ่อบ้านแกะน้อย ดูนุ่มนิ่มไปหมดทุกส่วน อืม....จะว่ายังไงดีล่ะ...
ดูแล้วน่าเข้าไปรังแกล่ะมั้ง
ในตอนนั้นข่มความรู้สึกอยากรังแกได้ยากสุดๆ ดีที่คุณไมฮามะหาเรื่องคุณคิโชวอิน ผมเลยเบี่ยงความคิดนี้ออกไปแล้วพูดปกป้องคุณคิโชวอินแทน ไม่งั้นถ้าเผลอทำอะไรลงไป คุณคิโชวอินคงหนีหายไปและหลบหน้าตลอดกาลแน่นอน ก็นะ...เธอขี้กลัวเหมือนกระต่ายหิมะป่าน้อยขนาดนั้น พอผมเข้าใกล้ก็ตั้งป้อม ถ้าไม่สร้างภาพลักษณ์ดีๆบ้าง เธอก็ไม่ลดป้อมเสียที
แอบเสียใจนิดน่อยที่ตอนเด็กๆดันแกล้งหลอกใช้เธอแบบเนียนๆเสียเยอะ ตอนแรกคิดว่าเธอจะไม่รู้และคงเป็นเหมือนเด็กผู้หญิงคุณหนูทั่วไปที่ปลาบปลื้มพวกเรา ที่ไหนได้เธอดันรู้ทันผมแต่แค่ติดขี้กลัวเลยไม่กล้าปฏิเสธ สุดท้ายพอเจอกันอีกเธอก็สวมวิญญาณกระต่ายตื่นตูมกระโดดดึ๋งๆหนีห่างจากผมตลอด
กระต่ายเหรอ....
เสียดายจังนะ เหมือนว่าตั้งแต่ครั้งนั้นคุณคิโชวอินจะไม่แต่งเป้นสัตว์อีก งานแข่งปีนี้ก็ไปสืบมาแล้วว่าคนลงแข่งไม่ใช่คุณคิโชวอิน
แต่งแล้วน่ารักขนาดนั้นแท้ๆ..
ผมกับมาซายะดูการแข่งขันไปเรื่อยๆ มาซายะจ้องการแข่งอย่างจริงจังมาก นับวันผมยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่อาจวิเคราะห์ความคิดของหมอนี่ได้จริงๆ
และแล้วก็ถึงเวลาเปิดตัวห้องคุณคิโชวอิน
เหมือนจะเป็นธีมอลิส
เห็นผู้ชายใส่ชุดอลิสสั้นกุดจนแทบดูไม่ได้ ทุกคนต่างหัวเราะ ผมก็ดูไปเงียบๆ เผลอคิดไปแวบนึงว่าถ้าคุณคิโชวอินใส่จะเป็นยังไง....
แต่ยังไม่ทันคิดภาพเสร็จ ตอนนั้นเองคุณคิโชวอินก็ปรากฎตัวออกมา...
ในชุดกระต่ายขาวฟูฟ่องโชว์หน้าท้องและขาเรียวสวยของเธอ
ทั้งสนามต่างเงียบ...มีเพียงห้องของคุณคิโชวอินเท่านั้นที่ส่งเสียงเชียร์กันดังสนั่น
ผมก็นิ่งตะลึง
ส่วนมาซายะพูดว่า "กระต่าย...ปีเถาะเรอะ "แล้วทำหน้าหงุดหงิด "จมูกหายไปไหน"
ตาของผมเองยังคงจ้องมองไปที่คุณคิโชวอินท่ามกลางแสงอาทิตย์ร้อนระอุของวัน
ไม่ว่าจะตอนที่เธอเริ่มออกตัววิ่ง ขาวเรียวบางของเธอเริ่มก้าวออก หางปุกปุยข้างหลังที่เริ่มขยับไปมา ช่วงท้องนวลเนียนของเธอ หรือหน้าของเธอที่เริ่มขึ้นสีเลือดฝาดเพราะความร้อนของดวงอาทิตย์
มันยิ่งกว่าท่ผมเคยจินตนาการไว้เสียอีก...
มองหางที่ส่ายไปมาตามแรงวิ่ง มือของผมกำแล้วคลายไม่หยุด รู้สึกอากาศมันร้อนขึ้นเรื่อยๆ
แหมะ แหมะ
"กรี้ดดดด ท่านเอ็นโจว"
"เลือดค่ะเลือด!!!"
จู่ๆรอบตัวผมก็เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้อง มาซายะที่ดูการแข่งขันอยู่ก็ตกใจหันมาทางผม ผมรู้สึกโลกหมุนนิดหน่อย ทรุดลงไปบนพื้น ยกมือขึ้นกุมจมูก
"มีคนเป็นลม!!"
"ชูสุเกะ!" มาซายะเรียกผม กระชากผมขึ้นมาแล้วตบหน้าซ้ายขวา แล้วเขย่ารัวๆ "ทำใจดีๆไว้ เฮ้ อย่าเพิ่งหลับตา ต้้งสติไว้ แข็งใจไว้ก่อนนะ" ผมยังไม่ตาย.. แต่ตอนนี้กำลังจะตายแล้ว ใครสอนนายให้ทำกับผู้ป่วยแบบนี้ มาซายะ
สุดท้ายผมเลยถูกพยุงไปจุดพยาบาล ถูกเอาน้ำแข็งมาประคบ แถมต้องดมแอมโมเนียกลิ่นฉุน มาซายะแยกตัวไปก่อนเพราะถูกเพื่อนในชั้นเรียกให้ไปติวการแข่งขันขี่ม้าส่งเมืองครั้งสุดท้าย
"น่าจะเป็นเพราะอากาศร้อนเกินไปนะครับท่านเอ็นโจว" รุ่นน้องผู้ชายฝ่ายพยาบาลบอกผมแบบนั้น ผมจึงตอบกลับไปอย่างเห็นด้วยพร้อมรอยยิ้ม
แม้ในใจผมคาดเดาว่ามันจะเป็นสาเหตุอื่นก็เถอะ...
อันตราย....
ตอนนั้นเหมือนจะขาดสติไปเลย
ตอนนั้นน่ะผม...
ตอนที่คิดอะไรเพลินๆ ผู้คนเริ่มเดินออกมาจากที่แข่งขัน ดูเหมือนว่าการแข่งขันจะจบไปแล้ว กลุ่มเด็กนักเรียนชายกล่มหนึ่งเดินผ่านเต้นท์พยาบาล คุยเรื่องแข่งกีฬาแฟนตาซีอย่างสนุกสนาน ตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจมากนักจนได้ยินพวกเขาพูดถึงคุณคิโชวอิน
"จักรพรรดินีน่ารักสุดๆ คนน่ากลัวขนาดนั้น พอแต่งชุดกระต่ายแล้วดูน่ารักได้ขนาดนั้นเลยเหรอ"
"เห็นด้วย ดูบอบบางน่าปกป้องสุดๆ ยิ่งขาขาวๆดูนุ่มนิ่มนั่นนะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเราจะมีโอกาสได้เห็น"
"เห็นแล้วรู้สึกตกหลุมรักเลยล่ะ ถ้าฉันไปสารภาพรักกับจักรพรรดินี พวกนายว่าฉันจะมีโอกาสไหม"
"แห้วแน่นอนว่ะ เพื่อนเอ๋ย"
อา...เหมือนผมจะตื่นตะลึงเกินไปหน่อยจนลืมคิดไปเลยว่า... ไม่ใช่ผมคนเดียวที่เห็นคุณคิโชวอินในสภาพแบบนั้น
คุณคิโชวอินที่ถูกผู้ชายคนอื่นมองผิวกาย
น่าหงุดหงิดจังนะ...
หน้าของผมยังคงประดับด้วยรอยยิ้ม ผมเดินออกไปจากเต้นท์พยาบาลตรงไปยังผู้ชายกลุ่มนั้น
"ขอโทษนะครับ..."
"อะไ..ร... เอ๊ะ สวัสดีครับท่านเอ็นโจว!" พอเห็นผม ท่าทีของพวกเขาก็กลายเป็นนอบน้อมทันที ผมยังคงส่งยิ้มไปให้พวกเขา แต่เหมือนพวกเขาจะทำหน้าแตกตื่นขึ้นเรื่อยๆ
ทำไมกันนะ...
"เรื่องการแข่งแฟนซีวันนี้ช่วยลืมๆไปได้ไหมครับ" ผมถามออกไปพร้อมรอยยิ้มอ่อนๆ กลุ่มเด็กชายพวกนั้นทำหน้างงงวย
"เอ๋"
"ห้องของคุณคิโชวอินไม่ได้ทำธีมอลิส พวกคุณไม่เห็นอะไรทั้งนั้น..." ผมยิ้มกว้างขึ้น
"อ...เอ๋"
"ช่วยลืมมันได้รึเปล่า" และยิ้มกว้างขึ้นไปอีก พวกผู้ชายกลุ่มนี้เริ่มแตกตื่นขึ้นเรื่อยๆ
"ครับ!" เด็กดี...พวกผู้ชายกลุ่มนั้นลนลานตอบรับอย่างพร้อมเพรียง ผมยิ้มพึงพอใจ ก้มตัวลงไปกระซิบ
"ฝากบอกให้ทุกคนลืมเรื่องการแข่งแฟนซีในวันนี้ไปซะด้วยนะ" พร้อมทิ้งท้ายว่า "ยิ่งเร็วยิ่งดี" แล้วกลับมายืนตรงอีกครั้ง
หน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนๆเหมือนเช่นทุกวันวาน
"ถ้าหากผมได้ยินใครพูดถึงเรื่องนี้อีก..."
"..."
"ผมจะรู้สึกไม่ชอบเอาเสียเลย..."
พูดเสร็จแล้วก็เดินออกไปไม่ฟังเสียงเรียกของหน่วยพยาบาลในเต้นท์ ปล่อยทิ้งให้เด็กกลุ่มนั้นทำหน้าวิญญาณล่องลอยต่อไป
ผมเดินไปยังจุดพักนักกีฬาของห้องคุณคิโชวอิน ดูเหมือนกระแสจักรพรรดินีในชุดกระต่ายจะป๊อบมากเลยจะมีการให้คุณคิโชวอินใส่ชุดนี้เปิดคาเฟ่ต์ต่อ ปกติผมเป็นคนนอกของห้องจะเข้าไปส่วนนั้นไม่ได้ แต่พอบอกว่าอยากเจอคุณคิโชวอินทุกคนต่างยิ้มและให้การต้อนรับอย่างดี คุณคิโชวอินยังคงแต่งหน้าอยู่ในห้องในสุด ผมจึงนั่งรออยู่ห้องข้างหน้าแทน
"อืม...ดูเหมือนผมคงต้องบอกอะไรสักอย่างกับห้องพวกคุณ"
"คะ?" เพื่อนๆคุณคิโชวอินทำหน้าแปลกใจ ผมจึงตอบคลายสงสัยไปว่า
"รบกวน ไม่ให้คุณคิโชวอินแต่งตัวแบบนั้นต่อหน้าคนอื่นอีกได้ไหมครับ"
"เอ๋" เพื่อนๆห้องคุณคิโชวอินต่างหยุดชะงักการทำงาน มองผมอย่างตกใจ
"ถึงจะพูดแบบนั้นแต่คุณคิโชวอินเป็นตัวเก็งเรียกลูกค้าของห้องเราเลยนะคะ ท่านเอ็นโจว" ทุกคนต่างทำสีหน้าลำบากใจ ผมแบบแปลกใจนิดหน่อยทุกคนที่ปกติมักจะเกรงใจคุณคิโชวอิน แต่พอเวลาแบบนี้กลับใช้งานเธอได้อย่างลื่นไหล
"ถ้างั้นผมขอเหมาจองตัวคุณคิโชวอินได้ไหมครับ" พอบอกไปแบบนั้น ทุกคนก็ส่งเเสียงฮือฮากว่าเดิม ผู้หญิงที่คุยกับผมตอนนี้แข็งค้างหน้าแดงก่ำไปแล้วได้แต่อุทานออกมาอย่างอ้ำอึ้ง
" อ เอ๋!?"
"ผมไม่อยากให้ใครนอกจากผมเห็นคุณคิโชวอินที่แต่งตัวน่ารักน่ะ" เสียงกรี้ดรอบทิศดังยิ่งขึ้นกว่าเดิม ดูเหมือนอีกไม่นานข่าวลือคงจะยิ่งแพร่ออกไป คุณคิโชวอินต้องตกใจสั่นอย่างหวาดกลัวแน่เลย ส่วนผมไม่ถือหรอกนะ
ก็มันเรื่องจริงนี่นา...
"รบกวนอย่าพวกคุณคิโชวอินในเรื่องที่ผมพูดนะครับ แค่จัดเตรียมที่ให้ผมกับเธอได้อยู่กันสองคนก็พอ"
"ค่ะ ได้เลยค่ะ จะจัดการเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!!"
สมาชิกห้องคุณคิโชวอินทำงานได้อย่างรวดเร็วมาก เพียงครู่เดียวก็มีมุมส่วนตัวสำหรับผมและคุณคิโชวอิน โดยมีม่านบางๆสวยงามกั้นไว้ ทุกคนเชิญผมให้ไปนั่งก่อน ผมรอได้ไม่นานก็มีเสียงลูกค้าเดินเข้ามาในร้าน เหมือนจะเริ่มเปิดร้านกันแล้ว
"เอ๋ มีแขกพิเศษเหรอ" เสียงคุณคิโชวอินดังขึ้นมานอกผ้าม่านนั้น ดูเหมือนเธอจะงุนงงและสับสน แต่เพื่อนๆในห้องของเธอต่างพากันเชียร์เธอให้เข้ามาในห้องอย่างพร้อมเพรียง
ผ้าม่านถูกเปิดออก ผมมองเห็นกระต่ายหิมะตัวน้อยที่มองมาทางผมอย่างแตกตื่น
" เอ๊ะ? ท่านเอ็นโจว?"
เสื้อผ้าของเธอต่างจากตอนเที่ยง มีเสื้อคลุมฟูฟ่องปกปิดส่วนบนขนไปถึงเอว แต่ว่าก็ยังคงโชว์ต้นแขนและขาอันงดงามของเธออยู่ดี
ตอนนั้นในใจผมมีเสียงนับล้านพวยพุ่งออกมาพร้อมกัน
ใจเย็นๆ เอ็นโจว ชูสุเกะ
นี่มันจะอันตรายเกินไปแล้ว...
ความรู้สึกเหมือนตอนที่มองดูคุณคิโชวอินในสนามไม่มีผิดเลย
ตอนนั้นผมน่ะ....
รู้สึกอยากจะขย้ำเธอเหลือเกิน...
จบบบ
-------------
จบจริงละเพื่อนโม่ง 5555
ห้องนี้ทำกูเมากาว กุแต่งฟิคไปทั่ว แต่ฟิคแบดเอ็รกูวยังไม่ต่อ ก๊ากกก //หนี
>>253 เรือสวย ตอนจบมาต่อแล้วนะเว่ยยยยยยย
มีการใส่เพลงประกอบที่เป็นคำแปลของเพลง Kanashimi no Mukou he จากเรื่อง School Days เจ้าของตำนานเรือสวย ลงไปด้วยนะ พวกมึงจะเปิดเพลงไปด้วยก็ได้ เป็นการบิ้วอารมณ์นะเออ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เอ็นโจ ชูสุเกะ มาถึงบริเวณสวนสาธารณะ ที่ๆเรย์กะบอกว่ามาเดินเล่น ร้านกาแฟนั้นอยู่ไม่ไกลจากสวนนี้มากนัก ตอนแรกเขาคิดจะไปที่ร้านกาแฟเลย แต่กลับสะดุดตากับกลุ่มชายชุดสูทมีดำที่เดินวนเวียนอยู่รอบสวนสาธารณะ
ถ้าเขาจำไม่ผิด บางคนเขาคุ้นหน้าว่าเป็นบอดี้การ์ดของตระกูลคาบุรากิ…
เพียงไม่นาน กลุ่มบอดี้การ์ดมารวมตัวกันตรงบริเวณทางเข้า เพื่อคุมกันเด็กหนุ่มออกมาขึ้นรถ เด็กหนุ่มที่เขาคุ้นตา คาบุรากิ มาซายะ
รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลย...
หลังจากรถคันนั้นแล่นไปไกลแล้ว เขาจึงตัดสินไปเดินไปที่สวนสาธารณะแทนที่จะเป็นร้านกาแฟ
ในสวนสาธารณะ เงียบจนวังเวง ไร้เงาผู้คนอย่างน่าประหลาด ทั้งๆที่เป็นเวลาเย็น มันควรจะมีผู้คนบ้างประปรายไม่ใช่หรือ?
สุดปลายสายตา เขาเห็นร่างสีแดงนอนอยู่ที่พื้น
ร่างกายสั่นสะท้าน ยิ่งเดินเข้าไปใกล้เท่าไหร่ ขาก็ยิ่งหนักอึ้งมากขึ้นทุกที
ชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนถูกย้อมด้วยสีแดง ผิวขาวอมชมพูกลายเป็นขาวซีด ริมฝีปากแดงระเรือน่าสัมผัสกลับแดงชาดด้วยโลหิต
เรย์กะ….?
เขาคุกเข่าลงข้างร่างของเด็กสาว มือสั่นเทาค่อยๆยืนไปลูบแก้มของเธอ
“คุณคิโชวอิน…..” ไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบกลับ ดวงตาที่มักแสดงออกถึงความหวาดระแวงที่มีต่อเขานั้นปิดสนิทเหมือนหลับไปเท่านั้น
…
…
..
ท่าเรือของตระกูลเอ็นโจ
“เรียกมา มีอะไรรึเปล่า” คาบุรากิ มาซายะ มองซ้ายมองขวา ร้อยวันพันปีเพื่อนสนิทของเขาเคยชวนไปทะเลเสียที่ไหนกัน
“ก็ตั้งแต่งานเลี้ยงวันคริสมาสต์คราวก่อน นายชวนผมไปทะเลไม่ใช่เหรอ ช่วงนี้ผมเห็นนายไม่ค่อยร่าเริงเลยคิดว่าการล่องเรือดูพระอาทิตย์ยามเช้าคงช่วยให้นายอารมณ์ดีขึ้น” เอ็นโจ ชูสุเกะ ยังคงยิ้มสบายๆเช่นปกติ แต่หากสังเกตุดูดีๆพบว่ารอยยิ้มนั้นส่งไปไม่ถึงดวงตา
“ก็ไม่เลวนะ แต่มันเช้าไปหน่อยรึเปล่า”
“ไม่หรอกน่า ช้ากว่านี้ก็ดูพระอาทิตย์ขึ้นไม่ทันน่ะสิ ไปเถอะ ผมเตรียมเรือไว้ให้แล้ว จอดอยู่ที่ท่าน่ะ” เอ็นโจ ชูสุเกะ ดันหลังเพื่อนสนิทให้เดินตรงไปยังท่าเรือที่มีเรือจอดรออยู่
“เฮ้ๆ ไม่นึกว่านายจะกระตือรือร้นขนาดนี้นะ ชูสุเกะ”
“อา ผมเตรียมการณ์ทุกอย่างเพื่อนายเลยนะ….จริงสิ มีแขกพิเศษจะไปกับเราด้วยคนนึงล่ะ นายต้องแปลกใจแน่นอน”
“หือ ใครงั้นเหรอ” แขกพิเศษ? ใครกัน ยูริเอะงั้นเหรอ หรือว่าทาคามิจิ
“เขาอยู่บนเรือน่ะ ลองเดินไปดูสิ” เพื่อนสนิทของเขาพยักเพยิดให้ลองไปดูที่เรือ ด้วยความอยากรู้ เขาจึงเดินไปดูตามที่บอก
เอ็นโจ ชูสุเกะมองแผ่นหลังของเพื่อนสนิท ที่เดินนำหน้าเขาไปดูแขกพิเศษคนนั้นในเรือ เขาเดินตามโดนทิ้งระยะไม่ไกลมาก ท่าเทียบเรือของเอ็นโจ ไม่ได้กว้างขวางมากนั่น แต่แค่นั้นก็พอแล้ว…..
เขาก้มตัวลงหยิบค้อนจากแอบเอามาวางไว้ก่อนหน้านี้...ใช้มีดน่ะ มันไม่สนุกหรอกนะ มาซายะ
“คนไหนล่ะ แขกพิเศษที่นายว่า” คาบุรากิ มาซายะ มาถึงเรือยอร์ชของตระกูลเอ็นโจแล้ว เขามองเข้าไปในเรือ เห็นร่างของยัยผู้หญิงที่เขาเพิ่งกำจัดไปเมื่อวานนอนอยู่ฟูกบางดูผ่านๆเหมือนหลับอยู่ หากไม่ติดว่าชุดเดรสสีชมพูที่เธอใส่นั้น กลายเป็นสีน้ำตาลจากเลือดที่แห้งเกรอะกรัง
“นี่มัน…..อั่ก!” ไม่ทันหันมองเพื่อนสนิท บริเวณเข่ากลับถูกทุบด้วยของแข็งอย่างแรงจนทรุดตัวล้มลงไป
“ไม่ดีนะ อย่ามองเรย์กะด้วยสายตาแบบนั้นสิ” เอ็นโจ ชูสุเกะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม หลุบตามองต่ำไปยังร่างที่ล้มลงตรงพื้น ในมือกระชับค้อนไว้แน่น
.
-----หากฉันข้ามผ่านไปฝั่งตรงข้ามของความเศร้าใจได้…
-----ฉันก็ไม่ต้องการอีกแล้ว ทั้งความอบอุ่นหรือวันพรุ่งนี้
.
“เดี๋ยว ชูสุเกะนี่มันเรื่องอะไร โอ๊ย!” ค้อนเหล็กหวดลงบนหัวไหล่ซ้าย เสียงกระดูกดังกรอบบ่งบอกว่าตอนนี้มันได้หักลงแล้ว
“ผมไม่อนุญาตให้นายถาม คนที่มีสิทธิ์ถามคือผม และคำถามของผมคือ ทำไม….” นัยน์ตาเย็นเยียบมองเพื่อนสนิทอย่างไม่รู้สึกรู้สา “นายฆ่าเรย์กะทำไม…”
.
-----ความเงียบสงัดในความมืดมนได้ปกคลุมความฝันของฉัน
-----ใครเล่า จะเป็นแสงสว่างที่รินไหลผ่านแก้มของฉันนี้
-----ทำไมกัน ฉันถึงไม่รู้วิธีทำให้โลกที่เปราะบางเกินไป ได้หยุดอยู่ที่เดิม
-----ฉันได้เพียงแค่หวังเท่านั้น ใช่แล้ว หวังจนลืมมันไป…
.
“หึ ฮ่าฮ่าฮ่า มันก็สมควรแล้วนี่ กับสิ่งที่ยัยนั่นทำลงไป โอ๊ย หยุดนะ!” หน้าแข้งบอดเบี้ยวตามเแรงหวด เศษกระดูกทิ่มออกมาด้านนอก หยดเลือดไหลจากบาดแผล
“เรย์กะไม่ผิดสักหน่อย….คนที่ไม่ได้เรื่องมันนายต่างหาก”
พลั่ก! ค้อนหวดเข้าชายโครงอย่างแรง คาบุรากิ กระอักเลือดออกมา ก้มคุดคู้ด้วยความเจ็บปวด
“เป็นบ้าอะไรของนาย! คิดเหรอว่าทำแบบนี้แล้วเรื่องจะจบลงง่ายๆ” เจ็บจนสั่นไปหมด ขยับขาไม่ได้เลย “เอ็นโจ อยากจบสิ้นเหมือนคิโชวอินรึไง นายถึงได้กล้าทำแบบนี้กับฉันน่ะ”
“จบสิ้นงั้นเหรอ…” เขาพึมพำ
โลกที่ไม่มีเรย์กะน่ะ….
.
-----หากฉันข้ามผ่านไปฝั่งตรงข้ามของความเศร้าใจได้…
----ฉันคงพอแค่นี้แล้ว ขอไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว
.
“ใครสนกันละ” มือหวดลงที่ศีรษะของเพื่อนสนิท ตามด้วยท้อง และหลัง อย่างไม่ปราณี
เสียงร้องด้วยความเจ็บดังจากปากที่ชุ่มไปด้วยโลหิต ร่างกายเริ่มเสียรูปตามแรงกระแทกจากของแข็ง ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาบิ้ดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด มือสั่นเทาพยายามยกห้ามการกระทำอันโหดเหี้ยมของอีกคน
“พะ พอเถอะ...จะตายอยู่แล้ว”
มือที่ยกค้อนขึ้นยกชะงักไปครู่หนึ่ง เขามองสิ่งที่ไม่ต่างจากก้อนเนื้อที่กองอยู่แทบเท้าของตนเองก่อนจะยกยิ้ม
“ลาก่อน มาซายะ” แล้วเขาก็หวดค้อนลงไป….
…
...
…
-----ทำไมกัน….? คำที่พูดซ้ำไปซ้ำมา จะกลายเป็นการทำลายคำสัญญา
-----ช่างเป็นเสียงสะท้อนที่โดดเด่นไพเราะ ในตอนนี้, มันช่างรุนแรงเหลือเกิน...
-----ตัวเธอนั้นจะข้ามผ่านความสิ้นหวังไปหรือไม่นะ
-----ฉันขออุทิศกายที่แปดเปื้อน ผูกติดกับความรักที่เทิดทูนไว้บนผ้าใบตลอดกาล
.
แสงอาทิตย์เริ่มปรากฏที่เส้นขอบฟ้า เรือยอร์ชสีขาวบริสุทธิ์แล่นอย่างช้าๆอยู่กลางทะเลที่เงียบสงบ
เอ็นโจ ชูสุเกะนอนกอดร่างไร้วิญญาณของคิโชวอิน เรย์กะ เด็กสาวที่เขามีใจให้มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ใบหน้ายามหลับของเธอช่างเหมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ
งดงามและเปราะบางเหลือเกิน
“เพียงเท่านี้ เราก็จะได้อยู่ด้วยกันแล้วนะ เรย์กะ” เขาเอ่ยคำที่ไม่เคยคิดบอกกันเธอในตลอดเวลาที่ผ่านมา
เขากระชับอ้อมกอดร่างเย็นชืดของเด็กสาวผู้เป็นที่รักไว้แน่น หลับตาลงเพื่อจมสู่ความฝันที่แสนงดงาม ความฝันที่มีเขาและเธออยู่เคียงข้าง…
.
-----หากฉันข้ามผ่านไปฝั่งตรงข้ามของความเศร้าใจได้…
-----ฉันจะไม่กลัวอีกต่อไป ถึงแม้ฉันต้องหลับอยู่เพียงลำพัง…..
.
-The End-
“กรี๊ดดดด ไม่นะท่านคาบุรากิ!”
“ช่างเป็นความรักที่งดงามเหลือเกินค่ะท่านเอ็นโจ”
“ท่านเรย์กะแสดงเก่งมากเลยค่ะ!”
ไม่หรอกๆ ฉันแค่มีบทพูดนิดหน่อยเท่านั้น ที่เหลือแค่นอนเฉยๆเท่านั้นเองค่ะ คนที่แสดงเก่งจริงๆคือสองคนั้นต่างหากล่ะคะ
คิคุโนะจังกับเซริกะจังยังอารมณ์ค้างจากการชมหนังสั้นฝีมือการถ่ายทำของชมรมภาพยนตร์โรงเรียนซุยรัน ไม่ใช่แค่สองคนนี้หรอกค่ะ บรรดาสาวๆแฟนคลับของท่านคาบุรากิและท่านเอ็นโจต่างมีปฏิกิริยาแตกต่างกันออกไป ทั้งหดหู่ เสียใจ และฟิน(?)
ก็แหม ชมรมภาพยนตร์อุตส่าห์มาข้อร้องทั้งทีนี่คะ ใครจะไปนึกว่าปีนี้ชมรมภาพตร์จะเล่นของใหญ่ ถ่ายทำหนังสั้นสุดอลังการโดนอัญเชิญสองหนุ่มผู้มีอิทธิพลต่อสาวๆมากที่สุดมาเป็นตัวเอกได้ พวกเขาใช้เหตุผลอะไรมาโน้มน้าวจูงใจกันน้า ถึงทำให้สองคนนั้นให้ความร่วมมือ ถึงขั้นให้มาดามคาบุรากิและมาดามเอ็นโจมาร่วมเข้าฉากด้วยได้น่ะ
“แต่สุดยอดไปเลยนะคะท่านเรย์กะ ได้นอนในอ้อมกอดของเจ้าชายด้วย ฉันออิจฉาท่านเรย์กะจริงๆนะ” เซริกะจังหน้าแดงเขินแทนฉันซะอย่างนั้นค่ะ จะว่าไปพอได้อ่านบทแล้วฉันแทบจะปฏิเสธทันทีทันใดเลยถ้าไม่ติดว่าเอ็นโจพูดถึงหนี้ที่ติดค้างกันไว้ล่ะก็ จ้างให้ฉันก็ไม่ทำหรอกนะคะ!!!
“ไง คิโชวอิน แสดงใช้ได้เหมือนกันนี่” คาบุรากิเดินมาพร้อมกับเอ็นโจ เอ่ยทักฉัน ต้องแสดงดีอยู่แล้วสิยะ พวกนายตีกันแทบตายแต่ฉันแค่นอนเฉยๆเองนี่
“แต่ผมว่าบทมันแปลกๆนะ อย่างมาซายะน่ะ ไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นหรอก” เอ็นโจยิ้มตามแบบฉบับของตัวเอง จะว่าไปก็จริงๆนะ บ้าบอๆอย่างคาบุรากิไม่มีทางเดเระแตกได้ขนาดนี้หรอกน่ะ คนอย่างนายอย่างมากแค่ไปโดดผาเท่านั้นแหล่ะ
“นายเองก็เหมือนกัน คนอย่างนายเนี่ยนะรักคิโชวอิน รักจนถึงขั้นฆ่าฉันงั้นเหรอ บทมันโอเว่อร์เกินไปจริงๆ” ใช่แล้วค่ะ อย่างเอ็นโจวไม่มีทางรักฉันแน่นอน มีแต่จะเพิ่มหนี้ทบต้นทบดอกอย่างเดียวเลยล่ะค่ะ
“นั่นสินะ บทมันแปลกจริงๆด้วย ถ้าเป็นผมน่ะ ไม่มีทางทำอะไรที่มันจะสืบสาวมาถึงตัวได้หรอก ยิ่งฆ่าทิ้งในที่ของตัวเองด้วยยิ่งไม่มีทาง จริงไหม มาซายะ”
“อ่ะ อืม” อุ๊ย จู่ๆฉันก็รู้สึกหนาวเย็นขึ้นมา สงสัยจะต้องเริ่มกลับบ้านทานยาตั้งแต่หัววันแล้วล่ะค่ะ ไม่งั้นเกิดเป็นหวัดขึ้นมาคงจะแย่น่าดู
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จบแล้วเย้ สารภาพเลยว่าเกิดอาการเขียนไม่ออก คือเรานึกภาพตัวละครทั้งหลายแบบเรือสวยแทบไม่ได้เลย คือพล็อตน่ะมี แต่พอมาเขียนจริงๆนี่มันจินตานาการไม่ได้ ฮืออออออ
>>305 โฮกกกกกกก อิตรงตอนยันท้ายสุดนี่ไม่ใช่การแสดงสินะคะ ของจริงสินะๆๆ ส่วนการแสดงนี่ร้ายมากค่ะท่านเอ็นโจ กำไรสุดๆ
กูพูดถึงฟิคกระต่ายด้วย เอ็นโจแม่งหื่นหน้ายิ้มมาก แต่ใครที่เห็น ผญ ที่ตัวเองชอบแต่งตัวน่ารักแบบนั้นใครก็เก็บอาการไม่อยู่หรอกเว้ยยย มีหวงด้วย หิ้วววว
กูคิดถึงการเล่นใหญ่ของซุยรันเพื่อเรย์กะ ฮือออ โม่งมึงอยู่หนายยยยยยยยยย ยยย แง่งงงงง
ตอนล่าสุดแปลไทย นายตัวสำรองได้ยศใหญ่กว่าเอ็นโจอีกเหรอวะ 55555555555555 รัชทายาทอนาคตจะกลายเป็นจักรพรรดิแบบคาบุรากิมั้ยวะ แต่นายตัวสำรองเฮดบัดใส่คนกูโครตอึ้งเลย อยากเอาชนะคาบุรากิที่เป็น pivoine ให้ได้สินะ ตอนนี้ซุยรันก็มี 4 royal แล้วสินะ นึกภาพแล้วเท่แปลกๆ
>>314 โดนภาพมายาหลอกไง แถมนายตัวสำรองก็แพ้คาบุรากิมาเรื่อยจนเก็บกดสะสม 555555555555555555
จริงๆคาบุรากิ นอกจากตอนไปกระทืบคนมาจีบยูริเอะกับมุ่งมั่นเอาชนะการแข่งขี่ม้าส่งเมือง ก็ไม่เคยไปทำอะไรใครแท้ๆ ฮีก็อยู่ของฮีไปเรื่อย กินขนม จิบชา ถ้ามีเรื่องของคาบุรากิเป็นตัวเอกแทนที่เรย์กะ นิยายน่าจะเต็มไปด้วยความตลกโปกฮาที่ไร้สาระยิ่งกว่าเรย์กะอีกว่ะ
>>315 เคยเห็นแฟนอาร์ตที่ให้คาบุรากิ เรย์กะ เอ็นโจ วาคาบะถือไพ่ เอ็นโจเป็น J ส่วนวาคาบะเป็น A ยูกิโนะเป็นโจ๊กเกอร์
>>318 เอ จะอธิบายยังไงดี เอาเป็นว่าแฟนอาร์ตรูปนั้นเขาเอาตำแหน่งของไพ่ป๊อกมาแทนตัว 4 คนนี้ (คาบุรากิ เรย์กะ เอ็นโจ วาคาบะ) เรียงลำดับตามความสำคัญของไพ่ให้พ้องกับฉายาในเรื่องอะ เรียงจากมากไปหาน้อยคือ คิง ควีน แจ็ค เอช
ปล.ไพ่ป๊อกมันมี 4 สัญลักษณ์คือข้าวหลามตัด(ทรัพย์สินเงินทอง) ดอกจิก(สติปัญญา) โพธิ์แดง(ความรัก) โพธิ์ดำ(ความตาย) แล้วใน 4 อันนี้ก็ยังซอยย่อยออกไปเป็น King(ชายชรา) Queen(หญิงสาว) Jack(ชายหนุ่ม) เลข 10-2 แล้วก็ Ace(เลข 1) อีก แต่ละใบก็มีความหมายแฝงไว้ ไม่เหมือนกันเลยซักใบ ลองเปิดอ่านความหมายดูละกัน
คาบตอนใหม่มาลงแระน้า ช่วงที่ผ่านมาสงสัยกูจะ overdosed กาวหนักไป พอรู้ตัวอีกทีก็มีท่านเรย์กะกักตุนจนล้นสต็อค...//สายตาเวิ้งว้าง// ขอเชิญไปเสพกันโดยพลัน จากตอนนี้ไปจะกลับมาลงวันเว้นวันนะโม่งซุยรัน เจอกัน จุ๊บๆ
เบียทันที่น่ารักถูกคาบุมองเป็นเซอบิรัสไปล้าววว สมองนายมีอะไรอยู่ข้างในกันนะะะะะ
คาบุรากิ นายจะอยู่เฉยๆไม่ให้ท่านเรย์กะด่าซักตอนไม่ได้หรืออย่างไรกัน ช่วงนี้ขยันทำแต้มให้ท่านเรย์กะด่าเหลือเกิ๊นนนนน
...แต่ก็เข้าใจนะ ท่านเรย์กะเล่นเอาหัวเบียทันมาสามแบบ สลับๆประกอบหัวเพื่อเปรียบเทียบ ใครเดินผ่านไปผ่านมาคงนึกไม่ถึงว่าจะมีคนลงทุนทำหัวน้องหมามาตั้งสามแบบเพื่อเปรียบเทียบเฉยๆ....
แต่ก็นั่นแหละ
... เซอบิรุส พร่องงงงงงงงง 555
ตอนี้ลั่นมาก ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ลั่นต้องแต่เรย์กะบอกตัวเองคือเทพธิดา กูสำลักเลย
กับตอนจบ เซอบิรุสส พร่องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
มุมมองคาบุรากิ (ต่อเซอร์บิรุส)
ฉันคาบุรากิ มาซายะ คะแนนสอบกลางภาคฉันได้ที่ 1 อีกแล้ว หึหึหึหึ ไม่มีใครที่จะมาเทียบฉันได้ ความพยายามอ่านหนังสือจนเลือดกำเดาไหลเห็นผลแล้วสินะ ฮ่าๆๆๆ ฉันเดินด้วยหัวเราะในใจไปกับคะแนนสอบที่ได้ไปที่สโมสร แต่ความภาคภูมิใจกลับหายวับไปทันที่ เมื่อฉันได้เจอกับตุ้กตาสุนัขที่น่าเกรงขามที่สุดที่ฉันเคยเจอ ถึงช่วงตัวจะดูเหมือนลูกหมาน้อยน่ารัก แต่ส่วนหัวทั้งสามชั่งดุดัน น่าเกลียด น่ากลัว มันช่าง มันช่าง เท่อะไรขนาดนี้มันคือเซอร์บิรุสสินะ คิโชวอินรสนิยมเธอมันดีเหลือเกิน ฉันถามคิโชวอินเพื่อความแน่ใจว่ามันคือเซอร์บิรุสจริงๆ แต่ทำไมเธอถึงทำหน้าแบบนั้น เธอคงภูมิใจสินะที่ทำตุ๊กตาตัวนั้นขึ้นมาได้ ระหว่างทางกลับบ้าน ฉันบอกเอ็นโจไปว่าอยากจะสร้างเซอร์บิรุสขึ้นมาสักตัว แต่เอ็นโจกลับมองฉันด้วยสีหน้าแปลกๆ ทำไมวันนี้ถึงมีแต่คนทำหน้าพิลึกๆกันนะ
คงเพราะมีสามหัว คาบุรากิก็เลยมองว่าเรย์กะทำตุ๊กตาเซอร์บิรุสล่ะมั้ง กูว่าถ้าสนิทกันกว่านี้หน่อย คาบุรากิมันคงยุให้เรย์กะ ถ้าเลือกไม่ได้ก็ติดเข้าไปทั้งสามหัวเลยสิ แล้วเรย์กะอาจจะบ้าจี้ทำตาม คู่นี้แม่งบ้าบอชิบหาย คนที่กลับชาติมาเกิดไม่ได้มีแค่เรย์กะใช่มั้ย จักรพรรดิในมังงะออกจะคูลๆเย็นชา แล้วไหงตอนนี้เป็นแค่ไอ้บ้าตัวหนึ่งไปซะได้
กูอยากอ่านมุมมองของเอ็นโจที่คบหาเป็นเพื่อนกับจักรพรรดิมาตั้งแต่อนุบาลว่ะ ท่านเรย์กะเพิ่งมาสนิทกันช่วงหลังๆ ยังบ้าบอคอแตกซะขนาดนี้ คุณชายเอ็นโจของบ่าวต้องผ่านอะไรมาบ้างวะ นึกแล้วอยากซับน้ำตา
คาบุรากิช่วงนี้นี่ขยันทักเรย์กะจัง ถ้าไม่ติดว่านายชอบวาคาบะก็คงเข้าใจว่าแอบชอบเรย์กะอยู่นะเนี่ย รุกเอาๆเลย ในหัวคาบุรากิคงเข้าใจว่าตัวเองซี้กันกับเรย์กะแล้วแน่ๆ แต่เรย์กะไมีคิดแบบนั้นนะยะ 555555555
พออ่านๆดู เรย์กะเจอน้องๆวาคาบะด้วยแสดงว่าไปเยี่ยมเยือนบ่อยสินะหรือว่าไปซื้อเค้กหว่า
กลายเป็นหมาเฝ้านรกไปแล้วววว แง๊
>>335 คาบุรากิคงยอมรับว่าเรย์กะเป็นเพื่อนตั้งแต่ตอนเขกหัวแล้วล่ะ ไม่งั้นเจอกันคงไม่แซวเรื่องฟาเธอร์ค่อนหรือพูดเรื่องลดความอ้วนแบบเพื่อนสนิทแซวกันหรอก แต่มาเจอว่าเรย์กะเป็นคนประเภทเดียวกับตัวเอง(ที่มโนไปเอง)ก็ตอนแข่งกีฬาสีนี่ล่ะ ฮีอาจจะประเมินว่าเรย์กะคงอยากทำให้มันสมบูรณ์แบบเหมือนตัวเอง แต่ติดงานนั่นนี่โน่นไม่ว่างมาแข่งเลยส่งตัวตายตัวแทนมาทำให้มันสมบูรณ์ โอ้ว คิโชวอินนี่สมเป็นเพื่อนฉันจริงๆ ฉันประทับใจเธอมาก ฉันจะสนับสนุนเธอเอง อะไรแบบนี้มั้ง ถถถถถถ
จริงๆกุว่าคาบุรากิน่าจะคิดไปเองว่าสนิทกับเรย์กะพอสมควรเลยล่ะ ตั้งแต่เขกหัว เพื่อนร่วมอกหัก แถมยังชอบแซวบ่อยๆ เวลามีงานเลี้ยงก็เข้ามาทักเรย์กะทุกที ยิ่งตอนนี้ฮีน่าจะมโนไปเองว่าเรย์กะเป็นพวกเดียวกับตัวเองแล้วล่ะ 555555555555555555555
สงสัยช่วงที่พูดถึงนายตัวสำรองที่บอกว่า ดีนะที่ไม่ได้ชื่อซาวาระ คำสาปน่ากลัว นี่คืออะไรอะ?
แต่วาคาบะถึงกะตบกบาลน้องก็ดูไม่ได้เอ๋อมากอย่างที่คิดแฮะ 5555
จำได้ว่าช่วงตอนแรกที่ระลึกชาติได้ เรย์กะเคยบอกว่า ใครมันหัวเราะ โฮะโฮะโฮะแบบในการ์ตูนกัน แต่หลังๆมานี้หัวเราะงี้รัวๆเลยนะ 5555
สุดท้ายคาบุรากิ............... //กูเบลอแม่ง
ขอบคุณโม่งแปลสำหรับท่านเรย์กะ 3วันติด วันวาเลนไทน์จะมีโปรโมชั่นอีกมั้ยคะ 555555555
กูเห็นด้วยว่าควรเรียกคาบุรากิว่า "บากะรากิ" ได้แล้ว!!!
กุไม่รู้ทำไมกุสงสารเอ็นโจจังวะ รอบตัวมีแต่คนมีวงจรความคิดเพี้ยนๆ นายผ่านมาได้ยังไงกันนะ...//ตบบ่าปลอบใจ
>>338 คาบุรากิมันคงประทับใจเรย์กะตั้งแต่แนะนำเรื่องจดหมายสื่อรักแล้ว มาเจอเซอร์ไพรส์เรื่องกวางขวิดอีก คงคิดว่ายัยนี่ทำไมมันตลกขนาดนี้เนี่ย จากนั้นก็มาอึ้งเรื่องโดนด่าร่วมกับเอ็นโจว่าให้คุมสาวๆของตัวเองซะบ้าง ไม่มีใครกล้ามาด่าฉอดๆต่อหน้าแบบนี้ จนต้องไปขอโทษในสไตล์คาบุรากิผู้มากทิฐิ ทั้งที่ไม่เคยทำกับใคร แล้วก็ยอมรับเรย์กะว่าเป็นเพื่อนคนนึง
อีกอย่าง ตัวเองกับเรย์กะก็เห็นกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ใช้เวลาร่วมกันแทบจะครึ่งหนึ่งของชีวิตกันเลย คงคิดว่าตัวเองสนิทกันพอตัวเลยล่ะ ถึงได้แซวเรื่องฟาเธอร์ค่อนบ้าง เรื่องไปอดอาหารที่โรงแรมตัวเองบ้าง มีเรื่องอกหักเข้ามาเกี่ยวข้องก็เหมือนสร้างสายสัมพันธ์กันให้แน่นเหนียวอีก จนมาถึงแต่งแฟนซีสัตว์เลยรู้ตัวว่าจริงๆแล้วหล่อนมันก็คนประเภทเดียวกับฉันไม่ใช่เหรอ บ้าความสมบูรณ์แบบเหมือนกัน
ตอนเรย์กะคล้อยตามคาบุรากิเรื่องแต่งแฟนซีของวาคาบะ กูแอบคิดเลยว่าตอนกลับชาติมาเกิด เรย์กะแบ่งวิญญาณออกเป็นสองป่ะวะ ครึ่งหนึ่งไปอยู่ร่างคาบุรากิ ส่วนที่เหลือมาอยู่ในร่างเรย์กะ ดอปเปลแกงเกอร์ของเรย์กะคงไม่ใช่เบียทันแต่เป็นคาบุรากิสินะ 55555555555555555
>>336 เปล่า น้องวาคาบะกลับมาถึงบ้านตอนเรย์กะจะไปแล้วพอดีน่ะ แต่หลังจากนี้จะไปบ่อยๆ มุ้งมิ้งสไตล์เพื่อนสาวกัน
คาบุรากิคือความบันเทิงของเรื่องนี้ 5555 ออกตอนไหนฮาตอนนั้นจริงๆ การตบมุขของคู่นี้คือสุดยอด เหมาะกันแบบแปลกๆ เอ็นโจก็ทำไม่ได้ วาคาบะก็อย่าหวัง 55555
>>350 อ้าวเพื่อน ไม่ช่วยกันทำมาหากินเลย เพื่อนเล่นมุกควรตบมุก ไม่ใช่ปล่อยให้แป้กสิ ถถถถถถถถถถ หรือเพราะเอ็นโจปล่อยเบลอบ่อยๆ เรย์กะเลยต้องมาทำหน้าที่แทน ตบมุกกับคาบุรากิด้วยความสนุกสนาน
แต่เรื่องเรย์กะอกหักแล้วไม่แก้ความเข้าใจผิดเนี่ย กูว่าฮีน่าจะแบบ เออผลลัพธ์ออกมาดีก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้ยืดยาวดูหาเรื่องใส่ตัวด้วย บวกกับแกล้งเรย์กะมากกว่านะ เห็นเรย์กะเดือดร้อนหรือหงุดหงิดอาจจะทำให้ฮีแช่มชื่นขึ้นมา เอาคืนเล็กๆน้อยๆเพราะไปสนผู้ชายอื่นนอกจากฮีทำไมล่ะ//สูดควันสารระเหย
เขาแบ่งหน้าที่กันเว้ย มีคนชงก็ต้องมีคนตบ แต่มีแค่ชงกับตบมันจะครบงค์ประชุมได้เยี่ยงไร ถ้าไม่มีคนดูหรือคนคอยขำมุกนั้นก็เป็น
ได้แค่เปลือกหอยเท่านั้นล่ะวะ เพราะงั้น คาบุรากิสายชง เรย์กะสายตบ เอ็นโจสายเก็ท 2คนชงตบอีกคนขำให้ ชีวิตแม่งแฮปปี้มีสีสันยิ่งนัก ถถถถถ
เบื่อ คณะตบมุกซุยรันอะไรกันเนี่ยยยยยยย 55555555+ ในเมื่อกูมโมฉากท่านบากะรากิสารภาพรักได้
กูก็ต้องมโนอย่างอื่นได้อีกเหมือนกัน!!! 555555+
เกิดการมโนว่า เมื่อทั้งสามคนดังสนิทกันขึ้นมาจริงๆ แบบที่ไม่ใช่ทั้งมุมมองจากคนภายนอก
และจากความรู้สึกของท่านจอมมารกับท่านบากะรากิ แต่เป็นความสนิทใจจริงๆของท่านเรย์กะที่มีต่อสองคนนี้
แล้วชวนรั่วไปไหนถึงไหนด้วยกัน 55555+
[ถ้าหลุดคาเเรกเตอร์ขออภัย กราบ]
เริ่ม!!!
-----------------------------------------------------------------------
[ ปฏิบัติการ 3 หน่อ สตอล์กเกอร์!!!]
PART 1
เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไงกันนะ?
ทั้งๆที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นได้แท้ๆเชียว วันเวลาที่ล่วงเลยผ่านไปนี่ช่างน่ากลัวจริงๆ!!
รู้ตัวอีกทีฉันก็มาร่วมนั่งพูดคุยกันอย่างสนิทสนมกับพวกเขาทั้งคู่จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปซะแล้วล่ะ...
ถ้าจะถามว่าสนิทถึงขั้นไหนล่ะก็........
คงจะเป็นขั้นที่สามารถเรียกชื่อกันห้วนๆได้อย่างไม่โกรธเคืองและพูดคุยเล่าเรื่องส่วนตัวราวกับว่าเป็นเรื่องทั่วๆไปได้ล่ะนะคะ
ถึงจะยังไม่ค่อยชินที่จะเรียกชื่อจริงกันสักเท่าไหร่เพราะติดเรียกนำหน้าว่าท่านมาก่อน แต่เดี๊ยวสักพักก็ชินเองล่ะนะ~~
อืม....ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ คงจะเข้าทำนองเดียวกับ Butterfly Effect ล่ะมั้ง?
ถ้าฉันไม่ทำตัวเหลวแหลกและร้ายแรงตามบท [คิโชวอิน เรย์กะ] ในเรื่อง ชีวิตฉันก็ดูเหมือนสงบสุขดี มีเพื่อนและน้องๆที่น่ารักมากมาย และอาจจะไม่พบกับจุดจบอันโหดร้ายแบบนั้นก็ได้ แต่ก็ขอไม่ประมาทไว้ก่อนละกันนะ
พอหวนนึกถึงการกระทำของตัวเอง ที่ทำอย่างกับว่าพวกเขาทั้งคู่เป็นอะไที่ไม่น่าเข้าใกล้ต้องหลีกเลี่ยงเสมอแล้วก็รู้สึกโกรธตัวเองอย่างอดไม่ได้...
จริงๆเลยนะเรย์กะ!! ทั้งๆที่ทั้งคู่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรแท้ๆแต่ฉันกลับไร้เหตุผลใส่แบบนี้
โฮฮฮฮฮฮ ขอโทษค่ะ จะไม่ทำอีกแล้วค่ะ จะไม่ตีโพยตีพายคิดเองเออเองไปก่อนแล้วล่ะค่ะ เพื่อเป็นการชดเชยความผิดฉันจะทำตัวดีๆพูดคุยกับท่านทั้งคู่อย่างจริงใจ แล้วถ้ามีอะไรที่ช่วยได้ก็จะช่วยอย่างเต็มที่เลยล่ะนะ!!
พอได้เปลี่ยนมุมมองและความคิดแบบนี้แล้ว ท่านเอ็นโ- หื้ม ท่านชูสุเกะที่ฉันมักจะตั้งป้อมป้องกันและเชื่อมาตลอดว่าเป็นปีศาจจอมทวงหนี้และเห็นแก่ผลตอบแทนแต่อย่างเดียวนั้น กลับไม่ได้เป็นอย่างนั้นสักนิด เขาน่าเป็นแบบอย่างของเพื่อนแท้และมิตรภาพของลูกผู้ชายเลยนะ แถมยังคงยิ้มแย้มอย่างสุภาพอ่อนโยนและปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียมเสมอ อีกทั้งยังมีความเป็นผู้นำที่ดีและเเก้ไขปัญหาได้อย่างเฉียบคมและเด็ดขาด น่านับถือมากๆเลยล่ะ~~
ส่วนท่านมาซายะ ถึงแม้ภายนอกจะมีรัศมีจักรพรรดิเต็มเปี่ยมอย่างที่ใครๆต่างก็เกรงกลัวกันก็จริง แต่ความจริงแล้วกลับเป็นกันเองและเซนส์ซิทีฟสุดๆ พอนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ท่านช้ำรักมาหมาดๆ และไปน้ำตกเก็งเคกับผาโทจิมโบโดยที่มีท่านชูสุเกะคอยคว้าแขนกับเสื้อด้านหลังเอาไว้แล้ว เป็นหลักฐานยืนยันอย่างดีเลยทีเดียว...
ได้รับรู้ถึงมุมหลายๆมุมที่ไม่เคยได้รับรู้มาก่อนเยอะเลยล่ะ~
รวมถึง...
มุมๆนี้ด้วย...
ฟึบบบบ!!
"คนๆนี้ไง ที่ฉันพูดถึงเมื่อครั้งก่อน"
ฉันมองภาพถ่ายที่กระจายออกมาจากซองสีน้ำตาลตราหน้าสีแดงสดว่า Top Secret ที่ท่านมาซายะผู้กำลังอารมณ์เสียปาอัดลงบนโต๊ะและนั่งฮึดฮัดหน้ายับยู่ยี่ซะจนไม่น่าเข้าใกล้
เดี๊ยวหน้าก็แก่ไวหรอกค่ะ...
ฉันจิบคาโมมายด์เล็กน้อย แล้วหันไปเติมใส่ถ้วยของท่านชูสุเกะที่นั่งยิ้มอ่อนอยู่ข้างๆ แล้วก็ไม่ลืมหันไปเติมให้ท่านมาซาะยะด้วย จิบเข้าไปเยอะๆเลยนะ! หมดแก้วไปเลย! ไม่สิ เอาไปทั้งกาเลยดีกว่า
"พักนี้น่ะ ดูเหมือนวาคาบะจะติดต่อกับหมอนี่บ่อย แถมมันยังชอบไปโผล่ที่บ้านของวาคาบะและไปไหนมาไหนด้วยกันอีกด้วย!!"
อืม....ดูรวมๆแล้วก็เป็นผู้ชายที่จัดได้ว่าหน้าตาธรรมดาๆท่ามาเทียบกับทั้งสองคนนี้
"อาจจะเป็นเพื่อนจากโรงเรียนเก่าก็ได้นะคะ"
"อ่า ใช่แล้ว เป็นเพื่อนเก่าของยัยนั้นน่ะ"
"ดูว่างจังนะมาซายะ อย่าไปยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของคุณทาคามิจิมากสิ"
ใช่แล้วล่ะ คนรวยนี่เป็นนี้ทุกคนหรือเปล่านะ ถ้าอยากรู้ประวัติหรืออยากเฝ้าจับตาใครก็จ้างนักสืบหรือการ์ดนอกเครื่องแบบติดตามคนๆนั้น ลองไปถามท่านพี่ดูดีมั้ย? โชคดีจังที่ตัวเองไม่โดนแบบนี้
"ก็ฉันไม่ชอบนี่!!"
"แล้วถ้าคุณทาคามิจิรู้ขึ้นมาล่ะจะทำยังไง? งั้นลองถามความเห็นจากคนใกล้ตัวก็ได้" ท่านชูสุเกะหันมายิ้มให้ฉันอย่างถามความเห็น "ถ้าเป็นเรย์กะ แล้วถูกทำแบบนี้จะรู้สึกยังไงเหรอครับ?"
น่ากลัว!!
ก็ว่าจะตอบไปแบบนั้นล่ะนะ แต่ถ้ากลับมาคิดอีกแบบนึง เห็นคนที่ตัวเองชอบอยู่กลับผู้ชายคนอื่น มันก็ต้องรู้สึกหึงหวงและอยากขุดคุ้ยประวัติเขาคนนั้นเป็นธรรมดา แปลว่าใกล้ถึงEventวาคาบะกับงานรวมรุ่นของตัวเองแล้วสินะ!! ดีล่ะ ฉันจะช่วยท่านอย่างเต็มที่เองค่ะ ถ้าทำให้พระเอกกับนางเอกลงเอยรักกัน ไม่เเน่นะ ฤดูใบไม้ผลิสำหรับฉันอาจจะมาถึงอย่างรวดเร็วก็ได้~
"อืมมม น่ากลัวมั้ย มันก็น่ากลัวนะคะ แต่ก็แฝงมาด้วยความโรแมนติคเล็กๆเช่นกัน เพราะใครๆก็ไม่อยากเห็นคนที่ตัวเองชอบอยู่กับคนอื่น" ทันทีที่ฉันพูดจบ ท่านชูสุเกะพยักหน้าเม้มปากอย่างครุ่นคิด ส่วนท่านมาซายะก็หน้าขึ้นสีเล็กน้อยพร้อมหันไปอีกทาง แหม~ เขินอายน่ารักจังนะคะ "แต่ทางที่ดีก็อย่าให้เจ้าตัวรู้เด็ดขาดเลยนะคะว่าท่านน่ะ
เป็นสตอล์กเกอร์..."
"เห็นมั้ย!! เรย์กะยังเข้าข้างฉั-- ห๊ะ!? ฉันไม่ได้เป็นสตอล์กเกอร์นะ!!"
ฉันทำเป็นรินชาคาโมมายด์ใส่แก้วท่านชูสุเกะทันที เอ๊~~~~!! เปล่าพูดอะไรเลยนะ ผ่อนคลายสิคะ ผ่อนคลาย ท่านชูสุเกะก็อย่ามัวเเต่ขำสิ! ช่วยด้วยค่ะ!!
"เอ้าๆพอมาซายะ ตกลงเรื่องนี้จะคุยแค่นี้ใช่มั้ย? ผมจะได้ไปรับยูกิโนะที่ชั้นเปอติสต์"
"ไม่ใช่เเค่นี้ซะหน่อย ลืมเรื่องใหญ่ไปเลย!!" ท่านมาซายะมองหน้าฉันกับท่านชูสลับกันไปมาอย่างจริงจัง"หมอนั้นจะพาวาคาบะไปสวนสนุกอาทิตย์นี้ แล้วทั้งคู่จะต้องไปกับฉัน!!"
มาแล้วไงคะ....คำสั่งของท่านจักรพรรดิ
"ฉันไม่-"
"ยังไม่อยากฟังคำตอบของนายชูสุเกะ เรย์กะ!! แค่เธอตอบมาว่าจะไปหรือไม่ไปก็พอ"
"คะ??"
เอ๊า!! ไหงงั้นล่ะ เห้อ.....ยังไงก็ต้องไปอยู่แล้วล่ะะนะ ก็ฉันตั้งปณิธานจะช่วยให้ท่านสมหวังอย่างเต็มที่นี่
"ไปค่ะ" ท่านมาซายะพยักหน้ายิ้มรับอย่างพึงพอใจแล้วหันไปยักคิ้วใส่ท่านชูสุเกะทีนึง
"แล้วนายล่ะ"
"ไป!!"
"จบ!! "
--------------------------------------------------------------------------------------------------
กูมโนอะไรนิ 5555555 เดี๊ยวมาค่อยต่อ PART 2 ขอดูกระเเสตอบรับแป็บว่าหนุกมั้ย ถ้าไม่กูจะได้หยุด 5555+
ท่านเอ็นโจคะ หลอกใช้เพื่อนถามท่านเรย์กะว่าจะรู้สึกยังไงว่าถูกสตอล์กเกอร์น่ะสิ แหมมมม พอตอบว่าดูโรแมนติกเท่านั้นแหละ กลั้นยิ้มอยู่ใช่มั้ย ตอบ!!!
แท็ก love อาจจะหมายถึงทุกคนรอบ ๆ ตัวท่านเรย์กะป่าวมึง //ตีปาก
ฮิโยโกะซามะต้องไม่ทำกับกูแบบนี้ จะให้มโนของสหายโม่งเป็นแค่กาวไม่ได้ ฮืออออออ
แท็ก love น่าจะผลพวงมาจากโชโจมังงะ Kimi Dolce แต่โลกนี้พอท่านเรย์กะระลึกชาติได้เลยกลายเป็น comedy เพียวๆ ถถถถ
[ ปฏิบัติการ 3 หน่อ สตอล์กเกอร์!!!]
PART 2
ฉันตื่นแต่เช้าอาบน้ำแต่งตัวมารอยังจุดนัดพบ ณ ที่ สวนสาธารณะ ด้วยความที่วันนี้ต้องไปเดินร่วมปะปนกับคนทั่วๆไป แล้วสถานที่ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าสวนสนุก จะให้แต่งอะไรที่ดูคุณหนูจ๋าอย่างทุกๆวันที่ใส่อยู่คงอายเขาตาย....
วันนี้จึงใส่แค่ เชิ้ตสีครีมธรรมดาๆสวมทับด้วยฮู๊ดหนาสีเทากับกางเกงยีนส์ขาสั้นที่แอบท่านแม่ซื้อมาไว้สวมทับถุงน่องสีดำ สะพายเป้เล็กที่หลังกับใส่รองเท้าผ้าใบก็พร้อมตะลุยเดินเต็มที่
http://imgur.com/a/EY0QW << ไม่เป๊ะเท่าไหร่แต่พอถูไถได้ ท่านเรย์กะไม่แต่งเซ็กซี่ขนาดนั้นหรอก ถถถถถถ
โชคดีจังที่วันนี้ท่านแม่ไม่อยู่บ้าน......
พอได้มาแต่งตัวธรรมดาๆอย่างนี้แล้วรู้สึกคิดถึงวันวานจัง ถึงจะหุ่นไม่ค่อยจะดีเท่าตอนนี้ก็เถอะ.... อุ๊!!! ปากเสียชะมัด!!! ว่าตัวเองอย่างนี้ได้ยังไงกันนะ ตบปากตัวเองเดี๊ยวนี้เลยเรย์กะ!! นี่แหนะๆๆ!!
"แค่กๆๆ"
อะ เอ๊!! ม-มีคนอยู่เหรอเนี่ย!!
"อรุณสวัสดิ์ครับ เรย์กะ" ท่านเอ็นโ- ท่านชูสุเกะก็ยังคงมอบรอยยิ้มที่อ่อนโยนและสว่างไสวส่งมาที่ฉันเช่นเคย นานๆทีจะได้เห็นท่านชูในชุดไปรเวท
ธรรมดาๆนะเนี่ย เป็นชุดเรียบๆแต่หรูอย่างเสื้อเชิ้ตสีครีมสวมทับด้วยกั๊กไหมพรมลายตารางสีเข้มสไตล์ลอนดอนกับกางเกงขายาวสีดำ ชอบสไตล์ผู้ดีอังกฤษสินะคะ
"อรุณสวัสดิ์เช่นกันค่ะ ท่านชูสุเกะ" ฉันส่งยิ้มหวานให้ "วันนี้....อากาศดีจังเลยนะคะ"
"ครับบบบบ ชุดในวันนี้เหมาะกับเรย์กะมากเลยล่ะ"
"ขอบคุณค่ะ"
ท่านชูสุเกะก็ยังคงส่งยิ้มกว้างแววตาพราวระยับให้อยู่อย่างนั้น.....ทำไมรู้สึกยังกับว่าถูกหัวเราะเยาะอยู่เลยล่ะ.....
ได้โปรดดดดด ช่วยลืมๆฉากตบปากของฉันไปด้วยเถอะนะคะ!!!! ไม่น่ามารอก่อนเวลาเลย โฮฮฮฮฮฮฮ
"วันนี้เรย์กะก็ยังร่าเริงเหมือนเดิมเลยนะ"
ชมจริงๆใช่มั้ยนั่น!!!
เราทั้งคู่ก็คุยกันไปเรื่อยๆ รอเวลา ท่านชูบอกว่าป็อบคอร์นที่นั่นอร่อยมากๆเลยล่ะ!!
ว่าแต่.....ฉันเอาเงินมาเท่าไหร่กันนะ? อยากกินป็อบคอร์นจัง~~
ฉันเปิดคุ้ยๆหากระเป๋าตังค์ในเป้ตัวเองดู อืมมม ก็เอามาเยอะสมควรนะ สักพักก็เหมือนได้ยินเสียงเครื่องยนตร์ที่ตรงมาอย่างแรงกับเสียงกรีดร้องตกใจของคนโดยรอบกับท่านเอ็นโจที่อยู่ข้างๆ พอจะเงยหน้าดูก็รู้สึกถึงแรงกระชากตัวลอยหวือเข้าหากลิ่นโคโลญอ่อนๆที่คุ้นเคยซะก่อน รู้ตัวอีกทีก็มานั่งอยู่บนรถของท่านมาซายะซะในอ้อมกอดท่านชูสุเกะแล้วล่ะ ฉันรีบขอโทษขอโพยแล้วดันตัวออกมาในทันที ว่าแต่....
เมื่อกี๊มันอะไรกันน่ะ?!!
"ทำอะไรของนายน่ะมาซายะ!!"
"ดูมาจาก Walking Dead Season 13 น่ะ"
"ห๊ะ??!"
หลังจากที่เราทั้งคู่จัดที่ทางนั่งที่กันอย่างปลอดภัยแล้ว ท่านมาซายะก็โดนท่านชูสุเกะสวดยับว่าด้วยเรื่องความปลอดภัย สิทธิส่วนบุคคล กฎหมาย และอื่นๆอีกมากมาย รวมถึงวิจารณญาณในการรับชมภาพยนตร์ด้วย
สมควรแล้วล่ะนะคะท่านมาซายะ จริงๆเลย...
-------------------------------------------------------------------
เราจะยังเชื่อมั่นใน TAG LOVE!!
ทำสารบัญมาจนถึงฟิคเรื่องที่17ละ กูสงสัยจังว่าญี่ปุ่นเขามีเขียนฟิคเรื่องนี้กันบ้างมั้ย ทำไมโม่งซุยรันสาขาไทยกาวโหดกันจังวะ........
วันนี้ไม่มีกาวให้สูดดมเหรอ กูลงแดง
อยากต่อฟิคเก่าๆอยู่นะ แต่กูตัน คิดบทไม่ออก ถถถ
กูอ่านฟิคกาวกัปตันยูกิโนะของโม่งบนๆแล้วกูอยากแต่งเกี่ยวกับครอบครัวนี้มาก คิโชวอินยังมีซิสค่อน บ้านเอ็นโจก็ต้องมีบราค่อนบ้างสิวะ
จะได้เท่าเทียม ถึงตัวจะเป็นเด็กแต่สมองเป็นผู้ใหญ่ ชื่อของเขาคือยอดนักสื--------ยูกิโนะที่ภายนอกเป็นน้องชาย แต่ด้วยความทรงจำในชาติก่อนทำให้มีประสบการณ์มากกว่า ในใจเลยเอ็นดูชูสุเกะเหมือนน้อง แถมยังเป็นเดือดเป็นร้อนแทนน้องชาย(?)ที่ชีวิตนี้ได้แต่สตอล์กเกอร์สาวเงียบๆ
เลยผันตัวไปเป็นกัปตันเรือผู้เหี้ยมหาญตัดกำลังศัตรูและต่อต้านคู่หมั้นของเอ็นโจ จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อน้องชายปะทะคู่หมั้นพี่ ศึกน้องว่าที่สามีไม่ปลื้มจะจบลงเยี่ยงไร
เอ็นโจ ยูกิโนะจะคว้าชัยชนะหรือปราชัย
โปรดติดตาม story ครอบครัวโจโจ้ ภาค น้องชายของผมไม่น่ารักขนาดนั้นหรอก!!!
เร็วๆนี้ปีหน้า บัยส์
พวกมึงคิดว่ากูจะแต่งจริงหรออออ งานกูยังดองไว้อยู่ยังไม่แตะเลยความขี้เกียจมันบังตา โม่งไหนแต่งแต่งเลยนะ
ถึงกูจะขี้เกียจแต่งแต่กูไม่ขี้เกียจอ่านแน่นอน 5555 เดี๋ยวโต้คลื่นผ่านมรสุมไปก่อนกูค่อยแต่ง //สูดกาวเพิ่มพลัง
วันนี้จะปล่อยโม่งตาดำๆแห้งเหือดจริงๆเหรอคะ *ทำตาหวานใส่ชาวโม่งฟิค*
กูจะลงแดงแล้วว ต้องการกาวววววว
เฮ้ยๆ เพื่อนโม่ง
กูมีพล็อตมาเสนอว่ะ
เอ็นโจตายแล้วไปเกิดใหม่ในโลก kimi dolce แล้วก็ไปตามจีบเรย์กะ
[ ปฏิบัติการ 3 หน่อ สตอล์กเกอร์!!!]
PART 3
ก็เข้าใจอยู่หรอกนะคะ ว่าวันนี้เรามาแอบตามรอยดูวาคาบะจังกับคุณเพื่อนโรงเรียนเก่าคนนั้น.....
แต่มันจำเป็นต้องขนาดนี้มั้ย??
"เรย์กะ ใส่แว่นกับหมวกสักทีสิ!!"
โธ่เอ๊ย ขอเถอะน่า!! อุตส่าห์ปลื้มปริ่มดีใจที่ท่านทั้งคู่ให้ความร่วมมือในการแต่งตัวให้ดูเป็นผู้เป็นคนธรรมดาทั่วๆไปอยู่แล้วเชียว นี่ฉันลงทุนม้วนลอนอ่อนๆมาเพื่อวันนี้โดยเฉพาะเลยนะ เสื้อยืดแขนยาวสีดำกับยีนส์สามส่วนและผ้าใบสีขาวที่ท่านใส่อยู่นั่นโอเคเลยล่ะ
แต่ไอหมวกเบเล่ต์กับแว่นกันแดดสีดำนี่มันคืออะไรกัน!! ส่วนผ้าปิดปากสีดำของท่านก็ถอดสักทีเถอะค่ะ!!
"หน้าตาพวกเรามันเป็นเอกลักษณ์จะตายไป ถ้ายัยนั่นเห็นว่าพวกเรามาก็จบกันพอดีสิ!!"
"แต่ฉันว่ายิ่งท่านมาซายะเเต่งแบบนี้ ยิ่งเป็นเอกลักษณ์มากกว่านะ!! ใครเขาสวมหมวก แว่นตาดำกับผ้าปิดปากเข้าสวนสนุกอย่างนี้เล่า!! เดี๊ยวก็ถูกกักตัวไว้ในฐานะผู้ต้องสงสัยหรอก!!"
"ฉันเห็นด้วยกับเรย์กะนะมาซายะ หยวนๆเหลือแค่แว่นก็แล้วกัน ถ้าพวกเราถูกเห็นจริงๆก็แค่บอกไปว่ามาเที่ยวเฉยๆก็ได้"
"หึ กลัวอะไร!!" ว่าแล้วท่านก็สวมแว่นRay-Ban แล้วactท่าอย่างมั่นใจ "สบายใจได้! นี่มันสวนสนุกชื่อดังในเครือตระกูลเอ็นโจเชียวนะ แค่เสนอหน้าของชูสุเกะไปให้เห็น ก็เท่ากับว่าได้บัตรVIPมาในกำมือแล้ว ทุกอย่างในสวนสนุกนี้ฟรีหมด!! นี่ยังไม่รวมกับสิทธิพิเศษอื่นๆอีกด้วยนะ!!"
คุณพระ!!
ฉันหันขวับไปมองหน้าบัตรVIPที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ นึกว่าธุรกิจในเครือตระกูลเอ็นโจจะมีแต่ทางด้านการแพทย์และโรงพยาบาลซะอีก หวา อายจัง อุตส่าห์ได้เป็นเพื่อนกันทั้งทีแต่ฉันกลับไม่รู้อะไรเลย
"ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้"
"ฮะๆๆ ไม่ผิดหรอกครับที่จะไม่รู้ อันที่จริงสวนสนุกนี้เคยวางโปรเจกต์ไว้ว่าจะสร้างเป็นสถานที่บำบัดน่ะ แต่ก็มีปัญหาหลายๆด้าน แถมไม่ค่อยเป็นเอกลักษณ์สักเท่าไหร่ เลยตกลงสร้างเป็นสวนสนุกแทน"
"อ้าวแล้วโปรเจกต์เก่าล่ะคะ?"
"อื้ม สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วล่ะ เป็นสถานที่บำบัดในธีมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจำลอง มีไว้สำหรับเหล่านักธุรกิจทีมีความเครียดสะสมและเหนื่อยล้าจากการทำงานแล้วอยากไปเที่ยวแต่ไม่ค่อยมีเวลา เป็นตัวเลือกที่ดีถ้าอยากจะพักผ่อนเลยล่ะ อยากมาเที่ยวเฉยๆก็ได้ด้วนนะครับ"
"ยอดไปเลยใช่มั้ยล่ะ!! ขอเสริมอีกนิดว่าเป็นไอเดียของชูสุเกะเพียวๆเลยนะ!!"
ท่านมาซายะตบหลังเพื่อนป้าบๆอย่างภูมิใจ พร้อมเล่าถึงประสบการณ์ที่ตัวเองได้มาทดลองใช้บริการ
ท่านมีความเครียดอะไรสะสมเหรอคะ?
"วิเศษไปเลยค่ะ!! ได้ช่วยงานธุรกิจครอบครัวอย่างนี้ " ฉันมองท่านชูสุเกะอย่างนับถือ ถ้าฉันได้ช่วยงานครอบครัวแบบนี้ก็ดีสิ ไว้ลองไปขอท่านพี่กับทานุกิดูดีมั้ยนะ
"ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ถ้าเรย์กะสนใจก็บอกผมนะ มันไม่ได้ไกลมากหรอก อยู่อีกฝากนึงของสวนสนุกนี้เองเดี๊ยวผมชี้ในแผนที่ให้ดู"
สนใจสิคะ! สนใจมากๆเลยล่ะ!! พักนี้ทานุกิกับท่านพี่ต่างโหมงานเอา โหมงานเอา ได้มาพักคลายเครียดบ้างก็ดีเหมือนกัน ท่านแม่ก็น่าจะชอบด้วยล่ะ
"ค่ะ~ แน่นอนอยู่แล้ว~ ไม่พลาดหรอกค่ะที่ๆดีและน่าสนใจอย่างนี้"
"เรย์กะในชุดว่ายน้ำก็น่าสนใจเหมือนกันครับ"
หือ??
"เมื่อกี๊ว่าอะไรนะคะ?"
"เปล่าครับบ~ เราเข้าไปข้างในกันได้แล้วล่ะนะ"
ฉันพยักหน้าหงึกหงัก เออ ออ ตาม แล้วทำไมท่านมาซายะต้องทำหน้าพิลึกกึกกือราวกับเห็นอะไรที่ไม่สมควรเห็นอย่างนั้นล่ะคะ? แปลกคนจริงๆ
ที่สวนสนุกแห่งนี้จะใช้ระบบพิเศษคือสแกนบาร์โค๊ดบนริสแบรนด์แทนการใช้จ่ายเงินสดเพื่อป้องกันการลักกขโมยและสูญหาย แถมยังมีจุดบริการพิเศษอย่างรับฝากของ นำทาง หรือแลกเงินเพิ่มถ้าไม่พอ เรียกได้ว่าอำนวยความสะดวกสะบายสุดๆ!!
ตอนแรกก็นึกว่าสวนสนุกธรรมดาๆซะอีก.....
ทันทีที่เจ้าหน้าที่ได้เห็นหน้าท่านชูสุเกะเท่านั้นล่ะ พวกเราสามคนก็ราวกับถูกอัญเชิญให้เข้าไปในทางพิเศษพร้อมติดริสแบรนด์ที่มีบาร์โคดเฉพาะลูกค้าVIPเท่านั้น
ท่านชูกระซิบมาว่า ค่าเครื่องเล่นและค่าอาหารฟรีล่ะค่ะ
ยอดเยี่ยมที่สุด!! คราวหน้าขอยืมตัวท่านมาอีกได้มั้ยคะ?
-----------------------------------------------------------------
>>387 กรี๊ดดดดดดดด รักมึงค่าาาา กูฟินนน นี่แหละท่านเรย์กะ มีแฟนสายเปย์สายรวยสายตามใจอย่างนี้จับไว้ให้มี่น อย่าให้หลุดไปไหน!
กูขำตอนเรย์กะค่อนคอดคาบุรากิในใจว่ามีความเครียดด้วยเหรอ 5555 มาซายะแม่งทั้ง อฟช. ทั้งฟิคนิสัยบ้าบอคอแตกเหมือนกันจนกูแยกไม่ออกแล้วว่าอันไหนจริงอันไหนฟิค เอ็นโจคงไม่คิดทิ้งเพื่อนบ้าๆอย่างมาซายะไล่สตอล์กวาคาบะคนเดียวโดยไม่มีคนคุม แล้วแอบฉุดเรย์กะไปเดทสองต่อสองหรอกนะ เอ๊ะ หรือวางแผนไว้เรียบร้อยแล้ววะ 5555
ตินนี้จากที่อ่านฟิคมาทั้งหมด ท่านเอ็นโจกูมีพัฒนาการขึ้นมาก....คือกูหมายถึง
..ความหื่นอ่ะนะ แม่งก๊าวใจชิบหาย หางเริ่มโผล่แล้วนะคะท่านเอ็นโจ โผล่แบบใกล้จะปิดไม่มิดแล้วด้วย ถถถถ
>>387 อืม มึงมั่นใจนะว่าเขียน 3 หน่อสตอล์กเกอร์? ไม่ใช่การ (ทดลอง) เดทของเรย์กะกับเอ็นโจว+ตัวแถม? //ฮา
สักพักเอ็นโจคงลากเรย์กะไปเล่น super splash แทน อูยยยยย์~ sexy! ไม่ได้เห็นชุดว่ายน้ำ (หรือนางหวังบิกินี?) ก็ขอเห็นชุดเปียกๆ แนบร่างแทนอะไรแบบเนี่ย~
อะแฮ่ม โทษที กุกาวเองตอนที่เอ็นโจวสนใจเรย์กะในชุดว่ายน้ำ โอ้ยรีบมาต่อนะมึงก่อนที่กุจะกาวไปมากกว่านี้!
ฟิคซัมเมอร์บีชเอ๋ย จงมา!
>>384 จากพล็อตนี้ กูอยากเขียนมาก ขอเอามาเขียนนะ
------------------------------
ภาพสุดท้ายที่ผมจำได้คือแสงไฟสีขาวที่เจิดจ้าจนมองไม่เห็นอะไรข้างหน้า และเสียงแตรที่ดังสนั่นหวั่นไหว สติผมดับวูบไปจนเหลือแค่สีดำๆที่มองไม่เห็นอะไรเลยสักอย่าง แต่รู้สึกตัวอีกที ผมก็กลายมาเป็นเด็กหกขวบเข้าให้แล้ว
ตลอดชีวิต ผมไม่เคยทำอะไรที่ดูโง่เง่า แต่ตอนนี้ผมกลับอ้าปากค้างเหมือนคนปัญญาอ่อนอยู่หน้ากระจกเงาเมื่อได้เห็นรูปโฉมตัวเอง
มันเหมือนเปิดอัลบั้มรูปแล้วได้เห็นตัวเองเมื่อสิบกว่าปีก่อน เอ็นโจ ชูสุเกะวัยสี่ขวบที่อยู่ในรูปถ่าย กลับมาปรากฎอยู่ตรงหน้าในกระจก ทำกริยาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน ลองตบแก้มหรือหยิกตัวเองก็รู้สึกความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น นี่ไม่ใช่ฝันงั้นหรือ
ผมนั่งลงกับพื้นเพราะรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย พยายามนึกความทรงจำก่อนหน้านั้น ผมไปที่บ้านพักตากอากาศ ตอนนั้นฝนตกลงมาอย่างหนัก แล้วรถบรรทุกก็ข้ามเลนมา...แต่หลังจากแสงสีขาวนั่นก็นึกไม่ออกเลย
นั่นคือวาระสุดท้ายในชีวิตผมงั้นเหรอ
มันค่อนข้างจะเหลือเชื่อ แต่เวลาผ่านไป ผมก็ต้องยอมรับว่าผมได้ตายลงในวัยสิบเจ็ดปี แล้วก็กลับมาอยู่ในร่างตัวเองตอนสี่ขวบอีกครั้ง
โชคดีที่ไม่ได้ไปอยู่ในร่างแปลกๆหรือร่างคนอื่นแบบที่เคยอ่านเจอในนิยายหลายๆเรื่อง อย่างน้อยก็ได้กลับมาเป็นตัวเอง ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านตัวเอง ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมแม้แต่น้อย
อ้อ ไม่สิ ที่เปลี่ยนน่ะคือสีผมต่างหาก ตัวผมในชาติที่แล้วมีผมสีดำ แต่ตอนนี้มีผมสีอำพัน มันค่อนข้างๆจะแปลกๆที่ได้เห็น แต่ก็ใช่ว่าจะเลวร้ายอะไร
พรุ่งนี้คือวันที่เข้าเรียนที่ซุยรันวันแรก ผมไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไรเพราะทางบ้านจัดไว้ให้หมดแล้ว ผมนอนบนเตียง ครุ่นคิดเรื่องวันแรกของการเปิดเทอมในชาติที่แล้ว ในโลกนี้ผมรู้จักมาซายะ ไอระ ยูริเอะหมดแล้ว งั้นก็เหลือแค่เธอคนนั้น
คุณคิโชวอิน
ผมจำได้ว่าวันเปิดเทอมวันแรก เธอจ้องมาที่หัวผมแล้วพูดเรื่องย้อมผมทองนี่นา
ถ้าได้เห็นสีผมของผมในตอนนี้ เธอจะคิดยังไงกันนะ จะดีใจรึเปล่า
แต่พอนึกถึงคุณคิโชวอินก็รู้สึกเศร้าแปลกๆ เธอจะเศร้าที่ผมตายรึเปล่า เธอจะร้องไห้ให้ผมบ้างมั้ย หรือหัวใจเธอจะเย็นชาจนวาระสุดท้ายของผม
โลกนั้นผมตายลงก่อนที่จะได้พูดอะไรออกไป เมื่อนึกย้อนไปก็พลาดโอกาสหลายๆอย่างที่น่าเสียดายว่าทำไมผมไม่ทำมันนะ
ในเมื่ออดีตก็คืออดีต อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ย้อนกลับมาแก้ไขไม่ได้ แต่ในเมื่อมีโอกาสที่พระเจ้าประทานให้ ผมก็ขอน้อมรับไว้ด้วยความเต็มใจ
เอ็นโจ ชูสุเกะ ในเมื่อมีโอกาสแก้ไขแล้วก็จะไม่ยอมปล่อยให้มันผิดพลาดเป็นครั้งที่สอง
.
.
ผมเห็นเธอได้ไม่ยากเลย ด้วยรูปลักษณ์เช่นนั้น ผมม้วนเกลียวอันเป็นเอกลักษณ์ ใบหน้าน่ารักเหมือนตุ๊กตา ข้างกายเธอก็มีลูกสมุนสองคนประกบติดเหมือนเดิม ที่ต่างออกไปคือท่าทางที่ดูเชิดหยิ่งยิ่งกว่าครั้งไหนๆในความทรงจำ
คุณคิโชวอิน ท่าทางแบบนั้นมันอะไรกันน่ะ
เมื่อเธอเห็นผม เธอก็ตรงเข้ามาทันที ผมกำลังจะทักเธอ แต่คุณคิโชวอินกลับผ่านเลยไป ไปทักมาซายะที่เดินตามมาด้านหลัง
มาซายะทำหน้ารำคาญ พยายามสะบัดแขนออก แต่คุณคิโชวอินกลับเกาะแน่นไม่ยอมปล่อย
เอ๋ อะไรน่ะ
"อ้อ ท่านเอ็นโจ อยู่ด้วยเหรอคะ สวัสดีค่ะ" คุณคิโชวอินหันหน้ามาทางผมแล้วถอนสายบัวให้ จากนั้นก็ไปพูดกับมาซายะต่อ
ผมกระพริบตาปริบๆอย่างไม่เข้าใจ คุณคิโชวอินเนี่ยนะเข้าหามาซายะ โลกนี้มันบ้าไปแล้ว หรือผมจะสติฟั่นเฟือนเองกันแน่นะ
ขณะจิบน้ำชาในสโมสร ผมก็ได้แต่ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์แปลกๆนี่ ทุกอย่างมันดูกลับตาลปัตรไปหมด คุณคิโชวอินที่เข้าหามาซายะอย่างเปิดเผย หรือมาซายะที่เคร่งขรึมเกินวัย ต่างจากเจ้าเด็กบ้าที่คอยตามแต่ยูริเอะในความทรงจำของผมลิบลับนี่มันอะไรกันนะ
แต่ยูริเอะกับไอระก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ผมควรวางใจไปได้หนึ่งเปลาะ ที่อย่างน้อยก็ไม่มีปัญหาเพิ่มมาให้ปวดหัว
พอมียูริเอะมานั่งด้วย มาซายะก็ไม่เปิดรับใครเหมือนเดิม คุณคิโชวอินก็เลยต้องระเห็จไปนั่งกับสมาชิก pivoine คนอื่นๆ แต่สายตายังคอยมองมาซายะอยู่ตลอดเวลา
ไม่เข้าใจเลย คุณคิโชวอินน่ะคอยหนีพวกเราอยู่ตลอดเวลานะ จะมากรี๊ดกร๊าดดูเป็นเด็กผู้หญิงคลั่งรักเหมือนคนอื่นๆในโรงเรียนนี่เป็นไปได้ยังไง
ผมสังเกตพฤติกรรมของคุณคิโชวอินอยู่หลายวันจนแน่ใจว่าเธอเปลี่ยนไปจริงๆ แบบนี้แผนรับมือการหลบหน้าของเธอที่ผมคิดมาก่อนเข้าโรงเรียนก็เสียเปล่าหมดทุกอย่าง พอจะพูดคุยด้วย คุณคิโชวอินก็พูดคำตอบคำแล้วก็ไปสนใจแต่มาซายะ
ถ้าเป็นสมัยก่อน ผมคงจะหงุดหงิดมากที่ถูกเมินเช่นนี้ แต่ตอนนี้อะไรก็เปลี่ยนไป ผมโตเป็นผู้ใหญ่พอที่จะระงับอารมณ์และเก็บความรู้สึกได้ดี คุณคิโชวอินในตอนนี้ก็แค่เด็กหกขวบ ไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่จะรับมือสักนิด
ผมรู้ว่าถ้าเธอยังตามตื๊อมาซายะต่อไปเช่นนี้ โอกาสมาต้องมาถึงอย่างรวดเร็ว แล้วก็เป็นไปตามคาด มาซายะตวาดใส่คุณคิโชวอินที่ตามตื๊อไม่เลิกตอนกำลังจะเดินไปรับยูริเอะไปเรียนพิเศษด้วยความโกรธเกรี้ยว รอบข้างไม่มีใครกล้าเดินเข้ามาสักคน ปล่อยพื้นที่ตรงนั้นเหมือนสูญญากาศ
หลังจากมาซายะไปแล้ว คุณคิโชวอินได้แต่ยืนนิ่งๆอยู่ตรงนั้น น้ำตาไหลอาบแก้ม อาจจะเพราะเธอได้รับการสั่งสอนมา เวลาร้องไห้เธอก็ยังไม่ฟูมฟายเสียงดังแบบเด็กทั่วไป แล้วเธอก็เดินไปจากที่ตรงนั้น ทิ้งให้คนรอบข้างส่งเสียงซุบซิบกันถึงเรื่องนี้
ผมเดินตามเธอไป คุณคิโชวอินมาหลบมุมร้องไห้เงียบๆอยู่ตรงสวนหย่อมที่ไม่ค่อยจะมีใครเดินผ่านไปผ่านมานัก ผมเดินเข้าไปหา ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ เมื่อเธอไม่รับไปก็พูด "เช็ดหน้าเช็ดตาก่อนเถอะ คุณคิโชวอิน หน้าตาดูไม่ได้แบบนี้มาซายะไม่ชอบหรอกนะ"
เพราะอ้างชื่อมาซายะ เธอก็เลยยอมรับมันมาซับน้ำตาตัวเอง กล่อมง่ายจังเลยน้า
ผมปล่อยให้เธอร้องไห้ นั่งรอเงียบๆ สักพักเธอก็เงยหน้าขึ้นมาพูดด้วย "ขอโทษด้วยค่ะ ทำผ้าของท่านเอ็นโจเปื้อนหมดแล้ว"
ถ้าเป็นปกติผมคงแหย่คุณคิโชวอินแล้วพูดเรื่องบุญคุณไปแล้ว แต่นี่คือการแก้ไข ผมจะไม่ยอมทำพลาดให้เธอกลัวจนต้องหนีอีกต่อไป "เวลาคนให้อะไรก็ควรขอบคุณไม่ใช่เหรอ"
"ขอบคุณค่ะ" เธออ้อมแอ้มตอบ "จะซื้อผืนใหม่ให้นะคะ"
"เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ ตอนนี้คุณทำให้มาซายะโกรธนี่มันร้ายแรงมากเลยนะ" ผมพูดขรึมๆ แต่แอบไขว้นิ้วไว้ข้างหลัง "มาซายะน่ะโกรธง่ายหายช้าซะด้วยสิ ถ้าไม่ใช่ยูริเอะก็อย่าหวังเลยว่าจะเข้าหน้าติด ถ้าถูกบอกว่าอย่ามาให้เห็นหน้าก็หมายความตามนั้นนั่นล่ะ"
ที่ผมพูดมาน่ะ โกหกทั้งเพเลยล่ะครับ
"เอ๋!!" คุณคิโชวอินหน้าเสียไปเลย บิดผ้าเช็ดหน้าในมืออย่างกลัดกลุ้ม ผมแทบจะเห็นวงจรความคิดในหัวเธอได้ทันที ก็ยังเป็นคนคิดง่ายๆไม่ซับซ้อนเหมือนเดิมเลยนะ
ผมนับถอยหลัง รอจังหวะเวลาที่เธอจะพูดขอความช่วยเหลือ แล้วก็เป็นไปตามคาด คุณคิโชวอินเอ่ยออกมาแทบจะในทันที
"แล้ว ฉันควรจะทำยังไงดีล่ะคะ ถ้าเขาเกลียดฉันล่ะก็....ฉันคง..."
"ใจเย็นๆ คุณคิโชวอิน" ผมจับไหล่เธอทั้งสองข้างไว้ มองสบตาแสดงความบริสุทธิ์ใจ "มาซายะน่ะใจอ่อนง่ายกับความอ่อนหวานนะ แบบยูริเอะไงล่ะ"
พอเธอนิ่งไป ผมก็รู้ว่าคำเกลี้ยกล่อมนี้ได้ผลแล้ว ผมเลยพูดต่อ
"คุณคิโชวอินเป็นคุณหนูไม่ใช่เหรอ ไม่ต่างอะไรจากยูริเอะเลยนะ มาซายะชอบคนวางตัวดีและเหมาะสม ขืนคุณยังกรี๊ดๆใส่เขาอยู่แบบนี้ก็เหมือนกับเด็กผู้หญิงทั่วไปที่เอาแต่ตามตื๊อเขาน่ะสิ แล้วเขาจะมาเหลียวแลคุณตรงไหนกันล่ะ คุณควรแสดงความแตกต่างออกมาให้เห็นนะ"
คุณคิโชวอินกระพริบตาปริบๆ ดวงตาที่ยังชุ่มไปด้วยน้ำตา ริมฝีปากที่สั่นระเรื่อทำให้ใบหน้านั้นดูอ่อนแอและอ่อนหวานน่าปกป้อง ผมต้องห้ามใจตัวเองอย่างมากที่จะไม่ดึงเธอเข้ามากอด
นี่เด็กหกขวบนะชูสุเกะ ท่องไว้
เหมือนเธอจะคล้อยตามผมเพราะเธอพยักหน้า แย้มรอยยิ้มกว้างที่ดูสดใสแบบเดียวกับที่เคยเห็นในงานเลี้ยง
รอยยิ้มนั่นขโมยหัวใจผมไปอีกครั้ง จนเหมือนทั้งโลกหยุดเคลื่อนไหว
"ขอบพระคุณที่แนะนำสั่งสอนฉันนะคะ ท่านเอ็นโจ" คุณคิโชวอินค้อมหัวลง
"ไม่เป็นไร แต่ถ้าอยากปรึกษาอะไรก็เชิญได้ทุกเมื่อเลยนะ"
"ค่ะ"
คุณคิโชวอินรับคำด้วยรอยยิ้มสดใสก่อนจากไป ผมรู้ว่าผมซื้อความไว้วางใจจากเธอได้แล้วเรื่องหนึ่ง ของอย่างนี้ไม่ต้องเร่งร้อน ค่อยๆเป็นค่อยๆไปทีละก้าว
เด็กก็เหมือนผ้าขาว ถึงก่อนหน้านั้นเธอจะถูกระบายสีมาอย่างไร แต่จากนี้ไป ผมจะค่อยๆแต่งแต้มสีสันลงไปบนผืนผ้านั้นเอง
คืนนั้น ผมฝันเห็นชูสุเกะของโลกนี้ ร่างของชูสุเกะวัยหกขวบที่มีผมสีน้ำผึ้งถูกขังอยู่ในกระจกทำหน้ากราดเกรี้ยวใส่ผม ทวงร่างของเขาคืนจากชูสุเกะวัยสิบเจ็ดที่มีผมสีดำ ซึ่งนั่นก็คือผม
ผมยื่นมือไปทาบกับกระจก ชูสุเกะในกระจกก็ยื่นมือมาทาบด้วยเช่นกัน
มือเขาเล็ก ต่างจากผมที่เป็นผู้ใหญ่ เขาเหมือนพยายามไขว่คว้าเอาร่างของเขาคืนมา แต่ติดแค่กระจกที่ขวางกั้นเราสองคนไว้
ผมจ้องลงไปในตาเขา รู้ทันทีว่าเขาคิดอะไร ผมกับเขาคือคนคนเดียวกัน
ตอนนี้ผมเป็นแค่คนหน้าไม่อายที่มายึดร่างของเขา ยึดวิถีชีวิตที่เขาควรได้รับ แล้วก็เอาไปใช้ตามใจปรารถนา เหมือนปรสิตที่พยายามจะมีอำนาจเหนือการร่างกายเจ้าของ ผมเองก็ใช่ว่าจะอยากให้เป็นแบบนี้ แต่มันช่วยไม่ได้นี่นา
ตอนนี้โอกาสมาถึง ผมจะไม่ยอมปล่อยมันไปเป็นอันขาด
นายน่ะรอดูเงียบๆในโลกกระจกนั่นก็พอแล้วล่ะ ชูสุเกะ
-----------------------------
โลลิค่อนน่ะ มันผิดกฎหมายนะชูสุเกะคุง
ฟิคนี่มันดีต่อใจจริงๆๆ ซู้ดดด
กุรักฟิคนี้! โลลิค่อนจงเจริญ ท่านหมีเอ็นโจสู้เขา ค่อยๆตะหล่อมเดี๋ยวเด็กมันก็ยอม...ซู๊ตตตคคคค
โม่งแปล ขอบคุณนะ
ตอนนี้ท่านเรย์กะช่างผงาดศักดิ์ศรีเจ้าแม่ได้สง่างามจริงๆ
ตลกนายตัวสำรองกับวาคาบะจังเลยแฮะ
ตอนล่าสุดนี่โคตรจะดียยยย ขอบคุณโม่งแปลน้า เจ้าแม่กาลีถือพัดตีเมืองฝั่งกีฬาแล้วค่าาา
ว่าแต่รู้ข้อมูลพวกนั้นได้ไงคะเรย์กะซามะ ไปถามบากะรากิเรื่องวิธีสโตกเกอร์(?)มา
ท่านเรย์กะไม่ใช่แกะห่มหนังหมาป่าว่ะ
เจ้าแม่กาลี เจ้าแม่กาลีชัดๆ
สมแล้วที่ถูกเลือกมาเป็นหัวหน้าชมรม เท่านี้ชมรมงานฝีมือก็ไร้เทียมทานแล้วสินะ เจ้าแม่กาลีขี่เซอร์บิรัสมาสะบัดพัดตบศัตรูให้กระเด็นไป ว่าแต่ไปรู้ข้อมูลพวกนี้มาจากไหนอะ จากน้องแว่นเพื่อนริรินะเหรอ วาคาบะเพิ่งเคยเห็นประทับทรงเจ้าแม่กาลีจะประทับใจมากมั้ย ทุกคนเงียบกันหมดเลยอะ จากนี้ทุกคนต้องศิโรราบ ยกทำเลที่ดีที่สุดในงานให้ชมรมงานฝีมือแน่ๆ ถถถถถถถถถถถถถถถ
โว้ยยยย. เจ้าแม่องค์ลงแล้วววว. นี่สิที่เฝ้ารอมานาน~ //กราบบบ orz
ทำยังไงเจ้าแม่จะองค์ลงเรื่องอื่นๆ บ้างอ่ะ
โอยยยกุฟิน~ กุชอบฟิคเอ็นโจโลลิค่อนนน มึงมาต่อเลยยย
ปล.ขอบคุณโม่งแปล มากๆ เรย์กะตอนนี้เฉิดฉายสมตำแหน่งจักรพรรดินีจริงๆ
กุจะรอตอนถัดจากนี้นะ รู้สึกมันจะมีโมเม้นท์ที่กร้าววมากๆ รออยู่ คึคึ
เจ้าแม่ประทับแล้วค่ะ รอบนี้มาแบบสวยๆเลย 555
>>409 มึงงงง กูไปรีวิวมา ยังไม่ถึงตอนนั้นอ่ะ ยกเว้นโม่งแปลจะอัพทุกวันน * ช้อนตามองโม่งแปล กระพริบตาปริบๆ* แต่ไม่เป็นไรค่ะ ระหว่างนั้นก็เพลินอยู่
แต่ว่านะ รอโมเมนต์หวานๆ จากท่านเรย์กะผู้แห้งแล้ง ขนาดเจ้าตัวเขายังสถาปนาตัวเองเป็นผู้ใหญ่บ้านคานทองนี่มันก็ยังไงๆ อยู่นะ มึงงงง 55555
โอ้ยยยย ตอนนี้สุดยอดมากกก ถ้าถือพัดเมื่อไหร่นี่คือองค์ลงสินะ 555555 ว่าแต่ท่านเรย์กะนี่รู้บทส่งบทสวดเรียกปีศาจเยอะจังวะ ยังคิดว่าตัวเองเป็นเทพธิดาอีกเรอะ โกรธทีไรแม่งสาปแช่งตลอด ขนาดห้องเก็บของตุ๊กตาน่ากลัวที่ตอนแรกบอกกลัวหนักหนายังไปเอามาใช้ได้ตอนริรินะมา
เจ่เจ้เรย์กะสุดยอดสุดแล้ว ไม่ใช้อำนาจพร่ำเพรื่อ เวลามีเรื่องอะไรที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองก็หลีกหนีไม่วุ่นวาย ยกเว้นวาคาบะที่มีช่วยลับๆ แต่พอเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเองก็พร้อมจะสะบัดพัดฟาดเหล่าร้าย เจ้าแม่กาลีนี่เหมาะสมจริงๆ ว่าแต่ไปรู้เรื่องพวกนั้นจากไหนคะ สตอล์กเกอร์? ข่าวซุบซิบจากพวกผู้หญิง? เอ็นโจคงไม่มาเล่าให้ฟังหรอกมั้ง 55555
ภายนอกสูงส่งสยดสยองแบบนี้ใครจะกล้ามาจีบท่านเรย์กะล่ะเนี่ย
ในโรงเรียนเหลือแต่ท่านเอ็นโจกับบากะรากิให้เลือกแค่สองคนแน่ๆอ่ะท่านเรย์กะ
แต่บากะรากิคู่กับวาคาบะจังไปแล้วเพราะงั้นก็เหลือแต่ท่านเอ็นโจสินะ
ว่าแต่ท่านเรย์กะพวกเราเริ่มชินกับการแปลงร่างอวตารเจ้าแม่กาลีแล้วสินะ
งวดนี้ไม่ต้องทำใจมากเตรียมการมาอย่างดีเชียว
นี่เจ้าแม่องค์ลงเพราะเรื่องห้องในงานโรงเรียนเรอะท่านเรย์กะ5555555555555555555
น้องแว่นสมุนริรินะ เจ้ากรมข่าวลือสุดยอด 555
นางเป็นท่าไม้ตายลับของเรย์กะเลยนะเนี่ย!
จะว่าไปภาพลักษณ์ของท่านเรย์กะยิ่งดูลึกลับน่ากลัวเข้าไปอีก ตั้งแต่คราวไมฮามะ ข่าวลือในยูริมิยะก็เหมือนกัน เจ้าแม่กาลีผู้ยิ้มแย้มอยู่ในที่ของตัวเองอย่างสงบ ทว่าพอถึงคราวฟาดฟันก็หวดพัดแห่งการลงทัณฑ์ขึ้นประหัตประหาร! ถึงเวลานั้นทุกคนจึงได้รับรู้ ไม่มีสิ่งใดเล็ดลอดจากสายตาเจ้าแม่ไปได้ แท้จริงแล้วพวกเราล้วนอยู่ในกำมือเจ้าแม่มาโดยตลอด!!
จากนี้ไป ต่อให้ท่านเรย์กะนั่งจิบชายิ้มอยู่เฉยๆก็ยังดูน่ากลัว เป็นความน่ากลัวระดับครอบงำที่คิโชวอินในคิมิดอลยังเทียบไม่ติด ทุกคนต้องยอมสยบ 555
จะว่าไป ที่จริงก็แวะไปหาริรินะบ่อยๆใช่มั้ยเนี่ย ถึงกับอัพเดทข่าวลืออยู่เสมอด้วย นึกว่าที่โรงเรียนเจอกันไม่บ่อยซะอีก แต่ท่าทางจะสนิทกันดีนะ
และท่านเรย์กะเอาตามตรงก็กว้างขวางไม่เลวเลย รู้ทุกซอกทุกมุม (ยกเว้นเรื่องเกี่ยวกับตัวเองที่คนอื่นไม่กล้าบอก 555) ในรุ่นเดียวกันมีตนอยู่ สาวๆที่ล้อมรอบเถลิงอำนาจใหญ่ ในมุมมืดยังมีสาวกที่เคยหว่านไว้ ให้การช่วยเหลือ แม้แต่ในสภานักเรียนก็ยังมีวาคาบะ+นายตัวสำรองที่สนิทใจใช้ได้ ในรุ่นน้องมีริรินะและสมุน ย้อนกลับไปแม้แต่ในชั้นเปอร์ติสก็ยังมีสายสัมพันธ์ไม่เลว ภายนอกยังมีซากุระจังซัพพอร์ท ในหมู่คนธรรมดายังมีอาโออิจังและกรุ๊ปนายบ้าหมา แม้แต่ในกลุ่มชนชั้นสูงมุมเงียบๆก็ยังมีคุณอาคิมิ ที่มัน...ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรแปลกๆเกิดขึ้นที่ไหนจะต้องมาเข้าหูเรย์กะไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่งทั้งนั้นเลยนี่! นี่มันจักรพรรดินี! สมเป็นจักรพรรดิยิ่งกว่าบาะรากิซะอีก จักรพรรดินีได้ปกครองอาณาจักรซุยรันเอาไว้หมดแล้ว!
โอ้ย ชอบสุดยอดเลย มาดนางได้ เรย์กะซามะะะ
ไม่มีใครต่อเลย กูต่อเองก่อนก็ได้ แง
กาลครั้งหนึ่งในฝัน ต่อจากพาร์ทเอ็นโจ >>181-183
---------------
สัมผัสความอบอุ่นยังค้างคาอยู่บนหน้าผาก ขนาดที่พยายามแอบเอามือถูๆลูบๆออก ความรู้สึกนั้นก็ไม่จางหายไปสักนิด
ทำบ้าอะไรของนายกันน่ะห๊ะ เอ็นโจ!
แล้วพรุ่งนี้ยังต้องเจอกันอีก ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน มองหน้าไม่ติดแน่ๆล่ะ ขนาดแค่คิดว่าต้องเจอกันก็รู้สึกร้อนหน้าแดงไปหมดแล้ว
แง้ ทำยังไงดีล่ะคะ!?
*****
หลังกลับจากงานเลี้ยง ท่านพี่ก็คอยประคองฉันที่เดินกระโผกกระเผกจนท่านแม่สังเกตเห็น พอทราบความก็กระวีกระวาดเรียกคุณแม่บ้านมาช่วยดูแล
"ตายจริง แบบนี้เรื่องที่จะไปเกียวโตวันมะรืนนี้ คุณเรย์กะไม่ต้องไปแล้วกัน อยู่พักเท้าก่อนน่าจะดีกว่านะจ้ะ"
วันมะรืนนี้ ไหนๆก็เป็นวันหยุดคริสต์มาส พวกเราเลยกันว่าจะไปเยี่ยมพวกญาติๆฝั่งท่านแม่ที่เกียวโตกันทั้งครอบครัวน่ะค่ะ ว้า นานๆจะได้ไปเที่ยวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาแท้ๆ แบบนี้คริสต์มาสนี้ฉันก็ต้องอยู่บ้านคนเดียวน่ะซิ น่าเสียดายจังค่ะ ที่จริงมันก็ไม่ได้เจ็บหนักเลยนะ...
... อ๊ะ!
จริงซิ! พักเท้าไงล่ะ!
ช่วงขาแพลงเนี่ยต้องเลี่ยงการยืนการเดินสักสองถึงสามวันซินะ ขนาดเรื่องจะไปเกียวโตวันมะรืนยังยกเลิกได้เลยนี่นา เรื่องที่ฉันขาแพลงเนี่ยเอ็นโจก็รู้ดีอยู่แล้ว ดังนั้นฉันก็ใช้เป็นข้ออ้างยกเลิกนัดในวันพรุ่งนี้ได้ล่ะซิ!
อุโฮะโฮะโฮะ ยอดเยี่ยมไปเลยค่ะ!
แบบนี้ซินะคะที่เรียกว่า 'จากร้ายกลายเป็นดี' น่ะ เกลือจากศาลเจ้าที่เอามาโรยในห้องสามารถขจัดมารได้จริงๆด้วย ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ไว้ว่างๆต้องแวะไปหยอดเหรียญทำบุญสักหน่อยแล้ว
แหม ขอโทษนะเอ็นโจ แต่ฉันขาแพลงจริงๆไม่ได้โกหกนี่นา~
หลังจากอาบน้ำใส่ชุดนอนเรียบร้อยอย่างเปี่ยมสุข พอกลับมาที่ห้องนอน ฉันก็พบท่านแม่นั่งรออยู่
"คุณเรย์กะมาให้แม่ดูอาการเร็วซิจ้ะ"
เอ๊ะ เอ๋?
ฉันนั่งลงกับเตียง ให้ท่านแม่จับตรวจเท้าเบาๆ ท่านแม่เป็นห่วงเป็นใยหนูขนาดนี้เลยเหรอคะเนี่ย สัมผัสได้ถึงความรักของท่านแม่แล้วก็รู้สึกอบอุ่นใจเหลือเกิน ซาบซึ้งจังเลยค่ะ
"ดูท่าทางจะไม่ได้เป็นอะไรมากนักนะคะ ... คุณเรย์กะ คุณเรย์กะมีเรื่องอะไรที่ไม่ได้บอกแม่รึเปล่าจ้ะ?"
หืม? เรื่องอะไรงั้นเหรอคะ?
"...เอ๊ะ หรือว่าท่านแม่จะทราบแล้วว่าวันนี้หนูแอบกินเค้กในงานเลี้ยงไป 5 ชิ้นน่ะคะ!?"
"อะไรนะ! 5 ชิ้น! คุณเรย์กะ นี่คิดจะปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้อ้วนเผะอีกงั้นเหรอ! นี่ถ้าใส่ชุดเดรสแล้วพุงโผล่ออกมาในงานจะน่าเกลียดขนาดไหนกันน่ะฮึ!"
"โอ๊ยๆ เจ็บนะคะท่านแม่ อย่าหยิกซิคะ!"
แง้ ก็มันอร่อยนี่นา เค้กจากห้องครัวโรงแรมห้าดาวของคาบุรากิเชียวนะคะ
ตอนแรกก็แค่ว่าจะลองชิมนิดหน่อย แต่พอได้ลองแล้วก็อดใจไม่อยู่เลยนี่นา
"แต่แม่ไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นจ้ะ"
"เอ๋~ แล้วเรื่องไหนน่ะคะ"
"พรุ่งนี้คุณเรย์กะมีนัดซินะจ้ะ?"
"... อ เอ๋!?"
"เมื่อสักครู่คุณนายเอ็นโจโทรศัพท์มาน่ะจ้ะ ดูเหมือนว่าคุณชูสุเกะจะติดต่อลูกไม่ได้ คุณนายเลยโทรมาช่วยนัดหมายให้ว่าพรุ่งนี้คุณชูสุเกะจะมารับตอนเก้าโมงเช้าน่ะจ้ะ"
ท่านแม่ยิ้มกริ่มอย่างอารมณ์ดีมากขึ้นทุกที ในขณะที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังหน้าซีดลงเรื่อยๆ
อุก แย่แล้ว! นี่นายทำอะไรลงไปน่ะเอ็นโจ! จะโทรมาทำไมกันล่ะห๊ะ!
"เดทวันคริสต์มาสอีฟ เรื่องดีๆแบบนี้ทำไมคุณเรย์กะไม่บอกแม่ล่ะจ้ะ!"
อะ จริงซิพรุ่งนี้มันวันคริสต์มาสอีฟนี่นา
...ไม่ใช่นะคะ! ท่านแม่เข้าใจผิดแล้ว ไม่ใช่เดทนะคะ ชดใช้หนี้ต่างหากล่ะคะ! แล้วก็ไม่ดีเลยค่ะ ไม่เห็นจะเป็นเรื่องดีตรงไหนเลยค่ะ!
"ต แต่ว่าตอนนี้หนูเท้าแพลงแบบนี้ พรุ่งนี้คงไปไม่ไหวหรอกนะคะท่านแม่~"
"คุณเรย์กะไหวอยู่แล้วล่ะค่ะ!"
ท่านแม่ยิ้มกว้าง ยืนขึ้นแล้วปรบมือสองครั้ง ประตูห้องนอนของฉันก็เปิดออก เป็นคุณแม่บ้านและคุณหมอประจำตระกูลหอบหิ้วกระเป๋าอุปกรณ์แพทย์เข้ามาในห้อง
อ เอ๋!?
"รบกวนคุณหมอด้วยนะคะ ... คุณแม่บ้าน เดี๋ยวช่วยเอาพวกสกินแคร์เครื่องประทินผิวมาทีนะ แล้วก็เรียกสาวใช้คนอื่นๆมาด้วย คืนนี้งานยุ่งกันหน่อยล่ะ"
"ค่ะ คุณนาย"
เอ๋!!?
"เอ่อ ท ท่านแม่คะ?..."
"ไม่ต้องห่วงนะคะ คุณเรย์กะ เดี๋ยวคุณหมอจะช่วยรักษาขาแพลงของลูกให้หายขาดเป็นปลิดทิ้งในคืนเดียวนี้เองล่ะจ้ะ!"
"เดี๋ยวก่อนซิคะ..."
"ระหว่างนั้นก็นวดหน้านวดตัวบำรุงผิวพรรณให้เปร่งปลั่งสดใสสำหรับเดทวันพรุ่งนี้ไปด้วย แหม ดีนะจ้ะเนี่ยที่ก่อนงานเลี้ยงก็มีเข้าคอร์สความสวยความงามมาบ้างแล้วน่ะ อ๊ะ แต่ต้องสลายไขมันจากเค้กนั่นซะก่อนซินะ"
"ไม่ใช่..."
"จริงซิ! เดทวันคริสต์มาสอีฟแบบนี้ก็ต้องหาชุดน่ารักๆใส่ด้วย หาเป็นชุดใหม่เลยดีกว่าเนอะ เดี๋ยวต้องติดต่อห้องเสื้อเจ้าประจำของเราให้เปิดร้านเดี๋ยวนี้แล้วล่ะ! อ๊ะ ต้องเรียกช่างแต่งหน้า ช่างทำผมด้วย!"
"ท่านแม่คะ..."
"จะต้องเป็นวันเดทของคุณเรย์กะที่เพอร์เฟ็คที่สุดแน่นอนจ้ะ!"
ไม่น้าาาาาาาาาาาาาา
แง้ ไม่ใช่นะคะท่านแม่ เข้าใจผิดหมดแล้วววว
ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ล่ะ หมดกันแผนการยกเลิกนัดวันชดใช้หนี้ ท่านแม่เข้าใจผิดว่าฉันกับเอ็นโจจะไปเดทกันเลยยิ่งคึกไปกันใหญ่ เอาครีมเอามาร์สมาทาบำรุงทั้งหน้าและตัว
ฉันพยายามส่งเสียงแก้ไขความเข้าใจผิดนั้น แต่ท่านแม่ไม่ได้สนใจสักนิด ท่านพ่อกับท่านพี่มีแวะมาที่ห้องด้วยความเป็นห่วง ยังไม่ทันจะได้ร้องขอความช่วยเหลือ ก็โดนท่านแม่เอ็ดตะโรออกจากห้องไป
ไม่น้าาาาาาา ท่านพี่ช่วยน้องด้วยค่าาาาาาาาาาาา
*****
ยามเช้าของวันคริสต์มาสอีฟ อากาศดีและแจ่มใส ตรงกันข้ามกับสภาพจิตใจของฉัน
เมื่อคืนนี้ราวกับเป็นงานมหกรรมอะไรสักอย่างที่ท่านแม่คึกมากยิ่งกว่าตอนเตรียมการไปงานเลี้ยงของมาดามคาบุรากิเสียอีก ทั้งประคบขา ทั้งนวดหน้านวดตัวทำสปา บำรุงผิว ให้ดีไซเนอร์เอาชุดต่างๆจากที่ร้านมานำเสนอถึงที่บ้าน
ดีที่ยังเห็นค่าความสำคัญของการนอน เลยให้ฉันหลับไปทั้งนั้น พอตื่นเช้ามาก็จัดแจงเอาชุดที่ท่านแม่ตกลงกันดีไซเนอร์เมื่อคืนมาให้ใส่ เรียกช่างทำผม ช่างแต่งหน้ามาแปลงโฉม ทำเอาเหนื่อยวุ่นวายกันแต่เช้าเลยล่ะ
อาการขาแพลงของฉันนั้นหายเป็นปลิดทิ้งจริงๆอย่างน่าเจ็บใจ แต่คุณหมอก็บอกไว้ล่ะนะว่าอย่าเดินมากเกินไป เดี๋ยวอาจจะอักเสบขึ้นมาอีกก็ได้
ยังไม่ทันจะถึงเวลานัดหมาย สาวใช้ก็เข้ามาบอกว่ารถบ้านเอ็นโจมาถึงแล้ว ฉัน ท่านแม่ ท่านพ่อและท่านพี่พากันไปที่หน้าประตู ท่านพี่ดูท่าทางจะไม่พอใจเท่าไหร่ที่จะให้ฉันที่ยังบาดเจ็บออกไปข้างนอก
แง้ มีแค่ท่านพี่คนเดียวนี่ล่ะค่ะที่อยู่ข้างน้อง!
เอ็นโจเดินลงมาจากรถก็ทักทายท่านพ่อ ท่านแม่และท่านพี่
จะว่าไปก็เพิ่งจะเคยเห็นเอ็นโจใส่ชุดไปรเวทนี่ล่ะนะ วันนี้เอ็นโจสวมเสื้อสเวตเตอร์คอเต่าไหมพรมสีเทาเข้ม กางเกงชิโนสีแดงเลือดหมู สวมทับด้วยเสื้อโค๊ทตัวยาวสีกากี ดูสบายๆ ผิดแปลกไปจากปกติที่ในชุดเครื่องแบบซุยรันหรือชุดสูทมาดเนี้ยบในงานเลี้ยงเลยแฮะ
ฉันคงจะจ้องนานเกินไปจนถูกจับได้ เอ็นโจที่คุยกับท่านแม่อยู่ก็หันมาส่งยิ้มให้ จนฉันต้องรีบหลบสายตาหันไปทางอื่น
อุ เข้าหน้าไม่ติดจริงๆนั่นล่ะค่ะ อากาศเย็นๆของฤดูหนาวยังทำไม่สามารถทำให้อุณหภูมิบนใบหน้าลดลงได้เลยสักนิด
"แหม ดีจังเลยนะคะที่มีคุณชูสุเกะชวนคุณเรย์กะไปเที่ยวข้างนอก นึกว่าปีนี้คุณเรย์กะจะต้องอยู่ที่บ้านเฉยๆเหมือนกับปีก่อนๆซะแล้ว คริสต์มาสทีไรก็อยู่แต่กับบ้านจนน่าเป็นห่วงเลยล่ะจ้ะ"
อย่าพูดอะไรแบบนั้นซิคะท่านแม่! พูดแบบนั้นเดี๋ยวคนอื่นเขาก็หาว่าหนูเป็นพวกแห้งแล้งไร้คนเหลียวแลกันน่ะซิคะ แง้
เอ็นโจทำหน้าตายิ้มแบบเป็นปกติ แต่ดูสายตาที่ขำก๊ากอยู่นั่นซิ บ้าเอ๊ย!
ทักทายกันเล็กน้อย เอ็นโจก็หันมาพูดกับฉัน
"เท้าที่แพลงไม่เป็นอะไรแล้วใช่มั้ยครับ?"
"ค่ะ ตอนนี้ไม่เจ็บแล้วล่ะค่ะ ต้องขอบคุณท่านเอ็นโจที่ช่วยปฐมพยาบาลให้ด้วยค่ะ"
"ไม่เป็นไรครับ ... วันนี้เป็นซานต้าริน่าซินะ เหมาะกับคุณคิโชวอินมากเลยล่ะครับ"
"...ขอบคุณค่ะ วันนี้ท่านแม่ช่วยแต่งตัวให้น่ะค่ะ"
อย่ามาทักเรื่องชุดกันซิ! มันทำให้นึกถึงช่วงเช้าที่ท่านแม่กุลีกุจอเข้ามาแต่งตัวให้อย่างกับเล่นแต่งตัวตุ๊กตาอย่างนั้นล่ะ แล้วหน้าหนาวแบบนี้ต้องมาใส่เดรสสั้นเหนือเข่าเนี่ย ต่อให้สวมถุงน่องแบบช่วยให้ความอบอุ่น แต่มันก็ยังหนาวอยู่ดีนั่นล่ะ
ฉันกับเอ็นโจลาท่านพ่อ ท่านแม่และท่านพี่ ก่อนจะขึ้นรถบ้านเอ็นโจ
พอคิดว่าจะต้องนั่งอยู่ในรถกันสองคน ฉันเลยขยับเข้าไปข้างในจนแทบจะชิดติดประตูอีกฝั่ง เพื่อจะได้อยู่ห่างๆเอ็นโจไว้ แต่กลายเป็นว่าหมอนี่กลับขยับตามเข้ามาด้วย
อะไรกันเล่า! ที่นั่งก็ออกจะกว้างขวางอย่ามาเบียดซิยะ!
ฉันหันไปถลึงตาใส่ แต่ตาเอ็นโจก็ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนส่งยิ้มกลับมาให้จนฉันต้องหันขวับไปทางนอกหน้าต่างรถแทน
พ่ายแพ้สุดๆเลยล่ะค่ะ แง้
มองออกไปข้างนอกก็เห็นบรรยากาศของวันคริสต์มาส ร้านรวงต่างๆประดับประดาด้วยพู่ตกแต่งและต้นคริสต์มาสอย่างสดใส บางทีที่รถผ่านย่านการค้าก็เห็นผู้คนเดินออกมาชมบรรยากาศกันอย่างคึกคัก
เห็นหนุ่มสาวควงคู่กันออกมาเต็มไปหมด ดูแล้วน่าอิจฉาเหลือเกินค่ะ ฉันเองก็อยากจะไปเดทบ้างนะคะ ควงแขนกับคนรัก นั่งชิงช้าสวรรค์ด้วยกัน แลกของขวัญกัน ชมไฟตกแต่งคืนวันอีฟสุดแสนจะโรแมนติก อา
แต่ทำไมวันนี้ฉันต้องมาอยู่กับเอ็นโจกันล่ะเนี่ย
"เอ่อ... เราจะไปที่ไหนกันงั้นเหรอคะ?"
ชดใช้หนี้อย่างงั้นเหรอ คงหนีไม่พ้นเรื่องของคาบุรากิอย่างทุกทีซะล่ะมั้ง
จะว่าไปวันอีฟแบบนี้คงจะหนีไปสวีทกับวาคาบะอยู่ซินะ พวกหัวหน้าห้องเองก็ไปคาราโอเกะกับพวกมิฮารุจัง ซากุระก็คงจะอยู่กับอาคิสะวะคุงอยู่แน่ๆ ... น่าอิจฉา น่าอิจฉาเกินไปแล้ว หน็อยแน่ เจ้าพวกคนมีความรัก! ทำไมถึงทิ้งฉันไว้ในหมู่บ้านคานทองตามลำพังแบบนี้ล่ะคะ!
เอ็นโจไม่ได้ตอบคำถามกลับมาเสียที ฉันก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่อยู่ๆก็โดนคว้ามือข้างหนึ่งไปกุมไว้
ท ทำอะไรน่ะ!!
ฉันหันขวับกลับไปก็เห็นเอ็นโจจ้องมองมาทำสายตากรุ้มกริ่มจนหน้าร้อนขึ้นมาอีกครั้ง มือของฉันก็ถูกเอ็นโจจับและวางไว้บนตักตัวเอง พยายามจะดึงมือออกมา แต่เอ็นโจก็ไม่ยอมปล่อย พออ้าปากจะร้องขอให้ปล่อย เอ็นโจก็พูดขึ้นมาเสียก่อน
"แล้วเรย์กะอยากจะไปเดทที่ไหนบ้างเหรอครับ?"
.
.
.
.
เอ๊ะ?
อ อะไรกันค้าาาาาาาาาาา
มาเรียกชื่อกันห้วนๆแบบนี้แล้วนะ!
ฉันรู้สึกว่าใบหน้าร้อนยิ่งกว่าเดิมซะอีกจวนเจียนจะระเบิดออกมาแล้ว รู้สึกว่าตัวเองนิ่งค้างไปหลายวินาทีเลยล่ะ จนกระทั่งเห็นเอ็นโจส่งสายตาเป็นประกายวิบวับท่าทางสนุกสนาน ก่อนจะหัวเราะออกมา
อะไรกัน นี่แกล้งกันอีกแล้วใช่มั้ย! ตาบ้านี่ ได้ทีล่ะเอาใหญ่เลยนะยะ!
"มือเย็นจัง หนาวเหรอครับ"
"ห๊ะ? เอ่อ นิดหน่อยค่ะ"
อยู่ๆก็เปลี่ยนเรื่อง แต่ก็ดีแล้วล่ะน่ะ ฤดูหนาวอากาศมันก็เย็นทำให้มือเย็นเป็นธรรมดานั่นล่ะ ถุงมือน่าจะอยู่ในกระเป๋านะ หยิบออกมาสวมเลยดีกว่าแฮะ เดี๋ยวมือแห้งหมด
มือข้างหนึ่งยังถูกเอ็นโจจับไว้ ฉันเลยใช้มืออีกข้างกำลังจะเปิดกระเป๋าใบเล็กที่สะพายข้างไว้ แต่กลับถูกเอ็นโจคว้าไปกุมไว้ด้วยกันกับอีกข้าง
"ทำอะไรน่ะคะ?!"
"หืม เขาว่าจับมือกันไว้แบบนี้จะคลายหนาวได้เร็วกว่านะครับ"
ฉันรู้สึกตื่นตูมตาลายยิ่งกว่าเดิมเสียอีก อันตราย แย่แล้ว ทำยังไงดีล่ะคะ! หันรีหันขวางตัวเองก็ยังอยู่ในสภาพแวดล้อมปิด ส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากใครไม่ได้เลย ถ้าใจกล้ามากพอฉันคงจะเปิดประตูรถแล้วโดดออกไปแบบในหนังฮอลีวู้ดแล้วล่ะค่ะ
แง้ ใครก็ได้ช่วยด้วยค่าาาา
พวกเราเงียบกันไปพักใหญ่ ไม่รู้ว่าเอ็นโจจะพาฉันไปที่ไหนกันแน่ แต่ฉันก็ไม่อยากจะถามแล้วอะ ยิ่งพูดเหมือนยิ่งเสียเปรียมมากขึ้นทุกที เหมือนโดนปิศาจลากไปที่ปากเหวเลยอะค่ะ ฮือ สรุปว่าเกลือจากศาลเจ้าก็ยังไม่สามารถปราบจอมมารได้ซินะคะ พลังแข็งแกร่งเกินไปแล้ว
"จริงซิ คุณคิโชวอินมาแลกเมลล์กันหน่อยซิ"
"เอ๋!!?"
จะเอาไปทำไปกันคะ? แย่ล่ะซิ ไม่อยากให้เลย ปฏิเสธไปยังไงดีนะ จะบอกว่าไม่มีมือถือเหมือนที่เคยบอกกับคาบุรากิตอนประถมก็คงไม่ได้แล้วด้วยซิ
"ก็ผมไม่มีเมลล์หรือเบอร์ติดต่อคุณคิโชวอินเลยนี่นา กลัวว่าจะคุณคิโชวอินจะลืมนัด เมื่อคืนเลยต้องรบกวนท่านแม่ให้โทรไปที่บ้านคิโชวอินดึกๆดื่นๆ คุณนายคิโชวอินเป็นคนติดต่อด้วยซินะ รบกวนแย่เลยซินะครับ~"
น นั่นซินะ ถ้ามีเมลล์แต่แรก เมื่อคืนนี้ฉันก็อาจจะส่งไปสกัดขอยกเลิกนัดไว้ก่อนที่ท่านแม่จะรู้เรื่องได้แท้ๆ บ้าที่สุดเลย
ลงท้ายเอ็นโจก็ยอมปล่อยมือฉัน แล้วพวกเราก็แลกเมลล์กัน เอ็นโจส่งอีโมติค่อน :) มาในเมลล์ แต่รู้สึกเหมือนเห็นไอปิศาจออกจากอีโมนั้นเลยล่ะ พอเห็นชื่อเมลล์ของเอ็นโจมือถือตัวเอง ก็รู้สึกราวกับว่าได้จดสัญญากับปิศาจไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น อา ไว้เปลี่ยนเมลล์เปลี่ยนมือถือใหม่เลยดีมั้ยน้า
ไม่นานนักรถยนต์ก็จอดในที่จอดรถ เอ็นโจก็คว้ามือฉันไปจับอีกครั้ง พอฉันจะสะบัดมือออก เอ็นโจก็ยื่นหน้าเข้ากระซิบใกล้ๆ "นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการใช้หนี้นะครับ"
ก่อนจะพาฉันลงไปจากรถ
อุแง้ น่ากลัว นี่ฉันต้องอยู่กับตานี่ทั้งวันเลยเหรอคะเนี่ย อยากกลับบ้านแล้วอ่าาาาา
----------
ทำได้แค่ยืดเรื่องออกมา ถถถ คิดไม่ออกว่าจะให้ไปที่ไหนแฮะ ฟิคข้างบนก็มีไปสวนสนุกกันแล้ว ไม่อยากให้ซ้ำอะ
>>423 ไปเดทในวันอีฟกับคนรักก็คือเอ็นโจ มันก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่เหรอคะ ท่านเรย์กะจะสงสัยอะไรคะเนี่ย งงจังเลยค่ะ
ทำไมหมอนี่ชั่วร้ายจังเลยคะ เข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ได้ถูกทาง บล็อคการปฏิเสธไว้ทันท่วงที จับทำสัญญากับปีศาจเรียบร้อยไม่ให้หนี เรย์กะ คนทำสัญญากับปีศาจน่ะถูกเอาวิญญาณไปเป็นทาสตลอดกาลนะ หนีไม่พ้นหรอก สัญญากับปีศาจมันโหดนะคะ
เดี๋ยวกูมาต่อให้ พอดีนึกออกว่าจะให้ไปที่ไหนกัน แต่กูเขียนฉากหวานๆไม่เก่งว่ะ กูชอบฉากตลกไร้สาระมากกว่า ถถถถถถถถถถถถถถถ
>>423 เมิงงงง ที่สุดของการเดท คือลากไปเดทช่วง xmas กับปีใหม่นี่แหละ โดยเฉพาะช่วงปีใหม่นะแกรรรร ทั้งเคาท์ดาวน์ ทั้งพลุ ไปไหว้เจ้า เดินไปตามเมืองที่มีไฟประดับทั้งเมือง โคตรไฮไลท์กว่าคือดูพระอาทิตย์แรกของปีไงละ!
ถ้ายังกาวต่อไม่ถูก นี่เลยกูช่วยค้นมาให้เพิ่มเติม
>> https://www.dek-d.com/studyabroad/35846/
>> http://www.talonjapan.com/new-year-japan-trip/
>> https://www.mushroomtravel.com/page/christmas-japan/
เพราะฉะนั้นจงสานต่อความกาว ณ บัดนาวววว กูจะปูเสื่อรออยู่นี่แหละ!!!
กี๊ดดดดด โม่งแปลลล กูรักมึงงงงงงง ตอนใหม่แม่งอย่างโหดดดดด นางกะไปประชุมเฉยๆ ไม่ใช่เหรอ? ข้อมูลพร้อมซ้อมแม่นยิ่งกว่าทำสงคราม ถถถถถถ ตอนแรกกูนึกว่าจะข่มด้วยความเป็นคิโชวอิน เรย์กะแบบเดียวว แต่แม่งงง แบบนี้สิยิ่งน่ากลัว
อีพวกชมรมเอ๊ยยย มึงไม่ได้ดูกันเลยเนอะ เค้าคงไปนั่งเล่นๆ สวยๆ หรอกนะ
ดีนะ สมาชิกชมรมเลือกนาง ไม่งั้นห้องหายไปแล้ว ว่าแต่จะมีใครกล้าลือไหมวะ
ต่อจาก 426 // เออ กูลืมไป นางไปศึกเปิดตัว โชว์พาวเพื่อสมาชิกกกกกและชมรมมม
กุอยากอ่านฟิค ท่านพี่กับอิมาริ มีใครจะจัดให้กูมั้ย!!!!
>>437 มันอาจจะเป็นจิตใต้สำนึกของกูเองที่อยากให้ท่านอิมาริเรียกท่านพี่แบบมุ้งมิ้ง เลยบิดเบือนแบบไม่ทันรู้ตัว 5555 //แถสดแถเปื่อยก็ต้องมา
แต่นึกๆ ดูท่านอิมาริเรียกท่านพี่ด้วยชื่อตัว แต่ท่านพี่เรียกท่านอิมาริด้วยนามสกุล ความห่างเหินอยู่ข้างเดียวนี่มันอะไรกันวะ...
กูกำลังจะถามเลยว่าอิมาริเป็นชื่อไม่ใช่เหรอ 55
จะว่าไปท่านเรย์กะยังไม่เคยเรียกใครด้วยชื่อเฉยๆเลยใช่มั้ย อย่างมากก็(ชื่อ)จัง(ชื่อ)คุง
เอ็นโจกับคาบุรากิยิ่งอีกไกลลิบ ยังเป็นท่าน(นามสกุล)อยู่เลย
อ่ะ ไม่สิ มีริรินะไง เรียกว่าริรินะเฉยๆนี่? ใช่มั้ย
คนที่เรียกเรย์กะด้วยชื่อมีแค่ซากุระจัง ท่านพี่ ทานุกิ คนที่เรียกเรย์กะจังมีแค่อาโออิจังกับท่านอิมาริล่ะนะ
นอกนั้นเป็นคุณเรย์กะ ท่านเรย์กะ คุณคิโชวอิน
แล้วก็คุณพี่ป่ะ?
อ่ะ กูยอมเรย์กะทันให้เบียทริซตัวนึงก็ได้ โคตรพิเศษ 5555
>>394-396 เป็นโลลิค่อนกันต่อ
-----------------
เมื่อได้คำปรึกษาไปจากผมเรื่องการวางตัว คุณคิโชวอินก็ดูสงบเสงี่ยมขึ้นมาก เธอไม่เอาแต่กรี๊ดๆมาซายะหรือเกาะแกะให้เขารำคาญอีกต่อไปแล้ว เจอหน้าก็ทักทายด้วยความอ่อนหวานและสุภาพมาก ทำเอามาซายะทึ่งในความเปลี่ยนแปลงเลยล่ะ
มีเด็กผู้หญิงอื่นๆที่ตามกรี๊ดมาซายะด้วยเหมือนกัน คุณคิโชวอินก็ไม่ลงไปต่อปากต่อคำหรือโวยวายเหมือนอย่างเมื่อก่อนแล้ว เพียงแต่จะมองด้วยความดูหมิ่นดูแคลนเท่านั้น
อย่าไปมองคนอื่นด้วยสายตาแบบนั้นซี่ คงต้องอบรมกันยาวๆเลยสินะ
นอกจากนี้ พอบอกว่ามาซายะชอบผู้หญิงเก่งและฉลาด คุณคิโชวอินที่มีผลการเรียนค่อนข้างปานกลางไปทางแย่ ก็เข้ามาปรึกษาเรื่องเรียนพิเศษเพื่อให้มีคะแนนดีๆติดบอร์ด ผมแนะนำครูสอนพิเศษที่ทางบ้านเคยเรียกมาสอนให้ ในโลกนี้ผมคงไม่จำเป็นต้องใช้ครูสอนพิเศษอีกต่อไปแล้ว
แต่กระนั้น ผมก็หาวันที่เธอและผมว่างตรงกัน นั่งติวในห้องเรียนว่างๆห้องหนึ่งหลังเลิกเรียน ติวหนังสือให้เด็กป.1น่ะ เป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งกว่ากระพริบตาเสียอีก
ได้สอนหนังสือให้เช่นนี้ ผมนึกถึงยูกิโนะขึ้นมา ป่านนี้น้องชายของผมจะเป็นยังไงบ้างนะ ที่อยู่ๆตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลเอ็นโจก็กลายเป็นของเขา
พอนึกถึงยูกิโนะก็จะนึกถึงชูสุเกะในโลกกระจกด้วยเช่นกัน แว้บแรกที่ผมเห็นเขา ผมก็นึกถึงยูกิโนะขึ้นมา
ยูกิโนะดูคล้ายชูสุเกะในโลกกระจกมาก แต่พอมองดีๆแล้วนอกจากสีผมก็ไม่เหมือนกันเลย
ผมปัดเรื่องยูกิโนะและชูสุเกะออกไปก่อนเพราะคุณคิโชวอินเรียกผมให้ช่วยตรวจทานคำตอบ ช่วงเวลาแบบนี้เธอจะน่ารักมาก ดวงตากลมโตจ้องผมแบบรอคอยและคาดหวัง พอผมบอกว่าเธอทำแบบฝึกหัดถูกก็ยิ้มออกมาอย่างร่าเริง ดีใจแบบเด็กๆ
รอยยิ้มนั้นน่ารักมากจนอยากคว้าตัวมากอดอย่างมันเขี้ยวเลยล่ะ
ผลจากความพยายามของเธอ คุณคิโชวอินก็มีชื่อติดบอร์ดเป็นครั้งแรกในการสอบปลายภาคเทอม 1 เด็กผู้หญิงที่ห้อมล้อมเธอส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดแสดงความยินดี "สมเป็นท่านเรย์กะ" เธอไม่ได้บอกให้พวกนั้นหยุดสรรเสริญเยินยอแต่อย่างใด ลักยิ้มน่ารักตรงมุมปากก็ปรากฎขึ้นมาด้วย
ดีใจมากเลยสินะ
มาซายะกับผมไปดูคะแนน ทั้งที่จริงไม่จำเป็นต้องดูก็ได้เพราะผมรู้ผลลัพธ์ว่าจะออกมาอย่างไร
ชื่อของผมปรากฏอยู่บนบอร์ดในลำดับที่ 1 ส่วนมาซายะเป็นลำดับ 2
ก็นะ ถ้าจะให้เด็กม.ปลายแบบผมทำคะแนนแพ้เด็กประถมก็ออกจะเกินไปหน่อย
มาซายะมองผมด้วยสายตาเครียดๆทำเอาต้องกลอกตามองเพดาน มาแล้วสินะ โรคชอบเอาชนะของมาซายะ ไม่ว่าโลกไหนๆก็ไม่เปลี่ยนเลย
ผมรู้ว่าหลังจากนี้ มาซายะคงไปทุ่มเทในการทบทวนบทเรียนมากกว่าเดิมหลายเท่าตัวแน่ๆ ผมเองก็ไม่คิดจะแข่งขันด้วยหรอก แต่ครั้งนี้ผมแค่อยากแสดงศักยภาพบางอย่างให้เธอเชื่อมั่นในตัวผมก็เท่านั้น แล้วผมจะถอยกลับไปที่ 2 ตามเดิม ให้มาซายะรับบทเด่นไป
"ยินดีด้วยนะคุณคิโชวอินที่ได้ที่ 11" ผมทักคุณคิโชวอินที่จ้องมองผลประกาศ
"ขอบคุณค่ะ" เธอก้มศีรษะตอบพร้อมกับรอยยิ้ม
"เก่งเหมือนกันนี่ คิโชวอิน"
พอได้รับคำชมจากคนที่แอบชอบ คุณคิโชวอินก็หน้าแดงขึ้นมา พูดจาตะกุกตะกักขอบคุณเป็นการใหญ่
จากนี้ไป เธอก็คงมีแรงฮึดในการทบทวนบทเรียนเพิ่มขึ้นแล้ว
หลังจากนั้น ไม่ว่าปัญหาอะไรหรือเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม ถ้ามันเกี่ยวกับมาซายะหรือบางทีก็ไม่เกี่ยว คุณคิโชวอินก็จะวิ่งเข้ามาขอคำปรึกษาจากผมเสมอ
ผมให้ข้อมูลเธอในเรื่องเล็กๆน้อยๆ อย่างขนมหวานที่เขาชอบ หรือช๊อกโกแลตยี่ห้อโปรดที่น้อยคนนักจะรู้ คุณคิโชวอินมอบช๊อกโกแลตยี่ห้อนั้นให้มาซายะในวันวาเลนไทน์ ดูเหมือนเขาจะจดจำได้ว่าใครให้มาเพราะเป็นร้านโปรด เธอก็ยิ่งเชื่อใจผมหนักไปกว่าเดิมอีก แบบนี้จะจับซ้ายหันขวาหันก็ง่ายเสียยิ่งกว่าง่ายแล้ว
ตอนนี้เธอเรียกผมว่า "คุณชูสุเกะ" แทนที่จะเป็นท่านเอ็นโจอย่างเคย
แน่นอนว่าผมก็เรียกเธอว่า "เรย์กะ" เหมือนกัน
เวลาในชีวิตเธอส่วนใหญ่เกือบจะเป็นของผมทั้งหมด แทบจะไม่ได้ใกล้ชิดกับมาซายะเลย ดูเหมือนเธอก็ไม่ได้รู้สึกตัวเลยสักนิดว่าผมน่ะจงใจกีดกันเธอออกจากมาซายะด้วยความนุ่มนวล ค่อยๆดึงเธอเข้ามาสู่โลกของผมทีละเล็กทีละน้อย
ผมหล่อหลอมให้เธอเป็นคนที่ต้องเชื่อฟังและพึ่งพาผมในทุกเรื่อง ค่อยๆกดให้จมลงไปแบบไม่ให้รู้ตัว
ถ้าเป็นโลกเดิม พี่ชายของเธอคงจะมองเจตนาของผมออกและคงกีดกันอย่างสุดความสามารถ แต่ดูเหมือนว่าโลกนี้เรย์กะจะไม่สนิทกับพี่ชายของเธอนัก เขาอายุมากกว่าและมีสังคมที่ไม่เหมือนกัน แทบจะตัดขาดกันไปอย่างสิ้นเชิง เท่ากับว่าผมเป็นผู้ชายคนเดียวในชีวิตของเธอ
รู้สึกเหมือนเก็นจิที่เลี้ยงมุราซากิมาให้เป็นภรรยาเลยแฮะ
แล้วใช่ว่าผมจะตามใจหรือเอาใจเธอไปเสียทุกเรื่อง มีบ้างที่ผมแกล้งถอนตัวออกมาบ้าง บอกปัดบ้าง แกล้งโกรธบ้าง หรือบางทีไปสนใจคนอื่นมากกว่าเธอบ้าง แล้วรอดูปฏิกริยา เรย์กะก็จะงอนหรือพยายามง้อในแบบของเธอ เห็นแล้วแทบจะยกโทษให้ทันทีเลยล่ะ
ผมรู้จักการให้รางวัลและทำโทษ เรย์กะก็ค่อยๆซึมซับพฤติกรรมของผมไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ต่อหน้าคนอื่น เธอวางตัวคล้ายๆกับเรย์กะในโลกเดิมของผม คือผู้หญิงที่ยิ้มน้อยๆ นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว ใช้สายตากดดันคนอื่นจนต้องยอมศิโรราบ ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบ แต่ลับหลังเธอคือเด็กผู้หญิงงี่เง่า เอาแต่ใจ ขี้เกียจ เหลวไหลไม่เอาไหนอย่างถึงที่สุด และด้านนั้นก็แสดงออกมาให้ผมเห็นแต่เพียงผู้เดียวด้วย
"ไม่อยากเรียนแล้ว ไม่เอาแล้ว" เรย์กะฟุบหน้าลงกับโต๊ะและกองหนังสือทั้งหลาย "เบื่อ ได้ยินมั้ย เบื่อ"
"เอ้าๆ ลุกขึ้นมาก่อน" ผมเอาดินสอเคาะหลังมือเธอ "ยังมีโจทย์ให้แก้อีกยี่สิบข้อ อย่าเพิ่งถอดใจสิ"
"ก็มันยากนี่นา" เธอเริ่มจะบ่นออกมาอีกแล้ว "คุณชูสุเกะสอบได้แต่ที่ดีๆ ทำได้ยังไงกันนะ ยากออกขนาดนี้"
"ถ้าจับจุดถูกก็ทำได้แล้วล่ะน่า" ผมส่งยิ้มให้เธอ "ลุกขึ้นมาสิ เดี๋ยวจะบอกเคล็ดลับให้"
เรย์กะลุกขึ้นมานั่งแบบอิดออดเล็กน้อย แต่ก็จับดินสอ รอฟังคำสอนจากผม ดวงตาที่มองมานั้นซื่อตรงไม่เลี่ยงหลบ
ผมรู้สึกอยากให้เวลาหยุดนิ่งตรงนี้ชะมัดเลย
.
.
.
เวลาแต่งตัวไปงานเลี้ยงของ pivoine เธอก็มักจะถามผมเสมอว่าควรแต่งตัวอย่างไรดี พร้อมกับรูปถ่ายชุดมากมาย ผมก็ได้แต่เลือกชุดที่ตรงกับรสนิยมของผมมากที่สุดให้
ชุดพวกนี้เป็นคนละแนวทางกับมาซายะโดยสิ้นเชิง มาซายะชอบสไตล์อะไรก็ตามที่ยูริเอะใส่ ส่วนผมชอบอะไรที่เป็นผู้ใหญ่ เรียบ หรู ดูดี พอได้เห็นว่าเธอใส่ชุดตามคำแนะนำของผมก็รู้สึกดีใจสุดๆ รู้ตัวอีกทีก็ได้เลือกชุดให้เธอมาจนถึงม.2 แล้ว
ปีนี้ผมเลือกชุดขาวยาวกรอมเท้าปักลายดอกไม้เล็กๆน่ารักๆที่ชายกระโปรงให้ รวมกับคำแนะนำที่ให้เกล้าผม พอเรย์กะใส่ก็เหมือนเจ้าหญิงน้อยๆที่หลุดมาจากในนิทาน เธอยิ้มรับคำชมจากคนมากมาย ท่าทางภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง
ถ้าสังเกตสักหน่อย ชุดของผมกับเรย์กะน่ะ เข้าคู่กันมาตั้งแต่ที่เธอขอให้ช่วยเลือกชุดให้แล้ว
เป็นที่รู้กันว่ามาซายะจะเต้นรำกับยูริเอะทุกปี ไม่ว่าใครก็เข้าไปแทรกกลางไม่ได้ เรย์กะก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ผมเห็นเธอยืนจ้องมาซายะที่เต้นกับยูริเอะอย่างสนุกสนานในฟลอร์ เธอคงอยากแทนที่ตัวเองกับยูริเอะ เต้นกับมาซายะที่ใฝ่ฝัน
"ไปเต้นรำกันมั้ย เรย์กะ" ผมเอ่ยปากชวน เธอทำหน้าตะลึงไปเล็กน้อย "จังหวะเปลี่ยนคู่เต้น เดี๋ยวผมสลับไปเต้นกับยูริเอะให้ เรย์กะก็จะได้เต้นกับมาซายะยังไงล่ะ"
เป็นข้อเสนอที่เข้าท่า เรย์กะยิ้มออกมา ควงแขนผมเดินเข้าไปกลางฟลอร์
ผมโอบประคองเธอไว้ในท่าเต้นวอลซ์ เคลื่อนที่ไปช้าๆตามจังหวะเพลง
มาซายะกับยูริเอะทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นผมเต้นกับเรย์กะ แต่สักพักสองคนนั้นก็เริ่มส่งยิ้มล้อเลียนผม ผมก็ยิ้มตอบกลับไป
จังหวะสลับคู่เต้นไม่มีสักที เพราะผมไม่ปล่อยให้มี มาซายะกับยูริเอะที่เต้นจนเหนื่อยแล้วก็ถอนตัวออกไปจากฟลอร์ เหลือผมกับเรย์กะที่เต้นอยู่เพียงคู่เดียว
"น่าเสียดายเนอะ ที่ไม่มีจังหวะสักที" ผมแกล้งทำเป็นเสียดายที่แผนไม่สำเร็จ
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คราวหน้าค่อยเอาใหม่ก็ได้" ดูท่าเธอจะเชื่อผมหมดใจจริงๆ ถึงไม่ติดใจสงสัยอะไรเลย
มันไม่มีคราวหน้าหรอกนะครับ ผมไม่ปล่อยให้คุณไปเต้นกับมาซายะแน่ๆ
ผมเต้นกับเรย์กะอีกสองเพลงก็กลับไปนั่งบ้าง เป็นจังหวะเดียวกับที่มาซายะเดินมาบอกว่าจะไปส่งยูริเอะที่บ้านอยู่พอดี
เรย์กะดูซึมๆไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ผมเลยแตะแขนเธอ "ไปคุยกันที่เงียบๆดีกว่ามั้ย" เธอก็ตามมาอย่างว่าง่าย
ผมพาเรย์กะมานั่งที่สวนนอกสถานที่จัดงาน ตรงนี้ค่อนข้างเงียบสงบไม่ค่อยมีใครผ่านไปผ่านมา เหมาะแก่การคุยเป็นส่วนตัว
เธอนั่งลงบนม้านั่งหิน ก้มหน้านิ่งไม่พูดไม่จา ผมนั่งลงที่ม้านั่งตัวตรงข้าม รอให้เธอเปิดปากออกมาเองเหมือนอย่างทุกที
"นี่ คุณชูสุเกะ บอกฉันทีสิ" เธอเงยหน้ามองผมได้ในที่สุด "เห็นแบบนี้ฉันควรจะตัดใจได้แล้วใช่มั้ยคะ"
"จะว่าอย่างนั้นก็ใช่นะ" ผมส่งยิ้มให้
"โธ่ ทำไมไม่ให้กำลังใจกันเลยคะ" เรย์กะถลึงตามองผม แล้วก็ก้มหน้าลงต่อ "ไม่สิ คุณชูสุเกะก็ให้กำลังใจฉันมาเยอะแล้วนี่นา"
"คุณก็ควรเปิดใจมองคนอื่นบ้าง ทำไมถึงยึดติดกับมาซายะนักล่ะ"
เธอกระพริบตาปริบๆให้ผม แล้วก็นิ่งไปเหมือนกำลังคิดหาคำพูดมาตอบ แต่จากนั้นก็ส่ายหน้าช้าๆ "ไม่รู้ค่ะ"
ผมนั่งอยู่กับเธอตรงนั้นอีกครู่หนึ่งก็ได้เวลาสมควรที่จะกลับบ้านกันได้แล้ว เรย์กะกล่าวขอบคุณผมก่อนจะแยกไปขึ้นรถบ้านคิโชวอินที่มาจอดรออยู่ ผมยิ้มส่งอย่างเคย แต่ในใจรู้สึกร้อนรนขึ้นมา
คิดว่าแผนที่วางเอาไว้ไม่เคยผิดพลาดซักครั้ง แต่เรย์กะก็ยังรักมาซายะอยู่ดี ทำไมกันนะ
.
.
คืนนั้น ผมฝันเห็นชูสุเกะในโลกกระจก
เขามักจะปรากฏตัวเมื่อได้จังหวะพอดี ตอนที่ผมมีเรื่องกลุ้มใจหรืออยากพูดระบายอะไรกับใครสักคน แต่ตามปกติก็มักจะหายหน้าไปไม่มาให้เจอ
ชูสุเกะในกระจกเจริญเติบโตตามช่วงวัยที่ควรจะเป็น ก็คือรูปลักษณ์ของเด็กม. 2 ที่เป็นร่างจริงของตัวเอง ผมก็อยู่ในร่างเดิมที่เป็นเด็กม.ปลายเช่นกัน
เขาเลิกร้องขอให้ผมปล่อยเขาออกไปตั้งนานแล้ว ทำเพียงอยู่ในตัวอย่างเงียบๆ มองดูเหตุการณ์ผ่านผมอีกที ก็ดีเหมือนกันที่ไม่ต้องเล่าอะไรให้มากความ
"นายกำลังทำผิดมหันต์เลยนะ" ชูสุเกะมองผมแบบตำหนิ "อย่าคิดว่าตัวเองฉลาดนัก ไม่มีใครควบคุมจิตใจใครได้หรอก"
"ผมก็ไม่ได้ควบคุมจิตใจเธอซักหน่อยนี่" ผมยิ้มให้เขา "เรย์กะต่างหากที่เป็นฝ่ายพึ่งพาผมจนขาดแทบไม่ได้"
"เพราะนายทำให้เธอกลายเป็นแบบนั้นน่ะสิ" ชูสุเกะส่ายหน้า "แล้วพอเธอรู้สึกตัว เธอจะไปจากนาย"
"ถ้าเป็นนาย ยอมได้เหรอ" ผมเลิกยิ้มแล้ว จ้องเขากลับด้วยสายตาเย็นชา
เพราะผมคือเขา และเขาก็คือผม ความคิดเราสองคนเชื่อมถึงกัน ผมถ่ายทอดความรู้สึกตัวเองไปให้เขา เขามองดูเรย์กะจากข้างในตัวผม และผมรู้ว่าชูสุเกะคนนี้ก็รักเรย์กะไปไม่น้อยกว่าผมเช่นกัน
"ฉันยอมได้" เขาหลับตาลง "คนที่ไม่ได้รักน่ะ ฝืนดึงดันเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์ สุดท้ายก็เจ็บด้วยกันทั้งคู่อยู่ดี"
"นั่นมันความคิดของพวกขี้แพ้"
ชูสุเกะยิ้มเศร้าๆให้ผมแล้วจากไป โลกแห่งความฝันมืดดับลงเหมือนมีคนปิดสวิตช์
ผมตื่นขึ้นมากลางดึก แม้ในห้องจะเปิดแอร์ไว้ แต่เหงื่อกลับไหลออกมาท่วมตัว นึกทบทวนความฝันและสิ่งที่ชูสุเกะพูด
ชูสุเกะเคยบอกว่าผมน่ะ เป็นฝ่ายขังเขาเอาไว้ในกระจกเอง คงเพราะเขามีแนวคิดแบบนี้กระมัง ผมถึงขังเขาเอาไว้ไม่ให้ออกมา
เขาเหมือนจิตใจฝ่ายดีที่ผมไม่พึงปรารถนาในเกมรัก
เกมมีได้แค่ผู้แพ้และผู้ชนะ ผมจะต้องไม่พ่ายแพ้ ไม่ต้องการจิตใจฝ่ายดีแต่อย่างใด
--------------------------
ทำไมดราม่าจังวะ 55555555555555
ม่ายยยยย ทีแรกกูแค่อยากเขียนโลลิค่อนแท้ๆ
สู้เขานะ พ่อโลลิค่อน ฮือออออ
>>444-446 กรี้ดดดด ดีงามเหลือเกิน เอ็นโจชอบเรย์กะเสมอไม่ว่าเมื่อไหร่หรือฟิคไหน //กอดโม่งฟิค
อะไรที่วิธีจอมมารที่ทำให้เรย์กะได้แต่พึ่งตัวเองเท่านั้น เลี้ยงต้อยแต่เด็ก พอถูกกฎหมายก็จับแต่งงาน แต่ในฟิคนี้เราจะไม่ได้เห็นด้านบ้าของคาบุรากิสินะ รู้สึกชินกับความบ้าหมอนั่นจนรู้สึกแปลกๆที่หมอนั่นดูเป็นผู้เป็นคน
ทำไมในใจเรย์กะยังมีแต่มาซายะ เพราะบทในมังงะให้มาหรอ ฮืออออออ เอ็นโจสู้ๆนะ กลัวโลกในกระจก มันคืออะไร ตอนท้ายไม่จบเศร้าดราม่าใช่ไหม... แค่ทุกวันนั่งลุ้นว่าจะมีท่านเรย์กะสักเวอร์ชั่นที่ไม่คานไหมก็เศร้าล่ะ สกิลหักธงมหาศาลนั่นช่างแข็งแกร่ง
>>444-446 กรี๊ดดดดดดดดด หมีตัวนี้มันร้ายมากเลยค่าหัวหน้าาาา สู้ๆนะคุณหมีเอ็นโจ อย่าพึ่งน้อยใจ ถ้าชาตินี้ยังไม่ได้อีกตายอีกสักชาติดีมั้ยคะ เข้าสู่โหมดหมีแบดบอยดิบเถื่อน 55555
จู่ๆก็คิดอะไรเล่นๆขึ้นมาได้ พวกเรายังเหลือมุกสลับร่างนี่หว่า ไหนๆก็ไหนๆก็มุกโชวโจแม่งมาเล่นให้หมดอย่าให้เหลือ ถ้าเรย์กะสลับร่างกับชูสุเกะมันจะเป็นไงวะ คงเกิดข่าวลือแปลกๆ ทำไมเจ้าชายกับจักรพรรดินีอยู่ด้วยกันบ่อยช่วงนี้ กร๊ากกก
ยังมีอีกมุกนึง เอ็นโจกลายเป็นเด็กแบบโคนัน แล้วก็แอ๊บไปอ้อนเรย์กะ แค่คิดก็ อร๊ายยย~~~>< ตายละๆ อยากอ่านจัง
ฟิคไหนเอ็นโจก็ชอบเรย์กะสินะ
แม้แต่ kimi dolce ขนาดฟิคนั้นบอกเกลียดยังจะไม่ยอมให้เป็นเกอิชาเลย
>>453 คิดว่าน่าจะมีฉาก
เอ็นโจในร่างเรย์กะ มีออร่าบางอย่างที่ทำให้หนุ่มๆซุยรันเข้ามาสารภาพรัก จนเรย์กะในร่างเอ็นโจนึกเจ็บใจว่าทำไมตอนฉันเป็นตัวเองถึงไม่มีโมเมนต์นี้บ้างห๊ะ! 55555
>>459 ชายผู้ตามรักเธอทุกชาติ(ทุกฟิค)
แต่นอกจากฟิคแต่งงาน ก็ยังไม่มีฟิคไหนที่เรย์กะชอบกลับหรือชอบก่อนบ้างเลยนี่หว่า......
มีสลับร่าง อย่าลืมพล็อตสลับเพศกันด้วยนะมึง น่าจะบันเทิงดี ถถถ
นี่มันห้องประชุมคณะผู้บิหารฝ่ายการผลิตเหรอคะ......
ทำไมมันมีการเสนอสินค้ากาวรสอื่นๆเข้ามาเรื่อยๆเลยวะ555555555555555
แต่ว่าไปก็อยากอ่าน ดูบันเทิงอ่ะ555555
กูอยากเสนอบ้างงงง
กูอยากให้เรย์กะกัยเอ็นโจสลับร่างกันจากนั้นก็มีหนุ่มกล้าตายมาสารภาพรักท่านเรย์กะ(ที่มีเอ็นโจอยู่)จอมมารพลิกวิกฤตบอกว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้วปรายตาไปทางเอ็นโจ(ที่มีเรย์กะ งงกูมั้ย 555555) จากนั้นข่าวก็กระจายตู้มต๊ามมมม พอกลับร่างได้ก็ไม่ทันแก้ตัวร่วมหอกันไปซะ 555555
กาวววววซู๊ตตตตตตตตตต
กูย้อนกลับไปอ่านตอนเก่าๆ สมัยประถม มีตอนที่เอ็นโจขาเจ็บลงวิ่งแข่งไม่ได้ แล้วต้องลงแข่งปาบอลลงตะกร้ากับท่านเรย์กะ ขณะที่เด็กผู้หญิงคนอื่นๆ รุมกันเข้าใกล้เอ็นโจ ดันมีท่านเรย์กะฮึดฮัดเก็บบอลปาบอลอยู่คนเดียว โถลูก... มันคงน่าเอ็นดูในสายตาเอ็นโจมากแน่ๆ
พวกมึงงงงง จัดมาให้หมด กร๊าซซซซซซซซซซ
งั้น เดี๋ยวกูกลับบ้านแล้วกูจะเขียนสลับร่างแบบ 3 คนให้ละกัน โอ๊ย พวกมึงนี่แม่งเสนอแต่พล็อตน่าสนใจเต็มไปหมด ฮรือออ งานการไม่ต้องทำกันพอดี
ส่วนสลับเพศ กูว่าเรย์กะกับคาบุรากิคือร่างแยกของกันและกันว่ะ แค่คาบุรากิมันติ๊งต๊องกว่าและเมพกว่า ส่วนเอ็นโจคงเป็นสาวสวยน่าทนุถนอมเหมือนเจ้าหญิง แต่นิสัยจริงๆมืดดำเป็นนางมาร เฝ้ามองไอ้หนุ่มจักรพรรดิผู้ที่ยิ้มน้อยๆแบบไม่หวั่นเกรงอะไร แต่มีอีกโฉมหน้าหนึ่งที่มุ้งมิ้งมาก เครียดแล้วชอบหนีไปแดกของตามร้านสามัญชน แต่กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน(เรย์กะน่าจะชอบตรงนี้ 5555555555555)
ไม่มีใครลองแต่งฟิคเอ็นโจยันแตกบ้างหรอวะ แบบหึงเรย์กะมากๆจนหมดความอดทนที่จะตะหล่อมเหยื่อบุกเข้าหาลากเข้าห้องเก็บของ มันต้องโครตฟิตตี้เชดออฟเอ็นโจสัสๆ แค่คิดกุก็กร๊าว
สตูดิโอกาวเอนเตอร์เทนเมนต์ ฝ่ายโปรดักชั่นเอะอะกันเพราะงบเยอะไอเดียเยอะเกินไปแต่ขาดคนสินะ...
รู้สึกได้ว่ายานแม่ลำที่สามนี้กำลังมิวแทนต์ไปเป็นอย่างอื่นแล้ว!!
>>470 เชี่ยยยยยย แม่งเปิดจินตนาการมาก ฟหด้าวงๆบนไสหวงๆง
มันต้องกร๊าวมากแน่ๆเลยฮืออออ พอตดีๆเยอะโคตรอ่ะ ถ้านี่แต่งฟิคได้บ้างจะแต่งสนองนีดเองแล้วแต่ติดตรงภาษาไม่สวยนี่แหละ ถถถถถ
แต่แค่ใช้มือเดียวจับสองมือเรย์กะซามะแล้วยกสูงดันไปติดกำแพง พูดแบบหน้าใกล้ๆคลอเคลียไปเรื่อย
แค่นี้ก็กร๊าวชิบหายแล้ว ฮืออออ
ขอเลือดอีกค่ะ ไม่ไหวล้าว
>>แต่ถ้าเอ็นโจทำจริงๆนางจะกลัวเปล่าว่าเรย์กะซามะจะหนีนางไปมากกว่าเดิมอีก
นี่เป็นฟิคที่อยู่ๆ ก็คิดออกมาเล่นๆ เหมือนจำได้ว่ามีใครอยากเห็นตอนเรย์กะสอนท่านพ่อท่านแม่ เป็นสามัญชนคนธรรมดา?
เรย์กะ(ในนิยาย)พื้นขึ้นมาร่างในร่างของเรย์กะในการ์ตูน
ถูกทุกคนเกลียดหมด ความสัมพันธ์เริ่มจาก 0 คงจะสนุกไม่น้อยน้า (มั้ง)
อาจจะแต่งได้ไม่ดีเท่าไหร่นะ
----------------------------------------------
พาท 1
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอฉันฟื้นขึ้นมา ฉันอยู่ในโรงพยาบาล และมีท่านพ่อท่านแม่ ท่านพี่ที่ไม่ได้เข้ามาใกล้เตียงเหมือนกับพวกท่านทั้งสองคน ทั้งยังมองฉันด้วยสายตาที่เย็นชาจนรู้สึกใจคอไม่ดี
เกิดอะไรขึ้นกันคะ น้องทำให้ท่านพี่โกรธเหรอคะ?
“เรย์กะจัง เป็นยังไงบ้างลูก”
“...ท่านพ่อ...ท่านแม่?” ฉันถามด้วยน้ำเสียงแห้งพร่า เหมือนกับว่าจะขาดน้ำไปนาน จนเผลอเอามือจับคอโดยไม่รู้ตัว
“..เรย์กะ”
“...?”
อื๋อ ฉัน คิโชวอิน เรย์กะ ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงทดลองการเป็นแฟนกับท่านเอ็นโจ ชูสุเกะ…
จำได้ว่ากำลังนั่งรถจะไปสถานที่เดทตามที่นัดกับท่านเอ็นโจเอาไว้… แล้วอยู่ๆ คนขับรถก็ขับรถเร็วมาก เหมือนเขาจะพูดว่าสายเบรกไม่ทำงานอะไรสักอย่าง แล้วหลังจากนั้นฉันก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
แต่ก็ยังไม่ทันได้ถามอะไร คุณหมอเจ้าของไข้ก็เดินเข้ามาเสียก่อน คุณหมอตรวจอาการฉัน แล้วบอกให้ฉันนอนพัก เนื่องจากพึ่งพื้นทำให้ทุกอย่างดูเบลอๆ ส่วนท่านพ่อท่านแม่ และพี่ชายให้มาใหม่พรุ่งนี้
สุดท้ายคุณหมอบอกให้ฉันนอนพักผ่อน ส่วนพวกเขาให้มาเยี่ยมใหม่ในวันพรุ่งนี้
เมื่อไม่มีใครอยู่แล้ว ฉันก็เอื้อมมือไปหยิบกระจกใบเล็กที่อยู่ตรงโต๊ะมาดู
ภาพใบหน้าของเด็กสาวอายุประมาณสิบหกสิบเจ็ดปีฉายเข้ามาในเงากระจก นี่คือฉัน เรย์กะ…? ทำไมหน้าตาถึงได้ดูแย่อย่างนี้กันนะ?
สงสัยเป็นเพราะถูกรถชน แล้วพักฟื้นนานไปหน่อยสินะคะ ทำให้พวกท่านพ่อท่านแม่ต้องเป็นห่วงนี่แย่จังเลยค่ะ
“...คุณพี่ฮะ นอนแล้วเหรอฮะ?”
“...?” อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังมาจากที่หน้าประตู ทำให้ฉันหันไปมองโดยอัตโนมัติ เห็นเงาของเด็กคนหนึ่งยืนอยู่ด้วยใบหน้ากล้าๆ กลัวๆ ที่จะเข้ามาหาฉัน
เด็กผู้ชายผมสีอำพัน นัยน์ตาใสซื่อคู่นั้นมองมาที่ฉัน
“...ยูกิโนะคุง?”
“ฮะ!”
ยูกิโนะคุงยิ้มแย้มออกมาราวกับเทวดาตัวน้อย เดินลิ่วๆ เข้ามาหาฉัน แล้วถือวิสาสะปีนขึ้นมาบนเตียง แต่ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกค่ะ ก็แหม ก็นี่เป็นยูกิโนะคุงนี่คะ ทั้งยังเป็นน้องชายของเขาด้วยนี่นา อุฮิ...
“ขอบคุณที่ช่วยผมไว้นะฮะ คุณพี่สาว” เอ… ยูกิโนะคุงมักจะเรียกฉันว่า ‘คุณพี่เรย์กะ’ นี่นา ทำไมสรรพนามถึงได้ห่างเหินแบบนั้นล่ะคะ
หรือว่าเพราะฉันไม่ได้ไปตามนัดกับท่านเอ็นโจ ยูกิโนะคุงเลยโกรธกันนะคะ?
“เข้าโรงพยาบาลอีกแล้วเหรอคะ ยูกิโนะคุง”
“ฮะ เพราะคราวที่แล้วอาการหอบกำเริบ ทำให้ต้องเข้ามาพักอาทิตย์หนึ่งครับ ถ้าไม่ได้คุณพี่สาวช่วยผมไว้ที่ริมทางเดิน ผมต้องแย่แน่ๆ เลยล่ะฮะ”
เอ๋? ทางเดิน? ถึงจะจำได้ว่าเคยช่วยยูกิโนะคุงแบกหลังไปห้องพยาบาลก็เถอะค่ะ แต่ว่านั่นมันเมื่อปีที่แล้วไม่ใช่เหรอคะ?
หรือว่าฉันจะจำผิดกันนะ...
“ต้องขอบคุณพี่สาวอีกครั้งที่จะพาผมไปห้องพยาบาลนะครับ”
“อ่าจ้ะ สำหรับยูกิโนะคุงที่เป็นน้องชายที่แสนน่ารัก พี่ทำให้ได้ทุกอย่างอยู่แล้วล่ะจ้ะ” อาา รอยยิ้มเทวดานี่ช่างเยียวยาจริงๆ เลยค่ะ แหม...
“จริงสิ! พี่ชายเองก็มาขอบคุณพี่สาวด้วยนะ แต่ไม่ยอมเข้ามา ผมเลยเข้ามาคนเดียว”
“เอ ท่านเอ็นโจหรือคะ”
“ฮะ พี่ชูสุเกะฮะ ผมไปเรียกให้ไหมฮะ”
“อื๋อ ไม่ต้องหรอกค่ะ ไว้วันหลังพี่จะไปบอกขอบคุณท่านเอ็นโจเองนะ”
จะให้มาเห็นสภาพแย่ๆ แบบนี้ได้ยังไงกันล่ะคะ
แถมยังมีชนักติดหลังเรื่องทำเดทล่มอีก… แค่คิดว่าหนี้จะสูงท่วมหัวขนาดไหน ฉันก็แย่แล้วล่ะค่ะ ฮือ...
“ฮะ งั้นก็ได้ฮะ คุณพี่สาว”
ฉันยิ้มอย่างอ่อนแรง ดูเหมือนยานอนหลับจะเริ่มออกฤทธิ์แล้ว เหมือนได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามา ฉันพยายามปรือตามอง แต่ว่าไม่ไหว แต่คนที่เข้ามาเป็นท่านเอ็นโจรึเปล่านะ
เสื้อสีขาว เนคไทสีน้ำเงิน ท่านเอ็นโจสินะคะ… ขอโทษที่ไปไม่ทันค่ะ...ฉันคิดแค่นั้นก่อนที่เปลือกตาจะปิดสนิท และจมดิ่งลงสู่ความฝัน
เหมือนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่เย็นๆ มาสัมผัสอยู่ที่หน้าผาก แต่คงนึกไปเองล่ะมั้ง
วันต่อมา
ฉันบอกท่านพ่อท่านแม่ว่าหายดีแล้ว อยากกลับบ้านของพวกเราจะแย่แล้ว แต่ว่าพวกท่านกลับบอกว่าไม่ได้ เพราะคุณหมอสั่งให้ดูอาการ อีกทั้งเพราะฉันให้การช่วยเหลือเด็กที่เป็นลูกชายคนเล็กของที่นี่ พวกเขาเลยออกค่ารักษาฟรีได้
แต่เอ๋? บ้านเราเคยกังวลเรื่องค่ารักษาด้วยเหรอคะ?
แล้วลูกชายคนเล็กนั่นก็ ยูกิโนะคุงนี่คะ? ทำไมท่านพ่อท่านแม่ถึงได้พูดจายกย่องมากขนาดนั้นล่ะ
แล้วก็ท่านพี่ วันนี้ไม่ยอมพูดกับฉันอีกแล้วค่ะ ฉันทำให้ท่านพี่เป็นห่วงจนถึงขั้นไม่ยอมพูดด้วยเลยหรือคะ?
รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างแปลกๆ ไปนะคะ
ทำไมเอ็นโจถึงไม่มาเยี่ยมฉันเลยล่ะ?
ถึงจะบอกว่างอนก็เถอะ แต่ว่าแค่ไม่ได้ไปตามนัด ทำให้งอนมากขนาดนี้เลยเหรอ?
ฉันนั่งคิดไปพลางมองดูวิวที่ดาดฟ้าไปอย่างเหม่อลอย จะว่าไปแล้วตอนที่จะไปเดทมันหน้าหนาวนี่นา แต่ทำไมตอนนี้ถึงใกล้จะหน้าร้อนได้ล่ะ
ตอนที่ฉันถามคุณพยาบาล ฉันยังแปลกใจไม่หายเลยค่ะ
นี่มันแปลกไปแล้วนะ...
“คุณคิโชวอิน”
อยู่ๆ เสียงทุ้มที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมา ฉันไม่จำเป็นต้องหันไปก็รู้ว่าเป็นใครค่ะ ก็เอ็นโจ ชูสุเกะ ที่กำลังอยู่ในช่วงทดลองเป็นแฟนกับฉันอย่างไรล่ะคะ
“...”
“หายดีแล้วก็ออกจากโรงพยาบาลซะสิครับ”
เอ๋? นี่งอนหนักขนาดไล่ออกจากโรงพยาลเลยเหรอคะ? ถึงฉันจะไม่เป็นอะไรมากแล้วก็เถอะค่ะ แต่ไล่แบบนี้มันทำให้น้อยใจนะคะ!
ฉันหันไปหาท่านเอ็นโจ กะจะถามว่ายังไม่หายงอนเหรอคะ? แต่คำถามนั้นติดอยู่แค่ที่ปาก เพราะตรงหน้าของฉันนั้นคือ ท่านเอ็นโจ ชูสุเกะ ที่มีผมสีฮันนี่น้ำผึ้งค่ะ แบบเดียวกันกับต้นฉบับในการ์ตูนเปี้ยบเลยค่ะ โดยเฉพาะนัยน์ตาคู่คมที่มองฉันอย่างแข็งกราว ไร้ความเป็นมิตร ไม่เหมือนกับท่านเอ็นโจที่มักจะมีรอยยิ้มอ่อนโยนให้ฉันเสมอเลยค่ะ
แต่เอ๊ะ ไปย้อมผม ย้อมใจเหรอคะ?
แต่ฉันยังไม่ได้เลิกกับท่านเอ็นโจนี่คะ?
“ท่านเอ็นโจ?”
“มีแผนการอะไรอีกครับ ถึงขนาดคราวนี้มายุ่งกับน้องชายของผมเชียวเหรอ”
“เอ๊ะ?”
ฉันงงไปหมดแล้ว?
“อย่าแกล้งทำมาไร้เดียงสาน่า คุณคิโชวอิน คุณไม่อ่อนขนาดนั้นหรอกนะ คราวนี้คิดจะยืมมือยูกิโนะเหรอ ฝันไปเถอะครับ”
“...”
เดี๋ยวค่ะ ขอเวลานอกได้ไหม
“ผมให้เวลาคุณพรุ่งนี้อีกวันเดียว แล้วออกไปจากโรงพยาบาลนี้ซะ อย่ามายุ่งกับยูกิโนะอีก”
“...”
เดี๋ยวสิ!
ท่านเอ็นโจ
ฉันพยายามที่จะร้องเรียก แต่เรียกไม่ออก ในตอนนั้นเองที่ขาพันกับสายน้ำเกลือ ทำให้ฉันล้มลงไปกับพื้น แต่ว่าเขาก็ยังไม่หันมา
...เอ็นโจ!
นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
ทั้งท่านพี่ เอ็นโจ ยูกิโนะ ท่านพ่อท่านแม่ ทำไมกัน มันเกิดอะไรขึ้น?
แล้วทำไมฉันถึงได้เจ็บแปลบในใจขนาดนี้กัน
ทำยังไงดี?
ฉันจะทำยังไงดีนะ?
ฉันในตอนนี้ใจไม่สงบลงเลยสักนิดเลยล่ะค่ะ
ฉันกลับห้องด้วยความรู้สึกที่สับสน พอไปถึงห้องก็เห็นยูกิโนะคุงที่มีใบหน้าและสีผมเหมือนเดิมเปี้ยบในชุดของโรงพยาบาล ส่งยิ้มมาให้ฉันพร้อมกับวิ่งมาทางนี้
“คุณพี่เรย์กะ!” ตอนนี้เขาเรียกฉันแบบที่เคยเรียกแล้ว คงเป็นเพราะว่าเมื่อวันก่อนฉันบอกไปแบบนั้น
“...ยูกิโนะคุง”
ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกร้อนแผ่วที่ขอบตา แต่ฉันยังร้องไม่ได้ ยังร้องไห้ไม่….
“คุณพี่เรย์กะ เป็นอะไรไปครับ ร้องไห้ทำไมฮะ ใครทำอะไรคุณพี่เรย์กะครับ?”
“อ่า”
“คุณพี่เรย์กะ”
ยูกิโนะคุงกระตุกแขนเสื้อของฉัน ทำให้ฉันรู้สึกถึงหยดน้ำที่เย็นเฉียบที่อยู่บนแก้ม ฉันร้องไห้เหรอ?
ฉันปาดน้ำบนใบหน้าลวกๆ จูงมือยูกิโนะคุงมาที่โซฟา แล้วบอกกับเขาว่าไม่มีอะไร ยูกิโนะคุงอยู่คุยกับฉันแปปนึงก่อนที่พยาบาลประจำตัวของเทวดาคนนี้จะพาตัวเขาไป
พอได้อยู่เงียบๆ ในห้องอีกครั้ง ฉันก็เริ่มคิดทบทวนว่ามันเกิดอะไรขึ้น จำได้ว่ากำลังจะไปเดทนี่นา… เพราะอุบัติเหตุเหรอที่ทำให้คนรอบข้างเปลี่ยนไป? แต่นั่นมัน…
“อื๋อ..”อยู่ๆ ภาพบางอย่างก็ไหลเข้ามาในหัวสมองอย่างไม่ทันตั้งตัว จนฉันรู้สึกเจ็บจี๊ด ภาพของเด็กสาวที่ชื่อว่า คิโชวอิน เรย์กะ ที่ดูเป็นคุณหนูผู้หยิ่งยโส มีแต่คนเกลียดชัง และความทรงจำที่ถูกบอดี้การ์ดของบ้านคาราบุกิดึงตัวออกจากงานหมั้นหมายที่ถูกยกเลิกกะทันหัน อีกทั้งท่านพ่อยังถูกยัดข้อหาฉ้อโกง ทำให้บ้านและบริษัทถูกยึด ท่านพ่อกลายเป็นบุคคลล้มละลาย แต่ยังโชคดีที่ท่านพี่นั้นมีเงินเก็บมากพอทำให้ท่านพ่อไม่ต้องเข้าคุก…
และก็ฉัน ไม่สิเรย์กะ ไม่สิ..ฉันในตอนนี้คือเรย์กะ...ก็ถูกคนทั้งโรงเรียนซุยรันเกลียด โดนรังแก เสมือนกับที่เธอเคยทำกับคนอื่น ถึงท่านแม่จะให้เธอออกจากโรงเรียน เพราะไม่มีค่าเรียน แต่ด้วยความถือทิฐิ เรย์กะยังคงดื้อดึงที่จะเรียนต่อไป
แต่ว่า.. ในช่วงเวลานั้นที่เธอเหมือนกับจะสำนึกตัวได้ แม้จะแสร้งทำเป็นหยิ่ง ทว่าคนที่เข้ามาเปิดใจของเธอก็คือยูกิโนะคุง เทวดาตัวน้อยๆ น้องชายของเอ็นโจ
เด็กคนนี้ในความทรงจำของ ‘เรย์กะ’ เป็นคนที่เอาผ้าขนหนูมาให้เรย์กะที่โดนเอาขยะมาเทใส่ตัวจากคนที่เกลียดเธอ
ในตอนนั้นเรย์กะนั่งอยู่หลังโรงเรียน พยายามที่จะใช้น้ำชะล้างคราบที่ตัวเองโดนด้วยเทขยะใส่ด้วยความทุลักทุเล อยู่ด้านหลังเปอร์ติต์ ที่ตอนนั้นไม่น่าจะมีเด็กอยู่แล้ว แต่แล้วอยู่ๆ ยูกิโนะคุงก็วิ่งออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูแห้งเอามาให้เรย์กะ
‘อ่า คุณพี่สาวฮะ’
‘อะไร?’ เรย์กะยังเป็นเรย์กะที่หยิ่งยโส มองเด็กน้อยผมสีอำพัน หน้าตาใสซื่อที่ยื่นผ้ามาให้ทั้งสองมือ
‘ให้คุณพี่สาวใช้ฮะ คุณพี่สาวตัวเปียกปอนไปหมดแล้วนะฮะ’
‘...เฮอะ ไม่ขอบใจหรอกนะ’ เรย์กะเค้นยิ้มคล้ายกับรำคาญ แต่ก็หยิบผ้ามาเช็ดตามตัวของตัวเอง
‘ไม่เป็นไรหรอกฮะ’ เด็กน้อยคนนั้นยิ้มให้เรย์กะ
‘นี่อย่ามายิ้มนะ! ไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร?’
‘คุณพี่สาวก็เป็นคุณพี่สาวไงฮะ’ เด็กน้อยยังคงยิ้มแย้มอย่างไม่เกรงกลัวในท่าทีของเรย์กะ
‘ผมมองเห็นคุณพี่จากที่นี่ทุกวันเลยฮะ คุณพี่ทำหน้าเศร้าทุกวัน ไม่เป็นไรใช่ไหมฮะ’
เธอมองเด็กน้อยที่ยิ้มให้เธออย่างโง่ๆ นิ่ง
อยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ แล้วเหมือนมีอะไรบางอย่างเย็นๆ ไหลออกมาตรงบริเวณแก้ม
เธออยากให้มีใครสักคนเข้ามาถามเธอแบบนี้นานแล้ว เข้ามาถามว่าเป็นอะไรไหม หรือว่า ยิ้มให้ ยิ้มให้เธอแบบบริสุทธิ์ใจอย่างนี้ ไม่ใช่หน้ากากจอมปลอม
แต่ว่า แต่ว่า…
‘เธอรักเขา’ รักเขาหมดหัวใจ จนแทบจะทนไม่ได้… เธอที่เอาแต่คิดว่าสิ่งที่ทำไปนั่นดีแล้ว เธออยากจะเป็นคนที่เข้าใจเขา แต่ดูเหมือนว่าที่เธอทำจะผิดพลาดไปเสียหมด
ทำไมกัน เธอแค่อยากจะเข้าใจคาราบุกิ มาซายะเท่านั้นเอง!
ฮึก
‘อา? คุณพี่สาวฮะ อย่าร้องไห้สิฮะ ไม่ร้องไห้นะฮะ โอ๋ๆ’ เด็กน้อยที่เห็นว่าเธอกำลังร้องไห้ รีบกุลีกุจรเข้ามาตบแขนเธอเบาๆ ราวกับปลอบประโลม
‘ใครร้องกัน! เด็กงี่เง่า!’
‘ฮะๆ พี่สาวไม่ได้ร้องฮะ พี่สาวแค่ผงเข้าตาเฉยๆ เท่านั้นฮะ’ เด็กงี่เง่านั่นยิ้ม ดูขัดตาในความรู้สึกของเรย์กะ แต่เธอก็ยังให้เด็กคนนั้นปลอบเธอ
ความอบอุ่นที่เธอขาดหายไป ความอ่อนโยนที่ไม่เคยได้จากใคร แวบเข้ามาในจิตใจของเรย์กะ ทั้งยังรู้สึกอบอุ่นจนรู้สึกทนไม่ไหว
.
.
.
‘นี่ อย่าบอกเรื่องนี้กับใคร แล้วก็ต่อไปอย่ามาพูดกับฉันอีก’ เรย์กะเค้นเสียงพูดออกมา หลังจากที่ร้องไห้โฮไปพักใหญ่ โดยมีเด็กชายตัวน้อยอยู่ข้างเธอ
‘ทำไมล่ะฮะ พี่สาวเป็นคนไม่ดีเหรอ’
‘ใช่ และเธอก็จะเดือดร้อนด้วย’ เธอบอกเด็กน้อยงี่เง่า ที่ไร้เดียงสา อยากจะรู้จริงๆ ว่ามีใครเป็นพี่ของเด็กคนนี้ถึงเลี้ยงน้องให้อ่อนต่อโลกแบบนี้ ทั้งยังมายุ่งกับคนแบบเธออีก ชั่วแวบนึงที่เธอนึกขัน หัวยิ้มออกมา วินาทีนั้นทำเอาเด็กน้อยถึงกับยิ้มตอบ
‘อย่ายิ้มนะ!’
‘ถึงผมจะไม่เข้าใจก็เถอะฮะ ...แต่ว่า แต่ผมว่าคุณพี่สาวที่ยิ้มใจดีไม่มีทางเป็นคนไม่ดีหรอกนะฮะ!’
‘ยิ้มใจดี ฉันน่ะเหรอ? หึ...เข้าใจผิดแล้วล่ะ เด็กบื้อ’
เรย์กะว่า แล้วหยิบผ้าขนหนูที่ตะกี้เอามาเช็ดผมวางลงบนหัวเด็กน้อยงี่เง่า แล้วเดินออกจากตรงนั้นไป
แล้วก็อีกเหตุการณ์นึงที่ต่อเนื่องกันคือ เมื่อไม่กี่วันก่อน เธอเจอกับเด็กคนนี้ล้มลงที่ทางเดิน หอบตัวโยนจนน่าสงสาร เธอไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี เด็กนั่นก็พยายามที่จะเขย่าของในมืออย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วยังทำท่าทรมาน แถมยังพูดไม่ได้ เธอเลยดึงของในมือมาเขย่าให้และส่งกลับไป พอใช้เครื่องมือนั้นเด็กน้อยเหมือนจะดีขึ้น แต่ก็ยังหน้าซีดจนเธอถึงกับหน้าซีดตามไปด้วย วินาทีนั้นเด็กสาวไม่ทันคิดอะไร ใช้แขนแบกตัวเด็กชายขึ้นหลังอย่างทุลักทุเล
เด็กชายนั้นสลบไม่ได้สติแล้ว ทำเอาเธออยากจะกรี๊ดร้องออกมา เธอไม่เคยทำดีเลยสักครั้ง แต่ว่าครั้งนี้เธออยากจะช่วยเด็กคนนี้ อยากจะช่วยเด็กคนนี้อย่างตั้งใจ และในตอนที่ใกล้จะถึงห้องพยาบาล ก็ดันเจอกับคนที่เกลียดขี้หน้าเธอผลักให้ตกบันไดเสียก่อน วินาทีนั้นเธอเอาตัวของเธอเองปกป้องเด็กน้อยไม่ให้หล่นลงมาตามเธอด้วย และนั่นก็ทำให้เธอมาเป็นแบบนี้
เรย์กะ.. ไม่สิ ฉันมองดูตัวของฉันในกระจกที่เพิ่งหยิบออกมาจากบนโต๊ะข้างๆ เตียงขึ้นมามอง
ฉันตายเพราะอุบัติเหตุรถชน ตอนที่กำลังจะไปเดทกับท่านเอ็นโจ
ฉันที่มีความทรงจำในชาติก่อนที่จะเกิดมาเป็นเรย์กะ และฉันที่เป็นเรย์กะ กลับต้องมากลายเป็นเรย์กะในหนังสือการ์ตูน ที่แก้ไขเรื่องราวต่างๆ ไม่ได้อีกแล้ว!
นี่มันเรื่องตลกอะไรกันคะ!?
แต่เอ๊ะ…?
ไม่สิ คิดอีกทีนี่มันอิสระชัดๆ เลยนี่นาาาาาาาาา!!
แต่ว่าถึงจะดีใจทำไมหัวใจของฉันถึงเจ็บ และภาพยิ้มแย้มของคนคนนั้นยังอยู่ในหัวสมองด้วยล่ะคะ?
---------------------------------------
ไว้ว่างๆ จะมาต่อนะ หรือใครจะต่อก็ได้ไม่ว่ากันค่ะ
กำลังนั่งคิด เขียนเอ็นโจเย็นชายังไงดี-*-
งานการไม่ต้องทำแระ เขียนฟิคนี่แหละค่ะ
พระเอกคือยูกิโนะ? ///ผิด
เอาจริงๆ อยากให้เป็นนะ แต่เอาเป็นว่าออกมาบ่อยๆ ล่ะกันค่ะ ฮา
ต่อนะคะ
***************************
วันต่อมา
ฉันขอท่านพ่อท่านแม่กลับบ้าน ใครจะอยู่ที่นี่ไหวล่ะคะ ก็ตัวฉันเรย์กะคนก่อนทำเรื่องแบบนั้นลงไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะรู้สึกผิด แต่มันก็แก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว อีกทั้ง เขาก็ไม่ใยดีฉันแล้วด้วย
ดูได้จากน้ำเสียง และสายตาที่ห่างเหิน เอ็นโจ ชูสุเกะ ไม่ใช่ท่านเอ็นโจของฉันต่อไปแล้ว
แล้วก็ท่านพี่ ถึงวันนี้จะไม่พูดกับฉัน แต่สีหน้าตอนที่มองหน้าฉันก็แปลกไปใส่ตอนที่เถียงกับท่านพ่อล่ะ
จากที่ได้ฟัง ตอนนี้ท่านพ่อได้ทำงานรับจ้างแถวบ้าน จากประธานบริษัท กลายเป็นบุคคลล้มละลาย ถูกขับไล่ไสส่งจากตระกูลคิโชวอิน และท่านแม่ที่ลดศักดิ์ศรี มาช่วยทำงานด้วย ทั้งยังไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากตระกูลเก่า ท่านแม่ที่เข้มแข็งขึ้น และท่านแม่เองก็มาช่วยทำงานเช่นเดียวกันไม่เหมือนในความทรงจำของเรย์กะเลยแม้แต่น้อย ส่วนท่านพี่ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องไปทำงานกับเพื่อน
แต่ว่าที่ฉันรู้ก็คือท่านพ่อไม่ได้โกงกินใคร นี่น่าจะเป็นการใส่ร้ายป้ายสี ซึ่งท่านพ่อให้คนที่จงรักภักดีต่อท่านไปตรวจสอบอยู่
พอได้ฟังเท่านั้นฉันก็โล่งใจแล้วล่ะค่ะ
“ท่านพ่อท่านแม่ เรย์กะมีเรื่องจะขอร้องค่ะ!” ฉันก้มหัวขอร้องพวกท่านให้ฟังเรื่องของฉันก่อน จนพวกท่านพยักหน้าตกลง แม้ว่าจะมีสีหน้าลังเลใจว่าฉันจะขอร้องเอาแต่ใจหรือเปล่า
“หนูขอย้ายโรงเรียนไปเรียนที่อื่นแทน แล้วก็ขอไปสมัครทำงานพิเศษด้วยค่ะ” พอฉันพูดประโยคนี้ออกไปทุกคนในห้องต่างนิ่งงัน เหมือนกับช็อคไปแล้ว แต่ฉันยังพูดต่อว่า “ตอนนี้สถานการณ์บ้านเราไม่เหมือนเดิมแล้ว หนูรู้ค่ะว่าเมื่อก่อนนี้หนูเอาแต่ใจจนทำให้ทุกคนเดือดร้อนเพราะหนู ตอนนี้อยากจะแก้ตัวใหม่ค่ะ! ขอร้องล่ะค่ะ ท่านพ่อท่านแม่!”
คำขอของฉันได้รับการตอบรับทันที
อันที่จริงท่านแม่ไม่อยากให้ฉันออก แต่ว่าเพราะฉันอ้างเหตุผลเรื่องค่าใช้จ่าย ท่านแม่เลยตอบตกลงว่าจะไปทำเรื่องให้ ไม่อยากรบกวนค่าใช้จ่ายบ้านมากไปกว่านี้แล้วค่ะ
ฉันยิ้ม อย่างน้อยบ้านของพวกเราก็ยังพอมีอิทธิพลอยู่บ้าง
แต่ว่าหลังจากนั้นท่านพ่อท่านแม่ก็ขอไปเตรียมการกันก่อน โดยทิ้งให้ท่านพี่คอยดูแลฉัน
“....”
ฉันมองคนเป็นท่านพี่นิ่ง เขาไม่พูด ฉันก็ไม่รู้จะพูดอะไร แกล้งหลับเลยดีไหมนะ?
“เธอคิดได้แล้วเหรอ?”
“...!” พูดแล้ว แต่น้ำเสียงก็ยังเย็นชาอยู่ดี ฉันมองท่านพี่ที่เหมือนคนแปลกหน้าแล้วพยักหน้าตอบรับ “ค่ะ”
“งั้นก็ดี”
“เอ่อ ท่านพี่คะ”
“หืม?”
“ขอโทษค่ะ!”
“หา?”
“ขอโทษค่ะ หนูขอโทษค่ะ ที่ก่อเรื่องค่ะ ท่านพี่” ฉันขอโทษออกไปก่อน การขอโทษเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ทั้งยังทำให้คนใจอ่อนลงด้วย โดยเฉพาะเด็กที่ไม่เคยก้มหัวให้ใครอย่าง คิโชวอิน เรย์กะ
“...จะยกโทษให้น้องได้ไหมคะ?”
เห็นท่านพี่ถอนหายใจ ทำสีหน้าไม่ถูก ทำเอาฉันเริ่มใจคอไม่ค่อยดี
“ได้ ถ้าเธอปรับปรุงตัว”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ ท่านพี่” ฉันยิ้มร่า เมื่อได้ยินคำบอกนั้นของท่านพี่ฉัน
และเย็นวันนั้น ยูกิโนะคุงก็เข้ามาหาฉันอีก
“นี่คุณพี่เรย์กะฮะ จะย้ายโรงเรียนเหรอฮะ?”
เอ… ใครเอาไปบอกล่ะเนี้ย
“รู้ได้ยังไงกันจ้ะ?”
“พี่ชายบอกฮะ ว่าวันนี้เห็นคุณแม่ของคุณพี่เรย์กะไปที่โรงเรียน…”
ฉันยิ้มอ่อน หน่วยข่าวกรองของเอ็นโจนี่ก็ไวดีนะ แต่ทำไมถึงต้องให้ยูกิโนะคุงมารับรู้ด้วยล่ะคะ
“ใช่แล้วล่ะจ้ะ ครอบครัวพี่สาวไม่เหมือนเดิมแล้ว ต่อไปพี่สาวจะต้องลำบากขึ้น ตอนนี้พี่สาวก็เลยต้องลดรายจ่ายของครอบครัวไงจ้ะ”
“แต่ว่าไม่ย้ายไม่ได้เหรอฮะ ผมยังไม่ได้ตอบแทนคุณพี่สาวเลยนะ”
ใบหน้าของเทวดาชัดๆ แต่ว่าไม่ได้หรอก ฉันส่ายหน้า พร้อมกับพึมพำว่าขอโทษ
“เอ๋ ไม่เอาอ่ะ…”
“เอาแบบนี้ไหมจ้ะ ถ้าพี่หายดีแล้ว พี่จะมาเล่นด้วยบ่อยๆ ดีไหม”
“ผมจะได้เจอคุณพี่เรย์กะอีกเหรอฮะ”
“ได้เจอสิจ้ะ” ฉันยิ้มให้เทวดาตัวน้อย
“งั้นก็ตกลงฮะ”
ยูกิโนะคุงตอบอ้อมแอม ฉันเหมือนเห็นประกายในแววตาเหงาหงอยนั้นนิดนึง แต่คงคิดไปเองล่ะมั้งคะ ก็ยูกิโนะคุงน่ะ เทวดาชัดๆ นี่นาา
“คุณพี่เรย์กะฮะ?”
“อ่า จ้ะ ยูกิโนะคุง?”
“คุณพี่เรย์กะ ยังมีไข้อยู่เหรอ? หรือว่าผมพูดไม่ดีออกไปกันฮะ?” คงเป็นเพราะฉันเหม่อล่ะมั้ง
“อ่า เปล่าค่ะ พี่ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ ยูกิโนะคุง”
“แต่ว่า…” ยูกิโนะคุงยังทำสีหน้าลำบากใจ แต่ว่าฉันยิ้มแล้วพูดตัดเทวดาตัวน้อยคนนี้ก่อน
“พี่แค่คิดว่าพี่ทำเรื่องไม่ดีกับคนอื่นๆ เยอะน่ะ ถ้ายูกิโนะคุงมาอยู่ใกล้พี่จะโดนหางเล่ไปด้วยน่ะสิจ้ะ”
“เอ…” ยูกิโนะคุงทำหน้าสับสน เหมือนกับกำลังคิดอะไรอยู่ “แต่ว่านะคุณพี่เรย์กะ ผมไม่คิดว่าคนที่ยิ้มอย่างอ่อนโยนแบบคุณพี่เรย์กะจะเป็นคนไม่ดีจริงๆ หรอกนะฮะ!”
อ๋าาาาาาาาา
น่ารักจริงๆ เทวดาตัวน้อย…
...แต่ว่าสุดท้ายแล้ว เรย์กะคนก่อนก็ทำตัวคนเลวร้ายจริงๆ นี่
พอกลับมาที่บ้าน ที่ตอนนี้พวกเราใช้แมนชั่นของท่านพี่อยู่กันก่อนชั่วคราว ซึ่งรู้สึกว่าท่านพ่อจะซื้อให้ท่านพี่ตอนที่ท่านพี่เรียนมหาวิทยาลัย ไว้ใช้เผื่อวันไหนไม่ได้กลับบ้านจะได้มาพักที่นี่ โดยเป็นชื่อของท่านพี่เลยไม่โดนถูกยึดทรัพย์ไปด้วย เป็นห้อง 5LDK มีห้องน้ำสองห้อง แบ่งแยกชัดเจน ถึงจะไม่เท่ากับบ้านเก่า แต่ก็ยังบอกได้ว่าอยู่กันได้สบายอยู่ค่ะ
วันนี้ท่านพี่มารับฉันกลับบ้าน ฉันหาเรื่องคุยกับเขาถึงโรงเรียนที่จะไปเรียนต่อให้จบ เพราะเหลืออีกแค่สองเทอมเท่านั้น ท่านพี่เองก็ให้คำแนะนำกับฉัน พร้อมกับปลอบใจฉันว่าถ้าฉันจะเรียนต่อที่ซุยรันเขาก็ยังพอมีค่าเรียนส่งจากเงินที่เขาเก็บไว้ในบัญชี เพราะว่าการย้ายไปกลางคัน ไม่ค่อยมีที่ไหนรับเท่าไหร่ แต่ฉันก็ยืนยันว่า จะขอย้ายอยู่ดีเหมือนกับที่บอกไว้ตอนแรก
แล้วก็เหมือนโชคไม่เข้าข้างฉันที่ทำเรื่องย้ายโรงเรียนไม่ได้…
พอถามเหตุผล คุณแม่ก็บอกเพียงแค่ว่าตระกูลเอ็นโจจ่ายค่าเทอมให้ฉันแล้ว
ดูเหมือนว่าเพราะยูกิโนะคุงไปอ้อนท่านพ่อท่านแม่ของเขาให้ฉันเรียนอยู่ที่นี่ต่อ ทำเอาฉันไม่รู้จะพูดยังไงดี…
ต้องรับสภาพเรียนไปเหรอ ไปเรียนในที่ที่มีคนเกลียดชังแบบนั้นน่ะนะ…
แถมยังติดหนี้ของตระกูลเอ็นโจไปแล้วอีก ค่าเทอมของซุยรันมันแพงอยู่นะ ฉันจะชดใช้หนี้ยังไงหมดล่ะคะ ทั้งตระกูลเอ็นโจยัง…
แน่นอนว่าเอ็นโจ ชูสุเกะคงต้องคิดว่าฉันวางแผนอะไรอยู่แหงเลย
ทำไงดีล่ะคะ ทำยังไงดีล่ะคะ
พอฉันได้ฟังก็หน้าซีด มองหน้าท่านพ่อท่านแม่ และท่านพี่ อย่างทำตัวไม่ถูก
ไม่เอานะคะ!
“แต่ท่านแม่คะ ถ้าเราย้ายก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลยนี่คะ?”
“แม่เองก็อยากทำอย่างนั้นนะจ้ะ คุณเรย์กะ ทางตระกูลท่านเอ็นโจไม่ยินยอมจ้ะ”
อาาา
จะจองเวรอะไรกันนักกันหนาคะ!
แต่ก็ยังโชคดีที่ปิดภาคเรียนฤดูร้อนไปพอดิบพอดี ทำให้ฉันไม่ต้องทนไปรับสภาพแย่ๆ แบบนั้นอีกสักพัก ฉันเลยบอกกับท่านพ่อ ท่านแม่ และท่านพี่ว่า ไว้จะไปตอบปฏิเสธข้อเสนอนี้
ทว่าตอนนี้พักเรื่องหนักๆ พวกนี้ไว้ก่อน ก่อนอื่นต้องหางานพิเศษทำก่อนอันดับแรก
ฉันนั่งไล่หางานพิเศษที่จะรับเด็กม.ปลายทำงานตลอดทั้งคืน สุดท้ายก็หาที่สมัครได้สองสามที่ ที่เวลาในการทำไม่ชนกันพอดิบพอดีเลยเชียวล่ะค่ะ!
กำลังจะสบายใจ พอหันหน้ามาเห็นผมทรงโรโคโค่แล้ว ก็คิดหนัก… ใครจะรับเด็กที่มีทรงผมคุณหนูแบบนี้เข้าทำงานกันล่ะคะ….ฮือ
สุดท้ายก็ต้องนั่งยืดผมตัวเองให้ตรงเป๊ะ เหมือนคนธรรมดาสามัญทั่วไป จะว่าไปแล้ว มันก็ดูดีไม่น้อย แต่ท่านแม่ที่เห็นฉันผมตรงทำหน้าช็อกไปเลยค่ะ ฉันเลยบอกท่านแม่ว่า มันเกะกะตอนทำงานพิเศษ และไม่มีเวลาดูแล ท่านแม่เลยมองอย่างเสียดายค่ะ
อาเระ
ต่อไปนี้จะได้กินขนมแบบสามัญชนแล้วสินะคะ ดีใจจังเลยค่ะ~!
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ได้ความช่วยเหลือจากท่านพี่ และเพื่อนของท่านพี่ ท่านโมโมโซโนะ อิมาริ ที่มาช่วยฉันหอบเอาชุดฟูฟ่องแบบคุณหนูไปขาย จะว่าไปแล้วเรย์กะคนก่อนนี้ก็ซื้อเสื้อผ้าเปลืองจริงๆ นะคะ เล่นซื้อแบบใส่ครั้งเดียวแล้วไม่เอาออกมาใส่อีกเลยแบบนี้ พาลเงินท่านพ่อท่านแม่ จนฉันอยากจะร้องไห้ให้กับตัวฉันคนก่อนเลยค่ะ ยังดีที่ของทุกอย่างอยู่ในสภาพดี และมีคนเก็บพวกใบเสร็จทั้งหมดเอาไว้ ฉันเลยเอามานั่งลิสรายชื่อของที่มีสภาพดี และยังมีใบเสร็จ เพื่อเอาไปคืนร้านแลกเป็นเงินกลับมา ส่วนอีกพวกก็คือของที่จะเอาไปขายร้านมือสอง
ท่านพี่แปลกใจที่เห็นการเปลี่ยนแปลงของฉันมาก แต่ไม่ว่ายังไงท่านพี่ก็ยังไม่ยอมเรียกชื่อฉัน แต่เรียกแบบห่างเหินว่า ‘เธอ’ ทำเอาฉันรู้สึกเจ็บจี๊ดเลยค่ะ นี่นิสัยฉันแย่มากจนท่านพี่ไม่นับญาติกับฉันเลยเหรอคะเนี้ย
แต่ว่าเพื่อนของท่านพี่ ท่านพี่อิมารินั้นเป็นคนดีเหมือนเดิมเลยค่ะ ทักทายฉันแบบเป็นกันเอง และเป็นคนพาฉันมาส่งที่ร้านขายเสื้อผ้ามือสอง ดูเหมือนว่าท่านพี่อิมาริจะรู้แหล่งที่พวกผู้หญิงชอบไปกันเยอะเลยล่ะค่ะ แถมยังรู้อีกว่าร้านไหนขายของได้ราคาดีๆ อีก อุฮิ
“เรย์กะจังจะทานอะไรดีล่ะจ้ะ?” ท่านพี่อิมาริถามฉันที่เดินอยู่ข้างๆ ท่านพี่ พร้อมกับยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง หลังจากที่พวกเราเอาของไปคืน และได้รับเงินมาส่วนหนึ่งไว้พอจุนเจือครอบครัวไปพักใหญ่แล้ว
แหม ท่านอิมาริเป็นคนดีจังเลยค่ะ
“เอ่อ เอาเป็นร้านข้าวข้างทางก็ได้ค่ะ ท่านพี่อิมาริ”
“เอ๋ จะถูกปากเรย์กะจังหรอ? ไปร้านคาเฟ่ตรงนั้นไม่ดีกว่าเหรอ?” ท่านพี่อิมาริชี้ไปยังร้านคาเฟ่สุดหรูที่อยู่ตรงโซนไฮโซ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่ปฏิเสธหรอกนะคะ
...แต่ว่า
“ไม่ค่ะ หนูจะต้องฝึกฝนเป็นสามัญชน ดังนั้นจะต้องชินให้ได้ค่ะ!” ฉันตอบท่านพี่อิมาริไปอย่างหนักแน่น ท่านพี่อิมาริทำหน้าแปลกใจหน่อยๆ แต่ก็ยิ้มรับ พร้อมกับบอกว่าจะพาไปร้านที่อร่อยๆ แล้วถูกให้ด้วย ส่วนท่านพี่มองหน้าฉันอย่างเหลือเชื่อค่ะ
จะเชื่อใจหนูหน่อยไม่ได้หรือไงกันคะ ท่านพี่!
แล้วท่านพี่อิมาริก็พาฉันมาที่ร้านข้าวหน้าหมูทอดที่ทางเข้าดูลึกลับ เพราะต้องลงบันไดลงไปชั้นใต้ดิน เป็นร้านที่ถ้าไม่สังเกตดีๆ จะไม่รู้ว่ามีร้านนี้อยู่ด้วยเลยล่ะค่ะ
พอเข้าไปข้างในบรรยากาศดูดีกว่าที่คิดค่ะ ร้านตกแต่งได้น่านั่งไม่ต่างไปจากพวกร้านหรูๆ เลยล่ะ
พอเห็นฉันมองด้วยความตื่นเต้น ท่านพี่อิมาริก็บอกว่า “ฉันกับทาคาเทรุมากินที่นี่บ่อยๆ เลยล่ะนะ”
“ว้าว จริงหรือคะ!”
“อื๋อ มั่นใจในรสชาติได้เลยล่ะ เรย์กะจัง” ท่านอิมาริพูดพร้อมกับขยิบตา แหม…
แต่ว่านะ ทำไมท่านพี่จ้องท่านพี่อิมาริแปลกๆ ล่ะคะ?
“ท่านพี่ ท่านพี่อิมาริคะ”
“หืม?”
“ว่าไงจ้ะ เรย์กะจัง?”
“ขอบคุณมากนะคะ ที่พาน้องมาในวันนี้” ฉันบอกขอบคุณท่านพี่พร้อมกับโค้งให้ด้วย
“ไม่เป็นไร ยังไงเธอก็เป็นน้องฉันนี่นา”
“ท่านพี่ยังเห็นว่าน้องเป็นน้องอยู่ด้วยหรือคะ?” ฉันถามท่านพี่ พลางเงยหน้าขึ้น เหมือนกับจะมีอะไรมาคลอตรงเป้าตาตอนที่ได้ยินท่านพี่พูดว่าน้องเลยล่ะค่ะ
“ก็ใช่น่ะสิ ถึงจะไม่น่ารักก็เถอะนะ”
ซึนค่ะ ท่านพี่คะ…
“ฮือ ขอบคุณค่ะ ท่านพี่”
หวาๆ เหมือนมีอะไรไหลลงมาจากตาซะแล้ว ท่านพี่กับท่านพี่อิมาริตกใจใหญ่เลยค่ะ
“อ่า ไม่ร้องนะ เรย์กะ พี่ขอโทษ พี่ไม่ดีเอง”
“น้องต่างหากล่ะคะ ที่ไม่ดี ขอโทษค่ะ ท่านพี่ที่น้องไม่ได้เรื่องเลย” ทำไงดีล่ะคะ หยุดน้ำตาไม่ได้เลยล่ะค่ะ ทำให้ท่านพี่กับท่านอิมาริลำบากใจซะแล้วค่ะ
เอ๊ะ?
เดี๋ยวนะคะ ท่านอิมาริ ทำไมถึงทำหน้าสนุกอย่างนั้นตอนมองไปที่ท่านพี่ล่ะคะ?
สุดท้ายท่านพี่ก็เสียเวลาปลอบฉันค่ะ แต่ก็ทำให้ปัญหาที่หนักใจของฉันหายไปเป็นปลิดทิ้งเลยล่ะค่ะ พอร้องไห้แล้วมันโล่งใจแบบนี้นี่เองค่ะ
อื๋อ ข้าวหน้าหมูทอดก็อร่อย สมกับที่ท่านอิมาริบอกจริงๆ ด้วย
ตอนจะกลับ ฉันบอกกับท่านพี่ว่าซื้อไปฝากท่านพ่อกับท่านแม่ด้วยนะคะ ท่านพี่พยักหน้ายิ้มๆ ให้ด้วยค่ะ
*********************************
ฉันสมัครทำงานพิเศษแล้วนะคะ
เป็นร้านมินิมาร์ทที่อยู่ใกล้กับแมนชั่นของฉันเองค่ะ โชคดีจริงๆ ที่เขารับฉันเข้าทำงาน พี่เจ้าของร้านเป็นพี่แว่นท่าทางใจดีค่ะ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ว่าพนักงานอีกคนหนึ่งที่ย้อมผมทอง อยู่ม.ปลายเท่าฉันต่างหากล่ะคะ ที่ทำเอาฉันน้ำตาไหลพรากตอนที่เห็นเลยล่ะค่ะ
อเมวากะคุง! ไม่สิ เจ้าคนบ้าหมามากกว่า
“นี่ๆ คุณคิโชวอิน เรียนที่ซุยรันเหรอ”
เสียงจากอุเมวากะถามขึ้นมา ในขณะที่ฉันกำลังเรียนรู้การใช้เครื่องคิดตังค์กับคุณเจ้าของร้านค่ะ ฉันหันไปมองเขานิ่งๆ แต่ว่าคนบ้าหมาก็ยังเป็นคนบ้าหมาสินะคะ
“ว่าแต่ว่า ที่ซุยรันพูดคำว่า ‘โกะคิเก็งโย่’ จริงไหมอ่ะ ลองพูดให้ฟังหน่อยสิ~ น้า~~”
ฮึ้ย น่ารำคาญจริงค่ะ!
ฉันทำหูทวนลม ฟังคุณพี่เจ้าของร้านต่อค่ะ ไม่สนใจคนบ้าหมาหรอกนะคะ!
“นี่ คุณคิโชวอิน สนใจฉันหน่อยสิ”
หุบปากน่า!
“หยุดพูดแล้วไปถูพื้นต่อเดี๋ยวนี้เลย อาสึกะ! นายตั้งใจจะทำพนักงานร้านหายไปสักกี่คนกัน”
อาเระ?
อุเมวากะ นายหมดทางเยียวยาแล้วล่ะค่ะ ไปบ้าหมาคนเดียวเถอะนะ
นี่มันคนทำให้พนักงานไม่มีเพราะตานี่ใช่ไหมเนี้ย? แล้วอย่างนี้ฉันเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นทันไหมคะ?
เหมือนรู้ความคิดของฉัน คุณพี่เจ้าของร้านก็ห้นหน้ามาหา
“ขอโทษทีนะ เรย์กะจัง อย่าไปถือสาเจ้าบ้านั่นเลยนะ”
ค่ะ หนูเห็นแก่หน้าคุณพี่เจ้าของร้านนะคะ!
คุณพี่เจ้าของร้านเป็นคนดีมากๆ เลยค่ะ ทุกวันหลังจากเลิกงานคุณพี่เจ้าของร้านจะเอาข้าวกล่องที่ทำเหลือไว้มาให้ฉันกับอุเมวาะเอากลับบ้าน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฉันเล่าปัญหาเรื่องครอบครัวของฉันให้ฟังกับคุณพี่เจ้าของร้านที่ตอนแรกจะไม่ยอมรับฉันเข้ามา เพราะเห็นว่าฉันดูเป็นคุณหนู และท่าจะทำงานไม่เป็น แต่ว่าด้วยความสามารถในโลกก่อน ฉันก็แสดงฝีมือให้คุณพี่เจ้าของร้านเห็น จนเธอยอมให้ฉันเข้ามาทำงานอย่างง่ายดาย ต้องขอบคุณความสามารถในโลกก่อนจริงๆ นั่นแหละนะคะ
“เรย์กะจัง เอากลับไปฝากคนที่บ้านเยอะหน่อยก็ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ” คุณพี่เจ้าของร้านยื่นถุงที่ใส่ข้าวกล่องให้อีกสามกล่อง
แต่เกรงใจจังค่ะ
“ไม่ได้ค่ะ ของซื้อของขายนะคะ”
“ไม่เป็นไร ยังไงก็ต้องเอาไปแจกพนักงานคนอื่นอยู่ดี ข้าวกล่องต้องทำสดใหม่เท่านั้นล่ะนะจ้ะ”
“งั้นก็ขอบคุณมากนะคะ” ฉันรับมาไว้ พร้อมกับขอตัวไปเปลี่ยนชุด เพราะหมดกะของฉันในวันนี้แล้ว
ฉันทำงานพิเศษสองที่
ร้านมินิมาร์ท ทำกะวันจันทร์กับพุธ และร้านคาเฟ่ที่ท่านพี่อิมาริพาฉันไปฝากไว้ ทำกะวันอังคาร พฤหัสและศุกร์ ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ฉันก็อยู่บ้านพร้อมกับครอบครัวของฉันค่ะ
ท่านแม่ดูซึมๆ ไปบ้างในช่วงแรกที่เห็นฉันต้องออกมาทำงานแบบนี้แต่พอฉันพูดว่าเพื่อครอบครัว ท่านก็ยิ้มให้ พร้อมกับบอกว่า “ขอโทษนะ คุณเรย์กะ”
จะว่าไปแล้วฉันเองก็ตกใจกับความสามารถของท่านแม่เหมือนกันค่ะ ท่านแม่นั้นตัดเย็นผ้าเก่งพอตัวเลยค่ะ พอลองเรียบๆ เคียงๆ ถาม ท่านก็บอกว่าเพราะเย็นผ้าทำให้มือด้านเลยไม่อยากจะแตะเท่าไหร่นักล่ะค่ะ แต่พอครอบครัวเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ ท่านเลยรับจ้างเย็นผ้าค่ะ บางทีท่านแม่ก็ไปสอนจัดดอกไม้กับเพื่อนของท่านที่เป็นครูสอนจัดดอกไม้ด้วยนะคะ… ยอดเยี่ยมเลยค่ะ ท่านแม่
ส่วนท่านพ่อรับทำงานยกของแถวๆ บ้าน กลับมาเริ่มต้นจากศูนย์ใหม่อีกครั้ง แต่ว่ายังมีพรรคพวกของท่านพ่อที่เชื่อว่าท่านพ่อนั้นไม่เคยฉ้อโกงคอยช่วยเหลืออยู่ อย่างคุณเลขา และอดีตทหารที่ทำงานเป็นบอดี้การ์ดบ้านเราด้วยค่ะ
ส่วนเรื่องที่คาราบุกิกับเอ็นโจแทรกแซงนั้นเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ หรือถ้าเป็น พวกเขาคงจะใช้อำนาจเบื้องหลังช่วยเหลือคนที่ทำให้ท่านพ่อของฉันล้มละลายเท่านั้นแหละค่ะ น่าจะนะ...
.
.
.
วันนี้ยูกิโนะคุงนัดฉันให้ไปหาค่ะ
ฉันเลยไปหายูกิโนะคุงที่คาเฟ่
“คุณพี่เรย์กะฮะ!”
ฉันเห็นยูกิโนะคุงวิ่งมารับฉันที่กำลังจะเดินเข้าร้าน ฉันในวันนี้สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงผ้าขาสั้น ผมปล่อยยาว ไม่ได้มัด และไม่ได้ทำทรงราชินีโรโคโค่ เรียกได้ว่าเป็นดูเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาๆ ที่พบเห็นได้ทั่วไปเลยล่ะค่ะ แต่ว่าทำไมทุกคนในร้านต้องมองฉันแปลกๆ กันนะ?
“ยูกิโนะคุง”
“วันนี้คุณพี่เรย์กะแต่งตัวแปลกไปนะฮะ แต่ว่าก็น่ารักดีนะฮะ” แหม เทวดาปากหวานล่ะ
“ขอบคุณค่ะ” ฉันยิ้ม แล้วปล่อยให้ยูกิโนะคุงจับมือฉันไปที่โต๊ะ
พวกเราสองคนคุยเล่นกันไปพักใหญ่ ยูกิโนะตาโต ทำท่าแปลกใจทีเดียวที่รู้ว่าฉันทำงานพิเศษ คะยั้นคะยอให้ฉันเล่าให้ฟัง และฟังด้วยสีหน้าตื่นเต้น บอกว่าจะไปร้านที่ฉันทำงานให้ได้เลยล่ะค่ะ
“คุณพี่เรย์กะจะไปงานเลี้ยงหน้าร้อนไหมฮะ”
งานเลี้ยงของPivoine เหรอ?
“พี่คงไปไม่ได้หรอกจ้ะ ยูกิโนะคุง”
“ทำไมล่ะฮะ ไปเป็นเพื่อนผมไง…”
“พี่ไม่มีสิทธิ์ได้เข้าจ้ะ” ฉันยิ้ม อธิบายให้เทวดาตัวน้อยฟัง ยูกิโนะทำแก้มพองๆ เหมือนจะงอน แต่ฉันเอาแต่หัวเราะกลบเกลื่อนไป แล้วในตอนนั้นเอง
“มารบกวนคุณคิโชวอินแบบนี้ คุณคิโชวอินก็ลำบากแย่สิ ยูกิโนะ”
“อ๋า ท่านพี่”
ฉันมองชายหนุ่มที่ไม่คาดคิดว่าจะได้พบเร็วขนาดนี้อย่างตกตะลึง เอ็นโจ ชูสุเกะที่ยิ้ม แล้วขยี้ผมน้องชายเล่นอย่างสนิทสนม ทำเอารู้สึกว่าทำตัวไม่ถูก พอจะคิดว่าทำไมเขามาอยู่นี่ได้ ก็อืม...ยูกิโนะคุงเป็นน้องชายของเขา เขาก็ต้องห่วงที่มาอยู่กับฉันเป็นธรรมดาสิน้า…
“สวัสดีค่ะ ท่านเอ็นโจ” ฉันลุกขึ้นแล้วโค้งให้เอ็นโจ ชูสุเกะ
ดูเหมือนเอ็นโจจะตะลึงกับท่าทีที่อ่อนน้อมของฉัน สีหน้าเขาเปลี่ยนไปแวบหนึ่ง ก่อนที่จะยกยิ้มทั้งที่นัยน์ตาไม่ยิ้มเหมือนที่เคยปฏิบัติกับคิโชวอิน เรย์กะ
“สวัสดี คุณคิโชวอิน ไม่เจอกันนาน ดูเหมือนลุคคุณจะเปลี่ยนไปนะ” พร้อมกับรอยยิ้มเย้ยหยัน
“ค่ะ เป็นเพราะสถานการณ์เปลี่ยนไปเลยปรับเปลี่ยนการแต่งตัวน่ะค่ะ” ทั้งที่รู้ว่าประชดแต่ว่าตอนนี้ฉันไม่มีอะไรที่จะตอบโต้ได้
อันที่จริงที่ตอบไปนี่ฉันก็กลัวเอ็นโจ ชูสุเกะ พิโรธจะแย่อยู่แล้วค่ะ
ไม่สิ ยูกิโนะคุง ช่วยด้วย!
“จริงสิ ถ้าท่านพี่ชวนคุณพี่เรย์กะไปงานก็ไม่น่าจะมีปัญหาใช่ไหมฮะ คุณพี่เรย์กะ!”
ห๋า…
เดี๋ยวนะ ยูกิโนะคุงงงง!
ฉันมองยูกิโนะคุงอย่างตกตะลึง ดูเหมือนเอ็นโจ ชูสุเกะก็อึ้งไปเหมือนกันกับคำพูดของน้องชายของเขาเอง
“กำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่เหรอ ยูกิโนะ” เอ็นโจปรับเปลี่ยนสีหน้าได้อย่างรวดเร็ว แล้วยิ้มให้ยูกิโนะคุงอย่างอ่อนโยน
“ก็คุณพี่เรย์กะปฏิเสธไม่ไปงานเลี้ยงหน้าร้อนฮะ แต่ว่าผมอยากไปงานกับคุณพี่เรย์กะนี่นา” หน้าตายูกิโนะซึมไปเลย ทำไงดีล่ะ
“...เรื่องนี้”
“ขอโทษด้วยนะจ้ะ ยูกิโนะคุง” ฉันพูดแทรกเสียงของเอ็นโจ “วันนั้นพี่ไปไม่ได้จริงๆ จ้ะ แล้วพี่ก็ติดงานพิเศษด้วย เอาไว้วันหลังพี่จะมาคุยด้วยใหม่ดีไหม?”
“อื๋อ…” เทวดาตัวน้อยยังทำหน้างอ หลุบตาลงต่ำ “ก็...ก็นี่เป็นงานเลี้ยงแรกที่ผมได้เข้าร่วมนี่ฮะ…”
“ยูกิโนะ อย่างอแงน่า” เอ็นโจ ชูสุเกะ กดหัวน้องชายเบาๆ “เอาล่ะ เดี๋ยวพี่ขอคุยกับคุณคิโชวอินแปปนึง เราไปสั่งเครื่องดื่มสิ” แล้วหันมาหาฉัน
“คุณคิโชวอิน ขอคุยด้วยสักครู่สิ”
“ค่ะ” ฉันพยักหน้า
หลังจากที่ยูกิโนะคุงไปสั่งเครื่องดื่มแล้ว เอ็นโจก็มองมาทางฉันด้วยสายตาอ่านไม่ออกเหมือนเดิม
“...ไม่คิดเลยว่าผมต้องมาขอบคุณคนอย่างคุณด้วย คุณคิโชวอิน”
เอ็นโจกอดอกมองฉันที่นั่งนิ่งสบตากับเขา
ท่าทางนายไม่เห็นเหมือนมาขอบคุณเลยค่ะ!
“........”
“ไม่พูดอะไรหน่อยเหรอครับ”
“ไม่มีเรื่องอะไรให้ดิฉันพูดนี่ค่ะ”
“คุณคิโชวอินเปลี่ยนไปนะ”
“...”
ฮือ กดดันชะมัดเลยค่ะ ยูกิโนะคุงรีบกลับมาเถอะค่ะ ฉันหลุบตาต่ำลงมองโต๊ะ เม้มปากอย่างหนักใจในสายตากดดัน แต่แล้ว
“ขอบคุณที่ช่วยยูกิโนะเอาไว้ ผมคุยกับยูกิโนะแล้วล่ะ เรื่องเมื่อวันก่อนต้องขอโทษด้วย และผมจัดการกับคนที่มาผลักคุณให้แล้ว แล้วก็ขอบคุณที่เป็นเพื่อนเล่นยูกิโนะครับ ถ้ามีเรื่องอะไร ขอให้คุณบอกผม ผมจะตอบแทนให้อย่างแน่นอน”
พอได้ยินน้ำเสียงที่เอ่ยอย่างจริงใจดังขึ้นมาจากน้ำเสียงทุ้มนุ่ม ฉันก็เงยหน้าขึ้นสบกับเอ็นโจที่มองฉันแปลกไป
“เรื่องยูกิโนะคุง สำหรับฉันเหมือนเป็นน้องชายค่ะ แต่ว่าท่านเอ็นโจ อย่างไรดิฉันก็อยากจะย้ายโรงเรียน เพราะฉะนั้นท่านเอ็นโจช่วยกรุณาบอกท่านพ่อท่านแม่ของท่านว่าดิฉันรับแค่น้ำใจค่ะ”
“.....” แวบหนึ่งที่เอ็นโจมองฉันอย่างประหลาดใจ “นึกว่าคุณจะขอให้ผมแก้แค้นซะอีก?”
“ขอไปแล้วจะได้อะไรคะ ดิฉันทำตัวเองทั้งนั้น ถ้าในตอนนั้นดิฉันฟังคำเตือนของคุณล่ะก็คง..” ฉันเค้นยิ้ม “เอาเถอะค่ะ ดิฉันไม่ขออะไรทั้งนั้น นอกจากปล่อยฉันและครอบครัวไป ต่อจากนี้จะไม่มีการมาให้เห็นหน้าอีก ดีไหมคะ?”
อื๋อ… น่ากลัว
เอ็นโจที่มองฉันด้วยสายตาครุ่นคิด เหมือนกับกำลังประเมินกับคำพูดของฉันทำเอารู้สึกหนาวสันหลังวาบ อยากหนีจังเลยค่ะ อยากจะหายตัวไปเลยจริงๆ นะคะ ยูกิโนะคุง กลับมาเร็วๆ เถอะค่ะ!
“ไม่ได้หรอกนะ”
“เอ๊ะ!?”
“ถ้าหายกันไปล่ะก็คงได้อยู่หรอก ผมจะไม่ยุ่งกับครอบครัวคุณ แต่เรื่องที่คุณคิโชวอินย้ายโรงเรียน ผมไม่ได้เป็นคนตัดสินใจ ดังนั้นผมจึงให้คุณไม่ได้หรอกนะครับ”
เอ็นโจพูดยิ้มๆ ยิ้มที่เหมือนกับกำลังคุยเรื่องน่ารื่นรมย์ แต่ว่าทำเอาฉันหดหู่เรื่อยๆ
“...นั้นสินะคะ ดิฉันคงขอคุณมากเกินไป” ฉันพยักหน้า ไม่ได้โต้ตอบอะไรอีก ก่อนที่จะหยิบเงินในกระเป๋าตังค์ออกมา จ่ายค่าขนมและน้ำที่สั่งไว้บนโต๊ะ
ค่าขนมเค้กเล็กจิ๋วที่อร่อยแต่แสนแพง ทำเอาฉันอยากจะร้องไห้ออกมาเลยล่ะค่ะ
“ดิฉันต้องขอตัวก่อน ฝากบอกยูกิโนะคุงว่าดิฉันมีธุระด่วนกะทันหันด้วยค่ะ ท่านเอ็นโจ”
“....”
“ดิฉันจะไม่มารบกวนท่านเอ็นโจอีก ลาก่อนค่ะ”
พอเดินออกมาจากร้านได้ ฉันก็รีบไปที่ซอยตรงมุมถัดไป คุยกับจอมมารนี่มันใช้พลังงานเยอะชะมัดเลยค่ะ น่ากลัว กดดัน แล้วก็อยากจะหายตัววับไปเลยค่ะ
ไม่รู้ว่าเอ็นโจจะเห็นฉันเปลี่ยนไปมากแค่ไหน
ให้ฉันทำตัวแบบเรย์กะคนเก่าก็ทำได้อยู่หรอกค่ะ แต่ถ้าทำแบบนั้นเรื่องมันคงจะบานปลายยิ่งไปกว่านี้แน่ ดังนั้นฉันจึงใช้วิธีเจรจาแทน
ซึ่งมัน...ไม่ได้ผลเลยสักนิด
จากนี้ไปที่โรงเรียนถ้าเปิดเทอมคงต้องหลีกเอ็นโจเสียแล้วล่ะ
...เฮ้อ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
งานพาร์ทไทม์ที่คาเฟ่นั้นยุ่งกว่ามินิมาร์ทเสียอีก ยังดีที่เมื่อชาติก่อนฉันเคยทำงานทำนองนี้มาบ้าง เลยไม่ค่อยได้ปรับตัวอะไรมากนัก
ยิ้มแย้มต้อนรับคนที่เข้ามา จดออเดอร์ แล้วก็เสิร์ฟอาหาร ง่ายนิดเดียว แต่เหนื่อยตรงที่ไม่ได้นั่งทั้งวันแค่นั้นเองค่ะ
บางครั้งท่านพี่กับท่านพี่อิมาริก็แวะมาให้กำลังใจฉันด้วย ทำเอามีกำลังใจทำงานขึ้นอีกเยอะเลยล่ะค่ะ
แล้วอีกอย่างชุดทำงานของคาเฟ่ก็เดรสสีขาว ตรงกระโปรงมีลูกไม้ข้างใน มีผ้ากันเปื้อนสีชมพูอีกชั้นเป็นแบบผูกโบว์ด้านหลังค่ะ ทั้งยังหมวกที่คล้ายกับหมวกแมวให้ ดูน่ารักมากๆ เลยล่ะ และถ้าฉันทำงานที่นี่ เลยม้วนผมทรงโรโคโค่ แล้วมันแกละสองข้าง เพื่อให้เข้ากับหมวกด้วย
กริ่ง กริ่ง
“สวัสดีค่ะ กี่ท่านคะ!” ฉันยิ้มรับลูกค้าที่มาใหม่ วันนี้ก็น่าจะเป็นวันที่สงบสุข ถ้าหากไม่เพราะหันไปเจอกับคุณลูกค้าที่คุ้นเคย
“...คิก แต่งตัวได้น่ารักดีนะครับ คุณคิโชวอิน” เสียงทุ้มนุ่มของเอ็นโจว่าเบาๆ ใบหน้านั้นยิ้มพร้อมกับมองมาที่ฉันด้วยสายตาแปลกๆ เป็นสายตาที่อ่อนโยน แบบที่ไม่เคยใช้กับฉันมาก่อน
“...ท่านเอ็นโจ…”
ฉันหน้าซีดเผือก แต่ก็รีบปรับสีหน้าแล้วพาเขาไปนั่งตรงมุมหนึ่งติดกับหน้าต่างที่ให้บรรยากาศดี แล้วยื่นเมนูให้
“อีกสักครู่ทางเราจะมารับเมนูนะคะ” ฉันว่าพร้อมกับรีบเดินไปข้างหลังร้าน
ให้ตายสิ...ทำไมเขาถึงมาหาฉันได้ล่ะคะ!
แล้วหลังจากนั้นฉันก็ให้พนักงานคนอื่นไปรับออเดอร์แทนฉัน ส่วนฉันไปพักที่ห้องพักหลังร้านเพื่อสงบใจสักพักล่ะ ฮือ…
ทำไงอ่าาาา
ทั้งที่บอกไว้แล้วนี่นาว่าจะไม่ยุ่งกับพวกเขาอีก แล้วทำไมตานั่นถึงได้มาที่นี่ได้ล่ะ หรือว่าฉันยังมีหนี้สินที่ต้องชดใช้เขาอีกคะ หรือว่าจะแค่มาเยาะเย้ยฉัน เอาคืนที่ฉันเคยทำกับเขากันล่ะ ไม่สิ ประเด็นก่อนหน้านั้น เค้ารู้เรื่องที่ทำงานพิเศษฉันได้ยังไงกันล่ะคะ? ฉันไม่ได้บอกยูกิโนะคุงนี่นา แค่เล่าเฉยๆ ว่าทำงานพิเศษที่คาเฟ่เท่านั้น ไม่ได้บอกถึงร้านเลยนี่!
ขอต่อตอนกลางคืนนะคะ พอดีติดงานน่ะ --*
>>485-490 รักฟิคนี้เหลือเกินนนนน ดีต่อใจอะไรเช่นนี้ ท่านเรย์กะของเราแก้สถานการณ์ได้ดีเยี่ยมจริงๆ วิถีสามัญชน เตรียมรับได้ดีเยี่ยม ยูกิโนะคุงก็น่ารักเช่นเดิม นี่สิพระเอกตัวจริง แต่นะ แอบสงสารคนที่ผลักเรย์กะตกบันได โดนจอมมารแก้แค้นนี่ไม่น่าจะรอด พลังสโตรกเกอร์ของตระกูลเอ็นโจยังคงดีเยี่ยม ล่วงรู้ความเป็นไปครบถ้วนจริงๆ เผลอๆเป็นคนอยู่เบื้องหลังด้วยซ้ำ โถถถถถถ
อ่านตอนล่าสุดอีกรอบแล้วอยากลองแต่งมุมมองต่อโลกของคาบุรากิดู จะมีใครอยากอ่านไหม 5555 อาจจะแต่งเว่อร์ไปหน่อยๆ
ทำไมกูรู้สึกซาบซึ้งกับความรักมั่นของเอ็นโจ ที่มีให้เรย์กะขนาดนี้
อารมณ์ว่าไม่ว่าเกิดใหม่อีกกี่ฟิค เอ็นโจผู้นี้จะขอตามสตอลเกอร์คุณหนูคิโชวอินแต่เพียงผู้เดียว ตลอดไป~
กรี๊ดดดดด อยากจิครายย ก็เขารักของเขาอะเนอะ ดูสิ กี่ฟิคๆ ก็ยังรักมั่นคงเชียว~
>>503 กูเคยมโนว่าคาบุรากิก็คือวิญญาณของเรย์กะที่กลับมาเกิดใหม่แบ่งออกเป็นสองว่ะ ครึ่งหนึ่งไปอยู่ร่างเรย์กะ อีกครึ่งอยู่ร่างคาบุรากิ วิญญาณในร่างคาบุรากิลืมความทรงจำชาติก่อนไป แต่ก็มีวงจรความคิดคล้ายร่างต้น(เรย์กะ)อยู่ จะหาคนเหมือนท่านเรย์กะมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว 555555555
>>500 เองนะคะ
อยากเขียนฟิคมุมมองของคาบุรากิดู ไม่รู้ว่าจะเนียนแค่ไหนนะ 5555 มุมมองหมอนี่เขียนยาก แต่อยากเขียนมากๆ ไม่รู้บ้าบอเกินไปไหมนะ ขออภัยล่วงหน้า
ฟิคเรื่อง “ทำไมท่านเรย์กะถึงไม่มีคนมาจีบ”
................................................
(มุมมองคาบุรากิ)
วันนี้ได้ข่าวว่าที่สโมสรมีขนมช็อกโกแลตออกใหม่ 1 ใน 10 ยี่ห้อที่ฉันชื่นชอบพอดี เห็นว่าเป็นรุ่นพิเศษลายกุหลาบรับวันวาเลนไทน์ แค่คิดถึงรสที่ค่อยๆละลาย และสัมผัสเนียนนุ่มในแต่ละกลีบของกุหลาบช็อกโกแลตก็อดไม่ได้ที่จะเร่งความเร็วในการเดินเพิ่ม นี่ ชูสุเกะ นายก็เดินเร็วๆหน่อยสิ! เดี๋ยวช็อกโกแลตก็หมดพอดี ถึงจะสั่งที่บ้านให้ซื้อมาตุนไว้แล้วก็เถอะ มันจะไปพออะไร
ชูสุเกะนิ่งไปเลย ไม่ยอมขยับ อะไรน่ะ เป็นเหน็บชา? ตะคริว? ระ..หรือว่าโดนคำสาปจากเมดูซ่า!?!
ฉันหยิบกระจกขึ้นมา มองอะไรก็ตามที่ชูสุเกะมองอยู่ผ่านกระจก อย่างน้อยก็ไม่กลายเป็นหินแน่ๆ! แต่ เอ๊ะ นั่นก็แค่นักเรียนซุยรันธรรมดานี่ เป็นผู้ชายด้วย คงไม่ใช่เมดูซ่าสินะ
พอตั้งใจฟังดีๆเหมือนพวกนั้นจะคุยกันประมาณว่า
“คุณคิโชวอินนี่น่ากลัวชะมัดเลย รู้เรื่องพวกนั้นได้ไง...” ชายคนหนึ่งพูด อื้ม หน้าตาท่าทางเหมือนเก่งกีฬาแหะ เหมือนเห็นแวบๆตอนเล่นฟุตบอล เป็นประธานชมรมฟุตบอลหรือเปล่านะ
ว่าแต่ รู้เรื่องอะไรน่ะ อ๋อ เข้าใจล่ะ คิโชวอินไปแนะนำเรื่องเทคนิคเตะฟุตบอลสินะ ไม่ธรรมดาจริงๆ ฉันเองก็คาดไม่ถึงว่าคิโชวอินมีความสามารถด้านกีฬาระดับนั้นด้วย ตอนก่อนเข้าชมรมเย็บปักก็ยังไปดูชมรมกีฬาอยู่เลยนี่นา
“แต่ว่าก็สุดยอดไปเลยนะ” อีกคนรับคำ ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะเป็นประธานชมรมเบสบอล “ดูเท่ยังไงไม่รู้”
เพื่อนอีกสองคนส่งเสียงแซว
“อะไรเนี้ย สเปคนายเป็นอย่างงี้หรอ”
“สารภาพรักเลย เอาเลยเพื่อน”
ประธานชมรมเบสบอลหน้าแดง ท่าทางเขินอาย “ฉันว่าจะทำวันนี้เหมือนกัน”
เสียงโฮ่ร้องดังขึ้น สมาชิกชมรมกีฬานี่เสียงดังแข็งขันดีจริงๆ
ชูสุเกะขยับตัว พร้อมขมวดคิ้ว ก่อนจะเดินไปหากลุ่มผู้ชายตรงนั้น พร้อมกระซิบบางอย่างที่หู ประธานชมรมเบสบอลช็อกค้าง ก่อนจะพยักหน้ารับ
ยอดไปเลย ชูสุเกะ! นายกำลังแนะนำวิธีสารภาพรักให้ได้ผลอยู่สินะ ฉันประทับใจในความอารีของเพื่อนต่อชายผู้มีความรักจริงๆ พยายามเข้าล่ะ!
ชูสุเกะเดินกลับมาหา พร้อมบอกทั้งรอยยิ้ม “ไปกันเถอะ มาซายะ”
นั่นสิ! รีบไปกินช็อกโกแลตลายกุหลาบกันดีกว่า กินน้ำอะไรดีนะ เอาชาก็ไม่เลว
นั่งอยู่ในสโมสรสักพัก คิโชวอินก็ปรากฏตัวพร้อมสีหน้าโศกเศร้า นั่งลงบนโซฟาและครุ่นคิดอะไรบางอย่าง คนในสโมสรพยายามเสนอขนมให้ก็ปฏิเสธไปหมด
ฉันสงสัย แต่ก็กระจ่างในที่สุด คิโชวอินอาจจะถูกสารภาพรัก จากนั้นก็ปฏิเสธ แต่ก็อดสงสารหนุ่มเบสบอลคนนั้นไม่ได้เลยมานั่งเศร้าอย่างนี้สินะ ไม่ได้การล่ะ ฉันคนนี้คงต้องออกตัวช่วยเหลือชีวิตรักของเพื่อนร่วมชะตากรรมซะหน่อย
“นี่ คิโชวอิน”
“เอ๊ะ คะ ท่านคาบุรากิ”
“ฉันเข้าใจว่าจะลืมรักเก่ามันยาก” ฉันพูดพลางตบไหล่อีกฝ่ายให้กำลังใจ “ฉันเองก็ทำใจอยู่นานเหมือนกัน”
คิโชวอินทำหน้างงๆ แน่ล่ะ คิโชวอินไม่รู้ว่าฉันคาดเดาเรื่องทั้งหมดได้แล้วสินะ
“บางทีเราต้องหัดเปิดใจให้รักใหม่บ้างนะ” ฉันพูด พลางนึกถึงวาคาบะ จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม นึกถึงท่ากลิ้งตัวกลางอากาศออกจากจักรยานทีไรก็ประทับใจทุกครั้ง “ลองไปขี่รถเล่นดูอาจจะช่วยได้ แต่ว่าขับช้าๆนะ เผื่อชนใคร จะได้ไม่อันตราย”
คิโชวอินทำหน้าประหลาดขึ้นไปอีก ฉันจึงยัดช็อกโกแลตรูปกุหลาบอันมีค่าใส่มืออีกฝ่าย ช็อกโกแลตมันดีนะคิโชวอิน ทำให้มีความสุขได้ด้วยนะ แถมรุ่นนี้หวานกำลังดีด้วย ต้องช่วยปัดเป่ารักแรกอันขมขืนไปได้แน่!
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแล้วก็กลับไปหาชูสุเกะ ไม่รู้ทำไม หมอนี่นั่งกลั้นขำอยู่ อะไร นึกถึงเรื่องตลกในหนังซอมบี้เมื่อวานเรอะ
ฉันกินช็อกโกแลตไปเรื่อยๆ ดื่มด่ำรสชาติละมุนหัวใจ ไม่ได้สนใจเสียงฮือฮาจากคนรอบข้าง จะว่าไปเค้กที่ร้านวาคาบะก็อร่อยเหมือนกันนะ วันนี้แวะไปซื้ออีกดีไหมนะ
................................................
(มุมมองเรย์กะ)
แย่แล้วค่ะ แย่แล้ว ตอนนี้น้ำหนักฉันขึ้นอีกแล้ว ถึงภายนอกจะดูไม่แตกต่างก็เถอะ แต่มันก็ขึ้นมาเยอะทีเดียว แงงงงง ช็อกโกแลตมันอร่อยเกินไปนี่คะ ช่วงวาเลนไทน์มีช็อกโกแลตหลากหลายรูปแบบ นานารสชาติ ขนมใหม่ๆก็ออกมาช่วงนี้ซะเยอะเลย ฉันแค่ชิมอย่างละนิดละหน่อยเองนะคะ นิดเดียวจริงๆ
ถึงจะเศร้าก็เถอะค่ะ แต่วันนี้จะเริ่มอดขนมที่สโมสรแล้วกันนะคะ ฮือออ
ขณะกำลังเดินไปที่สโมสรเรื่อยๆ ก็บังเอิญเจอกับประธานชมรมเบสบอลเข้า อีกฝ่ายเห็นหน้าฉันแล้วสะดุ้งราวกับเห็นปีศาจยังไงยังงั้น สีหน้าหวาดกลัวเอามากๆ
ขู่แรงไปงั้นหรอ... ขอโทษนะคะ แต่คงยอมให้เอาพื้นที่ของชมรมเย็บปักไปไม่ได้หรอกนะคะ
แต่เจ็บจังเลยค่ะ นี่ฉันถูกผู้ชายกลัวอีกแล้วใช่ไหมคะ ฮือออ แค่ทุกวันนี้ มองไปก็มีแต่ผู้ชายหลบหน้า น่าเศร้าจริงๆเลยค่ะ เมื่อไหร่ฤดูใบไม้ผลิจะมาถึงฉันสักทีคะเนี้ย
สักพักก็เห็นคาบุรากิกับเอ็นโจเดินมาจากที่เดียวกับที่ที่ประธานเบสบอลเดินออกมา คาบุรากินี่ดูไม่สนใจอะไรเลย เดินก้าวเร็วๆพุ่งตรงไปอย่างเดียว ส่วนเอ็นโจหันมายิ้มมีเล่ห์นัยใส่ฉัน
“สวัสดีครับ คุณคิโชวอิน”
“สวัสดีค่ะ ท่านเอ็นโจ”
เขายิ้มพร้อมตาเป็นประกาย แล้วรีบเดินตามเพื่อนรักของตัวเองไป ฉันรู้สึกขนลุกยังไงไม่รู้ค่ะ แต่ฉันไม่ได้มีหนี้อะไรกับเขาแล้ว คงไม่เป็นไรมั้งคะ...
ทั้งๆที่เป็นจอมมารแท้ๆ แต่ก็มีคนตามกรี้ดไปทุกที่ ทำไมฉันถึงต้องมีแต่ผู้ชายคอยหวาดกลัวกันคะ โลกไม่ยุติธรรมเลย!
ทั้งๆที่อยากกินให้หายเครียดหายเศร้า แต่ฉันต้องไดเอท แงงงงง
ฉันปฏิเสธขนมที่เพื่อนๆพยายามเสนอมาให้อย่างโศกเศร้า ขณะที่ฉันกำลังคิดว่าจะเอางานปักออกมาทำเพื่อเบนความสนใจไปจากของกิน คาบุรากิก็
มายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว
“นี่ คิโชวอิน”
“เอ๊ะ คะ ท่านคาบุรากิ”
ทำไมกัน เกิดอะไรขึ้น ทำไมหมอนั่นทำหน้าจริงจังขนาดนั้น
“ฉันเข้าใจว่าจะลืมรักเก่ามันยาก” คาบุรากิตบไหล่ฉับป๊าบๆอีกแล้ว มันเจ็บนะ! “ฉันเองก็ทำใจอยู่นานเหมือนกัน”
เป็นบ้าอะไรคะ อยู่ๆก็ผีเข้าหรอคะ หรือคุณยูริเอะส่งข้อความมาหานาย แล้วนายก็คิดว่าฉันผู้เป็นคนร่วมชะตากรรมก็เจอแบบเดียวกันหรอ ที่ฉันทำหน้า
เศร้าเพราะไม่ได้กินขนมเท่านั้นแหละค่ะ
ฉันเริ่มน้ำตาคลอเพราะเจ็บ คาบุรากิมองมาอย่างเห็นใจ อย่ามามองอย่างนั้นนะ! ที่ฉันเป็นอย่างนี้เพราะนายนั่นแหละ แรงเยอะชะมัด...
“บางทีเราต้องหัดเปิดใจให้รักใหม่บ้างนะ” คาบุรากิพูดด้วยสีหน้าเข้าอกเข้าใจ “ลองไปขี่รถเล่นดูอาจจะช่วยได้ แต่ว่าขับช้าๆนะ เผื่อชนใคร จะได้ไม่อันตราย”
อะไรคะ คิดว่าสิ่งที่นายเจอจะเหมือนฉันทุกอย่างหรือไงกัน ฉันไม่ใช่ร่างแยกของนายนะ
ฉันเห็นเอ็นโจกลั้นขำมาจากอีกฝั่ง อย่ามัวแต่หัวเราะสิ ช่วยพาเพื่อนนายกลับไปด้วย!
เมื่อฉันไม่ได้ตอบรับอะไร คาบุรากิก็ยัดช็อกโกแลตรูปกุหลาบใส่มือฉัน ตบไหล่แรงๆอีกสองสามครั้ง ก่อนจะเดินจากไปอย่างพึงพอใจ
เอ๊ะ? อะไรคะ ต้องการตอกย้ำว่าฉันไดเอทไปก็ไม่ช่วยอะไร กินๆไปเถอะงั้นหรอ
เสียงฮือฮาจากคนในสโมสรดังขึ้น
“ท่านคาบุรากิช่างโรแมนติคเหลือเกิน”
“บอกให้ลืมรักเก่า อยากให้ท่านเรย์กะหันมาสนใจสินะคะ ช่างวิเศษเหลือเกิน”
“นั่นสิคะ ถึงจะเสียดายก็เถอะ แต่ถ้าเป็นท่านเรย์กะก็คงยอมรับได้”
“มีให้ช็อกโกแลตด้วยใช่ไหมคะ อ้า นี่เหมือนกับสารภาพรักเลยนะคะ”
“นั่นสิคะ ช่างวิเศษเหลือเกิน”
ไม่ใช่นะ หมอนั่นแค่จินตนาการบ้าอะไรไม่รู้ แล้วจัดการอะไรเองเสร็จสรรพ
แงงงง หยุดข่าวลือพวกนี้เถอะค่ะ แค่นี้ก็ไม่มีใครมากล้าจีบอยู่แล้ว
ฉันพยายามอธิบาย แต่ทุกคนก็คิดว่าฉันเขิน แย่ที่สุด!
เอ็นโจยังคงนั่งกลั้นขำอยู่ ขอสาปแช่งให้คาบุรากิอกหักจากวาคาบะ แล้วนายต้องไปอยู่กับหมอนั่นในทะเลหน้าหนาว! ให้ตายเถอะ! ! !
ไม่รู้จะเขียนจบยังไงดี อาจจะจบแปลกๆนะคะ 5555
เกลียดคาบุรากิ55555555555555555555
นี่โม่งสารบัญนะ มาอัพเดทว่าตอนนี้รวมฟิคได้ 20 เรื่องแล้วจ้า (ไม่นับรวมฟิคสั้น เม้นท์เดียวจบไรงี้นะ)
ヽ(▽ `)ノワーイ♪ヽ(´▽`)ノワーイ♪ヽ( ´▽)ノ
.
.
.
แต่งอัลลัยกันเยอะแยะวะ... (แต่มาอีกเยอะๆเถอะ ชอบ 55555)
>>507-508 อ่านแล้วเกลียดบากะรากิแรงมาก หัวสมองแม่งคิดแต่ไรไม่รู้ ถ้าคาบุเป็นตัวเอกแทนเรย์กะกูว่านิยายแม่งเสื่อมกว่าเดิมแน่นอน555555 เอ็นโจไม่ได้กั๊กเว้ย แค่ตามจีบแต่สาวไม่คิดไม่แลเฉยๆ ที่บ้านก็ถูกคลุมถุงชนทำไรไม่ได้ ที่ รร. สาวเจ้าที่ตามไปขายอ้อยเขาก็ไม่แลไม่ซื้อ ชีวิตแม่งเศร้า เดี๋ยวกูแต่งบากะเอ็นโจไปเลยซะดีมั้ย 55555
>>517 กรี๊ดดด ขอบคุณที่จัดระเบียบให้นะ รักมึงมาก จุ๊บๆ
>>518 กูไล่ให้ จากซ้ายไปขวานะ มีชุดซัมเม่อร์ปาร์ตี้ (ตอนเด็ก), ซัมเม่อร์ปาร์ตี้ (น่าจะตอนเจอมาโอะจังยูริคุง), งานชมซากุระ (ที่นางอ้วกแตกก่อนไป), งานชมหิ่งห้อย (ของกำนัลจากเอ็นโจที่นางเอาไปปล่อย), จากนั้นจะเป็นช่วงที่ยังไม่ได้แปล มีปาร์ตี้บ้านคิโชวอิน, งานชมซากุระ, งานทานาบาตะ
นี่ขนาดยังไม่เป็นสาวสังคมเต็มตัวนะเนี่ย ยังออกงานบ่อยชิบเป๋ง
เพราะฟิคกาวพวกมึงแท้ๆ ทำเอากูอยากแต่งบ้างทั้งที่ฝีมือไม่ถึง ถ้าขัดๆตรงไหน ทำใจได้เลย
ฟิคนี้เป็นฟิคก่อนวาเลนไทน์ กูขอลงเพราะเหมือนจะมีโม่งจองวันวาเลนไทน์ไปแล้ว ฟิคนี้เป็นฟิคที่เอ็นโจกับเรย์กะเป็นแฟนกันแล้วนะ
....................................................
วันที่ 13กุมภาพันธ์ วันก่อนวาเลนไทน์ วันแห่งวางแผนการร้ายเพื่อความรักของใครหลายๆคนรวมทั้งผมเช่นกัน
ปกติวันนี้ผมต้องไปเที่ยวค้างคืนสักที่กับแฟนสาวของผม
คิโชวอิน เรย์กะ
แต่เนื่องจากมีงานจำนวนมากที่ยังค้างมาเป็นอาทิตย์นั้น ทำให้ผมไม่สามารถออกจากคอนโดแล้วไปเดตกับเรย์กะได้เลย. ถึงผมจะทำเสร็จตอนเที่ยงคืนก็เถอะ
ก็อดหงุดหงิดไม่ได้เมื่อแผนเที่ยวล่ม แต่ความหงุดหงิดก็ปลิวออกไปเมื่อเรย์กะส่งข้อความมาว่าจะส่งของขวัญมาให้ผม ผมควรจะดีใจแบบสุดๆ แต่บังเอิญว่าเรย์กะมักจะปรึกษาพี่ชายเวลาซื้อของขวัญให้ผม พี่ชายของเธอนั้นไม่ชอบผมมากๆ คงไม่ต้องคิดว่าคำแนะนำของคนที่เกลียดขี้หน้าผม จะแนะนำของขวัญแบบไหนกัน แต่ถึงเรย์กะจะซื้อของขวัญแบบไหน ผมก็รับหมด ก็มันเป็นของขวัญที่คนที่ผมรักมอบให้นี้.....
จะว่าไปแล้ว ท่านพี่ของเรย์กะนั้นไปธุระที่ต่างประเทศ ใครกันที่จะแนะนำของขวัญให้เรย์กะกัน แวบแรกผมนึกถึงอิมาริซัง แต่คงเป็นไปไม่ได้เพราะเหมือนจะถูกท่านพี่(ที่ไม่ยินยอม)คนนั้นลากไปทำงานด้วย ผมคิดใครกันน่ะ ผู้ชายคนไหนที่เรย์กะขอคำแนะนำนอกจากสองคนนั้น
มาซายะ
ผมสะดุ้งยิ่งกว่ากุ้งสดมีชีวิตที่ถูกจับทอดลงกระทะ เจ้าบ้านั้นจะแนะนำอะไรให้สุดที่รักของผมกัน ผมวิตกกังวลขนาดหนัก มันจะต้องเป็นอะไรที่แย่แน่ๆ
ขณะที่ผมเดินไปมาอย่างกังวลนั้น เสียงออดหน้าประตูก็ดังขึ้น
ผมเดินไปอย่างช้าๆ ในหัวคิดสารพัดคำหยาบคายเตรียมผรุสวาทใส่ไอ้บ้านั้น
"ขอโทษนะครับ"พนักงานส่งของที่ดูแล้วเป็นคนของมาซายะแน่นอนกล่าวพร้อมกันสองคน ผมสั่งให้สองคนนี้ขนกล่องของขวัญขนาดใหญ่เกินครึ่งตัวของผมไปวางไว้หน้าโซฟา ถ้าจะหนักน่าดู หลังจากที่สองคนนั้นจากไป ผมก็เปิดกล่องของขวัญทันที
ความคิดที่ว่า มันต้องเป็นอะไรที่เลวร้าย นั้นหายไปเมื่อผมเห็นของในนั้น
"เรย์กะ?"
"ทะ ท่านชูสุเกะ"
ของขวัญที่ผมได้นั้นคือคือสุดที่รักของผมในชุดเดรสเกาะอกสั้นสีชมพูพร้อมริบบิ้นสีชมพูที่พันรอบลำตัวอย่างสมบูรณ์แบบจนเกินไปด้วยฝีมือของคนที่รู้จักดี เรย์กะเอียงหัวอย่างอายๆจนโบว์ยักษ์บนหัวเลื่อนลงจนหลุด
"คือว่า ไปขอคำแนะนำจากท่านมาซายะมา ท่านมาซายะเห็นรายการเรียลลิตี้โชว์ทำแบบนี้เลยบอกให้ฉันทำแบบนี้คะ มะ ไม่ชอบเหรอคะ"ใบหน้าเรย์กะนั้นแดงยิ่งกว่ามะเขือเทศในขณะที่พูด
"ชอบสิ ถ้าเป็นของที่เรย์กะให้ ผมชอบหมดแหละ แต่ทำแบบนี้รู้ไหมว่าอีกฝ่ายจะทำยังไง?"ขณะที่ผมพูด ผมก็ค่อยๆเลื่อนเข้าหาเรย์กะที่ถอยหนีผมจนล้มลงไปบนโซฟา
"ทะ ท่านมาซายะบอกว่า ท่านชูสุเกะจะเซอร์ไพร์แล้วไปบอกขอบคุณกับท่านมาซายะคะ"
"ใสซื่อสมกับเป็นเรย์กะ แต่รู้ไหมว่าคนรับจะทำยังไงกับของขวัญ"
"ไม่ทราบคะ" เรย์หลับตาปี๋เมื่อผมเลื่อนหน้าเข้าหาเธอเรื่อยๆ
"คนรับก็ จะ-กิน-ของ-ขวัญ ยังไงล่ะครับ"
"อื้อ" เธอหลุดเสียงออกมาเมื่อผมขโมยจูบเธอ มือขวาของผมเลื่อนจากเอวขึ้นไปขอบเดรสแล้วค่อยๆรูดซิปด้านหลังลง มือของเรย์กะพยายามหยุดมือของผมแต่เสียดายที่สู้แรงผู้ชายไม่ได้ จนเธอหมดแรง มือซ้ายอันซุกซนค่อยเลื่อนมือจากเข่าขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ
สงสัยผมต้องไปขอบคุณมาซายะในเร็ววันซะแล้ว
...........
จบ ถถถถ
เอ็นโจววของกูวววว หื่นและโรคจิตขึ้นทุกตอน 55555
แต่กูก็ชอบนะ มีพัฒนาการดี
กูมาลงตามสัญญาาาาาาาาาาา ถ้าไม่หนุกยังไงกูก็ขอโทษด้วยยยยยยยยยยยยยย มาลงไว้ก่อนพอหอมปากหอมคอ
FIC VALENTINE DAY [ท่านเอ็นโจ & ท่านเรย์กะ(ที่ใจเต้นกับท่านเอ็นโจแบ้วววว)]
หลุดคาแรกเตอร์ยังไง ขออภัยด้วยยยยยย
-----------------------------------------------------------------
ฉันสูดกลิ่นหอมหวานที่ฟุ้งกระจายอบอวลไปทั่วห้องครัวกว้างแห่งนี้เข้าเต็มปอด พลางขณะที่กำลังเคี่ยว ’ช็อกโกแลต’ ในหม้ออย่างตั้งอกตั้งใจ เมื่อเห็นว่าได้ที่แล้ว จึงนำสตรอเบอร์รี่สีแดงสดเย็นฉ่ำขนาดพอดีคำ 5-6 ลูก ที่เสียบไม้จิ้มเล็กๆน่ารักๆเตรียมไว้ มาชุบกับช็อกโกแลตในหม้อให้เห็นความตัดกันระหว่างสีแดงกับสีน้ำตาลเข้ม ถือค้างไว้สักพักให้ช็อกโกแลตเคลือบติดกับเนื้อผิวสตรอเบอร์รี่ แล้วจึงไปจัดวางบนจานให้ดูสวยงามพร้อมนำไปวางรวมกับเมนูช็อกโกแลตที่ฉันบรรจงพิถีพิถันไปก่อนหน้านี่ประมาณ 3-4จาน เพื่อรอรับการประเมินผล
อุหวา~ ตื่นเต้นจัง!!
เมื่อแอบลอบสังเกตสีหน้าของคุณริกะ หรือท่านอาจารย์ของฉันที่กำลังไล่สายตาประเมิลผลงานของฉันทีละจานแล้วก็อดรู้สึกลุ้นๆจนเผลอยกมือทั้งสองข้างมากุมระหว่างอกไม่ได้
หน้าจะนิ่งเกินไปแล้วนะคะ!!
ท่านอาจารย์ลูบครางตัวเองคล้ายกำลังครุ่นคิดพร้อมหยิบช็อกโกแลตชิ้นนึงมาพิจารณา(?)ใกล้ๆ ดมเล็กน้อยก่อนที่จะกัดเข้าปากไป ฉันสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่เตรียมพร้อมฟังผล
“ขั้นตอนการทำล้วนถูกต้องทุกกระบวนการ แม้รูปร่างจะไม่ออกมาสวยเป๊ะมากแต่ก็เรียบร้อยดึงดูดและน่ามอง ส่วนเรื่องรสชาตินั้น………อืมม” เขาส่งเสียงในลำคอเล็กน้อยก่อนที่จะกัดช็อกโกแลตเข้าไปอีกคำนึงแล้วทำหน้าครุ่นคิดหนักกว่าเก่า โฮฮฮฮฮ ชักจะใจเสียซะแล้วสิเรา จิตใจหดหู่ลดลงฮวบฮาบเลย ไม่อยากฟังต่อแล้วล่ะค่ะ....
“ถึงรสจะติดขมไปหน่อยแต่เนื้อสัมผัสนุ่มละมุนดี รวมๆดูจากภาพรวมทั้งหมดแล้ว....จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยมเลยล่ะครับ ยินดีด้วยคุณเรย์กะ~ คุณผ่านหลักการทำช็อกโกแลตเบื้องต้นแล้ว”
อุ๊!! ฮูเล่~~~!!
“ขอบคุณมากๆค่ะ~ คุณริกะ” ฉันโค้งตัวขอบคุณท่านอาจารย์ที่กำลังเมามันกับการชิมช็อกโกแลตจากจานอื่นๆซ้ำพลางโบกมือให้ฉันเป็นเชิงว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ฮึกกก ในที่สุดฉันก็มีวันนี้จนได้
ต่อไปนี้ช็อกโกแลตของฉันไม่ใช่อาวุธทางชีวภาพแล้วนะคะ!!
ถ้าถามว่าเกิดอะไรขึ้น? เรื่องราวเป็นอย่างไรมาอย่างไร? คงจะต้องย้อนกลับไปเมื่อต้นเดือนก่อน วันนึงฉันได้เผลอหลุดปากความคิดในใจเล่นๆไปว่า
[ตอนนี้ก็ม.6แล้วนะ อยากทำช็อกโกแลตจริงๆจังๆเพื่อมอบให้ใครสักคนจังลย]
เป็นเพราะหน้าต่างมีหูประตูมีช่องหรือเปล่านะ? ทำไมมันถึงได้หลุดลอยไปให้ท่านแม่ทราบได้ยังไงก็ไม่รู้? แล้วท่านก็ได้จัดการจองตัวช็อกโกลาทีเย่ร์ชื่อดังมาติวเข้มกรรมวิธีแบบตัวต่อตัวและจัดเต็มอย่างนี้ โดยที่มีท่านพี่คอยคัดค้านหัวชนฝาแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ การตัดสินใจของท่านแม่ถือเป็นมติเอกฉันท์ไม่มีสิทธิ์คัดค้านค่ะ
ฉันผ่านบทเรียนสุดโหดมาด้วยความมุ่งมานะและเพียรพยายามโดยมีท่านอาจารย์ให้คำแนะนำต่างๆมากมาย และด้วยความที่เป็นผู้ชายจึงได้แนะนำรสชาติที่นิยมชมชอบในหมู่ผู้ชายให้รู้ด้วย ฉันฝึกฝนไปเรื่อยๆจนเวลาล่วงเลยผ่านไปในที่สุด
พรุ่งนี้ก็เป็นวันวาเลนไทน์แล้วล่ะค่ะ
“แล้วนี่คุณเรย์กะได้วางแผนไว้คร่าวๆแล้วหรือยังครับว่าจะทำช็อกโกล่าแบบไหน? และเพื่อมอบให้ใคร?”
“ค่ะ~ ก็วางแผนไว้คร่าวๆแล้ว อย่างท่านพ่อท่านแม่และท่านพี่ ว่าจะทำฟองดูว์ทานร่วมกัน ส่วนคนอื่นๆก็ไม่มีปัญหา”
คุณคิคุโนะ คุณเซริกะ และเพื่อนทุกๆคนในกลุ่ม ฉันจะอบบราวนี่นุ่มๆให้~
พวกรุ่นน้องที่รู้จักและคนในชมรม ก็จะทำเป็นช็อกโก้บอล~
เด็กๆชั้นเปอติสต์อย่างมาโอะจัง ยูริคุงและยูกิโนะคุง ก็จะเป็นของน่ารักๆอย่างช็อกโก้ป็อบไม่ก็คุ้กกี้~
ที่พิเศษหน่อยก็เป็นคุณประธาน Pivoine ไม่รู้จะทำอะไรเพื่อมอบให้คนไฮคลาสอย่างนั้น....ไม่สิคะ ฝีมือของฉันอาจไม่ถูกปากท่านประธานก็ได้ ก็เลยว่าจะมอบมาการงพิเศษเฉพาะช่วงวาเลนไทน์จากร้านดังให้แทน
ทางด้านท่านคาบุรากิเองก็เน้นความคลาสสิกของช็อกโกล่า จับกรอกดาร์กช็อกโกแลตเพียวๆเลยดีมั้ยนะ หืม?
ของทุกอย่างก็เตรียมพร้อมไว้หมดทุกอย่างแล้ว........แค่ติดอะไรบางอย่างนิดหน่อย
“คนๆนี้จะทำออกมาแบบไหนให้ดีนะ” ถึงจะดูเหมือนว่าชอบของหวานแต่ก็ดูเหมือนไม่ชอบด้วยเหมือนกัน
“คนๆนี้นี่ คนพิเศษใช่หรือเปล่าครับ”
คะ?? อ๊ะ!? เอ๊!!
“ม—ไม่ใช่นะคะ ก-ก็แค่ของขวัญตอบแทนและขอบคุณที่เขาคอยช่วยเหลืออะไรหลายๆอย่าง ไม่ได้มีอะไรพิเศษเกินเลยไปมากกว่านั้นเลยค่ะ!!” อีกอย่างเขา เจ้าปีศาจจอมทวงหนี้ห่มหนังแกะตนนั้นน่ะ!! คงจะได้รับช็อกโกแลตจำนวนมากมายมานั่งแทะจนตัวอ้วนพลีได้อยู่แล้วล่ะ ไม่สนของๆเราหรอก....
“แล้วทำไมจะต้องเสียเวลามานั่งคิดว่าจะทำออกมาแบบไหนให้เขาด้วยล่ะ? ทำแบบเดียวกับคนอื่นก็ได้ไม่ใช่เหรอ~”
ไม่อยากจะคุยกับท่านอาจารย์ต่อแล้วนะคะ!!
“ก็คิดๆอยู่ว่าจะทำ ช็อกโกแลต บงบง ( Bonbon de chocolate [บงบง เดอ ช็อกโกล่า] ) น่ะค่ะ”
“หืม~ เป็นความคิดที่ดีนี่ครับ เลือกแทนตัวคุณเรย์กะได้ดีเลย”
“ใช่มั้ยล่ะคะ~~”
.
.
.
เอ๊ะเดี๊ยวนะ??
“เมื่อครู่นี้ว่ายังไงนะคะ? ”
ฉันถามออกไปอย่างไม่แน่ใจ ท่านอาจารย์หัวเราะเสียงใสพลางยิ้มเล็กน้อย
“เคยได้ยินหรือเปล่าครับว่าช็อกโกล่าแต่ละแบบนั้นสื่อถึงตัวตนของผู้ให้ Bonbon de chocolate น่ะ ภายนอกเป็นชั้นที่หนาและแข็งกรอบ แต่พอกัดเข้าไปก็จะเจอไส้ที่อ่อนนุ่มละมุน ก็เหมือนกับคนที่ภายนอกดูเหมือนเข้าถึงยาก แต่พอได้รู้จักจริงๆแล้วกลับอ่อนหวานละมุนละไมอย่างเหลือเชื่อ จริงหรือไม่นั้นตัวและใจคุณรู้ดีที่สุด”
.......เหมือนโดนแกล้งอยู่ยังไงก็ไม่รู้เลยนะ ยิ่งพยายามไม่ยอมรับในความรู้สึกของตัวเองก็เท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องมีคนมาตอกย้ำให้ได้รู้ พอเถอะนะคะ!! หน้าจะไหม้อยู่แล้ว!!
“โอ๊ะ!! เวลาป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย ผมคงต้องขอตัวกลับก่อนแล้วล่ะครับ แต่ก่อนจะไปผมขอกล่าวอะไรเล็กน้อยเป็นบทเรียนเสริมพิเศษหน่อยละกันนะครับ ความรักก็เหมือนการทำช็อกโกล่า ต้องมีการลงทุน ต้องมีขั้นมีตอนและค่อยๆเป็นค่อยๆไป ใจร้อนเกินไปก็ไม่ได้ ใจเย็นเกินไปก็ไม่ดี ควรมีความพอดีให้กับมันอย่าให้เยอะจนเกินไป และที่สำคัญที่สุดนั้น”
“......”
“ความกล้า อย่างที่ผมบอกไปว่ามันก็เหมือนกับการลงทุน ย่อมมีความเสี่ยงอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าคุณเรย์กะจะมีความกล้ามั้ย ไปก่อนนะครับ~”
“ขอบคุณค่ะ” ฉันโค้งหัวขอบคุณอีกครั้ง เมื่อท่านอาจารย์ได้กลับไปแล้ว ทั่วทั้งห้องครัวก็เหลือเพียงแค่ฉันคนเดียวกับบทสอนพิเศษเมื่อครู่นี้ที่ยังคงดังก้องในหัว.........
------------------------------------------------------------------
อุ ท่านเรย์กะสู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
>>526 ท่านเอ็นโจทำไมเป็นคนกามอย่างนี้ล่ะค้าาาาา เขินฮอลล ขอวาร์ปฉากปิดไฟด้วยข่----
>>541-542 ค้างงงงงงงงง //เขย่าๆมึง ท่านเรย์กะสู้ๆนะค้าาาา พุ่งชนจอมมารไปเลยค่าาา
เห็นโม่งฟิคพายเรือกันอย่างแข็งขันแล้วในฐานะโม่งFAแล้วรู้สึกละอายใจเล็กๆ แงงงง
ตอนนี้บ่าวมีแต่เสก็ตช์โง่ๆขออภัยอย่างสูง //ไหว้ย่อ
https://imgur.com/a/2Tcc6
>>542 จะไปยากอะไรคะ ก็เอาตัวเองชุบชอคโกแลตไปให้ท่านเอ็นโจสิ เดี๋ยวก็ดี(??)เองล่ะ หรือไม่ต้องชุบก็ได้ มัดริบบิ้นแล้วส่งไปเป็นของขวัญแบบฟิคข้างบน ให้ท่านเอ็นโจแกะของขวัญอย่างเบามือและทนุถนอม
>>543 กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด สายตานั้นละมุนจังเลยค่ะ กูชอบรูปแรกที่จับมือไปทาบแก้มมากๆ เอ็นโจอยู่กับเรย์กะนี่อ่อนโยนจริงๆเลย แต่แม่นางดันไม่สังเกตเห็นอะไรเลยนี่ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ในความคุ้นเคยกันอยู่ มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น
>>543 ลายเส้นสวยมากเลยค่ะ มีความนุ่มละมุนนน ><:
>>541-542 วันนี้วันที่ 14 แล้วนะคะ มาต่อเลยค่า มาต่อเลยยย
======================
>>444-446 ต่อนะคะ
หวาๆ น่ากลัว น่ากลัวจังค่ะ ทำยังไงดี ไม่อยากจะออกไปเจอหน้าเลย
หนังจากที่นั่งสงบสติอารมณ์สักพัก ฉันก็ออกมารับลูกค้าด้วยใบหน้าฝืนยิ้ม ยิ่งเหมือนเห็นสายตาเอ็นโจมองฉัน ฉันก็ยิ่งรู้สึกเกร็งอย่างบอกไม่ถูกเลยจริงๆ ค่ะ
“คุณคิโชวอิน ลูกค้าเรียกแน่ะ”
“เอ๋ โต๊ะไหนคะ?”
“โต๊ะติดริมหน้าต่าง ผู้ชายที่หน้าตาหล่อๆ น่ะ คนรู้จักเหรอคะ”
“ค่ะ เพื่อนที่โรงเรียนน่ะค่ะ”
พอตอบแบบนั้นไปก็เรียกเสียงกรี๊ดจากพวกพนักงานสาวๆ ที่ยืนแอบมองเอ็นโจอยู่ ก่อนที่จะโดนถามมากไปกว่านี้ ฉันก็รีบปลีกตัวเดินไปที่โต๊ะของเอ็นโจ เอ็นโจเองก็มองฉันยิ้มๆ ดูแปลกตาจนรู้สึกขัดกับในความทรงจำ
“ค่ะ คุณลูกค้า?”
“พูดห่างเหินจังเลยครับ คุณคิโชวอิน”
“ดิฉันทำงานอยู่ค่ะ คุณลูกค้ามีอะไรหรือคะ”
“อ๋อ… งั้นผมขอรอคุณจนกว่าจะเลิกกะก็แล้วกันครับ อีกสามสิบนาทีสินะ”
เดี๋ยว? เดี๋ยวนะ เอ็นโจรู้เวลาเปลี่ยนกะฉันได้ไง?
“แค่สอบถามจากพนักงานในร้านก็ได้คำตอบแล้วล่ะครับ คุณคิโชวอิน”
ฮึ้ย แถมยังมาอ่านใจด้วยค่ะ
ไปสนิทกับพนักงานร้านตอนไหนกันคะ
“ไว้คุยกันหลังเลิกงานครับ คุณคิโชวอิน”
นี่ฉันต้องทำงานภายใต้สายตาของตาจอมมารเหรอ… กดดันที่สุดเลยค่ะ
ขอออกหลังร้านดีไหม?
สุดท้ายฉันก็ทำงานให้ผ่านลุล่วงไปได้ด้วยดีค่ะ หลังจากที่เสร็จงานฉันก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า มีพนักงานสาวบางคนแซวฉันว่า ‘แฟนมารับเหรอคะ?’ ด้วย แต่ว่าหมอนั่นไม่ใช่แฟนฉันซะหน่อยค่ะ เป็นจอมมารค่ะ จอมมารที่ทำลายบ้านของฉันไงคะ!
ไม่ใช่ท่านเอ็นโจซะหน่อย...ถึงจะหน้าเหมือนกันก็เถอะค่ะ
“ท่านเอ็นโจคะ”
เอ็นโจปรายตามองฉันก่อนที่จะยิ้ม ลุกขึ้นพาฉันเดินออกไปจากร้าน แล้วเดินนำฉันไปเปิดประตูรถรับส่งบ้านเขาที่จอดไว้รอรับ มีพ่อบ้านนั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับโค้งหัวให้ฉัน ฉันก้าวเข้าไปนั่งติดริมหน้าต่างอีกฝั่งนึง และเอ็นโจก็เข้ามาตาม แต่ไม่ได้ใกล้จนน่าเกลียด
“มีเรื่องอะไรหรือคะ ท่านเอ็นโจ”
“อื๋อ เพิ่งมาก็พูดประเด็นเลยเหรอ?” เอ็นโจหันมาถามฉันที่หันไปมองเขาเหมือนกัน แต่แสร้งทำเป็นนิ่ง ทั้งที่ในใจอยากจะออกจากรถจะแย่อยู่แล้วค่ะ!
“ทุกทีก็เป็นแบบนั้นไม่ใช่หรือคะ?”
“ยูกิโนะน่ะ น้องชายของผมอยากให้คุณคิโชวอินไปงานเลี้ยงของPivoine ให้ได้”
“แต่ดิฉันไม่สิทธิ์เข้างาน”
“เข้าได้ แต่ต้องให้คนของPivoine เชิญไป” ข้อนั้นฉันก็รู้ค่ะ แต่…
“แต่...”
“ถือว่าครั้งนี้ผมเป็นคนขอร้องเพราะยูกิโนะเถอะนะ ยูกิโนะเพิ่งเข้างานนี้เป็นครั้งแรก และหลังจากนั้นก็ต้องกลับไปพักที่โรงพยาบาลต่ออีกเดือน”
“เอ๋ ร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือคะ ท่านเอ็นโจ?”
“เปล่าหรอก แค่ดูอาการน่ะ ถ้าดีขึ้นอาทิตย์เดียวก็กลับได้ แต่ถ้าเกิดไต้ฝุ่นเข้าบ่อยก็คงต้องเข้าตามระยะที่กำหนดเอาไว้”
“แหม…” เด็กขนาดนั้นยังต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ อีกเหรอคะ ฉันที่เป็นเด็กแข็งแรงมาก่อนเลยไม่รู้เรื่องพวกนี้หรอก แต่ว่าคงเหงาน่าดูเลย
“แล้วจะว่ายังไงครับ คุณคิโชวอิน เพื่อน้องผม ได้ไหมครับ”
“...”
“ยูกิโนะน่ะ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงติดคุณมากขนาดนั้น ถึงขนาดที่ไม่ยอมฟังใครเลยล่ะครับ นี่ถ้าไม่ยอมเข้าโรงพยาบาลคงจะต้อง…” เอ็นโจลากเสียงยาว เขายังคงมองท่าทางของฉันอยู่
“ดิฉันจะไปค่ะ ท่านเอ็นโจ”
“ขอบคุณครับ คุณคิโชวอิน”
เอ็นโจยิ้มพราว รอยยิ้มนี้ทำเอาฉันที่เมื่อชาติก่อนเคยชอบรอยยิ้มนี้ถึงกับชะงัก รอยยิ้มทรงเสน่ห์ของเทพบุตรชัดๆ
แต่ว่าฉันในตอนนี้เป็นเรย์กะ
เป็นแค่เรย์กะที่หยิ่งยโสในศักดิ์ศรี และไม่เห็นหัวใคร อันที่จริงไม่มีค่ามากพอที่จะคุยกับเขาด้วยซ้ำไป
มือของฉันสั่นเทาด้วยความกลัวที่เข้ามา ความทรงจำของเรย์กะที่ถูกเอ็นโจว่า และตอนที่เห็นสายตาเย็นชาของเอ็นโจมองมาตอนที่ถูกบอดี้การ์ดของบ้านคาราบุกิลากออกไปจากโรงแรมวันงานประกาศหมั้น
แต่มันก็ปนเปกับ ท่านเอ็นโจที่มองฉันด้วยสายอบอุ่น ส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนมาให้ฉันเสมอมาด้วย เขาที่คอยมองดูฉันด้วยรอยยิ้ม เขาที่มักจะทำให้ฉันสับสนคนนั้น และสุดท้ายก็...
“อิน… คุณคิโชวอิน!”
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เอ็นโจเข้ามาประชิด เขาใช้สองมือเขย่าร่างของฉันเบาๆ นัยน์ตาคู่นั้นกำลังมองฉันอย่างห่วงใย…
ไม่! อย่ามาทำหน้าเหมือนท่านเอ็นโจนะ!
เอ็นโจคนนี้ เอ็นโจคนนี้น่ะ... เขาต้องมีแผนอะไรบางอย่างแน่ คนอย่างเอ็นโจ ชูสุเกะในการ์ตูนคนนี้นั้นไม่เคยไม่มีแผนการวางไว้ล่วงหน้า ผู้ชายคนนี้มักจะมีรู้ทุกเรื่อง ไม่ว่าเมื่อไหร่ ไม่ว่าตอนไหน และฉันจะต้องไม่ยุ่งกับคนคนนี้เด็ดขาด!
เขาไม่ใช่ท่านเอ็นโจของฉันคนนั้นอีกแล้ว
“กรุณาปล่อยดิฉันด้วยค่ะ ท่านเอ็นโจ ชูสุเกะ”
“เอ๊ะ?”
“......” เอ็นโจปล่อยมือออกจากแขนของฉัน ถอยห่างออกไป และมองฉันด้วยสายตาเช่นเดิม ใช่แล้ว สายตาแบบนั้นล่ะ สายตาของเอ็นโจ ชูสุเกะในการ์ตูน ตอนที่เผชิญหน้ากับเรย์กะ
เขาไม่เคยญาติดีกับใครที่ทำร้ายคนของเขา รวมถึงฉันเองด้วย!
“...หลังจบงานนี้ช่วยสัญญากับดิฉันด้วยว่าจะยุ่งกับดิฉันและครอบครัวดิฉัน” ฉันกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้าง นัยน์ตามองหน้าเอ็นโจ ชูสุเกะนิ่ง แสร้งทำเป็นเข้มแข็งทั้งที่กำลังสับสน ก่อนที่จะพูดจุดประสงค์ต่อไป “เรื่องในคราวนี้ดิฉันช่วยเพราะเห็นแก่ยูกิโนะคุงเท่านั้นค่ะ”
แบบนั้นล่ะ เรย์กะ
จะไปยุ่งไม่ได้แล้วนะ!
“อื๋อ ก็คงเป็นแบบนั้นล่ะนะ คุณคิโชวอิน”
“หมดเรื่องแล้ว ดิฉันขอตัวค่ะ” ฉันเอื้อมมือไปขยับล็อคของประตู แต่มันระบบล๊อคประตูรถอัตโนมัติ
แย่จริง!
“ไม่ต้องลงหรอก เดี๋ยวผมไปส่ง”
“รบกวนท่านเอ็นโจไม่ไหวหรอกค่ะ กรุณาปล่อยดิฉันลงด้วยค่ะ”
“ดื้อด้านจริงนะ คุณคิโชวอิน” แต่เขาก็ยอมให้คนขับรถปลดล็อกประตู เปิดให้ฉันออกไปจากรถ
ฉันโค้งให้เอ็นโจ พร้อมกับกล่าวคำอำลา หมุนตัวเดินกลับไปที่ถนนเพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานีเพื่อกลับบ้าน
ระหว่างทางผ่านสวนสาธารณะที่มีไอติมขายอยู่ ยังเพิ่มสี่โมงกว่าเอง ขอไปกินไอติมหน่อยแล้วกัน
ฉันซื้อไอติมมานั่งทานหนึ่งถ้วยที่ม้านั่งในสวนสาธารณะ หน้าร้อนนี่มันต้องเหมาะกับไอติมสิคะ
ไอติมแบบสามัญชนนี่แหละ อร่อยที่สุด!
กินไป พลางมองดูเด็กๆ เล่นทรายกับวิ่งเล่นในสนามเพลินๆ เรื่องที่หนักหัวตะกี้พอเบาบางลงบ้างนิดหน่อย
ความทรงจำของเรย์กะกับฉันมาซ้อนทับกันจนฉันรู้สึกหวาดกลัว
เอาน่ะ แค่ไปงานเลี้ยงวันเดียว คงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นล่ะมั้ง รีบไปแล้วรีบกลับน่าจะไม่มีปัญหา
อ๊ะ… จะว่าไปแล้วไม่มีชุดใส่ไปงานนี่!
แต่ถ้าบอกกับท่านพี่ ท่านพี่กับท่านพี่อิมาริคงจะเตรียมให้ฉันแน่ๆ เลยค่ะ แต่อีกใจก็ไม่อยากจะรบกวนเงินของท่านพี่แล้วเหมือนกันนะ…
คิดแล้วก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายใจเลยทีเดียว
คงต้องปรึกษาพวกซากุ...อ่า...ไม่มีซากุระจังหรือใครๆ ให้ปรึกษาแล้วด้วยสิคะ
ช่างเถอะนะ ถึงอย่างไรงานวันนี้คิโชวอิน เรย์กะก็ไม่ใช่ตัวเอกเด่นในงาน เพราะวาคาบะจังคงเป็นคู่ที่เด่นที่สุด เคียงคู่คาราบุกิอย่างแน่นอนเลยทีเดียวค่ะ
จะว่าไปยังไม่เห็นคาราบุกิในโลกนี้เลย จากในความทรงจำดูเท่กว่าคนที่เจอตั้งเยอะ น่าจะเป็นผู้ชายที่พึ่งพาได้ล่ะนะคะ
ไม่ต้องห่วงวาคาบะจังแล้วสินะ
ฉันยิ้มออกมาอย่างเรื่อยเฉื่อย พอรู้สึกตัวอีกที รอบด้านสวนสาธารณะก็มืดหมดแล้ว
ถึงเวลากลับแล้ว
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
วันงานมาถึงเร็วกว่าที่คิด
ก่อนหน้านี้ทางนั้นไม่เห็นติดต่ออะไรมาเลยสักนิดเดียว ฉันเลยคิดว่าเอ็นโจคงจะลืมไปแล้วล่ะมั้ง แต่แล้วตอนบ่ายที่กำลังกินข้าวอยู่นั้น เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้นมา ทำให้ฉันลุกขึ้นไปเปิดประตู ทั้งๆ ที่อยู่ในชุดนอนแบบนั้น
ท่านแม่เคยเตือนฉันว่าไม่ระวังตัวแล้วครั้งหนึ่ง แต่แหม ฉันไม่ใช่คุณหนูแล้วนี่คะ ขอปล่อยตัวแบบนี้บ้างเถอะค่ะ อยากเดินทั่วบ้านในชุดนอนทั้งวันแบบนี้มาตั้งนานแล้วล่ะค่ะ
แต่ทว่าคนที่กดกริ่งนั้นทำให้ฉันอายแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีเลยล่ะค่ะ
“ค่ะ”
“สวัสดีครับ คุณคิโชวอิน”
ปัง!
อาเระ? ภาพหลอนเหรอคะ ทำไมฉันเห็นเอ็นโจ ชูสุเกะในชุดสูทสีเทาสุดเนี้ยบยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านได้ล่ะ?
เหงื่อฉันไหลออกมาจากกลางหลังอย่างเย็นยะเยือก ทั้งที่ไม่น่าจะร้อนขนาดนั้นได้
“เรย์กะ ใครมาเหรอ”
อุหวา ท่านพี่อย่าเพิ่งถามได้ไหมคะ! น้องอยากให้เป็นภาพหลอนค่ะ!
“เพื่อนน่ะค่ะ ท่านพี่ เดี๋ยวน้องขอออกไปคุยสักครู่นะคะ”
“จะออกไปทั้งชุดนั้นเนี้ยนะ?”
ท่านพี่ถาม พลางขมวดคิ้ว เดินมาที่ประตู แล้วสั่งให้ฉันไปเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อยก่อน ส่วนท่านพี่จะต้อนรับเพื่อนให้เอง
อ๋า…
น่าอับอายที่สุดเลยค่ะ!
ฉันรีบวิ่งกลับเข้าห้องเปลี่ยนชุดนอนกระโปรงยาวลายกระต่ายน้อยเป็นชุดเสื้อยืดกางเกงยีนต์เรียบๆ ธรรมดาๆ หวีผมให้เรียบร้อย แล้วเดินออกมาเผชิญหน้ากับเอ็นโจที่คุยกับท่านพี่อยู่ในห้องรับแขก
ดูจากสายตาแปลกๆ ที่เอ็นโจ ชูสุเกะ มองฉันก็ทำให้ฉันอยากจะวิ่งหนีกลับเข้าไปในห้องแล้วไม่ออกมาอีกเลย
“สะ...สวัสดีค่ะ ท่านเอ็นโจ” ฉันยิ้ม ทักทาย แล้วโค้งตามแบบฉบับคุณหนู ถึงชุดที่ใส่จะไม่เข้ากันก็ตาม ช่างหัวชุดมันไปก่อนเถอะค่ะ!
“สวัสดีครับ คุณคิโชวอิน เป็นชุดที่น่าตื่นตาตื่นใจดีนะครับ”
ไม่ต้องพูดว่าชุดอะไร ชุดนอนตะกี้นี้ไงคะ ฮือ… อับอายค่ะ อับอายจริงๆ เลยค่ะ
“ค่ะ ต้องขออภัยท่านเอ็นโจสำหรับภาพที่ไม่น่าดูด้วยนะคะ” ฉันฝืนยิ้มกลับไป บอกขอบคุณท่านพี่ และกล่าวกับท่านพี่ว่าจะไปงานเลี้ยงฤดูร้อนคืนนี้กับท่านเอ็นโจ
ท่านพี่พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว เหมือนไม่เห็นด้วยที่ฉันต้องไปงานนี้ แต่แล้วท่านพี่ก็ถอนหายใจ และพูดว่าจะไปรับฉันที่งานคืนนี้ค่ะ
ขอบคุณค่ะ ท่านพี่ รักท่านพี่ที่สุดเลยค่ะ!
โชคดีที่วันนี้ทั้งท่านพ่อและท่านแม่ไม่อยู่บ้าน ไม่อย่างนั้นคงเรื่องใหญ่กว่านี้แน่นอนเลยล่ะค่ะ
“ฝากน้องของฉันด้วยล่ะ เอ็นโจคุง” ท่านพี่พูดกับท่านเอ็นโจตอนที่พวกเรากำลังจะออกไป เอ็นโจพยักหน้า พร้อมกับยิ้มตามมารยาท
“ครับ จะดูแลให้ดีที่สุดเลยครับ”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่พูดขึ้นมานั้น ทำเอาฉันหวนคิดถึงท่านเอ็นโจอีกครั้ง อ่า...แย่แล้วน้ำตาจะไหลแล้วล่ะ
เอ็นโจเดินนำฉันมาที่รถ ระหว่างทางฉันกับเขาไม่ได้คุยอะไรกันเลยสักนิดเดียว
เป็นอย่างนี้ดีแล้วล่ะค่ะ อย่ามายุ่งกับฉันเลย
คราวแรกคิดว่าตอนที่นั่งอยู่ในรถคงจะกดดันแน่ๆ แต่ว่ากลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะยูกิโนะคุงที่เห็นฉันเดินมาพร้อมกับเอ็นโจรีบลงจากรถวิ่งมาหาฉันทันที
“คุณพี่เรย์กะ สวัสดีฮะ!”
อาาา รอยยิ้มเทวดาล่ะค่ะ! รอยยิ้มเทวดานี่ช่างเยียวยาหัวใจได้ดีจังเลย
ทำเอาฉันยิ้มตอบกลับไปโดยอัตโนมัติ โดยไม่สังเกตเห็นว่าเอ็นโจมองอยู่เลย ฉันทักทายยูกิโนะคุง แล้วถามอาการป่วยของเขา ก่อนที่ยูกิโนะจะจูงมือฉันให้เข้าไปในรถ โดยที่ยูกิโนะคุงนั่งต่อจากฉัน ถัดจากยูกิโนะก็เป็นเอ็นโจ การนั่งแบบนี้มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ ค่ะ
ถ้าเป็นท่านเอ็นโจล่ะก็ เขาจะไม่ยอมให้ยูกิโนะนั่งข้างฉัน แต่เป็นเขาที่มานั่งข้างฉันแทนล่ะ
พอคิดถึงตอนนั้นแล้วทำเอาฉันยิ้มออกมาเลย
ตอนนี้ท่านเอ็นโจจะเป็นยังไงบ้างนะ? จะเศร้าที่ฉันเสียไปบ้างรึเปล่าคะ?
“คุณคิโชวอิน”
“คะ ค่ะ?” ฉันหันไปตอบรับโดยอัตโนมัติ ปฏิกิริยาตอบรับตามเสียงของท่านเอ็นโจนี่มันคืออะไรกันคะ นี่ไม่ใช่ท่านเอ็นโจเสียหน่อยแต่เป็นท่านเอ็นโจ
อาเระ...เริ่มงงแล้วล่ะค่ะ…
“คงต้องไปซื้อเสื้อผ้าออกงานให้คุณก่อน ร้านรองเท้าจากนั้นก็ไปร้านทำผม โชคดีจังนะครับ ที่ผมกะเวลาเผื่อเอาไว้” เอ็นโจยิ้มให้ฉัน รอยยิ้มที่บางเบาทำเอาใจสะดุดเลยค่ะ แต่ก็นะ ห้ามหลงไหลจอมมารเด็ดขาดเลยค่ะ
“ท่านเอ็นโจคะ ค่าของดิฉันจะชดใช้ให้ในภายหลังนะคะ”
“ถือซะว่านี่เห็นแก่ยูกิโนะเถอะครับ คุณมาตาเบะ ไปส่งร้านเสื้อในสังกัดบ้านเราก่อนนะครับ” เอ็นโจกล่าวประโยคแรกกับฉัน ก่อนที่จะหันไปพูดกับคนขับรถ แล้วใช้รีโมทกดเลื่อนแผ่นกั้นระหว่างคนขับรถและพวกเรา เพื่อความเป็นส่วนตัว แต่ว่า...เปิดไว้ก็ได้นี่คะ ไม่จำเป็นต้องเป็นส่วนตัวขนาดนั้นก็ได้มั้งคะ?
“คุณพี่เรย์กะ ถล่มพี่ชายเลยก็ได้นะฮะ!”
ถะ..ถล่มเลยรึคะ ยูกิโนะคุง จะน่ากลัวไปไหมคะ… ฉันได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อนไป มองยูกิโนะคุงที่ยิ้มแย้มให้ฉันไปพลาง คุยกับฉันไปพลาง บางทีก็หันไปคุยกับเอ็นโจที่มองฉันกับยูกิโนะคุงอยู่
แต่บางทีพอเผลอก็ดันไปสบตากับเอ็นโจที่เหมือนมองฉันอยู่ก่อนแล้วซะงั้นล่ะค่ะ
สายตาแปลกๆ ที่เหมือนมองประเมินสิ่งของนั่นมันอะไรกันคะ
อย่ามองฉันแบบนั้นได้ไหม!
ถ้าเกิดว่างานนี้จบเมื่อไหร่ต้องออกห่างจากนายจอมมารนี่ให้ได้เลยค่ะ! ถึงแม้ว่าอยากจะเจอกับยูกิโนะคุง แต่ว่าถ้าเจอแล้วต้องพ่วงเอ็นโจมาด้วย ฉันรับไม่ไหวหรอกนะคะ!
ถ้าสมมุติว่าท่านเอ็นโจมาอยู่แทนที่เอ็นโจก็คงจะดี ท่านเอ็นโจคงจะมองฉันด้วยสายตาที่อบอุ่น ทำให้รู้สึกวางใจได้ตลอดเวลา ถ้าเป็นคนคนนั้น
“คุณคิโชวอินครับ”
ในจังหวะที่กำลังเหม่อ พอได้ยินเสียงเรียกนั้น ฉันก็เผลอคลี่ยิ้ม จับมือที่ยื่นออกมาของเขา “...ท่านเอ็นโจ”
“....”
“อะ...ขะ...ขออภัยที่เสียมารยาทค่ะ ถึงแล้วหรือคะ?” ฉันรีบก้มหน้า หุบรอยยิ้มลง ปล่อยมือของเอ็นโจที่จะประคองฉันลงจากรถอย่างสุภาพบุรุษราวกับแตะโดนของร้อน
อ๋าาาา!!
ต้องย้ำกับตัวเองแล้ว ว่าไม่ใช่ท่านเอ็นโจ…!
“ครับ”
เอ็นโจทำหน้านิ่ง พอลงจากรถแล้วฉันก็เดินตามเอ็นโจเข้าไปในร้านที่เมื่อตอนที่ฉันยังไม่มากลายเป็นเรย์กะในการ์ตูน ท่านเอ็นโจก็มักจะพาฉันมาที่นี่ ทั้งยังลดราคาให้กับบ้านฉันเป็นพิเศษด้วยล่ะค่ะ อุฮิ
“ช่วยเลือกชุดให้สุภาพสตรีท่านนี้สักสองสามชุดนะ เอาเป็นชุดออกงานกลางคืน ให้เข้ากับธี…” ฉันได้ยินเสียงเอ็นโจกล่าวกับเจ้าหน้าที่ที่น่าจะเป็นระดับสูง และเดินหายไปตรงราวที่แขวนพวกชุด
ฉันนั้นโดนลากไปวัดตัวจนวุ่นวายเลยล่ะค่ะ ส่วนยูกิโนะคุงนั่งอยู่ตรงโซฟา ดื่มน้ำส้มไปพลางส่งยิ้มให้ฉันอย่างน่ารัก
แหมมม อยากได้น้องชายอย่างนี้สักคนจังเลยน้า
สักพักก็มีคนเอาชุดมาให้ฉันลอง ชุดแรกเป็นชุดเดรสสั้น ผ่าหลัง ถึงจะดูสวยแบบเรียบหรู แต่นี่มันโชว์เกินไปไหมคะเนี้ย
ฉันที่ใส่ถึงกับหน้าขึ้นสีเลยล่ะค่ะ โชว์ทั้งขา โชว์ทั้งหลังนี่มันออกจะเกินไปหน่อยล่ะมั้ง
พอบอกปัดว่าจะเปลี่ยนชุด ก็ได้ยินเสียงเอ็นโจเดินมาทางนี้พอดี พนักงานผู้หญิงที่รับหน้าที่เปลี่ยนเสื้อให้กับฉันเลยเปิดม่านที่กันเอาไว้ออกอย่างไม่ทันตั้งตัว
ไม่รู้ว่าเพราะมันน่าเกลียดเกินไปรึเปล่า เอ็นโจที่กำลังเดินมาหายูกิโนะถึงกับชะงักมองฉันค้างไป
ฉันรู้ตัวดีล่ะค่ะ ว่าใส่ชุดแบบนี้ไม่ขึ้น
“อื๋อ… เปลี่ยนชุดอื่นน่าจะดีกว่านะ คุณคิโชวอิน” เอ็นโจพูดเรียบๆ เขาผันหน้าหนีไปทางยูกิโนะ นี่มันแย่จนไม่อยากมองขนาดนั้นเลยเรอะค่ะ!!!
เหมือนได้ยินเสียงยูกิโนะพูดกับเอ็นโจว่า ‘ท่านพี่หน้าแดง ไม่สบายเหรอฮะ’ ด้วย แต่ว่าจอมมารไม่สบายเป็นด้วยรึคะนั่น
ฉันลองใส่อยู่สองสามชุด แต่พอใจชุดเดรสสีขาวข้างหน้าสั้น ข้างหลังยาวครอมพื้น เป็นผ้าชีฟองดูนุ่มละมุน ที่ตรงเสื้อเป็นแบบปาดไหล่ไม่โป๊เกินไป
พอออกมาเอ็นโจก็สั่งให้ไปลองรองเท้าที่เขาเลือกเอาไว้ เป็นส้นสูงสีเงิน ดูเรียบหรู มีเพรชติดประดับเล็กน้อยพอให้เป็นประกาย
พอลองก็พบว่าใส่ได้พอดีกับเท้าของฉันเป๊ะเลยล่ะค่ะ…. นี่นายไปหาข้อมูลมาจากไหนกัน แหล่งข่าวช่างน่ากลัวเหลือเกินค่ะ!
พนักงานผู้หญิงที่คอยดูแลฉ้นบอกกับฉันว่าเอ็นโจไม่เคยพาผู้หญิงมาที่นี่เลยสักคน เพิ่งมีฉันนี่แหละค่ะ ที่พาเข้ามาเป็นคนแรก ดูเหมือนว่าพวกเขาจะคิดว่าฉันเป็นคนพิเศษสำหรับเอ็นโจ ทำให้ฉันรีบปฏิเสธทันควันไปทันที
กับคนอย่างเอ็นโจน่ะเหรอคะ ต้องมีข้อต่อรองกับเขาเท่านั้นแหละค่ะ! ฉันก็แค่มาเพราะโดนขอร้องเรื่องยูกิโนะคุงเท่านั้น อย่าเข้าใจกันแบบผิดๆ สิคะ โธ่!
“อย่าอายไปเลยค่ะ คุณคิโชวอิน” พนักงานหัวเราะคิกคักคิดว่าฉันเขิน แต่ว่ากันตามตรงแล้ว ฉันไม่ได้เขินเลยสักนิดเดียวค่ะ
และฉันไม่ลืมหรอกค่ะ ว่าเอ็นโจน่ะ มีคู่หมั้นแล้ว…
เพราะก่อนที่ฉันจะมาเป็นเรย์กะที่นี่นั้น ท่านเอ็นโจกับฉันเคยผิดใจเพราะเรื่องคู่หมั้นของท่านเอ็นโจ ที่ฉันไม่เคยรับรู้มาก่อน ถึงจะบอกว่าเป็นว่าที่คู่หมั้น แต่ก็ยังมีสิทธิ์ในตัวของท่านเอ็นโจมากกว่าฉันที่เป็นแค่เพื่อนร่วมชั้น แต่ท่านเอ็นโจก็พลิกสถานการณ์ในตระกูล และขอฉันเป็นแฟน ทำเอาตอนนั้นรู้สึกหลากหลายจนร้องไห้ในอ้อมกอดของเขาเลยค่ะ! ถึงในตอนท้ายจะมีข่มขู่เรื่องหนี้นิดหน่อยก็เถอะค่ะ ข้ามมันไปเถอะนะคะ เหอะๆ
แต่ว่า...ในโลกนี้น่ะ ไม่ได้หรอกนะ
ฉันถอนหายใจอย่างเบาบาง ลุกขึ้นออกจากเก้าอี้ เมื่อเห็นว่าช่างทำผมทำผมให้ฉันเสร็จแล้ว เป็นทรงราชินีโรโคโค่เช่นเดิม เสมือนกับว่าเป็นเรย์กะที่มีสถานะเป็นคุณหนู ทว่ามันก็แค่เปลือกนอกเท่านั้นเองค่ะ ฉันในตอนนี้เป็นสามัญชนแล้วนี่คะ
ฉันเดินมาหาเอ็นโจกับยูกิโนะคุงที่รออยู่ในห้องรับรอง ยูกิโนะพอเห็นฉันก็ยิ้ม ถลาเข้ามากอดฉัน พร้อมกับบอกว่า
“คุณพี่เรย์กะ สวยจังเลยฮะ!”
“ขอบใจจ้ะ ยูกิโนะคุง” น่ารัก น่ารักจังเลยค่า ฉันส่งยิ้มกว้างแต่ก็ชะงักในประโยคต่อมา
“อย่างกับเจ้าสาวเลยล่ะฮะ”
เอ๊ะ? แล้วใครเป็นเจ้าบ่าวกันล่ะคะ!
ยูกิโนะคุง อย่ามายิ้มแล้วพูดออกมาซื่อๆ แบบนั้นสิคะ!
“ไปกันเถอะ ยูกิโนะ คุณคิโชวอิน” เอ็นโจยื่นมือมาส่งให้ฉันแต่ฉันไม่ได้จับมือเขาตอบ พอยูกิโนะไปแล้ว เอ็นโจก็หันมามองฉันด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
“อย่าเข้าใจผิด ผมทำดีด้วยก็เพราะยูกิโนะหรอกนะ”
เห็นไหมล่ะคะ
ท่าทางของเอ็นโจดูอ่อนโยนก็เพราะยูกิโนะคุงอยู่ด้วยเท่านั้นแหละ ฉันยิ้มขื่น หลับตาลงครู่นึงก่อนที่จะลืมตา ข่มความเศร้าทั้งหมดกลืนลงไป แล้วเดินตามเขาไป
งานเลี้ยงกลางคืนกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
//ฉับ
----------------------------------------------------------
หมดโค้วต้าสำหรับวันนี้แล้วค่ะ
ไว้มาต่อวันศุกร์นะ หรือใครจะต่อให้ก็ไม่ว่ากันค่าา
>>553 “อย่าเข้าใจผิด ผมทำดีด้วยก็เพราะยูกิโนะหรอกนะ” โอ๊ยยยยยยยยย ประโยคประจำตัวคนซึนเลยค่ะท่านเรย์กะขา ไล่อีตานี่ไปมัดทวินเทลไป ไหนๆก็หัวทองแล้ว จะได้ครบสูตรความซึน 55555555555555555555555
แอบรักเขายังทำปากแข็งอยู่ได้น้า เปิดเพลง I Won't Say (I'm In love) ให้ไปเลยค่ะ เหล่าโม่งคนอ่านคงเป็นคอรัสประสานเสียงแบบอีเจ๊มิวเซสในเพลง บอกให้ยอมรับและเลิกซึนซักที จับรวบหัวรวบหางเลยค่ะ
ชอบทุกฟิคเลยยยย จะรอด้วยใจจดจ่อนะ
อรุณสวัสดิ์ค่ะโม่งแปลลลล Happy Valentine's Day มารอนะคะ~
ฟินกับยูกิโนะคุงรับวาเลนไทน์เลย
>>560 มาแล้วววว นี่วาเลนไทน์แล่วเหรอวะ... บังเอิญชีวิตไม่ค่อยมีส่วนเกี่ยวข้องกะวันนี้ ก็เลยไม่ได้สนใจอ่ะนะ... //หัวเราะแบบดรายๆ
ช่วงนี้ชีวิตดีมีฟิคให้อ่านตลอด กูรู้สึกเคลิบเคลิ้มเหมือนมีพลังกาวสถิตอยู่กับตัวตลอดเวลา พวกมึงเอาไปเลยสามตอนรวด //ปาตอนใหม่ใส่รัวๆ
โดยเฉพาะ >>548-553 มึงต้องมาต่อให้จบน้าาาาาา เอาให้งานเสร็จก่อนก็ได้ กูตามอยู่น้าาาาาาาาา
ตอนล่าสุดนี้น่าจะทำให้เรือยูกิโนะคนล้นเรือ 55555 เป็นฉากโดขิโดขิรับวาเลนไทน์มากค่ะ
มันก็มีพวกข่าวลือว่าเขาซี้กันไรงี้จริงๆซินะ นึกว่าจะมีแต่ข่าวจักรพรรดิซะละ หรือข่าวเพราะผ้าขนหนูนั่นกันนะ?
ว่าไปโม่งแปลจะอัพตอนติด มันก็จะถึงตอนนั้นแล้วซินะซินะซินะ กรี๊ดรอแป๊ป
เห็นบอกดีใจเพราะไม่มีผู้ชายคนไหนเคยลุกมาปกป้องมาก่อน แหม่ ก็เอ็นโจไงค้า ท่านเรย์กะ ปกป้องตั้งหลายครั้ง ทำเป็นลืมเหรออออออ แม้จะโดนทวงบุญคุณบ้างสำหรับตอนนั้นก็เหอะ แต่ก็ยังนับว่าปกป้องนะคะ
ขอบคุณโม่งแปลมากค่ะ ขิๆๆๆ กร้าวใจ
โม่งแปลลไอเลิฟยูววววว
ตอนล่าสุดยิ่งอ่านกูยิ่งหมั่นตาไก่โง่วะ โหวกเหวกคำพูดคำจาแม่งโคตรนางร้ายเกรดc อ่านๆไปนึกว่าผู้หญิงมากรี้ดกร๊าดๆ โฮ่ยยยย ลำยายยยย
ส่วนยูกิโนะ.......กูขอโทษนะ..กูขอโทษ! ขอโทษที่อ่านแล้วกูดันเผลอจิ้นไปกับฟิค กูมันแย่ เอาฟิคกับ อฟช. ไปผสมกัน ฟิคที่ยูกิโนะที่ชาติก่อนเป็นชูสุเกะตายแล้วมาเกิดเป็นน้องชูสุเกะผมดำ พอเอามาปนกันแล้วทำให้รู้สึกว่ายูกิโนะแม่งกีดกันศัตรูเพื่อน้องชาย(ชูสุเกะผมดำ)ชัดๆ ความบราค่อนที่กูคิดไปเองนี้ ซู้ดดดดดดดดดดดดด //สูดกาว
โม่งแปล... มึงนี่พอเมากาวแล้วก็บ้ายุพอตัวนี่หว่า (ซึ่งก็ดี กูชอบมาก ขอบคุณจริงๆ) เอ้าโม่งฟิคสู้ๆ
ปล. กูรออ่านฟิคสลับร่าง/สลับเพศอยู่นะ ไหนๆ เปิดมาแล้วก็เอามาให้หมด ระหว่างรอกูก็คิดไปไกลละเนี่ย...
อยู่ดีก็อยากอ่าน ฟิคยูกิโนะกับซูซูเกะสลับร่างกันจัง
>>548-553 กุชอบฟิคนี้มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก โคตรรรรรรรรรดี แต่งต่อนะมึงงงงงงงงง ฮือออออ แม่งดีมากมากกกกกกกกก รักมึง
กรี้ดดดดดดโม่งแปลลลลลล วันวาเลนไทน์กุไม่เหงาแล้ววววว โฮรววว ขอบคุณมึงงงงงงง ช่วงนี้มึงปล่อยของมาก เมากัญชาสินะ--- แบบนี้ต้องรมควันกัญชามึงบ่อยๆ-- ขอบคุณมากกกกก รักมึงมากนะ /โป่งชี้ก้อย
งั้นใครก็ได้ช่วยไปตัดเชือกต่อชีวิตโม่งแปลหน่อยดิ๊ ถ้าได้จริงนะกูจะตะกละแดกรวดเดียวให้ท้องแตกตายไปเลย กูสมองน้อย คิดล่วงหน้าเผื่อวันที่ไม่มีจะแดกไม่เป็นอะ ดีงามขนาดนี้ กูยอม
อ่านตอนใหม่แล้วฟุ้งมากแต่แต่งยาวๆไม่เก่งขอนิดนึงละกันนะเมิง
โลกคู่ขนานซักแห่งนึง
หลังจากโดนยูกิโนะคุงลากฉันมาที่สโมสรเปติต์
เราก็คุยกันเรื่อยเปื่อยไปเรื่อย จนมาถึงเรื่องของสาเหตุที่คาซึรางิคุงคอยหวงท่านเอ็นโจอยู่ตลอดเวลา
"ท่านพี่มีคู่หมั้นแล้วฮะ"
ประโยคอื่นๆนอกจากนั้นไม่เข้าหูฉันไปพักนึงเลยค่ะจนโดนยูกิโนะคุงจับแขนเสื้อดึงเบาๆพลางจ้องด้วยดวงตาใสแป๋วเจือความเป็นห่วง
"คุณพี่เรย์กะฮะเป็นอะไรไปนะฮะ ทำไมจู่ๆถึงได้ร้องไห้"
ร้องไห้ ใครร้องไห้กันคะเทวดาตัวน้อย เอ๊ะ อุ่นๆเปียกๆ ตายแล้วน้ำตาไหลจริงๆด้วยเกิดอะไรขึ้นเนี่ยหรือว่าฝุ่นเข้าตากันนะ ว้ายๆๆทำให้เทวดาน้อยเป็นห่วงซะแล้ว ดีนะที่ใช้เครื่องสำอางกันน้ำไม่งั้นคงทำให้ยูกิโนะคุงกลัวแน่ๆเลย
"หรือว่าจะเสียใจที่ได้ยินว่าท่านพี่มีคู่หมั้นกันฮะ"
โถๆๆไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่าเข้าใจผิดแล้วนะคะ แต่จะอ้างว่าฝุ่นเข้าตาเดี๋ยวยูกิโนะคุงจะไม่เชื่ออ้างอย่างอื่นไปละกัน
"ไม่ใช่หรอกจ๊ะ น้ำตามันซึมออกมาเพราะพี่นึกถึงตัวเองที่เดียวดายไม่มีใครสนในขณะที่คนอื่นเขามีคู่หมั้นคู่หมายแล้วเท่านั้นเองจ๊ะ"
ทำไมถึงปล่อยมุกทำร้ายตัวเองก็ไปนะตัวฉัน สมกับที่เป็นผู้ใหญ่บ้านคานทองจริงๆเลย
ดูสิ ยูกิโนะคุงทำหน้าครุ่นคิดใหญ่เลยสงสัยจะตามมุกไม่ทัน
แล้วยูกิโนะคุงก็เงยหน้าขึ้นมาทำหน้าขึงขัง พอมองมุมนี้แล้วเหมือนพี่ชายเลยนะจ๊ะ พี่สาวเริ่มกลัวแล้วนะเนี่ย
"ถ้าอย่างนั้น ผมจะเป็นคู่หมั้นให้คุณพี่เรย์กะเองนะฮะ คุณพี่จะได้ไม่ต้องเศร้าอีกเวลาที่ได้ยินเรื่องคนอื่นมีคู่หมั้น"
เลือดกำเดาพี่สาวทะลัก(ในใจ)แล้วจ๊ะพ่อเทวดาตัวน้อย โถๆๆเป็นสุภาพบุรุษอะไรแบบนี้
ระหว่างที่ฉันกำลังลังเลว่าจะตอบยังไงดีไม่ให้สุภาพบุรุษตัวน้อยผู้แสนดีต้องเสียน้ำใจ ก็มีเสียงเรียกดังขึ้นมา
"ยูกิโนะรบกวนคุณคิโชวอินอีกแล้วนะ"
จอมมารร้ายตัวการที่ทำให้ยูกิโนะคุงต้องมาปลอบใจคนโสดอย่างฉันนี่เอง
ตาเอ็นโจเองก็ดันตาไวสังเกตเห็นรอยเช็ดคราบน้ำตาของฉันเข้า แล้วก็สอบถามยูกิโนะคุงว่าทำอะไรให้ฉันร้องไห้รึเปล่า อีตานี่นี่อย่ามาใส่ร้ายยูกิโนะคุงนะยะนี่มันฝีมือนายต่างหาก อาเร๊ะ... ผงเข้าตาต่างหาก ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนายเลยซักนิด แล้วอะไรกันพอฟังยูกิโนะคุงเล่าเสร็จก็หันมาส่งยิ้มพิลึกๆให้อีก จะเอาไปแบล็กเมล์สินะ เสียท่าซะแล้วสิ
******
จบจ้าไม่รู้จะต่อไงดีแล้วจ้า
โฮกกกก คุณตำรวจขาา มาจับคนซึนตรงนี้ทีค่าาา อยากเห็นตอนจอมมารเดเระแตกแล้ววว ฮือ เห็นคู่พี่น้องตระกูลเอ็นโจแล้วถ้ากูว่างเมื่อไหร่กูจะรีบแต่งครอบครัวโจโจ้ยูกิโนะชูสุเกะทันทีเลย กูจะสาดเลือดบราค่อนให้ตายกันไปข้าง! 5555
โอเค ระหว่างรอหลายๆฟิคก็มาอ่านสลับร่างคั่นเวลาไปก่อน
>>453 >>464 เขียนจากพล็อตนี้
-----------------------
จำได้ว่าวันนั้นเป็นวันที่อากาศค่อนข้างจะแย่เล็กน้อย ฉันได้รับบัตรเชิญจากมาดามคาบุรากิให้ไปร่วมดื่มน้ำชายามบ่ายเช่นเคย ทุกอย่างก็ปกติดีจนกระทั่งมาดามคาบุรากิให้สาวใช้เอาคุกกี้มาเสิร์ฟพร้อมกับน้ำชา บอกว่าเป็นสินค้าใหม่ของโรงแรมในเครือ
"เอ๋ นั่นคุกกี้เสี่ยงทายไม่ใช่เหรอคะ" เด็กผู้หญิงอื่นๆในวงน้ำชาทำเสียงตื่นเต้นเมื่อได้เห็นคุกกี้บนจาน
"เห็นว่าคำทำนายแม่นมากเลยนี่คะ"
ฉันได้ฟังสรรพคุณของคุกกี้เสี่ยงทายจากปากคนอื่นๆที่เคยลิ้มลอง โอ้โฮ ดีเลิศขนาดนี้เลยเหรอคะ ทั้งอร่อย ทั้งทำนายแม่นก็เลยขายดีสุดๆ แถมวันหนึ่งๆก็ผลิตออกมาไม่มาก กลายเป็นสินค้าหายากที่นิยมกันในหมู่สาวๆสังคมชั้นสูง ไม่ลิ้มลองไม่ได้แล้ว
มีม้วนกระดาษแผ่นเล็กๆอยู่ในคุกกี้ ฉันลองแกะออกมาอ่าน "ชะตาดอกท้อพลันเรียกหา คือช่วงเวลาแห่งการเปิดเผยสิ่งที่ซ่อนเร้น เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจหลีกหนี ร่วมมือกับคู่ชีวีเพื่อแก้ไข ความรักและความเข้าใจจะช่วยฟันฝ่าอุปสรรคทั้งปวง"
"ชะตาดอกท้อนี่มันอะไรเหรอคะ" ฉันถามมาดามคาบุรากิไป
"อ้าว คุณเรย์กะได้คำทำนายที่สาวๆอยากได้กันมากที่สุดเลยนะคะเนี่ย" มาดามคาบุรากิเอามือป้องปากหัวเราะคิกคัก ทำเหมือนคาดไม่ถึง "ชะตาดอกท้อก็คือมีดวงชะตาเกี่ยวกับความรักค่ะ"
เอ๋ มีดวงเกี่ยวกับความรักงั้นเหรอคะ
ฉันจ้องมองกระดาษอย่างตื่นเต้น เอ็นโจที่นั่งข้างๆกันก็เอี้ยวตัวมาพูดด้วย "ได้คำทำนายเดียวกันเลยนะ คุณคิโชวอิน"
อย่ามาแอบอ่านข้อความของคนอื่นเขาสิคะ
แต่นอกจากฉันกับเอ็นโจก็มีคนได้คำทำนายซ้ำๆกันบ้าง แต่ไม่ใช่แบบเดียวกับที่ฉันได้ ส่วนคาบุรากิก็ได้คำทำนายว่าจะมีปัญหาครั้งใหญ่ให้รับมือ เห็นเจ้าตัวขมวดคิ้วใหญ่เลยล่ะค่ะ
ปัญหาอะไรนะคะที่สามารถสั่นสะเทือนเจ้าเด็กบ้านี่ได้ อยากจะรู้จังเลยค่า อุฮุฮุฮุ
กลับมาบ้านในตอนเย็น ฝนหลงฤดูก็ตกลงมาพอดี ลมพัดเอากลีบดอกท้อที่กำลังบานสะพรั่งให้ปลิวขึ้นฟ้า ลมแรงจนน่ากลัวว่าจะถอนรากถอนโคนต้นท้อให้ปลิวไปตามลมด้วย
ฉันนั่งมองกลีบดอกท้อที่ถูกลมพัดจากหน้าต่าง ก็นึกถึงคำทำนายขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ ชะตาดอกท้องั้นเหรอ
แล้วอยู่ๆก็นึกถึงคนที่ได้คำทำนายเดียวกันนี้ด้วย เอ็นโจก็มีชะตาดอกท้อเหมือนกันกับฉันสินะคะ แต่หมอนั่นมีสาวๆมารุมกรี๊ดเยอะแยะยิ่งกว่าดอกท้อที่บานบนต้นไม้อีกมั้งคะ คงไม่ต้องการชะตาดอกท้ออะไรนี่หรอก
แว่วเสียงระฆังดังเข้ามาให้ได้ยิน เอ๋ ฝนตกหนักขนาดนี้ เสียงระฆังลอยมาจากที่ไหนกันคะ
ฉันปัดเรื่องนี้ออกไปจากหัวเมื่อท่านพี่กลับมาบ้านพร้อมกับเค้ก วันนี้ก็เป็นวันที่ผ่านไปมีความสุขอีกหนึ่งวันค่า
--------------------------
เมื่อคืน เหมือนจะฝันแปลกๆด้วยล่ะค่ะ แต่จำไม่ได้ว่าฝันอะไร
ฉันลืมตาขึ้นแบบงัวเงียเพราะได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก ลุกขึ้นไปตบมันให้เงียบเสียงแล้วเอาผ้าห่มคลุมตัวไว้เหมือนเดิม
"ขออีกห้านาทีนะคะ"
ฉันลืมตาโพลงเมื่อพูดจบ เอ๊ะ นี่ห้องฉัน บ้านฉันไม่ใช่หรือคะ แล้วทำไมได้ยินเสียงเอ็นโจกันล่ะ
พอลุกพรวดขึ้นมา มองไปรอบๆก็ไม่พบเงาเอ็นโจแต่อย่างใด แล้วก็ไม่ใช่ห้องที่เคยคุ้น ฉันมาหลับในบ้านใครเขาเข้าล่ะคะ
หรือจะอ่อนเพลียจากอากาศในงานเลี้ยงน้ำชาจนต้องนอนค้างบ้านมาดามคาบุรากิ
ว้ายยยย แย่แล้วค่ะฉัน ทำตัวเสียมารยาทขนาดนี้เลยงั้นหรือ
ฉันเลิกผ้าห่มออก เดินไปเปิดประตูอย่างเร่งร้อน สาวใช้สองคนกำลังเดินผ่านมาพอดี พอเห็นฉันก็ถอนสายบัวย่อตัวให้ "อรุณสวัสดิ์ค่ะ ท่านชูสุเกะ"
เอ๋ ท่านชูสุเกะ!!!
ฉันอ้าปากค้างกับคำเรียกนั้น รู้สึกช็อคอย่างแรงกล้า
"อ้าว วันนี้ไม่ไปโรงเรียนงั้นเหรอคะ คุณชูสุเกะ" มาดามเอ็นโจที่เพิ่งออกจากห้องทำหน้าแปลกใจใส่ฉัน "ไม่รีบแต่งตัวเดี๋ยวจะไปสายนะคะ"
ฉันปิดประตูห้องแล้วถลาไปที่กระจกทันที ภาวนาให้ไม่ใช่อย่างที่คิด แล้วก็ต้องอ้าปากค้าง เมื่อได้เห็นเอ็นโจ ชูสุเกะมาอยู่ตรงหน้าฉัน
เสียงกรีดร้องโหยหวนของฉันดังไปทั่วบ้าน
มาดามเอ็นโจและพ่อบ้านวิ่งเข้ามาข้างในห้อง ดูจะตกอกตกใจไม่น้อยกับเสียงกรีดร้องและท่าทางของฉัน แต่ฉันหาได้สนใจไม่ มือยังคงชี้นิ้วไปตรงหน้ากระจก แล้วเอ็นโจที่อยู่ในกระจกก็ทำกริยาเดียวกับฉันไม่ผิดเพี้ยน
"คุณชูสุเกะ เป็นอะไรไปคะ" มาดามเอ็นโจเขย่าตัวฉันเบาๆ "ไม่สบายสินะคะ ถึงได้ทำท่าแปลกๆ เดี๋ยวไปโรงพยาบาลเลยดีกว่า"
ฉันพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเพราะยังช็อคอยู่ แต่พอได้สติก็รีบปฎิเสธที่จะไปโรงพยาบาล พร้อมกับยืนยันว่าสบายดีด้วยความแข็งขัน
ถ้าฉันอยู่ในร่างของเอ็นโจ แล้วร่างของเรย์กะล่ะคะ อย่าบอกนะว่า.....
เพื่อเป็นการยืนยันสมมติฐานของฉัน ต่อให้ป่วยแค่ไหนก็ต้องไปให้ดูให้เห็นกับตาให้ได้เลยค่ะ
พอมาถึงห้องเรียน ฉันก็ลองสอดส่ายสายตาหาตัวฉันเองก่อน แต่ดูเหมือนจะยังไม่มา ฉันเลยเดินไปที่ห้องเรียนของเอ็นโจเพื่อเอากระเป๋าไปเก็บ แล้วปัญหาก็เกิดขึ้นค่ะ
ฉันไม่รู้ว่าเอ็นโจนั่งอยู่ตรงไหนน่ะสิ
ยืนรีๆรอๆอยู่หน้าประตูห้อง กะว่าให้คนเข้าไปกันให้หมด แล้วที่นั่งตรงไหนว่างคงจะเป็นที่นั่งของฉัน แต่ก็มีมือมาตบบ่าฉันจากทางข้างหลัง
"โย่ว ชูสุเกะ" คาบุรากินี่เอง ตกใจหมดเลยค่ะ "ยืนทำอะไรไม่เข้าห้องเนี่ย"
"คือว่า...." ฉันพยายามคิดหาคำตอบอยู่ในหัว "...เอ่อ...."
"อรุณสวัสดิ์ค่ะ"
คิโชวอิน เรย์กะปรากฎกายจากทางด้านหลังของคาบุรากิ ฉันเกือบจะอ้าปากค้างไปแล้ว แต่ยั้งตัวเองไว้ได้ทัน
นี่มันเหมือนภาพหลอนจริงๆที่ได้เห็นตัวฉันมายืนอยู่ตรงหน้า หยั่งกะปรากฎการณ์ดอปเปลแกงเกอร์แน่ะค่ะ
ยังไม่ทันพูดคุยอะไรกัน ก็ได้เวลาเข้าเรียนพอดี พวกเราก็เลยต้องแยกย้ายกันไปตามห้องของตัวเอง
"แถวที่สาม โต๊ะตัวที่หกจากฝั่งซ้าย" เรย์กะกระซิบบอกฉันแล้วเดินจากไป ฉันกำลังจะบอกที่นั่งตัวเองบ้าง แต่เอ็นโจในร่างฉันเข้าห้องไปแล้ว ฉันเลยต้องเข้าไปนั่งที่แบบกังวลนิดหน่อย
คาบเช้าวิชาสังคมมีแบ่งงานกลุ่มทำกัน เหล่าเด็กผู้หญิงตรงมาหาฉันก่อนทันที ส่งเสียงเรียกเซ็งแซ่เหมือนนกกระจอกที่ฟังดูน่าปวดหัว
ขนาดฉันเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ตอนอยู่ห้องเดียวกับเอ็นโจยังรู้สึกรำคาญเลย แล้วคนประสบเหตุโดยตรงแบบหมอนี่จะรู้สึกยังไงกันนะคะ
ฉันเลือกไปอยู่กลุ่มเด็กผู้ชายล้วนเป็นการตัดปัญหา กลุ่มนี้มีแต่เด็กที่ดูเงียบๆเรียบร้อยๆก็น่าจะพอไหวอยู่
ระหว่างจดบันทึกก็อดที่จะเห็นใจเอ็นโจขึ้นมาไม่ได้ นายต้องเจอแบบนี้ทุกวันเลยสินะคะ ช่างน่าสงสารอะไรอย่างนี้ ป๊อบไปก็ไม่ดีสินะ
ชีวิตฉันที่เงียบสงบไร้ความวุ่นวายนั่นล่ะดีที่สุดเลยล่ะค่ะ
------------------------
พักกลางวันก็ไม่มีจังหวะได้คุยกับเอ็นโจเลย คาบุรากิและเพื่อนผู้ชายก็มารุมล้อม พูดเรื่องการซ้อมวิ่งผลัดในงานกีฬาที่จะถึงนี้ ฉันก็ได้แต่เออออตามน้ำไปเพราะไม่รู้เรื่องซักแอะ ตัวเรย์กะที่เป็นกรรมการห้องก็ต้องไปสภานักเรียนเพื่อรับเอกสารมาแจกจ่าย พอเดินสวนกันที่ทางเดินฉันก็รีบตรงเข้าไปหาทันที
"คุณคิโชวอิน เดี๋ยวตอนเย็นขอคุยด้วยหน่อยนะ" ฉันก้มลงไปกระซิบใกล้ๆเพราะไม่อยากให้ใครได้ยิน แต่กลายเป็นว่านักเรียนหญิงรอบๆตัวต่างกรี๊ดขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผล แต่ฉันไม่สนใจว่าใครจะซุบซิบนินทาอะไรแล้ว
"ค่ะ" เอ็นโจตอบฉันมาด้วยรอยยิ้มน้อยๆแล้วเดินเข้าห้องไป
รอยยิ้มนั่นมันอะไรกันคะ คิโชวอิน เรย์กะไม่มีวันยิ้มตาหวานเชื่อมแบบนั้นใส่ใครหรอกนะคะ ถ้าตัวฉันเป็นข่าวแปลกๆกับนายขึ้นมาจะรับผิดชอบยังไง หา!!!!
ฉันไม่เคยใจจดใจจ่อรอเวลาเลิกเรียนขนาดนี้มาก่อนเลย พอได้เวลาปุ๊บ ฉันก็คว้ากระเป๋าตรงดิ่งออกจากห้องทันที แต่ยังไม่ทันพ้นหน้าประตูก็มีสาวๆมาห้อมล้อมจนแทบจะเดินไม่ถนัด โอ๊ย!! ใครก็ได้ช่วยด้วยค่ะ!!!
เอ็นโจออกจากห้องเรียนมาพอดี ดูท่าทางสบายๆไม่เร่งร้อน ผิดกับฉันที่ตอนนี้แทบจะพ่นไฟออกมาได้แล้ว
"สวัสดีค่ะ ท่านเอ็นโจ เมื่อตอนกลางวันบอกว่ามีเรื่องจะพูดกับฉันสินะคะ" เอ็นโจใช้ร่างฉันยิ้มหน้าระรื่นเดินฝ่าวงล้อมเข้ามา ได้ยินเสียงสาวๆรอบตัวพูดกันเซ็งแซ่
"เอ๋ อะไรน่ะ"
"จะสารภาพรักเหรอ"
"ไม่จริงน่า"
อ๊าาาากกกกกกก อย่าทำแบบนั้นนะ นายอยากให้ฉันเป็นศัตรูกับพวกผู้หญิงแฟนคลับของนายรึไงค้าาาาาา
"เอ่อ ใช่แล้ว" ฉันรีบตอบออกไป "ไปคุยกันที่อื่นเถอะ"
ฉันอยากจะคว้าแขนร่างของฉันแล้ววิ่งออกไปเลย แต่ถ้าทำอย่างนั้นคงได้เป็นข่าวลือแปลกๆอีกแน่ แค่นี้ก็จะไม่ไหวแล้วนะ
เอ็นโจกับฉันเดินไปที่ห้องเรียนว่างๆห้องหนึ่ง พอปลอดคนปุ๊บ ฉันก็เริ่มต้นแบบไม่อ้อมค้อม
"นี่มันอะไรคะ ท่านเอ็นโจ ทำไมคุณกับฉันถึงได้..."
"ใจเย็นๆก่อน คุณคิโชวอิน" เอ็นโจยกมือห้ามฉันที่กำลังจะว้าก แต่เจอแบบนี้ใครจะใจเย็นอยู่ได้ล่ะคะ
แล้วทำไมนายถึงดูใจเย็นนักล่ะยะ นี่เรื่องคอขาดบาดตายไม่ใช่เหรอ!!!!
"เอาอย่างนี้ ลองมาเรียบเรียงเหตุการณ์ก่อนดีมั้ย ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน" เอ็นโจนั่งลงบนเก้าอี้ตัวใกล้ๆ
ฉันเริ่มเล่าเหตุการณ์ตอนเช้าที่ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในร่างของเอ็นโจเข้าให้แล้ว เรื่องเล่าจากเอ็นโจก็คล้ายๆกันกับฉันเช่นกัน
"คุณคิโชวอินคงลำบากแย่เลยสินะ" เอ็นโจฟังเรื่องของฉันแบบยิ้มๆ
ใช่สิค้า ลำบาก ลำบากสุดๆไปเลยล่ะ โดยเฉพาะตอนเข้าห้องน้ำน่ะ!! แล้วนายไม่ลำบากอะไรบ้างเรอะ!!!
ฉันพยายามคิดทบทวนความทรงจำอยู่ในหัว มันเป็นไปได้ยังไงล่ะคะ ถึงฉันจะเคยอ่านการ์ตูนหรือดูหนังที่ตัวละครสลับร่างกันก็เถอะ แต่นี่มันโลกความจริงนะคะ!!! แบบนี้มันบ้าไปแล้ว
อ๊ะ!! ไม่สิ ที่นี่คือโลกของ Kimi Dolce ต่างหาก การที่ฉันมาสิงอยู่ในร่างของคิโชวอิน เรย์กะก็เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ไม่กล้าบอกใครแล้วล่ะค่ะ ถ้าจะสลับร่างได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยสักนิด
"เมื่อวาน คุณคิโชวอินได้แวะไปที่ไหนรึเปล่า"
"เปล่าค่ะ พองานเลี้ยงน้ำชาเลิก ฉันตรงกลับบ้านเลย" ฉันส่ายหน้า "ไม่ได้มีอุบัติเหตุอะไรด้วยค่ะ"
"งานเลี้ยงน้ำชาเหรอ...." เอ็นโจทำหน้าครุ่นคิด แต่พูดถึงงานเลี้ยงน้ำชา ฉันเองก็นึกบางอย่างออกเช่นกัน
"หรือว่าจะเป็นคุกกี้นั่น" เราสองคนพูดพร้อมกันแบบไม่ได้นัดหมาย
"อ้อ ใช่แล้ว คุกกี้เสี่ยงทายของคุณแม่มาซายะ" เอ็นโจพยักหน้าขรึมๆ "ผมกับคุณคิโชวอินได้คำทำนายเดียวกันนี่นะ"
"แต่ก็มีคนอื่นที่ได้คำทำนายซ้ำเหมือนกันนี่คะ" ฉันแย้งขึ้น "แล้วเมื่อเช้าที่ฉันเดินสวนกับพวกเขาก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติซักหน่อย"
"ลองถามเขาดูก่อน ถ้าเผื่อคนที่ได้คำทำนายเหมือนกัน จะมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นกับตัวเอง เหมือนผมกับคุณคิโชวอิน"
"แต่ว่าจะให้ฉันในร่างท่านเอ็นโจเดินไปถามเลยมันก็...."
"งั้นก็ไปด้วยกันนี่ล่ะ จะได้รู้พร้อมกันไปเลย" เอ็นโจส่งยิ้มให้อย่างเคย แต่พออีตานั่นใช้ใบหน้าของฉันก็รู้สึกแปลกๆพิกลค่ะ "เดี๋ยวผมเป็นคนถามเองก็ได้"
"ต้องรบกวนด้วยนะคะ"
แล้วฉันก็นึกขึ้นได้ "เราควรจะบอกเรื่องนี้กับท่านคาบุรากิดีมั้ยคะ"
เอ็นโจเลิกคิ้วให้ฉัน "ทำไมต้องบอกมาซายะด้วยล่ะ"
"ก็..ก็...คำทำนายนั่นมาจากทางบ้านของท่านคาบุรากินี่คะ ถ้าบอกไปก็อาจจะมีทางแก้ไขได้บ้าง"
"ถ้ายังไม่ถึงที่สุดจริงๆก็อย่าเพิ่งบอกใครเลยดีกว่านะ" เอ็นโจตอบพร้อมกับรอยยิ้ม "ไม่อย่างนั้นคนคงคิดว่าคุณคิโชวอินกับผมบ้าไปแล้วแน่ๆ"
"นั่นสินะคะ"
"เอาเป็นว่าตอนนี้เรามาแชร์ข้อมูลกันก่อน เดี๋ยวผมจะเขียนสิ่งที่ควรรู้ให้ คุณคิโชวอินก็บอกสิ่งที่ต้องทำเอาไว้ล่ะ"
เราแลกเมล์แอดเดรสและเมมเบอร์โทรเอาไว้ น่าทึ่งเหมือนกันนะคะที่เห็นกันมาสิบกว่าปีแต่เพิ่งรู้เบอร์โทรกันเนี่ยล่ะ
"ในมือถือมีตารางนัดหมายกับกำหนดการงานเลี้ยงอยู่ ไม่มีอะไรแปลกๆหรอกนะ วางใจได้"
เอ็นโจบอกให้ฉันลองกดมือถือของเขาดู วอลเปเปอร์เป็นรูปกระต่ายนี่ออกจะมุ้งมิ้งเกินคาดไปหน่อยสำหรับฉัน ชอบกระต่ายมากเลยเหรอคะ
ฉันลองเปิดตารางนัดหมายที่ว่า หวา คิวยาวเหยียดเลยล่ะค่ะ ฉันจะไหวรึเปล่าคะ
"เอาเป็นว่านัดของอาทิตย์นี้ก็ยกเลิกไปให้หมดก่อนก็แล้วกัน" เอ็นโจเห็นสีหน้าที่ดูตกใจของฉันก็หัวเราะออกมา "ไม่ต้องคิดมากหรอก นัดพวกนี้ไม่ได้สำคัญเท่าไหร่ แค่ไปงานเลี้ยงกับนัดเรียนพิเศษเท่านั้นเอง"
"เข้าใจแล้วค่ะ"
ฉันกับเอ็นโจเดินไปลานจอดรถพร้อมๆกัน รู้สึกแปลกๆอยู่บ้างที่ต้องมาเดินกลับด้วยกันเช่นนี้ โชคดีที่ตอนนี้เลิกเรียนนานแล้ว ทางเดินจึงค่อนข้างร้างผู้คน ฉันกล่าวคำอำลา ก่อนที่จะเดินไปขึ้นรถของตระกูลเอ็นโจที่จอดรออยู่ แต่เอ็นโจก็เรียกฉันไว้ก่อน
"อ้อ เกือบลืมเลย คุณคิโชวอินต้องทนุถนอมร่างกายของผมหน่อยนะครับ เดี๋ยวจะมีซ้อมวิ่งกับมาซายะแล้ว"
อ๋า ซ้อมวิ่งงั้นหรือคะ ไม่ไหวหรอกค่ะ ถ้าให้ซ้อมแบบนั้นฉันต้องกระอักเลือดออกมาแน่ๆ ระดับของเอ็นโจกับคาบุรากิมันเกินกำลังฉันไปแล้วค่าาา
กำลังคิดหาวิธีจะบอกปัดการซ้อม อยู่ๆเอ็นโจก็เข้ามาใกล้ และเอ่ยคำพูดที่ทำให้ฉันตัวแข็งค้าง
"แล้วก็ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะดูแลร่างกายของคุณคิโชวอินเป็นอย่างดีเลยล่ะ"
เอ๋!!!!!
ฉันอ้าปากค้าง เอ็นโจก็ส่งยิ้มที่ดูลึกลับให้ แล้วก็เดินจากไปขึ้นรถบ้านคิโชวอิน ทิ้งให้ฉันยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น
เมื่อกี้มันอะไรกันน่ะค้าาาาาา
-----------
ลงวันละนิดจิตแจ่มใส แต่ใครอยากต่อก็ตามสบายเลย 5555555555
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด คุณๆขาาาาาาาาาาาาาาาาาา
ดิบ 273 ออกฉลองวาเลนไทน์แล้วค่าคุณขาาาาาาา
.
.
.
.
.
ดำน้ำงูๆปลาๆ เรย์กะพูดถึงร้านไรสักอย่างในนิตยสาร เอ็นโจก็ชวนชิมเลยค่ะ กรี๊ดดดดดดดดด //_\\ (แต่ก็พ่วงด้วยยูกิโนะและคาบุรากิ)
>>591 กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด กหดาำไยนดาำไดาำไนดาดไๆำ ตายค่ะกู ตายยยยยยยยยยยย ชวนเดทสินะคะะะะะะ ขอบคุณฮิโยโกะซามะค่าาาาาาาาาาาาาาาาาา
คาบุรากิกับยูกิโนะมาด้วยก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ นี่มันลูกชายของเรย์กะกับชูสุเกะก็ต้องไปเที่ยวกับพ่อแม่เขาสิคะ 5555555555555
>>591 กรี๊ดดดดดดดด ท่านเทพฮิโยโกะทรงประทานตอนใหม่ต้อนรับวาเลนไทน์
.
.
.
.
.
กูอ่านแล้วเริ่มงงงวยแยกอฟช.กับกาวไม่ออกเข้าไปทุกทีแล้วว่ะ คุณชายเอ็นโจของบ่าวเห็นท่านเรย์กะดูร้านในนิตยสารนานๆ เลยชวนไปกิน ท่านเรย์กะก็อิดๆ ออดๆ เลยเอายูกิโนะคุงมาล่อ แล้วเจ้าแม่ก็ติดกับอย่างง่ายดาย แต่คาบุรากิเสือกเป็นตัวแถมมาด้วย กูเคืองมาก มาทำไม๊! คนเขาจะจีบกัน!
แต่กัปตันยูกิโนะทำคะแนนใหญ่เลยว่ะ ชวนท่านพี่เรย์กะมาเที่ยวด้วยกันตอนปิดเทอมด้วย กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด ทำดีมากค่ะกัปตันนนนนนนนนน
>>594 วิธีการหลอกล่อกระต่ายออกมาจากโพรง ทำสับสนจริงๆตอนนี้กูแยกไม่ออกละว่าไอ้การวางยูกิโนะเป็นเหยื่อล่อนี่มันเริ่มมาจากในอฟช.หรือในฟิคตอนไหนกันแน่ 555555555
กัปตันยูกิโนะ ส่วนเอ็นโจต้องเป็นต้นหนบนเรือตัวเองแน่ๆ เตี๊ยมกันมาก่อนแน่ มามุขเดิมเลย เกรงใจคุณคิโชวอินน่า ยูกิโนะทำหน้าเศร้า เรย์กะทนไม่ได้ ร้ายกาจจจจจจจจจ
ว่าไปท่านเรย์กะก็มีอิมเมจหมาๆแล้ว เป็นอเมริกันค็อกเกอร์สแปเนี่ยล คาบุรากิสมควรเป็น ไซบีเรียน ฮัสกี้
เอ็นโจพันธ์ไรดีวะ 55555555
http://imgur.com/a/7QHv4
อากิตะก็ดีนะ ไม่ก็อัฟกันฮาวด์
หรือพวกพันธุ์เมืองหนาวอื่นๆก็ดีนะเข้าคู่กะคาบุรากิด้วย
เอ็นโจนี่เป็นซามอยด์น่าจะโอเค หน้าคล้ายๆหมาป่า แต่ขนฟูนุ่มกว่ามาก ยิ้มตลอดเวลาด้วบ
เดี๋ยวซักพักก็มีฟิค เวอร์ชั่น the dog กูจะคอยดู ถถถถถถถถถถ
>>608
คำเตือน อย่าคิดมากเรื่องชื่อสุนัข ถถถ
วันนี้เจ้านายบอกว่าจะมีสมาชิกใหม่ของบ้าน ผมไม่คิดมากหรอก แต่ได้ยินว่าเป็นตัวเมียก็อดจะรู้สึกเบื่อไม่ได้ หวังว่าเธอคนนั้นคงจะไม่มาเกาะแกะพวกผมแบบตัวเมียตัวอื่นๆในบ้านทำนะ
ผมยังคงรักษาท่าทีนั่งรอหน้าประตูสง่างามอย่างที่เจ้านายมักชมเสมอต่างจากฮัสกี้รากิ ไซซายะ ที่ตอนนี้แสดงสีหน้าเหม็นเบื่ออย่างปิดไม่มิด หันซ้ายหันขวา ไม่หยุดสุดท้ายก็วิ่งไปมุดกล่องจนภรรยาของเจ้านายต้องไปลากออกมา
"กล่องนั่นเจ๋งสุดๆชูสุมอย สายตาของฉันมองไม่ผิดจริงๆ ซุกไปแล้วเหมือนล่องลอยได้เกิดใหม่เลยล่ะ"
ผมยิ้มอ่อนๆไปให้
ผมไม่เข้าใจที่นายพูโเลยน่ะ ไซซายะ...
ไซซายะไม่สนใจรอยยิ้มด้านชาของผม คุณนายของพวกเราหยิบขนมกินเล่นมาให้เพื่อให้ไซซายะหยุดซน แต่เหมือนจะได้ผลตรงข้ามเพราะหมอนั่นวิ่งกระโดดไปรอบๆตัวคุณนายพันแข้งพันขาจนเกือบจะคว่ำไปทั้งคู่ ผมเลยตัดสินใจเดินไปกดหัวหมอนั่นลงกับพื้น
ร้องเอ๋งไป ผมก็ไม่สงสารหรอกนะ
"ขอบคุณ คุณชูสุมอย พึ่งพาได้เสมอเลยนะ" ภรรยาเจ้านายยิ้มให้ผม ก่อนหยิบขนมสุนัขชั้นดีให้ผมกินก่อน ผมรับไว้อย่างยินดี โดยไม่สนว่าสิ่งมีชีวิตใต้เท้าจะโหยหวนขนาดไหน
ต่อมาก็ได้ยินเสียงรถ ผมสะบัดหางไปรอเจ้านายที่หน้าประตูต่อ ไซซายะที่หลุดจากพัธนาการก็ได้กินขนมสมใจ แม้จะบ่นว่าวันนี้ไม่มียี่ห้อที่ตัวเองชอบกินเหรอก็เถอะ
ประตูถูกเปิดออกพร้อมสมาชิกใหม่
เธอตัวเล็กกว่าที่คิด แววตาที่มองผมมีแต่ความตื่นตระหนก ขลาดกลัว สั่นจนเหมือนลูกนกตัวเล็กๆ ขนม้วนลอนสลวยของเธฮทำให้เธอเหมือนเจ้าหญิงตัวน้อย
...ดูน่ารักกว่าที่คิดนะ
เจ้านายแนะนำว่าเธอชื่อ เรย์ท้นแล้ววางเธอลงเพื่อจะให้มาทักทายกับพวกเรา ผมนั่งนิ่งรอเธอเดินเข้ามา แต่เธอกลับเดินถอยหลังห่างจากผมไปเรื่อยๆ
ผมลองเดินไปข้างหน้าเพื่อไปหาเธอ เธอก็สะดุ้งลนลานไปยืนเกาะขาเจ้านาย เจ้านายก็เอาแต่หัวเราะ เธอเลยเลือกจะวิ่งหนีเอง
แต่ขาเธอสั้นมาก ผมจึงเดินตามไปเรื่อยๆได้สบาย แปปเดียวเธอก็หอบแฮ่กๆไปกองกับพื้น
เหมือนเธอจะไม่ค่อยได้ออกกำลังกายสินะสาวน้อย
ผมยังคงยิ้มอ่อนโยน เหมือนบอกเธอว่าอย่ากลัว แต่สีหน้าเธอกลับหวาดผวายิ่งกว่าเก่า ผมทำอะไรผิดไปรึเปล่า?
"ของเล่น!"ตอนนั้นเองไซซายะ ก็สับขาวิ่งไปที่เรย์ทันอย่างว่องไวจนผมและเรย์ทันเองตั้งตัวไม่ติด รู้สึกตัวอีกที หูของเรย์ทันก็ถูกไซซายะเคี้ยวหยับๆไปแล้ว
" เอ๋ง เอ๋ง เอ๋ง!!!!!!!!!!!!!!!"
"ตายแล้ว คุณไซซายะ ทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ ปล่อยหูเรย์จังเดี๋ยวนี้นะ!!"
ทั้งคุณนายทั้งเรย์ทัน ส่งเสียงร้องกัยเสียงหลง เจ้านายรีบไปดึงไซซายะออกมาจากร่างเล็กที่ตอนนี้น้ำตาไหลพรากๆ ผมสงสารจนต้องเดินไปปลอบใจเธอ
แต่พอผมเข้าไปเอาจมูกดันเธอนิดหน่อย เธอกลับสะดุ้งเฮือกสะบัดตัวเตะผม ก่อนทำท่าตกใจก้มหัวให้แล้วลนลานวิ่งหนีไปอีก
ผมที่ถูกเตะโดนไซซายะที่ถูกเจ้านายจับไว้หัวเราะเยาะ ผมรู้สึกอับอาย...อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ในบ้านหลังนี้ไม่เคยมีสุนัขตัวไหนทำกับผมแบบนี้เลยนะ
โดยเฉพาะเหล่าสาวน้อยที่คอยเอาใจผมตลอดน่ะ
เรย์ทันเหรอ ชักสนใจขึ้นเรื่อยๆแลวสิ อย่าคิดว่าจะหนีผมไปได้เลย!
จบ
กูแต่งอะไรวะ 55555
>>610 555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย กูจะพูดอะไรดี 555555555555555555555555555555555555555555 กูขอโทษ ตอนนี้กูทำได้แค่หัวเราะ แค่ชื่อก็กินขาดแล้ว กูสงสารชูสุมอยด์ที่ถูกเตะมากๆเลย ไซซายะแค่โดนเหยียบไม่พอแล้ว ไปแทะหูเขาทำไมมมมมมม 55555555555555555555555
ปล.ถ้านายชื่อไซซานะ เราจะนึกว่านายค้ายาถถถุถ
กูขอเสนออีกตัว วาคาบะ กูว่าพันธ์ชิบะ บะๆเหมือนกันด้วย 555555
โคตรบ้าาอ่าาาา แม่ม ไซซายะ กับชุสุมอยด์เงี้ย
กูขอเสนอท่านอิมาริ เป็นบีเกิ้ล บีมาริ หรือ อิมาเกิ้ล
ท่านพี่คือร็อคไวเลอร์ ทานุกิคือปั๊ก ท่านแม่คือพุดเดิ้ล
ท่านแม่น่าจะบอร์ซอยหรือไม่ก็อัฟกันฮาวด์มากกว่า หมาไฮโซ
วาคาบะนี่คอร์กี้ป่ะ 555555555555
ซากุระจังก็คอลลี่ อาโออิก็เครนเทอร์เรีย ริรินะน่าจะชิสุ มาโอะน่าจะปาปิยอง
กูว่าท่านพี่น่าจะโดเบอร์แมนว่ะ เท่กว่าเยอะ
โอ๊ยยยยยย ver.dog นี่คาแร็กเตอร์มันใช่มากกกอ่ะมึง 555555555555555555555
ขอกาวหน่อยยยยยยย.
>>627 มึงเสนอต่อคนแรกกูแต่งต่อเลยนะ 55555
วันนี้ลูกชายเจ้านายกำลังเตรียมพาพวกผมมาเดินเล่น ปกติสุนัขแต่ละตัวในบ้านจะมีคนใช้เป็นคนดูแล แต่ผมกับไซซายะเป็นกรณีพิเศษที่เจ้านายน้อยจะดูแลด้วยตัวเอง
และวันนี้ดูเหมือนจะเพิ่มมาอีกตัวหนึ่ง
เรย์ทันเดินตัวสั่นงักๆตามผมมา พอผมหันไปมอง เธอก็สะดุ้งวิ่งลนลานจนชนกำแพงดังพลั่ก กลิ้งไปตามทาง ไซซายะหันมาเห็นพอดีก็หอนอย่างดีใจ หางสะบัดส่าย วิ่งเข้าหาแล้วเตะเรย์ทันเหมือนลูกบอลไปเรื่อยๆ
หยุดเดี๋ยวนี้นะไซซายะ!! เรย์ทันจะตายแล้วเห็นไหม
ผมวิ่งเข้าไปกันไซซายะออกจากเรย์ทัน เธอครางหงิงๆน่าสงสารเหมือนเธอจะเจ็บจนลืมหนีผม ปล่อยให้ผมเบียดเธอได้
อืม..แบบนี้ก็ไม่เลวแฮะ
ไซซายะที่ถูกกีดกัน ทำหน้าไม่พอใจ เดินบนรอบตัวผมกับเรย์ทัน
"นี่เธอน่ะ!"
"ค..คะ?"
"ท่ากลิ้งเมื่อกี้ไม่เลวหรอกนะ แต่ยังไม่ถึงขั้น ไปฝึกมาใหม่"
"หา?"
เรย์ทันทำหน้างง ผมเองก็มองไปทางไซซายะความรู้สึกเหมือนมองสิ่งที่เกินเยียวยา
"วันนี้จะได้ออกไปข้างนอก แถมฉันหล่อเป็นพิเศษ ยูริฮาวด์ต้องหลงรักฉันแน่ๆ" ยูริฮาวด์เป็นสุนัขพันธ์อัฟกันฮาวด์ที่คนรักขอเจ้าชายน้อยเลี้ยงไว้ พวกเรามักได้พบเธอที่สวนสาธารณะ ดูเหมือนว่าไซซายะจะหลงรักเธอตั้งแต่แรกพบตอนยังเป็นลูกสุนัขตัวเล็กๆ แต่เธอตัวเธอกลับมองไซซายะเป็นลูก...
ตั้งแต่เรย์ทันมาวันแรกนี่ก็ผ่านไปเป็นเดือนแล้ว ตอนแรกเธอกลัวพวกเราจนไม่กล้าเข้าใกล้ ผ่านไปสักพักเธอจึงยอมลดป้อมกับผมลงบ้าง แต่กับไซซายะ เธอกลับมองด้วยสายตาเหมือนเห็นเจ้าโง่ตัวหนึ่งจากโจ่งแจ้ง
เหมือนอย่างตอนนี้เป็นต้น
เธอกลัวแค่ตอนไซซายะเล่นอะไรแผลงๆ จนเธอเจ็บตัว แต่ยามปกติเธอก็ดูไม่กลัวแล้ว แต่กลับผมเธอกลับกลัวตลอด ผมไม่รู้จริงๆว่าผมทำอะไรผิด
เรย์ทันเหมือนจะรู้ตัวแล้วว่าซุกตัวผมอยู่เธอจึงวิ่งหนีไปอีกครั้ง
และเจ้านายน้อยเข้ามาหาพวกเราพอดี
--------------------------
พวกผมสามตัวถูกใส่สายจูง เดินออกจากบ้าน ไซซายะร่าเริงมากจนออกแรงลากเจ้านายไปด้วย วิ่งสับขารัวๆจนพื้นหญ้าหลุดกะเด็นไปทับถมบนหน้าของเรย์ทันที่อยู่ด้านหลัง ผมเองก็ถูกเจ้าบ้านี้ลากเหมือนกัน เจ้านายน้อยกับผมเลยร่วมมือกันดึงเจ้าบ้านี่ไว้ทำให้หมอนี่ได้แต่วิ่งอยู่กับที่ขุดเศษใต้เท้าดินไปแปะหน้าเรย์ทันเรื่อยๆ
หลังจากนั้นก็เดินต่อกันประมาณสิบนาทีก็ถึงสวนสาธารณะ ผมมองเห็นยูริฮาวน์จากไกลๆ ไซซายะสะบัดหางไปมาอย่างตื่นเต้น ฉุดกระฉากลากถูพวกผมไปอีกครั้ง ครั้งนี้เรย์ทันถูกลากไปกับพื้นด้วย เดือดร้อนผมต้องไปคาบเธอขึ้นมา ก่อนจะหันไปทางไซซายะเพื่อจะตบสั่งสอนสักครั้ง
แต่ไซซายะกลับหยุด สีหน้าของเขามองไปข้างหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ข้างกายยูริฮาวด์มีอัฟกันฮาวด์ตัวผู้อีกตัวนึง ทั้งสองคลอเคลียกันอย่างสนิทสนมเหมือนภาพเหล่านั้นจะบาดใจสุนัขบางตัวข่้างๆผม
ไซซายะหอนเสียงดังอย่างโศกเศร้า เจ้านายน้อยเองก็พยายามห้ามปรามแต่ไร้ผล ไซซายะสะบัดตัวจนสายจูงหลุดออกแล้ววิ่งตรงไปทางนั้นทันทีเพื่อต่อสู้กับศัตรูหัวใจ
"ไซซายะหยุดนะ" ผมตะโกนออกไป แต่เหมือนจะไม่ทัน แฟนสาวของเจ้านายน้อยกับเจ้านายน้อยตกใจมากเมื่อไซซายะวิ่งเข้าไปกัดอัฟกันฮาวด์ตัวนั้นอย่างบ้าเลือด แต่ทุกอย่างก็จบอย่างรวดเร็วเพราะยูริฮาวด์กระแทกไซซามะไปอีกทางพร้อมกัดสั่งสอน
"ย...ยูริฮาวด์!" ไซซายะพูดด้วยเสียงสั่นเครือ "เธอปกป้องไอ้หมอนี่เหรอ"
"ไอหมอนี่ของเธฮคือคนรักของฉันนะ ไซซายะ"
คนรักของฉัน...ของฉัน...
"ไม่จริง!!!!" ไซซายะหอนเสียงดังสะท้อนไปทั่วสวนสาธารณะ ล้มตัวลงไปกลิ้งชัดดิ้นชักงอหมดสภาพ เจ้านายน้อยกล่าวขอโทษแฟนสาวของตัวเอง เธอยิ้มตอบว่าไม่เป็นไร
"ถ้ายูริฮาวด์ไม่รัก ฉันไม่ขอมีชีวิตอยู่!!" หอนสั่งลาเสร็จ คาบุรากิก็ออกวิ่งทันที โดยวิ่งไปทางเรย์ทัน
ไม่ได้การแล้ว ต่อให้เจ้าบ้านั่นเป็นไอบ้า แต่เรื่องบ้าๆนี่ชอบทำจริงเสมอเลยล่ะ
"เรย์ทันช่วยป้องกันหน่อย" เรย์ทันเหมือนจะตามสถานการณ์ไม่ทัน เลยเดินเงอะงะไปขวาง สุดท้ายก็โดนชนปลิวกลิ้งเป็นวงอย่างงดงาม
เพราะผมตกใจเดินไปเลยเผลอใช้เธอโดยลืมไปว่าเธอสู้แรงไซซายะไม่ได้เลยสักนิด
"บ้าเอ้ย เรย์ทันไม่เป็นไรนะ เฮ่ ไซซายะหยุดเดี๋ยวนี้" ผมเห่าพลางวิ่งตามไป แว่วข้างหลังได้ยินเสียงกรีดร้องของแฟนสาวเจ้านายน้อย พร้อมเสียงวิ่งและตะโกนเรียกของเจ้านายน้อย
ไซซายะวิ่งไปเรื่อยๆจนถึงถนนที่มีรถขับผ่าน
"ลาก่อนยูริฮาวด์ ฉันจะตายที่นี่ ฉันรักเธอออออออออ" หยุดบ้าได้แล้วไซซายะ! ผมกำลังจะคลั่งตาย ส่วนยูริฮาวด์ร้องอย่างเสียขวัญ แฟนหนุ่มของยูริฮาวน์ก็วิ่งตามผมมา เรย์ทันที่เพิ่งกลิ้งไปก็วิ่งไปหาไซซายะเช่นกัน
แต่ทุกอย่างไม่ทันการแล้ว...
ร่างของไซบีเรียนยว่งออกไปยังถนนใหญ่ที่มีรถมอเตอร์ไซด์ราคาถูกขับผ่านมาพอดี จังหวะที่กำลังจะชนนั้นเอง...
.
.
.
ไซซายะ พาท
หัวใจของผมเหมือนกำลังแตกสลาย ผมวิ่งไปยังถนนใหญ่เพื่อให้รถชนเพื่อหนีจากความเศร้านี้
ตอนที่มอเตอร์ไซด์ราคาถูกกำลังจะชนผม ตอนนั้นก็เกิดนึกเสียใจขึ้นมาที่ต้องมาตายด้วยของถูก ร่างกายผมต้องถูกชนตายด้วยลีมูซีนเป็นขั้นต่ำถึงจะสมฐานะ แต่จะหักหลบก็ไม่ทันแล้ว ระหว่างที่สิ้นหวัง จู่ๆร่างร่างหนึ่งบนมอเตอร์ไซด์ก็กระโดดออกมาหมุนตัวกลางอากาศสะท้อนเป็นเงาดำจากแสงอาทิตย์บนฟากฟ้า
วินาทีนั้นผมเบิกตากว้าง
ผมได้พบเทพธิดา...
เธอพุ่งตัวมาทางผม สะบัดตัวเตะผมเข้าฝั่งฟุตบาท ก่อนแลนดิ้งลงพร้อมม้วนหน้าหลบรถได้อย่างงดงาม
ม้วนกลิ้งได้สมบูรณ์แบบจนเรย์ทันเทียบไม่ติด
"อันตราย อันตราย" เธอพูดแบบนั้น ก่อนเดินมาทางผม เจ้านายของเธอที่เป็นคนขับมอเตอร์ไซด์หยุดจอดข้างทางแล้ว พวกเจ้านายน้อยกับชูสุมอยก็มาถึงแล้วเช่นกัน
"นี่นายน่ะ เวลาข้ามถนนต้องดูไฟจราจรก่อนรู้ไหม"
"..."
"ไม่รู้เหรอ งั้นเดี๋ยวฉันสอนให้นะ"
"..."
"เอ้อ ลืมแนะนำตัวไป ฉันเป็นพันธ์ชิบะ ชื่อวาคาบะจ้านายล่ะชื่ออะไร"
"ฮัสกี้รากิ ไซซายะ..."
"เห...มีนามสกุลด้วยเหรอ หมาคนรวยนี่ยอดไปเลยนะ" เธฮยิ้มให้ผม รอบตัวผมรู้สึกเหมือนเห็นทุ่งดอกไม้สว่างไสว
ชุสุมอยกับเรย์ทันมองผมด้วยสายตาว่างเปล่า
แต่ใครจะสนล่ะ
ไซซายะ อกหักครั้งแรก และกำลังได้เจอฤดูใบไม้ผลิครั้งใหม่ครับ
----------------จบจริงละ
คำเดิม กูแต่งอะไรวะ 55555555555555
555555555555555555 กูเมา
แม่ม มันมาถึงจุดนี้แล้วหรอ5555555555555555555555555555555555555555555555
แล้วver. นี้ เรย์ทัน จะมีภาคเจ้าแม่กาลีลงไหม....
>>635-636 โอ๊ย แม่ง 5555555555555555555555555 กูหยุดขำไม่ได้ ปวดท้อง นี่มึงกะจะฆาตกรรมกูในวันวาเลนไทน์ใช่มั้ย 555555555555555555555555555555
ไซซายะแม่งอกหักปุ๊บก็มีรักใหม่ทันทีเลยนะะะะ ฮาที่แบบต้องถูกชนด้วยลีมูซีนเป็นขั้นต่ำ ไอ้หมาบ้าาาาา 5555555555555555555
แอบมีหลุดชื่อคาบุรากิมาด้วยนะมึง 5555555555555555555555
>>636 ก๊ากกกกกกกกกกก มึงทำกูลั่นอีกแล้ว โว้ย กูควรจะเศร้าตามแต่กูกลับขำจนน้ำตาไหลไม่หยุด สาสสสส ถือว่าเป็นน้ำตาที่หลั่งออกมาให้รักแรกของไซซายะละกันนะ 555555555555555
ปล. วาคาบะแม่งเท่ว่ะ มีสอนข้ามถนนด้วย
>>625 กูว่าไซซายะอาจจะถูกจับตอนก่อนที่จะรู้ว่าฤดูติดสัตว์คืออะไร แล้วพอจะใช้งานจริงก็พบว่าไม่สามารถทำได้แล้...//โดนกัด
อยากเห็นวาคาชิบะกับซูสุมอยสู้กันจังเลย ถึงวาคาชิบะจะตัวเล็กกว่าแต่ก็หมานินจาเลยนะ
โม่งสารบัญอัพเดตเร็วชิบ 55555
กูขำเสียสติมาก นังฮัสกี้รากิสมกับเป็นร่างแยกของบากะรากิ อะไรคือต้องลีมูซีนฮะะะ 55555555555555 ขำจนทำมือถือร่วง ขำจนปวดท้อง 555555555555555 ขำจนไม่รู้จะพิมพ์อะไรนอกจากขำ 555555555
วาคาบะพันธุ์ชิบะ ต้องชื่อชิวาบะสิวะ! 555555 กูโคตรลั่น โอย เวอร์ชันหมาแม่งงงง
ภาคหมา ใครอยากแต่งต่อตามสบายนะ กูขอจบเท่านั้น 55555555
โอ๊ยจะบ้า ฟิคหมาก็มา สนุกไปอี๊ก 55555 เรย์ทันทำไมนุ่มนิ่มยังงั้นคะลูก
จะว่าไปชิบะมันก็หมาสามัญชน สไตล์บ้านๆ เหมาะกับวาคาบะจริงๆ ด้วยแฮะ
ไซซายะแม่งไซซายะจริงๆ วันหลังถ้ามีใครด่ากูว่าไซซายะกูโกรธนะ กูไม่ได้บ้าเท่ามันนนน5555 ตรงลีมูซีนนี่กูก๊ากเลย ขนาดจะตายก็มิวายเกรียนอีก เกลียดความเป็นไซซายะ 5555 ส่วนชูสุมอย ขนาดเป็นหมากูยังก๊าวใจโดขิโดขิได้ น่ารักกกเรย์ทันตัวสั่นงกๆเลย โฮรกกกก
ชูสุมอยก้มเอาจมูกดันเรย์ทันน่าจะทำท่านี้นะ 5555555555555555
http://imgur.com/hA6G46S
...ถึงกับมีฟิคหมา สัสเอ้ย 5555555555555555 บียอนด์คำว่ากาวแล้วว้อยยยยยย
กูรอฟิควาเลนไทน์ตอนต่ออยู่นะ อีก1ชั่วโมงกว่าจะหมดวันแล้วนะ โม่งฟิคไปไหนนนน
ส่วนฟิคกูเอง เจอฟิคหมาไปกูขำไม่หยุดปรับอารมณ์มาแต่งฟิคตัวเองไม่ได้เลยว่ะ 55555
ฮัสกี้ ซามอย ดีนะไม่มีโกลเด้น บ้านแตกแน่
แล้ว...เรย์ตันเป็นพันธุ์ไรอ่ะ ทิเบตันแมสทิฟฟ์? พุดเดิ้ลใหญ่? หรือพุดเดิ้ลทอย? ชิสุ? อลาสกัน? มัลทีส? ปาปิยอง? เอ่อ ทิเบตันหรืออลาสกันก็ดีนะ เหมาะตอนเจ้าแม่องค์ลงน่ากลัวดี
หรือโกลเด้น? แต่...โกลเด้นมันปัญญาอ่อน ดุคนอื่นไม่เป็นนะ
>>663 เรย์ทันเป็นอเมริกันค็อกเกอร์สแปเนียล
http://imgur.com/7o10IXS สีหน้าตอนมองเจ้าโง่ไซซายะน่าจะประมาณนี้
https://youtu.be/2o3kjhj3k1Y
พวกมึงงงงง กูเป็นหนักแล้วเจอฟิคพวกมึงกูดูอันนี้นึกว่าเอ็นโจเต๊าะท่านเรย์กะ 555555
มึงคะ กระต่ายหื่นนะ... จะดีหรออออ
วันนี้กาวแม่งโคตรฉุนกระทู้เลย เพราะวาเลนไทน์น่ะเหรอ 55555
นึกขึ้นได้ว่าเรย์กะ พันธ์อเมริกันค็อกเกอร์สแปเนียล นี่มันก็พันธุ์เดียวกะเลดี้ใน Lady and the Tramp เลยนี่หว่า
http://gph.is/1sD8P5r
ทำไมวาเลนไทน์กับมู้นี้ถึงฟินกับฟิคหมาวะ555555555555555
โอย...นี่ขนาดกูอยู่ห่างๆวงน้ำ(กัญ)ชาและกาวของพวกมึงแล้ว กูยังโดนฟิคหมาเข้าไปเต็มๆ ฮาฉิบหาย 55555+
มา >>635-636
ฉันอยู่ที่นี่มาได้หนึ่งเดือนแล้วล่ะค่ะ
แม้จะไม่ชินกับสภาพแวดล้อมนัก แต่ก็ค่อยๆปรับตัวได้เรื่อยๆ ที่นี่น่ะมีเพื่อนหมามากมายหลายสายพันธุ์เลยล่ะ แบ่งเป็นกลุ่มหมาพันธ์ทั่วไปกับหมาชั้นเลิศ ฉันได้อยู่ในกลุ่มหมาชั้นเลิศอย่างงงๆ มันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนักหรอก เพราะกะหมาทั่วไปฉันก็เป็นมิตรกับเขา และไปคุยเล่นด้วยกันบ่อยๆ
แต่ไม่รู้ทำไมเจ้านายน้อยถึงชอบพาฉันไปเดินเล่นกับคู่หมาใหญ่สองตัวนั้นก็ไม่รู้เนี่ยซิ
เพื่อนหมาสาวๆหลายตัวต่างพากันเห่าอิจฉาทุกครั้งเลยล่ะค่ะ บอกว่า "ดีจังเลยค่ะ ท่านเรย์ทันที่ได้ไปเดินเล่นกับท่านไซซายะและท่านชูสุมอยที่เป็นหมาชั้นเลิศทั้งคู่เลยน่ะ~"
ไม่เห็นน่าอิจฉาเลยค่ะ! ทั้งสองตัวน่ะตัวใหญ่กว่าฉันอีกสองเท่าเลยนะคะ เวลาโดนมองลงมาจากข้างบนน่ะเหมือนจะถูกขย้ำได้ทุกเมื่อเลยล่ะ! น่ากลั๊ว!
กับไซซายะน่ะไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ หลังจากมาอยู่ที่นี่ได้ไม่กี่วันฉันก็จัดเขาในหมวดหมาบ้าพลังไปแล้ว ถ้าหลบได้ก็ไม่มีปัญหานักหรอก ถึงส่วนใหญ่จะหลบไม่เคยได้เลยก็เถอะนะ...
แต่เทียบกับชูสุมอยแล้ว เขาน่ากลัวกว่าเยอะเลยล่ะ ชูสุมอยหน้าตายิ้มๆเป็นมิตรตลอดเวลาจนไม่รู้เลยล่ะว่าคิดอะไรอยู่ แล้วเขาก็มักจะจับตามองฉันตลอด เวลาออกไปเดินเล่นก็ตามติดฉันไม่หยุดเลยล่ะ แง้ เหมือนกับสุนัขล่าเหยื่อเลยล่ะ เขาจะต้องหาโอกาสเชือดฉันที่เป็นหมาเล็กอยู่แน่ๆ! น่ากลัวๆๆ
หากมีโอกาส ตอนอยู่ที่บ้านฉันก็จะไม่เข้าใกล้สองตัวนี้เลยล่ะค่ะ ขอพื้นที่ความสงบให้ฉันเถอะค่ะ!
แต่ว่าหลังจากวันนั้นที่ไซซายะพยายามจะวิ่งไปให้รถชนแล้วได้พบกับหมาบ้านๆพันธุ์ชิบะตัวนั้น ความสงบสุขของฉันก็พังทลาย
"นี่เธอน่ะ"
"คะ? "
ขณะที่ฉันกำลังกินอาหารเม็ดอย่างเพลิดเพลิน ไซซายะก็เข้ามาหาฉัน พร้อมกับชูสุมอยที่จับตามองฉันอยู่เช่นเดิม
"เธอเพิ่งจะเข้ามาที่บ้านนี้ได้ไม่นาน ดังนั้นฉันจะรับน้องให้เธอเอง!"
เป็นบ้าอะไรมาอีกล่ะคะเนี่ย?
"ฉันขอมอบภารกิจสปาย! ให้เธอออกไปตามสืบเรื่องของวาคาชิบะ ว่าเธออยู่ที่บ้านไหน!"
"หา!?"
ฉันกับชูสุมอยเห่าเสียงหลงออกมาแทบจะพร้อมกัน ก่อนที่ชูสุมอยจะเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย
"ไซซายะจะให้เรย์ทันไปสืบได้ยังไงล่ะ นายก็รู้นี่ว่าเจ้านายไม่ยอมให้พวกเราออกจากบ้านเองน่ะ"
"ใช่แล้ว! ก็เพราะอย่างนั้นถึงต้องให้ยัยนี่ไปไงล่ะ! ตัวเล็กๆแบบนี้เข้าออกง่ายเจ้านายไม่รู้ตัวหรอก!"
"เห----แต่ว่า... "
"เงียบน่าชูสุมอย นี่เป็นภารกิจสปายเพื่อทดสอบไงล่ะว่ายัยนี่เหมาะจะอยู่ในกลุ่มหมาชั้นเลิศอย่างเราจริงหรือไม่!"
ฉันก็ไม่ได้อยากอยู่อยู่แล้วอะคะ งั้นไม่ทำก็คงได้ซินะ
"ถ้าภารกิจสำเร็จ ฉันจะยอมยกขนมชั้นดีให้กับเธอหนึ่งสัปดาห์เลย!"
"จริงเหรอคะ!?"
ฉันร้องเสียงหลง ไซซายะก็แยกเขี้ยวยิ้มให้ หางกระดิกไปมาอย่างชอบใจ อุหวาๆ แย่แล้ว! ติดกับซะแล้ว!
"ฉันให้เวลาหนึ่งสัปดาห์! ทำภารกิจให้ดีๆล่ะ ยัยเบ๊!"
เบ๊เหรอคะ? สปายไม่ใช่เหรอคะ สปายน่ะ
"ช่วยไม่ได้ล่ะนะเรย์ทัน" ชูสุมอยพูดส่งท้าย ยังยิ้มๆแบบเดิม จริงๆแล้วกำลังหัวเราะเยาะฉันอยู่ซินะ! แง่ง!!!!
×××××
ฉันพาร่างหมาตัวน้อยๆออกมาจากคอกหมาชั้นเลิศด้วยสภาพจิตใจห่อเหี่ยว ไปที่สนามหญ้าที่มีหมาทั่วไปวิ่งเล่นกันอยู่
"เรย์ทันเป็นอะไรรึเปล่า?" อากิตะว่าคุงเห่าเรียก อากิตะว่าคุงเป็นเพื่อนหมาใจดีของฉันตัวแรกที่บ้านนี้เลยน่ะค่ะ
"มีปัญหาอะไรเหรอครับ?" จ่าฝูงถามขึ้นขณะเดินเข้ามาหา ฉันไม่แน่ใจว่าเขาชื่ออะไร แต่ทุกคนเรียกเขาว่าจ่าฝูง เป็นหมาพันธ์ดัชชุนที่แอบหลงรักมิฮาว่า หมาพันธ์ชิวาว่าอยู่แล้วมักจะมาปรึกษาเรื่องความรักกับฉันบ่อยๆ
"เครียดบ่อยๆไม่ดีต่อสุขภาพขนลอนสวยๆของอาจารย์นะครับ!" เป็นอิวาลิชคุง หมาพันธุ์อิงลิชบูลด็อก ตั้งแต่พบกันครั้งแรกเขาก็หลงใหลในขนลอนยาวของฉันเข้าอย่างจัง บ่นๆว่าทำไมบูลด็อกถึงไม่เป็นพันธุ์ขนยาวบ้างนะอยู่บ่อยๆล่ะ
มีหมาทั่วไปหลายตัวเลยล่ะนะที่เป็นเพื่อนฉัน แต่ก็มีอีกจำนวนมากเลยล่ะค่ะ ที่พอเห็นจี้รูปดอกโบตั๋นสีแดง สัญลักษณ์ของกลุ่มหมาชั้นเลิศที่ปลอกคอก็รีบเผ่นไปซะก่อน
แง้ นี่แค่จี้เองค่ะ อย่ากลัวฉันเลยนะคะ~ ฉันเป็นแค่อเมริกันค็อกเกอร์สแปเนียลธรรมดาๆเองค่า~
พอคิดถึงภารกิจที่ต้องทำก็เอาต้องถอนหายใจจนลงไปนอนแผ่กะพื้นเลยล่ะค่ะ
"ทุกคนคะ ถ้าภารกิจล้มเหลวเก็บกระดูกฉันด้วยนะคะ~"
----------
นี่กูแต่งอะไรด้วยวะ 55555
ทำไมวาเลนไทน์มันมีแต่หมาวะเนี่ย555555555555555555555555555555
ขำจนไม่รู้สึกอย่างอื่นแล้ว555555555555555555
ไปอ่านตอนใหม่ในแมวดุ้นแล้วว ซากุระกับท่านเรย์กะน่ารักอะ อุเฮะเฮะ ขำดูเอ๋อๆนะท่านเรย์กะ5555
ก๊อกๆ ขัดจังหวะฟิคหมาแป๊บ ใครก็ได้ช่วยจับไซซายะล่ามไว้ให้ด้วย เดี๋ยวมันวิ่งมากัดกู
เอาตอนใหม่มาลงไว้ให้ล่ะนะ ถึงเอ็นโจจะไม่โผล่แต่ใจกูก๊าวตอนนี้มากกกกกกกกกกกกก ซากุระจังแม่งน่ารักกกก ท่านเรย์กะก็น่าร้ากกกกกกกกกกกกก ตลกนาง ว่าคนอื่นไม่ได้ดูตัวเองเลย แต่ละอย่าง
อันนี้กูอ่านแบบติดฟิลเตอร์นะ แต่ละอย่างที่ซากุระจังทำนี่มันท่าเดียวกับเอ็นโจเลยนี่หว่า ยิ้มคลุมเครือๆ คอยสอดส่องอีกฝ่ายแล้วดูว่าเขาหวั่นไหวเรื่องอะไรนี่ หรือว่าแม่งเป็นวิชาที่พวกลูกคุณหนูชั้นสูงจะต้องรู้กันหมดวะ มีเรย์กะกับคาบุรากิเป็นไอ้บ้ากันอยู่สองคนเลยทำไม่เป็น ถถถถถถถถถถถถถถ
ซากุระจังน่าร้ากกกกก ลาสต์บอสชัดๆ
>>683 โย่วโม่งแปล บากะรากิกับเรย์กิใช้ความน่าเกรงขามเวลาองค์ลงเข้าข่มว้อย วิชงวิชาแบล็คเมล์ไรไม่จำเป็น ติงต๊องอย่างเดียวพอ555555555
ตอนนี้แม่งยูริอีกแล้ว ซากุระจังซึนเดเระ เรย์กะนี่เจอแฟนสาว(?)ซึนเดเระตลอด ริรินะก็คนละ จะว่าไปในสายตาคนนอกในงานหิ่งห้อยก็เห็นเอ็นโจกับเรย์กะกระหนุงกระหนิงกันสินะ หึหึ
ปล. จักรพรรดินีคงไม่ใช่ไมฮามะแล้วล่ะ น่าจะเป็นเธอมากกว่านะ ซากุระจัง
ซากุระก็เคยบอกอยู่นี่ว่า เรื่องไมฮาระเป็นจักรพรรดินีแค่คิดไปเอง บารมีไมฮามะไม่ถึงหรอกน่ะ 5555
จักรพรรดินีตัวจริงคงเป็นซากุระนั่นล่ะ แหม่ เรย์กะ รอบๆตัวมีแต่พวกรอยัลๆทั้งนั้น 55555555555555555
ขอบคุณโม่งแปลน้าาา ลาสบอสซากุระออกโรงง
พออ่านจบแล้วกุนี่อยากเห็นซากุระจังเจอกับริรินะเลยอ่ะ จะมีศึกชิงเรย์กะเกิดขึ้นมั้ย55555555
กูก็เคยคิดนะว่าซากุระจังไม่ธรรมดา แต่ไมฮามะเห็นแล้วถอยกรูดขนาดนี้เลยเหรอ 5555
สมแล้วที่ซากุระจังท่าทำไม่แยแสไมฮามะมาตั้งแต่แรก บารมีมันผิดกันสินะ! ที่ยูริมิยะนี่ท่าทางน่าสนุกจัง แต่ดูจากการที่ว่าตอนแรกตกเป็นเป้า เดิมซากุระคงสวมบทเรียบร้อยด้วยรึเปล่า? เป็นแม่มดสวมหนังแมว พอมาเป็นเพื่อนกับเรย์กะที่เป็นแกะห่มหนังหมาป่าแล้วเข้ากันดีจัง คู่นี้น่าจิ้นยูริ ฮิโยโกะซามะทำกูเดินไม่ตรงทางแล้ว ตกลงพระเอกอยู่ไหน กูจะอวยยูริแล้วนะ ทั้งวาคาบะทั้งซากุระน่ารักกันทั้งนั้นเลย
ฮาเร็มยูริของเจ้าแม่เรย์กะ พระองพระเอกไม่ต้องแล้วอีหรอบนี้!
สนับสนุนให้ติดแท็ก Yuri อย่างเป็นทางการ
กูวิ่งในทุ่งลิลลี่เบ่งบานแล้ว ท่านเรย์กะไปว่าเขาว่าแบล็คเมล์ไม่ดีแล้ววันก่อนที่องค์เธอลงเรียกว่าอะไรร
กูเชียร์ท่านพี่.... ภาพน้องสาวไร้ที่พึ่งถือตุ๊กตาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้มาเคาะประตูพี่ชายนี่แบบ โมเอ้! บ้าจริงที่ท่านพี่ลงหลักปักฐานกับท่านอิมาริเพราะไม่มีสาวใดจะน่ารักน่าเอ็นดูเท่าน้องสาวใช่มั้ยคะ ใช่มั้ย ฟฟฟ
ปล.กูรอบ้านผีสิงบากะรากิโคตรๆ แค่ชื่อก็ดูจะมีอะไรฮาๆออกมาแล้ว
>>702 ยูกิโนะเอามาฝากเลี้ยงไว้ที่บ้านคิโชวอิน บอกตัวเองเป็นหอบหืดเลี้ยงหมาไม่ได้ จำใจต้องฝากคุณพี่เรย์กะไว้ดูแลชั่วคราว หมาตัวนี้น่าสงสารมากเลย คุณพี่เรย์กะลำบากใจก็ไม่เป็นไรนะฮะ //พูดด้วยท่าทางเศร้าๆ
พอเรย์กะรับฝากไว้ก็ตามไปทุกหนทุกแห่ง ทั้งอ้อน ทั้งจุ๊บ เรย์กะจะนั่งข้างท่านพี่ ชูสุมอยก็จะกระโดดมาแทรกกลาง แล้วนอนหนุนตักเรย์กะ เอาขาหลังถีบท่านพี่ออกไปห่างๆ ท่านพี่ก็ไปปรึกษากับอิมาริเรื่องหมากวนตีน หามาตรการกำจัด ถถถถถถถถ
อีกไม่นานจะมู้4แล้วนะพวกมึง มาตั้งชื่อรอกันก่อนมะ
กูอยากอ่านฟิคที่เรย์กะ(นิยาย)ตายแล้วเข้าร่างเรย์กะ(การ์ตูน)ต่ออออ โม่งฟิคที่แต่งเรื่องนี้กูรออยู่น้าาา
กูประทับใจฟิคหมามากจนขอวาดFAเลยค่ะ 555555555
http://imgur.com/a/ZkhOS
สรุปชื่อชูสุมอยที่กูคิดเล่นๆ ดูอาภัพกลายเป็นชื่อเอ็นโจเวอร์หมาอย่างแท้จริงแล้วใช่ไหม อะไรคือบอกตอนหน้าพระเอกทำแต้ม แล้วพวกมึงบอชูสุมอยจะมาแล้ว ใจเย็นพวกมึง กูเริ่มสงสารท่านเอ็นโจ 55555555555555555555555555555555 มอย มอย มอยยยย
วันนี้ไม่มีกาวให้สูดดมเหรอวะ
โม่งโรงงานกาวv.เรย์กะซามะเกอิชายังอยู่แถวนี้อึกป่าววะ อย่าพึ่งทิ่งกูไป กูยังอยากซูดกาวกลิ่นนี้อยู่!!!!
ปล.วันนี้กูนั่งไล่ดมกาวตั้งแต่เรือแรกจนถึงกาวล่าสุดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว จนงานถามกุเลยเป็นไรหัวเราะอยู่คนเดียว นี่กุซูดกาวจนเยิ้มไปแล้ว!?
ชื่อชูสุมอยไม่ดีตรงไหน แม่งฟังแล้วรื่นหูน่ารักจิตายยยย >>717 เห็น fa มึงแล้วกูยากกอดชูสุมอยมากกก ขนแม่งต้องนุ่มสัมผัสใหม่แห่งการนอนแน่นวล คิดภาพตอนเรย์ทันไม่สนใจเลยไปกระแซะๆอ้อนเขาแล้ว หมาตัวใหญ่กระแซะหมาตัวเล็กแม่งโคตรก๊าวใจ ฮรือออิออ ส่วนไซซายะนี่แม่งเป๊ะมาก ไฮเปอร์ชิบหาย 5555
น่ารักอิบบบบบ ชอบภาพชูสุมอยคาบเรย์ทันแล้วมันกร๊าวใจจัง55555555555
มีอากิตาว่าแล้ว ซากุระ ver.น้องหมา เป็นอะไรดีนะ....
กูถึงกับต้องเสริช์หา พันธุ์ของแต่ละคน5555555555555
กู730นะ กูเป็นคนขี้สงสัย งั้นขอถามอีกนิด ยูกิโนะคุงเป็นอะไรดี? ใจจริงอยากให้เป็นปอมๆ...แต่คิดว่านิสัยน้องจะเข้าได้หรือเปล่า55555555
โอเค ขอบคุณมาก จะต้องเป็นยูกิมอยใช่ไหม...55555555555555555555555555555555
ช่วงนี้อยากแต่งฟิคบ้าบอ แต่งหมาแล้วมาแต่งเรื่องบ้าๆภาคต่อไป
สลับร่างอลเวง
------------------
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาเมื่อแสงอาทิตย์ส่องผ่านหน้าต่างมากระทบ รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกเผาไหม้กลางแดดฤดูร้อน แปลกจังเตียงนอนฉันเป็นเหมือนบ้านเจ้าหญิงไม่น่าจะมีแสงส่องถึงโดยตรงนี่นา เลยลืมตาอื่นอย่างมึนงง ค่อยๆคลานออกมาจากกองผ้าห่มแล้วเดินลงจากเตียง
รู้สึกห้องเป็นสีทึบไม่คุ้นตา แต่เพราะง่วงมากเลยไม่ใส่ใจ คงต้องไปล้างหน้าเปลี่ยนชุดให้ตื่นสักหน่อย คิดพลางถอดเสื้อ สุดท้ายก็รู้สึกแปลกๆ
อื๋อ? เมื่อวานฉันใส่กระโปรงนอนนี่คะ ทำไมเป็นกางเกงไปได้ล่ะ แต่เพราะเบลอๆอยู่เลยดึงลงแบบไม่คิดมาก แต่ก็พบกับบางสิ่งปริศนานูนเด่นใต้กางเกงในรัดรูปทรง เล่นเอาตาสว่างแล้วส่งเสียงโหยหวนไปทั่วคฤหาสน์
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!
------------------------------------
ท่านแม่ของท่านคาบุรากิพร้อมคนรับใช้ต่างพากันมาเคาะประตูเรียกชื่อคุณชายคาบุรากิไม่หยุด แต่ฉันยังไม่ยอมไปเปิดประตู
นี่เป็นความฝันสินะ ได้โปรดจงเป็นความฝัน
ฉันเหม่อมองภาพตัวเองที่ตอนนี้ใส่กางเกงเรียบร้อยแล้วในกระจก มือยกมาลูบๆหน้าอกแบนราบด้วยความพิศวง ขนกายของฉันพร้อมลุกชันไปทั้งตัว
"ฝัน ฝัน ฝัน มันเป็นความฝัน นี่ฉันกลายเป็นท่านคาบุรากิเรอะ เหอะ พูดอะไรเป็นนิยายไปได้ " แต่เหมือนฉันเองก็หลุดเข้ามาในโลกการ์ตูนนี้ราวๆสิบกว่าปีแล้ว เรื่องสลับร่างเหมือนจะสามัญธรมดาไปเลย คิดแล้วน้ำตาก็ไหล ได้แต่หัวเราะ ฮ่าๆๆ ออกมาอย่างขมขื่น
ไม่เอา! หนูไม่อยากมีแท่งตรงกลาง!
"คุณมาซายะ เกิดอะไรขึ้นคะ" ท่านแม่ของคาบุรากิไขกุญแจประตูเข้ามาพร้อมกับพวกคนรับใช้ ก่อนกรีดร้องกับสภาพสิ้นหวังน้ำตาท่วมหน้าของฉัน เธอวิ่งมาหาฉัน กอดปลอบประโลมอย่างทำตัวไม่ถูก
สัมผัสอบอุ่นนุ่มนิ่มเหมือนจริงสุดๆ ไม่ใช่ฝันสินะ ไม่ใช่ฝัน....
เรื่องแบบนี้ยังไงก็ฝันแน่ๆ ตื่นได้แล้วตัวฉัน!
ฉันส่งเสียงร้องรวบรวมพลังคอสโม่ โหม่งหัวเข้ากับขอบโต๊ะสุดแรงเกิด
"คุณมาซายะ!!!"
เหมือนจะเห็นทุ่งดอกไม้ทางอีกฟากของแม่น้ำเลยล่ะค่ะ น่าข้ามไปจังเลย แต่เห็นตุ๊กตท่านฮินะโบกมือเรียกหา เล่นเอาขนหัวลุกวิ่งกลับไปที่ที่จากมาแทบไม่ทัน
"คุณมาซายะ เป็นอะไรไปคะลูก"
ฉันอยู่ในร่างคาบุรากิ เป็นไปได้อย่างมากว่า คาบุรากิจะอยู่ในร่างของ...
"ฉันจะไปบ้านคิโชวอิน!!"
...........................................
คุณแม่ของฉันมาต้อนรับตัวฉันในร่างคาบุรากิและเอ็นโจวที่ฉันลากมาด้วยเผื่อช่วยอะไรได้บ้างในฐานะเพื่อนสนิทของท่านคาบุรากิ เธอมองมาทางพวกเราด้วยรอยยิ้มมีเลศนัยและเอ็นโจวก็มองมาทางฉันอย่างสงสัยงุนงงไม่แพ้กัน
ท่านแม่คะ ไม่มีอะไรในกอไผ่ค่ะ ลูกสาวท่านกลายเป็นตัวผู้ไปแล้วค่ะ
"รอสักครู่นะจ๊ะ เรย์กะกำลังแต่งตัวอยู่"
"ไม่เป็นไ.... หา!!! แต่งตัว!!"
ฉันลุกขึ้นพรวด เล่นเอาท่านแม่ตกใจจนร้องอุทานขึ้นมา ท่านเอ็นโจวเองก็เหมือนจะแอบตกใจเช่นกัน แต่ตอนนี้ฉันไม่สนแล้ว ฉันวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดขึ้นไปยังห้องของตัวเอง
จะให้เห็นพุงที่พยายามซ่อนอย่างดีในเสื้อผ้าไม่ได้เด็ดขาด!!!!
พอถึงห้องแล้วพยายามเปิดประตู แต่มันดันล๊อค แต่ฉันมีทริกลับเล็กน้อยกับห้องของตัวเองเลยเปิดมันออกได้ทันทีเผื่อเผลอล๊อคแล้วขี้เกียจไปเอากุญแจ จึงประโจนเข้าไปในห้อง
เข้าไปปุ๊บก็เจอหญิงสาวในชุดองค์หญิงอังกฤษเต็มยศพร่างพราวไปด้วยเครื่องประดับ เล่นเอาเบลอไปหมด
ใครฟะ...
เธอยังคงไม่สนใจการปรากฏตัวของฉัน หมุนซ้ายหมุนขวาอยู่หน้ากระจก พยักหน้าขึ้นลงส่งเสียงอืมในลำคออย่างพึงพอใจแล้วบอกว่าสมบูรณ์แบบ
"เอ่อ...คุณเป็นใคร" หญิงสาวที่ตอนแรกฉันยังเห็นหน้าไม่ชัด หันกลับมาพร้อมผมลอนที่เป๊ะกว่าทุกครั้งที่เคยทำ พอเห็นเต็มๆแล้วถึงกับต้องอุทานในใจอย่างไม่อยากเชื่อ
นั่นมันฉันเรอะ!!!
"มาซายะ! นายวิ่งไปไหนของนาย....คุณคิโชวอิน?" ท่านเอ็นโจวที่วิ่งตามมา พอมองเห็นร่างของฉันในห้องก็เหมือนจะนิ่งอึ้งพอกัน
"เธอ..คิโชวอินสินะ" ร่างของฉันพูดด้วยท่าทางเชิดมั่น จนรู้สึกเท้ากระตุกแปลกๆ หยุดเอาฉันไปทำท่าทางกร่างแบบนั้นเดี๋ยวนี้นะ ภาพลักษณ์ที่สั่งสมมาป่นปี้หมดแล้ว ฉันมองท่าทางนั้นด้วยตัวสั่นระริก ท่านเอ็นโจวเองก็ดูงุนงงกับคำพูดของท่านคาบุรากิในร่างของฉันเช่นกัน
"เธอน่ะมันใช้ไม่ได้"
"หา?"
จู่ๆก็โดนด่าซะงั้น ฉันเลยเหวอไปเลย ท่านคาบุรากิในร่างของฉันเดินเข้ามาที่ตัวฉันแล้วจิ้มหน้าดังจึกแล้วบอกว่า ห้ามเอาร่างของเขาไปทำหน้าเอ๋อๆแบบนั้นเด็ดขาด ฉันก้มลงไปโอดโอยบนพื้น ฟังท่านคาบุรากิสวดยับต่อ
"เธอม้วนผมภาษาอะไรถึงได้มีผมบางส่วนม้วนกลับข้างหา!! ลำบากฉันต้องมาม้วนให้ไปทางเดียวกันเลยเห็นไหม ความเรียบร้อยรอบคอบไม่มีเลยนะเธอน่ะ ไม่ได้เรื่อง!!"
นั่นมันผมฉันนะคะ ถ้าฉันอยากจะม้วนกลับด้านทั้งหัวมันก็เรื่องของฉัน!!
"แล้วก็นี่.." ท่านคาบุรากิยกมือขึ้นมาบีบพุงของร่างของฉัน จนแผละออกมา ฉันกรีดร้องโหยหวน ท่านเอ็นโจวมองตาโต
"บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้ไปออกกำลังกายซะ อดอาหารไม่ช่วยอะไรหรอกนะ!!"
"หยุดนะ อย่าพูดนะ!! ท่านเอ็นโจว อุดหูปิดตาเดี๋ยวนี้นะ!! แงงง" ฉันโวยวาย วิ่งเอามือไปปิดตาท่านเอ็นโจวที่กำลังมองท้องของฉัน คาบุรากิเห็นเต็มๆว่าแย่แล้วจะให้คนอื่นเห็นไม่ได้อีกเด็ดขาด เจ้าบ้ารากิยังคงมองฉันพร้อมบีบนวดพุง ปากพล่ามไม่หยุดว่าจะบีบให้แฟ่บเลย หยาบคายที่สุด!! โกรธแล้วนะ!
"หยุดเอาร่างของฉันไปทำอะไรเสื่อมเสียเดี๋ยวนี้น้า!!!"
-----------------
สุดท้ายเหตุการณ์ก็สงบลง เมื่อฉันเข้าไปเขย่าท่านคาบุรากิจนอีกฝ่ายพะอืดพะอม ลำบากท่านเอ็นโจวต้องมาจับแยก ท่านเอ็นโจวมองมาทางพวกเราสองคนเหมือนต้องการขอคำอธิบาย เลยต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ยิ่งพูดสีหน้าของท่านเอ็นโจวยิ่งดูไม่ได้ เล่าจบท่านแม่ก็ตามมาถึงห้องของฉันพอดี เลยต้องขอโทษยกใหญ่แล้วขอคุยกับร่างตัวเองเป็นการส่วนตัว ท่านแม่ไม่คัดค้านแถมยิ้มหน้าบาน จากไปพร้อมบอกว่าไม่อยากรบกวน เลิกจินตนาการได้แล้วนะคะท่านแม่ ลูกสาวท่านโดนกระทำอย่างหยาบคายเลยนะคะ รู้ไหม!!
"ต่อให้ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อสินะ" ท่านเอ็นโจวพูดพลางถอนหายใจ "คุณคิโชวอินคงกลัวมาก..." ใช่ค่ะ กลัวสุดๆ ตื่นเช้ามาก็เจอมังกรพันปี เล่นเอาหูตาสว่างไปหมด ตอนแต่งตัวนี่ต้องใช้ความพยายามในการปิดตาใส่เสื้ออย่างมาก พอคิดถึงความลำบากในการใส่เสื้อแล้ว... ฉันก็มองไปยังร่างของฉัน
ร่างของฉันอยู่ในชุดเจ้าหญิงตะวันตกที่ท่านแม่เคยซื้อมาให้ แต่ฉันปิดผนึกลงในตู้ด้วยความสะพรึง ไม่คิดว่าจะมีวันได้สวมใส่มัน เสื้อผ้าแบบนี้ใส่ยากสุดๆ แล้วเจ้าบ้าคาบุรากิใส่ได้ยังไง นายเห็นอะไรบ้างแล้วห๊ะ
"มาซายะ นายเปลี่ยนเสื้อด้วยตัวเองเหรอ" คำถามที่ฉันไม่กล้าถามท่านเอ็มโจวกลับถามแทนขึ้นมา
"ใช่สิ" หน้าของฉันดำไปครึ่งแทบ แต่แอบแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นมุมปากท่านเอ็นโจวกระตุก
"ขัดตามานานแล้วล่ะ ผมม้วนลอนขนาดนั้นแท้ๆ แต่แต่งตัวค่อนข้างสามัญชะมัด พอดีเห็นชุดนี้ในตู้คิดว่าความจริงรสนิยมก็ไม่เลวนี่เลยลองเอามาเปลี่ยนดู" เหมือนจะได้ยินเสียงตานั่นบอกว่า อยากลองจับฉันแต่งมานานแล้ว...ไม่ต้องการเลยค่ะ เดี๋ยวสินั่นไม่ใช่ประเด็น
"เดี๋ยวสิคะ แบบนี้ท่านคาบุรากิก็เห็น...เห็น..."
"อะไร" ท่านคาบุรากิมองมาที่ฉันอย่างไม่เข้าใจ
"เห็น....เห็น..." จะให้พูดได้ยังไงว่า เห็นร่งกายของฉันโป๊เปลือย แค่จะออกปากพูดก็เหมือนจะขาดใจตาย ถ้าพูดอกไปนี่ไม่ตายเลยเหรอ
"มาซายะ คุณคิโชวอินเป็นสุภาพสตรี นายไม่ควรมาเปลี่ยนเสื้อผ้าตอนที่อยู่ในร่างของเธอตามใจชอบนะ" ท่านเอ็นโจว ขอบคุณค่ะ ครั้งนี้จะยอมแสดงสีหน้าซาบซึ้งให้คุณสักครั้ง ติดหนี้อะไรก็ยอมแล้วค่ะ ฮืออออ
"หมายถึงโป๊เรอะ" กรี้ด! หุบปาก! ใครใช้ให้พูดตรงๆยะ
"ยัยนั่นก็เปลี่ยนเสื้อของฉัน ก็เห็นเหมือนๆกันไม่ใช่เรอะ"
"ก็จริ... เดี๋ยวสิคะ ไม่ใช่แล้ว ดูยังไงฉันก็เสียหายนะคะ!" เผลอคล้อยตามไปนิดกับเจ้าบ้ารากิ ไม่ได้นะคิโชวอิน เรย์กะ มาอยู่ร่างนี้แล้วสมองจะบ้าบวมตามเจ้าของร่างไม่ได้เด็ดขาด!!
"หา? ต่างคนต่างเห็นมันก็แฟร์ๆแล้วนี่" ไม่เลย ไม่แฟร์เลยค่ะ!!
"มาซายะ คุณคิโชวอินเป็นผู้หญิงนะ" ฉันโมโหจนหน้าแดงก่ำ พูดไม่ออก คำด่าจุกที่ลำคอ ท่านเอ็นโจวพยายามแก้แต่งให้ฉัน ขอบคุณอีกครั้งจริงๆค่ะ ท่านเอ็นโจว
"แบนขนาดนั้น เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง มันก็ไม่ต่างกันหรอกน่า"
เปรี๊ยะ!
เหมือนฉันจะได้ยินเสียงบางอย่างในหัวแตกร้าว
ฉันลุกขึ้นไปหยิบพัดที่ถูกผนึกไว้ในกระเป๋าของตัวเองบนโต๊ั สะบัดพรึบแล้วฟาดหน้าท่านคาบุรากิทันใด
--------------
"ฮึกฮืออออ"
"คุณคิโชวอิน.."
"ฮือออ ขอโทษนะ ร่างกายของฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจ" ฉันร้องไห้ขอโทษร่างกายของฉันที่สลบเหมือดไปแล้ว ต้องเพราะสมองของร่างนี้แน่ๆท่ทำให้ฉันควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ฮอรฺโมนเลือกร้อนของบากะรากิช่างน่ากลัวจริงๆ
"อุ้มร่างของคุณไปพักผ่อนก่อนเถอะนะ"
"ขอบคุณค่ะท่านเอ็นโจว ขอโทษที่รบกวนนะคะ" ท่านเอ็นโจวยิ้มให้ฉัน บอกว่าไม่เป็นไร แล้วอุ้มตัวฉันขึ้นไปนอนบนเตียง แล้วเดินกลับมาทางฉันที่ยังร้องไห้ไม่หยุด
"ฉันเป็นเจ้าสาวไม่ได้แล้ว ฮือออ" คิดถึงเรื่องโดนเห็นอะไรๆไปหมด แล้วใจพลันหดหู่ เป็นเจ้าสาวไม่ได้แล้ว จะให้เจ้าบ้าคาบุรากิแต่งงานชดใช้ก็ไม่เอาด้วยหรอกนะ!
"ไม่เป็นไรหรอกครับคุณคิโชวอิน ผู้ชายดีๆเขาถือเรื่องนี้หรอกนะ"
"เอ๋ ฮึก... จริงเหรอคะ" ฉันเงยหน้าเปื้อนน้ำตามองไปทางเอ็นโจว ท่านเอ็นโจวชะงักไปเล็กน้อยเหมือนจะไม่ชินกับภาพเพื่อนตัวเองร้องไห้ขี้มูกโป่ง
"จริงครับ...เหมือนอย่างผมก็ไม่ถือเหมือนกัน"
"งั้นก็ค่อยโล่งอกหน่อย" ฉะนมองไปยังร่างตัวเองที่หลับอยู่บนเตียง หน้าช้ำไปครึ่งแถบ ถ้ากลับร่างไปตอนนี้เจ็บสุดๆแน่นอน แค่คิดก็รู้สึกเสียววาบที่แก้ม เลยยกมือขึ้นมาถูๆปลอบว่าคงไม่เจ็บขนาดนั้นหรอกมั้ง
ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ทั้งฉันทั้งท่านเอ็นโจวไม่รู้จะพูดอะไรกัน
แต่เหมือนฉันจะเจอปัญหาแล้วค่ะ
"ท...ท่านเอ็นโจว"
"หืม?"
"ฉ..ฉัน"
"ครับ"
อับอายที่สุด นี่ต้องพูดจริงๆเหรอ
สุดท้ายฉันก็กลั้นใจพูดออกไป
.
.
.
.
.
"ฉันอยากเข้าห้องน้ำค่ะ"
--------------------------------------------------------------
เช้าวันใหม่สดใส ฉันค้นพบว่าฉันได้กลับร่างเดิมแล้วพร้อมใบหน้าที่ปวดร้าวไปครึ่งซีก
ตอนแรกคิดว่าจะลาหยุดเรียนดีไหม แต่วันนี้มีสอบย่อย เลยเอาเครื่องสำอางอำพรางหน้าไปชั่วคราวก่อน วันนี้เลยแต่งหน้าหนาเป็นพิเศษแล้วก็ไปโรงเรียน
พอลงจากรถก็บังเอิญเจอท่านเอ็นโจว หน้าของฉันพลันแดงก่ำ ท่านเอ็นโจวก็ชะงักเช่นกัน ฉันก้มหัวทักทายอย่างเงอะงะ
"อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านเอ็นโจว"
"อรุณสวัสดิ์ครับ คุณคิโชวอิน คืนร่างแล้วสินะ" เสียงของท่านเอ็นโจวก็ดูกระดากอายกว่าทุกครั้งที่พูดคุย
"ใช่ค่ะ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกันจู่ๆถึงสลับร่าง"
"นั่นสินะ"
ทักทายเสร็จทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ เราสองคนเดินเข้าโรงเรียนไปพร้อมกัน ฉันยังคงหน้าแดงก่ำพอนึกถึงเรื่องเมื่อวาน
ฉันจะไม่มีทางให้ใครรู้เด็ดขาดว่าฉันต้องให้เอ็นโจวสอนวิธีเข้าห้องน้ำแบบตัวต่อตัว!
ทางท่านเอ็นโจวขอตัวไปยังห้องเรียนของตัวเองส่วนฉันเองขอไปห้องพยาบาลเพื่อเอายาแก้ปวดก่อน
ระหว่างเดินไปก็เจอกับท่านคาบุรากิที่เดินสวนมา เขาออกปากทักทายฉัน
"เฮ้ คิโชวอิน เมื่อวานสนุกดี ไม่รู้ว่าเป็นไงมาไง แต่หวังว่าไว้เรามาทำกันอีกนะ!" พูดเสียงดัง จนคนที่อยู๋รอบด้านต่างกรี้ดกร้าด เลิกพูโสองแง่สองง่ามสร้างข่าวลือผิดๆเซ่ แล้วนั่นนะเดินลอยหน้าลอยตาไปไหน กลับมาเดี๋ยวนี้นะ!! เจ้างั่งเอ้ย!!
-----------
จบ
โว้ยยยยยยยยยย บ้ารากิ55555555555555 ท่านเอ็นโจก็คือ ท่านเอ็นโจ ขนาดนี้แล้วยังหลอกตะล่อมสาวเจ้าอีก
โม่งฟิคเอ็นโจเลี้ยงต้อยยังอยู่ป่ะวะ กุชอบฟิคมึงมาก ถูกใจหมีแบบกุอยากรู้มันจะเป็นยังไงต่อ
นี่มันช่วงทวงฟิคกันซินะ 5555 กูทวงด้วย ทวงทุกฟิคเลย ในสารบัญกูอยากใส่คำว่า [จบ] ท้ายชื่อให้หมดแล้ว มันค้างคา 55555
http://imgur.com/a/ZkhOS
ลิ้งก์เดิม แต่วาดเพิ่มเติมจาก >>727
โมเม้นท์คนก็ไม่วาด ทำไมกูต้องมาวาดโมเม้นท์หมาด้วยนะ 55555
อ๊ากกกกกกกก โครตน่ารัก ใช้ความตัวใหญ่ให้เป็นประโยชน์555555555555555555555555
ปล.ยังไงกูเผลอมโนไปนู้นว่า ถามมันถึงช่วงฤดูติดสัดจริงๆ เจ้านายควรจะพาเรย์ทันไปซ่อน....
กะกู754 เองนะ พวกมึงแม่ม55555555555555555555 เพราะเป็นน้องหมาแล้ว จะหื่นก็ได้สินะ!55555555555
/เอากี่ตัวดีคะ ชูสุมอย เอาให้มาเป็นเพื่อนยูกิมอยคุงหน่อย
พวกมึงว่าบากะรากิหรือไซซายะสามารถทำอะไรบ้าได้อีกบ้างวะ เผื่อเป็นไอเดียฟิค 5555 กูชอบความบันเทิงของหมอนี่ 555
>>751 เอ็นโจร่างหมาแม่งน่ารักว่ะ ชูสุมอยยยโง้ยยย นุ่มๆฟูๆย้วยๆหนุบหนับๆน้วยเก่ง บรรยายไม่ถูกเอาเป็นว่าน่าจับฟัดมาก กูชอบหมาตอนเวลามากระแซะ แบบเรียกร้องความสนใจต้องการความอบอุ่น อย่างหมาที่บ้านกูตอนกูนั่งเฉยๆก็เดินด๊อกแด๊กๆมา แล้วมาเบียดกระแซะก้นแตะๆขาแล้วนั่งลง มองไปข้างหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น น่าเอ็นดูวววว
เอ็นโจนี่ไม่ว่าจะเวอร์ไหนก็เอะอะเนียนเอะอะกระแซะเอะอะน้วยตลอดสินะ ถถถถภ
ลงตอนใหม่ล่ะนะ อุเคะเคะเคะเคะเคะ
คาบุรากี้!!! นายชมแบบนี้หาเรื่องให้สาวโดนแกล้งอีกแล้ว ไปชมลับๆเซ่ไอ้บ้าาาาาา
ส่วนท่านชูสุมอยของพวกเรา กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด กูอ่าน กูลุ้นมาก ตอนโดนสปอยว่าตอนนี้ท่านชูสุมอยทำคะแนน กูอ่านอย่างละเอียด คิดว่าไรว้าาาาาาาาาา และแล้วกูก็ตายบรรทัดสุดท้าย โผล่มาแค่นั้น แต่กูตายยย อิมแพคพร้อมรยยิ้ม เอื้อออออ ฝากลูกผัวข้าด้วย
แล้วนางได้ฉายาใหม่อีกแล้วเรอะ บู้เช็คเทียน ขำแรง 55555 มีการเถียงในใจด้วยว่าเป็นหยางกุ้ยเฟย กูลั่นมาก 55555
นุ้งต่ายยยยยยยยยยยย มาสักทีตอนที่รอมานาน รอแค่ช็อตนี้ล่ะ
โม่งแปลพิมพ์คำตกไปรึเปล่าต้อง "บริการพิเศษ" จากใจ" ผม ซิ อุเคะๆๆ
>>765 โม่งแปลลลล!! /กระโดดกอดมึงจนซี่โครงหัก
เพื่อนโม่งทุกคนแม่งตื่นมาเดี๋ยวนี้! มันมาอีกแล้วเว้ย! มันมาอีกแล้ววววว ความพีคของท่านเอ็นโจชูสุมอยแม่งมาตอนท้ายสุดทุกตอน หิ่งห้อยแม่งก็ครั้งนึงละ นี่มันคือแผนหลอกให้คนอ่านตายใจใช่มั้ยคะฮิโยโกะซามะ แบบ ให้คนอ่านอ่านๆไปด้วยความคาดหวังแต่กลับทำให่คิดว่าคงไม่มีบทเอ็นโจโผล่มา จนรอเก้อ แต่ในขณะที่กำลังถอดใจอยู่นั่นเอง! แม่งก็ปาบอลเกงกิอัดจนหน้าสั่น ตบหัวแล้วลูบหลังชัดๆ! รักจังเลยค่าาาาาาา
ตอนหิ่งห้อยก็โผล่มาบรรทัดท้ายสุด ตอนงาน รร. พี่แกก็ยังโผล่มาให้ท้ายสุดเช่นกัน แถมเป็นกรณีพิเศษด้วย จงใจชัดๆ! ขนาดคนโง่ๆอย่างกูก็รู้ว่านี่แม่งจีบ!
เอาล่ะ โจทย์ต่อไปคือลาเต้อาร์ตนุ้งตาย เราจะแต่งฟิคนี้กัน 99วัน(พ่องง) //ตัดริบบิ้น
กรี้ดๆๆๆ บริการพิเศษ... !!!! นายทำดีมากกกกกก กทสมๆหฝมะแพปปะอปไกฝบไจก่หลฟหกด
ปล. ชาอมตะนี่ได้แรงบันดาลใจจากการที่ท่านเรย์กะชอบไปขลุกตัวอยู่ที่ชั้นเปอติตใช้มั๊ยค้าาาาา!!!!~~
ขอโทษที่ขัดจังหวะนะเพื่อนโม่ง กูสงสัยว่าจุดเริ่มต้นอิมเมจกระต่ายของท่านเรย์กะนี่เริ่มมาจากไหนนะ นี่สับสนระหว่างอฟชกับฟิคกาวไปหมดละ เริ่มแยกแยะไม่ออก อฟชอะไรจะใจตรงกับฟิคกาวขนาดนี้~~~~
อยากได้รูปฉากรอยยิ้มพิฆาตใจตอนท้ายสุดจังค่าา ชูสุมอยน่าฮักขนาดดดด
>>770 ไม่มีตรงๆอะ แต่แฟนไซต์ของยุ่นมีวิเคราะห์ว่า
ตอนทัศนศึกษา ท่านเรย์กะเคยให้อาหารกระต่าย ตอนนั้นเอ็นโจกับคาบุรากิก็อยู่ด้วย
จากนั้นก็มีที่ยูกิโนะบอกว่าท่านพี่ปั้นกระต่ายหิมะให้
แล้วก็ 'R'eika = 'R'abbit
แล้วที่สำคัญที่สุดเด็ดกว่าลาเต้นุ้งต่ายคือ... เหตุการณ์ในอนาคต รอแปลโม่งต่อไป อิอิ
นายบ้ายังไม่ออกโรงง เรารอพบความฮาของพวกนายต่อจากนี้ 5555ึ5555
ท่านเอ็นโจโผล่มาตอนสามบรรทัดสุดท้าย ลาเต้น้องต่ายยยยยย นั่งอ่านแล้วฟินนนน. ขอบคุณโม่งแปลลล
>>770 ต้องบอกว่าฟิคกาวเอามาจากออฟฟิศเชียลมากกว่าอะ เพราะบางคนก็อ่านล่วงหน้า บางคนก็รู้จากสปอยว่าเอ็นโจชอบชมเรย์กะว่าน่ารักเหมือนกระต่าย แต่จุดเริ่มต้นมาจากไหน ฮิโยโกะซามะยังไม่เฉลย
ตอนท้ายนี่กูตายค่ะ เอ็นโจ รักเขาแล้วแน่ๆ เขาไม่มีบัตรคิว ก็ทำให้เป็นกรณี"พิเศษ" เพื่อนกันเขาไม่ทำให้ขนาดนี้ ดีต่อใจกูจริงๆ
เอ็นโจจจจจ ตกลงชอบเขาแล้วใช่มั้ย!? ชอบแล้วใช่รึเปล่า? ชอบเขาเข้าแล้วล่ะสิ! ฮรืออออ กว่าจะแง้มออกมาที จนจบเรื่องกูจะได้เห็นเอ็นโจแสดงออกแบบชัดๆบ้างมั้ย มีแต่หยอดเนียนๆตลอด ไม่พี้กาวมากูอาจจะอึน ไม่ทันคิดแบบท่านเรย์กะนะเนี่ย
แต่แค่เศษเล็กเศษน้อยก็พาให้มีฟิคกาวมาตั้งสิบกว่าเรื่องเลยนะ เป็นคู่เดียวด้วย เรืออื่นจอดอยู่ที่ท่าไม่ขยับละ ถถถ
เด๋วนะๆ ไม่ได้เข้ามาวันสองวันท่านเรย์กะกูกลายเป็นหมาไปได้ไงว่ะ555
ก่อนกัปตันยูกิโนะมา พวกเราก็ดีดกันแรงมากแล้วนะ พอกัปตันนำทัพเลยยิ่งกู่ไม่กลับ ว่าแต่เรือลำอื่นไม่มีเลยจริงๆ //ความจริงคือมี แต่โดนพวกกูกลบรัศมีไปแล้ว55555 ขอโทษนะเพื่องโม่งเรือลำอื่น กูรู้ว่ามีพวกมึงเชียร์เรืออื่นด้วย แต่งมาบ้างสิ กูเองก็อยากอ่านนะ โฮกกกก หรือโมเม้นมโนมันยากจนแต่งไม่ได้วะ555
ที่จริงกูก็เหยียบเรือคาบุรากิกับท่านพี่ไว้อีกข้างนะ แต่ครึ่งตัวลอยลำไปกับเรือเอ็นโจแล้วนี่สิ
กูไปกับเรือเอ็นโจทั้งลำแบบไม่เผื่อใจให้ใครแล้วว่ะ ถ้าไม่เข้าวินกูคงเฮิร์ตหนักมาก
กูขึ้นเรือเอ็นโจชูสุมอยไปแบบกู่ไม่กลับแล้วว่ะ โมเมนต์แม่งรุนแรงสุดทำให้กูก๊าวใจ ออกมาทีกูโดขิโดขิ อฟช. เถอะน้าาาฮิโยโกะซามะ
กราบขอบพระคุณโม่งแปลสำหรับตอนวันนี้ เหมือนเพิ่มกำลังเครื่องจักรให้เรือเอ็นโจ 555
ตอนท้ายอ่านประโยคเดียวของเอ็นโจไป กูร้องแหม!!! เนียนเชียวนะเอ็นโจ ตอนอ่านถึงรุเนะชวนไป กูก็คิดแน่ๆว่า หึๆ อย่างเรย์กะอาะ บัตรคิวไม่ต้อง เป็นไงล่ะค่าา 5555555 ความสเปเชี่ยลนี้มันรุนแรงนัก อ่าา คาบุรากิกับวาคาบะนี้ ก็เรียกว่าสเปเชี่ยลเหมือนกันสิน้าา แหมๆๆๆ ฮิฮิ
โอ๊ยนอนตายบนความฟิน ท่านเอ็นโจคร้าาาาาา ซุยเรนรมควันใส่ไฟเข้าไป ลือเรื่องลาเต้ให้กระจายไปเลย555
ทำไมกุกลัวข่าวของ คาบุรากิกับวาคาบะกลบข่าวเรย์กะว่ะ
บริการพิเศษเป็นลาเต้รูปกระต่ายนี่มันอะไรกันค้าาาาา ท่านเอ็นโจ!!! ฮืออออ กูแยกฟิคกับความจริงไม่ออกแล้ว อมก มาแต่ท้ายตอนก็สุขใจ ไม่มีบัตรแท้ๆ ดันให้สาวที่ชอบเป็นกรณีพิเศษสินะ ฮืออออ
>791 กลัวแต่ไอ้บ้าคาบุรากิจะทำอะไรกลบข่าวเหมือนผ้าขนหนู อยากไปเผาบ้านมัน=^=
>>791 ทำไมกูคิดว่าเอ็นโจใช้คาบุรากิกลบข่าวตัวเองมากกว่าวะ 555555555555555 ตัวเองก็จีบสาวเนียนๆ เพราะมีคนมาเบี่ยงเบนความสนใจไปแล้ว
เห็นอย่างนั้นอีตาคาบุรากิมันป็อบสุดในโรงเรียนนะ แล้วคาบุรากิมันไม่กินของแฮนด์เมดด้วย แต่เสือกกินแล้วไปชมวาคาบะว่าทำอร่อยมาก แล้ววาคาบะก็ยิ่งเป็นที่เพ่งเล็งของสาวๆในโรงเรียน ไม่มีทางที่จะกลบข่าวได้หรอก ถึงเอ็นโจจะทำลาเต้อาร์ตให้เรย์กะก็เถอะ คนนอกคงมองว่าเรย์กะสนิทกับเอ็นโจ เอ็นโจก็เลยทำลาเต้ให้ ไม่ได้มีอะไรในกอไผ่
ทำไมเวลานึกเอ็นโจกะเรย์กะแล้วคิดถึงเพลง you're beautiful eddy kim เพลงมันน่ารักจิงๆ เหมือนเอ็นโจพยายามจะบอกเรย์กะแต่มันก้อพูดตรงๆไม่ออก พยายามชมก้อไม่เชื่อ ซึดดดดดดดกาวมา
https://www.youtube.com/watch?v=iLCZvZ5XeDE
>>791 กูว่าเอ็นโจไม่ได้คิดจะกลบข่าวหรือใช้คนอื่นมากลบข่าวตัวเองอะไรเลย ทำนองว่ามีคนที่เราแอบชอบ เขาแวะมาก็ดีใจมาก อยากทำให้ อยากบริการเขา อยากให้เขากินฝีมือเรา อยากให้รู้ว่าเขาอะพิเศษสำหรับเรา แต่บังเอิญคาบุรากิมันชิงสร้างข่าวแบบไม่ได้ตั้งใจไปก่อน เลยมองเหมือนมาเบี่ยงเบนความสนใจ กลบเกลื่อนไปซะงั้น
ที่หนึ่งซุยรันอาจจะเป็นคาบุรากิ แต่ที่หนึ่งฟิคกาวของโม่งยังคงเป็นท่าเอ็นโจนะคะ ♡
ตอนแรกกูบ้าจี้ไปเสิร์ชชื่อชาบุปผาคลี่ สรุปสามัญชนใช้ชื่อชาดอกไม้บานว่ะ โม่งแปล นี่เหมือนกับที่คาบุรากิไม่เรียกช็อคโกแลตแต่เรียกช็อคโกล่ารึเปล่า 5555
ประเด็นคือบรรทัดสุดท้ายในตอนเล่นกูอีกแล้ว เอ็นโจเซอร์วิสอีกแล้ววววววว แหมๆๆ บริการท่านเรย์กะดีจังเลยนะคะ กับเพื่อนสนิทดูแลขนาดนี้มั้ยอะ 5555555
ขึ้นเม้นท์800แล้ว เสนอชื่อกระทู้หน้ากันได้แล้วนาาาาา
อะไรคือเรือเอ็นโจชูสุมอยวะ ชูสุมอยกลายเป็นคำสร้อยจริงจังของท่านเอ็นโจกูตั้งแต่เมื่อไหร่ ถถถถถถถถถ ท่านเอ็นโจชูสุมอย ทำลาเต้อาร์ตนุ้งกุโต่ย
ชูสุมอยมาจากอะไรวะ กูไม่ได้เข้าโม่งนาน
>>804 ฟิคหมาข้างบนๆหน่อย มาจากที่คุยกันเล่นๆว่าแต่ละคนควรเป็นหมาพันธุ์อะไรบ้าง คาบุรากิก็เป็นไซบีเรียน เรย์กะก็เป็นอเมริกันค็อกเกอร์สแปเนียล แล้วมีคนเสนอว่าเอ็นโจเหมาะกับหมาซามอยด์ เลยมีคนเอาไปแต่งฟิคเวอร์ชั่นหมา ชื่อชูสุเกะ+ซามอยด์ ก็กลายเป็นชูสุมอย 5555555555
ฮาเร็มเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับช่องมโนแห่งมิติพิศวง (เรือโนอาลำที่สี่)
ฮาเร็มเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับสตูดิโอกาวโปรดักชั่นหมายเลข 4
ฮาเร็มเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชากับหลุมดำแห่งกาวแล็กซี่ซุยรัน (มิติที่ 4)
ระหว่าที่กุรอโม่งเกอิชาอยากอ่านกาวแบบ18+ เลยเกิดไอเดียขึ้นมา แต่สงสัยกุจะไม่มีความกล้าพอแต่งได้แค่NCเฉยๆ
ชื่อกุยังไม่คิด เอาเป็นว่าเรย์กะซามะละครหลังข่าวแล้วกัน 555
(จริงๆมีอีกชื่อไว้ในใจแต่เดี๋ยวแม่งสปอย์กาวตอนถัดไปของกุ)
----------------------------------------------------------------------------------------
หนาวจังเลยผ้าห่มอยู่ไหนนะ
ฉันลืมตาขึ้นควานหาผ้าห่ม พอมองออกไปรอบๆเลยรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องฉันนี่ แต่ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ? หนาวจัง แถมรู้สึกปวดหัวด้วย เอ๋ ทำไมรู้สึกโล่งๆจัง?
พอมองไปที่ตัวเองเหลือแต่ร่างเปลือยมีรอยจ้ำแดงแถมรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว นั่งคิดไปคิดมาว่าเมื่อคืนตัวเองอยู่ที่ไหน จำได้ว่าเมื่อคืนมีปาร์ตี้ที่โรงแรมในเครือคาบุรากินิ? ม่ายยย อย่าบอกนะว่า…
ฉันหันไปเห็นของขวัญที่วาคาเบะจังให้คาบุรากิอยู่ที่โต๊ะ
พอนึกย้อยไปเหมือนเมื่อคืนฉันจะเมาจนหลับไป ไม่สิ มีคนมาช่วยลากฉันที่กำลังเมาอย่างหนัก แถมฉันยังพูดใส่ว่า ไม่ต้องมาช่วยฉันนะ ฉันเป็นถึงหัวหน้าหมู่บ้านคานทองแค่นี้ไม่หวั่นไหวหรอก!~ หลังจากนั้นเหมือนจะคุยอะไรกันซักอย่าง แล้ว…
ไม่นะ!? ดูเหมือนฉันจะก้าวผ่านไปโลกแห่งผู้ใหญที่ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วฉันมีโอกาสได้สัมผัสรึเปล่า โดยที่จำได้แค่เป็นฉากๆ แถมคนๆนั้นคือจักรพรรดิคนนั้นน่ะหรือ? โฮ~
ซ่า~ มีเสียงอาบน้ำดังมาจากห้องน้ำ
ฉันรีบจัดการแต่งตัวเก็บข้าวของของตนไม่สนใจความรู้สึกเหนอะหนะอยากอาบน้ำ เพื่อออกจากที่นี่ไปให้เร็วที่สุด พลางภาวนาขออย่าให้คาบุรากิออกมาตอนนี้ด้วยเถอะ
พอออกจากห้องได้ฉันรีบจัดการเดินออกนอกโรงแรม โบกแท๊กซี่กลับคอนโดตัวเองอย่างรวดเร็ว
โชคดีที่ฉันตั้งมั่นจะออกมาอยู่คนเดียวให้ได้ ถึงแม้ท่านแม่จะไม่เห็นด้วย ไม่เช่นนั้นท่านแม่คงบ้าคลั่งกับการที่ฉันหายไปไม่กลับบ้านทั้งคืนแล้ว
พอกลับถึงห้องฉันจัดการโยนทุกอย่างลงพื้นแล้วเดินไปล้มตัวนอนลงที่เตียง
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ พลางรู้สึกถึงรสขมแปร่มในปากยามที่นึกถึงวาคาเบะจัง ทำยังไงดีฉันกลายเป็นยัยสารเลวแย่งคู่หมั่นคนอื่นไปแล้ว…
วันนั้นฉันไม่ไปทำงาน นั่งเหม่ออยู่ห้องพลางคิดว่าจะทำยังไงดี คาบุรากิจะนึกว่าฉันพยายามจะจับตานั้นแล้วทำลายตระกูลคิโชวอินหรือเปล่านะ แล้วงวดหน้าถ้าฉันเจอคาบุรากิฉันควรจะทำยังไงดีนะ โดยเฉพาะวาคาเบะจัง
ท่านแม่โวยวายว่าฉันหายไปไหนทำไมถึงไม่ได้นั่งรถกลับ ฉันได้แต่แถว่าไม่สบายเลยปลีตัวมาก่อนแล้วขี้เกียจรอคุณซากามิเลยนั่งแท๊กซี่กลับมาที่คอนโดเอง
ภาวนาให้วันนี้ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าฉันเดินออกมาจากโรงแรมด้วยเถอะ…
> >813 มึงงงงงงงง มาอัพต่ออ
มาต่อแล้วจาก >>813 เรย์กะซามะละครหลังข่าวตอน 2
เชิญพวกมึงซูดกันต่อได้
--------------------------------------------------------------------------------------
วันนี้มีปาร์ตี้บริษัทในฐานะที่ตอนนี้ฉันทำงานอยู่ที่นี่ โดยเฉพาะเป็นลูกสาวของท่านประธานเลยต้องเข้าร่วมหาเหตุผลหลีกเลี่ยงไม่ได้โดยสิ้นเชิง ครั้งจะคอยเกาะติดท่านพี่อย่างสมัยก่อนก็ไม่ได้ เพราะตอนนี้ท่านพี่ขึ้นเลขสามแล้วยังไม่มีวี่แววว่าจะมีสะใภ้มาให้ท่านแม่เลย อาจเป็นเพราะฉันเกาะติดท่านพี่มากเกินไปจนทำให้ไม่มีสาวๆคนไหนกล้าเข้าใกล้ ไม่เป็นไรค่ะท่านพี่ น้องจะไถ่โทษโดยการหาหญิงสาวที่เพรียบพร้อมมาเป็นภรรยาให้ท่านพี่เอง
ฉันหลบมุมมาพูดพวกมาดามกับท่านแม่ถึงจะชอบพูดคุยเรื่องน่ารำคาญไปหน่อยอย่าง หนูเรย์กะยังไม่มีคนที่ถูกใจบ้างหรือคะ~ ดิฉันแนะนำหลานชายให้เอามั้ยคะ โฮะๆ~ แต่เพื่อหลีกเลี่ยงทานุกิกับท่านพี่กำลังคุยกับท่านประธานคาบุรากิอยู่เลยจำเป็นต้องหาที่ลี้ภัย
ปีนี้ท่านประธานคาบุรากิก็ยังสง่างามเช่นเคย เผลอๆรู้สึกว่าดูมีสง่าราศีมากกว่าเดิมด้วยซ้ำแม้จะอายุขึ้น 50 แล้ว หรือนี่จะเป็นเสน่ห์ของคนอายุมากกันนะ ทำไมต่างจากทานุกิอย่างนี้นะ โดยเฉพาะห่วงยางนั่น นั่มมันไม่แค่ห่วงยางแต่เป็นยางรถยนต์แล้ว!
โชคดีจริงๆที่อีเว้นต์ใหญ่อย่างวันนี้เหมือนจะไม่เห็นคาบุรากิ มิเช่นนั้นฉันคงทำหน้าไม่ถูก นายนั่นหลีกเลี่ยงทั้งๆที่ตัวเองจะเป็นประธานในอนาคตจะดีหรือ? หวังว่าหมอนั่นคงไม่หาทางคว้านซื้อหุ้นคิโชวอินแล้วหาข้อมูลทุจริตของท่านพ่อหรอกนะ แต่จากที่ฉันทำงานฝ่ายบัญชีเพื่อตรวจสอบไม่ให้ท่านพ่อทุจริต อีกทั้งท่านพี่ที่ทำงานอยู่ฝ่ายบริหารก็ไม่พบข้อมูลอะไรผิดปกติ แต่ก็ยังไว้วางใจลดการ์ดลงไม่ได้หรือกนะ!
“คุณคิโชวอินกำลังมองหามาซายะอยู่หรือครับ? วันนี้มาซายะติดธุระโชคไม่ดีเลยนะครับ”
ฉันหน้าเหวอหันไปมองเอ็นโจไปชั่วขณะ วันนี้หมอนี่ไม่ตัวติดกับคาบุรากิแฮะ จะว่าไปช่วงหลังๆไม่ค่อยเจอหมอนี่ตัวติดกับคาบุรากิโดยเฉพาะหลังจากที่ตาบ้านั่นสารภาพกับวาคาบะจัง
แต่ทำไมวันนี้ตาเอ็นโจตาแวววาวให้ฉันอย่างผิดปกติ ปกติแล้วท่านเอ็นโจจะแสดงท่าทางสุขุมนุ่มนวล ไม่แสดงที่ทีชัดเจนขนาดนี้โดยเฉพาะยิ้มที่เหมือนจอมมารนั่น! อย่าบอกนะว่าคาบุรากิเล่าเรื่องนั้นให้หมอนี่ฟังแล้ว!?
“สวัดดีค่ะท่านเอ็นโจ อาเระ~ วันนี้ท่านเอ็นโจมาคนเดียวหรือคะ น่าแปลกจังเลย โฮะๆ~ ไม่ทราบว่าท่านเอ็นโจจะรังเกียจไปนั่งพูดคุยกับดิฉันทางโน้นตามประสารู้จักที่ไม่เจอมากันซักพักเลยหรือไม่คะ”
พูดจบฉันก็ลากแขนเอ็นโจออกมาจากวงแล้วพาไปนั่งที่มุมห้อง ทำไมหมอนี่ถึงยิ้มกว้างกว่าเดิมเนี่ย
“คุณคิโชวอินกลัวจะมีคนรู้’ความลับ’ขนาดนั้นเลยหรือครับ” จะเป็นลม~ หมอนี่ต้องรู้อะไรบางอย่างมาแน่ๆเลย
ฉันรู้ตัวเลยว่ารอยยิ้มที่ตัวเองปั้นอยู่ตอนนี้บิดเบี้ยวไปไหนต่อไหนแล้ว
“ไม่ต้องกลัวหรอก ผมไม่บอกใครง่ายๆแน่” เอ็นโจยื่นหน้ามากระซิบที่ข้างหู ทำเอาฉันเอามือปิดหูที่รู้สึกจั๊กจี้จากไอร้อนไม่ได้ หมอนี่เดี๋ยวนี้เข้ามาประชิดตัวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย?
“แต่ก็ขึ้นอยู่กับคุณคิโชวอินจะมีข้อเสนออะไรให้ผมด้วย อย่างเช่น ทีหลังอย่าไว้ใจให้ผู้ชายเข้าใกล้ขนาดนี้นะครับ” อยู่ดีๆก็กลับมานั่งปกติแล้วไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้า ฉันได้แต่จ้องทำอะไรไม่ถูก
“แล้วเดี๋ยวผมจะติดต่อไปแล้วกันนะครับ” หมอนั่นลุกขึ้นเดินออกไปทำเอาฉันรั้งไว้ไม่ทัน
“ดะ-เดี๋ยว ดิฉันไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องเป็นแบบนี้ ได้โปรดอย่าบอกเรื่องนี้กับใครเลยนะคะ”
ฉันไม่รู้ว่าใบหน้าในตอนนี้เป็นอย่างไร รู้แต่ความกลัวในจิตใจที่ฉันเป็นสาเหตุให้คนที่รักกันสองคนไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ สุดท้ายแล้วจุดจบของฉันอาจจะไม่แตกต่างจากหนังสือการ์ตูนแค่ร่นเวลาออกมาเล็กน้อยเท่านั้น
พอหันไปมองที่เอ็นโจใบหน้าหมอเป็นอะไรที่ฉันไม่เคยเห็น เศร้า? ไม่สิคงสังเวชฉันมากกว่า ฉันที่ทำร้ายเพื่อนของเขาขนาดนั้น นั่นทำให้ฉันรู้ตัวว่าฉันกำลังรั้งชายเสื้อหมอนั่นอยู่จึงรีบปล่อยแทบไม่ทัน
พอปล่อยชายเสื้อเขาก็เดินจากไปเลย...
จะว่าไปในเรื่องอฟช มีฉากท่านเรย์กะลองกินเหล้าบ้างไหมวะ หรืออายุไม่ถึงเลยงด
เอ็นโจน่าจะยังไม่รู้ว่าเรย์กะเข้าใจผิดคิดว่านอนกับคาบุรากิ ตัวเองก็เศร้าไปสิ
เออ นี่มันละครหลังข่าวจริงๆด้วย5555555
มีสิทธิ์อะไรมาทำเป็นเศร้าเป็นงอนล่ะคะ! จีบก็ไม่ออกตัวตรงๆ สารภาพรักก็ไม่เคยมี นี่ได้เสียเขาแล้วก็ยังไม่มาแสดงตัวรับผิดชอบ //ตบตีชูสุมอย
>>584-586 เมื่อฉันกับเขา XXX ต่อ
-------------
จากที่ไปถามคนที่ได้คำทำนายซ้ำเมื่อตอนไปงานบ้านมาดามคาบุรากิ ทุกคนก็ปกติสุขดี ไม่มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นกับตัวเองเหมือนฉันกับเอ็นโจ แต่ก็ยังวางใจไม่ได้เท่าไหร่ อีกฝ่ายอาจจะปิดบังข้อมูลอยู่ก็เป็นได้
แล้วพอรู้ตัวอีกที ฉันก็สลับร่างกับเอ็นโจผ่านมาได้ห้าวันเข้าไปแล้ว
ฉันยังไม่ชินการใช้ชีวิตแบบผู้ชายๆเลยสักนิด รวมไปถึงการเข้าห้องน้ำและอาบน้ำด้วย แต่รู้สึกเอ็นโจจะปรับตัวได้ดีเกินคาด เมื่อวานก็มาคุยเรื่องไปแฮร์ซาลอนกับท่านแม่ของฉันอยู่เลย
"พวกทรีตเมนท์พวกนี้กลิ่นหอมดีนะครับ แถมกลิ่นติดทนด้วย" เอ็นโจจับปอยผมปอยหนึ่งของฉันขึ้นมาดม "มิน่า คุณคิโชวอินถึงได้หอมขนาดนี้"
นายอย่าทำเหมือนฉันกำลังลวนลามตัวเองอยู่ได้มั้ยยะ มันน่าอายนะรู้มั้ย
ฉันพยายามจะทำใจให้กว้าง ไม่ถือสาเรื่องที่เอ็นโจจะเห็นร่างเปลือยเปล่าของฉัน โชคดีที่ก่อนหน้านี้หมุนฮูลาฮุป บริหารช่วงเอวจนไร้ไขมันหน้าท้อง จึงมั่นใจว่าไม่ขายหน้าเพราะพุงที่มักจะยื่นออกมาหลังกินแน่ๆ
แต่เอาเถอะ ฉันก็เห็นร่างเปลือยของเอ็นโจด้วยเหมือน จะว่าหายกันไปได้รึเปล่านะ
ฉันไม่ได้ตั้งใจจะสำรวจร่างกายของหมอนี่เลยสักนิด แต่ตอนอาบน้ำยังไงก็ต้องเห็น และฉันทำใจอยู่นานกว่าที่จะสามารถมองลงไปยังเบื้องล่างได้
ใต้เสื้อผ้าชั้นดีที่ตัดเย็บอย่างปราณีตนั้นเป็นรูปร่างที่ดีเกินคาด กล้ามเนื้อได้รูปไร้ไขมันส่วนเกิน ไม่ดูเทอะทะเป็นก้ามปูเหมือนคนที่เล่นกล้ามบางคน อะไรกัน นายก็ซ่อนรูปเหมือนกันนี่นา เอ็นโจ
และการเป็นผู้ชายก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อดี เพราะฉันแข็งแรงขึ้น แรงเยอะขึ้น ทำอะไรก็ไม่ค่อยเหนื่อย แถมจะฟาดขนมที่สโมสรจนพุงกางยังไงก็ไม่อ้วน จับดูก็ไม่มีไขมันยืดย้วยออกมาให้แสลงหัวใจ ถ้าเป็นเรย์กะกินขนาดนี้ล่ะก็ ป่านนี้คงต้องไดเอทอย่างเร่งด่วนแล้วล่ะค่ะ
นอกจากนี้ก็ยังมียูกิโนะคุงที่เป็นเทวดาน้อยๆรอต้อนรับอยู่ที่บ้านด้วย
พอฉันกลับไปถึงบ้าน ยูกิโนะคุงก็เข้ามาหา เล่านั่นเล่านี่เจื้อยแจ้วไปเรื่อยทั้งเรื่องที่โรงเรียนบ้าง เรื่องการเรียนพิเศษบ้าง ช่างเยียวยาฉันจากเรื่องน่าเหนื่อยหน่ายพวกนี้ได้ดีเหลือเกิน
อยู่ในร่างเอ็นโจนี่มันเหนื่อยจริงๆค่ะ อาจารย์ก็คาดหวัง หัวหน้าห้องและกรรมการห้องก็เข้ามาปรึกษาปัญหา พวกผู้หญิงก็มารุมล้อมไล่ยังไงก็ไม่ไป พอเตือนเข้าหน่อยก็ร้องไห้โฮกัน
เอ็นโจก็ไม่ช่วยฉันจากสถานการณ์พวกนี้ แต่เดินผ่านหน้าฉันไป หัวเราะต่อกระซิกกับพวกเซริกะจังอย่างสนุกสนาน
หนอย เอ็นโจ นี่มันปัญหาของนายไม่ใช่รึไงยะ ทำไมฉันต้องมาติดอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ด้วย หา!!!!
ยูกิโนะคุงจ้องฉันตาแป๋ว "มีอะไรงั้นเหรอฮะ ท่านพี่"
"ไม่มีอะไรหรอก" ฉันส่ายหน้าแล้วยิ้มให้ "พี่แค่เหนื่อยนิดหน่อยน่ะ"
"เล่าให้ฟังได้นะฮะ" เทวดาน้อยๆตบแขนฉันแปะๆ อุ ในเมื่อพูดขนาดนี้จะยอมเล่าก็ได้ค่ะ
ฉันเล่าเรื่องพวกผู้หญิงที่รุมล้อมอย่างน่าปวดหัวในแต่ละวันให้ยูกิโนะคุงฟัง เทวดาน้อยทำท่าครุ่นคิด สีหน้าแบบนี้ก็น่ารักจนอยากจับมาฟัดๆเลยล่ะค่ะ
"ถ้าปวดหัวเรื่องสาวๆที่มารุมล้อม ก็ต้องหาแฟนสิฮะ ถ้าพวกเธอเห็นว่าท่านพี่มีแฟนแล้วก็คงจะยอมถอยไปเองล่ะ"
"เอ แฟนเหรอ ใครดีล่ะ หายากเหมือนกันนะ" ฉันพยายามนึกชื่อเด็กผู้หญิงที่สามารถจะเป็นแฟนกับเอ็นโจได้ แต่ยูกิโนะคุงก็พูดขึ้นมาเสียก่อน
"ไม่ยากหรอกฮะ คุณพี่เรย์กะยังไงล่ะ"
ถ้าฉันดื่มน้ำหรือทานอะไรอยู่ก็คงจะสำลักไปแล้ว ไหงชื่อฉันถึงมาเป็นตัวเลือกของแฟนเอ็นโจได้ล่ะคะ!!!
"ท่านพี่เองก็ชอบคุณพี่เรย์กะอยู่ไม่ใช่เหรอฮะ นี่ก็ใกล้จบการศึกษาแล้วนะ ถ้าเกิดมีหนุ่มมาชิงสารภาพรักตัดหน้าไปจะแย่เอานะฮะ"
อะไรกันค้า ยูกิโนะคูงงงง ไหงแนะนำกันแบบนี้ล่ะคะ
มาดามเอ็นโจเรียกยูกิโนะไปด้วยเรื่องเรียนพิเศษพอดี แต่ก่อนไปก็หันมาส่งยิ้มน่ารักๆให้ "พยายามเข้านะฮะ ท่านพี่"
พยายาม ต้องพยายามอะไรล่ะค้า
ฉันเดินโซเซกลับไปที่ห้องนอน รู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
จะให้ฉันไปขอเป็นแฟนกับตัวเองเนี่ยนะคะ ถึงจะมีเอ็นโจอยู่ในร่างก็เถอะ มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ
เอาไว้เป็นทางเลือกสุดท้ายถ้าแก้ปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้ก็แล้วกัน หวังว่าฉันจะไม่ต้องติดอยู่ในร่างนี้นานๆนะคะ
----------------
สิ่งที่เร่งด่วนกว่าการแก้ไขปัญหาเรื่องสาวๆที่มารุมล้อม นั่นก็คืองานกีฬาที่ใกล้เข้ามาค่ะ
ดูเหมือนว่ากรรมการห้องจะส่งสายตาคะยั้นคะยอให้เอ็นโจลงกีฬาวิ่งแข่งเหมือนกับทุกปี ฉันตอบปฏิเสธด้วยรอยยิ้มแค่เล็กน้อย ก็ไม่มีใครกล้าเซ้าซี้ต่อ
แต่ฉันก็ลงแข่งปาบอลไปล่ะค่ะ นั่นอาจจะเป็นสิ่งดีที่สุดที่ฉันสามารถทำได้ในร่างของเอ็นโจแล้ว
ปัญหาที่หนักใจคงมีแค่เรื่องสาวๆที่เข้าหาแต่ไม่ช่วยปาบอลเหมือนอย่างที่เคยเห็นมั้งคะ แต่เอาเถอะ ฉันปาของฉันคนเดียวก็ได้
แต่ฉันประเมินปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองต่ำไปค่ะ ในเมื่อเอ็นโจเป็นเพื่อนของคาบุรากิ นั่นก็หมายความว่าคาบุรากิจะมาลากเพื่อนไปทำกิจกรรมบ้าพลังของตัวเอง อย่างเช่นการคัดเลือกผู้ลงแข่งขี่ม้าส่งเมืองเป็นต้น
เพราะปีที่แล้วพ่ายแพ้แก่รัชทายาทอาริมะ ปีนี้คาบุรากิก็เลยคัดเลือกอย่างเข้มงวดขึ้น และทุกคนต่างก็กระหายที่จะนำชัยชนะมามอบแด่จักรพรรดิ เตรียมใจตบเท้าเข้าสนามรบเพื่อพลีชีพแบบไม่หยุดหย่อน
ห้องของคาบุรากิเห็นว่ามีผู้สมัครลงแข่งขี่ม้าส่งเมืองอย่างล้นหลามเกินโควต้าจนต้องคัดออกไปก่อนส่วนหนึ่งด้วยซ้ำ คนที่ถูกคัดออกดูเหมือนจะซึมไปเลยล่ะค่ะ
คาบุรากิกล่าวปาฐกถาที่หน้าห้อง "ถึงแม้พวกนายจะไม่ได้ลงแข่งที่เป็นเกียรติยศครั้งนี้ก็ไม่เป็นไร พวกนายยังสามารถเป็นกำลังให้ห้องของเราได้ในด้านอื่น ไม่มีใครที่จะไร้ค่าไร้ความหมาย และฉันจะช่วยดึงศักยภาพพวกนายออกมา"
พอคาบุรากิพูดจบ น้ำตาลูกผู้ชายที่ไม่ให้ใครเห็นกันง่ายๆก็หลั่งไหลออกจากตาของเหล่าผู้ถูกคัดออก ทุกคนต่างตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "ครับ" สาวๆเองก็มีบางคนที่ร้องไห้ด้วยเช่นกัน จากนั้นทุกคนก็เริ่มเปล่งเสียงโห่ร้อง สดุดีแด่จักรพรรดิดังกึกก้อง
นี่ฉันหลงมาอยู่ในสนามรบที่แม่ทัพกำลังพูดปลุกใจให้พลีชีพเพื่อบ้านเมืองอยู่ใช่มั้ยคะ
ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ เป็นฉันคงอายแทรกแผ่นดินหนีไปแล้วล่ะค่ะ
รอบข้างฉันเต็มไปด้วยบรรยากาศการฆ่าฟันที่รุนแรงมากจนชักจะหวั่น พอได้มาเห็นแบบนี้ก็หวังว่าห้องของฉันจะมีชีวิตรอดไปครบ 32 หลังลงแข่งนะคะ
"เฮ้ ชูสุเกะ ช่วยถือไว้หน่อย" คาบุรากิยื่นคลิปบอร์ดมาให้ฉัน พอลองรับมาดูก็พบว่าเป็นรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเป็นม้าในรอบแรก มีข้อมูลอย่างชื่อ รูปถ่าย ส่วนสูง น้ำหนัก กรุ๊ปเลือดแบบคร่าวๆ "เดี๋ยวรอผลตรวจแบบละเอียดๆที่บ้านฉัน"
ฉันรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเป็นรอบที่สอง
ทำบ้าอะไรของนายคะเนี่ย!! ข้อมูลพวกนี้มันอะไรกันน่ะ!!! กะอีแค่ลงแข่งขี่ม้าส่งเมืองต้องใช้ข้อมูลละเอียดยิบขนาดนี้ คิดว่าตัวเองเป็นกองประกวดหาดาราหน้าใหม่งั้นเหรอคะ!!!!
รถบ้านคาบุรากิมาจอดรออยู่แล้ว คาบุรากิให้พวกม้าที่ผ่านการคัดเลือกในรอบแรกล่วงหน้าไปก่อนแล้วจะตามไปสมทบ ฉันในร่างเอ็นโจก็ถูกบังคับให้ไปที่บ้านเพื่อดูผลการคัดเลือกด้วย
จะบ้าเหรอคะ นายอยากคัดเลือกม้าหรือทำโคลนนิ่งตัวเองเพื่อลงแข่งก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับห้องฉันซักหน่อย ทำไมฉันต้องไปดูของแบบนั้นด้วยล่ะ
พอไปถึงบ้านคาบุรากิก็ได้เห็นเอ็นโจนั่งจิบชา หัวเราะต่อกระซิกกับมาดามคาบุรากิอยู่ก่อนแล้ว อะไรกันยะ ไม่เห็นจะบอกเลยว่าจะมาบ้านคาบุรากิน่ะ
"เฮ้ เธอมาที่นี่ได้ไงเนี่ย" คาบุรากิเลิกคิ้ว
"สวัสดีค่ะท่านคาบุรากิ ท่านเอ็นโจ" เอ็นโจในร่างฉันลุกขึ้นคำนับแบบนอบน้อม "พอดีว่าวันนี้มีนัดกับมาดามคาบุรากิน่ะค่ะ เกี่ยวกับเรื่องคุกกี้เสี่ยงทายที่ทานไปวันนั้น มันอร่อยมากจนต้องมาขอร้องให้ช่วยสอนทำเลยล่ะค่ะ"
"แหม ก็แค่สูตรธรรมดาๆเองค่ะ" มาดามคาบุรากิหัวเราะป้องปาก "คุณเรย์กะนี่น่ารักจริงๆ ได้ยินข่าวการทำขนมอบอันเป็นที่เลื่องลือของคุณเรย์กะมามาก ก็อยากจะลองชิมดูจังเลยค่ะ"
"แหม ยังไม่เก่งเลยค่ะ คงเอาให้ชิมไม่ได้หรอก" เอ็นโจหัวเราะไปกับมาดามด้วย นี่ ทำไมนายถึงดูเป็นฉันได้ดีกว่าตัวฉันเองแบบนี้ล่ะคะ
"มาซายะไม่ยอมเล่าอะไรที่โรงเรียนให้ฟังบ้างเลย ก็ต้องลำบากคุณเรย์กะมาเป็นเพื่อนคุย ได้รู้อะไรสนุกๆหลายอย่างเลยค่ะ" มาดามคาบุรากิปรายตามองลูกชายแล้วก็หันไปยิ้มให้เอ็นโจ "เห็นว่าปีนี้คุณเรย์กะจะลงแข่งวิ่งแฟนซีใช่มั้ยคะ น่าสนุกจังเลยนะ"
คาบุรากิมีสีหน้าแช่มชื่นขึ้น มองไปทางเอ็นโจในร่างฉันที่มีรอยยิ้มน้อยๆด้วยสายตาชื่นชมผสมกับนับถือ
เดี๋ยว ฉันยังไม่รู้เรื่องเลยนะคะว่าจะลงแข่งวิ่งแฟนซีน่ะ มาลงกีฬาตามใจชอบไม่ปรึกษากันได้ยังไงคะ
มาดามหัวเราะต่อกระซิกกับเอ็นโจอยู่สองสามประโยคก็ขอตัวไปดูแลเรื่องอาหารการกินก่อน ทิ้งให้ฉันอยู่กับสถานการณ์ที่ดูพิลึกพิลั่นนี่
คาบุรากิผุดลุกขึ้นจากที่นั่งตัวเอง เดินตรงเข้าไปหาเอ็นโจแล้ววางมือสองข้างลงบนไหล่
"ยอดเยี่ยมมาก คิโชวอิน ในที่สุดก็เอาจริงแล้ว จะเก็บแต้มให้ครบซีรีย์นักษัตรแล้วสินะ ฉันมองคนไม่ผิดจริงๆ" คาบุรากิทำท่ากระหยิ่มยิ้มย่อง "ปีที่แล้วเธอคงอัดอั้นตันใจมากใช่มั้ย ที่ไม่ได้ลงแข่งด้วยตัวเองเลยต้องส่งร่างแยกออกมาเก็บแต้มให้ครบๆ ฉันเข้าใจความอัดอั้นนั้นดีเลยล่ะ"
หมอนี่พูดอะไรอยู่น่ะ!!! เข้าใจบ้าบออะไรของนายยะ!!!!
"เห็นเธอมุ่งมั่นขนาดนี้ ฉันจะช่วยเธอเอง" คาบุรากิตบไหล่ฉันป้าบๆแบบไม่ออมแรง อ๊าาาา อย่าทำกับร่างกายของฉันแบบนั้นนะ "เธอต้องมาดูการคัดเลือกม้าแล้วล่ะคิโชวอิน เผื่อจะได้ไอเดียอะไรดีๆขึ้นมา"
ฉันกำลังจะเดินไปปัดมือที่กระทำแบบไร้ปราณีนั่นออกไป แต่เอ็นโจชิงจับจับมือของคาบุรากิออกจากไหล่แล้วส่งยิ้มให้ "ต้องขอบพระคุณท่านคาบุรากินะคะที่เอื้อเฟื้อ แต่ธีมของห้องฉันปีนี้ไม่ใช่นักษัตรหรอกนะคะ"
คาบุรากิขมวดคิ้วเข้าหากันทันที แต่ยังไม่ทันได้พูด เด็กคนหนึ่งจากหนึ่งในผู้สมัครคัดเลือกม้าก็มารายงานว่าทุกอย่างพร้อมแล้ว เรื่องนักษัตรก็เลยต้องหยุดไว้ชั่วคราวก่อน
"เฮ้ คิโชวอิน เธออย่าเพิ่งกลับล่ะ เดี๋ยวฉันจะกลับมาคุยด้วย" คาบุรากิบอกเอ็นโจในร่างฉันก่อนไป "ไปกันเถอะ ชูสุเกะ"
"เดี๋ยวผมตามไป"
พอปลอดคนปุ๊บ หน้ากากเอ็นโจที่ฉันใส่ไว้ก็หลุดออกมา ฉันกำลังจะอ้าปากพูดเรื่องที่เอ็นโจพาร่างฉันมาที่นี่แบบไม่บอกล่วงหน้ากันก่อน แต่เอ็นโจทำหน้านิ่ว จับไปที่ไหล่ ฉันก็เลยต้องโยนเรื่องนั้นทิ้งไปก่อนชั่วคราว มาดูแลร่างกายของตัวเองก่อน
"มาซายะนี่ตบมาแบบไม่ออมแรงเลยน้า" เอ็นโจหัวเราะ แต่ฉันไม่ขำด้วยหรอกนะคะ นั่นมันร่างกายฉันนะ ต้องเป็นรอยแดงแน่ๆ
"ฉันมีกอเอี๊ยะอยู่ที่บ้าน ถ้ายังไงก็รบกวนแปะมันด้วยนะคะ" ฉันถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
"คุณคิโชวอินไม่ดูหน่อยเหรอ" เอ็นโจยิ้มหวานให้ฉัน
ฉันรู้สึกตะลึงนิดหน่อย ไอ้อยากดูมันก็อยากดูนะคะ ยังไงมันก็ร่างกายของฉันเองนี่นา แต่จะให้มาดูในบ้านของคาบุรากิมันก็แปลกๆอยู่นะ
ว่าแต่ทำไมนายต้องใช้หน้าของฉันยิ้มแบบนั้นด้วยคะ คิโชวอิน เรย์กะ ไม่มีวันยิ้มแบบนี้หรอกน้า!!!
"เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะค่ะ เมื่อกี้นี้เห็นพูดกับมาดามคาบุรากิเรื่องคุกกี้เสี่ยงทายด้วยใช่มั้ยคะ" บรรยากาศมันชักแปลกๆ ฉันก็เลยเปลี่ยนเรื่อง "ตกลงเรื่องเป็นมายังไงคะ"
"ตัวคุกกี้น่ะธรรมดามาก แต่ว่าหัวใจหลักก็คือคำทำนาย คุณแม่มาซายะบอกว่าซินแสที่เขียนคำทำนายคนนี้เก่งที่สุดในฮ่องกงเลยล่ะ"
"ถ้าเราไปถามเขาดูอาจจะพอรู้ทางแก้นะคะ" ฉันฟังแล้วคิดตามไปด้วย "เดี๋ยวจะให้บ้านคิโชวอินเชิญมาดีกว่าค่ะ"
"เอ แต่ในคำทำนายบอกให้ผมกับคุณคิโชวอินร่วมมือกันแก้ไขปัญหานี่นา" เอ็นโจยังคงยิ้ม "อาจจะเป็นอะไรที่ต้องรู้กันอยู่สองคน ถึงจะแก้ไขปัญหาได้มั้งนะ"
แล้วอะไรล่ะยะ ที่ต้องรู้กันอยู่สองคนน่ะ
มาดามคาบุรากิกลับมาที่ห้องนั่งเล่นพอดี "อ้าว ชูสุเกะ คุณเรย์กะ ไม่ไปที่สนามกับเขาเหรอจ๊ะ กำลังครึกครื้นเลยล่ะ"
"กำลังจะไปอยู่พอดีเลยค่ะ" เอ็นโจโค้งให้ให้มาดามคาบุรากิ
"เอ่อ ขอโทษครับ ขอรบกวนถามอะไรหน่อยนะครับ" ฉันตรงดิ่งไปหามาดามคาบุรากิอย่างร้อนใจเล็กน้อย "คือว่าเรื่องคุกกี้เสี่ยงทายนั่น คำทำนายมันมีกี่แบบงั้นหรือครับ"
"อ้าว ชูสุเกะก็สนใจเรื่องนี้ด้วยเหรอจ๊ะ" มาดามคาบุรากิเลิกคิ้วแล้วก็หัวเราะคิกคัก "คำทำนายมีสามหัวข้อหลักคือเรื่องการงาน การเงิน แล้วก็ความรัก ชูสุเกะได้หัวข้อความรักสินะ ดีจังเลย"
"ถ้าไม่รบกวนจนเกินไป ผมขออ่านคำทำนายอื่นๆด้วยได้รึเปล่าครับ" แม้จะดูสงสัยนิดหน่อย แต่มาดามคาบุรากิก็ยอมฟังคำขอร้องของฉัน รออยู่ครู่หนึ่ง ก็กลับมาพร้อมกับสมุดจดคำทำนายที่ซินแสเขียนไว้ให้
ฉันเปิดอ่านทันที เอ็นโจก็เข้ามาอ่านด้วย
ข้อความเป็นกลอนภาษาจีนที่มีภาษาญี่ปุ่นแปลกำกับไว้ด้านล่าง หัวข้อแบ่งเป็นสามข้อใหญ่ๆ แต่ละหัวข้อมีคำทำนายย่อยๆต่างออกไปอีก รวมทั้งหมดได้สิบห้าทำทำนายพอดี
ฉันพลิกไปดูหมวดความรัก เห็นคำว่าชะตาดอกท้อก็รีบกวาดตาอ่าน แต่เอ๊ะ รู้สึกคำทำนายจะไม่ค่อยเหมือนกับที่ฉันได้เลยอ่ะ
"คำทำนายนี่มีแค่นี้เหรอคะ" เอ็นโจถามขึ้น
"ก็มีเท่านี้ล่ะจ๊ะ" มาดามคาบุรากิยิ้มแย้มอย่างใจดี
"รู้สึกว่าคำทำนายเรื่องชะตาดอกท้อนี้มันต่างไปจากที่ผมเคยได้นะครับ" พอเห็นมาดามคาบุรากิกระพริบตาปริบๆแบบไม่เข้าใจ ฉันก็เลยท่องคำทำนายที่ได้ให้ฟัง แต่ก็กระท่อนกระแท่นเต็มทีเพราะจำไม่ค่อยจะได้ เอ็นโจเลยช่วยพูดอีกคน
จำได้ด้วยเหรอยะ น่าอิจฉาพวกหัวดีความจำดีชะมัดเลยค่ะ
"เอ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะจ๊ะ คำทำนายอันนี้"
ฉันกับเอ็นโจเหลือบมองกัน หมายความว่ายังไงน่ะ มีคำทำนายแปลกๆโผล่มาในคุกกี้โดยที่มาดามคาบุรากิก็ไม่รู้งั้นเหรอ
"อาจจะเป็นเพราะฝ่ายผลิตพิมพ์พลาดก็ได้ เดี๋ยวจะลองตรวจสอบให้นะ" ว่าแล้วมาดามคาบุรากิก็ดันหลังฉันกับเอ็นโจให้เดินไปที่ประตู "เอ้าๆ อยู่ในนี้ก็อุดอู้เปล่าๆ ออกไปเล่นกับเพื่อนๆข้างนอกเถอะจ๊ะ กำลังสนุกกันใหญ่เลยล่ะ"
ฉันกับเอ็นโจเดินไปที่สนามด้วยกัน ในหัวยังคิดถึงเรื่องที่มาดามคาบุรากิพูด ถ้าคำทำนายมีแค่นี้ แล้วคำทำนายนั่นมาจากไหนนะ พิมพ์ผิดจริงๆงั้นเหรอ
"กังวลเหรอ"
"เอ่อ...ก็ นิดหน่อยค่ะ" ฉันถอนหายใจออกมา "ถ้าต้องเป็นแบบนี้ไปตลอดกาลล่ะก็ จะทำยังไงดีนะ"
"ผมเชื่อว่าปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ไขนะ" เอ็นโจยื่นมือมาบีบมือฉันเบาๆ "คุณคิโชวอินอย่าเพิ่งยอมแพ้สิ"
อุ นายให้กำลังใจฉันอยู่เหรอคะ ช่างเป็นคำพูดที่นุ่มนวลต่างจากปาฐกถาของคาบุรากิเหลือเกินค่ะ
"เอาเป็นว่าตอนนี้มาสนใจปัญหาเฉพาะหน้าก่อนดีกว่า" เอ็นโจหัวเราะ แต่ยังจับมือฉันเดินไปตามทางอยู่ "อีกสามวันจะต้องซ้อมวิ่งกับมาซายะแล้ว คุณคิโชวอินเตรียมตัวพร้อมแล้วใช่มั้ย"
ซ้อมวิ่ง!!!
ลืมไปซะสนิทเลยค่ะ!!!!!!
เดินมาถึงสนามที่ถูกดัดแปลงให้เป็นค่ายฝึก ก็เห็นคาบุรากิในชุดวอร์มยืนถือนาฬิกาจับเวลามองเหล่าม้าที่ผ่านการคัดเลือกและกำลังฝึกกำลังขาอยู่พอดี เสียงตะโกน "โอ๊สสส" ดังกึกก้องไปทั่วสนามเหมือนกับการฝึกทหารของประเทศไหนซักแห่งบนโลก
มะ ไม่ไหวแล้ว แค่เห็นก็เหมือนจะรู้รสชาติเลือดในปากเลย นี่ต้องซ้อมกับคาบุรากิแบบนี้จริงๆเหรอ ตาย ตายแน่ๆฉัน
"คุณคิโชวอิน พยายามเข้านะครับ" เอ็นโจหันมายิ้มให้ฉัน "ผมเองก็จะพยายามในการวิ่งแข่งแฟนซีเหมือนกัน"
แกล้งตายตอนนี้ยังทันรึเปล่าคะ
-------------
กูไม่รู้จะเขียนคาบุรากิให้บ้าๆบอๆไปกว่านี้ยังไงแล้วว่ะ กูขอโทษ 55555555555555555
>>843-846 เลิฟมึง เท่านี้ก็ถ่ายถอดความบ้านักษัตรของคาบุรากิออกมาได้ดีแล้วล่ะ ถถถถถถถถถ
โคตรชอบเอ็นโจในร่างเรย์กะ รู้สึกว่าบรรยากาศความสวยเสียของของนางจะหายไป กลายความสวยแบบมีเสน่ห์แพรวพราว
รู้จักอ่อยรู้จักหยอดแบบนางมารน้อยเข้ามาทันที... เอ้า ตายห่า นั่นมันเสป็คอุเมวากะคุงเลยนี่หว่า 55555555
ขอไร้สาระกับมะหมาคั่นเวลา กูชอบซีรีส์นี้ 555555
เป็นตอนๆสั้นๆไม่ต่อเนื่องกัน 2ตอน
---------------
« ตอน: พลังสุดเจ๋งของไซซายะ »
วันนี้พวกเราได้พบกับวาคาชิบะที่สวนสาธารณะอีกครั้งโดยบังเอิญ ไซซายะกระดิกหางรัวๆอย่างบ้าคลั่ง แล้ววิ่งลากพวกเราเข้าไปหาวาคาชิบะที่เดินเล่นกับเจ้านายสาวอยู่
"สวัสดี"
"อ๊ะ สวัสดีคุณไซซายะ"
"จำชื่อฉันได้ด้วยเหรอ?"
"จำได้ซิ นานๆจะเจออะไรแปลกๆอย่างหมาคนรวยข้ามถนนนี่นา อะฮะฮะ"
"เจ๋งใช่มั้ยล่ะ!"
เจ๋งยังไงกันน่ะไซซายะ...
สายจูงยังผูกติดพวกเราไว้ ฉันกับชูสุมอยเลยเดินไปที่อื่นไม่ได้ ต้องนั่งฟังไซซายะพล่ามเรื่องไร้สาระกับวาคาชิบะ
"เดี๋ยวฉันจะทำอะไรที่มันสุดยอดเจ๋งกว่านี้ให้ดู!"
"เห~ ไหนๆ"
ไซซายะเดินวนรอบตัววาคาชิบะ หนึ่งรอบ...สองรอบ...สามรอบ... ก่อนจะหมอบลงข้างหน้าแล้วเอาขาหน้าปิดตาตัวเองไว้
....?
ฉัน ชูสุมอย และวาคาชิบะเอียงคออย่างงงๆว่า เขากำลังทำอะไร ผ่านไปสักพักไซซายะก็ลุกขึ้นมายืนท่าทางมาดมั่นเต็มที่
"เจ๋งมั้ยล่ะ!"
"หา?"
"ไม่ทันสังเกตล่ะซิ! หายตัวไงล่ะ! แค่ปิดตาไว้ก็ไม่มีใครเห็นฉันแล้ว!"
ฉัน "...."
ชูสุมอย "...."
"... อะฮะฮะ ตลกจัง หมาคนรวยตลกแบบนี้กันหมดรึเปล่าน่ะ"
วาคาชิบะหัวเราะแล้วหันมาพูดคุยกับพวกเรา ฉันกับชูสุมอยส่ายหัวพร้อมเพรียงกันโดยไม่ต้องนัดหมาย
อย่าเอาฉันไปรวมกับเจ้าปัญญาอ่อนนี่นะคะ!
วาคาชิบะเป็นพวกเอ๋อๆเหรอเนี่ย ตลกตรงไหนกัน งี่เง่าชะมัด แค่ปิดตาจะหายตัวได้ยังไงกันเล่า! ฉันไม่เห็น คนอื่นก็ไม่เห็นน่ะเหรอ นายเป็นลูกหมารึไง?
ฉันกับชูสุมอยได้แต่มองไปทางไซซายะเงียบๆอย่างอเน็จอนาจใจ วาคาชิบะก็หัวเราะร่วนอย่างกับว่ามันตลกนักล่ะ ส่วนไซซายะยังคงกระดิกหางริกๆอย่างภาคภูมิใจ ไม่ได้รู้สึกตัวเลยสักนิด…
.
ขากลับจากการเดินเล่น ฉันเห็นรถกระบะเก่าๆคันหนึ่งวิ่งผ่านหน้าไป เห็นวาคาชิบะ และหมาอัลเซเชียนสีเงินตัวหนึ่งนั่งอยู่ด้วยกันที่ท้ายกระบะ
แต่ไซซายะคงจะไม่ทันได้สังเกตเห็น
« ตอน: หมากุ๊ยอุเมวาคาอิ »
"เฮ้ เธอน่ะ ไม่เคยเห็นหน้า มาใหม่เหรอ!"
วันนี้เจ้านายน้อยก็พาฉันออกมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะเหมือนทุกครั้ง ระหว่างที่เจ้านายน้อยปล่อยให้พวกเราวิ่งเล่นกัน ฉันก็ปลีกตัวออกมาเพื่อจะแอบไปสืบเรื่องของวาคาชิบะให้ไซซายะ ที่ยอมทำก็เพราะว่าเขาขอร้องมาหรอก ไม่ได้เห็นแก่กินสักนิด จริงๆนะ
ทว่าฉันกลับถูกขัดจังหวะโดยหมาแปลกหน้า
เขาเป็นหมาลายเสือพันธุ์คาอิตัวผู้ ท่าทางหยาบคายเหมือนกุ๊ย ไม่มีปลอกคอด้วยอะ น่ากลัวชะมัดเลยค่ะ
"เธอพันธุ์อะไรน่ะ?"
"...อเมริกัน ค็อกเกอร์ สแปเนี่ยลค่ะ"
"เห ชื่อยาวจัง หมาเมืองนอกเหรอ มาจากหมู่บ้านคนรวยตรงนั้นล่ะซิ ... นี่ๆ เห่าสำเนียงเมืองนอกให้ฟังหน่อยซิ! เหมือนกับญี่ปุ่นมั้ยน่ะ วังๆ? หรือโฮ่งๆ? บ๊อกๆ? วูฟๆ?"
... น่ารำคาญจัง
เขาพูดทีก็ก้าวเท้าเข้ามาใกล้จนฉันต้องถอยหลังไปเรื่อยๆ แต่เขาตัวใหญ่กว่าฉันเยอะแค่ก้าวเดียวก็โดนตามทันซะแล้ว แง้ อย่าเข้ามานะะะะ
"นี่ๆ ฉันเคยได้ยินว่าหมาคนรวยจะได้กินอาหารหมาเกรดพรีเมี่ยมที่แพงๆด้วยน่ะ จริงรึเปล่า รสชาติมันเป็นยังไงเหรอ เหมือนเนื้อติดกระดูกมั้ยน่ะ ขอชิมบ้างซิ! นะ นะ นะ ไว้ฉันล่าอีกามาแลกก็ได้!"
น่ารำคาญขนานแท้ ขอจัดให้อยู่กลุ่มหมาบ้ากลุ่มเดียวกับไซซายะเลยค่ะ
"ขนยาวแบบนี้ไม่ร้อนเหรอเนี่ย ดูแลลำบากแย่เลย แบบนี้คงต้องตัดขนบ่อยๆเลยซินะ ที่เขาเรียกว่าเพ็ทบิวตี้ใช่มั้ย โห นุ่มจังเลย! หอมน่ากินด้วย!"
กรี๊ดดด หยุดนะ! นี่มันล่วงละเมิดทางเพศนะคะ! อย่าเลียนะ! อย่ากัดด้วย! เพิ่งจะเข้าสปาแต่งขนใหม่เมื่อวานนี้เอง เสียทรงหมดแล้วอะ แง้ ใครก็ได้ช่วยด้วยค่าา
ฉันกำลังคิดหาทางหนีไปจากเจ้าหมากุ๊ยน่ารำคาญนี่ ระหว่างนั้นถอยหลังกรูดไปเรื่อย จนกระทั่งชนเข้ากับอะไรนุ่มๆที่ข้างหลัง
พอหันกลับไปก็เห็นว่าเป็นชูสุมอยที่นั่งจ้องเขม็งไปที่หมากุ๊ย ก่อนจะก้มลงมามองฉัน
ขนาดนั่งยังสูงกว่าฉันเลยอะ! ฮือ หมาตัวโตๆน่ากลั๊ว! อย่ากัดเค้านะ!
อะ แต่ว่าขนนุ่มจังเลยค่ะ ที่เห็นอ้วนๆนึกว่าลงพุงจริงๆแล้วแค่ขนฟูหรอกเหรอ ไม่ยุติธรรมเลยฉันก็พันธุ์ขนยาวเหมือนกัน แต่ทำไมหุ่นไม่เฟิร์มแบบนี้บ้างล่ะ?
"เรย์ทัน เจ้านายน้อยเรียกน่ะ"
"อ๊ะ ค ค่ะ"
ฉันหันซ้ายหันขวามองหมากุ๊ยกับชูสุมอยสลับกัน ก่อนจะรีบถอยกรูดออกมาจากวง วิ่งกลับไปหาเจ้านายน้อยทันที
“เอ๋~ เดี๋ยวก่อนซิ”
เจ้าหมากุ๊ยเห่าเรียก
พร้อมกันนั้นฉันก็ได้ยินเสียงขู่ขอชูสุมอยดังไล่หลังมา
กรี๊ดดดด ไปแล้วค่ะๆ รีบไปแล้วค่ะ อย่าขู่ใส่ซิคะ! ขาฉันมันสั้นน่ะเข้าใจมั้ย!?
แง้ เจ้านายน้อยช่วยด้วย!
ฟิคหมาโคตรน่ารักกกกกกกกกกกกกกก กูตายอีกแล้ว แงงงงงงงงงงง ขอบคุณมึงที่ต่อซีรี่ย์กู คาแรกเตอร์โดนใจกูมาก กูตายตาหลับแล้ว คร่อกก
ไซซายะ อิหมาอนุบาล ตลก วาคาชิบะจังเหมือนคุณม่เลย เห็นเด็กมันบ้า ก็ยิ้มอ่อนโยน ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แล้วนั่น ขนเงินนั้นนายตัวสำรองใช่ไหม คู่แท้วาคาชิบะแน่นอน เพราะไซซายะตอนแล้ว...//โดนไล่กัด
ส่วนนายบ้าหมาเวอร์หมาเอง ปากมากสุดๆ แต่น่าร้ากกก น่ารักยิ่งกว่าคือ ชุสุมอยหึงหน้ามืด เอื้อออ กุฟินนนนนนน ก๊าวมากกกก กรี้ดด//ขูดจอ
กรี๊ดดดดด กูอ่านจนตาเยิ้มไปหมดแล้ววว ขอบคุณทั้งโม่งแปล โม่งฟิค // หลังๆ กูก็แยกไม่ออกแล้วเหมิอนกันนะ โอยย มึนนนน
โหวด กุชอบชื่อกาวสตูดิโอ แต่พวกมึงช่วยตั้งชื่อให้สามัญชนไม่ตกใจหน่อยดิ!
ปล. กุคือโม่งข้างบนที่ๆทำงานมีแต่ผู้ชาย
เมื่อวานที่ทำงานกุสงสัยว่ากุแม่งพิมไรทั้งวันมาอ่านชื่อหัวกระทู้แล้วแล้วพูดว่า "เชี่ยไรเนี่ย"
ยังดีเขานึกว่ากุพิมพ์นิยาย ถ้ารู้กุพิมพ์กาวนี่กุคงเอาปิ๊ปคลุมหัว
>> 548-553 มาต่อแล้วค่ะ
----------------------------------------------------------
สถานที่จัดงานเลี้ยงยังคงเป็นที่เดิม แต่จากลานโล่งๆ ในคราวนี้ถูกแต่งเป็นประตูไม้เลื้อยดอกวิสทีเรียสีม่วงสลับขาว ห้อยลงมาเป็นแพ มีไฟติดเป็นระยะ เพื่อเพิ่มความสว่าง พอมองผ่านแสงแล้วบางพุ้มก็เป็นประกายสีชมพูเข้ม สวยมาก เหมือนกับอยู่ในความฝัน จนเผลอยิ้มออกมาเลยล่ะค่ะ
“ว้าว สวยจังเลยค่ะ~”
“ใช่ไหมฮะ คุณพี่เรย์กะ ผมอยากให้มาเห็นนี่แหละฮะ!”
“แหม ขอบคุณค่ะ ยูกิโนะคุง”
ฉันก้มลงไปยิ้มให้ยูกิโนะคุงที่จับมือฉัน ยูกิโนะคุงยิ้มตอบกลับมา
อาาา น่ารักจังเลย แต่ว่าพอผ่านวันนี้ไปคงไม่ค่อยได้เจอแล้วสินะคะ
ตะกี้ตอนเข้ามาในงาน เจ้าหน้าที่ทำหน้าที่ดูแลคนเข้ามาในงานเลี้ยงกลางคืนนั้นมองฉันอย่างงงงวย แต่เอ็นโจกล่าวเรียบๆ เพียงคำเดียวว่า ‘...เธอมากับผม’ เจ้าหน้าที่ก็รีบเปิดทางให้ฉันเลยค่ะ
รู้สึกเกรงใจที่ต้องรบกวนจังค่ะ
แต่ว่าไม่คิดเลยว่าเอ็นโจในการ์ตูนจะรักยูกิโนะคุงขนาดนี้ด้วย ตรงจุดนี้ช่างเหมือนท่านเอ็นโจเลยค่ะ ตามใจยูกิโนะคุงตลอดเวลาเลย
“ยูกิโนะ พี่จะไปหามาซายะกับคุณทาคามิจิ จะไปด้วยไหม” ตอนที่พูดชื่อคาราบุกิ เอ็นโจสบตากับฉันแวบหนึ่ง นัยน์ตาที่เหมือนจะลังเล แต่ว่าฉันคงคิดไปเองแน่ๆ เลยล่ะค่ะ
“ไปสิฮะ คุณพี่เรย์กะไปด้วยกันนะ”
“ไม่ดีกว่าจ้ะ พี่ขอนั่งรอตรงมุมโน้นดีกว่าจ้ะ ยูกิโนะคุง” ฉันบอกปัดไปพร้อมกับลูบหัวยูกิโนะเพื่อปลอบโยน แล้วลุกขึ้นมากล่าวขอบคุณเอ็นโจที่พาเข้ามาในงาน
“ขอบคุณท่านเอ็นโจ ที่พาดิฉันเข้ามาในงานค่ะ”
“หวังว่าคงไม่ก่อเรื่องหรอกนะ”
“ไม่ทำให้ท่านเอ็นโจต้องเป็นกังวลหรอกค่ะ ตอนนี้ดิฉันมาอยู่ในฐานะไหน ดิฉันรู้ตัวดีค่ะ” ฉันยิ้มแย้มตอบเอ็นโจ เดินไปหยิบน้ำจากบริกร และเดินไปตรงมุมที่ฉันบอกกับยูกิโนะ
รู้น่าว่าให้ทำตัวอยู่เงียบๆ เหมือนไม่ให้มีใครรู้น่ะ!
แต่ว่าขอแวบไปตักขนมมาทานนิดๆ หน่อยๆ ล่ะกันค่า~
หลังจากผ่านไปประมาณสักยี่สิบนาที ขนมในจานก็หายวับไปอย่างรวดเร็ว อยากกินอีกชะมัดเลยค่ะ แต่ต้องอดใจเอาไว้ ไม่งั้นจะอ้วนเอาได้
ฉันเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสังเกตว่าฉันมาที่นี่ แต่ก็ดีแล้วล่ะค่ะ อยู่อย่างนี้ไปจนจบงานก็ดีนะคะ
ฉันอยู่ว่างๆ มองเลยไปเห็นเอ็นโจกำลังคุยกับคาราบุกิและวาคาบะจัง สายตาของเอ็นโจมองคนทั้งคู่อย่างอ่อนโยน ส่วนยูกิโนะคุงก็ไปคุยเล่นกับเพื่อนร่วมรุ่นของเขา เห็นมาโอะจังกับยูริคุงด้วยล่ะ อยากเข้าไปคุยด้วยจังเลยค่ะ
เหงาจังเลยค่ะ
.
.
.
ฉันที่นั่งชมบรรยากาศไปเรื่อยเปื่อยอย่างเดียวดาย มองดูคนที่เริ่มเข้าไปในฟลอร์เต้นรำ ดีจังเลยค่ะ
“น้ำครับ คุณคิโชวอิน”
“...ท่านเอ็นโจ”
นึกว่าจะลืมฉันไปแล้วซะอีกค่ะ ฉันรับน้ำจากมือของเอ็นโจที่ยื่นมาให้ พร้อมกับขอบคุณเบาๆ เงยหน้ามองท่านเอ็นโจในชุดทักซีโดสีเทาเข้ากับสีผมเป็นสีอำพันแปลกตา มือข้างหนึ่งถือไวน์ อีกข้างหนึ่งกำลังเสมองไปอีกทาง ดูน่าหลงไหล เหมือนกับ…
เหมือนกับ...หลุดออกมาจากเจ้าชายในนิทานเลยค่ะ
“มาซายะกับคุณทาคามิจิกำลังไปได้สวย ผมหวังว่าคุณคิโชวอินจะไม่เข้าไปขัดขวางอีกนะ” แต่เรื่องคำพูดที่ทำให้คนชะงักนี่ อีกเรื่องนึงนะคะ
“ดิฉันไม่คิดจะทำอย่างนั้นแน่นอนค่ะ แล้วก็...”ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “อยากจะพูดเรื่องอะไรกันแน่คะ ท่านเอ็นโจ”
นี่ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อป่วนงานเลี้ยงซะหน่อย! ถ้ายูกิโนะคุงไม่ชวนมาฉันก็ไม่คิดจะมาเหยียบที่นี่หรอกนะ แค่นั่งนึกถึงความหลังก็แค่นั้นแหละค่ะ ก็เข้าใจอยู่หรอกค่ะ ว่าระแวง แต่แบบนี้ทำเอาความรู้สึกดีๆ หดหายหมดเลยค่ะ
“อื๋อ ตอบหนักแน่นดีนี่” เอ็นโจยิ้ม แล้วหัวเราะเบาๆ “ถ้าเช่นนั้นให้เกียรติเต้นรำกับผมสักเพลงได้ไหมครับ คุณคิโชวอิน”
อะ อาเระ?
มึนงงไปหมดแล้วค่ะ สรุปจะเข้ามาหาเรื่อง หรือว่าเข้ามาทำอะไรกันแน่คะ? ถ้าไม่เต้นก็ถือว่าไม่ให้เกียรติกับผู้ชวน แต่ว่าถ้าเข้าไปบนฟอร์ลล่ะก็ฉันไม่แย่เอาหรอกหรือคะ
ไม่เอาด้วยหรอกค่ะ
เมื่อเห็นฉันส่ายหน้า เอ็นโจก็ยิ้มน้อยๆ ไม่ได้ว่าอะไร
“ถ้างั้นมานี่ดีกว่าครับ”
“อะ เอ๋?” เอ็นโจดึงมือฉันไปโดยไม่ทันตั้งตัว เขาพาฉันเดินไปยังโซนซุ้มกุหลาบที่ตอนนี้ไร้วี่แววผู้คน ดอกกุหลาบหลากหลายสีสันกำลังเบ่งบานสะพรั่ง งดงามมากเลยล่ะค่ะ
“อ้ะ! กระดิ่งนี่?”
ฉันเดินเข้าไปหยุดอยู่ที่ซุ้มดอกกุหลาบสีแดง มีริบเบิ้นสีขาวผูกปลิวไสวในสายลม คล้ายผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว ข้างบนก็มีกระดิ่งแขวนอยู่ด้วย ตกแต่งได้สวยเหมือนเคยเลยนะ
ไม่รู้ว่าเอ็นโจมายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามฉันเมื่อไหร่ แต่เขาก็ยื่นมือไปจับที่ปลายผ้าด้านนึง แล้วยกยิ้มให้ฉัน
“สั่นกระดิ่งไหม คุณคิโชวอิน?”
“เอ๊ะ ค..ค่ะ” ฉันจับปลายอีกด้านนึง สั่นกระดิ่งพร้อมกับเอ็นโจด้วยความรู้สึกขัดเขินในอก เพราะก้มหน้าอยู่เลยไม่รู้ว่าเอ็นโจมองฉันด้วยสายตาแบบไหน
พอรู้สึกตัวอีกที ก็ตอนที่เขาเข้ามาประชิดตัวฉันแล้ว ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ทั้งสองมือของเอ็นโจยื่นมือมากุมมือของฉันเอาไว้แน่น
“คุณคิโชวอิน รู้ความหมายของซุ้มนี่รึเปล่าครับ?”
“?”
อื๋ม ไม่ใช่ว่าแค่ตกแต่งให้สวยๆ หรอกหรือคะ? ฉันเงยหน้ามองเอ็นโจ พบว่านัยน์ตาคู่นั้นกำลังมองลงมาที่ฉันด้วยสายตาที่จริงจังทำเอาพูดอะไรไม่ออก
“ตามตำนานของซุยรัน ว่ากันว่าคู่รักที่มาสั่นกระดิ่งที่นี่จะมีความสุขตลอดไปล่ะครับ”
เอ๊ะ มีตำนานแบบนั้นด้วยเหรอคะ? ก็ไหนท่านพี่บอกไม่มีอะไรพิลึกๆ แบบนั้นนี่คะ?
แต่เอ๊ะ เมื่อกี้ฉันสั่นกระดิ่งกับเอ็นโจ! ไม่สิ ฉันกับเขาไม่ใช่คู่รักกันเสียหน่อยค่ะ!
“คุณคิโชวอินตัดใจเรื่องมาซายะเถอะ”
เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยว แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับคาราบุกิคะ?
“ท่านเอ็นโจเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ”
ไม่สิเรย์กะคนก่อนชอบคาราบุกิ แต่ว่าฉันไม่ได้ชอบตานั่นนี่ แต่ดันเผลอตอบไปแบบนั้นแล้ว เอ็นโจถึงกับเบิกตากว้างแวบนึง ก้มมองลงมาแบบไม่แน่ใจ
“เข้าใจผิด งั้นที่ผ่านมาคุณทำเพื่อใครกันล่ะ คุณคิโชวอิน”
ตอบผิดเป็นภัยมหันต์อย่างร้ายแรง ยิ่งกับคนเจ้าแผนการอย่างเอ็นโจด้วยแล้ว จะว่ายังไงต่อดีล่ะคะ อา… ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งกดดันเข้าไปใหญ่เลยล่ะค่ะ ทำยังไงดี ทำยังไงดีล่ะค่ะ ตอนนี้ตาฉันเริ่มหมุนไปหมดแล้วล่ะค่ะ~
“ดิฉันหมายถึง ตอนนี้ดิฉันไม่คิดกับท่านคาราบุกิแบบนั้นแล้วยังไงล่ะคะ”
“ทั้งที่คุณทุ่มเทขนาดนั้นเนี้ยนะ?”
“ค่ะ ท่านเอ็นโจจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม แต่ในตอนนี้ดิฉันคิดเรื่องครอบครัวของดิฉันอย่างเดียวเท่านั้นค่ะ”
“...”
เอ็นโจเงียบไป สายตาของเราสองคนประสานกันอย่างเงียบงัน ตอนนี้ในหัวของฉันไม่ได้ยินแม้แต่เสียงดนตรี สิ่งที่ตรึงฉันไว้คือสายตาของเอ็นโจเท่านั้น ทั้งรู้สึกผิดที่เหมือนกับเอามาเป็นตัวแทนท่านเอ็นโจ แต่ว่า แต่ว่าใบหน้าที่เหมือนกับท่านเอ็นโจนี้ทำให้ฉันเผลอไผลไปแล้วล่ะค่ะ
ไม่รู้ว่าทำไมร่างกายถึงไม่ฟังคำสั่ง มืออีกข้างที่เป็นอิสระถึงได้ยื่นออกไปหมายจะแตะแก้มของคนตรงหน้า แต่แล้วเพราะเสียงของเขาทำให้ฉันหยุดชะงัก
“คุณคิโช..”
“ขะ...ขออภัยที่เสียมารยาทค่ะ ท่านเอ็นโจ!”
ฉันรีบพูด แล้วรีบผละออกจากที่ตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
ไม่ได้! ไม่ได้นะ! ไม่ได้เด็ดขาดเลย!
ฉันทำอะไรอยู่กันคะ ฉันน่ะไม่ใช่คนแบบนี้สักหน่อยนี่คะ
ฉันเข้ามาระงับสติอารมณ์ในห้องน้ำ ตอนนี้ผู้คนคงมัวจดจ่ออยู่กับฉากเต้นรำของคาราบุกิและวาคาบะจังอยู่แน่ๆ พอมองดูตัวเองในกระจก เทียบกับฉันที่ไม่มีใครสนใจ อยู่คนเดียวอย่างนี้ก็สาสมแล้วค่ะ
ไม่รู้ว่าทำไมน้ำตาถึงได้ไหลคลอลงมา
ฉันจะทำยังไงดี ฉันถึงกับทรยศท่านเอ็นโจเพราะว่าเอ็นโจที่มีบรรยากาศคล้ายกับท่านเอ็นโจเลยเหรอ
“แหม~ คุณคิโชวอินไม่เจอกันเสียนานนะคะ”
“อะค่ะ สวัสดีค่ะ” ฉันยิ้มน้อยๆ ตอบกลับไป ไม่คิดเลยว่าจะมีคนเข้ามาในตอนนี้ หรือว่างานเต้นรำจะจบแล้วนะ
“แต่ว่าสามัญชนแบบคุณคิโชวอินเข้ามาในงานได้ด้วยรึคะ รึว่าแอบเข้ามากันคะ?”
“เผอิญว่าท่านเอ็นโจให้เกียรติเชิญดิฉันมาเป็นเพื่อนกับน้องชายของท่านน่ะค่ะ” แล้วกล่าวตามจริง ถ้าอ้างชื่อเอ็นโจออกไป น่าจะ… อื๋อ น่าจะคุ้มครองฉันได้ส่วนหนึ่งล่ะมั้ง
เห็นไหมล่ะคะ พอได้ยินชื่อของเอ็นโจก็ตกตะลึงไปเลยล่ะค่ะ
“อุ้ย นี่ยังผละจากเรื่องท่านคาราบุกิไม่ทันไร ก็เข้าหาทางท่านเอ็นโจเสียแล้วหรือคะ คุณคิโชวอินนี่เสน่ห์แรงดีนะคะ~”
คำพูดเสียดสีชะมัดเลยค่ะ… แต่ก็ช่างเถอะ สิ่งที่ฉันทำมาก่อนหน้านี้มันก็ควรสมควรได้รับแล้วล่ะค่ะ ฉันไม่ได้โต้ตอบเพียงแค่ฉีกยิ้มที่มุมปากเพิ่มอีกนิดเท่านั้นเองค่ะ
“ถ้าพวกท่านไม่มีธุระอะไรแล้ว ดิฉันขอตัวกลับเข้างานก่อนนะคะ” ฉันโค้งตัว พร้อมกับจะสวนทางออกไป ทว่าผู้หญิงตรงหน้ากลับขัดขาฉันก่อน ทำให้ฉันล้มลง
อุหวา ทำไงดี?! เสื้อจะเปื้อนไหมเนี้ย!
“อุ้ยตาย~ ขออภัยด้วยค่ะ คุณคิโชวอิน ดิฉันซุ่มซ่ามไปหน่อยน่ะค่ะ~”
“...”
ฉันที่ล้มลงมองดูก้มดูเสื้อผ้าของตัวเอง จะมีรอยเปื้อนไหมเนี้ย เป็นสีขาวเสียด้วย ทำไงดีล่ะคะ คงต้องไปไปเอาน้ำมาลูบไว้ก่อนค่อยส่งไปซัก
“เป็นแค่สามัญชนมาตีตัวเสมอท่านเอ็นโจนี่มันออกจะเกินหน้าเกินตาไปแล้วนะคะ!”
“ใช่ค่ะ คนแบบคุณน่ะ ไม่สมควรที่จะอยู่เคียงข้างท่านเอ็นโจหรอก”
“...”
อื๋อ… ค่าซักรีดมันเท่าไหร่กันนะ แต่ว่าชุดแบบนี้คงแพงแหงเลย เงินเดือนจากงานพิเศษก็ยังไม่ออกซะด้วยสิ ขอติดเอ็นโจไว้ก่อนดีไหม หรือขอความช่วยเหลือจากท่านพี่ดีนะ ไม่สิ...เดี๋ยวลองขอร้องดูก่อนล่ะกัน
“อ้ะ!”
ไม่ทันตั้งตัวฉันก็ถูกผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มนั้นเชยหน้าฉันให้หันไปมองทางเธอ
“ฟังอยู่รึเปล่าคะ!”
“เอ๊ะ??” ฟัง ฟังอะไรเหรอคะ? เรื่องซักรีดเหรอคะ ไม่ต้องห่วงค่ะ น่าจะหาทางได้อยู่ค่ะ
“สามัญชนก็ควรอยู่ในที่ของสามัญชนสิคะ!”
“ท่านเอ็นโจคงโดนแผนสกปรกแน่ๆ เลยๆค่ะ”
ฉันเม้มปากแน่น อื่อ เข้าใจแล้วล่ะค่ะ ที่แท้ก็คงเข้าใจผิดเรื่องของฉันกับเอ็นโจนี่เอง แรงรักของพวกผู้หญิงนี่เยอะจังเลยค่ะ
...น่ากลัวจังเลยค่ะ ใครก็ได้ช่วยที!
“ทำอะไรน่ะ!”
“ทะท่านฟุยุโกะ!” เสียงของพวกผู้หญิงกลุ่มนั้นดูตกใจมากทีเดียวค่ะ แต่ว่า ฟุยุโกะ? หรือว่าจะเป็นท่านฮางิโนะโคจิ ฟุยุโกะ สาวสไตล์ญี่ปุ่นคนนั้นน่ะเหรอคะ? เป็นเพื่อนๆ กลุ่มเดียวกันกับฉัน แต่ว่าในการ์ตูนนั้น เหมือนท่านฟุยุโกะจะไม่ค่อยโผล่ออกมาเท่าไหร่นัก
พอพวกผู้หญิงกลุ่มนั้นตีวงหนีออกไป ฉันก็เห็นท่านฟุยุโกะที่ถอนหายใจ แต่ว่าขนาดถอนหายใจก็ยังงดงามเลยนะคะ
“...ตกต่ำขนาดนี้เชียวหรือคะ ท่านเรย์กะ”
ท่านฟุยุโกะเดินมาทางฉันแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงห่วงใย เอ๋…? มีคนเป็นห่วงฉันด้วยเหรอคะ…ทั้งที่ก่อเรื่องไปตั้งขนาดนั้นแท้ๆ
พอนึกๆ ดูในความทรงจำแล้ว เรย์กะในการ์ตูนนั่นมักจะออกมาก็ตอนที่กลั่นแกล้งวาคาบะจัง เพราะหึงหวง และมีเรื่องราวที่ใช้อำนาจในทางที่ไม่ดี เป็นคนที่ไม่เห็นหัวคนอื่น พูดจาเอาแต่ใจ หยิ่งยโส เรียกได้ว่าไม่มีข้อดีอะไรให้กล่าวถึงเลย แต่ว่านั่นเป็นเรื่องที่เผยให้เห็นแค่ในมุมมองของการ์ตูนเท่านั้นค่ะ
แต่ว่าเรย์กะก่อนที่จะมาเป็นฉันนั้น ที่ฉันลองนึกดูในความทรงจำของเธอกับพวกผู้หญิงที่ติดตามเธอนั้น เรย์กะก็ดูแลอย่างดี ไม่เคยให้อะไรขาดตกบกพร่องเลย...หรือว่าเป็นเพราะแบบนั้น ถึง…?
“ท่านเรย์กะ”
“คะ? เอ่อ ขออภัยด้วยค่ะ ท่านฟุยุโกะ ทำให้มาเห็นดิฉันในสภาพน่าอับอายเสียแล้วล่ะค่ะ” ฉันยิ้มแย้มตอบกลับไป และพูดอีกประโยค “และก็ต้องขอขอบคุณที่ช่วยเหลือคนอย่างดิฉันนะคะ”
“...” ท่านฟุยุโกะมองฉันอย่างชั่งใจชั่วครู่ “ท่านเรย์กะคะ”
“คะ?”
“ช่วยพึ่งพาพวกเรามากกว่านี้เถอะค่ะ!”
“เ------อ๋?”
“พวกดิฉันน่ะ เฝ้ามองท่านเรย์กะตลอดเลยนะคะ ท่านที่อดทนได้อย่างเข้มแข็ง แม้จะถูกท่านคาราบุกิหักหน้า หรือเรื่องที่ถูกลดขั้นเป็นสามัญชนทำให้ถูกรังแก แต่ก็ยังพยายามอยู่นั้นทำให้พวกเราประทับใจมาก พวกคุณคุคิโนะ และคุณเซริกะเองก็เป็นห่วงท่านเช่นกันค่ะ ถึงพวกเราจะออกหน้าไม่ได้มากนัก แต่ว่า แต่ว่า...ท่านไม่ควรทิ้งพวกเราไปไม่ใช่หรือคะ?”
“ทะ...ท่านฟุยุโกะ”
“ตอนที่ได้ข่าวว่าท่านเรย์กะเข้าโรงพยาบาล หรือจะย้ายโรงเรียน ทำเอาพวกเราทุกคนช็อคเลยนะคะ ถึงขนาดที่...ถึงขนาดที่...ต้องไป..”
ท่านฟุยุโกะเม้มปากแน่นเหมือนกับมีเรื่องที่อยากพูดมากมาย แต่แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแค่เอาผ้าเช็ดหน้าไปชุบน้ำ และมาเช็ดรอยที่เปื้อนให้ฉันเท่านั้น เหมือนเธออยากพูดอะไรออกมา แต่พูดไม่ได้งั้นแหละค่ะ
“เนื้อแท้ของท่านเรย์กะเป็นคนดี พวกเราที่อยู่ข้างท่านมานาน รู้ทั้งนั้นแหละค่ะ จะมีก็แต่ตอนที่ท่านคิดเรื่องท่านคาราบุกิมากไปเท่านั้นเอง ทำให้…”
“ขอบคุณค่ะ ท่านฟุยุโกะ”
ท่านฟุยุโกะเป็นคนดีจังเลย ยังอ่อนโยนเหมือนเดิมไม่มีผิดเลยล่ะค่ะ! ฉันเอื้อมมือไปจับมือของท่านฟุยุโกะเอาไว้
“ท่านเรย์กะ?”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ดิฉันตัดใจจากท่านคาราบุกิได้แล้วล่ะค่ะ”
“จริงรึคะ”
“ค่ะ แล้วก็ท่านฟุยุโกะคะ ต่อไปนี้ถึงดิฉันจะเป็นแค่สามัญชนธรรมดาๆ แต่ก็ขอเข้าไปคุยกับท่านฟุยุโกะและทุกคนอีกได้ไหมคะ?”
“แน่นอนสิคะ! ทุกคนรอคอยท่านเรย์กะอยู่เสมอนะคะ!”
อื๋อ ขอโทษนะเรย์กะ ดูเหมือนว่าฉันจะเข้าใจเรย์กะคนนี้ผิดไปแล้วค่ะ เรย์กะเธอเองก็ยังมีเพื่อนดีๆ หลงเหลืออยู่นะ!
ฉันออกมาจากห้องน้ำกับท่านฟุยุโกะ ที่พูดคุยกับฉันด้วยท่าทางเป็นกันเอง ก่อนที่ท่านฟุยุโกะจะขอแยกตัวออกไปเพราะเอ็นโจที่เดินมาหาฉัน เธอเอ่ยกับฉันว่าไว้ค่อยคุยกันหลังจากเปิดเทอมใหม่ค่ะ
“คุณคิโชวอิน!”
“ท่านเอ็นโจ ขออภัยด้วยค่ะ ดิฉันซุ่มซ่ามทำให้ชุดเปื้อนแล้วล่ะค่ะ!” ได้โปรดอย่าเพิ่มหนี้สินให้ฉันเลยนะคะ!
“คุณ...อา..เฮ้อ..เรื่องนี้ไม่เป็นไรหรอกครับ” ทำไมต้องถอนหายใจแล้วยิ้มแบบระอาใจแบบนั้นด้วยล่ะคะ! เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับสามัญชนเลยนะคะ
“ยูกิโนะเรียกหาคุณคิโชวอินน่ะครับ เพราะคุณไม่อยู่ในงาน”
“ยูกิโนะคุง? งั้นไปกันเถอะค่ะ” ฉันรับคำเอ็นโจ เราสองคนเดินไปหายูกิโนะคุงที่รออยู่ตรงซุ้มดอกไม้เมื่อครู่ ฉันคุยเล่นกับยูกิโนะคุงและเพื่อนของยูกิโนะคุงพักใหญ่ จนกระทั่งท่านพี่และท่านอิมาริเข้ามารับฉันที่งานเลี้ยง ถึงได้บอกลาจากมา
พอผ่านพ้นงานเลี้ยงฤดูร้อนไปแล้ว ฉันก็กลับเข้าสู่วงจรชีวิตสามัญชนเช่นเดิมค่ะ ยูกิโนะคุงก็ส่งเมลล์มาหาฉันบ้าง พวกเราติดต่อกันผ่านข้อความค่ะ แล้วก็มีได้คุยกับคุณคิคุโนะและคุณเซริกะ ที่ส่งข้อความมาขอโทษฉัน ที่ไม่ได้ช่วยเหลือตอนที่ฉันลำบากเลยหลังจากคืนวันงานที่ฉันได้คุยกับท่านฟุยุโกะ น่าจะเป็นท่านฟุยุโกะล่ะมั้งคะ ที่ส่งข่าวไปบอกพวกเธอ ทำให้ฉันไม่เหงาเลยล่ะค่ะ
ที่ทำงานที่มินิมาร์ทฉันปรับตัวได้ดีขึ้นแล้วค่ะ เริ่มสนิทกับอุเมวากะคุงแล้วค่ะ ได้เจอเบียทันแล้วด้วยล่ะ ยังน่ารักมากๆ เช่นเคยค่ะ อีกอย่างฉันได้เป็นเพื่อนทางเมลล์กับเบียทันแล้วนะคะ
ที่คาเฟ่ก็เหมือนกัน ตอนแรกทุกคนไม่สนิทกับฉันแท้ๆ แต่คงเป็นเพราะฉันมีความพยายามเลยทำให้ทุกคนค่อยๆ ยอมรับฉัน ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีค่ะ แต่ว่านะสิ่งหนึ่งที่เพิ่มเข้ามาในตอนนี้ และยิ่งทำให้ฉันไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่ ปัญหาหลักๆ เลยก็คือ เอ็นโจ ค่ะ
ทั้งที่บอกกับเขาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย แต่ทำไมเอ็นโจถึงได้ขยันมาที่ร้านคาเฟ่ทุกวี่ทุกวันล่ะคะ!
สายตาที่กดดันแบบนั้น ทำให้วันแรกๆ ฉันเกร็งเลยล่ะค่ะ ต้องคอยสอดส่องตลอดเวลาว่าจะมาไม้ไหน แต่พอสบตา เอ็นโจกลับยิ้มให้ฉัน อุ...วางแผนอะไรอยู่กันคะ?
พอเอ็นโจมา เพื่อนๆ ในคาเฟ่ก็มองฉันด้วยสายตาแปลกๆ ทั้งยังให้ฉันไปรับออเดอร์ของเอ็นโจตลอด นี่เขาไม่ได้มาหาฉันสักหน่อยนะคะ ทุกคนอย่างเข้าใจผิดสิคะ อย่ามองฉันด้วยสายตาหวานชื่นแบบนั้นน้าาา!
“เรย์กะจังดูซูบๆ ลงนะคะ” ท่านแม่ทักฉันในเช้าวันหนึ่งที่อยู่บ้าน พลางยกมิโซะซุปมาวางไว้บนโต๊ะอาหาร ไม่รู้ว่าทำไมพอเห็นมิโซะ ท่านพี่กับท่านพ่อถึงกับหน้าซีดเซียวเลยค่ะ
แล้วก็เวลาที่ท่านแม่เข้าครัวทำอาหารสลับกับท่านพี่บางครั้งนั้น ไม่รู้ว่าทำไมท่านพี่ถึงทำหน้าอยากจะห้าม แต่ก็ห้ามไม่อยู่เสียทุกครั้ง คงกลัวว่าท่านแม่จะเหนื่อยล่ะมั้งคะ แต่ท่านพ่อกับท่านพี่ก็กินอาหารที่ท่านแม่ทำหมดทุกครั้งนะคะ
ถึงแม้จะกินน้ำเปล่าเป็นขวดๆ ก็เถอะ กินน้ำเยอะแบบนั้นเดี๋ยวท้องก็อืดหรอกค่ะ!
“คงเพราะช่วงนี้หนูทำงานหนักไปหน่อยน่ะค่ะ ท่านแม่” เจอแรงกดดันของจอมมารเข้าไปน่ะค่ะ
“งั้นหรือคะ ถ้ายังไงหยุดพักบ้างดีไหม วันศุกร์เสาร์อาทิตย์นี้แม่ว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อนของแม่ เรย์กะจังก็ไปด้วยดีไหมคะ”
“เอ๋ แต่ค่าที่พักมันแพงนะคะ ท่านแม่” ไปตั้งออนเซ็นเชียวนะ
“คุณเรย์กะคะ!” อยู่ๆ ท่านแม่ก็พูดเสียงเฉียบขาดขึ้นมา ทำให้ฉันทำหน้าจริงจังตาม ถึงคุณแม่จะกลับมาลงท้านเรียกชื่อของฉันว่า ‘จัง’ แต่พอเวลาอารมณ์เสียก็จะเรียกฉันว่า ‘คุณเรย์กะ’ เหมือนเดิมค่ะ
“ค่ะ ท่านแม่”
“เรื่องความสวยกับเรื่องเงินมันคนละอย่างกันนะคะ คุณเรย์กะลองคิดดูสิ ถ้าเราไม่สวย จะมีใครที่ไหนเขามาชอบ...คุณเรย์กะคงไม่อยากที่จะอยู่เป็นโสดคนเดียวไปตลอดชีวิตหรอกใช่ไหมคะ?”
อุ...หวาาาา
ท่านแม่โหดร้ายที่สุดเลยค่ะ หยิบยกเรื่องความงามกับเรื่องคานทองมาพูดแบบนี้มันผิดกติกากันชัดๆ เลยนี่คะ
พอหันไปหาตัวช่วยจากทางท่านพ่อกับท่านพี่ พวกท่านก็ยิ้ม ไม่พูดอะไร ใบหน้าเหมือนมีธงสีขาวติดอยู่ ก็รู้อยู่หรอกค่ะ ว่าเวลาท่านแม่เอาจริงขึ้นมา มันก็น่ากลัว แต่ว่า แต่ว่า...บ้านเราต้องประหยัดไม่ใช่รึไงกันค้าาาาาาาา!
ลับหลัง หลังจากนั้นฉันก็ถามถึงท่านพี่เรื่องที่ท่านแม่จะไปเที่ยว แต่ท่านพี่บอกกับฉันว่าไม่ต้องห่วงเรื่องเงินขนาดนั้น ให้ท่านแม่กับฉันผ่อนคลายบ้างก็ดี เป็นอันว่าฉันจะถูกท่านแม่ลากไปเที่ยวแล้วค่ะ...
ระหว่างทางกลับห้อง ฉันได้ยินท่านพ่อคุยโทรศัพท์หาคุณซาซาจิมะ อดีตเลขาของท่านพ่อ ได้ยินแว่วๆ ว่าจะให้มาช่วยสอนท่านแม่ทำอาหาร อะไรสักอย่างเนี้ยแหละค่ะ อาหารที่ท่านแม่ทำก็อร่อยนะ ทานุกินี่!
***************************************************************************************************
// ท่านแม่ลิ้นจระเข้! แฮ่…!
ตัดฉับ
กำลังคิดว่าถ้าดำเนินเรื่องช้าไปคงไม่ดี ให้สกิลปักธงแบบรัวๆ เลยแล้วกันนะ (?) --คิดอยู่ว่าจะเอาพาทความคิดของคาราบุกิมาลงดีไหม
แต่พอไล่อ่านๆ ดูเป็นมุมมองที่คาราบุกิกลัวเอ็นโจมาก เลยยังไม่กล้าเอามาลง--*
เรย์กะแมงลิ้นจระเข้ กินอะไรก็อร่อยไปหมด 555555555555555
กูชอบฟิคมึงมาก เอ็นโจวก็ตามจีบไม่ปล่อยเลยเชียว 555555555555555
กูแต่งฟิค โลกคู่ขนานแยกอีกเรื่องก็แล้วกัน
ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่คนแต่งก่อนหน้านี้น้า
ชื่อเรื่องแล้วเราก็ตามหากันจนเจอ ...ถุย น้ำเน่าชิบ 5555
--------------------------------------
วันนี้คือวันแต่งงานกับผมและเรย์กะ
แปลกใจสินะที่ผมเรียกชื่อของเธอตรงๆ หลังจากที่เราคบกัน เราก็ตกลงกันว่าจะเรียกด้วยชื่อเฉยๆ แต่ต่อหน้าคนอื่นพวกเราต้องรักษาภาพลักษณ์และมารยาทของผู้ดี เลยยังคงเรียกด้วยคำว่าคุณนำหน้า เรย์กะเองก็เปลี่ยนจากเรียกท่านเป็นคุณเช่นกัน
ผมเคยวาดฝันเวลานี้มานานแล้วตั้งแต่สมัยยังเรียนที่ซุยรัน พอมาเจอจริงๆกลับตื่นเต้นจนในลนลานไปหมด ที่ซ้อมในใจตั้งแต่เมื่อก่อนพอเจอของจริงดูจะช่วยอะไรไม่ได้เลย
ผมกำลังเดินทางไปยังสถานที่จัดงานแต่งงานเป็นโบสถ์แสนสวยที่เรย์กะเคยบ่นว่าอิจฉาคนที่แต่งงานที่นี่
ผมในชุดเจ้าบ่าวนั่งอยู่หลังรถที่แล่นไปบนท้องถนน ยิ้มบนใบหน้าไม่อาจหุบได้เลย ผมดีใจ....ดีใจจริงๆ
ขณะวาดฝันถึงเรย์กะในชุดเจ้าสาว เสียงโทรศัพท์ของบอดี้การ์ดของผมก็ดังขึ้น เขายกโทรศัพท์มือถือมารับ คุยกันสักพักหน้าก็กลายเป็นซีดเผือด แล้วหันมาทางผม
"เกี่ยวกับผมรึเปล่า" เนื่องจากวันนี้เป็นวันงาน ผมจึงไม่พกโทรศัพท์มือถือไว้กับตัว เห็นบอดี้การ์ดหันมาทางผมด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ก็รู้ได้ทันทีว่าในสายนั้นเขาโทรมาหาผม
"ครับ ท่านชายเอ็นโจว..."
"งั้นส่งมาให้ผม" โทรมาตอนนี้คงมีธุระด่วนจริงๆ ผมถอนหายใจเล็กน้อย ส่วนบอดี้การ์ดยังคงทำหน้าอึกอักไม่ยอมส่งโทรศัพท์ให้ผม จนผมต้องเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ เห็นสีหน้าย่ำแย่ของบอ์ดี้การ์ดในใจเริ่มวูบโหวงด้วยสังหรณ์ไม่ดี
"คุณคิโชวอินประสบอุบัติเหตุ... อาการเป็นตายเท่ากันครับ"
ตอนนั้นโลกของผมได้พังทลายลง
.
.
.
.
เธอกำลังนอนหลับ
คุณหมอบอกว่าสมองเธอได้รับการกระทบกระเทือนรุนแรง จนกลายสภาพเป็นเจ้าหญิงนิทรา โอกาสที่จะฟื้นแทบไม่มี แต่ด้วยความร่ำรวยของตระกูลคิโชวอินและผมเอง เราทำทุกวิถีทางที่จะรักษาเธอ ขอแค่เธอกลับมาหาพวกเรา ผมเอางานของบริษทมาทำงานในห้องของเธอ เพื่อที่จะอยู่เคียงข้างเธอ...ผมอยากเป็นคนแรกที่เธอเห็นตอนเธอตื่นขึ้นมา เช่นเดียวกับพี่ชายของเรย์กะที่ตอนนี้ก็เอางานมาทำที่โรงพยาบาลเหมือนผม
หนึ่งเดือนแล้ว...
เธอกำลังนอนหลับ อาการเริ่มทรุดตัวลงอย่างช้าๆ
ผมสงสัยจังว่าเธอกำลังฝันถึงเรื่องอะไรอยู๋
อาจเป็นเรื่องของกินที่เธอชอบ งานเย็บปักที่เธอรักแม้ฝีมืออาจจะยังต้องฝึกอีกมากก็เถอะ
หรือไม่ก็...
งานแต่งงานของเรา....
ตอนนี้เธอเหมือนกับเจ้าหญิงนิทราผู้งดงาม
เพียงแต่จุมพิตที่ผมมอบให้นับพันครั้งกลับไม่สามารถปลุกเธอขึ้นมาได้
ทำไมกันล่ะ... ทุกคนต่างเรียกผมว่าเจ้าชาย
เจ้าชายต้องปลุกเจ้าหญิงนิทราขึ้นมาไม่ใช่เหรอ
นี่เรย์กะ...
ตื่นสิ
มายิ้มให้ผมเห็นหน่อยได้ไหม...
ผมกุมมือเธอ สภาพของผมเริ่มทรุดโทรมจนมาซายะทนไม่ไหว ดึงผมออกมา แล้วให้คุณทาคามิจิเข้าไปดูแลเรย์กะต่อ
"ชูสุเกะ ฉันรู้ว่านายสภาพจิตใจย่ำแย่ แต่นายจะทำงานและเฝ้าคิโชวอินโดยไม่ดูแลตัวเองไม่ได้ กินข้าวบ้างเถอะ" พอได้ยินมาซายะเรียกชื่อผม ผมก็เหมือนได้ยินเสียงเรย์กะ เธอมักจะเรียกผม ชูสุเกะ ชูสุเกะ... ผมเงยหน้า รู้สึกเหมือนโลกสว่างในพริบตา
"เรย์กะกำลังเรียก ผมต้องไปแล้ว"
"เดี๋ยว! ชูสุเกะ!" ผมไม่ฟังคำพูดของมาซายะ วิ่งกลับเข้าไปยังห้องที่คุณคิโชวอินนอนอยู่ คุณทาคามิจิดูตกใจเมื่อผมเข้าไปในห้อง
เธอยังไม่ตื่น
ผมหัวเราะอย่างขมขื่น
ทรุดตัวลงข้างๆเตียงของเธอ กุมมือเธอไว้ แล้วแย้มยิ้มแบบที่เมื่อก่อนเธอมักจะทำท่าทางกลัวเสมอ
ตื่นสิเรย์กะ ผมยิ้มแบบนี้แล้วนะ เธอต้องลุกขึ้นมาทำหน้าไม่ไว้ใจแล้ววิ่งหนีผมสิ
เรย์กะที่แสนขี้ขลาดของผม
.
.
.
.
เดือนที่สอง
เรย์กะก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา
จะนอนขี้เกียจเกินไปแล้วนะ เรย์กะ
แต่เหมือนร่างกายผมจะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เพราะร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอและขาดสารอาหารผมจึงวูบไป รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่บนเตียงข้างๆเรย์กะ
ผมเห็นท่านแม่และน้องชายของผมร้องไห้ ผมรู้สึกผิดมาก แต่ผมน่ะ... ยังทำใจไม่ได้จริงๆ
ขอโทษนะครับ...
"ถ้าแยกอีกห้องนายก็ดื้อจะมาอยู่ตรงนี้ใช่ไหม" มาซายะบอกกับผมเขานั่งอยู่ข้างเตียง "เมื่อก่อนนายมักมีเหตุผล และคอยเตือนฉันตลอดแท้ๆ ทำไมตอนนี้กลับเป็นฉันที่เตือนนายล่ะ" เขาบ่น ผมได้แต่ยิ้มอ่อนแรงไปให้
"อย่าทำให้เป็นห่วงสิ..." เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นมาซายะร้องไห้นอกจากเรื่องอกหักจากคุณยูริเอะ "นายเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของฉันนะ เจ้าบ้า"
"...โทษทีนะ" เขาไม่รับคำขอโทษของผม ยังด่าผมว่าเจ้าบ้าซ้ำๆ
"วันนี้วาคาบะทำอาหารมาให้กิน อร่อยมาก ถ้านายไม่กิน วาคาบะจะเสียใจ ฉันจะเอาช้อนยัดปากนาย"
อาหารของคุณทาคามิจิอร่อยอย่างที่มาซายะบอก แต่ผมกินได้นิดเดียวก็รู้สึกพะอืดพะอมไม่อยากอาหาร แต่เพราะสายตารบเร้าของมาซายะและท่านแม่กับยูกิโนะ เลยฝืนกินจนหมดแล้วล้มตัวลงนอน เพื่อที่จะได้พักผ่อนได้เต็มที่ ท่านแม่กับพวกมาซายะออกไปจากห้องพักผู้ป่วย เหลือคนเฝ้าเพียงพี่ชายของเรย์กะที่กำลังทำงานอยู่ที่โซฟามุมห้องเงียบๆ
ผมไม่ได้สนใจเขามากนักเพราะรู้เองว่าเขาก็ไม่ต่างจากผม ผมมองเรย์กะที่อยู่เตียงข้างๆ เอื้อมมือไป กุมมือของเธฮที่มีสายน้ำเกลือติดอยู่
"เรย์กะ ผมป่วยล่ะ รีบมาดูแลผมเร็วเข้า" ผมพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
.
.
.
.
เธอยังคงไม่ตอบผม...
........................................................
ผมหลับไป หลับลึกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนหลังจากวันที่เรย์กะประสบอุบัติเหตุ
ผมเหมือนได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย เลยลืมตาตื่นขึ้น
ภาพที่เห็นกลับไม่ใช่โรงพยาบาลเป็นห้องโถงงานเลี้ยงอะไรสักอย่าง ผู้คนต่างมุงอยู่รอบตัวของผม ข้างกายผมไม่มีเรย์กะหลับอยู่เคียงข้าง สมองผมตกใจจนแข็งทื่อไปหมด
"ชูสุเกะ นายเป็นอะไร เมื่อทำท่าเหมือนจะวูบไป" เสียงของมาซายะดังขึ้น ผมหันไปมองเขา เขาอยู่ในชุดสูธเต็มยศ ข้างกายมีคุณทาคามิจิที่ทำท่าทางตื่นๆทำตัวไม่ถูกอยู่
อาการป่วยและคลื่นไส้เมื่อวานนเหมือนจะหายดีเป็นปลิดทิ้งเหมือนเป็นความฝัน...
ความฝัน...งั้นเหรอ?
"นายไม่เป็นไรก็ดีแล้ว งั้นมาเริ่มงานกันต่อ" มาซายะพูดกับผม แววตาฉายแววเหี้ยมเกรียมขึ้น
"งาน?"
"หือ นายเหมือนจะเบลอๆกว่าทุกทีนะชูสุเกะ ทั้งๆที่นายคิดแผนนี้แท้ๆ" มาซายะกำลังพูดในสิ่งที่ผมไม่เข้าใจ เขาหัวเราะนิดหน่อยก่อนเฉลยผม "กำจัดตัวน่ารำคาญออกไปไงล่ะ"
ตัวน่ารำคาญ? ....ใครกัน
มาซายะเหมือนจะไม่เห็นสีหน้าที่งุนงงของผม เขาก้าวเท้าออกไป แหวกกลางผ่านเหล่าผู้คนที่มามุงจนไปถึงจุดหมาย
ที่มีร่างเด็กสาวบอบบางคนครึ่งนั่งทรุดตัวอยู่บนพื้น เธอมองรอบข้างอย่างงุนงง เหมือนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัว เธอตรงหน้าผมดูเด็กกว่าในความทรงจำล่าสุดของผม แต่ผมรู้ดีว่าเธอคือใครด้วยใบหน้าและทรงผมอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ คนที่ผมไม่มีทางลืมได้ชั่วชีวิต
"ไง คิโชวอิน แกล้งเป็นลมสนุกไหม พอไม่มีคนสนใจก็ทนไม่ไหวตื่นมาอีกเหรอ"
"คุณคาบุรากิ?" พอเธอเห็นหน้าคาบุรากิเธอก็ยิ้มดีใจเหมือนได้เจอเพื่อนท่ามกลางคนแปลกหน้า พยายามลุกขึ้นตรงไปหามาซายะ มาซายะทำท่ารังเกียจแล้วผลักเธอออก ร่างกายของเธอที่ดูเหมือนจะอ่อนแรงอยู่แล้วเลยล้มลงไปอีกรอบ มาซายะส่งเสียงเหอะแล้วบอกว่าปกติเรียกท่านคราวนี้มีตีสนิทเรียกคุณเหรอ เรย์กะกับผมมองไปทางมาซายะอย่างไม่เข้าใจ และผมโมโหมากที่มาซายะกระทำกับเรย์กะแบบนั้น ขณะที่กำลังจะเดินไปต่อว่า มาซายะกลับตะโกนดังก้อง
"วันนี้จะไม่มีการหมั้นของฉันกับคิโชวอิน เรย์กะอะไรทั้งนั้น" ผมชะงัก ประมวลผลคำพูดของมาซายะอย่างุนงง
"คนที่ฉันรักและจะแต่งงานด้วยคือผู้หญิงคนนี้เท่านั้น" มาซายะกุมมือของคุณทาคามิจิที่ยืนอยู่ข้างๆ ให้คำมั่น เรย์กะเองก็มองสองคนข้างหน้าด้วยความงุนงงเหมือนเดิม เธอไม่พูดอะไรออกมา ยังคงมองไปที่มาซายะ และเหมือนเธอจะยังไม่เห็นผม
แต่ว่ามาซายะกับคุณทาคามิจิ... พวกเธอแต่งงานกันแล้วไม่ใช่เหรอ
เรื่องไม่หมั้นเรย์กะ และจะหมั้นคุณทาคามิจินั่นมันอะไรกัน
ที่สำคัญเรย์กะของผมไม่เคยคิดจะหมั้นกับนายสักหน่อย
เรย์กะยังเงียบสนิท แต่ผมสังเกตุเห็นว่าแววตาของเธอเหมือนมีความกระจ่างในอะไรบางอย่างแล้วแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว ทำให้มาซายะที่เห็นเรย์กะเงียบไปพูดขึ้นอย่างแปลกใจ
"ไม่โวยวายงั้นเหรอ... ช่างเถอะ...และนี่คือหลักฐานการฉ้อโกงของตระกูล! พวกเขาไม่สมควรอยู่ระดับเดียวกับพวกเรา" ข้อมูลถูกแจกจ่ายทั่วงานเลี้ยง ประธานและคุณนายคิโชวอินหน้าซีดเซียวประกาศว่าตนไม่ได้ทำ แต่ตอนนั้นเหล่าบอดี้การ์ดก็มาลากตัวพวกเขาออกไป และกำลังจะมาลากตัวเรย์กะไปด้วยเช่นกัน
ผมพุ่งตัวผ่านมาซายะ วิ่งไปหาเธอ
เธอเองก็มองเห็นผมแล้ว วินาทีที่เราสบตากัน ผมเห็นดวงตาของเธอเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา เรียกชื่อผมแผ่วเบา
"ชูสุเกะ..."
เป็นเธอ...
เธอคนนั้นของผม
ผมผลักบอดี้การ์ดที่เข้าใกล้เธอจนล้ม ไม่สนใจเสียงร้องตกใจของคนรอบข้าง ไม่สนใจสายตาของมาซายะที่มองผมอย่างตกใจ ไม่สนสายตาแปลกใจของพวกท่านแม่ที่มองมาที่ผม ไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น!
ผมนั่งคุกเข่าแล้วรวบตัวเธอมากอดไว้
กอดแนบแน่น สาบานว่าจะไม่ปล่อยเธอไปอีก
.
.
.
.
แล้วร้องไห้ออกมาเหมือนกับเด็กๆ
..........จบ
วิ่งหนีด้วยความเร็วแสง
กูเริ่มสงสัยแล้วว่ะว่ากว่าอฟช.จะจบจะเกิดฟิคกาวขึ้นมาอีกกี่จักรวาล fandom วะเนี่ย...
อาาาาาาาาาาาาาาาาา เห็นคอมเมนต์เรื่องที่บอกหัวหน้าห้องต่างหากที่รู้จักเรย์กะดีที่สุด ทั้งนิสัยใจคอ ความรักครั้งแรก หรือสัตว์รุมเกลียด ไม่ใช่เอ็นโจ กูอยากจะเถียงเขาจังว่ะ ว่าหัวหน้าห้องก็รู้เพราะเป็นเพื่อนกับเรย์กะ แต่โมเมนต์เอ็นโจนี่มันแฝงมาเนียนๆเกือบทุกตอนเลยนะเว้ย แบบต้องจับสังเกตอะถึงจะรู้ว่าเอ็นโจก็สอดส่องเรย์กะอยู่ อ่านใจเรย์กะได้ด้วยว่าคิดอะไร ถึงขั้นรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ถ้าไม่สังเกต ไม่ติดตามพฤติกรรมเขา จะไปรู้ความรู้สึกนึกคิดเขาเหรอ แล้วที่บอกว่าชงให้คาบุรากิตลอดมันก็ไม่ใช่นะ ตอนหิ่งห้อยเห็นเพื่อนแล้ว รู้ว่าเพื่อนอยู่ตรงไหน แต่ก็จะอยู่กับเขา ไม่พาเรย์กะไปหาด้วยซ้ำ ยืนดูหิ่งห้อยด้วยกันแบบโรแมนซ์ๆในสายตาคนนอกอีกต่างหาก แล้วก็จับหิ่งห้อยให้ด้วย จะชงให้เพื่อนเขาไม่ทำกันขนาดนี้
แล้วเปิดเรื่องมา เรย์กะบอกว่าชอบหน้าของเอ็นโจมากกว่าคาบุรากิ ไม่ใช่เรย์กะชอบคาบุรากิที่สุดนะ //กูไฟ้ว์เพื่อเรือกูวววววว
ขอค้านคอมเม้นท์ในแมวดุ้นอ่ะ เดี๋ยวรอคนเปิดเยอะๆแล้วไปด้วย #ทีมอิมาริ
กูว่าปล่อยเมนท์นั้นเขาไปเต๊อะ เดี๋ยวไม่นานมันจะมีโมเมนต์นึงที่ชัดมาก ไม่กาวด้วย ยังจะเถียงอีกมั้ยว่าว่าเอ็นโจไม่ได้คิดอะไรกับเรย์กะแล้วชงให้คาบุรากิอีกงั้นเหรอ พอตอนนั้นมาถึงก็เอาไปอ่านวนไปนะคะ เราก็มาสูดกาวของเราในนี้กันต่อ
แมวดุ้นเขาไม่พี้กาวแบบเรา แต่กุค้านเรื่องหัวหน้าห้องสุดใจว่ะ หัวหน้าห้องเป็นเพื่อนก็จริง แต่เรย์กะไม่ได้แสดงอะไรเยอะมากนะ ที่รู้ๆคือรู้อันที่บังเอิญเห็น ในขณะที่เอ็นโจว เรย์กะไม่ได้บอกเชี่ยไรเลย รูุ้กอย่าง มองหน้าก็เหมือนรู้แล้ว โคตรสตอร์กเกอร์ขั้นสูง 5555555555555555555 ยิ่งดิบหลังๆ กูยิ่งคิดว่าใช่ ฮีแกมีความสุขกับการแกล้งให้เรย์กะกลัวและระแวงมาก 55555
กูรวมรายชื่อมาให้โหวตใหม่ตรงนี้นะ เริ่มโหวตใหม่เลย
1 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันยามบ่ายกลางจักรวาลแห่งกาว (ดาวเคราะห์ดวงที่ 4)
2 ฮาเร็มเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับช่องมโนแห่งมิติพิศวง (เรือโนอาลำที่สี่)
3 ฮาเร็มเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับสตูดิโอกาวโปรดักชั่นหมายเลข 4
4 ฮาเร็มเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชากับหลุมดำแห่งกาวแล็กซี่ซุยรัน (มิติที่ 4)
5 ฮาเร็มเจ้าแม่เรย์กะ : จิบน้ำ(กัญ)ชาทัศนา คณะตลกสามช่า (พระราม4)
3 เหมือนกัน
ข้อ 3 คือความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน...
ฟิคกาวกูอยู่ไหน!!!
ชอบทุกชื่อนะ แต่3มีนิมิตหมายที่ดีต่ออนาคตการสูดกาวที่สุดแล้ว กา3เลย
ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก ดีใจที่พวกมึงชอบชื่อนี้กันนะ สตูดิโอกาวจริงๆ พล็อตมากมาย บทหลากหลาย ถ่ายทำกันแทบไม่ได้หลับได้นอน
ใครจะตั้งกระทู้ กูพิมพ์คำว่า"ของ"ตกไปว่ะ ช่วยแก้จาก "ฮาเร็มเจ้าแม่เรย์กะ" เป็น"ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ" ด้วยนะ จะได้ขึ้นต้นเหมือนๆกัน
เดี่ยวกุว่าพวกมึงใจเย็นก่อนจริงๆแล้วมันก้อควรจะมีหลายเรือให้ลงนะอย่าไปพึ่งไปแย้งความคิดใครแค่พวกเราเสพกาวท่านเอ็นโจกันเกินขนาดมากกว่าในแมวเอง5555
ถ้ามีกาวเรือรองจะมีใครอยากเสพมั้ยอะ ขอลองsurvey ตลาดดู
กุอยากรู้ถ้าคาบุรากิใน kimi dolche มาอยู่ในร่างบากะรากิจะเกิดอะไรขึ้นวะ ยิ่งถ้าฟื้นมาตอนจีบวาคาบะยังไม่ติด จะตลกแค่ไหน5555555
ได้หมด ถ้าสดชื่นค่ะ. ซูดดดดดดดด
>>930 เห็นเรย์กะคิมิดอลเปิดซีรีย์ใหม่ เป็นสาวร้านขายปลาก็ขมวดคิ้ว เธอนี่ใจโลเลจังเลยนะ สิบสองนักษัตรยังไม่สมบูรณ์แบบ เธอก็จะทิ้งมันไปแล้วเปิดซีรีย์อุราชิมะ ทาโร่แทนงั้นเหรอ หัดคิดถึงความรู้สึกของหนู แมว ลา ไก่ แกะที่เธอทิ้งไว้ข้างหลังด้วยสิ แต่เอาเถอะ ถ้าเธอเลือกแล้วฉันก็จะสนับสนุน //เอาชุดเต่าให้เรย์กะคิมิดอล
เออ ถ้าบากะรากิไซซายะไปอยู่กูว่าที่นั่นคงช็อก เอ็นโจกูต้องเอ๋อแดกแน่ๆ55555
วันนี้มีกาวมาเพิ่มมั้ยยย ว่าแต่พวกโม่งที่แต่งเอ็นโจ side story พาร์ทหายไปไหนหมด
แปลไทยมาถึงตอนให้ลาเต้อาร์ทนุ้งต่ายแล้ว อยากเห็นมุมมองอันโรแมนติก 5555
>>935 กูอยากเห็นด้วยยยยยยยยยยยยยยยย
เตือนเพื่อนโม่ง ประมาณ เม้น 980 ตั้งห้องใหม่เลยนะพวกมึง ใครตั้งเขียนไว้เลยว่า จองตั้งห้องจะได้ไม่ตั้งซ้ำ ผมโหวตน่าจะชนะใสๆคือ
ฮาเร็มเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับสตูดิโอกาวโปรดักชั่นหมายเลข 4
เอาไว้พูดคุยเรื่อง "นอบน้อมและหนักแน่น คือคติประจำใจในการใช้ชีวิตของฉันค่ะ!"
รักใคร อวยใคร ชอบใคร อยากให้ใครเข้าวิน เชิญได้ที่กระทู้นี้
謙虚、堅実をモットーに生きております!
นอบน้อมและหนักแน่น คือคติประจำใจในการใช้ชีวิตของฉันค่ะ!
(RAW) http://ncode.syosetu.com/n4029bs/
(TH) http://www.nekopost.net/novel/3015
_______________________________
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ [เรือลำที่ 1 : องค์ชายเอ็นโจ]
https://fanboi.ch/webnovel/3289
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำชายามบ่ายของโม่งซุยรัน [ซาลอนที่ 2]
https://fanboi.ch/webnovel/3364/
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันยามบ่ายกลางจักรวาลแห่งกาว (ยานแม่ลำที่3)
https://fanboi.ch/webnovel/3451/
สารบัญแฟนฟิค-แฟนอาร์ต-รายชื่อตัวละคร
https://justpaste.it/reika
แก้
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับสตูดิโอกาวโปรดักชั่นหมายเลข 4
เอาไว้พูดคุยเรื่อง "นอบน้อมและหนักแน่น คือคติประจำใจในการใช้ชีวิตของฉันค่ะ!"
รักใคร อวยใคร ชอบใคร อยากให้ใครเข้าวิน เชิญได้ที่กระทู้นี้
謙虚、堅実をモットーに生きております!
นอบน้อมและหนักแน่น คือคติประจำใจในการใช้ชีวิตของฉันค่ะ!
(RAW) http://ncode.syosetu.com/n4029bs/
(TH) http://www.nekopost.net/novel/3015
_______________________________
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ [เรือลำที่ 1 : องค์ชายเอ็นโจ]
https://fanboi.ch/webnovel/3289
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำชายามบ่ายของโม่งซุยรัน [ซาลอนที่ 2]
https://fanboi.ch/webnovel/3364/
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันยามบ่ายกลางจักรวาลแห่งกาว (ยานแม่ลำที่3)
https://fanboi.ch/webnovel/3451/
สารบัญแฟนฟิค-แฟนอาร์ต-รายชื่อตัวละคร
https://justpaste.it/reika
มึงคะ เหมือนกุเคยเห็นเรือลำอื่นด้วย ไปไหนหมดแล้วอ่าคะ?
ยิ่งน้อยลำยิ่งต้องผลิตค่ะ เรือเอ็นโจวนี่ ก่อนมีโม่งนี่เหมือนกับพายไม้จิ้มฟัน ไม่เห็นมีใครเม้นเชียร์ท่านเอ็นโจวคนเราไม่กล้าเม้นเชียร์ด้วย มาเจอกันเลยเหมือนปลดปล่อย ผลิตเองรัวๆ จนเมากาวกันถ้วนหน้า เรืออื่นมาดูยังเมาตาม 5555 เวลากูอ่านเรื่องอื่นกูชอบอยู่เรือลำเล็ก แต่ที่กูเห็นเหมือนๆกันคือลำเล็กจะมีความทรหดในการแจวเรือสูง ผลิตเองเสพเอง ไม่รอใคร เพราะรอแล้วมันไม่มี 55555 เพราะงั้นโม่งเรือลำอื่น แต่งเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่อะไรถึงกูเรือเอ็นโจว แต่กูเสพได้ทุกลำยกเว้นเรือคานกูแบนนน กูแอนตี้ คานจงหายไป!
เรืออิมาริก็น่าสนนะ ออกแนวน้องสาวเพื่อนผมที่เห็นมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยโตเป็นสาวแล้ว ผมเลยชักจะหวั่นไหว แถมหัวใจเธอยังว่าง จีบเลยดีมั้ย แต่พี่ชายเขาหวง เข้าใกล้ไม่ได้เลยล่ะครับ
แต่สำหรับกู อิมาริมีโมเมนต์กับท่านพี่มากกว่าเรย์กะอีกง่ะ ทำให้กูจิ้นไม่ค่อยออก แต่ใครอยากขายกาวให้กู กูก็ไม่ขัดศรัทธานะเอ้อ
>>943 ท่านอิมาริได้ยินข่าวแว่วๆจากเพื่อนที่เรีนพิเศษเรย์กะว่าแอบชอบพี่ชายไรงี้ แล้วใจเต้นโดคิโดคิเปล่า แต่บังเอิญพี่ชายยืนอยู่ข้างเลยโดนโยนลงอ่าวโตเกียว
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
//เอาจริงๆ อิมารินี่กูก็จิ้นนะ แต่ไม่รู้ทำไมพอจิ้นทีไร ภาพท่านพี่ถ่วงหมอนี่ลงอ่าว ปรากฏชัดทุกที แอบเรย์กะชอบคนอื่นท่านพี่มองห่างๆอย่างห่วงๆ แ่พออิมาริไปกระแซะ ถึงกับลากเข้าห้อง ออกมาแบบโทรมๆ คือไรคะ ท่านพี่ 55555555555555555555555
กูชอบเรือนายสำรองนะ แม้บทจะน้อยนิดก็เถอะ
จริงๆอิมาริเนี่ย ตอนหลังๆก็มีโมเมนต์เหมือนจะจีบอยู่นะ แต่นานมากกกกกก กว่าพี่แกจะมีบท และมาหยอดตอนเดียวแล้วก็หายไปเลย ทำเอากูคิดว่าจริงๆอิมาริมีโคลนนิ่งใช่ป่ะวะ แบบร่าง 1 ตาย ก็เอาความทรงจำของร่าง 1 ไปใส่ร่าง 2 พอร่าง 2 ตาย ก็เอาความทรงจำไปใส่ร่าง 3 ไปเรื่อยๆ แต่ว่าการถ่ายเทความทรงจำจะใช้เวลานานพอสมควร อิมาริก็เลยออกมาได้ไม่บ่อย และฆาตกรก็คือ....//เสียงเปิดประตูแบบโคนัน พักชมโฆษณาซักครู่
กุขอเสนอพล็อตกาวเรือคำ้คอร์ พี่ชายผู้รักน้องสาวมากจนก้าวลํ้าคำว่าศีลธรรม น้องแล้วไงใครจะทำไม กำจัดผู้ชายที่อยู่รอบตัวทุกคน ก็เรย์กะมีเเค่พี่คนเดียวก็พอแล้ว เอ้า ซู๊ตตตตตต อ้าาาา
เเถวนี้มีคนแต่ขาดกาวคะคุณมึง แต่ไม่มีความสามารถในการเขียนฟิคเองอ้ะ
>>947 ความคิดมึงล้ำมากนี้มันนิยายไซไฟชัดๆ 5555 แต่กุก้อแอบเชียร์อิมาริตั้งแต่บอกว่าเรย์กะน่ารัก น่าสนใจแล้ว
>>946,948 กุก้อชอบนายตัวสำรองแต่กุอยากให้คู่กะวาคาบะมากกว่าแล้วให้บากะรากี้ไปออกบวช5555
>>949 ตายแล้วงั้นกุขอให้ไม่ให้พี่ชายแท้ๆแล้วกันจะได้ไม่ผิดศีลธรรมมากไป555 เพราะท่านพี่ก้อได้อะไรดีๆผิดกับทาคานุกิ
หรือกูจะเขียนอิมาริโคลนนิ่งดีวะ พูดเองชักสนใจเอง 5555555555555555555555
กูอยากแต่งหลายอันมากตอนนี้ ยูกิโนะเอ็นโจ เอ็นโจเรย์กะ คาบุรากิไอ้บ้า แต่ทั้งนั้นกูอยากมาถาม ว่าถ้ากูจะแต่งอิมาริท่านพี่นี่จะมีใครว่ามั้ยวะ คือมันเป็นชายชาย กูกลัวโม่งบางคนรับไม่ได้อ่ะ แต่คู่นี้มันเรียลมาก เอ็นโจกับเรย์กะยังมีโมเม้นต์เล็กๆน้อย(แต่มากสุดในคู่นอร์มอลของเรื่องแล้ว) แต่คู่พี่ชายกับอิมารินี่มัน.....อฟช ถึงขั้นใส่บทครุมเครือมาเลยนะเว้ย ฟิคยังไม่มโนถึงขั้นนั้น ทั้งอิมาริถูกลากไป...ในห้อง(?) ทั้งโดนโทรตามจิกไปเดทต่อกันสองคน(?) วัยมหาลัยก็ตัวติดกัน ท่านพี่รู้เรื่องของอิมาริทุกอย่าง อิมาริก็ตามใ---ยอมทำทุกอย่าง นี่มันคู่เรียลโดยไม่ต้องพึ่งกาว พุ่งแรงยิ่งกว่าเรือรำไหน
>>949 กุกาวเองแต่งเองมาให้พวกมึงได้เสพกันเรย
*ฟิคคำ้คอร์รับไม่ได้ก็ข้าม.
ถ้าถามว่าสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของผมคืออะไร
ผมตอบได้เลยว่า น้องสาวของผม คิโชวอิน เรย์กะ
ผมชอบเวลาทีเธอมาซบลงที่เเขนผมบอกเล่าเรื่องราวของเธอให้ผมฟังมันเหมือนกับว่าผมเป็นคนสำคัญที่สุด'คนเดียว'ของเธอ
แน่ล่ะในโลกนี้คนที่เธอจะพึ่งพาได้มีเเค่ผมเท่านั้น
ผมบังคับให้เธออยู่ในแต่กำมือของผมมาตั้งแต่เธอยังเด็ก ชักใยเธอให้เหมือนตุ๊กตาที่ผมชี้ซ้ายเธอก็หันซ้าย ชี้ขวาเธอก็ต้องหันขวา ดวงตาของเธอต้องจ้องมาแค่ผม แค่ผมคนเดียวเท่านั้น
การกระทำของผมก็ไม่ต่างกับการล้างสมองให้เธอเดินตามทิศทางที่ผมต้องการ
ผมค่อยๆฝังความคิดของผมเข้าไป เข้าไปทีละนิด เธอจะต้องรักผมยิ่งกว่าใครแม้กระทั่งพ่อกับแม่ก็ต้องสำคัญน้อยกว่าผม
ผมไม่ได้เป็นซิสค่อนอย่างที่อิมาริล้อเลียนผม
แค่ผู้ชายคนนึงที่รักผู้หญิงคนนึงเท่านั้น
และผมจะไม่มีวันให้ใครมาแย่งเธอไปจากผมได้ เพียงแค่รอเวลา รอเวลาที่ผมจะได้ทุกสิ่งในตระกูลคิโชวอิน เมื่อถึงวันนั้น....
ต่อให้ต้องทำร้ายใครก็ตามแม้กระทั่งพ่อแม่ก็ยอม
ขอเพียงได้อยู่กับเธอน้องสาวของผม
ผมก้มลงมองไปที่น้องสาวของผมที่เผลอหลับใหลช่างไม่ระมัดระวังตัวเลยจริงๆนะ มือเรียวของเขาสัมผัสเส้นผมที่เป็นลอนของเธออย่างทะนุถนอม ริมฝีปากของเขาจุมพิตที่เส้นผมอย่างแผ่วเบา ไล้เลียไปที่ซอกคอขาวประทับตราความเป็นเจ้าของสีกุหลาบเอาไว้ และกระซิบที่ข้างหูของเธอ
"น้องเป็นของพี่เรย์กะ ของๆพี่คนเดียว อย่าได้คิดหนีไปจากพี่"
และมารร้ายที่สวมหน้ากากพี่ชายแสนใจดีก็ถูกเปิดออก เผยให้เห็นตัวตนด้านมืดที่เธอคงไม่มีโอกาสได้เห็น
มารร้ายที่ค่อยๆล่อลวงสาวน้อยผู้บริสุทธิ์ให้ทานผลไม้ต้องห้ามที่น่าหลงใหล
แค่เธออยู่กับเขาศีลธรรมก็ช่างมัน
...เขาเผยรอยยิ้มร้ายกาจด้วยความเงียบงัน
กุเอาฟิคมาของคั่นเรื่องผิดศรีธรรมแปป55555
ฟิคเรื่องแรกถ้าหลุดคาแรคเตอร์ไปขออภัยด้วยนะ
ภาคพิธีจบการศึกษา
ในที่สุดวันที่ฉันรอคอยก็มาถึงแล้วค่ะทุกคน วันที่ฤดูใบไม้ผลิของฉันมาเยือนแล้วคร้าาาา ถ้าเป็นจริงก็วิเศษไปเลยสิค่ะ เฮ้อ วันนี้เป็นวันจบการศึกษาของพวกเราซุยรัน เป็นวันที่พวกเรารอคอยกันจริงๆ แต่ว่าทุกคนลืมไปหรือเปล่าค่ะ ว่ายังมีการสอบเข้ามหาลัยและชีวิตมหาลัยที่แสนจะยากลำบากกว่าม.ปลายอีกนะคะ อุ๊ย แค่คิดถึงก็รู้สึกท้อคิดมาเลยคะ ในตอนที่ฉันรู้สึกท้อแท้ก็ได้ยินเสียงดัง บัง! คล้ายเสียงของพลุ เอ๊ะมีคนจุดพลุ ฉลองวันเรียนจบด้วยหรอค่ะ สมกับเป็นซุยรัยจริงๆ แต่ทำไมทุกคนดูเอะอะ ตกใจอะไรกันค่ะ หือ!นั้น ท่านคาบุรากิกับวาคาเบะจังนี้ เอ๊ะ!! หรือว่าท่านคาบุรากิจะสารภาพรักกับวาคาบะจัง อุ๊ยตาย โรแมนติกจังเลยนะคะ รู้สึกอิจฉาวาคาบะจังนิดๆแหะ
"ทาคามิจิ"
"....."
บุ้ง! เสียงพลุดังสนั่นอีกครั้ง คนจากตระกูลคาบุรากินับสิบๆคนขนดอกไม้เข้ามารอบตัววาคาบะจัง
ฟิ้ว! เสียงเครื่องบินไอพ่นดังขึ้นเหนือหัว ทุกคนจึงหันไปมอง ปรากฏเครื่องบินพ่นลมเป็นประโยค
"คาบุรากิ มาซายะ ชอบทาคามิจิ วาคาบะ "
“ ~A time for us last to see
A life worthwhile for you and me~”
"~คาบุรากิ มาซายะชอบ ทาคามิจิ วาคาบะ~”
คณะประสานเสียงจากวงออร์เคสตรากำลังร้องเพลง A time for us ของ Romeo and Juliet
"......."
"......"
นั้นมันห่_ อะไรว่ะค่ะ ฉันหลุดคำหยาบคายในใจเป็นสิบๆคำ นี้คำแนะนำที่มาขอฉันวันก่อนไม่ได้เข้าหูเลยใช่มั้ยค่ะ จากแค่มีช่อดอกไม้ กับคำพูดหวานๆ เสียงดังฟังชัด กลายเป็นทุ่งดอกไม้กับเสียงดังที่เกือบจะดังไปทั้งเมืองแบบนี้ ไปได้อย่างไงค่ะแล้วเพลงนั้นมันของโรมีโอกับจูเลียต หรืออยากตายแบบตอนจบ แล้วทำไมถึงมีท่อนแปลกๆแบบนั้นออกมากด้วย นี้แกทำอะไรกับบทเพลงอมตะแบบนั้น นี้ถ้าฉันเป็นวาคาบะคงอยากเอาหัวโขกพื้นให้สลบไปเลย ไม่เอาดีกว่าเปลี่ยนเป็นจับหัวมันโขกพื้นให้ตายไปจะดีกว่า
"แต่งงานกับฉัน”
"....."
อุ๊ว่ะ นั้นมันประโยคอะไร แกนี้มันบ้าจริงคาบุรากิ ปฏิเสธมันไปเลยวาคาบะจัง ให้มันไปโดดหน้าผาตายไปเลย
"คำตอบแหละ"
"ตกลงค่ะ"
เฮ้ย ชะงัก ฉันอดที่จะนับถือวาคาบะจังไม่ได้ ต้องเป็นยอดหญิงตัวจริงที่จะรับรักไอ้บ้านี้ได้
"กริ๊ดดดดดด"
"ไม่นะท่านคาบุรากิ ฮือๆ"
"อึก จักรพรรดิของพวกเรา"
ทำไมทุกคนต้องทำหน้าเสียใจกันขนาดนั้น จริงควรจะจุดพลุฉลองที่มีคนสติดีเอาหมอนี่มากกว่า วาคาบะจังนี้น่ายกย่องจริงๆ แล้วฉันก็เป็นคนแรกที่ตบมือให้วาคาบะจัง
ทุกคนเลยเริ่มตบมือตามฉัน แต่ทำไมต้องหันมาทำหน้าซาบซึ้งใส่ฉันล่ะ เย่ ฉันแค่ตบมือเองนะไม่ได้รับรักไอ้บ้านั้น
"โถ่ท่านเรย์กะของพวกเรา"
"ท่านเรย์กะช่างเป็นคนที่จิตใจกว้างใหญ่นะ"
"ท่านเรย์กะยอมรับความพ่ายแพ้อย่างสมศักดิ์ศรียิ่งนัก"
เดี๋ยวนะฉันไม่แพ้อะไรสักหน่อย พอฉันเริ่มปฏิเสธทุกคนก็คิดว่าฉันแค่เขิน แงๆ ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย
ช่างเถอะแต่มันก็ดีแล้วที่ฉันไม่ได้จบแบบคิมิดอล เรย์กะคนนี้ยังอยู่อย่างสงบสุข น่าดีใจจริงๆ ท่านคาบุรากิกับวาคาบะจังก็จบอย่างสวยงามแล้ว ท่านเทพโปรดประทานฤดูใบไม้ผลิให้ลูกที!
"คุณคิโชวอิน"
หือ ขอพรไม่ทันขาดคำนี้ส่งผลแล้วหรอค่ะ แต่เสียงคุ้นๆ ฉันหันหลังกับไปก็เห็นร่างสูงโปร่งในชุดนักเรียนชายซุยรัน พร้อมรอยยิ้มแสนสง่างามอันเป็นเอกลักษณ์
"ท่านเอ็นโจ"
"ยินดีที่สำเร็จการศึกษานะ" รอยยิ้มนั้นยิ่งสว่างเข้าไปใหญ่
"ค่ะ ยินดีกับท่านเอ็นโจด้วยนะคะ"
"เพราะคุณคิโชวอิน แท้ๆที่ทำให้มาซายะสารภาพรักกับคุณทาคามิจิ ได้สำเร็จสวยงามแบบนี้”
นี้จะบอกว่าเพราะคำแนะนำของฉัน เลยออกมาเป็นแบบนี้หรอย่ะ เป็นเพื่อนรักกันแท้ๆทำไมไม่เตือนกันบ้างล่ะค่ะ หรือจริงๆสนุกที่เห็นท่านคาบุรากิทำไม่เข้าถ้าแบบนี้กันแน่
"มันก็สนุกจริงๆอ่านะ"
แอบอ่านใจฉันอีกแล้วหรอค่ะ
"คุณไม่อยากได้บ้างหรอ”
หือ "อะไรหรอค่ะ" วงประสานเสียง พลุ ดอกไม้
"สารภาพรักนะ”
หน้าฉันร้อนขึ้นมากอย่างไม่มีสาเหตุ อ๊ากก เลิกยิ้มแบบนั้นนะ ท่านเอ็นโจคงไม่ได้จะสารภาพ
"คาดหวังอะไรอยู่หรอ” ห๊ะ!!ฉันอดทำหน้าตกใจออกไปไม่ได้
“เปล่านี้ค่ะ” ชิไม่ได้คาดหวังอะไรเลยนะย่ะ
ท่านเอ็นโจก็หัวเราะพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูจะกดลึกเข้าไปอีก เสียมารยาทจริงคนอะไร ฉันอดอารมณ์เสียขึ้นมาไม่ได้ แล้วอยู่ท่านเอ็นโจก็ยืนกล่องสีชมพูขนาดเล็กเท่ากลางฝ่ามือ
“ของขวัญแสดงความยินดีจากผม”
“แต่ฉันไม่มีอะไรจะตอบแทนนะ”
“งั้นหรอครับ” อยู่ก็รู้หนาวขึ้นมา คงต้องกลับไปกินยาที่บ้านแล้ว
“เรย์กะ”
ท่านพี่! ไม่ได้ติดงานที่ต่างประเทศหรอค่ะ ฉันอดวิ่งไปหาท่านพี่ด้วยความดีไม่ได้
“ท่านพี่กลับมาตั้งแต่เมือไรค่ะ”
“เลื่อนบินกลับมาไฟท์เช้าแทนนะ จะพลาดไม่มางานพิธีจบการศึกษาของเรย์กะได้อย่างไร นี้ของเรย์กะนะ” ว้าวกล่องทรงกระบอกสีชมพูขนาดใหญ่ ฉันรีบแกะริบบิ้นแล้วเปิดดูข้างในไม่ได้ โอ๊ยน้ำตาจะไหลเป็นช้อกโกแลตรูปกุหลาบอุราระที่ท่านพี่เคยให้ในวันพิธีจบการศึกษาชั้นประถม เรียงตัวกันอย่างสวยงามคล้ายช่อดอกไม้ ท่านพี่! อือๆๆๆ แต่ถ้าน้องกินหมดนี้ต้องวิ่งรอบพระราชวังกี่รอบกันค่ะ
“ท่านพี่ของเรย์กะวิเศษที่สุดในโลกเลยค่ะ”
ท่านพี่ยิ้มให้ฉันก่อนจะหันไปยิ้มให้กับท่านเอ็นโจ เอ๊ะ ท่านเอ็นโจ! ยังอยู่อีกหรอค่ะ แย่แล้วเผลอแสดงท่าทางไม่เป็นกลุสตรีออกไปต่อหน้าท่านเอ็นโจแล้ว ขายหน้าจังเลย
“ยินดีด้วยนะคุณเอ็นโจ”
“ขอบคุณครับท่านคิโชวอิน” ทำไมเหมือนเห็นประกายไฟจากทั้งคู่ทั้งที่ ทั้งสองคนออกจะยิ้มให้กับอย่างสุภาพ สงสัยไข้จะขึ้น หรือเป็นเพราะวันนี้เห็นอะไรไม่เข้าท่าของท่านคาบุรากิ คงต้องเอาน้ำมนต์ล้างตาก่อนนอนแล้วมั้งเรา
“กลับก่อนเหอะเรย์กะ ขอตัวก่อนนะครับคุณเอ็นโจ”
“คือน้องขอตัวไปลาพวกเพื่อนๆก่อนนะคะท่านพี่รอน้องสักครู่นะคะ ขอตัวก่อนนะคะท่านเอ็นโจ”
“แล้วเจอกันนะครับคุณคิโชวอิน” ฉันปล่อยท่านพี่ไว้กับท่านเอ็นโจก่อน รู้สึกเหมือนฟ้าครื้ม ฝนจะตกเพราะท่านคาบุรากิร้องเพลงประหลาดนั้นแน่ๆเลย ดีนะที่ฉันจบแล้วไม่งั้นคงต้องแอบเอาเกลือมาเทรอบซุยรัน
.
.
.
.
ฉันกำลังจะเข้านอนหลังเอาน้ำมนต์ล้างตัว ตอนแรกว่าจะแค่ล้างตาแต่คิดไปคิดมาระดับเชื้อบ้าของท่านคาบุรากิแค่ตาคงไม่พอ หือ กล่องอะไรอ่า อ้อของขวัญท่านเอ็นโจ พอฉันลองแกะดูปรากฏเป็นสร้อยข้อมือ Pink Gold มีจี้รูปกระต่ายทัดดอกกุหลาบอุราระว้าว นี้มีมันของสั่งทำแน่ๆ โดยเฉพาะกระต่ายที่ทำท่าเหมือนกำลังแทะกระดุม ทำไมต้องเป็นกระดุม!
--------
ทำไมต้องเป็นกระดุม55555 คงรู้กันนะ
เอ็นโจนี่นายกลัวสาวเจ้าไม่ขอกระดุม (แต่ก็ไม่แม้แต่จะมีความคิดเรื่องกระดุมเลยจริงๆละนะ) ถึงขนาดต้องยัดเหยียดให้เองเลยเหรอ
คิดบ้างมั้ยว่าบางทีท่านเรย์กะอาจไม่เข้าใจ อาจต้องวิธีโต่งๆแบบบากะรากิก็ได้นะ. พยายามต่อไปนะเอ็นโจ ช็อตนี้ท่านพี่กลบเลย
>>967 กระต่ายแทะกระดุม...เพราะหิวสินะ //โดนเสย แหม่ ท่านเรย์กะคะ คาดหวังอะไรอยู่ล่ะคะ คิดว่าเขาจะทำแบบคาบุรากิเหรอ
โอ๊ยยยยยยยยยยย กูจะพูดอะไรกับฉากสารภาพรักของคาบุรากิดีเนี่ย บ้าบอชิบหาย 555555555555555555555555555 แล้วนิยายรักมีเยอะแยะบนโลกไม่ใช้ เสือกใช้โรมิโอกับจูเลียตอีก ทั้งคู่ตายตอนจบเป็นโศกนาฏกรรมนะเว้ย แกลืมไปงั้นเรอะะะะะะะะะ 55555555555555555
ตื่นมารอโม่งแปล ตั้งแต่ตี 4...
//จริงๆคือทำงาน ... กระซิกๆ
จุ๊บๆโม่งแปล กุยังไม่ได้อ่านนะ กุ 974 นะ กุขอโทษกุไม่ได้กดดัน กุตื่นมารอเจ้านาย จนนี่เจ็ดครึ่งละ เจ้านายกุยังไม่ตื่นเลยเฟร้ยยยย //อ่านวนไป รอเจ้านายตื่น
983 แกบอกอากาศเช้าๆสดชื่น...
กุมานั่งรอเจ้านายที่หน้าบ้าน ตอนนี้แกตื่นรึยังนะ...
/ทำหน้าเหม่อลอย
ขอบคุณมากนะโม่งแปลลล มึงทำให้เช้าก่อนสอบของกูสดใสส ท่านเรย์กะนี่น้า เขาอุตส่าห์ทำให้ดันไปคนทิ้งอีก โธ่ววววว
ตอนนี้ฟินคู่อาคิสะวะกับซากุระจังมากกก จริงๆก็แอบชอบเขาอยู่ล่ะซี่ อาคิสะวะคูงงงงง
เมื่อคืนเห็นพวกมึงคุยกันเรื่องเรือลำอื่นๆ ดูน่าสนใจ กูเลยว่าจะลองแต่งท่านอิมาริดู
แต่ไปอ่านย้อนแล้วแม่งพอตอนที่48 ก็บทหายยาวเลยนี่หว่า ไล่หามาถึงตอนที่80กูก็ยังไม่เจอบทพี่แกเลย กลับมาอีกทีตอนไหนวะ กูจำไม่ได้ อย่าบอกนะว่าตอนไปเที่ยวกะมาโอะกะริรินะด้วยนั่นน่ะนั่นมันน่าจะร้อยกว่าๆเลยนะ.....
ง่าสงสัยกูจะเสพกาวของพวกมึงเยอะเกินไป
อ่านอฟชไปก็คิดไปว่าเมื่อไหร่ชุสุมอยทูนหัวของบ่าวจะมีบทออกมาในตอนนี้นะ
แต่ในหัวกูเหนเป็นภาพชุสุมอยขนนุ่มฟูหน้ายิ้มๆหลบอยู่ตามหลังพุ่มไม้คอยสตอกท่านเรย์กะอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ
ทำไมท่นเรย์กะถึงเอากระต่ายน้อยไปเชื่อมโยงกับซีรีส์นีกษัตรล่ะ....
อาคิสะวะหึงด้วยล่ะ หึงด้วยล่ะ~~~ กิ๊วก๊าวมากจนกระทั่งเห็นรอยยิ้มของซากุระ... นางมารใส่หนังแมวยังไงก๋เป๋นนางมารสินะ อาคิสะวะลูกไก่ในกำมือชัดๆ
https://fanboi.ch/webnovel/3507/
กระทู้หมายเลข4 มู้นี้เต็มค่อยไปนา
โฮ้ยยยย อาคิสะวะคุงน่ารัก! ซากุระจังถึงกับแสยะยิ้ม แหมๆๆ นานๆจะมีความคืบหน้าแบบนี้ทีนี่นะ ว่าแต่ดิเทนี่ชอบซากุระจังสินะ? นึกว่าอย่างหมอนี่จะแต่งกับไวโอลินซะอีก กูแอบรอดูนิดนึงว่าดิเทชื่ออะไร ยังไงนอกซุยรันคงไม่มีฉายาว่าดิเท แต่ไม่หลุดมาเลยแฮะ
ท่านเรย์กะเศรษฐีคูปองโปรยเงินเป็นอาเสี่ยเลยค่ะ แค่กๆ--- ช้อนคนคันเดียวก็สามารถหักธงแบบโหดเหี้ยมได้ ฮรือออออ กูว่าตั้งแต่เริ่มหักธงทิ้งนี่ครั้งนี้โหดร้ายที่สุดเลยนะ สะเทือนใจในความโหดเหี้ยมใจอำมหิตชิบหาย อยากจะตัดพ้อว่าเธอช่างใจร้ายยย หลังจากนี้ท่านเอ็นโจยังคงความหยอดต่อไปได้ หัวใจช่างแข็งแรง...
ดิเท ยินดีต้อนรับสู่คานทองนิเวศน์ ซากุระ ร้ายกาจ ร้ายกาจจจ
ส่วนท่านเรย์ก่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา คนบ้า อะไรคือหนุ่มอ่อยมาแล้วหักธงในพริบตา ต่ายน้อยยยยยย แง้ๆๆ
กูว่าเอ็นโจต้องมีน้ำตาตกในบ้างแหละ รอบนี้อุตส่าห์จีบกันตรงๆสาวเจ้าแม่งหักธงกันไม่ไว้หน้าเลย
กุอยากอ่านเอ็นฌจว side story ที่เคยมีคนแต่งถึงหิ่งห้อยไว้ต่อ กูชอบสำนวนคนนั้นมาก ลำดับเรื่องกับสำนวนความคิดเอ็นโจว เลิศมากจนกูเมาว่านั่นคือ อฟช 5555555555555555 แต่ถ้าจะแต่งกันรอมู้หน้านะพวกมึง ช่วยกันปิดมู้นี้ก่อนใกล้ละ
ท่านเอ็นโจก็ท่านเอ็นโจ เจอสกิลหักธงขั้นเทพ กับการสร้างข่าวลือแบบไม่เกรงใจใครของคาบุรากิ ก็คงยิ้มไม่ออกเลยสินะ
แค่หักธงทิ้งแค่นี้ทำอะไรพวกเราชาวเรือเอ็นโจไม่ได้หรอก! จงยึดมั่นในท่านจอมมารและกัปตันยูกิโนะ พวกเราจะพังคานไปด้วยกัน! ไปพายเรือกันต่อในกระทู้หน้า~!!
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.