>>462-463 ต่อแจ้
"ท่านเอ็นโจ"
"ครับ"
เอ็นโจตอบรับฉันด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอบอุ่น แต่ในใจฉันกำลังกรีดร้องว่านี่มันเรื่องอะไรกัน ไหงเอ็นโจมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ
ละ แล้วสองมือของฉันกำเสื้อของเอ็นโจซะแน่นแบบนี้ ต้องเป็นรอยยับแน่ๆ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ทำไมฉันต้องมายืนกอดเอ็นโจต่อหน้าสาธารณะชนด้วยล่ะค้าาาาาาา
ขณะที่ฉันตัวแข็งค้าง ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูกอยู่ตรงนั้น เอ็นโจก็ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยน้ำตาที่ยังอยู่บนใบหน้าฉัน หยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับส่วนที่ยังเปียกๆออกให้ อา ดีจัง ที่วันนี้ใช้มาสคาร่าแบบกันน้ำมา ไม่อย่างนั้นต้องออกมาเหมือนภาพสยองขวัญของบ้านผีสิงแน่นอน
มีเสียงกรี๊ดดังขึ้นมาจากทั่วทิศทางที่ฉันยืนอยู่ ฉันอ้าปากค้าง หันไปมองซ้ายมองขวาอย่างเลิกลั่ก จะขืนตัวออกแต่ยังติดอ้อมแขนของเอ็นโจที่รั้งร่างฉันไว้อยู่ อ๊าาาา ปล่อยฉันเถอะค่ะ ไม่อยากตกเป็นเป้าหมายความอิจฉาริษยาจากบรรดาแฟนคลับของนายหรอกน้าาาา
"ขอโทษแทนยูกิโนะด้วยนะ" เอ็นโจก้มหน้าลงมองฉัน ลูบหลังเหมือนปลอบเด็กๆ "ตัวสั่นเชียว ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ คุณคิโชวอิน"
"ขอโทษอีกครั้งนะครับ ท่านพี่เรย์กะ" ยูกิโนะคุงทำหน้าจ๋อยแล้วก็ก้มหัวลงให้ฉัน "ไม่รู้จริงๆว่าจะกลัวขนาดนี้น่ะครับ"
"มะ ไม่เป็นไรจ๊ะ" ฉันรีบพูดออกไป หวา เทวดาน้อยทำหน้าเศร้าพาให้ใจฉันรู้สึกผิดอย่างรุนแรงเลยค่ะ "ยูกิโนะคุงไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย บ้านผีสิงก็ต้องน่ากลัวอยู่แล้วล่ะ"
"งั้น เพื่อเป็นการไถ่โทษ ผมให้ไอ้นี่นะครับ" ยูกิโนะคุงล้วงเข้าไปในอกเสื้อ หยิบเอากระดาษสองแผ่นขนาดเท่าตั๋วรถไฟให้กับพี่ชายตัวเอง ฉันชำเลืองมองดูก็พบว่ามันเป็นตั๋วเข้าคาเฟ่แบบ V.I.P. ของชมรมคหกรรมที่ขายดีสุดๆจนต้องทำระบบตั๋วเพื่อจองคิวเข้ากันเลยทีเดียว ฉันเคยแวะไปตอนเช้ากับมาโอะจังและยูริคุง แต่คิวนั้นยาวเหยียดก็เลยถอดใจ ไปทานร้านอื่นแทน "ขนมของที่นี่อร่อยมากเลยล่ะ ถ้าได้ทานของหวานๆ น่าจะช่วยให้ท่านพี่เรย์กะสงบใจได้บ้างนะครับ"
"ขอบใจ" เอ็นโจยิ้มให้น้องชาย คลายอ้อมกอดออก ขณะที่ฉันกำลังโล่งใจอยู่นั้น มือนั้นเปลี่ยนไปจับมือฉันแทน "ไปกันเถอะคุณคิโชวอิน"
เฮ้ยยยยย
"ฝากดูแลท่านพี่ด้วยนะคร้าบบบ"
ยูกิโนะคุงบอกไล่หลังมา และก็ถือป้ายไปเรียกลูกค้าคนอื่นต่อ ส่วนเอ็นโจอ่านรายละเอียดที่เขียนอยู่บนตั๋วนั้น แต่ยังจับมือฉันเดินไปเรื่อยๆอยู่
คาเฟ่ที่ยูกิโนะคุงให้บัตรมา จากบ้านผีสิงของยูกิโนะคุง เดินลงบันไดไปแค่สองชั้นก็ถึงห้องที่ใช้จัดงานแล้ว ขนาดผ่านมาช่วงบ่ายคนก็ยังแน่นขนัดเหมือนเดิม แต่พอเราเดินไปถึง ผู้คนก็แหวกทางให้เองเหมือนโมเสสแหวกทะเลแดงเลยล่ะค่ะ
"ท่านเอ็นโจคะ"
"หืม" เอ็นโจเอียงคอมอง "ว่ายังไงเหรอ คุณคิโชวอิน"
"คือว่า..." ฉันชี้ไปที่มือของเอ็นโจที่จับมือฉันไว้อยู่ "มือน่ะค่ะ"
"อือฮึ" เอ็นโจพยักหน้า แล้วก็ทวนคำฉันซ้ำ "มือ"
"ช่วยปล่อยได้รึเปล่าคะ"
พอฉันนิ่วหน้า เอ็นโจก็หัวเราะแล้วก็ยอมปล่อยมือออก หันไปยื่นตั๋วที่ได้มาจากยูกิโนะคุงให้คนจัดคิวตรงทางเข้า พอเห็นตั๋ว V.I.P. ก็รีบเดินนำพวกเราเข้าไปข้างในทันที
ที่แท้ตั๋ว V.I.P. ก็ช่วยได้แค่เรื่องไม่ต้องต่อคิวยาวเหยียดนี่ แต่ก็ต้องนั่งร่วมกับโต๊ะอื่นๆอยู่ดี ไม่ได้มีโซนพิเศษอะไร ฉันรู้สึกว่าทุกสายตาในห้องมองมาแต่ทางนี้ แต่เอ็นโจไม่ได้สนใจ เปิดเมนูดูรายการอาหารและเครื่องดื่มด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
"คุณคิโชวอิน รับอะไรดี"
เอ มีขนมน่าสนใจตั้งเยอะแน่ะ ทาร์ตบลูเบอรี่ ทีรามิสุ คัสตาร์ดเครมบูเล่ก็น่าทาน พานาคอตต้าราสเบอรี่ก็ฟังดูน่าอร่อย มาการองกุหลาบก็น่าจะเข้ากับชาดาร์จิลิง มัฟฟินผลไม้เชื่อมก็ฟังดูหวานหอม เลือกไม่ถูกเลยล่ะค่ะ
"เอาเซ็ตบีก็แล้วกันค่ะ" เซ็ตบีที่ฉันเลือกไปนั้นเป็นเซ็ต afternoon tea ชาอัสสัม มีสโคนและแยมส้ม กับขนมชิ้นเล็กๆน่ารักสำหรับคนที่เลือกไม่ถูกว่าจะทานอะไรอย่างฉัน ทุกอย่างช่างน่ากินไปหมด
แต่พอเงยหน้าขึ้นจากเมนูก็สบตากับเอ็นโจที่มองมาทางนี้พอดี ฉันรีบเอาเมนูมาบังหน้าอีกรอบ จะมองอะไรกันนักล่ะคะ
ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ เซ็ต afternoon tea ก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะด้วยพนักงานเสิร์ฟสาวน้อยที่มองเอ็นโจตาปรอยเชียว แถมตอนเสิร์ฟกับตอนแนะนำขนมก็ดูอ้อยอิ่งมากเกินควรด้วยล่ะ แหม่ ยังเสน่ห์แรงไม่เปลี่ยนเลยนะคะ ทีฉันแค่มองไปทางไหนผู้ชายก็หลบตากันเป็นแถบ ไม่ยุติธรรมเลยค่ะ
พอลองชิมสโคนกับแยมส้มเป็นอย่างแรกตามที่สาวเสิร์ฟแนะนำวิธีกิน อุ อร่อยมากเลยค่ะ สมกับเป็นชมรมคหกรรมที่ขึ้นชื่อเรื่องผู้รักการทำอาหารมารวมตัวกันจริงๆ มิน่า คิวถึงได้ยาวเหยียดขนาดนี้ น้ำชาก็ชงมากลมกล่อมในอุณหภูมิพอดี ได้กลิ่นหอมของใบชา เข้ากับมาดแลนที่กรอบฟู รสชาติหวานกำลังดี ได้กินของอร่อยๆแล้วมีความสุขจังเลยค่ะ ความกลัวในบ้านผีสิงเมื่อครู่นี้หายไปเป็นปลิดทิ้งเลย