ฉันไม่ได้ร้องไห้ ในหัวมีเสียงอื้ออึง ฉันวิ่ง วิ่ง และวิ่งเพื่อไปหาท่านพ่อและท่านพี่
เพื่อไปบอกว่าหนูขอโทษ...
ท่านพ่อถูกตัดสินให้เป็นบุคคลล้มละลาย ทรัพย์สินถูกยึด ส่วนท่านพี่หลุดพ้นข้อกล่าวหาได้เพราะท่านพ่อรับผิดแทนทั้งหมด
ท่านพ่อกอดฉัน ท่านพี่กอดฉัน ท่านแม่ยืนร้องไห้อยู่ข้างๆ แต่ฉันไม่ร้องไห้ ฉันต้องเข้มแข็ง ฉันมีเงินเก็บมากพอควรพอที่จะไปซื้อบ้านหลังเล็กๆอยู่กันอย่างสุขสบายฉันจะออกไปทำงานเลี้ยงดูท่านแม่เอง
ตอนที่คิด ฉันก็ได้แต่พึมพำคำพูดเดิมซ้ำๆ
หนูขอโทษค่ะ...
ท่านพ่อพูดบางอย่างอีกครั้งแต่ฉันยังคงไม่ได้ยินอะไรจนท่านพ่อจากไปแล้ว... ฉันยังคงอยู่ที่เดิม พูดคำพูดเดิมๆ ท่านแม่กอดฉันร้องไห้มากยิ่งขึ้น ฉันก็ยังพูดคำเดิมซ้ำๆ
จู่ๆก็ท่านพี่ที่ไม่เคยร้องก็ร้องไห้ จับฉันเขย่า เหมือนท่านพี่จะตะโกนอะไรบางอย่างแต่ฉันไม่ได้ยินเลย ท่านพี่คะ เจ็บตรงไหนรึเปล่า ได้โปรดอย่าร้องไห้เลยนะคะ หนูจะดูแลพี่กับแม่เองนะ
ท่านพี่กอดฉันแล้วอ้าปากกรีดร้องเหมือนเจ็บปวด ตอนนั้นเองท่านพี่อิมาริที่เพิ่งมาถึงก็วิ่งเข้ามากอดท่านพี่และฉันไปพร้อมกันหน้าของท่านพี่ที่เต็มไปด้วยน้ำตาซบลงบนไหล่ของท่านพี่อิมาริ ดูเหมือนกำลังอย่างมาก ท่านพี่อิมาริเองก็แนบหน้าผากลงบนผมของท่านพี่หลับตาปลอบโยน
ส่วนฉันยังคงพูดแต่คำเดิมๆซ้ำๆ
ขอโทษค่ะ ทุกอย่างเป็นเพราะหนู พี่ถึงได้ร้องไห้
.
.
.
.
“คุณคิโชวอิน”
ตอนนั้นเหมือนฉันจะได้ยินเสียงของใครบางคนที่กลบทับเสียงอื้ออึงในสมองฉัน ฉันค่อยๆหันไปมอง แสงยามเย็นมันย้อนทาบทับเงาร่างของพวกเขาทำให้มองเห็นได้ไม่ชัด แต่ที่ชัดเจนคือผมของคนที่อยู่หน้าสุดถูกอาบย้อมด้วยแสงแดดจนผมสีดำมีประกายผมสีน้ำผึ้งแดง
คนกลุ่มนั้นเดินมาใกล้เรื่อยๆ ฉันจึงพวกเห็นได้ชัดว่าพวกนั้นคือใคร
เป็นเอ็นโจ คาบุรากิ กับเพื่อนๆของฉัน
ฉันยังคงพูดคำเดิมซ้ำๆ โดยไม่รู้ตัว
ทำไมทุกคนถึงทำสีหน้าเจ็บปวดแบบนั้นล่ะ แล้วทำไมคาบุรากิถึงทำหน้าโกรธขนาดนั้นแล้ววาคาบะจังที่ร้องไห้อีก ใครรังแกเธอเหรอ ระวังมีจุดจบไม่สวยนะ แล้วเอ็นโจที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น รอยยิ้มที่มักมีเสมอกลับหายไป บรรยากาศรอบตัวต่างไปจากทุกที ตอนนั้นเองพวกเซริกะจังกับริรินะก็วิ่งมาทางฉัน พูดอะไรบางอย่างกับฉัน ฉันยังคงไม่ได้ยิน ปากก็ยังคงพูดคำเดิมซ้ำๆ
แล้วพวกเธอก็ร้องไห้
อา เพราะฉันอีกแล้ว
หัวหน้าห้องเดินมาดึงตัวพวกเพื่อนๆของฉันไปอีกทาง ตอนนั้นเองเอ็นโจก็เดินเข้ามา เขาพูดอะไรบางอย่างกับฉัน แต่ฉันกลับไม่ได้ยืนเสียงเขาอีกแล้ว เสียงอื้อในสมองของฉันมันดังกลบจนหมด ปากก็ไม่อาจหยุดพูดขอขอโทษได้
ทันใดนั้นเอ็นโจก็ยกมือขึ้นมา ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกตี ด้วยสายตาที่หน้ากลัวของเขา ไม่หลงเหลือความอบอุ่นเหมือนกับทุกทีที่ผ่านมา ถูกแล้วล่ะ ฉันที่ทำให้ทุกอย่างพังทลายควรได้รับการลงโทษ คิดเท่านั้นก็หลับตา
แปะ
เสียงตีเบาๆที่สองข้างแก้มเหมือนเรียกสติฉัน ฉันลืมตาขึ้นมา มองไปยังเอ็นโจที่มองฉันเช่นกัน สีหน้าของเขากลับเป็นอบอุ่นอ่อนโยนเหมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิ ไม่มีความเศร้า ความเจ็บปวด เป็นสายตาที่เป็นเขาเสมอมา ทั้งแต่เด็กจนโต
“ร้องไห้เถอะนะ” และเป็นครั้งที่สองที่เสียงของเขาเข้ามาถึงจิตใจของฉัน ฉันชะงัก ปากหยุดคำพูดขอโทษ และโต้แย้งในใจ
ฉันร้องไห้ไม่ได้ ฉันต้องเข้มแข็ง ต้องปกป้อง…ปกป้อง…
ฉันน่ะ… ฉัน… คนอย่างฉัน
“พวกเราจะปกป้องเธอเอง”
น้ำตาของฉันมันค่อยๆไหลลงมา