ผมพาคุณคิโชวอินมาข้างนอกใกล้กับซุ้มมิสเซิลโท อากาศข้างนอกเริ่มเย็น พอคุณคิโชวอินนั่งลง ผมก็ถอดสูทออกมาคลุมให้กับเธอ จากนั้นก็รับน้ำจากบริกรที่อยู่ใกล้ส่งให้คุณคิโชวอิน แล้วขอกล่องพยาบาลจากบริกร ไม่นานนักก็ได้มา
"คุณคิโชวอิน ขออนุญาตนะ"
"คะ?"
ผมคุกเข่าลงต่อหน้าคุณคิโชวอิน แล้วเอื้อมจับข้อเท้าของเธอเบาๆ
"...โอ๊ย"
เป็นอย่างที่คิด ใส่รองเท้าส้นสูงสูงขนาดนี้เต้นรำก็คงจะบาดเจ็บกันบ้างล่ะ
แต่ทั้งที่เป็นแบบนั้นคุณคิโชวอินก็ยังฝืนเต้นรำกับผม ทั้งที่จะหยิบเอาเป็นข้ออ้างในการปฏิเสธแต่แรกก็ยังได้ แถมเจ็บขนาดนั้นก็ยังฝืนยิ้มกล่าวชมผมที่ทำหน้าบึ้งตึงใส่อีก
แย่มาก แย่จริงๆ ตัวผมเองนั่นล่ะ ที่มัวแต่หงุดหงิดโมโหจนไม่ได้ใส่ใจคุณเลย
"ทะ...ท่านเอ็นโจ ฉันทำเองได้ค่ะ"
"คุณน่ะ เงียบไปเลย"
ทั้งความหงุดหงิดที่ยังไม่จางหายกับความรู้สึกผิดที่ผุดขึ้นมา ผมเลยก้มหน้าก้มตาช่วยนวดคลึง เอาผ้าเย็นประคบ และพันผ้าตรงส่วนที่บาดเจ็บให้กับเธอ
"ขอบคุณค่ะ ท่านเอ็นโจ"
"ไม่ต้องห่วง ผมเก็บหนี้ทุกต้นทุกดอกอยู่แล้วล่ะ"
เรื่องที่คุณฝืนทนเต้นรำกับผมทั้งที่บาดเจ็บก็เรื่องหนึ่ง แต่เรื่องที่คุณไปเต้นรำกับผู้ชายคนอื่นน่ะหักล้างความไม่พอใจของผมไม่ได้หรอกนะ
ทั้งๆที่คนอื่นเขาลือเรื่องเราสองคนกันไปทั่ว ทั้งๆที่ผมแสดงตัวออกไปมากขนาดนั้น แต่คุณกลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรสักนิดเลยจริงๆน่ะเหรอ?
"พรุ่งนี้ ผมชวนเพราะเป็นวันอะไรคุณคิโชวอิน?"
ผมลองตั้งคำถามและก็เป็นอย่างที่คิด คุณคิโชวอินทำหน้างงๆอย่างไม่ได้มีเศษเสี้ยวของความคิดเลยว่าพรุ่งนี้เป็นวันคริสต์มาสอีฟ นี่คุณไม่ได้เป็นสาวน้อยเพ้อฝันอะไรพวกนั้นหรือไงกัน? หรือว่าคฤหาสน์คิโชวอินไม่มีปฏิทินน่ะ?
"แต่ก็นะ แบบนี้ก็สมเป็นคุณคิโชวอินดี" ผมหัวเราะออกมาในที่สุด ความหงุดหงิดโมโหจางหายไปในทันที หัวเราะได้สักพัก พอเงยหน้าขึ้นมากลับพบว่าใบหน้าของคุณคิโชวอินนั้นแดงแจ๋
อะไรกันน่ะ? ... เพราะว่าผมยิ้มน่ะเหรอ?
พอคิดแบบนั้นก็รู้สึกวาบหวามขึ้นมา จนต้องยิ้มกว้างแล้วขยับตัวเข้าไปประชิด
"ท่านเอ็นโจคะ ใกล้เกินไปแล้วค่ะ!"
"งั้นเหรอครับ ฮะๆ"
ทั้งที่พูดแบบนั้น แต่คุณคิโชวอินภายใต้เสื้อสูทของผมที่ดูกระวนกระวายพยายามหดตัวหนีอย่างดูน่ารักน่าเอ็นดูแบบนั้น ดูไม่เหมือนว่าปฏิเสธอย่างจริงจังเลยสักนิด
เมื่อตอนห้องพยาบาลก็พลาดไปทีนึงแล้ว เมื่อชั่วโมงที่แล้วที่ซุ้มมิสเซิลโทก็พลาดไปอีกครั้ง ถ้าหากเป็นตอนนี้ล่ะ...จะได้มั้ยครับ?
"...เรย์กะ"
ผมขยับใบหน้าเข้าไปใกล้จนเธอก้มตัวหลับตาปี๋อย่างน่ารัก มุมองศาที่เปลี่ยนไปทำให้หน้าผากของเธอลงมาต่อหน้า ทั้งที่อยากจะประทับลงบนริมฝีปาก แต่นั่นก็คงจะเสียเวลาเกินไปแล้ว
ผมยกมือรั้งที่หลังคอของเรย์กะเบาๆ ก่อนจะใช้ริมฝีปากสัมผัสแผ่วเบาบนหน้าผากของเธอ เหมือนเธอจะพยายามเรียกผม แต่ผมก็ไม่ได้สนใจแล้ว รู้สึกได้เลยว่าเธอสั่นเกร็งไปทั้งตัว ผ่านไปสักพักจนพอใจแล้ว ผมก็ถอนริมฝีปากออกมา ก้มหน้าจนกระทั่งหน้าผากของเราชนกัน และจ้องมองเข้าไปนัยน์ตาใสที่ดูสับสนคู่นั้น
"เรย์กะ..."
แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรอีกครั้ง ก็ได้ยินเสียงพี่ชายของเธอดังแว่วมา ผมเลยต้องผละตัวออกมาอย่างน่าเสียดาย
พอคุณพี่ชายมาถึง เรย์กะก็ยื่นมือจับแขนเสื้อของพี่ชายเธอไว้แน่น จนคุณคิโชวอินคนพี่เอาตัวมาบังเธอไว้ข้างหลัง
"ขอบคุณที่ช่วยดูแลน้องสาวของฉันให้นะ เอ็นโจคุง"
"ไม่เป็นไรครับ เป็นหน้าที่ที่ผมต้องทำอยู่แล้ว"
พวกเรายิ้มให้แก่กัน แต่ดวงตาจ้องมองขับแข่งกันอย่างรู้ทันอีกฝ่าย
ในบรรดาผู้ชายที่ข้องเกี่ยวกับคุณคิโชวอินผมไม่เคยให้ค่าใครทั้งนั้น หากจะมีใครสักคนที่จะสามารถตั้งตัวเป็นศัตรูด้วยกันได้ ก็เห็นจะมีแต่คุณพี่ชายที่ต่อกรด้วยยากคนนี้เท่านั้นล่ะ
"ผมคงจะหมดหน้าที่แล้ว ขอตัวก่อนนะครับ"
ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นพี่น้องกัน ถ้าผมไปทำให้คุณพี่ชายไม่พอใจมากกว่านี้คงจะไม่ดีกับตัวผมเองนั่นล่ะ ผมเอ่ยลาทั้งคู่ พอกลับเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง ก็พบว่างานเลี้ยงจบลงแล้ว ท่านแม่เห็นผมก็รีบเรียกให้เตรียมตัวกลับบ้านกัน
*****