"คุณคิโชวอิน"
"คะ?"
ยังจะพูดอะไรอีกน่ะห๊ะ! ดูข้างหน้านั่นซิ!
นี่ความพยายามทั้งหมดของฉันสูญเปล่างั้นเหรอ?
ถ้าถูกจับได้ ฉันไม่ถูกตราหน้าเป็นยัยนางร้ายที่ล่มงานแต่งงานคนอื่นหรอกเหรอคะ หมดกันอนาคตของฉัน แล้วไหนจะคนอื่นๆที่ฝากความหวังไว้กับฉันอีก ทั้งที่เกี่ยวก้อยสัญญากับยูกิโนะคุงไว้แล้วแท้ ๆ คาบุรากิจะต้องโกรธมากพอที่จะทำให้ตระกูลคิโชวอินล่มสลายในคืนเดียวแน่ ไม่น้าาาา
แต่เอ็นโจยังคงวิ่งตรงต่อไป จากนั้นก็มีรถยนต์เปิดประทุนคันหนึ่งขับมาจอดเทียบท่าตรงที่ว่างที่เว้นไว้อย่างพอดิบพอดี เห็นคาบุรากินั่งอยู่ที่นั่งคนขับชี้นิ้วสั่งชายชุดดำเหล่านั้น พวกเขาทำก้มความเคารพ ก่อนที่จะวิ่งสวนทางกับพวกเรา ไปจัดการขวางพวกที่ตามหลังเรามา
"ผมรักคุณ"
ที่แท้ก็เป็นคนของบ้านคาบุรากินี่เอง ถ้าอย่างนั้นฉันก็รอดแล้วซินะคะ ค่อยยังชั่ว ...
...
..
.
เอ๊ะ?
เมื่อกี้ว่ายังไงนะคะ?
ชายคนหนึ่งเปิดประตูรถให้ เอ็นโจพาฉันขึ้นนั่งที่เบาะหลัง ขณะเดียวกันคาบุรากิก็สตาร์ทรถขับแล่นฉิวออกไปจากโบสถ์นั้นอย่างรวดเร็วไม่เห็นฝุ่น
หัวสมองของฉันว่างเปล่านึกอะไรไม่ออกสักอย่าง ยิ่งเอ็นโจจ้องหน้าฉันด้วยสายตาและรอยยิ้มแปลกๆไม่วางตา ก็รู้สึกกลวงโบ๋ราวกับวิญญาณหลุดไปในอากาศ
"ทำได้ดีนี่ คิโชวอิน!"
เพราะเป็นรถเปิดประทุน คาบุรากิเลยต้องตะโกนมาจากที่นั่งคนขับ วิญญาณของฉันจึงย้อนกลับเข้าร่าง
"...ค ค่ะ! ...เป็นเพราะท่านคาบุรากิมาทันเวลาพอดีด้วยน่ะค่ะ!"
พอสติกลับมา ฉันจึงรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนตักของเอ็นโจ อ๊ะ เอ๋ แย่ล่ะ ฉันรีบหันไปเพื่อที่จะขอขยับตัวลงมานั่งเบาะ แต่กลับพบว่าเอ็นโจกำลังทำบางอย่างกลับมือขวาของฉัน
"ทำอะไรน่ะคะ!!!!"
แหวนเพชรสีเงินวงเล็กถูกสวมเข้ามาที่นิ้วนาง พอจะกระชากมือออกมา เอ็นโจก็คว้าหมับไว้แน่น
"ก็งานแต่งยกเลิกแล้ว แหวนนี่ก็คงไม่ได้ใช้แล้วนี่นา ฝากคุณคิโชวอินไว้ก่อนแล้วกัน ... ไว้ค่อยวงหาที่เหมาะกับคุณคิโชวอินกว่านี้ให้นะ"
อ อะไรกันคะ!!? วงที่เหมาะ!? หมายความว่ายังไงกันน่ะคะ!?
"คุณคิโชวอินมาทำงานแต่งของผมล่ม ก็ต้องรับผิดชอบซิครับ"
รับผิดชอบอะไรกัน!? นี่ฉันเข้าไปช่วยนายออกมานะยะ!?
เอ็นโจหัวเราะเล็กน้อย ใช้มือจับกระชับที่เอวของฉันไว้จนไม่สามารถขยับหนีได้ มืออีกข้างก็ยกขึ้นมาปัดเส้นผมที่ปกหน้าฉันออก ใบหน้าของเขาค่อยๆขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น รอยยิ้มนั้นดูกรุ่มกริ่มแปลกประหลาด ประกายในดวงตาคู่นั้น ทำให้ใบหน้าฉันร้อนวูบ ตัวค้างแข็งเกร็งไปทั้งตัว กระทั่งจะหลบสายตานั้นยังไม่สามารถทำได้
"คุณคิโชวอิน...ที่ผมสารภาพก่อนขึ้นรถเนี่ย ได้ยินรึเปล่านะ?..."
ฉันเบิกตากว้าง ในใจปฏิเสธเต็มที่ว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น เอ็นโจหัวเราะเบาๆ ใบหน้านั้นใกล้เข้ามาจนจมูกของเราแทบจะชนกันอยู่แล้ว
"น้ำหยดลงหินทุกวัน หินยังกร่อน...ซินะ?"
น้ำเสียงนุ่มนวลนั้นเบาจนแทบจะเป็นเสียงกระซิบ แต่ฉันกลับได้ยินมันอย่างชัดเจน ฉันรู้สึกราวกับวิญญาณจะหลุดออกจากร่างอีกครั้ง รอมร่อจะเป็นลมอยู่แล้ว
"เฮ้ๆๆ! ชูสุเกะ! ฉันยังอยู่ตรงนี้ทั้งคนนะ! ให้มันน้อยๆหน่อย!"
"...เป็นคนขับรถ ก็มองทางข้างหน้าไปเถอะน่า"
"..."
คาบุรากิไม่ได้ตอบกลับอะไร แต่เร่งรถเร็วขึ้นกว่าเดิม แถมยังบีบแตรติดต่อกันสองสามที น่าจะกำลังหาที่ระบายอารมณ์ ความเร็วของรถนั้นทำเอาผมของฉันพริ้วกระเซอะกระเซิงฟาดใส่หน้าเอ็นโจ ฉันสบโอกาสได้สติอีกครั้งก็รีบผลักตัวของเขาออกไปให้ห่างๆ แต่ก็ยังไม่สามารถลงจากตักได้อยู่ดี
"เอ่อ นี่เราจะไปที่ไหนกันงั้นเหรอคะ?"
"โรงพยาบาล!"
คาบุรากิตะโกนกลับมา พอฉันขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ็นโจก็ขยายความให้ฟัง
"ไปเยี่ยมยูกิโนะที่โรงพยาบาลไง ... สัญญากันไว้แล้วนี่"
อ้อ นั่นซินะคะ สัญญากับยูกิโนะคุงไว้แล้วนี่นา ว่าจะพาตัวพี่ชายไปเยี่ยมที่ให้...ได้... น่ะ ... เอ๊ะ?
"ท ทำไม...?"
ทำไมเอ็นโจถึงรู้เรื่องสัญญาล่ะ!?
เอ็นโจจ้องมองฉันค่อยๆฉีกรอยยิ้มสว่างไสวที่ฉันรู้สึกว่ามันดำมืดและหนาบเหน็บที่สุด จนต้องกลืนคำถามกลับไป เอ็นโจคว้ามือของฉันไปแนบสัมผัสกับใบหน้าของตัวเอง จ้องมองที่ฉันไม่วางตา
"ขอบคุณที่มาช่วยผมนะครับ ...เรย์กะ"
แม้จะสงสัยแค่ไหน แต่ฉันเป็นก็ขี้ขลาดเกินกว่าจะรับฟังคำตอบจากปากของเขา
ฉันไม่อยากรู้หรอกว่าตัวเองติดกับดักหลุมเบ้อเร้อนี้ตั้งแต่ตอนไหนกันน่ะ
-----------------------
จอบอ จบ ♪♫
แต่งฟิคนี้แล้วเหนื่อยจัง ทำไมท่านเรย์กะขี้โวยวาย เปลืองอัศเจรีย์ขนาดนี้วะ... อ่านในใจเองยังเหนื่อยแทน...