ฉันตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายที่ไม่สิ้นสุด ฉันเห็นครอบครัวตัวเองพังทลาย
ตอนแรกที่ลืมตาฉันดีใจที่ทุกอย่างเป็นแค่ความฝันของฉัน
แต่สุดท้ายแล้วมันกลับเป็นความจริง
ฉันยิ้มให้กับตัวเอง ให้กำลังใจตัวเอง
ท่านพี่ดูเป็นห่วงฉันมาก ท่านพี่อิมาริก็ด้วย ฉันเพิ่งสังเกตว่าท่านพี่ผอมลงไปมาก อาจเพราะความเครียด หนูขอโทษจริงๆค่ะท่านพี่
ท่านพี่พยายามป้อนข้าวต้มให้ฉัน แต่ฉันไม่มีความรู้สึกอยากอาหารเลย ฉันบอกให้ท่านพี่กินแทนฉัน ท่านพี่กลับยิ้มให้ฉันแล้วไม่พูดอะไรต่อ
สุดท้ายฉันเลยฝืนกินนิดหน่อยเพราะไม่อยากให้ท่านพี่เป็นกังวลเพราะฉันอีก ท่านพี่มีสีหน้าดีขึ้น ก่อนท่านพี่อิมาริจะขอตัวไปทำธุระกับท่านพี่
ฉันยังคงกินอาหารต่อไป สุดท้ายก็หมด
น่ากลัวไปแล้วตัวฉัน นี่คืออาการคนไม่อยากอาหารหรือ?
รู้สึกตัวอีกทีก็หมดแล้ว รสชาติอาหารทีท่านพี่อิมาริหามาให้ช่างน่ากลัวจริงๆ
พออิ่มแล้วเลยนอนพักอีกรอบ คุณพยาบาลเข้ามาตรวจสภาพร่างกายฉันอีกรอบพร้อมให้ยาเล็กน้อย
รู้สึกตัวอีกทีก็เป็นตอนเที่ยง ถึงได้รู้ว่าซากุระจังมาเยี่ยม
“นอนเหมือนซากศพเลยนะ” ซากุระจังมองสภาพฉันแล้วพูดแบบนั้น “ฉันเคยบอกเธอแล้วว่าไอ้สารเลวนั่นไม่ใช่คนดี
“…” พูดได้เจ็บจึกเหมือนเดิมเถียงไม่ออกค่ะ รู้สึกอยากร้องไห้เลยล่ะ
ทุกอย่างมันเป็นเพราะฉันมันโง่เองจริงๆ
“แต่ช่างเถอะค่ะ” จู่ๆซากุระจังก็พูดตัดบท “เธอจะนอนแบบนี้อีกนานไหม”
“เอ๋?” ฉันงุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก นี่ฉันป่วยอยู่นะซากุระจัง
“นี่ไม่ใช่อกหักครั้งแรกสักหน่อย ไม่ใช่ว่าเธอมีภูมิคุ้มกันขั้นไร้ระดับแล้วเหรอ แค่นี้ไม่ตายหรอกนะ ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ” หยาบคายที่สุด ขั้นไร้ระดับอะไรมิทราบ ของแบบนี้มีวัดระดับด้วยเหรอ ถึงฉันจะเป็นหัวหน้าหมู่บ้านคานคอง แต่สกิลของฉันยังไม่ถึงขั้นนั้นนะยะ คิดเพลินๆจู่ๆซากุระจังก็สลัดคราบสาวเรียบร้อยสูงสง่าอย่างสมบูรณ์จับฉันลุกขึ้นนั่ง แล้วเอามือตีฉันดังป้าบ
เจ็บจัง คุณตำรวจ! ตรงนี้มีผู้ร้ายทำร้ายร่างกายค่า
ขณะที่กำลังโดนประทุษร้าย ริรินะก็ปรากฏตัวออกมา ตอนแรกเธอโวยวายที่เห็นซากุระจังตีฉัน พอซากุระจังบอกว่าตีเรียกสติ ริรินะเลยพับแขนเสื้อจะเข้ามารุมตีฉันด้วย
เอ๋ เอ๋ เอ๋ ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะคะ!
สุดท้ายกลายเป็นว่าฉันต้องลงจากเตียงวิ่งหนีไปทั่วห้อง ห้องผู้ป่วยของฉันกว้างพอที่จะให้วิ่งรอบๆได้แต่มันก็แคบเกินไปสำหรับการไล่จับของคนสามคน
สุดท้ายเลยชนกันเองล้มไม่เป็นท่า
ท่าทางล้มของริรินะดูทุลักทุเลมากจนฉันหัวเราะ
ซากุระกับริรินะหยุดชะงักจ้องมองฉันไม่ละสายตา
อะเระ ทำไมมองฉันอย่างนั้นล่ะ
“ในที่สุดก็หัวเราะแล้วสินะ” ซากุระจังพูดแบบนั้น แล้วพยุงฉันให้ลุกขึ้น
“ฉันหัวเราะมันแปลกมากเลยเหรอ” เห็นท่าทางอึ้งๆของทั้งสองคนฉันเลยมีความไม่มั่นใจจนต้องถามออกไป ซากุระจังเลยเอานิ้วมาจิ้มๆที่หน้าผากของฉันจนฉันหงายหลังไปอีกรอบ
เจ็บน้า
“ดูสภาพตัวเองก่อน ยิ้มแข็งอย่างกับผีตายซาก ดีแล้วที่เธอยังหัวเราะได้ พวกเราค่อยวางใจได้หน่อย” ซากุระจังพูดพลางพาฉันกลับไปที่เตียง
ตอนนั้นเองริรินะก็เอาตะกร้าเยี่ยมไข้มาให้ฉันมองด้วยสายตาไม่ไว้ใจจนริรินะชักสีหน้าใส่
“นี่อะไรน่ะ” ฉันเห็นแผ่นป้ายต่างๆในตะกร้างุนงงมากว่ามันคืออะไร
“ของเยี่ยมไข้” ริรินะตอบอย่างฉะฉาน
“ของเยี่ยมของเธอมันเป็นแบบนี้เรอะ” ฉันเถียงกลับ ริรินะทำท่าทางไม่พอใน หยิบตะกร้ามาเทของลง แยกแยะป้ายต่างๆที่ฉันดูออกแล้วว่ามันเป็นป้ายขอพร กับเครื่องรางนำโชค
“ดวงความรักกุดขนาดนี้ฉันลงทุนไปตามศาลเจ้าชื่อดังเท่าประเทศเชียวนะ อันนี้ก็ขึ้นชื่อเรื่องรักนำโชค อันนี้รักแท้ ชะตารักของเธอมันบัดซบมากเลยนี่ เพราะงั้นเอาไปซะ ส่วนอันนั้นร่ำรวยเงินทอง เฮ้! หน้าปลาตายมองฉันแบบนั้นคืออะไรยะ” ริรินะขึ้นเสียงกับฉัน ฉันหยิบแผ่นป้ายเครื่องรางใส่ตะกร้าแล้วแล้วยัดใส่มือริรินะพร้อมบอกว่าเอาไปใช้เองเถอะ
ส่วนซากุระจังบอกริรินะว่าปลอบได้ดีมาก ริรินะเลยยืดใหญ่ สีหน้ามีความภาคภูมิใจอย่างมาก
สาบานว่านั่นปลอบไม่ใช่ซ้ำเติมฉัน?