Fanboi Channel

ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำชา​ยาม​บ่าย​ของโม่งซุยรัน [ซาลอนที่ 2]

Last posted

Total of 1000 posts

831 Nameless Fanboi Posted ID:iaftfTuBK

งานการไม่ทำ นั่งเขียนฟิค >>817-820

ปวดหัวจัง คลื่นไส้ด้วย คอแห้งด้วย ใครก็ได้ไปเอาน้ำมาให้หน่อยสิ

แล้วใครทำเสียงอะไรน่ะ มันรบกวนการพักผ่อนของฉันนะ หยุด หยุด หยุดเดี๋ยวนี้นะ

บอกให้หยุด ไม่รู้เรื่องรึไง คิดจะท้าทายคิโชวอิน เรย์กะคนนี้งั้นเหรอ
.
.
.
เมื่อลุกพรวดขึ้นมาจากที่ที่กำลังนอนอยู่ อาการปวดหัวก็แล่นคืบคลานมาทำร้ายในทันที มองไปรอบๆเห็นผนังกระเบื้องที่รายล้อม ผ้าที่คลุมตัวเลื่อนหลุดไปกองกับพื้น ฉันหลับอยู่ในห้องน้ำงั้นรึ

ท้องไส้เบื้องล่างปั่นป่วนเหมือนมีอะไรพยายามดันตัวออกมา กลายเป็นความผะอืดผะอมจนต้องเอามือปิดปาก ในหัวคิดได้แค่ว่าต้องเอาออกไปให้เร็วที่สุด

ฉันตะเกียกตะกายคลานไปที่ชักโครก อะไรที่อยู่ข้างในก็ปล่อยออกมาเสียหมด รู้สึกเหมือนโลกกำลังคว่ำลงไปจนรู้สึกวิงเวียนไม่มีเรี่ยวแรง อยากได้น้ำสักแก้ว

“เอ้า นี่” แก้วใสบรรจุน้ำยื่นมาตรงหน้าตามคำขอ ตามด้วยมือที่ลูบหลังฉันเบาๆ พร้อมกับเสียงที่เคยคุ้น “ไหวรึเปล่า คุณคิโชวอิน”

เสียงนี้มัน เอ็นโจ ชูสุเกะไม่ใช่เหรอ

ฉันหันขวับไปมองก็เห็นเอ็นโจ ชูสุเกะในระยะประชิด ใบหน้านั้นมีรอยยิ้มน้อยๆที่ดูน่ารังเกียจเหมือนเคย ในหัวฉันมีแต่คำถามว่าทำไมเอ็นโจถึงได้มาอยู่ที่นี่ แล้วที่นี่มันที่ไหน ไม่ใช่บ้านของฉันสักหน่อย แต่อาการปวดหัวก็ทำให้ฉันคิดอะไรไม่ออกเลยสักอย่าง อยากอาเจียนอย่างเดียว

หลังจากไม่มีอะไรให้ออกอีกต่อไปแล้ว เอ็นโจก็ประคองฉันมานั่งที่โซฟา ฉันพยายามจะมองไปรอบๆก็ยิ่งงุนงงหนักเข้าไปใหญ่

“แมนชั่นผมเอง” เอ็นโจตอบเหมือนจะรู้คำถามในใจฉัน “เมื่อคืนคุณเมาหลับไปตรงสวนสาธารณะ ทิ้งไว้แบบนั้นมันอันตราย ผมไม่รู้ว่าคุณพักอยู่ตรงไหน ก็เลยต้องพามาที่นี่ก่อน”

พอฉันก้มมองตัวเองใส่เสื้อเชิ้ตที่ตัวใหญ่กว่าฉันพอสมควร ไม่ใช่เสื้อผ้าที่ใส่เมื่อคืน เอ็นโจก็พูดต่อ

“ส่วนเรื่องเสื้อผ้าน่ะ คุณคายของเก่าใส่ตัวเอง ผมเลยต้องเปลี่ยนให้ ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไรหรอกนะ”

“ขะ ขอบคุณค่ะ” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ฟังดูน่าเกลียดพิกล เหมือนยายแก่เลย

“เอ้านี่ น้ำ” เอ็นโจรินน้ำจากเหยือกให้ฉัน “รู้สึกเมื่อคืนคุณจะใช้เสียงมากไปหน่อย แต่ก็เล่นร้องเพลงทั้งคืนเลยนี่นะ”

“อะไรนะคะ” ฉันอ้าปากค้าง “ฉันเนี่ยเหรอ”

“ใช่ แถมร้องโอเปร่าซะด้วย” เอ็นโจยิ้มบางๆ “เจ้าหญิงหงส์ขาวกับทูรันโดต์ออกมาร่ายรำทั้งคืนเลยล่ะ”

ว่าไปก็จำได้ว่าร้องเพลง แต่พอพยายามจะนึกก็ปวดหัวขึ้นมาเลยเลิกนึก ดูท่าทางเอ็นโจก็คงไม่ได้แกล้งอำเล่นเสียด้วย

หมอนี่ไม่เคยพูดล้อเล่นกับฉันอยู่แล้ว เจอหน้ากันทีไรก็มีแต่ความเกลียดชังแผ่ออกมาทุกที

“ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้ แต่ช่วยไปก็ไม่มีอะไรตอบแทนให้หรอกนะคะ” ฉันลุกขึ้นยืน แม้จะรู้สึกวิงเวียน แต่พอได้อาเจียนไปบ้างแล้วก็พอไหว “ฉันต้องขอตัวกลับล่ะค่ะ รบกวนท่านเอ็นโจมากเกินไปแล้ว”

“ชุดคุณยังไม่แห้งเลย คุณคิโชวอิน” เอ็นโจลงมือผูกเนคไท “ผมเพิ่งให้ร้านซักรีดมาเอาไปเมื่อกี้นี้เอง แต่ถ้าคุณอยากจะออกไปในสภาพนั้นจริงๆก็ไม่ได้ว่าอะไร”

ฉันในตอนนี้มีแค่เสื้อเชิ้ตผู้ชายตัวเดียวติดตัวอยู่ นี่แปลว่าฉันอยู่ในสภาพนี้กับเอ็นโจทั้งคืนเลยงั้นเหรอ

อยู่ในสภาพไม่เรียบร้อยกับผู้ชายสองต่อสอง ถ้าท่านแม่รู้เข้าคงตำหนิฉันอย่างรุนแรงไปแล้ว

“ผมมีเรียนช่วงเช้า เดี๋ยวตอนบ่ายๆจะกลับมาใหม่ เอาไว้ค่อยคุยกัน” เอ็นโจคว้าเสื้อคลุมขึ้นมาใส่ หยิบกุญแจห้องกับกุญแจรถออกไป “ของกินมีในตู้เย็น อยู่คนเดียวก็ทำตัวดีๆล่ะ”

ทำตัวดีๆ นั่นหมายความว่ายังไงน่ะหา

832 Nameless Fanboi Posted ID:iaftfTuBK

เอ็นโจออกจากห้องไปแล้ว ฉันเลยล้มตัวลงนอนต่อที่โซฟา รู้สึกปวดเมื่อยเนื้อตัว แถมยังปวดหัวอย่างทุกข์ทรมาน ไม่น่าดื่มเลย

หลังจากสัมภาษณ์งานและแสดงความสามารถไปนิดๆหน่อยๆ โอก้าซังของที่นั่นก็แทบจะอุ้มฉันเข้าร้านอยู่แล้ว แต่ฉันขอเวลาเริ่มงานเป็นสัปดาห์หน้า ให้เวลาฉันทำใจก่อนที่จะต้องยอมรับว่าตัวเองจะเข้าสู่ทางสายนี้จริงๆ

ตระกูลคิโชวอินที่มีประวัติอันสูงส่งและยาวนาน พังพินาศเพราะฉัน

สัปดาห์แรก เราโดนไล่ออกจากบ้าน บ้านที่ฉันอยู่มาสิบเจ็ดปีถูกยึดทรัพย์กลายไปเป็นของคนอื่น ท่านแม่ร้องไห้มากเสียจนฉันนึกว่าที่ตรงนี้จะกลายเป็นทะเลน้ำตาไปเสียแล้ว

แต่ฉันเองก็ร้องไห้ด้วยเช่นกัน

เราสองคนแม่ลูกยืนกอดกันร้องไห้ มองดูบ้านของเราที่มีคำสั่งศาลให้ยึดทรัพย์ มีสายตาของเพื่อนบ้านที่มองมาอย่างสมเพชและซุบซิบนินทากันอย่างสนุกปากที่ตระกูลคิโชวอินล่มจมลงไป

ท่านพี่ที่อายุมากกว่าฉันเจ็ดปี ลอยตัวผ่านปัญหานี้ไปได้อย่างงดงาม แต่ไหนแต่ไรมา ท่านพี่ก็มักจะไม่ยอมมาข้องเกี่ยวกับฉัน ท่านแม่ หรือท่านพ่ออยู่แล้ว เมื่อไปทำงานที่บริษัทก็ไม่เคยเห็นด้วยกับท่านพ่อจนทะเลาะทุ่มเถียงกันหลายครั้งหลายหน ทำให้ท่านพ่อขัดใจและไม่เคยสบายใจในตัวเขา

ฉันเคยคิดว่าเขาน่ะเป็นแกะดำของบ้าน ไม่สามารถเข้ากับใครได้เลย และดูท่าทางเขาก็เกลียดฉันที่เป็นน้องสาวแท้ๆของเขาเอง เราสองคนคุยกันครั้งหนึ่งถ้าไม่จบลงด้วยการทะเลาะก็เป็นการทักทายอย่างเย็นชาห่างเหิน จนในที่สุดเราก็เหมือนคนแปลกหน้าของกันและกัน ไม่ใช่พี่น้องอย่างที่ควรเป็น

วันที่เราไม่เหลืออะไรเลย ท่านพี่แค่ยืนมองดูอยู่เงียบๆ ปลอบใจท่านแม่ด้วยประโยคสั้นๆ แล้วบอกว่าจะหาทางแก้ไขให้เร็วที่สุด ท่านพี่มีห้องที่เช่าไว้อยู่ก่อนหน้านี้ ให้ท่านแม่และฉันไปอยู่ด้วย แต่ท่านแม่ผู้งดงามของฉันไม่อาจจะทนอยู่ในที่แคบๆเช่นนั้นได้ จึงตัดสินใจพาฉันมาพึ่งพิงญาติที่เกียวโตอันเป็นบ้านเดิมก่อนแต่งงานกับท่านพ่อ

แน่นอนว่าท่านพี่ไม่ได้รั้งพวกเราไว้ ดูโล่งใจเสียด้วยซ้ำที่พวกเราไปให้พ้นจากชีวิตของเขาได้

ฉันกับท่านแม่ผู้ทำให้ตระกูลคาบุรากิโกรธเคืองนั้นเป็นตัวปัญหาของเขา ไม่ว่าใครที่อยู่ในวงการธุรกิจก็ไม่อยากมีปัญหากับตระกูลคาบุรากิด้วยกันทั้งนั้นล่ะ การที่บ้านเราเป็นแบบนี้ ท่านพี่ที่กันตัวเองไปอยู่วงนอกอาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วก็ได้

แต่ฉันทำไม่ได้ ฉันทิ้งท่านแม่ไม่ได้

ท่านแม่ผู้งดงามของฉันเปลี่ยนไป จากสาวสังคมผู้กระฉับกระเฉง ก็เอาแต่นั่งอยู่บนเก้าอี้โยก มองไปนอกหน้าต่าง มองออกไปที่ไกลแสนไกล ซึ่งคงจะเป็นอดีตอันรุ่งโรจน์และหอมหวาน

ญาติที่เรามาอาศัยก็ดูเหมือนไม่ค่อยอยากต้อนรับท่านแม่และฉันสักเท่าไหร่ สมัยที่พวกเรายังเฟื่องฟู คนพวกนี้น่ะแทบจะหมอบคลานเทิดทูนฉันเป็นดั่งเจ้าหญิง แต่พอตกต่ำเข้าหน่อยก็ชิงชังรังเกียจ ใจจริงของคนพวกนี้น่าขยะแขยงสิ้นดี

ฉันลุกขึ้นมาอีกครั้งในวันที่ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาอีกต่อไปแล้ว ฉันจะเอาคืนคนที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ ฉันเกลียดทุกคน อยากให้พวกมันหายไปจากโลกนี้ให้หมด เกลียด เกลียด เกลียด

แต่ฉันเป็นแค่เด็กสาวโง่เง่า ไม่มีเงิน ไม่มีอำนาจ หนทางที่จะจัดการคาบุรากิ มาซายะช่างยากเย็นเต็มทน

ฉันเฝ้าครุ่นคิดวิธีการมากมายแล้วในที่สุดก็นึกออก

ไหนๆก็ไม่เหลืออะไรแล้ว ก็ใช้ตัวเองเข้าแลกซะสิ

ฉันขายข้าวของที่พอจะเหลืออยู่แล้วมุ่งหน้าเข้าโตเกียว สัญญากับท่านแม่ว่าจะทวงทุกอย่างคืนมา มองหาห้องเช่าที่ราคาพอจ่ายไหว สภาพนั้นน่าอเนจอนาถใจจนฉันเกือบจะหลั่งน้ำตาออกมาอีกรอบ คิโชวอิน เรย์กะ ผู้งดงามดั่งบุปผาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ช่างน่าสมเพช

แต่ฉันสาบานกับตัวเองไว้แล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันจะไม่ร้องไห้

ฉันเสียน้ำตาไปมากเกินพอแล้ว และพวกมันต้องชดใช้กลับคืนมาให้ฉันอีกร้อยเท่าพันเท่า

833 Nameless Fanboi Posted ID:iaftfTuBK

ฉันไปสมัครงานที่ร้านเกอิชาแห่งหนึ่งที่ท่านพ่อเคยพาลูกค้าไปเลี้ยง ร้านนั้นเป็นร้านชั้นสูง ราคาแพงลิบลิ่ว มีนักการเมืองระดับสูงและเศรษฐีมากมายที่เป็นลูกค้า ฉันอาจจะหาใครซักคนที่พอจะช่วยเหลือฉันทำลายตระกูลคาบุรากิได้จากในนั้น

ฉันใช้นามสกุลของแม่ ไม่มีใครรู้ว่าคิโชวอิน เรย์กะได้กลับมาโตเกียวแล้ว

อาทิตย์หน้าต้องเริ่มงาน ฉันก็เลยซื้อเหล้ากับเบียร์จากตู้กดน้ำอัตโนมัติมาดื่มเพื่อให้ชินกับเหล้า เป็นรสชาติราคาถูกที่ฉันต้องเบ้ปาก แต่ดื่มไปดื่มมาก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้างเหมือนกัน ทั้งตัวเบาสบายเหมือนล่องลอย ไม่ต้องคิดอะไรให้มันหนักหัว

ฉันนึกครึ้มใจ ก็เลยเริ่มร้องเพลงในสวนสาธารณะ แต่ดึกป่านนี้ก็ยังมีผู้ฟังที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามาฟังด้วย

เอ็นโจ ชูสุเกะ ปรากฎกายขึ้นมาเงียบเชียบอย่างกับภูตผี ฉันไม่รู้ว่าเขามาที่นี่ได้อย่างไร แต่เมื่อก่อน ไม่ว่าฉันจะอยู่ที่ไหนก็มักจะเห็นเขาอยู่เสมอ

ปกติฉันมักจะหลบเลี่ยงเอ็นโจ เพราะเขาชอบมองฉันด้วยสายตาดูหมิ่นดูแคลนที่ใกล้ชิดกับคาบุรากิ มาซายะเพื่อนของเขามากเกินไป จนบางครั้งเขาถึงกับด่าฉันเจ็บๆแสบๆเพื่อให้ได้อาย เขาคอยสนับสนุนเพื่อนของเขากับผู้หญิงคนนั้น ทาคามิจิ วาคาบะ ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด

และวันที่ฉันถูกทำลายในงานหมั้น เขาก็ยืนมองดูอยู่เงียบๆ แววตานั้นเย็นชาจนน่ากลัว มองฉันด้วยความรังเกียจเหมือนเป็นสิ่งไม่พึงประสงค์ที่ทำให้รองเท้าเขาแปดเปื้อน

ถ้าเป็นปกติฉันคงจะเดินหนีไปแล้ว แต่คงเพราะความมึนเมา ฉันก็เลยกล้าต่อปากต่อคำกับเขา

คิดว่าเขาคงมาสมน้ำหน้าในชะตากรรมของฉัน ก็เลยเล่าเรื่องเพื่อจะได้ฟังดูน่าสมเพชมากยิ่งขึ้นไปอีก เอาเลยสิ สมน้ำหน้าฉันสิ เหมือนกับที่ทุกคนทำ อย่ามาใส่หน้ากากคนดีมีเมตตาเข้าหาฉันแบบนี้ มันน่าขยะแขยง

เอ็นโจเริ่มต้นเทศนาฉันเหมือนเคย แต่พอฉันแหย่กลับไปว่าแอบชอบฉันอยู่รึยังไง เขาก็ดูโกรธขึ้นมา

ไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลย

ฉันเริ่มจะมึนหัว ง่วงและอยากนอน แต่จะให้เดินกลับตอนนี้ก็ไม่ไหว ก็เลยไล่เขาหนีไปให้พ้นๆ คิดจะปิดตางีบเอาแรงซักสิบนาทีแล้วค่อยเดินกลับที่พัก แต่ลืมตามาอีกทีฉันก็ได้มาอยู่ในแมนชั่นของเอ็นโจแล้ว

นอกจากเสื้อที่สวมอยู่ ลองสำรวจเนื้อตัวก็ไม่ได้มีอะไรบุบสลาย นับว่าเอ็นโจเป็นสุภาพบุรุษใช้ได้ ที่ไม่ฉวยโอกาสตอนผู้หญิงเมาและอ่อนแอ แต่อย่างเอ็นโจคงไม่จำเป็นที่จะต้องฉวยโอกาสอะไรนี่หรอก

ฉันหลับไปอีกหน ตื่นมาอีกทีนาฬิกาก็บอกเวลาบ่ายสองโมงแล้ว ท้องที่ว่างเริ่มส่งเสียงประท้วงให้หาอาหารใส่ เอ็นโจบอกว่ามีของกินอยู่ในตู้เย็น เป็นแซนด์วิซแฮมที่เอาแรพพลาสติกห่อไว้

อร่อย

หลังจากต้องทนกินอาหารแช่แข็งสำเร็จรูปลดราคามาหลายเดือน ลิ้นฉันที่คุ้นเคยกับวัตถุดิบชั้นดีมากมาย พอได้กินของดีๆอีกครั้งก็รู้สึกโหยหา รู้ตัวอีกทีก็หมดเกลี้ยง

พอล้างจานเสร็จสิ้นก็ไม่มีอะไรทำ ฉันเลยเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ถือวิสาสะหยิบผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าที่ดูแล้วน่าจะพอใส่ได้ เดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ ครีมอาบน้ำและแชมพูก็เป็นของชั้นสูงทั้งนั้น ฉันนอนแช่อ่างอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์ นึกถึงวันคืนเก่าๆ

ห้องเอ็นโจไม่มีที่ม้วนผม ฉันก็เลยปล่อยให้ลอนมันคลายตัวออก เป่าผมให้แห้งเพียงอย่างเดียว ที่จริงฉันก็ไม่ได้เข้าแฮร์ซาลอนมานานมากแล้ว ผมเริ่มแตกปลายขาดการบำรุง คนรักสุขภาพผมอย่างฉันก็ได้แต่ทุกข์ทรมานใจที่ต้องปล่อยให้มันเป็นไปเช่นนั้น

เดินก็แล้ว นั่งก็แล้ว เปิดทีวีฆ่าเวลาก็แล้ว เอ็นโจที่บอกว่าจะกลับมาตอนบ่าย แต่ตอนนี้เกือบหกโมงเย็นก็ยังไม่เห็นวี่แวว ฉันเริ่มหงุดหงิดเพราะอยากไปจากที่นี่เต็มแก่ ถึงแมนชั่นนี้จะหรูหรางดงามสักแค่ไหน ฉันก็ไม่อยากอยู่เพราะมันเป็นพื้นที่ของเอ็นโจ ชูสุเกะคนนั้น

เหมือนรู้ว่าบ่นถึง เพราะเอ็นโจก็กลับมาพอดี หอบหิ้วของพะรุงพะรังมาด้วย สายตาเขามาหยุดที่เสื้อที่ฉันใส่ ฉันก็รีบค้อมหัวลง

“ขออภัยท่านเอ็นโจนะคะ พอดีฉันอาบน้ำแล้วไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนก็เลย...”

“ไม่เป็นไรหรอก” เอ็นโจว่าอย่างนั้น แล้วก็เอากล่องสีเหลืองทองให้ฉัน มีริบบิ้นคาดปิดผนึกเป็นลายโลโก้ร้านซักรีดชั้นสูงที่ฉันรู้จัก “นี่ชุดของคุณ ซักเรียบร้อยแล้ว”

“ต้องขอบพระคุณมากค่ะ”

ฉันรับเสื้อผ้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ พอออกมาก็เห็นเอ็นโจกำลังแกะอาหารจากกล่องใส่จานอยู่ ฉันไม่คิดจะรบกวนเวลารับประทานอาหารของเขา จึงคว้ากระเป๋าที่จัดเก็บของเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วขึ้นมา ค้อมศีรษะกล่าวคำอำลา

“จะไปแล้วเหรอ” เอ็นโจเลิกคิ้วขึ้น “ไม่หิวรึไง”

“ไม่กล้ารบกวนท่านเอ็นโจมากไปกว่านี้แล้วล่ะค่ะ”

834 Nameless Fanboi Posted ID:iaftfTuBK

แต่ท้องไม่รักดีของฉันดันส่งเสียงโครกครากออกมาให้เป็นที่ขายหน้า อันที่จริงฉันก็หิวตั้งแต่ได้กลิ่นอาหารแล้วล่ะนะ ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆจากเอ็นโจ แต่คิดว่าคงหูแว่วไปเองมากกว่า เอ็นโจน่ะไม่เคยหัวเราะให้ฉันเห็นแม้แต่ครั้งเดียว

“มานั่งสิ ของมีตั้งเยอะ ผมคนเดียวทานไม่หมดหรอก” เอ็นโจนั่งลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะ อีกที่ข้างๆกันมีจานกับช้อนส้อมจัดไว้เรียบร้อย

เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนที่ฉันหิวจนไส้แทบขาดเพราะไม่มีเงินซื้ออาหาร ก็ได้รู้ว่าศักดิ์ศรีไม่ทำให้ท้องอิ่ม คิดดังนั้นฉันก็เลยเดินเข้าไปนั่ง ถือซะว่าประหยัดค่าอาหารไปอีกมื้อ

“ขอโทษที วันนี้คลาสเลิกช้ากว่าที่คิดก็เลยกลับมาช้าไปด้วย” เอ็นโจเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ “คุณคงหิวแย่สินะ ทานให้เยอะๆเลยก็แล้วกัน”

“ต้องขอบพระคุณสำหรับแซนด์วิชด้วยนะคะ” ฉันค้อมหัวลงแล้วลงมือทานต่อ แต่ตาลอบมองเอ็นโจอย่างพิจารณา และเอ็นโจก็คงรู้ตัวว่าถูกมองอยู่ก็เลยถามขึ้น

“มีอะไรงั้นเหรอ คุณคิโชวอิน”

“ฉันสงสัยค่ะ” ฉันตอบไปตามที่คิด “ว่าท่านเอ็นโจมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ มาทำดีกับฉันที่เป็นศัตรูของเพื่อนคุณทำไม น่าจะปล่อยฉันไว้ตรงนั้นเหมือนเดิม”

“แค่ไม่อยากอ่านข่าวว่ามีผู้หญิงถูกคนโรคจิตฆ่าในสวนสาธารณะน่ะ” เอ็นโจตอบพร้อมกับรอยยิ้ม “โดยเฉพาะข่าวคนรู้จักตายมันทำให้หดหู่พอสมควรเลยนะ”

“งั้นเหรอคะ” ฉันพยักหน้า “แต่ถ้าฉันตาย อะไรๆก็คงดีกว่านี้ไม่ใช่หรือคะ เพื่อนคุณก็จะได้ไม่ต้องระแวงว่าฉันจะกลับไปแก้แค้นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน”

เอ็นโจเหยียดยิ้มออกมา รอยยิ้มนี้ดูน่ารังเกียจอีกแล้ว

“คุณคิโชวอิน คุณน่ะคิดว่ามาซายะจะเห็นความสำคัญของคุณขนาดที่ต้องระแวงเชียวรึ สำคัญตัวผิดเกินไปรึเปล่า” สายตาเขาก็ดูสมเพชเวทนา “แล้วคุณจะทำอะไรได้ มีปัญญางั้นเหรอ”

“ตอนนี้ยังไม่มี แต่อนาคตก็ไม่แน่นอนไม่ใช่รึไงคะ” ฉันตอบเสียงราบเรียบ นี่สิ เอ็นโจที่ฉันรู้จักน่ะเป็นแบบนี้ “คุณก็ควรระวังไว้บ้าง ตกมาจากที่สูงน่ะมันเจ็บนะคะ”

“นั่นสินะ ผมจะระวังไว้ก็แล้วกัน” เอ็นโจพยักหน้า “แต่ว่าตอนนี้มาซายะคงไม่มีเวลาระแวงคุณหรอก คุณคิโชวอิน เพราะเทียวไปรับไปส่งคุณวาคาบะอยู่แทบทุกวัน รักกันหวานชื่นจนน่าหมั่นไส้เลยล่ะ”

“งั้นเหรอคะ”

รสชาติอาหารกร่อยไปในพริบตา และความเงียบก็เข้าครอบงำจนรู้สึกอึดอัด ก่อนไปฉันล้างจานให้เป็นการตอบแทนที่เลี้ยงอาหารมื้อนี้ เอ็นโจยืนมองฉันเงียบๆ ไม่ได้รั้งอะไรเอาไว้

ฉันก้าวขาออกมาจากแมนชั่นนั้น สิ่งที่กักเก็บไว้มาตลอดก็พรั่งพรูออกมาในรูปแบบของน้ำตา ฉันสาบานว่าจะไม่ร้องไห้อีกต่อไปแล้ว แต่เอ็นโจก็ทำให้ฉันผิดคำสาบานจนได้

ผู้ชายคนนี้ก็เป็นแบบนี้เสมอ สายตาเหยียดหยาม คำพูดทิ่มแทง ขุดเอาส่วนที่เป็นจุดอ่อนของฉันออกมาเหยียบขยี้แบบไร้เมตตา น่าแปลกที่ฉันคิดว่าหัวใจด้านชาไปแล้ว ที่มีอยู่ก็คือความแค้นและความเกลียดชัง แต่พอได้ยินจริงๆกลับเจ็บจนทนแทบไม่ไหว

ฉันยังรักคาบุรากิ มาซายะอยู่

สองมือของฉันปาดน้ำตาตัวเองที่ไหลออกมาไม่หยุดหย่อน

ตอนนี้ฉันไม่รู้แล้วว่า ควรจะเกลียดใครมากกว่ากันระหว่างคาบุรากิ มาซายะ หรือเอ็นโจ ชูสุเกะ

----------------------
กับงานว่องไวแบบนี้รึเปล่าคะ ก็ไม่ค่ะ ถถถถถถถถถถถถถถถ

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.