ทาคาเครุ part
เข้าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น แสงแดดอ่อนๆเริ่มสาดส่องผ่านช่องหน้าต่างมากระทบตัวผมทำให้ผมรู้สึกตัวตื่น ผมยังอยู่ข้างเตียงของน้องสาว และอยู่ในอ้อมแขนที่อบอุ่นของอิมาริ
“อรุณสวัสดิ์” เขาทักผมด้วยรอยยิ้มนุ่มนวล
“นายนั่งแบบนี้ทั้งคืน?” อิมาริไม่ตอบผม ส่งมาแต่รอยยิ้มโง่ๆ
ผมไมมีแรงจะทุบตีเขาด้วยความหมั่นไส้แบบเมื่อก่อน จึงแอนตัวไปพิงเขาอีกครั้ง หลับตาซึมซับความรู้สึกปลอดภัยนี้ไว้
ตอนนั้นเองน้องสาวก็ตื่นขึ้นมา เธอดีขึ้นกว่าเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัด อย่างน้อยเธอก็ยังตอบสนอง แต่ใบหน้านั้นกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มบางๆจอมปลอม
เธอกำลังฝืน ผมรู้
หลายครั้งที่ผมรู้สึกราวกับเป็นคนนอกหลายครั้งที่น้องจะแสดงกริยาที่อ่านง่าย จนทำให้ผมเข้าใจเธอได้สบายๆ แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่ ผมรู้สึกว่าเธอมีความลับบางอย่างกับผม ทำให้ผมและเธอ ไม่สิ ทุกคนและเธอเหมือนมีบางอย่างที่ห่างไกลกันเป็นคนละโลก
มันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่นะ
อาจจะเป็นตั้งแต่ตอนเด็กๆที่น้องเปลี่ยนไป
เรย์กะกินอาหารน้อยมาก แม้ว่าผมกับอิมาริพยายามป้อนเธอแต่เธอกลับกินไม่ได้ เธอเพียงแต่ยิ้มเหมือนขอโทษผม
ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นพี่ชายที่ใช้ไม่ได้จริงๆ
ส่วนผมเองก็กินอาหารไม่ได้เช่นกัน
พอกลืนลงไปมักจะอ้วกออกมาเสมอ
อาการแบบนี้เริ่มเป็นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่เดือนที่แล้ว ทำให้น้ำหนักของผมลดลงไปมาก ผมแอบไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลแต่ทุกอย่างกลับปกติมีแค่อาการเหนื่อยอ่อนและพักผ่อนไม่เพียงพอ ผมจึงพยายามใส่เสื้อที่หนาเพื่อปกปิดไว้ และลางาน แต่มันก็ยังคงไม่ดีขึ้น ต่อมาเรื่องมันเดินมาถึงจุดนี้ ทำให้สุดท้ายผมก็ปิดความลับนี้ไว้ไม่ได้
ในตอนมื้อเช้าอิมาริกับท่านแม่ของผมรู้แล้วว่าร่างกายผมผิดปกติ
ผมถูกส่งไปตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งโดยอิมาริเป็นคนออกค่าใช้จ่าย จนในที่สุดก็พบสาเหตุ
ผมโดนวางยา เลือดของผมตรวจพบสารเสพติดที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก สะสมมาทีละน้อยจนทำลายสุขภาพอย่างหนักในตอนนี้ ในครั้งที่แล้วผมไม่ได้เข้าตรวจละเอียดขนาดนั้นเพราะความประมาทของตัวเอง จึงหาสาเหตุไม่พบ
อาการช่วงนี้ของผมเริ่มเป็นอาการของการขาดสารเสพติด
ผมเริ่มทุรนทุราย เริ่มเห็นภาพหลอน มันทรมาณ ทรมาณจนอยากตาย
ผมรู้ว่าผมโดนวางยาจากอะไร เพราะของที่ผมกินประจำมักจะเป็นของที่เธอให้
น้องสาว…
ผมขอร้องแม่และอิมาริ ว่าอย่าบอกเธอ ไม่อย่างนั้นจิตใจเธอคงรับไม่ไหวอีก
ผมไม่อยากให้เธอรู้ความผิดปกติของผม ผมจึงยู่ข้างเธอนานๆไม่ได้ แต่ผมอยากอยู่ข้างเธอให้กำลังใจเธอ
อยากพาเธอไปสวนสนุก สวนสัตว์หรือพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ อยากให้ช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นอยู่ต่อไป
แต่ผมทำไม่ได้…
ผมมันช่างอ่อนแอ…
ตอนที่อยู่ในภวังค์ความคิด เป็นอิมาริที่กุมมือของผม ผมรู้สึกตัวเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขา เขาคลายมือที่จิกแน่นของผม นวดมันเบาๆและไม่ได้พูดอะไร เนิ่นนานเหมือนกับเวลาได้หยุดลง
ไม่รู้ทำไมน้ำตาของผมมันถึงได้ไหลออกมาอีกครั้ง
ตั้งแต่ผมเริ่มจำความได้ นี่เป็นครั้งที่สองที่ผมร้องไห้
อิมาริกอดผม เขาไม่พูดอะไร ลูบหัวของผมอย่างอ่อนโยนเงียบๆ ริมฝีปากของเขาประทับอยู่บนหน้าผากของผมอย่างปลอบประโลม ผมหลับตาปล่อยให้หยาดน้ำไหลรินออกมาเรื่อยๆ
ผมได้แต่ร้องบอกเขาอย่างน่าสมเพชว่าช่วยด้วย ช่วยผมด้วย
ผมมองเห็นภาพหลอน เห็นภาพครอบครัวของผมตายไปทีละคน ทีละคน โดยในมือผมมีมีดอยู่ เป็นผมที่ฆ่าทุกคน ผมกรีดร้อง หวาดกลัวจับใจ ผมที่เข้มแข็งมาตลอดกลับสั่นเหมือนลูกนก สุดท้ายแล้วพอผมแพ้ครั้งนึง ผมกลับไม่มีความกล้าที่จะลุกขึ้นมา
แต่แล้วผมก็ได้ยินเสียงกระซิบอ่อนหวาน ความอบอุ่นรอบตัวผมตอนแรกเป็นเสียงผู้ชาย…อิมาริ เขาบอกกับผมว่าผมจะไม่เป็นไร
ต่อมาเป็นเสียงที่อ่อนหวานของผู้หญิง ผมรู้สึกได้ถึงอ้อมกอดของเธอ กลิ่นมันช่างหอมหวานและคุ้นเคย เธอปลอบประโลมผม ภาพเลือดและซากศพค่อยๆหายไป ผมหลับตาลงปล่อยตัวเองให้ตกไปอยู่ในห้วงเวลาแห่งความอบอุ่น
เธอบอกให้ผมหลับ
เสียงเพลงดังคลอเบาๆ
ในช่วงเวลากึ่งหลับกึ่งตื่นผมฝัน
ผมเห็นภาพหญิงสาวสูงศักดิ์คนหนึ่งกำลังโอบกอดเด็กชายวัยขวบเศษในอ้อมแขน ท่าอุ้มของเธอดูเงอะงะ แต่เห็นถึงความตั้งใจ เด็กน้อยร้องไห้ เธอจึงร้องเพลงกล่อม คีย์เสียงค่อนข้างเพี้ยน แต่เขากลับรู้สึกว่ามันช่างไพเราะที่สุด
ในที่สุดเด็กน้อยหลับไป เธอยังคงกอดเด็กคนนั้นไว้ พร้อมกระซิบแผ่วเบา
“ถ้าเพื่อลูกแล้วล่ะก็”