Secret End (inception level 2)
Act 2 : part 3.2 [END]
เมื่อกี้ฉันคงหูฝาดใช่มั้ยคะ ต้องใช่แน่ๆ ค่ะ เหนื่อยๆ แบบนี้ถ้าไม่มีสมาธิก็มักจะมีอาการละเมอเพ้อไปเอง เอ๊ะนั่นท่านคาบุรากินำทีมบอดี้การ์ดล้อมจับวงศ์วานคุณเจ้าสาวแล้วค่ะ ดูเหมือนที่หายไปเพราะไปเช็คข้อมูลแล้วบุกเข้ามาแย้งซีนฉัน กลายเป็นพระเอกที่แท้จริงของงานนี้!
จบงานแล้วค่ะ ฮ่ะๆๆ โฮะๆๆๆ จบงานแล้วค่ะ เมื่อกี้ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นแล้วใช่มั้ย ฉันแค่เหนื่อยไปค่ะแค่เหนื่อยไป
"จะทำก็ทำได้นี่คิโชวอิน"
คาบุรากิเดินเข้ามาหา ท่าทางจะจัดการคุณเจ้าสาวเรียบร้อยแล้วยังเคลียร์คนออกไปด้วย เอ๊ะ เร็วจังเลยคะ รู้สึกเหมือนได้พักนิดเดียวจนหูฝาดได้ยินอะไรเพี้ยนๆ ไปด้วย
“...ค ค่ะ! ...เป็นเพราะท่านคาบุรากิมาทันเวลาพอดีด้วยค่ะ”
“เพราะได้คุณคิโชอินคนพี่ยื่นมือเข้ามาช่วยละนะ ไม่อย่างนั้นคงขุดเรื่องทุจริตของตระกูลยัยนั่นกับคนใหญ่คนโตขนาดนั้นออกมาเล่นงานไม่ได้... แล้วพวกนายจะอยู่ท่านี้ไปอีกนานมั้ย”
พอถูกทักฉันถึงได้รู้สึกตัว ทำไมฉันถึงยังอยู่ในวงแขนของเอ็นโจวอยู่ละคะ อันตราย! แต่พอจะขยับหนีเจ้าตัวกลับกระชับแขนยิ่งขึ้นอีกซะงั้น
อะ อะไรเล่า! จบเรื่องแล้วนะคะจบเรื่องแล้ว แล้ว แล้ว แล้วนั่นคิดจะทำอะไรกับมือขวาของฉันกันคะ
"ทำอะไรลงไปคะ!!!"
แหวนแพลตินัมฝังเพชรถูกสวมเข้ามาที่นิ้วนาง พอจะกระชากมือออกมา เอ็นโจวก็คว้าหมับไว้แน่น
"ก็งานแต่งยกเลิกแล้ว แหวนนี่ก็คงไม่ได้ใช้แล้วนี่นา ฝากคุณคิโชวอินไว้ก่อนแล้วกัน ... ไว้ค่อยวงหาที่เหมาะกับคุณคิโชวอินกว่านี้ให้นะ"
อ อะไรกันคะ!!? วง วง วงที่เหมาะ!? มะ หมาย หมายความว่ายังไงกันคะ!?
"คุณคิโชวอินมาทำงานแต่งของผมล่ม เมื่อกี้ก็ตอบรับมาแล้วด้วย ต้องรับผิดชอบผมด้วยซิครับ"
รับผิดชอบอะไรกัน!? นี่ฉันเพิ่งช่วยนายออกมานะยะ!?
เอ็นโจวหัวเราะเล็กน้อย ใช้มือจับกระชับที่เอวของฉันไว้จนไม่สามารถขยับหนีได้ มืออีกข้างก็ยกขึ้นมาปัดเส้นผมที่ปกหน้าฉันออก ใบหน้าของเขาค่อยๆขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น รอยยิ้มนั้นดูกรุ่มกริ่มแปลกประหลาด ประกายในดวงตาคู่นั้น ทำให้ใบหน้าฉันร้อนวูบ ตัวค้างแข็งเกร็งไปทั้งตัว กระทั่งจะหลบสายตานั้นยังไม่สามารถทำได้
"คุณคิโชวอิน...ที่ผมสารภาพไปเนี่ย ได้ยินรึเปล่านะ?...”
ฉันเบิกตากว้าง ในใจปฏิเสธเต็มที่ว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น เอ็นโจวหัวเราะเบาๆ ใบหน้านั้นใกล้เข้ามาจนจมูกของเราแทบจะชนกันอยู่แล้ว
"น้ำหยดลงหินทุกวัน หินยังกร่อน...ซินะ?"
น้ำเสียงนุ่มนวลนั้นเบาจนแทบจะเป็นเสียงกระซิบ แต่ฉันกลับได้ยินมันอย่างชัดเจน ฉันรู้สึกราวกับวิญญาณจะหลุดออกจากร่างอีกครั้ง จะเป็นลมอยู่รอมร่อแล้ว
"เฮ้ๆๆ! ชูสุเกะ! ฉันยังอยู่ตรงนี้ทั้งคนนะ! ให้มันน้อยๆหน่อย!”
“มีอะไรต้องทำต่อก็ไปเถอะ!”
“…ไปเยี่ยมยูกิโนะ”
“…”
ฉันเรียกวิญญาณกลับคืนร่างได้หลังได้ยินว่าจะไปหายูกิโนะคุง แต่ยังดิ้นไม่หลุดจากตานี่เลยค่าาา ขอเวลานอกให้ฉันประมวลผลหน่อยไม่ได้รึไงคะ สายตาก็มองอีตาจักรพรรดิ์สะบัดก้นเดินนำลิ่วๆ ไป
เดี๋ยวค่ะ ปล่อยฉันไว้แบบนี้ไม่ได้นะค้าาา เมื่อกี้ยืนดูอยู่ตั้งนานก็ไม่ยอมช่วยด้วยอ่ะ! เดี๋ยวก็แช่งให้วาคาบะจังทิ้งซะเลย
“ผมยังไม่เร่งรัดเรย์กะก็ได้ เพราะยังไงก็ฝากแหวนไว้แล้วนี่เนอะ หนีไม่พ้นแล้วล่ะ”
“ปะ ไป รีบไปหายูกิโนะคุงกันเถอะค่ะ”
"อืมงั้นก็ไปกัน... สัญญากันไว้แล้วนี่"
อ้อ นั่นซินะคะ สัญญากับยูกิโนะคุงไว้แล้วนี่นา ว่าจะพาตัวพี่ชายไปเยี่ยมที่ให้...ได้... น่ะ ... เอ๊ะ?
"ท ทำไม...?"
ทำไมท่านเอ็นโจวถึงรู้เรื่องสัญญาล่ะ!?
เอ็นโจวจ้องมองฉันค่อยๆ ฉีกรอยยิ้มสว่างไสวที่ฉันรู้สึกว่ามันดำมืดและหนาบเหน็บที่สุดจนต้องกลืนคำถามกลับไป เอ็นโจวคว้ามือของฉันไปแนบสัมผัสกับใบหน้าของตัวเอง จ้องมองที่ฉันไม่วางตา
"ขอบคุณที่มาช่วยผมนะครับ ...เรย์กะ”
เขายื่นหน้าเข้ามาหาอีกครั้ง คราวนี้แม้อะไรๆ จะเกิดเร็วกว่ารอบแรกแต่ฉันเองก็ไม่ได้สติหลุดไปทั้งหมดและคว้าพัดมากั้นกลางได้ทันที...ทั้งที่เป็นอย่างนั้น
ทำไมความแนบชิดทั้งที่มีพัดกั้นไว้อยู่ถึงชวนให้หน้าร้อนยิ่งกว่าเดิมอีกละค้าาา!
ฉันสบตาเอ็นโจวที่ผละออกไปแล้ว แม้จะสงสัยแค่ไหนแต่ฉันเป็นก็ขี้ขลาดเกินกว่าจะรับฟังคำตอบจากปากของเขา
ฉันไม่อยากรู้หรอกว่าตัวเองติดกับดักหลุมเบ้อเร้อนี้ตั้งแต่ตอนไหนกันน่ะ
★ ★ ★ ★ ★