ถูกไล่ขนาดนี้ จะให้หน้าด้านหน้าทนก็กระไรอยู่ ผมลุกขึ้นยืน เดินกลับไปที่รถ ฉุนเฉียวให้กับความโง่เง่าของตัวเองที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว กี่ครั้งแล้วที่ถูกผลักไสไล่ส่ง ก็ไม่เคยจำสักที ว่าคิโชวอิน เรย์กะร้ายกาจและเลือดเย็นขนาดไหน
ผมนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ในรถครู่หนึ่ง แล้วก็บอกตัวเองว่าควรไปจากที่นี่ได้แล้ว คิโชวอิน เรย์กะจะเป็นยังไงก็ช่างหัวเธอสิ ผมไม่ควรจะสนใจ
แต่เหลือบไปเห็นนาฬิกาที่บอกเวลาเที่ยงคืนสิบเจ็ดนาทียิ่งทำให้ผมหงุดหงิด สุดท้ายก็ลงจากรถ เดินกลับเข้าไปในสวนสาธารณะอีกหน
เพลงใครนิทราก็หามีไม่ที่เธอร้องออกมาเมื่อครู่นั้นเป็นเรื่องน่าขำ เพราะทูรันโดต์โฉมงามนั่งหลับอยู่บนชิงช้า มือตกห้อยลงข้างตัว อีกมือรองหัวที่พิงโซ่ไว้ ดูเหนื่อยล้าและน่าสมเพชอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ไม่สิ สภาพน่าสมเพชของเธอ ผมเคยเห็น ทุกคนก็เคยเห็น
ภาพที่เธอร้องไห้ในงานหมั้นผมยังจำได้ติดตา เส้นผมม้วนลอนที่เธอภาคภูมิใจก็กระเซอะกระเซิงเหมือนคนบ้า ไม่เหลือเค้าความสง่างามเคยมี และเมื่อเธอถูกลากออกไปทิ้งข้างนอกโดยบอดี้การ์ดตระกูลคาบุรากิ ผมก็มองดูเธออย่างเงียบๆ ไม่ได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือแต่อย่างใด
แต่ในคราวนี้ ผมดึงร่างเธอขึ้นมา กลิ่นเหล้าและเบียร์โชยหึ่งจนต้องเบ้ปาก ตอนนอน ขนาดแบกกลับมาที่รถก็ยังมีฤทธิ์เดชมาก ดิ้นไปมาจนแทบจะเหวี่ยงลงพื้น แล้วให้นอนกลางสวนสาธารณะไปตามที่เจ้าหล่อนปรารถนา
ไม่รู้ว่าผมจะลำบากตัวเองเพื่อผู้หญิงใจดำอำมหิตแบบนี้ไปทำไม
คิโชวอิน เรย์กะ ไม่ว่าจะผ่านมานานเท่าไหร่ ก็ยังเป็นผู้หญิงตัวปัญหาน่ารำคาญอยู่ไม่เปลี่ยนแปลงเลย
------------
บรรยายผิดๆถูกๆอ่านแล้วงงๆก็ขออภัยมาไว้ที่นี้ด้วยนะ