Last posted
Total of 1000 posts
>>577 โอ้ววววว ทีรามิสุนี่ทำกูนึกถึงตอนไปทัวร์กินกับอิชิโนะคุระแล้วเรย์กะต้องเลือกระหว่างทาร์ตสตอเบอรี่กับทีรามิสุ เรย์กะเลือกทาร์ตไป ทั้งที่ตอนนั้นกำลังจัดแรงค์ชิมทีรามิสุอยู่แท้ๆ แล้วเอ็นโจเอาทีรามิสุให้เนี่ย มันเกี่ยวข้องอะไรรึเปล่า หรือรู้ว่าเขาชอบทีรามิสุเลยเอามาให้ อาจจะไม่เกี่ยว ไม่มีนัยยะอะไร แต่กูอยากให้มีว่ะ //สูดกาว
>>580 กูตายค่ะช็อตนี้ จอมมารนี่ขี้หวงจริงๆ หัวใจกูอ่อนไหวมาก หวงขนาดนี้ควรแสดงความเป็นเจ้าของแบบออกนอกหน้าเลยสิคะ มาแอบๆทำเขาไม่รู้หรอกนะ
>>583 อันนี้กูก็ตาย โอ๊ยยยย ฟินชิบหายเมื่อนึกตาม เห็นเขาเหมือนกระต่ายน้อยๆที่ขี้กลัวตัวสั่นๆตอนเข้าใกล้ตัวเองแล้วอยากแกล้งสินะ ข่นบ๊ะ บ้าที่สุด กูเขินมาก
โม่งสารบัญนี่มึงทุ่มเทมาก เอาตำแหน่งประธาน pivoine ไปเลย ถถถถถถถถถถถถถ หรือจะเป็นสมาชิกสภานักเรียนวะ
ตำแหน่งประธานPivoineยกให้โม่งแปลไปเลยดีกว่า กูขอแค่เอานั่งนับกระดาษ เย็บแม็คเป็นกรรมกรพอแล้ว ถถถถ
>>590 ทีรามิสุนี่ไม่น่ามีนัยอะไรว่ะ
.
.
.
.
.
เอ็นโจให้เลือกระหว่างทีรามิสุกับพานาคอตต้า ท่านเรย์กะเดาว่ามื้อว่างโรงเรียนน่าจะจัดพานาคอตต้าให้อยู่แล้ว เลยเลือกทีรามิสุ จะได้กินทั้งสองอย่าง
สรุปโรงเรียนจัดทีรามิสุให้ นกพานาคอตต้าจ้า ถถถถ
>>462-463 ต่อแจ้
"ท่านเอ็นโจ"
"ครับ"
เอ็นโจตอบรับฉันด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอบอุ่น แต่ในใจฉันกำลังกรีดร้องว่านี่มันเรื่องอะไรกัน ไหงเอ็นโจมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ
ละ แล้วสองมือของฉันกำเสื้อของเอ็นโจซะแน่นแบบนี้ ต้องเป็นรอยยับแน่ๆ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ทำไมฉันต้องมายืนกอดเอ็นโจต่อหน้าสาธารณะชนด้วยล่ะค้าาาาาาา
ขณะที่ฉันตัวแข็งค้าง ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูกอยู่ตรงนั้น เอ็นโจก็ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยน้ำตาที่ยังอยู่บนใบหน้าฉัน หยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับส่วนที่ยังเปียกๆออกให้ อา ดีจัง ที่วันนี้ใช้มาสคาร่าแบบกันน้ำมา ไม่อย่างนั้นต้องออกมาเหมือนภาพสยองขวัญของบ้านผีสิงแน่นอน
มีเสียงกรี๊ดดังขึ้นมาจากทั่วทิศทางที่ฉันยืนอยู่ ฉันอ้าปากค้าง หันไปมองซ้ายมองขวาอย่างเลิกลั่ก จะขืนตัวออกแต่ยังติดอ้อมแขนของเอ็นโจที่รั้งร่างฉันไว้อยู่ อ๊าาาา ปล่อยฉันเถอะค่ะ ไม่อยากตกเป็นเป้าหมายความอิจฉาริษยาจากบรรดาแฟนคลับของนายหรอกน้าาาา
"ขอโทษแทนยูกิโนะด้วยนะ" เอ็นโจก้มหน้าลงมองฉัน ลูบหลังเหมือนปลอบเด็กๆ "ตัวสั่นเชียว ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ คุณคิโชวอิน"
"ขอโทษอีกครั้งนะครับ ท่านพี่เรย์กะ" ยูกิโนะคุงทำหน้าจ๋อยแล้วก็ก้มหัวลงให้ฉัน "ไม่รู้จริงๆว่าจะกลัวขนาดนี้น่ะครับ"
"มะ ไม่เป็นไรจ๊ะ" ฉันรีบพูดออกไป หวา เทวดาน้อยทำหน้าเศร้าพาให้ใจฉันรู้สึกผิดอย่างรุนแรงเลยค่ะ "ยูกิโนะคุงไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย บ้านผีสิงก็ต้องน่ากลัวอยู่แล้วล่ะ"
"งั้น เพื่อเป็นการไถ่โทษ ผมให้ไอ้นี่นะครับ" ยูกิโนะคุงล้วงเข้าไปในอกเสื้อ หยิบเอากระดาษสองแผ่นขนาดเท่าตั๋วรถไฟให้กับพี่ชายตัวเอง ฉันชำเลืองมองดูก็พบว่ามันเป็นตั๋วเข้าคาเฟ่แบบ V.I.P. ของชมรมคหกรรมที่ขายดีสุดๆจนต้องทำระบบตั๋วเพื่อจองคิวเข้ากันเลยทีเดียว ฉันเคยแวะไปตอนเช้ากับมาโอะจังและยูริคุง แต่คิวนั้นยาวเหยียดก็เลยถอดใจ ไปทานร้านอื่นแทน "ขนมของที่นี่อร่อยมากเลยล่ะ ถ้าได้ทานของหวานๆ น่าจะช่วยให้ท่านพี่เรย์กะสงบใจได้บ้างนะครับ"
"ขอบใจ" เอ็นโจยิ้มให้น้องชาย คลายอ้อมกอดออก ขณะที่ฉันกำลังโล่งใจอยู่นั้น มือนั้นเปลี่ยนไปจับมือฉันแทน "ไปกันเถอะคุณคิโชวอิน"
เฮ้ยยยยย
"ฝากดูแลท่านพี่ด้วยนะคร้าบบบ"
ยูกิโนะคุงบอกไล่หลังมา และก็ถือป้ายไปเรียกลูกค้าคนอื่นต่อ ส่วนเอ็นโจอ่านรายละเอียดที่เขียนอยู่บนตั๋วนั้น แต่ยังจับมือฉันเดินไปเรื่อยๆอยู่
คาเฟ่ที่ยูกิโนะคุงให้บัตรมา จากบ้านผีสิงของยูกิโนะคุง เดินลงบันไดไปแค่สองชั้นก็ถึงห้องที่ใช้จัดงานแล้ว ขนาดผ่านมาช่วงบ่ายคนก็ยังแน่นขนัดเหมือนเดิม แต่พอเราเดินไปถึง ผู้คนก็แหวกทางให้เองเหมือนโมเสสแหวกทะเลแดงเลยล่ะค่ะ
"ท่านเอ็นโจคะ"
"หืม" เอ็นโจเอียงคอมอง "ว่ายังไงเหรอ คุณคิโชวอิน"
"คือว่า..." ฉันชี้ไปที่มือของเอ็นโจที่จับมือฉันไว้อยู่ "มือน่ะค่ะ"
"อือฮึ" เอ็นโจพยักหน้า แล้วก็ทวนคำฉันซ้ำ "มือ"
"ช่วยปล่อยได้รึเปล่าคะ"
พอฉันนิ่วหน้า เอ็นโจก็หัวเราะแล้วก็ยอมปล่อยมือออก หันไปยื่นตั๋วที่ได้มาจากยูกิโนะคุงให้คนจัดคิวตรงทางเข้า พอเห็นตั๋ว V.I.P. ก็รีบเดินนำพวกเราเข้าไปข้างในทันที
ที่แท้ตั๋ว V.I.P. ก็ช่วยได้แค่เรื่องไม่ต้องต่อคิวยาวเหยียดนี่ แต่ก็ต้องนั่งร่วมกับโต๊ะอื่นๆอยู่ดี ไม่ได้มีโซนพิเศษอะไร ฉันรู้สึกว่าทุกสายตาในห้องมองมาแต่ทางนี้ แต่เอ็นโจไม่ได้สนใจ เปิดเมนูดูรายการอาหารและเครื่องดื่มด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
"คุณคิโชวอิน รับอะไรดี"
เอ มีขนมน่าสนใจตั้งเยอะแน่ะ ทาร์ตบลูเบอรี่ ทีรามิสุ คัสตาร์ดเครมบูเล่ก็น่าทาน พานาคอตต้าราสเบอรี่ก็ฟังดูน่าอร่อย มาการองกุหลาบก็น่าจะเข้ากับชาดาร์จิลิง มัฟฟินผลไม้เชื่อมก็ฟังดูหวานหอม เลือกไม่ถูกเลยล่ะค่ะ
"เอาเซ็ตบีก็แล้วกันค่ะ" เซ็ตบีที่ฉันเลือกไปนั้นเป็นเซ็ต afternoon tea ชาอัสสัม มีสโคนและแยมส้ม กับขนมชิ้นเล็กๆน่ารักสำหรับคนที่เลือกไม่ถูกว่าจะทานอะไรอย่างฉัน ทุกอย่างช่างน่ากินไปหมด
แต่พอเงยหน้าขึ้นจากเมนูก็สบตากับเอ็นโจที่มองมาทางนี้พอดี ฉันรีบเอาเมนูมาบังหน้าอีกรอบ จะมองอะไรกันนักล่ะคะ
ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ เซ็ต afternoon tea ก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะด้วยพนักงานเสิร์ฟสาวน้อยที่มองเอ็นโจตาปรอยเชียว แถมตอนเสิร์ฟกับตอนแนะนำขนมก็ดูอ้อยอิ่งมากเกินควรด้วยล่ะ แหม่ ยังเสน่ห์แรงไม่เปลี่ยนเลยนะคะ ทีฉันแค่มองไปทางไหนผู้ชายก็หลบตากันเป็นแถบ ไม่ยุติธรรมเลยค่ะ
พอลองชิมสโคนกับแยมส้มเป็นอย่างแรกตามที่สาวเสิร์ฟแนะนำวิธีกิน อุ อร่อยมากเลยค่ะ สมกับเป็นชมรมคหกรรมที่ขึ้นชื่อเรื่องผู้รักการทำอาหารมารวมตัวกันจริงๆ มิน่า คิวถึงได้ยาวเหยียดขนาดนี้ น้ำชาก็ชงมากลมกล่อมในอุณหภูมิพอดี ได้กลิ่นหอมของใบชา เข้ากับมาดแลนที่กรอบฟู รสชาติหวานกำลังดี ได้กินของอร่อยๆแล้วมีความสุขจังเลยค่ะ ความกลัวในบ้านผีสิงเมื่อครู่นี้หายไปเป็นปลิดทิ้งเลย
ดูท่าทางฉันคงแสดงความสุขออกมาทางสีหน้ามากเกินไปหน่อย เพราะเห็นเอ็นโจมองฉันยิ้มๆ "ขนมทำให้หายกลัวจริงๆด้วยสินะ"
"ฉันไม่ค่อยถูกกับเรื่องแบบนี้เท่าไหร่น่ะค่ะ" ฉันหยิบขนมมาทานอีกชิ้น "แต่ไม่คิดเลยนะคะว่าท่านเอ็นโจจะมาร่วมงานโรงเรียนด้วย นึกว่างานยุ่งเสียอีก"
"ยูกิโนะชวนมาน่ะ เห็นบอกว่าทำบ้านผีสิงกับเพื่อน ก็เลยแวะมาดูหน่อย" เอ็นโจหัวเราะ "ไม่คิดเลยว่าคนกลัวผีแบบคุณคิโชวอินจะยอมเข้าบ้านผีสิงด้วย ใจดีกับยูกิโนะไม่เปลี่ยนเลยนะ"
"นานๆเจอกันที ถ้าปฎิเสธ ยูกิโนะคุงก็เสียใจแย่สิคะ"
ฉันได้เห็นประกายประหลาดอยู่ในดวงตาของเอ็นโจ ให้ความรู้สึกเหมือนว่ากำลังเสียใจหรือน้อยใจอยู่อะไรแบบนั้น แต่พอกระพริบตาอีกที ก็เห็นเอ็นโจยิ้มน้อยๆอย่างเดิม เมื่อกี้นี้ตาฝาดงั้นหรือคะ
หลังจากเราออกมาจากคาเฟ่ ฉันก้มหัวให้เอ็นโจเป็นการขอบคุณที่เลี้ยงขนม แต่พอจะขอปลีกตัวไปเดินเที่ยวงานเอง เอ็นโจก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
"คุณคิโชวอิน รู้สึกว่าห้องที่เราเคยอยู่จะขายเทียนแฮนด์เมดด้วยเหมือนกัน ไปดูกันเถอะ"
ฉันเลิกคิ้ว "ทำไมฉันต้องไปกับท่านเอ็นโจด้วยล่ะคะ"
"ก็ยูกิโนะขอร้องให้คุณคิโชวอินช่วยดูแลผมด้วยไม่ใช่เหรอ" เอ็นโจตอบด้วยสีหน้ายิ้มระรื่น "เอ หรือคุณคิโชวอินจะผิดสัญญากับยูกิโนะกันล่ะ"
อุก อย่ายกยูกิโนะคุงมาอ้างสิคะ แล้วโตป่านนี้ต้องมีคนดูแลด้วยเหรอคะ
"แล้วก็ยังมีเรื่องนี้อีกนะ" นิ้วของเอ็นโจชี้ไปที่รอยยับบนเสื้อที่เกิดจากฝีมือของฉัน เสื้อยับแค่รีดเอาก็หายแล้วไม่ใช่รึไงกันยะ ที่ขุดเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะจะบีบบังคับให้ฉันตอบตกลงใช่มั้ยล่ะ เจ้าปีศาจนี่
สุดท้าย ฉันก็ต้องเดินเที่ยวงานกับเอ็นโจจนได้ เห็นหน้าตายิ้มๆนั่นก็รู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาจริงๆเลยล่ะค่ะ หาเรื่องแกล้งซะเลยดีมั้ยนะ
เดินผ่านห้องหนึ่ง เห็นทำทาโกะยากิขายกัน น่าอร่อยจังเลยแฮะ คนทำเป็นเด็กผู้ชายหัวเกรียนสองคน ท่าทางทะมัดทะแมงคล่องแคล่ว มีเด็กหลายคนมาต่อคิวซื้อ ทำหน้าตื่นเต้นเหมือนเห็นของแปลกกัน อะไรกันจ๊ะ พวกเธอไม่เคยกินทาโกะยากิกันงั้นเหรอ แต่สมัยเรียน ทุกคนในห้องฉันก็ไม่เคยมีใครกินทาโกะยากิกันจริงๆนี่นา น่าเศร้านะคะที่ของอร่อยแบบนี้กลับไม่ได้รับความนิยมในซุยรัน
ฉันเหลือบมองเอ็นโจแว้บหนึ่งแล้วตัดสินใจเดินไปต่อคิวกับเขาด้วย ใช้เวลาครู่หนึ่ง ทาโกะยากิร้อนๆแปดลูกที่สั่งไว้ก็เสร็จสิ้น
"ตอบแทนที่เลี้ยงขนมเมื่อครู่นี้ค่ะ" ฉันยื่นทาโกะยากิไปให้เอ็นโจ เห็นใบหน้านั้นดูพิศวงขึ้นมาแวบหนึ่งแล้วก็ยิ้มกว้างออกมาเหมือนดีใจ
"งั้นไปหาที่นั่งทานกันเถอะ คุณคิโชวอิน"
"อ๊ะ ไม่ได้ค่ะ ของกินเล่นแบบนี้ได้มาแล้วต้องทานเลยทันที ถึงจะอร่อย" ฉันตอบหน้าตาย รอดูปฎิกริยาของเอ็นโจอย่างนึกสนุก
โถๆๆๆๆ พ่อคุณชาย คงได้รับการสอนมาล่ะสิว่าไม่ควรยืนกินน่ะ แล้วตั้งแต่เกิดมา นายก็ไม่เคยกินทาโกะยากิเลยใช่มะ น่าสงสารอะไรเช่นนี้ ในฐานะรุ่นพี่ ฉันจะสอนวิถีสามัญชนให้นายเอง
"งั้นคุณคิโชวอินแบ่งกับผมก็แล้วกันนะ" เอ็นโจยื่นถ้วยกระดาษมาตรงหน้าฉัน "สุภาพสตรีก่อนครับ"
ฉันกระพริบตาปริบๆ ไม่ได้คาดคิดว่าตัวเองจะต้องกิน เพราะฉันตั้งใจจะซื้อให้เป็นการกลั่นแกล้งหมอนี่โดยเฉพาะ จะให้คุณหนูตระกูลคิโชวอินอย่างฉันมายืนกินแบบนี้มันเป็นเรื่องต้องห้ามนะคะ แต่ก็อยากกินจังเลยน้า ทาโกะยากิร้อนๆเพิ่งเสร็จหมาดๆนี่มันน่าอร่อยสุดยอดไปเลย
ในที่สุด ฉันก็พ่ายแพ้ความตะกละ ขายวิญญาณให้แก่เบลเซบับจนได้ค่ะ
ทาโกะยากิลูกแรกเข้าปากฉัน ก็แทบจะบ่อน้ำตาแตกด้วยรสชาติที่สุดแสนจะคิดถึง ฉันไม่ได้กินมันมาเป็นชาติแล้วค่ะ อร่อยจังเลย หนวดปลาหมึกกรุบกรอบ เข้ากับแป้งและกะหล่ำหั่นฝอย ราดซอสและปลาแห้งกับสาหร่าย ฮึ่ย กินคนเดียวหมดเลยจะดีมั้ยนะ
เอ็นโจดูทุลักทุเลนิดหน่อย แล้วพอกินเข้าไปก็เอามือป้องปาก ทำหน้าแปลกๆ ร้อนล่ะสิท่า ลวกลิ้นใช่มั้ยล่ะ กินครั้งแรกก็แบบนี้ล่ะน้า
"อร่อยรึเปล่าคะ ท่านเอ็นโจ" ฉันถามยิ้มๆ ท่าทางของนายตอนนี้นี่ตลกจังเลย
"ก็ พอใช้ได้" เอ็นโจตอบแบบไว้ตัวนิดหน่อย ปากนายพองอยู่แน่ะ รู้ตัวรึเปล่า
"งั้นทานอีกนะคะ" ฉันจิ้มทาโกะยากิอีกลูกส่งให้ การกลั่นแกล้งคนนี่ให้ความรู้สึกสนุกเหลือเกินค่ะ โอ๊ะ โฮะโฮะโฮะ
เอ็นโจเหลือบมองฉันสลับกับทาโกะยากิที่ฉันยื่นให้ จากนั้นก็อ้าปากงับ
ได้ยินเสียงกรี๊ดดังขึ้นอีกแล้วค่ะ
"กินอีกที ก็อร่อยไม่เลว" เอ็นโจใช้นิ้วโป้งปาดซอสที่ติดตรงมุมปากตัวเองออกแล้วเลียซอสที่เลอะนิ้วนั่น "ขอบคุณสำหรับการแนะนำของกินนะ คุณคิโชวอิน"
ท่าทางแบบนั้นมันอะไรกันค้าาาาา ฉันไม่ได้ตั้งใจจะป้อนทาโกะยากิให้นายซักหน่อย
แล้วทำไมการกลั่นแกล้งนั่น มันถึงย้อนศรกลับมาหาฉันได้ล่ะคะ นี่มันสุภาษิตที่ว่าให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัวรึเปล่าคะเนี่ย
ฉันได้แต่คร่ำครวญอยู่ในใจว่าไม่น่าไปแกล้งเอ็นโจเลย
เอ็นโจกับฉันเดินมาถึงห้องเรียนที่เคยเรียนด้วยกันตอนม.2 จนได้ มีลูกค้าอยู่ในร้านค่อนข้างหนาตา และชั้นวางเทียนแฮนด์เมดหลากสีสันที่รายล้อมพวกเรา คิดถึงความหลังจังเลยน้า แต่ร้านขายเทียนนี้ดูสงบสุขดี ไม่เหมือนตอนนั้นที่มีคนมากระหน่ำจองเทียนฝีมือเอ็นโจจนต้องจัดประมูล บรรยากาศตอนประมูลนั้นดุเดือดจนฉันนึกว่าเป็นการประมูลภาพวาดของศิลปินที่ไหนซะอีกค่ะ น่ากลัวจริงๆกับความรักของแฟนคลับ
ฉันอุดหนุนรุ่นน้องด้วยการซื้อเทียนรูปร่างคล้ายๆกับที่ฉันเคยทำมาสามอันแล้วก็ไปต่อที่ร้านอื่น ตั้งแต่เห็นใบปลิว ฉันก็เล็งห้องที่จัดงานวัดแบบสามัญชนเอาไว้ พอเข้ามาก็รู้สึกว่าทำได้ดีเกินคาด มีซุ้มของเล่นเต็มไปหมดเลยค่ะ ทั้งยิงปืน โยนห่วง ปาบอล ช้อนลูกโป่งเอย อยากเล่นไปหมดเลยล่ะค่า
ฉันเลือกยิงปืนก่อนเป็นอันดับแรกเพราะอยู่ใกล้มือที่สุด จ่ายค่าเล่นแล้วก็หยิบปืนอัดลมขึ้นมา คนเฝ้าซุ้มบอกวิธีเล่นแล้วยิงให้ดูหนึ่งครั้ง เป้ากระดาษที่ใช้สาธิตก็ขาดเป็นรู
รางวัลใหญ่เป็นตุ๊กตาแกะสีขาวและสีเหลืองที่ดูนุ่มนิ่มน่ารักมากเป็นคู่กันสองตัว ฉันที่ชื่นชอบแกะอยู่แล้ว พอเห็นก็อยากได้ทันทีเลยล่ะค่ะ แต่คงเพราะยากไป สุดท้ายก็ทำคะแนนรวมได้ไม่ถึง คนเฝ้าซุ้มหยิบตุ๊กตาสุนัขตัวเล็กๆที่เป็นรางวัลในระดับคะแนนของฉัน ก็ไม่เลวร้ายเท่าไหร่นะ
ฉันหันไปมองเอ็นโจที่ดึงสไลด์ปืนเตรียมพร้อมเหนี่ยวไก แม้จะเป็นแค่ปืนของเล่นแต่ก็เป็นภาพที่ดูดีเหมือนกับในหนังเลยแน่ะ ใบหน้าด้านข้างที่ดูเอาจริงเอาจังทำให้ฉันใจเต้นขึ้นมานิดหน่อย เป็นครั้งแรกที่ฉันเพิ่งรู้สึกว่าเอ็นโจนี่ก็เท่เหมือนกันแฮะ
เป้ากระดาษขาดเป็นรูที่กึ่งกลางอยู่หลายจุด นอกนั้นก็อยู่แถวๆ 9 และ 8 คะแนนทั้งนั้น คนเฝ้าซุ้มหยิบตุ๊กตาแกะสีขาวให้แล้วตบมือแสดงความยินดีที่พิชิตรางวัลใหญ่สำเร็จ เอ็นโจเอาตุ๊กตาแกะนั่นให้ฉัน
"ช่วยถือไว้ก่อนนะคุณคิโชวอิน" อ๋อ แค่ฝากถือสินะคะ คงจะเอาไปให้ยูกิโนะคุงแน่ๆ
อืมมม ตุ๊กตานี่น่ารักจังเลยค่ะ นิ่มมือด้วย ฉันลูบตุ๊กตาหนุบหนับด้วยความเพลินมือ ฉันสอยรางวัลมาไม่ได้ก็จริง แต่ถ้าลองเย็บตุ๊กตาแบบนี้ด้วยตัวเองจะไหวรึเปล่าน้า
เอ็นโจยิงปืนอีกครั้ง ฉันหันไปมองรอบๆก็เห็นสายตาสาวๆมองมาทางนี้อย่างเคลิบเคลิ้ม พอหันไปอีกที เอ็นโจก็ได้ตุ๊กตาแกะสีเหลืองนั่นมาครอบครองเรียบร้อยแล้ว หวา หมอนี่จะทำทุกอย่างได้เก่งเกินไปแล้วนะคะ น่าหมั่นไส้จริงๆเลยค่า
"คุณคิโชวอิน ระหว่างสีขาวกับสีเหลือง ชอบสีไหนมากกว่ากัน"
"สีขาวค่ะ" ฉันตอบตามที่คิด แม้จะงงๆนิดหน่อยว่าจะถามเรื่องสีทำไม
"งั้นตัวนี้เป็นของผมสินะ" เอ็นโจชูตุ๊กตาแกะสีเหลืองที่เพิ่งได้มาให้ฉันดูพร้อมกับรอยยิ้ม พยักเพยิดให้กับตุ๊กตาในอ้อมแขนของฉัน "ดูแลมันดีๆด้วยล่ะ คุณคิโชวอิน"
"อะ เอ๋"
"ไปเล่นอย่างอื่นกันเถอะ ตรงนั้นก็น่าสนใจนะ" เอ็นโจมองไปทางซุ้มปาบอลแล้วก็เดินนำหน้าไป
อยู่ๆตุ๊กตาแกะก็เป็นของฉันเสียอย่างนั้นค่ะ อะไรกัน ฉันนึกว่าเอ็นโจยิงมาให้ยูกิโนะคุงนะนั่น
"มาแข่งกันหน่อยมั้ย คุณคิโชวอิน" ที่ซุ้มปาบอล เอ็นโจหยิบลูกเทนนิสขึ้นมาโยนเล่นแล้วยักคิ้วให้
อ้าว ท้าทายกันเหรอคะ ฉันนี่ได้ที่หนึ่งแข่งปาบอลนะ ตอนที่ห้องนายแข่งกับฉันก็แพ้หลุดรุ่ยเลยไม่ใช่เหรอ
"ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนออมมือให้ด้วยนะคะ" ฉันฝากตุ๊กตาแกะไว้กับคนเฝ้าซุ้มปาบอลเหมือนกับเอ็นโจ ค้อมหัวให้แล้วถลกแขนเสื้อขึ้น หยิบลูกเทนนิสขึ้นมาบ้าง พอได้สัญญาณก็เริ่มขว้างบอลออกไป
คนเริ่มมามุงดูเราสองคนแข่งปาบอล ส่งเสียงฮือฮารอบทิศทาง แต่ฉันไม่ได้สนใจ ขว้างบอลไปเรื่อยๆเก็บเอาคะแนนให้ได้มากที่สุด อะฮุฮุฮุ เป็นไงล่าเอ็นโจ คะแนนฉันสูงขนาดนี้เลยนะ จะสู้ได้เหรอ
การแข่งจบลงเมื่อฉันกับเอ็นโจปาบอลลูกสุดท้ายออกไป เหล่ารุ่นน้องพากันไปนับคะแนนอย่างละเอียด ฉันหอบหายใจหน่อยๆที่ได้ออกแรง รอฟังผลคะแนนอย่างใจจดใจจ่อ
คะแนนออกมาที่ 353 : 350 ฉันเป็นฝ่ายชนะล่ะค้าาาา ถึงจะแค่สามคะแนน แต่ชนะก็คือชนะนะคะ ดีใจจนเผลอทำท่า Yes we can ออกมาเลยค่ะ
ผู้ชนะที่ดี ต้องไม่ซ้ำเติมผู้แพ้ ฉันก็เลยหันไปยิ้มให้เอ็นโจประมาณว่าเห็นฝีมือฉันรึยังล่ะ ว้ายยยย จะคิดว่าฉันเยาะเย้ยอยู่รึเปล่าคะ โอ๊ะ โฮะโฮะโฮะ ผู้ชนะนี่วางตัวลำบากจังเลยนะคะ
"คุณคิโชวอินนี่เก่งจริงๆ" เอ็นโจเอ่ยชมฉัน แต่ไหงฉันไม่เห็นจะดีใจกับคำชมซักนิด ประชดกันอยู่รึเปล่ายะ
คนเฝ้าซุ้มปาบอลเอาของรางวัลออกมาให้ฉัน เป็นตุ๊กตากระต่ายสีขาวใส่กระโปรงฟูฟ่องสีขาว มีมงกุฎน้อยๆประดับหัว ว้าย ตัวนี้เป็นเจ้าหญิงสินะคะ และตัวสีน้ำตาลใส่ชุดเจ้าชายสีแดง ตุ๊กตาอีกแล้วเหรอคะเนี่ย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ชอบนะคะ
ฉันก้มมองตุ๊กตาแกะในมือตัวเอง แล้วก็มองตุ๊กตากระต่ายสองตัวนี้ แบ่งไปให้เอ็นโจซักตัวก็แล้วกัน ไหนๆเขาก็ให้ตุ๊กตาแกะมาแล้ว ควรรีบๆให้ไปเป็นการตอบแทนจะดีกว่า จะได้ไม่ถูกลำเลิกบุญคุณเรื่องนี้ในภายหลัง แต่ตัวไหนดีล่ะ
ฉันตัดสินใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ยื่นตุ๊กตาเจ้าหญิงกระต่ายให้
"ท่านเอ็นโจคะ ของตอบแทนสำหรับตุ๊กตาแกะค่ะ"
เอ็นโจทำหน้าตะลึงไปเหมือนคาดไม่ถึง ดูจะตกใจเอามากๆ ท่าทางแบบนั้นมันอะไรกันยะ เดี๋ยวปั๊ดไม่ให้ซะนี่
"ให้จริงๆเหรอ" เอ็นโจถาม พอฉันพยักหน้าก็ยิ้มออกมา ตาส่องประกายระยิบระยับ "ขอบคุณนะ คุณคิโชวอิน"
"ไม่เป็นไรค่า" จะได้ไม่ติดค้างกันเรื่องตุ๊กตาแกะยังไงล่ะค้า แถมผู้ชายตัวโตๆต้องมาถือตุ๊กตาที่ดูผู้ญิ้ง ผู้หญิงแบบนี้ มันก็เป็นภาพที่ดูตลกมากเลยไม่ใช่รึไงคะ อุฮุฮุฮุฮุ นี่ล่ะค่ะ การเอาคืนจากตอนทาโกะยากิ
อย่างไรก็ตาม เอ็นโจไม่ได้ดูขัดเขินอะไรเลยที่ต้องถือตุ๊กตาหวานแหววขนาดนี้ ทำเอารู้สึกเซ็งไปนิดหน่อยที่การกลั่นแกล้งไม่เป็นผล ฉันประเมินความหน้าไม่อายของหมอนี่ต่ำไปสินะคะ
สต๊าฟฟ์หญิงของห้องนี้เห็นว่าฉันกับเอ็นโจถือของกันเยอะเกินไปก็เลยไปหาถุงมาให้ใส่ตุ๊กตาพวกนี้ แหม่ ใจดีกันจังเลยค่ะ ฉันกับเอ็นโจกล่าวขอบคุณกับเธอคนนั้นแล้วไปเล่นที่ซุ้มอื่นกันต่อ
ฉันแวะเข้าห้องนั้นห้องนี้ ดูการแสดงบ้าง หรือทานอาหารบ้าง ก็มีห้องเรียนที่จัดเป็นบ้านผีสิงคล้ายๆกับห้องของยูกิโนะคุงอยู่เหมือนกัน เอ็นโจพยักเพยิดไปทางนั้นเป็นเชิงถามว่าจะเข้าไปมั้ย จะบ้าเหรอคะ แค่บ้านผีสิงห้องยูกิโนะคุงก็จะแย่อยู่แล้วนะ อยากเข้าก็เข้าไปเองคนเดียวสิคะ
"ไปดูอย่างอื่นดีกว่านะคะ" ฉันดึงแขนเสื้อเอ็นโจให้ห่างออกมาจากบ้านผีสิง ไม่ได้มีเป้าหมายอะไรเป็นพิเศษ แต่เห็นห้องหนึ่งที่ว่างๆ มีเด็กผู้หญิงสามคนในชุดคลุมสีน้ำตาลเข้มเหมือนลัทธิอะไรซักอย่างมายืนสั่นกระดิ่งแจกใบปลิวเรียกลูกค้าอยู่หน้าห้อง พอสบตากัน เด็กผู้หญิงหนึ่งในสามคนนั้นก็เดินตรงมาหาฉัน
"ดูดวงมั้ยคะ หมอดูแม่นๆนะคะ" น้ำเสียงเธอช่างเนิบเนือยเหมือนถูกบังคับให้มาทำหน้าที่นี้ยังไงยังงั้นล่ะ "ตอนนี้คิวกำลังว่างเลยนะคะ ไม่ลองใช้บริการดูหน่อย"
ฉันก้มลงอ่านใบปลิวที่เขาแจกให้ ดูดวงเรื่องการงาน การเงิน ความรัก ครั้งละ 500 เยน ที่จริงฉันก็ไม่ได้ชอบเรื่องดูดวงหรือทำนายทายทักอะไรนักหรอก แม้จะเสี่ยงเซียมซีตอนไปวัดทุกครั้งก็เถอะ แต่เอ็นโจทำหน้าแปลกๆ ผู้ชายนี่ไม่ได้เชื่อถืออะไรกับเรื่องนี้สินะ
แกล้งซะเลยดีกว่า
"ท่านเอ็นโจคะ เข้าไปดูดวงกันเถอะ"
"หืม คุณคิโชวอินชอบเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ"
"ผู้หญิงก็ชอบเรื่องพวกนี้กันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอคะ" ฉันตอบหน้าตาย "ดูไว้หน่อยก็ไม่เสียหลายนี่คะ เผื่อพรุ่งนี้ท่านเอ็นโจเกิดโชคร้าย อาจจะมีวิธีแก้ไขก็ได้"
"นั่นสินะ" เอ็นโจมองฉันด้วยสายตายิ้มๆ "คุณคิโชวอินเป็นห่วงผมเหรอ"
"อย่ามัวเสียเวลาเลยค่ะ เข้าไปกันเถอะ" ฉันขี้เกียจฟังเลยลากเอ็นโจเข้าไปข้างในทันที
ในห้องค่อนข้างมืด มีแค่เทียนไขให้ความสว่างบางจุด และประดับประดาด้วยผ้าสีม่วงเข้มให้ความรู้สึกลึกลับ ดูท่าเอ็นโจจะเป็นลูกค้าผู้ชายรายแรกของห้องนี้ เพราะฉันเห็นกลุ่มเด็กผู้หญิงอยู่ข้างในกันให้เต็มไปหมด พอเราสองคนเข้ามาเลยเป็นจุดเด่นมาก ไม่สิ เอ็นโจต่างหากที่เด่นมาก
โอ๊ะ โฮะโฮะโฮะ ให้เขามองนิดๆหน่อยๆไม่สึกหรอหรอกนะจ๊ะ
"อา ลูกค้าอีกรายสินะคะ" คนที่ท่าทางจะเป็นหมอดูนั่งใส่เสื้อคลุมสีน้ำตาล มีฮู้ดคลุมใบหน้าเพื่อความลึกลับ อุ๊ยตาย นี่ฉันหลงเข้ามาในลัทธิประหลาดๆรึเปล่าคะ "เชิญนั่งเลยค่ะ ทำตัวตามสบาย ผ่อนคลาย เปิดใจรับคำพยากรณ์"
เอ่อ ไม่ต้องเล่นใหญ่ขนาดนั้นก็ได้ค่ะ
"สนใจแบบไหนคะ ดูไพ่ ลายมือ หรือลูกแก้ว"
"ดูไพ่ก็ได้ค่ะ" หมอดูพยักหน้าให้ฉัน เริ่มลงมือสับไพ่อย่างชำนาญ ฉันถูกบอกให้ตั้งสมาธิใช้มือซ้ายเลือกหยิบไพ่มาสิบใบ ฉันก็เลือกส่งๆไปให้อย่างนั้นล่ะ แต่ก็ตื่นเต้นอยู่บ้างนะคะ
ไพ่ที่เปิดออกมา ส่วนใหญ่เป็นไปในทางที่ดีทั้งนั้นเลยล่ะค่ะ "การงานราบรื่นไร้อุปสรรค การเงินดีเยี่ยมอยู่ในขั้นเศรษฐี ส่วนตำแหน่งนี้บอกสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เอ......."
คุณหมอดูนิ่งไปครู่หนึ่งจนฉันสงสัย แล้วเธอก็พูดต่อ "จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเรื่องนั้นด้วยนะคะ"
"ยังไงเหรอคะ"
"คือว่า ไพ่ใบนี้น่ะบอกถึงการเลี้ยงเฉลิมฉลองในงานมงคลอย่างงานแต่งงาน จะมีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้น หรืออีกนัย คุณอาจได้พบความรักที่สุขสมหวัง" หมอดูเปิดไพ่ใบถัดๆไป "โอ๊ะ อิทธิพลจากคนรอบข้างก็ให้การสนับสนุนด้วยสิ โชคดีมากเลยนะคะเนี่ย"
สรุปแล้ว ดวงชะตาของฉันในช่วงนี้อยู่ในขั้นโชคดีสินะ ฮุๆๆๆ มีความสุขจังเลยค่ะ
"ท่านเอ็นโจก็ดูด้วยสิคะ ไหนๆก็เข้ามาแล้วทั้งที" เอ็นโจเลยต้องจับไพ่อย่างเสียมิได้
คำทำนายของเอ็นโจดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยค่ะ
"ไพ่ The Chariot เป็นพื้นฐานเจ้าชะตา จะมีปัญหาต่างๆเข้ามา ต้องใช้ความพยายามในการต่อสู้แย่งชิงอย่างมาก"
หรือ
" สถานการณ์ทั่วไปในช่วงนี้ The seven of wands ความสำเร็จที่จะเกิดค่อนข้างจะยากลำบาก ต้องใช้ความอดทนอย่างมากในการผ่านอุปสรรคไป"
และ
"แนวทางแก้ไขปัญหา The high priestess ต้องรอจังหวะและเวลาที่เหมาะสม ค่อยๆเป็นค่อยๆไปไม่ต้องรีบร้อน"
มีแต่ปัญหาและอุปสรรคทั้งนั้นเลยนี่คะ น่าสงสารจัง จะแบ่งดวงของฉันไปให้เอามั้ยคะ แต่ไม่รู้จะแบ่งยังไงนี่สิ โอ๊ะ โฮะโฮะโฮะ
แต่ใบสุดท้ายที่เป็นบทสรุป เอ็นโจก็ได้ไพ่ดีๆที่สุขสมหวังนี่คะ แปลว่าปัญหาทุกอย่างจะคลี่คลายไปในทางที่ดีใช่มั้ย
ฉันยืนกรานว่าจะจ่ายเงินค่าดูดวงให้เอ็นโจด้วย เพราะฉันเป็นคนลากเขาเข้ามาก็สมควรรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ตอนเดินออกจากร้านก็เห็นเอ็นโจทำหน้ามุ่ยนิดหน่อยเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ ฉันเลยพามาทานน้ำแข็งไสให้ใจเย็นขึ้น
"ท่านเอ็นโจคะ" ฉันสะกิดเบาๆ ยื่นน้ำแข็งไสจากร้านที่นั่งรอด้วยกัน "ไม่ต้องไปคิดมากหรอกนะคะ เรื่องพวกนี้เชื่อไม่ค่อยได้ ฟังสนุกๆผ่านหูเป็นพอ"
"ขอบคุณนะ คุณคิโชวอิน" เอ็นโจรับน้ำแข็งไสมา "คุณคิโชวอินก็ได้แต่ไพ่ดีๆทั้งนั้นเลยนี่นา ยินดีด้วยนะ"
"แหม ก็ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ" ฉันตักน้ำแข็งไสเข้าปาก อืม อร่อยจังเลย รู้แบบนี้สั่งถ้วยใหญ่ดีกว่า "แต่ท่านเอ็นโจก็ได้คำทำนายว่าจะแก้ปัญหาได้สำเร็จนี่คะ ไม่รู้ว่าปัญหาอะไร แต่ขอเอาใจช่วยก็แล้วกันค่ะ"
"แต่ถ้าได้คุณคิโชวอินช่วยแก้ปัญหานั้นด้วย รับรองว่าต้องสำเร็จแน่นอนครับ" เอ็นโจหัวเราะ "ตอนเรียนคุณคิโชวอินก็ช่วยเหลือผมเยอะแยะ ไม่น่าจะยากเกินความสามารถของคุณนะ"
"ฉันไม่มีความสามารถขนาดนั้นหรอกค่ะ ที่ผ่านมาก็แทบไม่ได้ทำอะไรเลยด้วย " อย่าเอาฉันเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหาของนายจะได้รึเปล่ายะ ฉันไม่อยากผมหงอกเหมือนตอนนั้นหรอกนะ
เอ็นโจหัวเราะเบาๆอย่างเป็นปริศนา
เราเดินดูของกันต่ออีกหน่อย เห็นอะไรน่าสนใจก็เข้าไปดู เอ็นโจไปสอยรางวัลเป็นตุ๊กตาหมีตัวเล็กๆขนาดเท่าฝ่ามือจากซุ้มโยนห่วงมาได้เต็มถุงกระดาษใบใหญ่ แต่ยกให้ฉันหมดเลย เอ๊ะ จะดีเหรอคะ เอาไปแจกแฟนคลับนายจะดีกว่าน่า วันนี้ฉันได้ตุ๊กตามาเยอะเกินไปแล้วล่ะมั้ง
"ต้องขอบคุณท่านเอ็นโจวันนี้มากนะคะ ที่กรุณาเป็นเพื่อนเดินเที่ยวชมงาน" เดินมาถึงทางที่จะนำไปสู่ลานจอดรถ ฉันก็โค้งหัวขอบคุณ ตุ๊กตาก็ร่วงผลอยออกจากปากถุงกระดาษเกลื่อนกลาดเต็มพื้น อ๋า ฉันนี่ซุ่มซ่ามจริงๆ
เอ็นโจช่วยก้มลงเก็บตุ๊กตาใส่ถุงด้วย ฉันกวาดตามองไปรอบๆเพื่อดูว่าไม่มีตัวไหนตกหล่นก็เงยหน้าขึ้น จะพูดขอบคุณที่ช่วยเก็บของ
รู้สึกถึงความนุ่มตรงริมฝีปาก หน้าของเอ็นโจอยู่ใกล้ฉันมากจนแทบจะนับขนตาได้ อีกฝ่ายก็ดูชะงักไปเหมือนกัน
"เอ่อ ขอโทษนะ คุณคิโชวอิน" เอ็นโจถอยหลังออกไปนิดหน่อยแล้วลุกขึ้นยืน
"เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ" ฉันกระพริบตาปริบๆ งุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก
เกิดเดดแอร์ชั่วขณะระหว่างเราทั้งคู่ พอฉันลุกขึ้นยืนก็ถอยออกไปอีกหลายก้าว เอ็นโจเองก็ด้วยเช่นกัน
"เอ่อ งั้น...ขอลาตรงนี้เลยนะคะ"
เอ็นโจพยักหน้า เราสองคนต่างหมุนตัวกลับหลังหันเดินไปคนละทางแบบไม่เหลียวหลังไปมอง
ฉันเดินต่อเพียงลำพัง เผลอเอานิ้วไปแตะที่ริมฝีปาก เมื่อตระหนักถึงความจริงที่เพิ่งเกิดขึ้น เหตุการณ์เพียงไม่กี่วินาที แต่กลับรู้สึกนานเหมือนเวลาหยุดนิ่ง เหมือนเลือดทั้งหมดของร่างกายจะไหลขึ้นมาอยู่บนใบหน้า
อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
นั่นมันจูบไม่ใช่เหรอค้าาาาาาาาาาาาาาา
------------------
หมดละ ใครจะต่อก็ตามสบาย อุฮิ
ฟิตสั้น ๆ เมากาวในมุมมองคนอื่น แต่งไม่เก่งเท่าไหร่แต่เชื่อว่าต้องมีคนมองแบบนี้สักคน
มุมมองจากรุ่นพี่คนหนึ่งใน Pivoine
“ยังไงซะจักรพรรดิต้องคู่กับจักรพรรดินีสิค่ะ”
“แห๊ม--- แต่ฉันว่าคู่กับเจ้าชายก็ยอดเยี่ยมนะคะ”
วันนี้กลุ่มสาวๆ ใน Pivoine ก็ยังจับกลุ่มพูดคุยว่าท่านเรย์กะ จักรพรรดินีแห่งซุยรันว่าจะได้จับคู่กับใครเพราะความสนิทสนมกับยอดชายแห่งซุยรัน ท่านคาบุรากิกับท่านเอ็นโจนั่นเอง แต่สำหรับดิฉันที่นั่งฟังข้อมูลของเหล่าเพื่อนๆ และรุ่นน้องแล้วกลับเฉย ๆ เพราะว่าท่านเรย์กะจะคู่กับใครก็ตามดิฉันก็ยินดีค่ะ หากคนที่ท่านเรย์กะเลือกเป็นคนที่ท่านเรย์กะรักและรักท่านเรย์กะเหมือนกัน นั่นก็เพราะเหล่าคุณหนูในตระกูลต่างๆ ไม่มีสิทธิ์เลือกคนรักตามใจตัวเองเท่าไหร่หรอกค่ะ ส่วนใหญ่จะถูกจับคู่และหมั้นหมายตามความเห็นของพ่อแม่ พอเรียนจบมัธยมปลายไปก็ถูกจับหมั้นไม่ก็แต่งงานเข้าตระกูลนั้นไปเลย น้อยคนที่จะมีสิทธิ์เลือกคนรักเองนับว่าดิฉันโชคดีที่ท่านพ่อท่านแม่ให้อิสระในการเลือกคู่ครองของลูกๆ เพราะท่านพ่อได้กล่าวไว้ว่าอยู่โสดแต่มีความเป็นมนุษย์ดีกว่ามีคู่แต่ไร้วิญญาณ ที่ท่านพ่อพูดแบบนั้นเพราะเห็นพวกเพื่อนๆ ของท่านพ่อที่แต่งงานเพื่อธุรกิจมีสภาพครอบครัวที่เรียกว่า “ครอบครัวเป็นแค่ทางนิตินัยเท่านั้น” และลูกแต่ละคนต่างมีสภาพจิตใจย่ำแย่ราวกับตุ๊กตาไม่ก็เรียกร้องความรักแบบผิดๆ นั้นแหล่ะค่ะ
“โอ๊ะ..สวัสดีค่ะท่านเอ็นโจ”
“สวัสดีครับ”
อาร่า อาร่า พูดถึงเสือ เสือก็มาทันที [เอ็นโจ ชูสุเกะ] หรือ เจ้าชายแห่งซุยรัน ดิฉันกล่าวทักทายตามมรรยาทระหว่างออกจากซาลอน ดิฉันพบกับท่านเอ็นโจในงานปาร์ตี้บ่อยครั้งแต่ไม่ได้สนิทสนมอะไรกันมากนักหรอกค่ะ อย่างมากก็ทักทายพูดคุยตามมรรยาทของคนรู้จักทางซุยรัน ทุกครั้งที่พูดคุยกับท่านเอ็นโจมักมีแววตาที่ไร้อารมณ์ถึงริมฝีปากจะยิ้มแย้มก็ตาม และแววตานั้นยิ่งเย็นชาต่อเหล่าหญิงสาวที่เข้าหาเพราะหวังความชื่นชอบบ้าง หวังผลประโยชน์ต่อทางธุรกิจบ้าง ต้องขอบคุณการฝึกโหดของท่านแม่ที่สอนดิฉันให้รู้จักดูคนจริงๆ ค่ะ แต่ว่ามีอยู่คนหนึ่งที่ท่านเอ็นโจมีแววตาที่แฝงไปด้วยอารมณ์หลากหลายยามเมื่อพูดคุย
“สวัสดีค่ะ ท่านเรย์กะ”
“สวัสดีค่ะ”
อาร่า อาร่า นึกถึงเสือ เสือก็มาอีกคน ดิฉันพบท่านเรย์กะระหว่างทางหลังจากทักท่านเอ็นโจไปสักพักหนึ่ง [คิโชวอิน เรย์กะ] หรือ จักรพรรดินีแห่งซุยรัน ดิฉันไม่ค่อยพบท่านเรย์กะในงานปาร์ตี้เท่าไหร่นัก ถึงจะพบเจอกันในซาลอนแต่ก็ไม่ค่อยสนิทสนมเท่าที่ควร ท่านเรย์กะดูน่าเกรงขามในสายตาหลายคนจนไม่มีใครกล้ายุ่งแต่ถ้าถามว่าใน 3 ผู้มีอิทธิพลใครน่าคบสุด ก็คือ ท่านเรย์กะนี่แหล่ะ เพราะแววตาของท่านเรย์กะมีความจริงใจทุกครั้งไม่มีการเสแสร้งในยามพูดแสดงความห่วงใย หรือดูแลเหล่าเด็กๆ ใน Petit Pivoine โดยไม่แสวงหาผลประโยชน์ เป็นของล้ำค่าที่หาได้ยากในหมู่คนชั้นสูงที่ต้องใส่หน้ากากเข้าหากัน เป็นจักรพรรดินีที่อ่อนโยน หรือว่านี่เป็นสาเหตุที่แววตาท่านเอ็นโจนั้นเปลี่ยนไป เพราะหลายครั้งที่ท่านเรย์กะมางานปาร์ตี้ท่านเอ็นโจจะมีท่าทีกระตือรือร้นในการไปทักทายท่านเรย์กะพร้อมกับแววตาที่มีอารมณ์หลากหลาย แถมยังแผ่ออร่าทมิฬเหมือนกับเกราะป้องกันและคัดกรองคนเข้าหาไปในตัว จนผู้ชายหลายคนที่ชื่นชอบท่านเรย์กะไม่กล้าเข้าไปพูดคุยกับท่านเรย์กะซะกะคน คือว่าท่านเอ็นโจค่ะได้ข่าวว่าท่านมีคู่หมั้นแล้วนี่ จะมาขวางทางฤดูใบไม้ผลิของสาวน้อยได้ไงกันคะ
>>602 “ไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ จึงเป็นได้แค่ [ว่าที่] แถมมีโอกาสยกเลิกได้อีกค่ะ ที่สำคัญยูกิโนะคุงเองก็ชื่นชอบท่านเรย์กะไม่น้อย พยายามทำคะแนนให้พี่ชายตัวเองน่าดู”
น้องสาวของดิฉันที่อยู่ Petit Pivoine กล่าวดักไว้เมื่อดิฉันพูดถึงเรื่องคู่หมั้นของท่านเอ็นโจ แต่ว่าคุณน้องคะไปเอาศัพท์แบบนี้มาจากไหนคะ ไอ้เรื่องทำคะแนนเนี่ย!?
“และท่านเอ็นโจเองก็มีแววตาที่ชื่นชมท่านเรย์กะ ยิ่งตอนที่ท่านเรย์กะช่วยยูกิโนะคุงจากโรคประจำตัวตอนหนูถือกระเป๋าไปให้แอบเห็นว่าท่านเอ็นโจแอบมองท่านเรย์กะด้วยแววตาที่เหมือนกับท่านพ่อที่มองท่านแม่ด้วยความรักและชื่นชมค่ะ”
น้องสาวดิฉันพูดด้วยอารมณ์หงุดหงิดเพราะรุ่นพี่ที่ชอบท่านเรย์กะคนหนึ่งที่เธอแอบเชียร์ไว้กลับถอนตัวในการจีบท่านเรย์กะเนื่องจากเจอฤทธิ์จอมมารเอ็นโจเข้าไป (น้องสาวว่างั้น) ขอพูดอีกครั้งค่ะคุณน้องเป็นเด็กประถมจริงๆ หรือคะ? หรือว่าพักนี้น้องสาวดิฉันอ่านการ์ตูนสาวน้อยมากเกินไปเลยเอาศัพท์มาใช้กัน? แต่เรื่องท่านเอ็นโจเป็นจอมมารนี่ ดิฉันพอนึกภาพออกนะก็ตอนแผ่ออร่าทมิฬออกมากันท่าให้ท่านเรย์กะในงานเลี้ยงไงล่ะ อ่า..ดิฉันเริ่มสงสารท่านเรย์กะกับเหล่าผู้ชายที่ชื่นชอบท่านเรย์กะจริงๆ หรือจะสงสารท่านเอ็นโจดีนะที่พยายามส่งความรู้สึกไปให้แต่เจ้าตัวไม่รับรู้นี่สิ ถ้าเจ้าตัวรับรู้แล้วจะเป็นยังต่อไปล่ะแค่คิดก็น่าสนุกแล้ว
………………………………………………..
“ยังไงซะจักรพรรดิเหมาะสมกับจักรพรรดินีค่ะ”
“อาร่า อาร่า แต่ดิฉันว่าท่านเอ็นโจก็เป็นผู้ที่เหมาะสมไม่ใช่น้อยนะคะ”
วันนี้ดิฉันร่วมวงกับเหล่ากลุ่มสาวๆ ใน Pivoine เหมือนเดิมเพิ่มเติมคือดิฉันสนับสนุนท่านเอ็นโจ ทำไมนะหรือ? ดิฉันได้ทำการไตร่ตรองอยู่หลายครั้งจากการเฝ้าดูท่านเอ็นโจและท่านเรย์กะ สำหรับท่านเรย์กะที่เป็นจักรพรรดินีผู้อ่อนโยนจำเป็นต้องมีผู้ที่แข็งแกร่งคอยปกป้องไม่ให้คนมาใช้ประโยชน์จากความอ่อนโยนนั่น ต้องเป็นคนที่รู้เท่าทันและควบคุมเหล่ามารร้ายได้ ยังไงก็ต้องเป็นจอมมารเท่านั้นสิค่ะ
-------------
จบความเมากาว...ขอถังต่อไปสิ
>>561 มึงงงง มึงเขียนชมท่านหญิงเรย์กะจนกูไม่อยากลงเรือเอ็นโจแล้ว! กูยอมเป็นหมีไปลากนางมาเรือกูเองดีกว่า! ให้พวกนั้นแล้วเสียของ
อะแฮ่ม (เปลี่ยนหลอดกาว) กูเชื่อว่าเรือเอ็นโจนี่แล่นช้าแต่มาอย่างมั่นคงมาก ทั้งยังมีซัพพอร์ตเตอร์ทั้งสายตรงและสายอ้อม ล่มยาก! ถ้าลองเทียบกับเรือคาบุคาบุ ต่อให้มันแสดงออกมาตรงๆ จะว่าจะจีบเรย์กะสุดท้ายคงโดนองค์กาลีลงมาไล่ตะเพิดตั้งแต่ยังไม่ปักธงเพราะรู้เช่นเห็นชาติมากเกินไป ดูอย่างที่มันทำกะคุณรุ่นพี่แล้วลองนึกว่ามันมาตะแง้วๆ กับเรย์กะสิ.... ขนาดตาทานุกิเรย์กะยังฮึ่มๆ แล้วถ้าเป็นนังคาบุละ.....
เพราะฉะนั้นโม่งสายฟิคจะฟิคอะไรมึงรีบๆ เขียนแล้วเอามาลงซะ กูลุ้นเรือตัวจะแตกแล้ว มึงเขียนอะไรมากุอุดหนุนหมด!!!!!! ยังไงก็ได้ขอแค่ถีบส่งคู่นี้ให้ถึงฝั่งสักทีเถอะ!
//กาว กาว กาวกูอยู่ไหนหมด!!!!
>>600 สุดยอดอะมึง มึงแต่งดีมากเลยอ่ะ หวานๆสุด เอ็นโจนี่มันร้ายยนะคะหัวหน้าา มีโอกาสนี่เก็บทุกช๊อตต ทั้งกอด จับมือ ให้ป้อน หยอดเข้าไปอีก โง้ยยย ที่จุ๊บนี่บังเอิญหรือ ตั้งใจคะ ตอบบ!! กูปริ่มมาก คืนนี้ก็นอนหลับแระ มึงมาต่อของมึงให้จบนะ!!
>>602 ดีๆ จัดมาอีก ก็ชอบอ่านมุมมองของคนอื่น เรย์กะนี่ความรู้สึกตายด้านเกินไป มันต้องมองผ่านฟิลเตอร์ของคนอื่น ถึงจะเห็นความดี ความชอบ? ของเอ็นโจ
จะมีโม่งซุยรันไปเกาะกำแพงดูสองคนนี้เดทกันมั้ยคะ อยากเห็นมุมมองโม่งซุยรันจังเลยค่ะ 55555555555555555555
กุชอบฟิคมุมมองคนนอกมากกก ท่านเรย์กะกุตายด้านเกินไป55555555555
มันต้องใช้สายตาคนนอก ผสมกาวกับมโน ซู้ดดดดด
ขอต่อฟิคนี้นะ เห็นไม่มีคนมาต่อเลย
เขียนในนี้ครั้งแรก ถ้าไม่ดีกูขออภัยด้วยล่ะกันค่ะ
------------------------------------------------------------------------
คืนนั้น ฉันนอนไม่หลับ เป็นเพราะวันนี้ อยู่ๆ ตาเอ็นโจดันมาเรียกฉันว่า ‘เรย์กะ’ ห้วนๆ นั่นแหละ ถึงแม้จะรู้สึกใจเต้น
ทั้ง น้ำเสียง กับท่าทางทำเอารู้สึกแปลกๆ แถมยังทำตัวเสียมารยาทมากกับเอ็นโจไปซะแล้ว
‘เรย์กะ’
อ๊ากกกกกกกกกกก
ม่ายนะ ตัวฉัน จะไปนึกใบหน้ากับน้ำเสียงของอีตาเอ็นโจทำไมเนี้ย
ตานั่นเป็นจอมมารในคราบรอยยิ้มอ่อนโยนชัดๆ
ห้ามไปหลงกลให้กับจอมมารเด็ดขาดนะ ห้ามเชียว---!
ใช่แล้ว! น่าจะเป็นเพราะว่าเป็นจอมมาร เอ็นโจเป็นจอมมาร ทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ หน้าแดง และหนาวยะเยือกอย่างนี้สินะ
ฉันรีบเดินลงไปหยิบเกลือจากห้องครัวมาโรยสี่มุมห้องทันที
ปัดเป่าความชั่วร้าย ความชั่วร้ายจงหายไปซะ~~
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันตื่นมาด้วยใบหน้าที่ไม่แจ่มใสเท่าไหร่นัก เป็นเพราะจอมมารเอ็นโจที่ตามมาถึงในฝัน แถมในฝันตานั่นยังทำให้ฉันต้องชดใช้หนี้ที่ติดค้างแบบไม่จบไม่สิ้นอีก ช่างน่ากลัวจนน่าหวาดผวา
สงสัยเกลือที่ไว้ใช้ทำอาหารจะไม่ได้ผล
ไว้ไปขอเกลือจากศาลเจ้ามาดีไหมนะ?
คิดไปคิดมา รถก็มาถึงโรงเรียนแล้ว ฉันเดินเข้าไปที่ตึกเรียนด้วยการรักษาภาพลักษณ์ที่สง่างามเอาไว้เช่นเดิม แล้วก็สวนทางกับหัวหน้าห้องที่ถือเอกสารไว้ในมือเข้า
“อ๊ะ คุณคิโชวอิน?”
“หัวหน้าห้อง สวัสดียามเช้าค่ะ” ฉันยิ้มให้หัวหน้าห้อง
แต่ว่าทำไมหัวหน้าห้องทำหน้าตาแปลกๆ ล่ะ หรือว่าขอบตาฉันคล้ำจนน่ากลัวกันคะ?
“สวัสดีครับ วันนี้คุณคิโชวอินมาเช้าจังเลย”
“พอดีมีเรื่องต้องเตรียมตัวทำน่ะค่ะ หัวหน้าห้องล่ะคะ”
“มีธุระที่สภานักเรียนน่ะครับ” หัวหน้าห้องพูดพร้อมกับตามองไปที่เอกสารในมือ
“เอาไปส่งสภานักเรียนเหรอคะ ฉันช่วยเอาไหม?”
“ไม่เป็นไรครับ” หัวหน้าห้องยิ้ม “จริงสิ พักนี้ผมถึงได้คุยกับคุณฮนดะเยอะขึ้นเลย เพราะคุณคิโชวอินเลยนะ”
“เอ๋ อย่างนั้นหรือคะ?” จะว่าไปก็เห็นหัวหน้าห้องอยู่กับคุณฮนดะ แล้วก็เพื่อนของคุณฮนดะบ่อยๆ เหมือนกัน
“ผมจะได้ไปฉลองวันคริสต์มาสกับพวกคุณฮนดะด้วยล่ะ”
“เห~ ดีใจด้วยนะคะ ไปที่ไหนรึคะ”
“คงเป็นที่ร้านคาราโอเกะครับ ไปกันหลายคนก็น่าจะสนุกดีอยู่มั้งครับ”
หัวหน้าห้องหัวเราะขื่นๆ
ถ้าจะให้ดี หาทางแวบออกไปกันสองคนสิคะ สู้เค้าค่ะ หัวหน้าห้อง!
"หัวหน้าห้องไม่ลองชวนคุณฮนดะไปเดทดูล่ะคะ ฉันมีหนังสือสถานที่แนะนำนะ!"
ความจริงมันเป็นหนังสือรวมคาเฟ่ของหวาน แต่เล่มล่าสุดมีคอลัมรวมสถานที่เดทสุดโรแมนติกเอาไว้ด้วย
"เอ๋ ไม่ไหวหรอกครับ คุณคิโชวอิน"
หัวหน้าห้องเปลี่ยนเป็นโหมดสาวน้อยเสียแล้ว ใบหน้าเริ่มแดงกล่ำแถมบิดตัวไปมา อ๊ะๆ ระวังเอกสารหล่นนะคะ!
ฉันคุยกับหัวหน้าห้องจนเกือบจะถึงห้องแล้ว ฉันเลยขอตัวเข้าห้องก่อน ระหว่างทางได้ยินเสียงกระซิบกันว่าขุนพลซามูไรอะไรสักอย่าง อื๋อ...อยากไปคุยเรื่องแฟนตาซีด้วยจังค่ะ
อา น้ำชาเอิร์ลเกรย์ รสเบาบาง ผสานด้วยกลิ่นรสบางๆ ของผลไม้ให้ความรู้สึกสดชื่นทุกครั้งที่ดื่มจริงๆ เลยน๊า ยิ่งท่านกับคุ๊กกี้ขิงยิ่งอร่อยเข้าไปอีก
ฉันมาที่สโมสรเร็วกว่าทุกวัน ทำให้วันนี้ไม่ค่อยมีคนอยู่เท่าไหร่ เลยเลือกนั่งมุมลับตามุมโปรดที่ติดกับหน้าต่างนั่งอ่านหนังสือหน้ารวมสถานที่เดทสุดโรแมนติก จิบชาไปพลาง กินขนมไปพลาง แหม มีความสุขจริงๆ เลยค่ะ~
แต่หนังสือนี่ฉันแค่เอามาอ่านเฉยๆ เท่านั้นนะคะ หนังสือรวมสถานที่น่าไปเดทที่ถูกใจฉันที่สุดคือการนั่งชิงช้าสวรรค์กับคนรักวันอีฟ แต่ว่าจะมีใครมาสนใจหัวหน้าหมู่บ้านคานทองอย่างฉันล่ะคะ
ฉันคิดโน้นคิดนี่ไป พลางหัวเราะกับตัวเอง ถ้าหากว่าได้นั่งชิงช้าสวรรค์กับคนรักก็คงจะดีน้า~
“คุณคิโชวอิน”
“อึก” ฉันแทบสะดุ้งเพราะเสียงเรียกจากทางด้านหลัง น้ำเสียงที่คุ้นเคยของปีศา---ไม่สิ เอ็นโจ!
เกือบเสียงมารยาทซะแล้วสิ
ทำไมพอหลบหน้ายิ่งเจอบ่อยนักล่ะคะ---!
“สวัสดีค่ะ ท่านเอ็นโจ”
“สวัสดีครับ” เอ็นโจยิ้มสว่างไสว แต่สำหรับฉันเหมือนกับรอยยิ้มที่ดำมืด “ขอนั่งด้วยคนนะ”
อย่ามานั่งนะยะ----!
“หืม? ไม่พอใจอะไรรึเปล่าครับ”
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรกันคะ เชิญนั่งเลยค่ะ ท่านเอ็นโจ” ฉันฉีกยิ้มหวาน พร้อมกับเผยมือไปที่โซฟาอีกฝั่งนึง
อุหวา ตานี่จะอ่านใจคนออกไปถึงไหนกัน แค่หลุดสีหน้านิดเดียวเองนะ…
“คุณคิโชวอินจะไปงานเลี้ยงสุดสัปดาห์ด้วยรึเปล่า?”
งานเลี้ยงของมาดามคาราบุกิสินะคะ
“ค่ะ ดิฉันคงไปเป็นเพื่อนท่านแม่ค่ะ ท่านเอ็นโจ” ฉันยิ้ม ในใจคิดว่า ปฏิเสธท่านแม่ได้ที่ไหนกันเล่า!
“งั้นไว้เจอกันที่งานนะ”
“ค่ะ ท่านเอ็นโจ”
“แผลที่มือไม่เจ็บแล้วใช่ไหม” เอ็นโจยังคงยิ้ม นัยน์ตาเขาเหลือบมองมือข้างที่โดนเข็มตำของฉัน
“ค่ะ ต้องขอบคุณท่านเอ็นโจมากค่ะ ที่ช่วยกรุณาทำแผลให้”
“เรื่องเล็กน้อยน่า คุณคิโชวอินก็ติดหนี้ผมอยู่นะ”
อุ...หมอนี่…
อยู่ๆ เอ็นโจก็จับมือข้างที่ฉันเป็นแผลขึ้นมามองอย่างวิสาสะ ทำเอาฉันรู้สึกตกใจปนจนเริ่มรู้สึกว่าใบหน้าของฉันซีดเผือก และคิดว่าใบหน้าคงเริ่มแดงกล่ำเอาจริงๆ เมื่อเขาแตะนิ้วที่โดนเข็ม แถมยังเอามือประสานกับมือของเขาด้วย นะ...นี่มันล่วงละเมิดทางเพศนะคะ!
“อื๋อ น่าจะหายแล้วจริงๆ ด้วย คุณคิโช-- ไม่สบายเหรอครับ?”
“เปล่าค่ะ” ฉันคิดจะดึงมือกลับมาอย่างสุภาพ แต่เอ็นโจกลับไม่ปล่อย น่ากลัวง่าาาา
ดีนะ ที่ข้างที่เป็นแผลอยู่ฝั่งหน้าต่าง ไม่อย่างนั้นคนที่อยู่ในสโมสรจะต้องเห็นแล้วเอาไปพูดต่อแน่ๆ เลย ฉันคิดด้วยความรู้สึกมึนงง สับสนกับท่าทางของเอ็นโจ
“หืมมมมม”
“แล้วท่านคาราบุกิไม่มาด้วยรึคะ?”
“มาซายะจะมาช้าหน่อยน่ะ คุณคิโชวอินมีธุระกับมาซายะ?”
“เปล่าค่ะ ปกติเห็นท่านเอ็นโจกับท่านคาราบุกิอยู่ด้วยกันเสมอ เลยแปลกใจน่ะค่ะ”
“ฮะๆ ผมไม่ได้ตัวติดกับมาซายะสักหน่อยนะครับ แล้วก็ยูกิโนะฝากของมาให้คุณคิโชวอินด้วยแน่ะ” จังหวะนี้เอ็นโจปล่อยมือฉันให้เป็นอิสระ แล้วหันไปหยิบของในกระเป๋า
“...ยูกิโนะคุง”
อาาา เทวดาตัวน้อยแสนใสซื่อ ผิดกับพี่ชายจอมเจ้าเล่ห์ลิบลับเลยค่าาา
เอ็นโจยื่นถุงผ้าที่มีลูกอมช็อคโกแลตมาให้ฉัน พร้อมกับโน้ตรูปแกะ
“เห็นว่าเป็นของเยี่ยมแน่ะ”
“ขออนุญาตอ่านนะคะ” ฉันหยิบโน้ตของยูกิโนะคุงขึ้นมาอ่าน ในนั้นเขียนไว้ว่า
‘ถึงคุณพี่เรย์กะ
ขอโทษที่ทำให้บาดเจ็บนะฮะ ผมเอาลูกอมมาเป็นของเยี่ยมฮะ (ขอโทษนะฮะ ที่ฝากพี่ชายเอาไปให้นะฮะ) ขอให้คุณพี่เรย์กะแผลหายไวๆ แล้วมาสอนพวกผมใหม่นะฮะ
ยูกิโนะ’
อาา เทวดาจริงๆ นั้นแหละค่า
ฉันอมยิ้มกับจดหมายน่ารักของยูกิโนะคุง แล้วบอกขอบคุณเอ็นโจที่ยังคงทำหน้ายิ้มๆ แล้วเล่าเรื่องของยูกิโนะคุงให้ฉันที่ฟังด้วยสีหน้ายินดี จนกระทั่งคาราบุกิมานั่นแหละ
“งั้นขอตัวก่อนนะ คุณคิโชวอิน”
“ค่ะ ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารักๆ ของยูกิโนะคุงนะคะ ท่านเอ็นโจ”
“ครับ อ้ะ วันถัดจากงานเลี้ยง ผมจะไปรับคุณคิโชวอินที่บ้านตอน 9 โมงนะครับ”
.
.
.
โอ๊ะ
เอ๋
อาเระ?
มารับ มารับทำไมคะ? ไม่ต้องการค่ะ! ฉันอยากอยู่บ้าน นอนกลิ้งไปมาบนที่นอนค่า!
เหมือนกับรับรู้ถึงความในใจของฉัน เอ็นโจยิ้ม มองฉันแล้ว ‘หืม’ เบาๆ
“คุณคิโชวอินติดหนี้ผมอยู่นี่ครับ เสื้อสูทก็ยังไม่คืนด้วยนี่นา” เอ็นโจกระซิบพลางยิ้มอ่อนโยน แต่แฝงไปด้วยออร่ามนต์ดำ อ้าา น่ากลัว น่ากลัวที่สุดเลยค่ะ
ใครก็ได้มาช่วยฉันจากคนคนนี้ทีเถิดค่าาาา!
“...แล้วก็ที่เล่าเรื่องยูกิโนะให้ฟัง อย่าคิดว่าเล่าฟรีๆ สิครับ”
ยิ้มมาดร้ายทรงเสน่ห์ก่อนเดินไปหาคาราบุกิ
กรี๊ดดด!
สยอดสยองค่า
ขากลับบ้านต้องแวะศาลเจ้า เอาเกลือมาโรยให้ทั่วห้องเลยค่ะ
มารร้ายจงหายไป!
สองวันต่อมาฉันไปรับเสื้อสูทของเอ็นโจที่ร้านซักรีดมาเรียบร้อยแล้ว
โดยไม่ลืมเอาขนมลูกอมรสพีชยี่ห้อGuimauve ใส่เข้าไปด้วยหนึ่งกล่อง
ถ้าใช้ลูกท้อปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายที่เรียกว่า ‘เอ็นโจ’ อาจจะดีขึ้นมาบ้างก็ได้
ต่อไปนี้อย่ามายุ่งกับฉันเลยค่ะ---!
การหาจังหวะคืนเสื้อให้เอ็นโจนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะเขามักจะอยู่ในวงล้อมกับสาวๆ เสมอ ถึงแม้ว่าสาวๆ พวกนั้นจะหาจังหวะที่เอ็นโจไม่อยู่กับพวกเพื่อนเขาเข้าไปเองก็เถอะนะ…
จนกระทั่งเอ็นโจเดินออกจากห้องจะไปสโมสรนั้นแหละ ฉันเลยรีบเดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว ทักทายและหาที่คุยกับเขาทันที
“ท่านเอ็นโจคะ ขอเวลาสักครู่ค่ะ” หวา ทำไมน้ำเสียงของฉันต้องประหม่า เมื่อใบหน้ายิ้มแย้มนั้นมองสบตากับฉันด้วยล่ะ
ท่องไว้ในใจว่า ปีศาจจอมเจ้าเล่ห์ ย้ำๆ สะกดจิตตัวเองเข้าไว้ว่าอย่าไปหลงกลเชียว
“ท่านเอ็นโจคะ เสื้อสูทค่ะ” ฉันยื่นถุงกระดาษสีน้ำเงินให้กับเอ็นโจที่รับไว้ด้วยใบหน้ายิ้มเช่นเคย
“เหห คืนเร็วกว่าที่คิดนะเนี้ย”
“ถ้าท่านเอ็นโจไม่มีสูท จะไม่สะดวกนะคะ”
“แต่ว่าหนี้ก็ไม่ลดลงหรอกนะครับ เรย์กะ”
เอ๊ะ?
เดี๋ยวนะ เดี๋ยวนะ เดี๋ยวน้าาาา!!!
คำเรียกตอนท้ายห้วนๆ นั้นมันอะไรกันคะ
ทันทีที่ฉันรู้สึกตัว ก็รู้สึกว่าใบหน้าตัวเองร้อนฉ่า เหมือนกับมีเลือดไหลเวียนสูบฉีดเข้ามาที่บริเวณหน้า ยิ่งเห็นรอยยิ้มกว้าง นัยน์ตาที่เปล่งประกายวิบวับของเอ็นโจที่มองปฏิกริยาของฉันอย่างสนุกสนานด้วยแล้ว ยิ่งทำเอาอยากจะปลีกหนีไปไกลๆ เลยค่ะ
ต้องแกล้งกันแน่ๆ เอ็นโจ!
“จะว่าไปแล้ว ก่อนหน้านี้ผมฝันแปลกๆ ด้วยล่ะ คุณคิโชวอินอยากรู้ไหมว่าฝันอะไร?”
ไม่อยากรู้ค่า ไม่ต้องการรับรู้ด้วยค่า---!
“มะไม่กล้าเสียมารยาทรับฟังเรื่องของท่านเอ็นโจหรอกค่ะ!”
“เอ๋ ไม่สักนิดเลยเหรอ?” เอ็นโจยิ้มกรุ้มกริ่ม เข้ามาประชิดฉันเรื่อยๆ
“ขะ ขอตัวก่อนนะคะ ท่านเอ็นโจ ฉันมีธุระต้องทำค่ะ”
ปล่อยฉันไปทีเถอะ
“หืมมมม อย่างนั้นเหรอ งั้นก็ช่วยไม่ได้นะ…”
“ลาล่ะค่ะ!”
ฉันรีบเดินหนีออกไปอย่างเร่งรีบ ไม่คิดจะหันกลับไปมองคนข้างหลังแม้แต่นิดเดียว
พอหนีมาถึงที่สโมสรก็นึกได้ว่า ลืมบอกเรื่องลูกอม แต่ก็จะไม่เป็นไรล่ะมั้ง?
...หวังว่าดอกท้อคงจะช่วยไล่จอมมารไปไกลๆ ได้นะ!
---------------------------------------------------
จบกาวแบบสั้นๆ ใครมาต่อทีสิคะ
(กระซิบ : วันถัดจากงานเลี้ยงที่คิดไว้จะให้เป็นวันอีฟ แต่เขียนต่อเอ็นโจคงกลายเป็นปีศาจร้ายจอมทวงหนี้สำหรับเรย์กะแหง //ดิ้น)
>>619-621 กรี๊ดดดดดดดดดดด ฟหกด่สา่วฟหกด ทำไมร้ายกาจแบบนี้ตาปิศาจนี่! แล้วจู่ๆก็เปลี่ยนไปเรียกชื่อจริงเขาโดยไม่ได้ขออนุญาต แย่จริงๆเลยค่ะ! จะชวนเขาเดทวันอีฟก็ไม่พูดให้เต็มๆคำ มัดมือชกซะงี้ แล้วจะเล่าเรื่องความฝันเหรอ เรื่องในคืนเข้าหอน่ะเหรอคะ--- //แค่กๆ
คราวนี้สกิลหักธงของท่านเรย์กะจะทำงานเต็มประสิทธิภาพแค่ไหนกัน ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ ก็เอาด้วยคาถาแล้วนะคะท่านเอ็นโจ~
กรี้ดดดดด ร้ายกาจ ร้ายกาจ ร้ายกาจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจ โอ้ยยยย ฟิคสามภาค ทำเอากูตายยยย กูกำลังเป็นโรคหอบแบบยูกิโนะคุง กรี้ดดดด
กูไม่ได้มาดูวันนึง กาวเมื่อคืนและวันนี้มันดีจริง โอ้ย กูซาบซึ้ง ขอบคุณกาวพวงมึงมากกก ใครมาต่อกาวกูชอบหมดดด มีกำลังใจขึ้นเยอะ สู้ๆนะคุณเรย์กะ
ขอคั่นเวลาหน่อย กูคิดนะ อยากให้ให้มีฉากท่านเรย์กะตกต่ำแบบในตอนจบมังงะจริงๆ แม้จะทำดีงี้แล้วก็ตาม แต่คือเกิดเพราะโดนใส่ร้ายอ่ะ เช่น มีคนเข้าหาท่านเรย์กะเพราะผลประโยชน์ทางธุรกิจ แต่เรย์กะใช้สกิลปัดธง คนที่มาจีบก็ทั้งแห้วทั้งแค้น เลยแก้แค้นตระกูลคิโชวอิน จนใส่ร้ายเรื่องทุจริตสำเร็จ ฐานะของเรย์กะตกต่ำ คนรอบข้างท่านเรย์กะต้องโคตรวิ่งเต้นช่วยเหลือแน่นอน คนที่เข้าหาท่านเรย์กะเพราะชื่อเสียงก็ถอยห่าง ไอกลุ่มที่เคยโดนเรย์กะใช้พัดตีก็ออกมากลั่นแกล้ง แต่มีวาคาบะ ตัวสำรอง คาบุรากิ เพื่อนๆเรย์กะออกมาช่วยอ่ะ มันให้ความรู้สึกที่อบอุ่นดี อยากเห็นจอมมารต้องออกมาช่วยเหลือแบบออกนอกหน้า ค้นหาคนร้าย อยากเจอฉากแบบเอ็นโจให้งานเรย์กะ ช่วยเป็นครูสอนการบ้านยูกิโนะให้ทีอะไรทำนองนี้ แล้วเรย์กะต้องมาอยู่บ้านเอ็นโจอ่ะ โมเม้นต์คงเยอะมากๆ อร้ายยย สักพักเอ็นโจก็หาคนร้ายเจอ แล้วตระกูลที่มาใส่ร้ายก็หายไปอย่างไร้ล่องลอยจากประวัติศาสตร์ไปเลย... ทำขนาดนี้เรย์กะต้องเห็นบ้างล่ะวะ ท่านพี่อาจจะยอมรับเอ็นโจมากขึ้น (บางทีท่านพี่ก็ต้องยอมร่วมมือกับเอ็นโจหาคนร้าย แบบตอนนี้ฐานะพี่แกก็แย่ล่ะ ทำอะไรอาจจะไม่สะดวก หรือว่าท่านพี่ไปหาอิมาริดี 555555555) ครอบครัวทั้งชายและหญิงก็ยอมรับกันล่ะ เรย์กะต้องมีความรู้สึกดีๆกับเอ็นโจมากขึ้นเรื่อยๆ กูอยากให้มีอีเว้นต์งี้บ้างอ่ะ ชอบเวลาที่พอตกต่ำ แล้วคนที่เขาห่วงเราจากใจจริงจะออกมาช่วย // ซุ้ดดดดดดดดดดด กาวแรงดี ขอพื้นที่ระบายหน่อย กูอัดอั้นไว้นานแหละ ต้องการเหตุการณ์แรงๆที่มากระตุ้นในปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์
ป.ล. กูพยายามแต่งฟิคนะ แต่เขียนไม่เป็น นึกออกแต่พล็อตเรื่อง ฮืออออออออออ
>>627 กูก็คิดๆ อยู่เหมือนกัน เรย์กะนางไม่ค่อยจะไปขอความช่วยเหลือจากใคร เพราะตัวเองลอยตัวไกลห่างเรื่องยุ่งยากตลอด หรือถึงเวลาเข้าตาจนก็วิ่งเข้าหาท่านพี่เป็นที่พึ่ง ถ้าต้องตกอยู่ในฐานะเข้าตาจนแล้วใครๆ ยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือมันคงดูอบอุ๊บอบอุ่น ท่านแม่ก็ไม่ก็ทานุกิอาจจะได้โอกาสจับใส่กล่องผูกโบว์ถวายให้จอมมารเป็นเสต็กแกะน้อยไปเลยก็ได้ //ซู้ดดดดดดดดด พล็อตแบบนางทาสก็ต้องมา
>>627 กูเคนคิดคล้ายมึงนะแต่ต่างหน่อยตรงหักธง กลายเป็นว่าจีบติดว่ะ ท่านเรย์กะเผลอชอบจริงเลยรับเข้ามา แล้วหมอมั่นก็เล่นตุกติก(ระหว่างนั้นทุกคนไม่กล้าทำอะไรหมอนั่นมากเพราะมันแสดงเก่งต่อหน้าเรย์กะดีทุกอย่างแต่ลับหลังอีกเรื่อง พอใครเตือนเรย์กะ เรย์กะก็ออกตัวปกป้องตลอด) แล้วถีบคิโชวอินทั้งตระกูลลงเหว เรย์กะเสียทุกอยา่าง ขอโทษพ่อพี่ชายแม่ไม่หยุดเสียใจมาก ท่านพี่ก็พิโรธหาทางเอาคืน เอ็นโจกับคาบุรากิก็พิโรธ สาวกพิโรธ ตอนจบหนุ่มคนนั้นโดนเอาไปหมกแถวอ่าวญี่ปุ่น เรย์กะพบรักกับท่านเอ็นโจวที่อยู่เคียงข้างเสมอ จบ ก๊ากกก
ไม่ต้องถึงกับล้มละลายได้ไหมอ่าา เอาแบบเดินหลอกอะไรแบบเนี่ยอย่าถึงกับล้มละลายเลยยย สงสารนางงง
มาค่ะ ต่อจาก >>596-600
-----------------
กรรมการนักเรียนหญิงไร้นาม
หลังจากที่พวกเราเตรียมการกันมานาน ในที่สุดพิธีเปิดก็เสร็จสิ้น เป็นการเปิดเทศกาลงานโรงเรียนซุยรันประจำปีการศึกษาอย่างเป็นทางการวันแรกค่ะ
ธีมในปีนี้ของเราเป็นธีมงานวัดญี่ปุ่น ออกจะประหลาดไปจากโรงเรียนคุณหนูอย่างซุยรันสักหน่อย แต่ทุกคนทุกห้องก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ในฐานะกรรมการจัดงานแล้ว รู้สึกปลื้มปริ่มทีเดียวล่ะ
ฉันเดินตรวจเช็คความเรียบร้อยและบัญชีของชั้นม.ต้นไปทั่วอาคาร แต่ละห้องต่างชูจุดเด่นเชิญชวนผู้คนเข้าไปยังห้องของตัวเองอย่างคึกคักตลอดทาง โดยเฉพาะที่ชมรมคหกรรมดูจะคึกคักมากเป็นพิเศษ คิวยาวเหยียดจนต้องแจกบัตรคิวเลยล่ะค่ะ แหม ก็นี่น่ะเป็นชมรมที่ได้เชฟระดับโรงแรมห้าดาวคอยควบคุมและเป็นที่ปรึกษาเชียวนะ ถ้ามีโอกาสหลังจากตรวจตราเสร็จแล้ว ฉันก็อยากจะแวะมาทานบ้างเหมือนกันนะ หวังว่าจะยังไม่หมดเสียก่อนนะคะ
ระหว่างนั้นเองจู่ๆทั้งชั้นก็เงียบลงพร้อมๆกันโดยไม่ได้นัดหมาย เอ๋? เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ? พอฉันหันไปก็พบว่าทางเดินที่เต็มไปด้วยผู้คนนั้นกำลังแหวกทางออกราวกับทะเลแหวก พอมองไปก็พบรุ่นพี่มาโอะและรุ่นพี่ยูริ คู่รักแสนหวานจนน่าอิจฉาประจำซุยรันเดินนำคู่กันมา ส่วนที่ข้างหลังนั้น... อ๊ะ!
พอได้เห็นใบหน้าได้รูปราวกับตุ๊กตาที่มาพร้อมกับผมม้วนลอนสมบูรณ์แบบนั้น ฉันจึงได้เข้าใจ นี่เป็นการรับเสด็จองค์จักรพรรดินีแห่งซุยรันนั่นเอง!
จักรพรรดินีคิโชวอิน เรย์กะ ไม่ว่าใครในซุยรันหรือแวดวงสังคมชั้นสูงต่างก็รู้จักเป็นอย่างดี แม้ว่าจักรพรรดินีจะจบการศึกษาจากซุยรันหลายปีแล้ว แต่ชื่อเสียงที่ควบคู่กับจักรพรรดิคาบุรากิและองค์ชายเอ็นโจก็ยังคงเป็นที่เลื่องลือ เป็นตำนานที่มีชีวิตแห่งซุยรัน
จะว่าไปสองเดือนมานี้ก็ได้ยินข่าวลือเรื่องเกี่ยวกับจักรพรรดินีกับองค์ชายขึ้นมามากมายในกลุ่มลับซุยรัน บ้างว่ามีนัดดูตัวกัน บ้างก็ว่าเตรียมที่จะจัดงานวิวาห์กันแล้ว ทุกคนตื่นเต้นกันใหญ่ มีบ้างที่ขัดแย้งกระแนะกระแหนขึ้นมา ก็โดนแอดมินจัดการดีดออกจากกลุ่มไป แต่กระนั้นเมื่อวันซืนนี้เองก็เพิ่งมีโพสต์ปฏิเสธข่าวลือทั้งหมดทั้งมวลนั้นจากรุ่นพี่มิซึซากิ อดีตประธานนักเรียนรุ่นเดียวกัน ทำเอาทุกคนต่างสับสนและสงสัยถึงความสัมพันธ์ของท่านคิโชวอินและรุ่นพี่มิซึซากิว่าเป็นอย่างไรกันแน่ แต่ก็ไม่มีใครกล้าถามหรอกค่ะ
รอบกายจักรพรรดินีต่างเต็มไปด้วยหนุ่มหล่อโปรไฟล์ดี คนละระดับกับสามัญชนอย่างพวกเราจริงๆ
ฉันคงจดจ้องมากเกินไปจนองค์จักรพรรดินีจับได้ ท่านคิโชวอินจึงแย้มรอยยิ้มเล็กน้อยมาทางฉันก่อนจะเดินผ่านหน้าฉันไป อ๊า รู้สึกตื่นเต้นไปทั้งหมดจนเผลอหลบสายตาเลยล่ะค่ะ ท่านคิโชวอินช่างสง่างามและเปี่ยมไปด้วยรัศมีแห่งความน่าเกรงขามสมคำร่ำลือ ไม่คิดเลยว่าท่านคิโชวอินจะกลับมางานโรงเรียนด้วย ดีจัง รู้สึกเป็นเกียรติจริงๆค่ะที่มีโอกาสได้รับเสด็จและใกล้ชิดขนาดนี้
หลังจากนั้นฉันก็เดินตรวจตราต่อไปอย่างอารมณ์ดี จนกระทั่งมาถึงห้องที่จัดบ้านผีสิงที่ดูน่ากลัวตั้งแต่ทางเข้า แต่กระนั้นรอบนอกก็ยังคงมีสาวๆยืนอออยู่ห่างๆเพียงเพื่อที่จะได้มีโอกาสพบเห็นเจ้าชายน้อย
เจ้าชายน้อยเอ็นโจ ยูกิโนะ ผู้เป็นน้องชายขององค์ชายเอ็นโจ ชูสุเกะ เรือนผมสีอ่อนและรอยยิ้มที่บริสุทธิ์สดใสราวกับเทวดานั้น ทำเอาสาวๆในซุยรันต่างเคลิบเคลิ้มลุ่มหลงไปตามๆกัน เป็นเพราะเจ้าชายน้อยมีสุขภาพที่ไม่ค่อยดีนัก ท่านประธานPivoineรุ่นก่อนจึงตั้งกฏห้ามไม่ให้รบกวนท่าน และทุกคนก็ปฏิบัติเช่นนั้นตลอดมา การจะได้เข้าใกล้ชิดท่านเอ็นโจจึงเป็นเรื่องยากมากเชียวล่ะ
ขณะที่ฉันจะเริ่มการตรวจสอบงบประมาณของห้อง ท่านเอ็นโจในชุดผีดูดเลือดที่อยู่ไม่ห่างกันนักก็เข้ามาพูด "รบกวนด้วยนะครับ" ฉันรู้สึกหน้าแดงไปทั้งหน้าทีเดียวล่ะได้แต่ก้มลงน้อมรับถ้อยรับคำนั้น ดีจริงๆค่ะที่ยอมรับหน้าที่กรรมการจัดงานนี้!
"อ๊ะ ท่านพี่เรย์กะ สวัสดีครับ"
อ๊ะ องค์จักรพรรดินี!
จักรพรรดินีเดินมาเพียงคนเดียว ทักทายกับเจ้าชายน้อย ฉันเองก็เป็นเด็กซุยรันมาตั้งแต่ประถมหนึ่งพร้อมๆกับท่านเอ็นโจจึงรู้ดีว่าทั้งคู่สนิทสนมมากแค่ไหน เลยถอยห่างออกมาเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท
หลังจากพูดคุยกันสักพักท่านคิโชวอินก็มีสีหน้าลำบากใจ ก่อนที่ท่านเอ็นโจจะยิ้มกว้าง ยื่นมือไปทางท่านคิโชวอิน และทั้งคู่ก็จับมือกันเดินเข้าไปในบ้านผีสิง
ว้ายยยยย ย จับมือกันด้วยล่ะ!
ฉันกรีดร้องในใจ แต่ก็ดูจะมีหลายคนที่คิดเช่นเดียวกับฉัน สาวๆที่รายล้อมข้างนอกต่างฮือฮากันเบาๆ มีสาวๆจำนวนมากเชียวล่ะที่ฝันหวานถึงท่านเจ้าชายน้อย แม้ท่านคิโชวอินจะเป็นรุ่นพี่ที่โตกว่าหลายปี แต่ก็มีศักดิ์เป็นถึงจักรพรรดินีแห่งซุยรันเชียวนะ เจ้าชายน้อยเองก็ดูจะเคารพนับถือท่านคิโชวอินมากทีเดียว ใครเล่าคะที่จะกล้าต่อกรด้วย
อย่างไรก็ตามฉันก็ได้เพียงแค่คิดนั่นนี่ไปอย่างเพลิดเพลินระหว่างการทำบัญชีอยู่หน้าห้องบ้านผีสิงนี้ จะให้เข้าไปข้างในคงไม่เอาด้วยหรอกค่ะ ทันใดนั้นเองสต๊าฟของบ้านผีสิงที่แต่งเป็นมัมมี่ทั้งตัวจนมองไม่ออกว่าเป็นใครก็โผล่พรวดมา
"ว้าย!"
"อ๊ะ โทษทีที่ทำให้ตกใจ เห็นยูกิโนะรึเปล่า"
มัมมี่คุงกล่าว ฉันจึงตอบว่าเข้าไปข้างในบ้านผีสิงแล้ว มัมมี่คุงตอบเพียง "งั้นเหรอ" ก่อนจะหันหลังกลับไปพูดคุยกับคนหนึ่งที่กำลังเดินฝ่าทะเลแหวกของสาวๆที่ส่งเสียงกรี๊ดกันลั่น
องค์ชายเอ็นโจ ชูสุเกะ!
เรือนผมสีดำกับรอยยิ้มอันอ่อนโยนแบบผู้ใหญ่นั้นทำเอาบางคนเซถลาแทบจะล้มลงไปทั้งยืนเชียวล่ะ
"ยูกิคุงเข้าไปข้างในแล้ว เดี๋ยวผมรีบไปตามให้นะครับ!"
มัมมี่คุงวิ่งรี่เข้าไปในบ้านผีสิง ที่หน้าห้องก็ไม่มีใครแล้วนอกจากฉันกับท่านเอ็นโจและกลุ่มสาวๆที่อยู่ห่างออกไป อา วันนี้มันวันอะไรกันคะเนี่ย ที่ฉันได้ใกล้ชิดบุคคลสำคัญของโรงเรียนมากมายขนาดนี้ นี่ความโชคดีทั้งชีวิตของฉันมารวมกันในวันนี้หมดแล้วใช่มั้ยนะ
"ตรงนี้คิดผิดนะ"
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ท่านเอ็นโจก็มายืนชี้จุดผิดพลาดในบัญชีให้ อ๊ะ แย่ล่ะ ฉันไม่มีสมาธิเลยล่ะค่ะ
"เป็นคณะกรรมการซินะ ยูกิโนะคงรบกวนหลายๆอย่างแย่เลยใช่มั้ย"
"ไม่เลยค่ะ! เป็นท่านเอ็นโจมากกว่าค่ะที่ให้การช่วยเหลือให้งานพวกเราราบลื่นขึ้น"
ฉันรู้สึกไข้ขึ้นร้อนไปทั้งหน้า การจะได้มีโอกาสพูดคุยกับตำนานแห่งซุยรันนี่กระทั่งฝันยังไม่กล้าเลยนะคะ พอเงียบไปได้สักพักฉันก็นึกถึงเรื่องของจักรพรรดินีขึ้นมาได้
"จ จริงซิคะ! เจ้าชายน้อย--เอ่อ ฉันหมายถึงท่านเอ็นโจเพิ่งจะเข้าไปข้างในกับท่านจักรพรรดินีกันสองคนน่ะค่ะ"
"หืม? จักรพรรดินี? ... คุณคิโชวอินน่ะเหรอ?"
ท่านเอ็นโจท่าทางประหลาดใจ
"ใช่ค่ะ"
"... งั้นเหรอ... บังเอิญจังเลยนะ... "
องค์ชายพูดเบาๆกับตัวเอง แต่เพราะฉันอยู่ใกล้เลยได้ยินอย่างชัดเจน แอบเหล่มององค์ชายที่มองไปยังประตูห้อง จะแววตานั้นก็ดี หรือรอยยิ้มนั้นก็ดี ฉันแทบจะละลายลงไปกองกับพื้นเลยล่ะค่ะ
ไม่นานนักมัมมี่คุงก็พาเจ้าชายน้อยออกมา
"ท่านพี่!"
"หืม? ออกมาคนเดียวเหรอ คุณคิโชวอินล่ะ?"
"เอ๋~ อะไรกันน่ะครับ เจอหน้าผมแล้วถามหาท่านพี่เรย์กะเนี่ยนะ ถ้าคิดถึงขนาดนั้นก็ให้ท่านแม่ไปสู่ขอเลยดีกว่ามั้ง~"
"... ยูกิโนะ!"
เหหหหห
องค์ชายเอ็นโจปรามเสียงเบา ฉันแอบเหล่มองไป จากมุมนี้มองไม่เห็นหน้าขององค์ชายแล้ว แต่เห็นอย่างชัดเจนเลยล่ะว่าใบหูของท่านเอ็นโจคนพี่แดงระเรื่อขึ้นมา ทางด้านเจ้าชายน้อยกลับยิ้มกริ่มท่าทางสนุกสนาน ก่อนที่เขาจะจับได้ว่าฉันแอบมองแล้วส่งยิ้มกว้างให้
กรี๊ดดดดด ด
ฉันอยากจะร้องกรี๊ดออกมาดังๆจนต้องเอามือป้องปากเก็บอาการเข้าไว้ นี่ฉันบังเอิญได้ยินเรื่องที่ไม่ควรได้ยินแล้วรึเปล่านะ แล้วหันขวับไปก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ แต่เสียงบทสนทนาก็ยังคงดังมาให้ได้ยินอยู่ดี
"รู้อยู่แล้วว่าท่านพี่เรย์กะจะมา ถึงได้ยอมมาซินะครับ ... ก็ท่านพี่เรียกหาผมนี่นา ก็เลยให้ท่านพี่เรย์กะรออยู่ข้างในก่อน"
"...ข้างใน? กับใคร?"
"เอ~ กับใครกันน้า~"
"..."
"โธ่ ก็คนเดียวซิครับ แต่ก็มีพวกเพื่อนๆร่วมชั้นที่แต่งเป็นผีซ่อนอยู่ในห้องนะ"
"คนเดียว? ก็รู้อยู่ว่าคุณคิโชวอินไม่ชอบเรื่องพวกนี้ ปล่อยให้อยู่คนเดียวได้ยังไง?"
น้ำเสียงองค์ชายฟังดูจะไม่พอใจนัก ก่อนที่ท่านจะเดินมาหยิบไฟฉายบนโต๊ะและเดินเข้าบ้านผีสิงไป โดยมีเจ้าชายน้อยเดินตามไปด้วย
อ๊าๆๆ อะไรกันคะเนี่ย!!?
ผ่านไปสักพักเจ้าชายน้อยก็กลับมาออกมาคนเดียวพร้อมกับรอยยิ้มร่าเริงสดใส เสียงกรี๊ดดังออกจากทั้งจากสาวๆที่หน้าห้องและจากข้างในบ้านผีสิง จังหวะนั้นเองก็มีมนุษย์หมาป่าและซอมบี้ถือป้ายเรียกแขกเดินกลับมา ท่านเอ็นโจรีบตรงปรี่เข้าไปพูดคุยด้วย แล้วรับเอาหน้ากากซอมบี้มาสวมแทนและเดินไปหยุดที่หน้าประตูหลังห้องเรียน
ฉันทำงานจนเสร็จพอดี จึงเดินไปหาท่านเอ็นโจเพื่อที่จะมอบเอกสารให้และกล่าวลา ก็พอดีกับที่ประตูห้องนั้นเปิดออกมา
จักรพรรดินีควงแขนองค์ชายก้าวเท้าออกมาข้างนอก สีหน้าซีดเผือดไปทั้งหมด พอปะกับหน้ากากซอมบี้ก็กรีดร้องออกดังลั่นแล้วพุ่งตัวเข้าไปกอดองค์ชายแน่น ท่านเอ็นโจคนพี่ดูจะตกใจเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มอย่างอ่อนโยน มือประคองร่างท่านคิโชวอินข้างหนึ่ง อีกข้างก็ลูบหัวเบาๆ
ว้ายยยยย ย
ฉันถอยตัวออกมาเล็กน้อยกลัวจะไปรบกวนทั้งสอง พอหันไปมองรอบๆ สาวๆคนอื่นต่างก็หน้าแดงไปตามๆกันจนถึงกับเอามือปิดปากเก็บเสียงกรี๊ดไว้ บางคนก็หยิบมือถือขึ้นมาเพื่อจะถ่ายรูป แต่จากระยะนั้นคงจะเห็นไม่ชัดเท่าฉันหรอกค่ะ ฮิฮิ
ไม่นานนักท่านคิโชวอินก็ขยับตัวอีกครั้ง ใบหน้าเปรอะไปด้วยน้ำตา ความน่าเกรงขามที่เคยมีหายไปหมดสิ้น พอเจอหน้ากากซอมบี้ของท่านเอ็นโจคนน้องอีก ก็เข้าไปซุกท่านเอ็นโจคนพี่แน่นอีกครา องค์ชายนิ่วหน้าดุเจ้าชายน้อยเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้ายิ้มหัวเราะแบบไม่มีเสียง ก้มศีรษะลงจนแทบจะแนบชิดกัน มือก็ลูบศีรษะปลอบโยนท่านคิโชวอินอย่างทนุถนอม
ตอนที่เจ้าชายน้อยค่อยๆถอดหน้ากากซอมบี้ออก ท่านคิโชวอินดูจะประหลาดใจก่อนจะเงยหน้าไปพูดคุยกับท่านเอ็นโจคนพี่ ใบหน้าของทั้งสองใกล้ชิดกันเหลือเกินค่ะ จากนั้นองค์ชายเอ็นโจค่อยๆใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาของท่านจักรพรรดินี แววตานั้นช่างดูรักใคร่ทนุถนอมนัก บรรยากาศที่แสนหวานอันอบอุ่นและโรแมนติกที่แผ่ซ่านออกมาจากทั้งคู่นั้นรุนแรงเสียจนทุกคนที่อัดอั้นมานานทนไม่ไหวส่งเสียงร้องกรี๊ดดังลั่นไปทั้งชั้นเรียน
ภาพที่เห็นดูราวกับภาพคู่รักพระเอก-นางเอกในละครเลยล่ะ สวีทสุดๆไปเลยค่ะ! ยิ่งได้เห็นในระยะใกล้ขนาดนี้ รู้สึกเขินอายหัวใจเต้นแรงแทนเลยล่ะค่ะ!
จากนั้นเจ้าชายน้อยยื่นบัตรอะไรสักอย่างให้ ท่านเอ็นโจคนพี่จึงคลายอ้อมกอดเปลี่ยนมาจับมือท่านคิโชวอินแทน ท่านคิโชวอินดูจะตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้กล่าวปฏิเสธอะไร ก่อนที่ทั้งสองก็เดินจากไปด้วยกัน
อ๊า หมดเวลาใกล้ชิดตำนานแห่งซุยรันแล้วซินะคะ
ช่างน่าเสียดาย แต่ก็อิ่มเอมมากเลยล่ะค่ะ~
ฉันเดินไปหาเจ้าชายน้อยเพื่อจะมอบเอกสารตามที่ตั้งใจแต่แรก ท่านเอ็นโจยิ้มรับ พูดว่า "เรื่องที่ได้ยินเมื่อสักครู่ อย่าเล่าให้ใครฟังนะครับ" พร้อมเอานิ้วชี้แตะริมฝีปาก
กรี๊ดดดดดดด ดด ด
ฉันตาลายมึนงงไปทั้งหมดราวกับต้องมนต์สะกด รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ถูกสาวๆทั้งหลายทั้งลากทั้งรุมล้อมฉัน แล้วถามถึงเรื่องราวที่ฉันได้ประสบอย่างใกล้ชิด
ขอโทษนะคะ ฉันบอกไม่ได้จริงๆค่ะ ฉันสัญญากับเจ้าชายน้อยแล้วนะคะ เป็นความลับระหว่างเราเชียวนะคะ!
อ๊ะ แต่ถ้าเป็นภาพถ่ายของจักรพรรดินีในอ้อมกอดขององค์ชายล่ะก็ ฉันถ่ายไว้หลายช็อตเชียวล่ะ ไว้จะอัพลงในกลุ่มลับซุยรันให้นะคะ~
----------------------------
ใส่ฟิลเตอร์รัวๆ ว่าจะเขียนสั้นๆ ทำไมเวิ่นขนาดนี้ ถถถ
>>634-636 ต่อแจ้
นักเรียนหญิงไร้ชื่อ 2
---------------------------
หลังจากยืนต่อคิวอยู่ร่วมชั่วโมง ในที่สุดฉันกับเพื่อนอีกสามคนก็เข้ามาในคาเฟ่ของชมรมคหกรรมจนได้ค่ะ
คาเฟ่ที่สุดแสนจะขายดีเนื่องจากเป็นฝีมือของชมรมคหกรรมอันลือเลื่องถึงในฝีมือด้านการทำอาหาร มองผ่านหน้าต่างก็ยังเห็นคิวยาวเหยียดไม่มีท่าทีลดลงเลย ไม่ว่าใครในซุยรันก็คงอยากจะมาลิ้มลองรสชาติด้วยกันทั้งนั้น แต่ตอนกำลังอ่านเมนูปรึกษากันว่าจะทานอะไรดี ก็เหมือนได้ยินเสียงกรี๊ดเลยค่ะ มีอะไรเกิดขึ้นข้างนอกงั้นเหรอ
ราวกับจะตอบคำถามของฉัน เพราะก็ได้เห็นท่านเอ็นโจและท่านคิโชวอินเดินเคียงข้างกันเข้ามาข้างในคาเฟ่ นั่งลงที่โต๊ะเพิ่งว่างตัวหนึ่ง
ผู้คนรอบข้างฉันส่งเสียงฮือฮากันใหญ่เลยค่ะ
ฉันเองก็คาดไม่ถึงว่าจะมีโอกาสได้เห็นผู้โด่งดังเป็นตำนานเช่นสองท่านนี้อีกครั้ง แล้วนี่เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมมาด้วยกันล่ะ หรือจะเป็นเดทกันนะ
เพื่อนๆและฉันควักมือถือขึ้นมาพร้อมเพรียงกันแบบไม่ได้นัดหมาย กดเข้าไปที่ห้องแชทรวมของซุยรันก็ต้องตกใจที่มีข้อความที่ยังไม่ได้อ่านอยู่ราวๆสองร้อยกว่าข้อความ คุยอะไรกันคะเนี่ย เยอะจริงเชียว
แล้วฉันก็ต้องกรี๊ดแบบไม่มีเสียงออกมาค่ะ
สมาชิกห้องแชทคนหนึ่งโพสต์รูปถ่ายสองสามรูปพร้อมกับเล่าที่มาที่ไป บอกว่าเป็นภาพเหตุการณ์หลังจากที่ท่านเอ็นโจและท่านคิโชวอินเดินเข้าบ้านผีสิงที่ห้องของเทวดาน้อยจัดขึ้น ท่านจักรพรรดินีกลัวมาก องค์ชายก็เลยต้องปลอบ
อาเร้ ดูจากเวลาที่โพสต์แล้วมันก็เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้เองนี่คะ
เพื่อนฉันอีกคนแอบถ่ายรูปจากไกลๆแล้วส่งเข้าไปในห้องแชท คราวนี้ท่านจักรพรรดินีแย้มยิ้มออกมาแล้ว องค์ชายก็มีสีหน้าที่นุ่มนวล ขนาดมีฝีมือถ่ายรูปที่ห่วยแสนห่วย ก็ยังดูออกถึงความอ่อนโยนที่ปรากฎโดยรอบของรูปถ่ายเลยล่ะค่ะ
เสียงแจ้งเตือนแชทดังขึ้นไม่หยุดหย่อนหยั่งกะกดกริ่งหน้าบ้านยังไงก็ไม่รู้ค่ะ เลยต้องปิดเอาไว้ก่อนไม่ให้รบกวนผู้อื่น
พอท่านคิโชวอินและท่านเอ็นโจไปจากคาเฟ่นี้ ฉันก็ไม่รู้ว่าท่านทั้งสองคนนั้นจะไปที่ไหนต่อ แต่พอเข้าแชทรวมก็ได้รู้ค่ะ เพราะมีคนถ่ายรูปและบรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบละเอียดยิบๆทำเอาต้องกรีดร้องโหยหวนอยู่ในใจแล้วพิมพ์ข้อความตอบไปกับเขาด้วยเลยล่ะค่ะ
จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณซุ้มขายทาโกะยากิชั้นหนึ่ง ท่านคิโชวอินได้ป้อนอาหารให้ท่านเอ็นโจ นะ นี่มันอีเวนต์บังคับของคู่รักนี่คะ จะน่าอิจฉาเกินไปแล้วน้าาาาา
วันนั้นทั้งวัน ฉันและเพื่อนๆไม่เป็นอันเที่ยวเลยล่ะค่ะ เอาแต่คอยเปิดห้องแชทนั่นดูความเคลื่อนไหวของทั้งสองท่านแบบเรียลไทม์ตลอด
เห็นว่าไปเยือนห้องที่เคยเรียนด้วยกันตอนม.2 แล้วก็ซื้อเทียนไปคู่กันอีก
ต่อมา ทั้งสองท่านก็ไปเล่นเกมด้วยกันมากมาย องค์ชายเอาตุ๊กตาแกะสีขาวที่เป็นรางวัลอันได้มาจากการยิงปืนมอบให้ท่านคิโชวอิน แล้วก็มีของตัวเองเป็นแกะสีเหลือง มีคนพูดในแชทรวมว่าสมัยเรียน ท่านคิโชวอินเคยแต่งตัวเป็นพ่อบ้านแกะในงานโรงเรียน แล้วก็ส่งรูปสมัยนั้นให้ดู น่ารักมากเลยล่ะค่ะ ที่ท่านเอ็นโจมอบตุ๊กตาแกะให้เพราะอยากรำลึกความหลังด้วยกันสินะคะ
ท่านเอ็นโจชวนท่านคิโชวอินไปแข่งปาบอลด้วยกัน สีหน้าดูสนุกสนานทั้งคู่ ฉันเพิ่งเคยเห็นท่านเอ็นโจยิ้มกว้างขนาดนี้ มันดูดีมากๆเลยค่ะ สายตาเวลาที่มององค์จักรพรรดินีก็อ่อนโยนเป็นอย่างมาก ถึงท่านเอ็นโจจะแพ้ แต่ท่านคิโชวอินก็มอบตุ๊กตากระต่ายที่ได้มาคู่กันที่เป็นรางวัลให้ด้วย
สมาชิกชาวแชทที่อยู่ในเหตุการณ์ได้เปิดเผยว่า ท่านเอ็นโจยิ้มไม่หุบเลยล่ะค่าาาาา
มีแต่ของที่เป็นคู่กันทั้งนั้น นี่มันอีเวนต์เดทของแฟนชัดๆเลยนี่คะ
ก่อนหน้านั้น คุณมิซึซากิที่เป็นประธานนักเรียนคนก่อนๆหน้าเข้ามาแก้ข่าวลือเรื่องท่านคิโชวอินและท่านเอ็นโจว่าคบกันอยู่ โดยบอกว่าได้ยินมาจากปากของท่านคิโชวอินเอง แต่ภาพที่เห็นดูยังไงก็ไม่ใช่นะคะ
อ๋อ เข้าใจละ เธอคงเขินอายสินะคะ
แหม ถ้าฉันมีแฟนแบบท่านเอ็นโจ ฉันคงจะรีบป่าวประกาศแล้วไปกระจายข่าวให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว
จากนั้น พวกเราก็ไปตามรอยท่านคิโชวอินกับท่านเอ็นโจ รู้สึกไปเองรึเปล่าคะว่าห้องที่ทั้งสองท่านนั้นเข้าเยี่ยมชมอย่างซุ้มปาบอลหรือซุ้มยิงปืน มีคู่รักที่พากันมาสอยรางวัลให้เพียบ ตุ๊กตาคู่ที่เป็นของรางวัลก็เปลี่ยนเป็นแบบใหม่ที่ไม่ใช่ตุ๊กตาแกะแล้ว แต่ยังไม่มีใครสอยลงมาได้เลยล่ะค่ะ ฉันเองก็ลองกับเขาด้วย อืม ยากเหมือนกันแฮะ ลงท้ายก็ได้แต่ตุ๊กตาหมาตัวเล็กๆเป็นรางวัลในระดับที่ทำได้
ท่านเอ็นโจนี่ยอดเยี่ยมจริงๆ ยากเย็นขนาดนั้นก็ยังเอามาให้ท่านคิโชวอินจนได้
ฉันพบกับท่านคิโชวอินและท่านเอ็นโจอีกครั้งตอนที่กำลังจะเดินไปลานจอดรถ ในอ้อมแขนของทั้งคู่ก็มีของมากมายที่ได้มาจากการเที่ยวที่ร้านนั้นร้านนี้ ตอนเดินสวนกัน ทั้งสองท่านยิ้มให้ด้วยล่ะค่ะ ว้าย ความรู้สึกเวลาได้เจอไอดอลแบบระยะประชิดนี่เป็นแบบนี้เองสินะคะ
ว่าแต่จะกลับกันแล้วสินะคะ ท่านเอ็นโจคงไปส่งแน่นอน
ฉันเดินกลับขึ้นห้องไปช่วยงานเก็บกวาด ขณะที่เดินเอาถุงขยะออกไปวางรวมกันหน้าห้องนั้นเอง ท่านเอ็นโจก็เดินมาจากอีกฟาก ไม่ได้ไปส่งท่านคิโชวอินงั้นเหรอคะ
ฉันได้เห็นท่านเอ็นโจแว้บหนึ่ง แล้วก็ต้องอ้าปากค้าง
ท่านเอ็นโจตอนนี้หน้าแดงก่ำเหมือนใครเอาสีแดงสาดใบหน้า ยกมือปิดปากมาตลอดทาง เอ๊ะ ไม่สบายงั้นเหรอคะ จะไหวรึเปล่าคะเนี่ย
ท่านยูกิโนะที่ถอดชุดแวมไพร์ออกแล้ว เดินออกออกมาจากห้องตัวเอง พูดคุยกับพี่ชาย คุยอะไรกันฉันก็ไม่ได้ยินค่ะ ไม่ได้ตั้งใจจะไปแอบฟังด้วยล่ะ
แต่ได้ยินแว่วๆว่า "คุณคิโชวอิน..." เอ๊ะ อะไรคะ อะไรเหรอ อยากรู้ขึ้นมาเลย
แต่พอตั้งใจจะแอบฟังจริงๆ ก็ดันถูกเรียกให้ไปช่วยยกโต๊ะเสียก่อน โธ่ นี่เรื่องสำคัญนะคะ เรื่องยกโต๊ะน่ะเอาไว้ก่อนไม่ได้รึไง
รู้สึกว่าท่านเอ็นโจจะนั่งรอน้องชายที่กำลังเก็บกวาดข้าวของในห้องด้วยเหมือนกัน ฉันเหลือบมองไปทางหน้าห้องบ่อยๆ ก็เห็นท่านเอ็นโจหยิบตุ๊กตากระต่ายขึ้นมานั่งจ้อง แล้วก็อมยิ้ม ว้าย เป็นรอยยิ้มที่ดูดีมากเลยค่ะ อ่อนโยนมาก ทำเอาหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลย
รู้สึกตุ๊กตาตัวนี้ ท่านคิโชวอินจะเป็นคนให้มาด้วยสินะคะเนี่ย คิดถึงคนให้อยู่ใช่มั้ยล่ะ
ท่านคิโชวอินคะ คุณน่ะช่างน่าอิจฉาเหลือเกินค่ะ
ฉันพิมพ์เรื่องนี้เข้าไปในแชท ก็ได้เสียงกรี๊ดอย่างถล่มทลายอีกครั้ง และอีกครั้ง
------------------------------------------
จบห้วนจังว่ะ 555555555 แต่ไม่รู้จะจบยังไงให้ดีไปกว่านี้แล้ว
>>641-642 กูอ่านมากๆ ชักจะเริ่มเมากาวหนักแล้วว่ะ นี่จักรพรรดินีกับองค์ชายมาเดินอยู่ในโรงเรียนซุยรันหรือเดินอยู่ในดงโม่งกันวะเนี่ย ทำไมมันช่างทีมเพลย์ดีอย่างนี้ ท้้งโรงเรียนเป็นแม่งติดฟิลเตอร์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันดีมาก 5555555 จริงๆ เอ็นโจในอีกสิบปีข้างหน้านี่น่าคาดหวังมากๆ คงใส่สูทสามชิ้นหล่อเนี้ยบเป็นท่านทาคาเทรุตอนนี้แน่ๆ เฮ้ออออออออออ เมื่อไหร่ท่านเรย์กะจะมองเห็นความดอพเพลแกงเกอร์ของสองคนนี้ซะทีวะ
เพราะพวกมึงทำให้กูต้องเบลองานมาปั่นแฟนอาร์ตฟิคเลยนะ ฟิคแม่งละมุนนีดีต่อใจชิบหายฮือๆๆๆๆๆๆ
ชดใช้ด้วยการออกฟิคมาเยอะๆเลยนะคนบ้าาาาาาาาาาาาาาา
http://imgur.com/a/k65aj
แถมอีกรูป ช่วงนี้เห็นเขาฮิตวาดสเวตเตอร์เปิดหลังกัน กูก็อยากลองวาดให้ท่านเรย์กะใส่บ้าง ฮี่ฮี่ฮี่
http://imgur.com/a/YfAB4
โฮกกกกกกกกกกกกกกกก ฟินมากกก นำ้ตาไหลพรากค่า กรีีดดร้องงง ถ้าชอบก็ให้แม่มาขอค่าท่านชูสุเกะ. ยูกิโนะ โตขึ้นมากร้าววมาก เช็ดน้ำหมากกก
พึ่งสังเกตุว่ากระทู้แม่งไหลไวมาก ที่แห่งนี้นั้นถูกขับเคลื่อนด้วยพลังแห่งความกาวของเหล่าโม่ง โดยมีฟิคกาวและแฟนอาร์ต
เป็นเชื้อเพลิงสินะ
ขอพลังแห่งความกาวมโนกัญชากระสวยทะเลอวกาศจักรวาลจงสถิตอยู่กับพวกเรา!
เอ็นโจเรย์ก่า! เอ็นโจเรย์ก่า! เอ็นโจเรย์ก่า! เอ็นโจเรย์ก่าาาาาา!
>>637 กูคือ >>627 นะ กูไม่เคยเขียนฟิคมาก่อนในชีวิต กลัวแต่งแล้วสยองกัน ใครเอาพล็อตไปแต่งได้นะ กูรอเสพกาวมาก ถ้าไม่ไหวจริงๆ วันหนึ่ง(อันยาวไกลยาวนานมากๆ พอๆกับวันที่เรย์กะลงจากคาน) กูอาจจะแต่งเอง
>>647 รอด้วยคน พยายามเข้านะมึงงง สูดกาวรอเต็มที่
>>635-636 และ >>641-642 นี่มันเหล่าโม่งที่ไปแฝงตัวอยู่ชัดๆ งานเทศกาลอะไรไม่สนกันล่ะ ตามกรี้ดองค์ชายกับจักรพรรดินี ทำไมคนรอบข้างฟินกับโมเม้นต์มากมาย แต่ท่านเรย์กะไม่รู้ตัววะ เอ็นโจทั้งเขินทั้งหน้าแดง อยากให้ท่านเรย์กะเห็นบ้างงงงงง เรย์กะต้องใจอ่อนบ้างแหละท่าเห็นมาดหลุดๆของเอ็นโจ เอ็นโจมีรอยยิ้มแบบนั้นให้เรย์กะคนเดียวเลยน้าาาาา ท่านเรย์กะทำไมไม่สังเกตเห็นนนนนนน
โอย กูอยากต่อฟิค แต่เลือกไม่ถูกเลยว่าจะต่ออันไหนดี ฝันของของเรย์กะกับเอ็นโจ หรือฟิคหลังงานโรงเรียน แม่งน่าเขียนไปหมดเลย
เห้ย...ตายแล้วไปโผล่แบบท่านเรย์กะได้ไหมอ่ะ
ถ้าได้ ขอฟินตาย ไปเป็นโม่งซุยรันที ฮืออออออออออออ 5555555555555
>>640 ถ้ากูเป็นกรรมการคนนั้นกูคงพุ่งไปกอดท่านเอ็นโจแทนล่ะค่ะ คนพี่ไม่ได้ กอดคนน้องก็ได้ค่ะ
>>641-642 โอ๊ยยยย จริงๆแล้วซุยรันนี่เป็นโรงเรียนอัพสกิลสโต็กเกอร์กันซินะ แม่งสโต็ก สกรีม ฟิลเตอร์กันรัวๆขนาดนี้ 55555
ตุ๊กตากระต่ายนั่นใส่ชุดแต่งงานด้วยนี่นะ นั่งมองไปก็คิดถึงคนให้ในชุดแต่งงานไปซินะคะท่านเอ็นโจ พอกลับถึงบ้านไม่มีใครเห็นคงแอบจุ๊บกระต่ายเบาๆ แต่ก็คงไม่ฟินเท่าที่ได้จุ๊บกับเจ้าตัวเองหรอกเน้อออออ ฟหกด่หสหวสหสหฟดเเ ฟินจังเลยค่าาาาา
>>645 โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ในฐานะที่กูเป็นคนแต่งเปิดประเด็นฉากบ้านผีสิง ฉากกอด กูรักมึงมากๆๆๆๆเลยค่าาาาาาาาาาาาาา กรี๊ดดดดดดด ว้ากกกกดกกกก โคตรฟินนนนนนนนน โอ๊ยๆๆๆ สายตานั่น กรี๊ดดดดดดด
ท่านเรย์กะมีสกิลป้องกัน999เหรอวะ ถึงไม่ติดการโจมตีสักนิด
>>647 กูรอนะะะะะะะ
>>657 แต่งอันไหนกูก็รออ่านนะ เลือกไม่ได้แต่งสองเรื่องเลยก็ได้มึง ถถถถถ
>>647 กูเอง
กูแต่งไม่เก่งอ่ะมึง สักนิดแล้วกันนะ
ว่าจะสักนิดไปๆมาๆยาวววว
----เรย์กะเดอะซี่รี่ย์ ภาค Bad end ไงจะใครล่ะ-----
ตระกูลคิโชวอินกำลังจะล่มสลาย
ฉันกำลังยืนมองภาพของคุณพ่อที่กำลังถูกตำรวจพาไปยังห้องคุมขัง ท่านพูดบางอย่างกับตำรวจก่อนเดินตรงมาทางฉัน กอดฉันไว้แนบแน่นเหมือนท่านพ่อจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ฉันในตอนนี้รู้สึกหูอื้อ ตาพร่าไปหมด ไม่ได้ยินเลยว่าพ่อพูดว่าอะไร
ทั้งๆที่คอยย้ำเตือนกับท่านพ่อตลอดแท้ๆ
ทั้งๆที่บอกท่านพี่ให้ช่วยดูแลตลอดแท้ๆ
ทุกคนพยายามเต็มที่ตามสิ่งที่ฉันบอก แต่...
กลับเป็นฉันที่ทำทุกอย่างพังทลาย
เริ่มต้นจากชายคนหนึ่งที่เข้ามาหาฉัน เขาหน้าตาดี แต่ไม่อาจเทียบได้กับท่านพี่ ท่านอิมาริ หรือเอ็นโจ แต่เขาอบอุ่น อ่อนโยนและเท่มากๆ แถมอายุมากกว่าถึงห้าปี ฐานะของเขาก็เป็นเพียงเศรษฐีระดับกลางเท่านั้น แน่นอนฉันที่เคยเป็นยาจกในชาติที่แล้วไม่คิดมากเรื่องนั้นหรอกดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่เป็นปัญหา ตอนแรกคิดว่าคนนี้คงเหมือนที่ผ่านๆมาไม่ได้เข้าหาฉันในทำนองรักๆใคร่ๆ แต่การกระทำของเขายิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆจนฉันแน่ใจว่าเขาคิดจะจีบฉัน
และฉันก็ตกหลุมรักอีกครั้ง
ตอนนั้นโลกทั้งใบของฉันเต็มไปด้วยสีชมพู ตอนคาบุรากิเดินมาว่าฉันว่าให้มองผู้ชายดีๆฉันก็ไม่สนใจ ตอนที่เอ็นโจหายไปจากสายตาฉัน ฉันก็ไม่เคยรู้สึกตัว ฉันเมินเฉยต่อคำพูดของวาคาบะจังที่บอกว่าเขาเป็นคนน่ากลัว เถียงกับนายตัวสำรองที่เข้ามาบอกฉันถึงเรื่องแย่ๆของเขา และตอนที่ยูกิโนะคุงเข้ามาเตือนด้วยหน้าตาที่เศร้าสร้อยพร้อมบอกว่าพี่ชายบาดเจ็บฉันกลับมองแค่เป็นน้องชายที่น่ารักกำลังน้อยใจที่ฉันสนใจคนอื่นมากกว่าตนเองจึงหาข้ออ้างมาคุยด้วย ฉันเลยปลอบใจเขาไปแต่ก็ไม่ได้ไปหาเอ็นโจเพราะเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นและคิดว่ายูกิโนะคุงคงล้อเล่น
ฉันเคยคิดว่าทุกคนอยากแกล้งฉันที่มีความรักครั้งแรกเลยพยายามขวาง
แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่.... ทุกคนพยายามเตือนฉันแต่ฉันไม่รับฟัง หลงระเริงกับรักสมหวังครั้งแรกของตัวเอง
...ที่เต็มไปด้วยความหลอกลวง
พอความรักบังตา ความคิดความอ่านของฉันก็ลดฮวบ เกรดมหาลัยก็ลดลงเพราะเขามักจะชวนฉันไปเที่ยวเสมอ เขาขอร้องให้ฉันบอกท่านพ่อให้มอบตำแหน่งดีๆให้เขา ฉันรู้ว่าเขาเรียนเก่งแต่ขาดโอกาส ด้วยความเชื่อใจเลยไปขอร้องท่านพ่อตอนแรกท่านไม่ยอม เลยทำการประท้วงเงียบจนท่านพ่อจำต้องยอม
และฉันไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น เมื่อเขาขอร้องให้ฉันอนุญาตให้คนเขาได้เข้ามาทำงานด้วย ตอนแรกฉันก็ลังเล แต่พอโดนกล่อมเข้าหน่อยก็เผลอรับปากไปอีกแล้ว
ท่านพี่เองในตอนนั้นก็เหมือนจะไม่ชอบใจแต่ฉันก็พยายามหาของไปเอาใจท่านพี่ ให้ท่านพี่ยอมรับ ท่านพี่ในตอนนั้นมักมองฉันด้วยสายตาอ่อนอกอ่อนใจ
จนสุดท้ายทุกอย่างก็ดำเนินมาถึงจุดนี้...
ท่านพ่อโดนข้อหาทุจริต ทำผิดกฎหมายร้ายแรง และสิ่งเสพติด ทั้งๆที่ตนเองไม่ได้ทำ
เรื่องราวทั้งหลายค่อยๆดำเนินเหมือนกับในเนื้อเรื่องที่รู้มาในชาติที่แล้ว ไม่สิ กลับดูเลวร้ายยิ่งกว่า ตอนแรกฉันคิดว่าพอผ่านมัธยมปลายมาแล้วทุกอย่างก็ไม่มีอะไรน่าห่วงอีก
แต่ทุกอย่างกลับพังทลายเพราะฉัน คิโชวอิน เรย์กะ ผู้ทำร้ายครอบครัวของตัวเอง
ท่านพ่อสู้คดีในศาลอย่างเต็มที่แต่หลักฐานทุกอย่างชัดเจนเกินไป ทำให้พ่ายแพ้ หลักฐานป้ายสีทุกอย่างนี้ฉันรู้ดีว่าใครทำเพราะตำแหน่งที่เข้าถึงข้อมูลพวกนี้ได้มีเพียงไม่กี่คนและหนึ่งในนั้นคือ..
คนรักของฉันเอง
ตอนแรกฉันยังเชื่อใจเขาไปขอความช่วยเหลือ แต่สิ่งที่ได้เห็นคือแววตาสมเพชในตัวฉัน เสียงหัวเราะเยาะที่ดังก้องจนเหมือนจะบีบให้ใจของฉันแหลกสลาย
วินาทีนั้นฉันรู้สึกว่าโลกของฉันมันพังทลาย
ฉันไม่ได้ร้องไห้ ในหัวมีเสียงอื้ออึง ฉันวิ่ง วิ่ง และวิ่งเพื่อไปหาท่านพ่อและท่านพี่
เพื่อไปบอกว่าหนูขอโทษ...
ท่านพ่อถูกตัดสินให้เป็นบุคคลล้มละลาย ทรัพย์สินถูกยึด ส่วนท่านพี่หลุดพ้นข้อกล่าวหาได้เพราะท่านพ่อรับผิดแทนทั้งหมด
ท่านพ่อกอดฉัน ท่านพี่กอดฉัน ท่านแม่ยืนร้องไห้อยู่ข้างๆ แต่ฉันไม่ร้องไห้ ฉันต้องเข้มแข็ง ฉันมีเงินเก็บมากพอควรพอที่จะไปซื้อบ้านหลังเล็กๆอยู่กันอย่างสุขสบายฉันจะออกไปทำงานเลี้ยงดูท่านแม่เอง
ตอนที่คิด ฉันก็ได้แต่พึมพำคำพูดเดิมซ้ำๆ
หนูขอโทษค่ะ...
ท่านพ่อพูดบางอย่างอีกครั้งแต่ฉันยังคงไม่ได้ยินอะไรจนท่านพ่อจากไปแล้ว... ฉันยังคงอยู่ที่เดิม พูดคำพูดเดิมๆ ท่านแม่กอดฉันร้องไห้มากยิ่งขึ้น ฉันก็ยังพูดคำเดิมซ้ำๆ
จู่ๆก็ท่านพี่ที่ไม่เคยร้องก็ร้องไห้ จับฉันเขย่า เหมือนท่านพี่จะตะโกนอะไรบางอย่างแต่ฉันไม่ได้ยินเลย ท่านพี่คะ เจ็บตรงไหนรึเปล่า ได้โปรดอย่าร้องไห้เลยนะคะ หนูจะดูแลพี่กับแม่เองนะ
ท่านพี่กอดฉันแล้วอ้าปากกรีดร้องเหมือนเจ็บปวด ตอนนั้นเองท่านพี่อิมาริที่เพิ่งมาถึงก็วิ่งเข้ามากอดท่านพี่และฉันไปพร้อมกันหน้าของท่านพี่ที่เต็มไปด้วยน้ำตาซบลงบนไหล่ของท่านพี่อิมาริ ดูเหมือนกำลังอย่างมาก ท่านพี่อิมาริเองก็แนบหน้าผากลงบนผมของท่านพี่หลับตาปลอบโยน
ส่วนฉันยังคงพูดแต่คำเดิมๆซ้ำๆ
ขอโทษค่ะ ทุกอย่างเป็นเพราะหนู พี่ถึงได้ร้องไห้
.
.
.
.
“คุณคิโชวอิน”
ตอนนั้นเหมือนฉันจะได้ยินเสียงของใครบางคนที่กลบทับเสียงอื้ออึงในสมองฉัน ฉันค่อยๆหันไปมอง แสงยามเย็นมันย้อนทาบทับเงาร่างของพวกเขาทำให้มองเห็นได้ไม่ชัด แต่ที่ชัดเจนคือผมของคนที่อยู่หน้าสุดถูกอาบย้อมด้วยแสงแดดจนผมสีดำมีประกายผมสีน้ำผึ้งแดง
คนกลุ่มนั้นเดินมาใกล้เรื่อยๆ ฉันจึงพวกเห็นได้ชัดว่าพวกนั้นคือใคร
เป็นเอ็นโจ คาบุรากิ กับเพื่อนๆของฉัน
ฉันยังคงพูดคำเดิมซ้ำๆ โดยไม่รู้ตัว
ทำไมทุกคนถึงทำสีหน้าเจ็บปวดแบบนั้นล่ะ แล้วทำไมคาบุรากิถึงทำหน้าโกรธขนาดนั้นแล้ววาคาบะจังที่ร้องไห้อีก ใครรังแกเธอเหรอ ระวังมีจุดจบไม่สวยนะ แล้วเอ็นโจที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น รอยยิ้มที่มักมีเสมอกลับหายไป บรรยากาศรอบตัวต่างไปจากทุกที ตอนนั้นเองพวกเซริกะจังกับริรินะก็วิ่งมาทางฉัน พูดอะไรบางอย่างกับฉัน ฉันยังคงไม่ได้ยิน ปากก็ยังคงพูดคำเดิมซ้ำๆ
แล้วพวกเธอก็ร้องไห้
อา เพราะฉันอีกแล้ว
หัวหน้าห้องเดินมาดึงตัวพวกเพื่อนๆของฉันไปอีกทาง ตอนนั้นเองเอ็นโจก็เดินเข้ามา เขาพูดอะไรบางอย่างกับฉัน แต่ฉันกลับไม่ได้ยืนเสียงเขาอีกแล้ว เสียงอื้อในสมองของฉันมันดังกลบจนหมด ปากก็ไม่อาจหยุดพูดขอขอโทษได้
ทันใดนั้นเอ็นโจก็ยกมือขึ้นมา ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกตี ด้วยสายตาที่หน้ากลัวของเขา ไม่หลงเหลือความอบอุ่นเหมือนกับทุกทีที่ผ่านมา ถูกแล้วล่ะ ฉันที่ทำให้ทุกอย่างพังทลายควรได้รับการลงโทษ คิดเท่านั้นก็หลับตา
แปะ
เสียงตีเบาๆที่สองข้างแก้มเหมือนเรียกสติฉัน ฉันลืมตาขึ้นมา มองไปยังเอ็นโจที่มองฉันเช่นกัน สีหน้าของเขากลับเป็นอบอุ่นอ่อนโยนเหมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิ ไม่มีความเศร้า ความเจ็บปวด เป็นสายตาที่เป็นเขาเสมอมา ทั้งแต่เด็กจนโต
“ร้องไห้เถอะนะ” และเป็นครั้งที่สองที่เสียงของเขาเข้ามาถึงจิตใจของฉัน ฉันชะงัก ปากหยุดคำพูดขอโทษ และโต้แย้งในใจ
ฉันร้องไห้ไม่ได้ ฉันต้องเข้มแข็ง ต้องปกป้อง…ปกป้อง…
ฉันน่ะ… ฉัน… คนอย่างฉัน
“พวกเราจะปกป้องเธอเอง”
น้ำตาของฉันมันค่อยๆไหลลงมา
.
.
.
.
เธอหลับไปแล้ว
หลังจากที่ คุณคิโชวอินร้องไห้อย่างหนัก พอเหนื่อยแล้วเธอก็หลับไป
ในอ้อมแขนของผม
“ขอบคุณ” คุณคิโชวอินคนพี่มายืนตรงหน้าผมแล้วกล่าวคำนั้น ผมพยักหน้ารับ “เป็นสิ่งที่ผมสมควรทำอยู่แล้วครับ”
เพราะงั้นไม่จำเป็นต้องขอบคุณผมหรอกนะ
ก้มลงไปมองดูคุณคิโชวอิน ในหน้าน่ารักเหมือนตุ๊กตากลับเลอะไปด้วยคราบน้ำตา ดวงตาที่ปิดสนิทบวมเป่ง คิ้วขมวดกันดูทรมาณ ผมยกมือขึ้นเอานิ้วชี้ไปกดลงที่หว่างคิ้วคู่นั้น เพื่อหลังจะให้เธอเลิกขมวดคิ้วแบบนั้น และใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาของเธอ
อย่างน้อยในฝันผมก็อยากให้เธอฝันดี
พี่ชายของคุณคิโชวอินอุ้มเธอเพื่อนำไปยังที่พักเพื่อพักผ่อนพร้อมกับเพื่อนของเขาที่ชื่ออิมาริ อ้อมแขนของผมว่างเปล่าแต่ไออุ่นยังคงอยู่
ผมมองมือที่ว่างเปล่าแล้วค่อยๆกำมัน แน่น และแน่นขึ้นจนเส้นเลือดปรากฏเด่นชัด
แผลเป็นที่แขนขวาสัญลักษณ์ที่ผมพลาดท่ายังคงอยู่
เป็นมัน…มันที่ทำร้ายเรย์กะของผม
หากว่าคุณคิโชวอินจะรักใคร หากเธอมีความสุข แม้ผมจะไม่ชอบ ผมก็พร้อมที่จะปล่อยให้เธอได้มีความสุข
แต่ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนมีบางอย่างไม่ถูกต้องเลยสืบประวัติของคนคนนั้น ทุกอย่างดูปกติ ปกติจนน่าประหลาด จนผม'บังเอิญ'ได้รู้ความลับของมัน ด้วยอำนาจของตระกูลผมทำให้ผมดำเนินการต่อสู้กับมันอย่างลับๆ ผมไม่บอกใครกระทั่งท่านพ่อท่านแม่หรือกระทั่งมาซายะเพราะไม่อยากให้ชื่อเสียงของคุณคิโชวอินต้องแปดเปื้อนไปกับตัวสารเลวนั้นและผมก็ยังไม่มั่นใจในทฤษฎีของตัวเองเลยไม่อยากดึงคนนอกมาเสี่ยง ผมพยายามหาจุดอ่อนของมันเพื่อทำลายให้สิ้นซาก
แต่ผมแพ้
เพราะในตอนที่ผมพยายามหาจุดอ่อนของมัน
มันรู้จุดอ่อนของผมตั้งแต่แรก
มันใช้เธอมาขู่ผม ไล่ต้อนผม จนผมพ่ายแพ้ ผมบาดเจ็บเข้าโรงพยาบาล ช่วงนั้นสติผมไม่เต็มตื่นเต็มที่นักด้วยสารบางอย่างที่ถูกฉีดเข้าร่าง ท่านพ่อท่านแม่กับยูกิโนะมักถามผมว่าเกิดอะไรขึ้นผมกลับตอบไม่ได้
เพราะผมนึกไม่ออก
จนเวลาผ่านไปถึงได้จดจำได้
แต่มันก็สายไปแล้ว
แววตาของผมที่มักแสดงความอ่อนโยนตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว มีแต่ความว่างเปล่าเหมือนหลุมดำไร้ก้นบ่อ มาซายะเองก็เช่นกัน
“ ชูสุเกะ” มาซายะเรียกผม เขายืนหยัดอย่างมั่นคงออร่ารอบตัวเขาดูต่างจากปกติอย่างเห็นได้ชัด ดูราวกับจักรพรรดิที่เสด็จมาเองจริงๆ
“หืม…”
“ฉันอยากจะฆ่ามัน”
'คนที่ทำร้ายเพื่อนที่สองที่สำคัญที่สุดของเขา คาบุรากิ มาซายะคนนี้'
ผมไม่ตอบกลับ กลับเป็นเหล่าเพื่อนจากซุยรันที่ขบฟันแน่นส่งเสียงตอบรับในลำคอ แววตาของทุกคนในตอนนี้ดูไม่ต่างกัน ขนาดที่ว่าทาคามิจิ วาคาบะ ที่มักยิ้มแย้มและใหอภัยคนเสมอก็รังสีฆ่าฟันออกมา
เพราะมันมาแตะต้องของที่ไม่ควรแตะ
“ฉันไม่เห็นด้วย…” ผมตอบไปแบบนั้น มาซายะมองมาที่ผมอย่างไม่เข้าใจ
ผมยิ้ม แย้มยิ้มอย่าง ‘อ่อนโยน’ กว่าครั้งไหนๆ
ลุกขึ้นแล้วเดินผ่านมาซายะไปทางออกของอาคารที่มีแสงอาทิตย์สีแดงสาดส่องกระทบร่างของเขาจนมีร่างเงาสีดำทอดยาวไร้สิ้นสุด
“แค่ตายน่ะ มันยังไม่สาสมหรอกนะ”
มันจะต้องเสียใจ...
อะอ่านไปน้ำตาไหลตามไปด้วยเลย ขอบคุณะเพื่อนโม่งที่แต่งแนวนี้ออกมาให้เสพ.../สูดน้ำมูกฟืด
ไอ้ผู้คนไหนมันทำ!! จอมมารค่ะ ช่วยปลอบโยนลูกแกะน้อยด้วยยย
พาท คิโชวอิน ทาคาเครุ
เป็นครั้งแรกที่ผมทำพลาดอย่างไม่อาจแก้ไข
ทั้งที่รู้ตัวดี ว่าหมอนั่นที่เข้าหาเรย์กะมีบางอย่างไม่ปกติ แต่พอเห็นรอยยิ้มของน้อง ความไม่สบายใจของน้องตอนที่ผมแสดงท่าทีไม่ชอบหมอนั่น ผมกลับปล่อยให้ทุกอย่างมันผ่านไป เพราะผมอยากเห็นน้องมีความสุข
จนสุดท้ายเป็นผมเองที่ไม่หยุดน้อง ละเลยเกินไป จนทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้
พ่อถูกตัดสินจำคุกและล้มละลาย พวกเราถูกยึดทรัพย์ ส่วนผมรอดเพราะพ่อรับผิดแทนผมทุกอย่าง
ตอนที่ผมออกมา แม่เดินมารับผม แม่ที่แสนหยิ่งทระนงตอนนี้กลับร้องไห้ไม่หยุดไม่หลงเหลือความสง่างามอย่างเก่า กอดผมไว้ ผมกอดแม่ตอบ และตอนนั้นผมก็เห็นน้องสาว
เธอไม่ได้ร้องไห้ แต่แววตาบนหน้าตาเหมือนตุ๊กตาของเธอนั้นว่างเปล่า จนผมกลัวว่าเธอจะกลายเป็นตุ๊กตาไปจริงๆ
ทางพ่อเหมือนจะขอพวกตำรวจมาบอกหาครอบครัวเป็นกรณีพิเศษ ถึงแม้เราจะล้มละลายแล้ว แต่อำนาจที่ฝังรากลึกยังพอมีอยู่ พ่อเดินไปหาเรย์กะ เธอพูดแต่คำซ้ำๆว่า ขอโทษค่ะ
พ่อกอดเธอ “ไม่ใช่ความผิดของเรย์กะจัง” พ่อพูดแบบนั้น ซ้ำแล้วซ้ำอีก
แต่เหมือนน้องสาวจะไม่รับรู้ จนกระทั่งพ่อไปแล้วเธอยังไม่หยุดพูดขอโทษ
แม่ร้องไห้หนักยิ่งขึ้น พยายามเรียกเรย์กะ แต่เธอไม่ตอบสนอง พูดแต่คำเดิมๆซ้ำๆ
ผมกลัว กลัวที่จะสูญเสียอะไรไปอีก ผมเรียกเธอ ทั้งตะโกนเขย่า แต่เรย์กะก็ไม่ตอบสนอง พูดแต่คำเดิมๆซ้ำไปซ้ำมา
นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมอยากอ้อนวอนต่อใครสักคน ใครก็ได้ ได้โปรดช่วยผมด้วย ช่วยน้องสาวผมด้วย
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่ผมร้องไห้ แต่น้องสาวก็ยังไม่ตอบสนอง
ทันใดนั้นอิมาริที่เพิ่งมาถึงก็วิ่งเข้ามา โอบกอดผมและน้องไว้ ผมกระซิบข้างหูผมปลอบประโลมผม
“ทาคาเครุ ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร นายอย่าเป็นแบบนี้ ถ้านายล้มไปอีกคนแม่กับน้องสาวนายจะทำยังไง นายอย่าเป็นแบบนี้ มันไม่สมกับเป็นนายเลย” เสียงของเขาสั่นเครือ ผมถึงพยายามตั้งสติแต่ก็หยุดน้ำตาไม่ได้ มือของผมที่ถูกตัวเองจิกจนห้อเลือดนั้นอิมาริได้คลายมันแล้วกุมไว้ พร้อมแขนอีกข้างที่โอบกอดผมกับเรย์กะ
“ขอบคุณ” ผมกระซิบเสียงเบา
ผมจะล้มตอนนี้ไม่ได้ ผมยังมีแม่กับน้องสาวให้ปกป้องอยู่!
แล้วผมก็ได้ยินเสียงผู้คนเดินมา จึงหันไปมอง
“คุณคิโชวอิน” ชื่อนามสกุลถูกเรียกออกมาโดยไม่ระบุว่าเป็นคนไหน แต่สายตาที่มองมาที่น้องสาวของผมตลอดทำให้ผมรู้ดีว่าชื่อที่เรียกนั้นหมายถึงใคร
คนที่มาคือพวกเอ็นโจว ชูสุเกะ และคาบุรากิ มาซายะ
นี่เรียกว่าความหวังแห่งการล้างแค้นใช่ไหม
พาท หัวหน้าห้อง
พวกเราตัวแทนศิษย์เก่าซุยรันกำลังเดินทางมาหาคุณคิโชวอิน
หลังจากที่ข่าวอันน่าตื่นตะลึงนี้ถูกแพร่ออกไป กลุ่มของซุยรันแทบลุกเป็นไฟ
ทุกคนต่างเชื่อมั่นในตระกูลคิโชวอินของท่านเรย์กะ และสาปแช่งคนที่ทำการให้ร้าย
พลังอำนาจของซุยรันเริ่มเคลื่อนไหวเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์
ผู้นำครั้งนี้เป็นถึงองค์ชายเอ็นโจวแห่งและจักพรรดิคาบุรากิ ตำนานแห่งซุยรัน
ตลอดเวลาที่เรียนมาด้วยกัน ผมเคยเห็นจักรพรดิพิโรธเพราะความรำคาญเป็นบางครั้ง แต่ครั้งนี้กลับแตกต่าง ออร่าแห่งการฆ่าฟันคละคลุ้งจนพวกเดียวกันอย่างพวกเรายังต้องกลั้นหายใจ
และที่น่ากลัวที่สุด
คือเอ็นโจว ชูสุเกะที่มีรอยยิ้มเสมอ
แต่ตอนนี้กลับไม่มีอีกแล้ว …
เจ้าชายกลายร่างเป็นราชันย์ สีหน้าของเขาเหลือเพียงแต่ความเย็นเยียบ
หากเป็นเมื่อก่อนผมคงจะกลัว และพยายามหนี แต่ตอนนี้ไม่ใช่
เพราะ ‘พวกเรา’ เองก็ไม่ต่างกัน
คุณทาคามิจิที่ยิ้มแย้มเสมอก็ไม่เหลือรอยยิ้ม กลุ่มคุณเซริกะที่เป็นเพื่อสนิทของคุณคิโชวอินเองก็มีรังสีดำมืดไม่แพ้กัน
ผมที่แสนขี้ขลาดเองก็โกรธจนกักเก็บไม่ไหว ท่านพ่อและท่านแม่ผมบอกให้ออกห่างจากตระกูลคิโชวอินซะ แต่เรื่องแบบนั้นใครจะทำ
เพราะคุณคิโชวอินเป็นเพื่อนของผม
เป็นหัวใจของพวกเราศิษย์เก่าซุยรัน
คนอื่นๆเองก็คิดไม่ต่างกัน คุณฮอนดะเองก็ร้องไห้เมื่อรู้ข่าว ทุกคนต่างเจ็บปวดไปพร้อมกับคุณคิโชวอิน แม้พ่อแม่ของพวกเราจะสั่งห้ามไปยุ่งเกี่ยว แต่พวกเราไม่อาจทนอยู่เฉยๆได้
พวกผมรวมกลุ่มกันไปหาคุณคิโชวอิน ครั้งนี้ยังรวบรวมไปได้ไม่กี่คนเพราะทุกคนยังมีภาระ แต่ก็ช่วยสนับสนุนและส่งข้อความให้กำลังใจกันเต็มที่
ผมที่เดินตามเจ้าชายเอ็นโจวไปได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับอดีตประธาน Pivoine เพราะอยู่ใกล้เลยพลอยได้ยินเสียงในโทรศัพท์ไปด้วย
“ทางเราจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ค่ะ”
“ขอบคุณ”
“ไม่ต้องขอบคุณค่ะ คุณเรย์กะเป็นสมาชิกที่สำคัญของ Pivoine และเป็นรุ่นน้องที่ฉันภูมิใจอย่างไรก็ต้องช่วยเหลือค่ะ”
กระทั่งคุณ มิซึซากิ อาริมะ ที่เคยเป็นประธานนักเรียนซึ่งเป็นเพื่อนของคุณคิโชวอินและคุณทาคามิจิก็ติดต่อกับเครือข่ายสภานักเรียนทั้งยุคใหม่และศิษย์เก่า
กองกำลังที่ยิ่งใหญ่ของซุยรันกำลังเคลื่อนกำลังอย่างเงียบเชียบเหมือนคลื่นใต้น้ำ
พร้อมจะบดขยี้ คนที่มาทำร้ายจักรพรรดินีของพวกเรา
แถม
อิมาริพาท
เรย์กะจังหลับไปแล้ว พวกผมจึงพาเธอมาพักผ่อนที่เตียง ส่วนทาคาเครุที่สภาพอิดโรยไม่แพ้กันกลับไม่ยอมพักจนผมอ่อนใจ
“นายไปนอนพักได้แล้วนะ” ผมบอกเขาแต่เขายังไม่สนใจ มองน้องสาวตัวเองต่อไปเงียบๆ
“นี่ ทาคาเค…”
“ฉันยังอยากมองน้องสาวของฉันอีกหน่อย” หมอนั่นพูดแบบนั้น ผมจึงใจอ่อน ครอบครัวคิโชวอินเจอศึกหนักมามากแล้ว ผมไม่อยากขัดขวางความสุขของเขา ทาคาเครุทำท่าจะยืนดูต่อไปเรื่อยๆไม่เหน็ดเหนื่อย จะเอาเก้าอี้ให้เขานั่งหลับตรงนี้ก็ไม่ดี ช่วงนี้เริ่มเข้าหน้าหนาวแล้วอากาศเย็นขึ้นเรื่อยๆ หากให้เขานอนในที่ไม่อุ่นพอด้วยสภาพร่างกายและจิตใจแบบนี้เขาจะไม่สบายเอา
ผมจึงตัดสินใจลากเก้าอี้มานั้งลงแล้วดึงทาคาเครุมานั่งบนตักของผม
ตอนแรกเขาดูตกใจ ดิ้นสักพัก ผมเลยบอกเขาไปว่า ให้เขานั่งตรงนี้แล้วมองน้องจนหลับไปได้เลย ผมจะอยู่เคียงข้างเขา
ตอนแรกเขาทำหน้าไม่เห็นด้วย แต่ผมตีหน้ามึนกลับ หมอนั่นจึงถอนหายใจแล้วด่าผมว่า นายมันบ้า
กลายเป็นเจ้าทาคาเครุคนเดิมแล้ว
ผมยิ้ม เราสองคนยิ้มให้กันท่ามกลางอากาศที่เย็นขึ้น ผมกระชับเขาในอ้อมกอดให้เขานั่งสบายขึ้น ทาคาเครุยังคงมองเรย์กะจัง มอง มอง และมองจนสุดท้ายตัวเองก็หลับไปอีกคน
ผมกอดเขาแน่นขึ้นหน้าซุกลงบนผมสีดำนุ่มของเขา แววตาที่อ่อนโยนเมื่อครู่ของผมแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว
มันทำร้ายทาคาเครุของเขา…
มันทำร้ายเรย์กะจังน้องสาวที่น่ารักของเขา
ภาพทาคาเครุที่ร้องไห้มันยังติดตาเขาอยู่ ...
ตอนนี้เข้าสู่ช่วงกลางคืนแล้วแสงสว่างที่เคยมีเริ่มหายไป ในห้องเหลือเสียงลมหายใจของคนสามคน
สองคนหลับไปแล้ว
ส่วนอีกคนนั้นเต็มไปด้วยความแค้น ที่พร้อมจะลากคนที่ตนเองแค้นมางทัณฑ์ทุกเมื่อ…
--------------
จบจ๊ะ ว่าจะแต่งสั้นๆยาวเฉยยยยย
กูไว้อาลัยแด่อดีตคนรักของท่านเรย์กะที่ไร้ชื่อแปป ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
แถมนี่คือเลือดวายในตัวกูล้วนๆค่ะ สาดกาววายยยย
มีคำผิดใช้คำงงขออภันนะ กุง่วงมากไร้การตรวจทานใดๆ
>> 660-665
กลับมาต่อเถอะะะะะะะะะะ หรือใครก็ได้แต่งต่อที อยากรู้จุดจบไอ้ตัวประกอบมาก
>>660-665 โอ๊ยยยยยยยยยย มึงงงงงงงงงงง ดีมากกกกกกกกกกกก กูซาบซึ้งมาก กูชอบโมเมนต์เหล่าเพื่อนซุยรันมากกกกกกกก ทั้งโรงเรียนผนึกกำลังกันเพื่อช่วยองค์จักรพรรดินีคนเดียวเป็นอะไรที่ไม่เคยมีมาก่อน ท่านเรย์ก่าาาา มีคนรักและเป็นห่วงท่านเรย์กะมากขนาดนี้เลยนะ รู้ตัวบ้างมั้ย ไอ้คนรักไร้ชื่อของท่านเรย์กะ ฆ่ามัน ฆ่ามันนนนนนนนนน ลากมันมาคุกเข่าต่อหน้าจักรพรรดินีแล้วจับขึ้นตะแลงแกงไปเลยค่ะ
>>660-665
นี่คือ >>627 เองนะ กูรักมึงมากกกกก นี่แหละคือสิ่งที่กูต้องการมาตลอด ชอบโมเม้นต์ที่เศร้าปนอบอุ่นอย่างนี้จังงงงง ได้อ่านอะไรงี้ก่อนนอนคือดีงาม คนร้ายต้องฉลาดจริง สู้กับเอ็นโจชนะได้เนี้ย อยากกอดเรย์กะไว้แน่นๆจัง ชอบการที่ทุกคนปล่อยออร่าสุดโหดออกมาแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ฮือออออ ความรักทำให้คนตาบอดเกินไปแล้ว กูสะเทือนใจ แต่ก็ซาบซึ้ง ถึงตอนจบจะเหมือนในมังงะ แต่เพราะสิ่งที่เรย์กะทำมาตลอด สร้างความผูกพันกับผู้คนไว้มากมาย ทำให้ทุกคนรักกันขนาดนี้ สู้ๆนะมึง กูจะรอฟิคกาวมึง มันสนองความต้องการส่วนลึกกูได้ดีเหลือเกิน รักมึงนะ
ไว้กูจะไปคิดตอนต่อให้นะ แต่ไม่เร็วๆนี้อย่างเร็วก็วันพุธ เพราะกุต้องทำงาน //แต่ถ้าเมากาวมากกุอาจทิ้งงานมาแต่งต่อ แต่คงยากให้กูทำงานเถอะ 55555//ร้องไห้
ที่นานเพราะ 1 งาน 2 รู้สึกพลอตมันใหญ่ ทำไงให้ดูอลังการในการต่อสู้กันระหว่างซุยรันกับคนร้าย เพราะแต่งให้ดูฉลาดเกิน ถ้าตายโง่ๆง่ายๆมันไม่อีปิค5555555
แต่ถ้าใครคิดอีปิคๆ ได้ ได้โปรดแต่งต่อ กูรอก่อน
ฮืออออออออ ท่านเรย์ก่าาาา มามะ มาซุกเราก็ได้นะ ทำไมทั้งเศร้าทั้งอบอุ่นได้ขนาดนี้ เห็นภาพแบบคนตาค้างพูดแต่คำๆเดียวเลย
วันนี้โม่งแปลไปไหนหนออออออ
>>684 มาแล้วววว อัพไปแล้ว รอมันขึ้นอยู่ ตอนนี้ก็เป็นพลังกาวสูบฉีดเรือเอ็นโจของเหล่าเราได้ดีเช่นกัน ฮือฮาด ตอนนี้กูอยากให้รางวัลยูกิโนะคุงมาก มือตบมือชงขนาดนั้น ขุ่นน้องไม่ใสใช่มั้ยคะ บอกมาตรงๆ!! จอมมารน้อยชัดๆ!!
ป.ล. ตอนแปลกูมึนมาก เผลอมองเห็นสาวๆ รอบตัวท่านเรย์กะที่วี้ดว้ายเรื่องผ้าขนหนูคลุมโม่งกันไปหมด แยกนักเรียนซุยรันกับโม่งกระทู้นี้ไม่ออกขึ้นทุกที ถถถถถถถถถถ
ยูกิโนะกู๊ดจ๊อบบบ ทำดีค่ะ ทำดี ตกลงว่าเป็นมือชงอันดับหนึ่งให้พี่ชายไปแล้วสินะ!
จอมมารน้อย ร้ายกาจจจจจจ
ยูกิโนะคุงงงงงง เด็กดี ทำได้ดีมากลูก
กูแอบสงสัยว่านี่ฝีมือชงเดี่ยวๆ ของยูกิโนะคุงคนเดียว หรือท่านพี่ชูสุเกะร่วมด้วยช่วยตบอยู่เบื้องหลังวะ คิดได้ทั้งสองทาง ฮึ่ยยยยย
ยูกิโนะคุงโคตรดี ชงไปค่ะ
กูว่าสาวๆซุยรันก็โม่งๆนี่แหละ55555555
พออ่านถึงตอนนั้นนี่เผลอกรี้ดไปด้วยเลย เขินแทน ฮืออออออ
กรี้ดดดดดดดดดดดด ความชงนี้ กูตายแล้ววววววววววววววววววววววววว กรี้ดดดด
Good job ยูกิโนะ!!!!
ALL HAIL CAPTAIN YUKINO!!
จากการที่ได้รับความช่วยเหลือจากท่านพี่เรย์กะ เลยประทับใจอยากได้พี่สะใภ้ ลงเรือท่านพี่เลยซินะจ้ะ~ ลุยเลยค่ะกัปตัน!! ! เรือเราไม่ล่มแบบไททานิคแน่นอน!!!!
สาวๆซุยรันนี่เหล่าโม่งแน่ๆ กูฟันธง 5555555555555
ความฟินนี้ กูตายยยยย ยูกิโนะกู้ดจ้อบ ยูกิโนะทำดี พี่ขอหอมแก้มสามทีนะ //มีแต่ได้กับได้ //เช็ดเลือด
โม่งแปล!! I LOVE YOU~!!!!!!!
CAPTAIN YUKINO!!!!!! GOODJOB!!!!
จงทำดี! จงทำดี! จงทำดี! ตอนนี้ได้ปรากฏตัวกัปตันเรือคนใหม่ เหล่าโม่งจงกราบกรานชาบูๆ ฟินมากค่ะตอนนี้ โฮรกกกกกกกกกก
ALL HAIL CAPTAIN YUKINO!!
ALL HAIL CAPTAIN YUKINO!!
ALL HAIL CAPTAIN YUKINO!!
เรือของเราจะยิ่งใหญ่ไพศาล ภายใต้การนำของกัปตันยูกิโนะ พี่น้องทั้งหลาย เร่เข้ามา โบกสะบัดธง จับธนูหอกดาบ หาญกล้าเข้าต่อตีกับคาน
เรือของเราจะไม่แพ้ ขอแค่ไม้พาย ถุงกาวและบ้องตะลุยอวกาศ ก็สามารถพาเราวาร์ปไปอีกมิติหนึ่งได้
เร่เข้ามา เร่เข้ามา
>>698 ตอนต่อๆไปที่คิดกูทำร้ายท่านพี่อีกแล้วว่ะ กูรู้สึกตัวเองเลวมาก แต่กูจะทำ(โดนตบ) กูทำร้ายท่านพี่เพื่อให้ท่านอิมาริมาดูแลโดยเฉพาะ 55555555555555555 (สูดกาวม่วงอย่างบ้าคลั่ง) ท่านเรย์กะ กูคิดฉากหวานเต็มไปหมดเลย ฮืออออออจะแทรกตรงไหนดี แต่ลับหลังเพื่อนๆกำลังก่อสงครามกับตัวประกอบไร้ชื่ออย่างดุเดือด
//ทุกอย่างยังคงเป็นแค่มโน กูยังไม่แต่ง 555555555
พึ่งไปอ่านตอนล่าสุดมาาาา!!!! กรี๊ดดดดดดดดดดดด ทำดีมากยูกิโนะคูงงงงงงงง เดี๊ยวตบรางวัลเป็นเซ็ตwalking dead ss.13
555555+ กูว่าท่านเอ็นโจรับรู้เว่ยยยย แต่เก็กอยู่ ฟินเลยมั้ยล่ะคะท่านนน มีของใช้คู่กันแหละ~ มีน้องดีนี่เป็นศรีแก่ตัวจริง~ รุกเข้าไปค่ะ ทั้งน้องคอยชงทั้งพี่คอยรุก!!! ขนาดหินอย่างแตกเป็นเม็ดทราย นับประสาอะไรกับหัวใจ!!!! สู้โว้ยยยยยยยยยยย
ทำไมกูคิดว่าเป็นการเอาคืนที่ท่านเรย์กะแอบทำนางเสียงหน้านิดๆ แทนฟ่ะ....
เทียนหอมและผ้าขนหนู แบรนด์จากอังกฤษที่หาได้ยากในญี่ปุ่น เอ็นโจใช้ไม่น่าจะเป็นแบรนด์สามัญทั่วไป และน่าจะต้องมีลาย unisex เป็นเอกลักษณ์ที่มองแล้วรู้ทันทีอีก น่าจะแบรนด์อะไรกันนะ...
>>711 โคตรเป็นไปได้ ปกติเด็กประถม(กระทั่งคนทั่วไป)ก็ไม่น่าจะคิดให้ผ้าขนหนูหรือเทียมหอมป่ะนะ ... มันต้องมีคนอยู่เบื้องหลังงง
ว่าไป จะมีใครแต่งฟิคมุมมองกัปตันยูกิโนะบ้างมั้ยคะ //แค่กๆ
>>714 เอาเลยค่ะ เชียร์ๆอย่างแรง ที่เรามโนไว้คือยูกิโนะต้องไปขอคำปรึกษาจากเอ็นโจคนพี่ แล้วเอ็นโจก็แนะนำมาไรงี้ โครตเนียนนนน แต่คิดอีกแง่คือยูกิโนะไปสำรวจของใช้พี่ชาย แล้วตัวเองก็วางแผนชงเอง ประหนึ่งกัปตันเรือใหญ่ นี่ก็กร้าววดีเหมือนกันนะ 5555
>>704 อฟช อิมาริท่านพี่นี่ กาวจริงอะไรจริง ฉากท่านพี่ลากอิมาริเข้าห้องแล้วออกมาด้วยความอ่อนเพลียนึ่คืออัลไล!! คิดที่ไรก็เขิลฉากนี้ทุกที ถถถถถถถถ ล่าสุดมีการโทรชวนคนว่างงานมาเที่ยวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ เสร็จแล้วไล่น้องๆกลับ แล้วไปต่อกันสองคน กร๊าซซซ 5555555
>>665 ต่อค่ะมึง เรย์กะเดอะซี่รี่ย์ แบดเอ็น 2 ขอบคุณกัปตันยูกิโนะที่สร้างพลังให้แก่ชาวโม่ง
ตัวประกอบร้ายไร้นาม
วันแรกที่เจอคิโชวอิน เรย์กะผมเห็นเธอเงินเดินได้ ผมม้วนเด่นสะดุดตานั้นเห็นแล้วอยากหัวเราะ
สาวน้อย…เธอฝันอยากเป็นเจ้าหญิงนักเหรอ เพ้อฝันจังนะ
ส่วนครั้งแรกที่เราคุยกันผมรู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงโง่
โง่จนน่าสงสาร
ปล่อยคำหวานนิดหน่อยก็หลงเชื่อไปเสียทุกอย่าง ไร้เดียงสาจังนะ
แต่ก็ดี เพราะแบบนี้อะไรๆมันก็ง่ายขึ้น
ทุกอย่างราบรื่นไร้ที่ติ สุดท้ายเธอยอมรับผมเป็นแฟน มองผมด้วยสายตารักใคร่ ไม่ว่าผมขออะไรเธอก็หามาให้ทุกอย่าง
ผมปกปิดประวัติดำมืดของตัวเองแล้วเอาชื่อตระกูลที่ใช้บนดินมาบังหน้า
อันที่จริงตระกูลของผมมีเบื้องหลังทำงานเกี่ยวกับโลกใต้ดิน ตลาดมืด ผมมีพี่ชายอีกห้าคนจากเหล่าภรรยามากมายของพ่อ ในขณะที่ในโลกเบื้องล่างกำลังฆ่าฟันกันเอง ผมกลับคิดว่าสู้ใช้ชื่ออันใสสะอาดด้านบนมาดำเนินการหาอำนาจ อะไรๆมันจะง่ายกว่าการไปฆ่ากับพี่ที่มีฝีมือพอๆกับตัวเองหรือเปล่า
อย่างเช่นไปหาคุณหนูรวยๆสักคน แล้วฮุบทุกอย่างมาเป็นของตัวเอง ใช้อำนาจเล็กๆน้อยๆของครอบครัวผมมันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร เพราะตระกูลผมมันไม่ได้มีจรรยาบรรณใดๆอยู่แล้ว
แผนของผมดำเนินการอย่างราบรื่น วันนี้ยัยผมม้วนอบคุ้กกี้มาให้ รสชาติดีขึ้นกว่าครั้งก่อนที่จืดสนิท แต่ก็ยังห่วยอยู่ดี แกล้งทำเป็นกินแล้วขนมว่าอร่อย เจ้าหล่อนก็ดีใจกระโดดไปมาเหมือนคนบ้ากอดผมแล้วเดินจากไปหาพี่ชายตนเอง
คิโชวอิน ทาคาเครุไม่ชอบผมและสงสัยผม ผมรู้
สายตาที่เขามองผมเหมือนมองทะลุ แต่เขาทำอะไรไม่ได้ เพราะผมมีจุดอ่อนของเขาอยู่ คือน้องสาว
เขาทำอะไรผมไม่ได้ แต่ใช่ว่าผมจะอยู่เฉยๆ
ผมมักจะผสมยาหลอนประสาทที่พวกผมลักลอบขายในตลาดมืดเล็กน้อยลงไปในเครื่องดื่มและของว่างของเขาเสมอ ของที่น้องสาวแท้ๆของเขาทำ
จึงไม่มีทางที่เขาจะไม่กิน…
นับวันคิโชวอิน ทาคาเครุยิ่งอ่อนแอลง เขาเริ่มหยุดงาน แต่ตัวเองยังแสร้งทำเป็นแข็งแรงเพื่อไม่ให้ที่บ้านเป็นห่วงและมักหาข้ออ้างมากลบเกลื่อนความผิดปกติของตัวเองเสมอ เป็นโอกาสเหมาะที่จะให้ผมเข้าไปแทรก
ผมขอร้องแฟนของผม
และเธอก็ตอบรับ
ด้วยประสิทธิภาพของว่าที่ประธานที่ลดลง ผมที่เป็นอนาคตลูกเขยจึงดูเหมาะสมที่จะมีบทบาทมากที่สุด
ผมเริ่มเรียกร้องมากขึ้น ‘แฟน’ของผมก็ยังใจอ่อนเสมอ ทำให้ผมค่อยๆวางรากฐานในบริษัทได้มากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น ทั้งซื้อคน ทั้งลูกน้องของตัวเองตั้งแต่แรกที่เริ่มเข้ามาแทรกแซงบริษัทเครือคิโชวอิน ทำให้อำนาจของผมภายนอกดูเหมือนจะไม่มี แต่ภายในนั้นกลับกลืนกินไปกว่าครึ่ง
เหมือนประธานเองก็จะรับรู้และพยายามหยุดผม สมกับเป็นประธานบริษัทใหญ่ยักษ์ตระกูลคิโชวอิน ถึงแม้อยู่ต่อหน้าลูกสาวจะทำตัวหน่อมแน้มไปบ้าง แต่พอไม่อยู่ในสายตาลูกๆเขาจะเปลี่ยนเป็นคนละคน
“หยุดซะก่อนที่ฉันจะทำลายแก” เขาพูดแบบนั้นกับผม สายตาที่มองมาคือผู้ที่เหนือกว่า ส่วนผมคือทาสผุ้ต่ำต้อย ผมยังคงยิ้มอ่อนโยนตามบุคลิกแฟนหนุ่มอันสมบูรณ์แบบที่สร้างไว้ แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “พูดเรื่องอะไรกันครับ”
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้” ประธานคิโชวอินบอกแบบนั้น “ฉันมีหลักฐานผูกมัดแกไว้แล้ว แกหนีไม่รอดหรอก เห็นแก่ที่ลูกสาวฉันรักแกมาก ฉันเลยมาเตือนแก”
มันมักจะเป็นแบบนี้เสมอ ความจริงเขาสามารถกำจัดผมอย่างเด็ดขาดได้อย่างเงียบๆโดยที่ผมไม่รู้ตัว แต่เมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับเธอคนนั้น ตระกูลคิโชวอินมักจะเผยช่องว่างแบบง่ายๆ
นี่แหละหนามนุษย์
“แย่จังนะครับ” ผมแสยะยิ้มหยิบมือถือขึ้นมาก่อนกดปุ่ม
“แบบนี้เรย์กะจังคงต้องไปสวรรค์เร็วกว่าปกติเสียแล้ว” ประธานคิโชวอินหน้าซีด ทำท่าจะถามผมว่าผมจะทำอะไร ก็มีเสียงข้อความเข้าโทรศัพท์ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา เปิดคลิปที่ถูกส่งเป็นคลิป ‘แฟน’ของผมกำลังกินขนมอย่างมีความสุขที่ร้านของหวานชื่อดังแห่งหนึ่ง
และมันเป็นคลิปแบบถ่ายทอดสด
“จะยิงหรือไม่ยิงดี” ผมยังคงยิ้ม เป็นอีกครั้งที่สีหน้าของประธานคิโชวอินดูไม่ได้ เขากัดฟันกรอดเค้นเสียงออกมา
“แกต้องการอะไร”
“เจรจา”ผมตอบ จิบชาอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“ชีวิตลูกสาวคุณ ยาแก้พิษของลูกชายคุณ กับยอมปล่อยผมให้ทำอะไรๆไปสักสัปดาห์”
พอผมพูดจบ สีหน้าของประธานคิโชวอินเครียดเขม็งเต็มไปด้วยความโกรธ
“แกทำอะไรทาคาเครุ!”
“แค่วางยานิดหน่อยน่ะท่านประธาน” ผมตอบกลับแบบสบายๆ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ลูกสาวท่านต่างหาก แค่บอกว่าของนั่นดีต่อสุขภาพ เธอก็ใส่ลงในขนมที่ตัวเองทำเยอะมากให้พี่ชายตัวเองกินประจำ น่ารักจริงๆเลยนะ” ผมยังคงหัวเราะอย่างอ่อนโยน แล้วมองไปที่ประธาน “ถ้าลูกสาวคุณรู้ว่าตัวเองวางยาพี่ชายที่รัก จะเป็นยังไงกันนะ”
แล้วผมก็ได้เห็นหน้าสิ้นหวังของประธานคิโชวอิน
.
.
.
.
“วันนี้ไม่มีผงไข่มุกเหรอคะ” แฟนของผมถามผมขณะที่กำลังชงโกโก้อุ่นให้พี่ชายด้วยรอยยิ้ม
“ขาดตลาดน่ะ ขอโทษด้วยนะเรย์กะจัง” แสร้งทำหน้าสำนึกผิด เด็กสาวตรงหน้าก็รีบส่ายหน้า ปลอบผมว่าไม่ใช่ความผิดของผม ช่างดูน่า…
…เวทนาเหลือเกิน
ผมยิ้มบอกเธอว่าขอโทษอีกครั้งแล้วขอตัวออกมาก่อน ผมเบื่อเด็ก เลยออกไปเที่ยวกลางคืนให้ชุ่มฉ่ำหายอยาก อยู่กับลูกคุณหนูต้องแสร้งทำเป็นสุภาพบุรุษตลอด อย่างมากก็ได้แค่จูบปากเบาๆ ถือว่าอดอยากมานาน ครั้งนี้เลยมาปลดปล่อยสักหน่อย
ร้านที่ผมมาถือว่าค่อนข้างหรูมีระดับ มักจะเป็นที่ที่นักธุรกิจมาหารือกันด้วย ผมเรียกพนักงานเรียกเด็กๆมาสามสี่คน พอเหล้าเข้าปาก เนื่องจากไม่ได้กินมานานเลยทำให้กินมากไปจนเมา หลุดพูดอะไรมาเยอะแยะ
ตอนนั้นเองท่ามกลางแหล่งมั่วสุมนี้ กลับเห็นชายคนหนึ่งในชุดสีขาวบริสุทธิ์ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนเหมือนเทวดามาจากสรวงสวรรค์ ดูขัดกลับสถานที่อโคจรแห่งนี้จนโดดเด่นสุดๆ อาจเพราะมองนานไปสาวๆจึงหันไปดูตามพร้อมบอกว่านั่นคือเอ็นโจว ชูสุเกะ เป็นคนรู้จักกับเจ้าของของสถานที่แห่งนี้คงมาคุยเรื่องธุรกิจ
ผมจึงเลิกให้ความสนใจ
แต่นั่นเป็นความผิดพลาดครั้งที่หนึ่งของผม
เอ็นโจว ชูสุเกะ กับ คิโชวอิน เรย์กะ รู้จักกัน
อันที่จริงผมรู้ว่าสองคนเคยอยู่โรงเรียนเดียวกันแต่ไม่สนอะไรมากเพราะตอนเรย์กะเล่าถึงเพื่อนที่โรงเรียนไม่เคยพูดเรื่องของเอ็นโจว ชูสุเกะเลยสักครั้ง จึงไม่คิดว่าทั้งสองจะสนิทขนาดต้องมายุ่งเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่าย
นั่นทำให้ผมประมาท รู้สึกตัวอีกทีกลายเป็นว่าแผนการของผมเหมือนมีคนมาขัดขวางตลอด
ด้วยอะไรหลายๆอย่างบวกกับเส้นสายมืดและเพราะเอ็นโจวชูสุเกะลงมือคนเดียวโดยใช้อำนาจจากทางบ้านเพียงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้คนนอกสงสัย ถึงทำให้เกิดช่องโหว่ ผมจึงรู้ว่าศัตรูของผมในตอนนี้คือเอ็นโจว ชูสุเกะ
ผมยอมรับฝีมือและความเฉียบขาดของเขา แต่ว่า
คนโลกสว่างริอาจมาสู้กับคนที่ทำงานด้านมืดนั้นยังเร็วไปร้อยปี
โดยเฉพาะเมื่อตัวเองมีจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่ชื่อว่า
ความรัก
เอ็นโจว ชูสุเกะหลงรักคิโชวอิน เรย์กะ
สมมติฐานนี้ทำให้เรื่องราวทุกอย่างเชื่อมโยงกัน ตอนแรกผมยังไม่แน่ใจเพราะเอ็นโจวแทบไม่แสดงกิริยา เมื่อผมลองให้แผนโยนหินถามทางเอาเรื่องคิโชวอิน เรย์กะไปขู่
ครั้งแรกไม่มีปฏิกิริยา
อาจจะไม่สนใจ ไม่เกี่ยวข้องหรือแกล้งทำเป็นไม่รู้เพราะรู้ว่าเป็นแผนของเขา
สุดท้ายก็เล่นแรงขึ้นเรื่อยๆ จนความอดทนของเอ็นโจวชูสุเกะก็หมดลง
ผมจึงจับได้ว่าเขาเป็นหลงรักแฟนของผมจริงๆ
นับแต่นั้นการต่อสู้ของพวกเราก็เริ่มเปลี่ยน จากผลัดกันรุกและรับกลายเป็นฝ่ายผมที่ไล่ต้อน เพราะผมรู้จุดอ่อนของเขา
แม้เขาจะมีเหล่าบอดี้การ์ดติดตามมากขึ้นแต่พอผมเอาแฟนตัวเองมาขู่ เขากลับยอมแพ้อย่างรวดเร็วยอมลดบอร์ดี้การ์ดของตัวเอง หลายครั้งในตอนที่ยอมแพ้เขามักจะมีแผนซ้อนแผนแทบทุกครั้ง จนผมเกือบพลาดท่า แต่ยังไงก็ตามเพราะผมมีคิโชวอิน เรย์กะอยู่ข้างกายผมจึงได้เปรียบเสมอ
จนวันหนึ่งผมเบื่อที่จะเล่นจึงได้สั่งเก็บเอ็นโจว ชูสุเกะ เขาถูกยิงที่แขนขวาระหว่างเดินทางกลับบ้าน ลูกสมุนของผมปลอมตัวในคราบนักเลงหัวไม้ไล่ต้อนเขา เหมือนจะจนมุมบนอาคารร้างสองชั้นแต่เอ็นโจวชูสุเกะกลับเสี่ยงดวง กระโดดจากชั้นสองลงไปกลางถนนโดนรถชนจนคนแถวนั้นแตกตื่นตกใจ ตำรวจและกู้ภัยต่างมามากมาย ฝ่ายของเราจึงจำต้องยอมล่าถอย
มันรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลที่ระบบรักษาความปลอดภัยดีเลิศ ทำให้ผมไม่สามารถทำอะไรได้ แต่เนื่องจากมันบาดเจ็บหนักทำให้ไม่สามารถมาขวางผมได้อีก
อะไรๆมันก็เลยง่ายขึ้น
จนสุดท้ายแผนการของผมก็ประสบความสำเร็จ
โดยการถีบตระกูลคิโชวอินลงไปสู่เหวที่ชื่อว่าความสิ้นหวัง
บริษัทตระกูลคิโชวอิน เขาเป็นผู้ถือหุ้นสูงสุดจึงกลายเป็นประธาน
ทาคาเครุ part
เข้าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น แสงแดดอ่อนๆเริ่มสาดส่องผ่านช่องหน้าต่างมากระทบตัวผมทำให้ผมรู้สึกตัวตื่น ผมยังอยู่ข้างเตียงของน้องสาว และอยู่ในอ้อมแขนที่อบอุ่นของอิมาริ
“อรุณสวัสดิ์” เขาทักผมด้วยรอยยิ้มนุ่มนวล
“นายนั่งแบบนี้ทั้งคืน?” อิมาริไม่ตอบผม ส่งมาแต่รอยยิ้มโง่ๆ
ผมไมมีแรงจะทุบตีเขาด้วยความหมั่นไส้แบบเมื่อก่อน จึงแอนตัวไปพิงเขาอีกครั้ง หลับตาซึมซับความรู้สึกปลอดภัยนี้ไว้
ตอนนั้นเองน้องสาวก็ตื่นขึ้นมา เธอดีขึ้นกว่าเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัด อย่างน้อยเธอก็ยังตอบสนอง แต่ใบหน้านั้นกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มบางๆจอมปลอม
เธอกำลังฝืน ผมรู้
หลายครั้งที่ผมรู้สึกราวกับเป็นคนนอกหลายครั้งที่น้องจะแสดงกริยาที่อ่านง่าย จนทำให้ผมเข้าใจเธอได้สบายๆ แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่ ผมรู้สึกว่าเธอมีความลับบางอย่างกับผม ทำให้ผมและเธอ ไม่สิ ทุกคนและเธอเหมือนมีบางอย่างที่ห่างไกลกันเป็นคนละโลก
มันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่นะ
อาจจะเป็นตั้งแต่ตอนเด็กๆที่น้องเปลี่ยนไป
เรย์กะกินอาหารน้อยมาก แม้ว่าผมกับอิมาริพยายามป้อนเธอแต่เธอกลับกินไม่ได้ เธอเพียงแต่ยิ้มเหมือนขอโทษผม
ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นพี่ชายที่ใช้ไม่ได้จริงๆ
ส่วนผมเองก็กินอาหารไม่ได้เช่นกัน
พอกลืนลงไปมักจะอ้วกออกมาเสมอ
อาการแบบนี้เริ่มเป็นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่เดือนที่แล้ว ทำให้น้ำหนักของผมลดลงไปมาก ผมแอบไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลแต่ทุกอย่างกลับปกติมีแค่อาการเหนื่อยอ่อนและพักผ่อนไม่เพียงพอ ผมจึงพยายามใส่เสื้อที่หนาเพื่อปกปิดไว้ และลางาน แต่มันก็ยังคงไม่ดีขึ้น ต่อมาเรื่องมันเดินมาถึงจุดนี้ ทำให้สุดท้ายผมก็ปิดความลับนี้ไว้ไม่ได้
ในตอนมื้อเช้าอิมาริกับท่านแม่ของผมรู้แล้วว่าร่างกายผมผิดปกติ
ผมถูกส่งไปตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งโดยอิมาริเป็นคนออกค่าใช้จ่าย จนในที่สุดก็พบสาเหตุ
ผมโดนวางยา เลือดของผมตรวจพบสารเสพติดที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก สะสมมาทีละน้อยจนทำลายสุขภาพอย่างหนักในตอนนี้ ในครั้งที่แล้วผมไม่ได้เข้าตรวจละเอียดขนาดนั้นเพราะความประมาทของตัวเอง จึงหาสาเหตุไม่พบ
อาการช่วงนี้ของผมเริ่มเป็นอาการของการขาดสารเสพติด
ผมเริ่มทุรนทุราย เริ่มเห็นภาพหลอน มันทรมาณ ทรมาณจนอยากตาย
ผมรู้ว่าผมโดนวางยาจากอะไร เพราะของที่ผมกินประจำมักจะเป็นของที่เธอให้
น้องสาว…
ผมขอร้องแม่และอิมาริ ว่าอย่าบอกเธอ ไม่อย่างนั้นจิตใจเธอคงรับไม่ไหวอีก
ผมไม่อยากให้เธอรู้ความผิดปกติของผม ผมจึงยู่ข้างเธอนานๆไม่ได้ แต่ผมอยากอยู่ข้างเธอให้กำลังใจเธอ
อยากพาเธอไปสวนสนุก สวนสัตว์หรือพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ อยากให้ช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นอยู่ต่อไป
แต่ผมทำไม่ได้…
ผมมันช่างอ่อนแอ…
ตอนที่อยู่ในภวังค์ความคิด เป็นอิมาริที่กุมมือของผม ผมรู้สึกตัวเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขา เขาคลายมือที่จิกแน่นของผม นวดมันเบาๆและไม่ได้พูดอะไร เนิ่นนานเหมือนกับเวลาได้หยุดลง
ไม่รู้ทำไมน้ำตาของผมมันถึงได้ไหลออกมาอีกครั้ง
ตั้งแต่ผมเริ่มจำความได้ นี่เป็นครั้งที่สองที่ผมร้องไห้
อิมาริกอดผม เขาไม่พูดอะไร ลูบหัวของผมอย่างอ่อนโยนเงียบๆ ริมฝีปากของเขาประทับอยู่บนหน้าผากของผมอย่างปลอบประโลม ผมหลับตาปล่อยให้หยาดน้ำไหลรินออกมาเรื่อยๆ
ผมได้แต่ร้องบอกเขาอย่างน่าสมเพชว่าช่วยด้วย ช่วยผมด้วย
ผมมองเห็นภาพหลอน เห็นภาพครอบครัวของผมตายไปทีละคน ทีละคน โดยในมือผมมีมีดอยู่ เป็นผมที่ฆ่าทุกคน ผมกรีดร้อง หวาดกลัวจับใจ ผมที่เข้มแข็งมาตลอดกลับสั่นเหมือนลูกนก สุดท้ายแล้วพอผมแพ้ครั้งนึง ผมกลับไม่มีความกล้าที่จะลุกขึ้นมา
แต่แล้วผมก็ได้ยินเสียงกระซิบอ่อนหวาน ความอบอุ่นรอบตัวผมตอนแรกเป็นเสียงผู้ชาย…อิมาริ เขาบอกกับผมว่าผมจะไม่เป็นไร
ต่อมาเป็นเสียงที่อ่อนหวานของผู้หญิง ผมรู้สึกได้ถึงอ้อมกอดของเธอ กลิ่นมันช่างหอมหวานและคุ้นเคย เธอปลอบประโลมผม ภาพเลือดและซากศพค่อยๆหายไป ผมหลับตาลงปล่อยตัวเองให้ตกไปอยู่ในห้วงเวลาแห่งความอบอุ่น
เธอบอกให้ผมหลับ
เสียงเพลงดังคลอเบาๆ
ในช่วงเวลากึ่งหลับกึ่งตื่นผมฝัน
ผมเห็นภาพหญิงสาวสูงศักดิ์คนหนึ่งกำลังโอบกอดเด็กชายวัยขวบเศษในอ้อมแขน ท่าอุ้มของเธอดูเงอะงะ แต่เห็นถึงความตั้งใจ เด็กน้อยร้องไห้ เธอจึงร้องเพลงกล่อม คีย์เสียงค่อนข้างเพี้ยน แต่เขากลับรู้สึกว่ามันช่างไพเราะที่สุด
ในที่สุดเด็กน้อยหลับไป เธอยังคงกอดเด็กคนนั้นไว้ พร้อมกระซิบแผ่วเบา
“ถ้าเพื่อลูกแล้วล่ะก็”
ผมเข้าสู่ห้วงนิทราลึก ทุกอย่างกลายเป็นสีดำสนิท แต่กลิ่นหอมอ่อนๆที่คุ้นเคยยังคงอยู่เคียงข้างผม
ภายในห้องพักผู้ป่วย
นายหญิงแห่งตระกูลคิโชวอินได้ตัดสินใจแล้ว…
เธอกอดบุตรชายของเธอ เด็กที่เป็นที่ภาคภูมิใจและเข้มแข็งเสมอมาของเธอ เด็กชายที่ไม่เคยทำให้เธอผิดหวังไม่ว่าจะเมื่อก่อน…
หรือตอนนี้
สามีของเธอสู้เต็มที่ ลูกชายลูกสาวของเธอก็สู้เต็มที่ แล้วเธอทำอะไรได้บ้าง…
ทั้งๆที่สัญญาแล้วแท้ๆ
ในวันที่เด็กน้อยเกิดมา
ตอนนี้เธอโกรธ โกรธจนไม่อาจระงับ พร้อมกับน้ำตาที่ยังไม่หยุดไหล เหมือนมันกำลังจะระบายความแค้นของเธอ
ที่ไม่มีที่สิ้นสุด
“คุณมิฮาระ” เธอเรียกบอดี้การ์ดที่สนิทกับลูกสาวที่สุดมา แม้ตระกูลคิโชวอินจะล้มละลายไปแล้ว แต่เหล่าผู้คนก็ยังไม่พรากจากไปไหน
“ครับ” ร่างสูงใหญ่ของบอดี้การ์ดเดินเข้ามา หน้าตาของเขาดูเคร่งเครียดและมุ่งมั่น ยืนตรงรอรับคำสั่ง
“รบกวนช่วยติดต่อตระกูลฝั่งของฉัน รวมทั้งรายชื่อเพื่อนของฉันทั้งหมดนี้ด้วยค่ะ”
“รับทราบครับ”
บอดี้การ์ดจากไปแล้ว เธอยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เพื่อนของลูกชายของเธอก็ยังไม่จากไปไหน
“คุณอิมาริ”
“ครับ”
“ขอบคุณที่ไม่ทอดทิ้งลูกชายของฉัน”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ”
“…”
“เพราะไม่ว่าอย่างไรผมก็ไม่มีวันที่จะทอดทิ้งเขา”
คุณนายคิโชวอินหลับตาลง ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง
เธองดงามที่สุด โดดเด่นที่สุด ได้แต่งงานกับสามีที่ดีที่สุดในสายตาของเธอ
เธอมีลูกที่น่ารักที่สุด ลูกชายที่เธอภูมิใจ ลูกสาวที่น่ารักเหมือนเจ้าหญิง
ทั้งๆที่เธอเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง ผู้หญิงเจ้าน้ำตาคนหนึ่ง การเรียนหรือนิสัยก็ไม่ได้ดีอะไร
พระเจ้ากลับมอบสิ่งดีๆให้กับเธอเสมอ
เธอรู้ว่าเธอไม่ใช่แม่ที่ดี หลายครั้งที่เธอบังคับลูกๆให้เป็นไปตามสิ่งที่ตัวเองต้องการ
แต่ว่านะ
เธอนึกถึงวันแรกที่ลูกของเธอเกิดมา
เด็กน้อยหน้าตาน่าเกลียดยับยู่ยี่ ไม่เหมือนเธอหรือสามีเลยสักนิด แต่เป็นครั้งแรกที่เธอหลงใหลในสิ่งที่ไม่สวยงาม
เธอกุมมือเล็กๆนั้นไว้ เหมือนกับที่เธอกุมอยู่ตอนนี้ ต่างกันเพียงแค่ขนาดของมือ
แล้วเธอก็สาบาน
ว่าเธอจะปกป้อง
ถ้าใครมาทำอันตรายลูกของเธอ
เธอจะทำให้มันได้รู้จักคำว่าเสียใจที่เกิดมา…
เพราะงั้น…
“พอลูกตื่นขึ้นมาแล้ว…” เธอมองไปยังลูกชายของตัวเองที่หลับสนิท
“ยิ้มอย่างมีความสุขให้แม่ด้วยนะ ทาคาเครุคุง เรย์กะจัง”
เพราะแม่น่ะ รักรอยยิ้มที่มีความสุขของพวกหนูที่สุดเลยล่ะ
และเย็นวันนั้น คุณซากุระเพื่อนของเรย์กะก็มาขอเยี่ยมลูกสาวของฉัน
ฉันตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายที่ไม่สิ้นสุด ฉันเห็นครอบครัวตัวเองพังทลาย
ตอนแรกที่ลืมตาฉันดีใจที่ทุกอย่างเป็นแค่ความฝันของฉัน
แต่สุดท้ายแล้วมันกลับเป็นความจริง
ฉันยิ้มให้กับตัวเอง ให้กำลังใจตัวเอง
ท่านพี่ดูเป็นห่วงฉันมาก ท่านพี่อิมาริก็ด้วย ฉันเพิ่งสังเกตว่าท่านพี่ผอมลงไปมาก อาจเพราะความเครียด หนูขอโทษจริงๆค่ะท่านพี่
ท่านพี่พยายามป้อนข้าวต้มให้ฉัน แต่ฉันไม่มีความรู้สึกอยากอาหารเลย ฉันบอกให้ท่านพี่กินแทนฉัน ท่านพี่กลับยิ้มให้ฉันแล้วไม่พูดอะไรต่อ
สุดท้ายฉันเลยฝืนกินนิดหน่อยเพราะไม่อยากให้ท่านพี่เป็นกังวลเพราะฉันอีก ท่านพี่มีสีหน้าดีขึ้น ก่อนท่านพี่อิมาริจะขอตัวไปทำธุระกับท่านพี่
ฉันยังคงกินอาหารต่อไป สุดท้ายก็หมด
น่ากลัวไปแล้วตัวฉัน นี่คืออาการคนไม่อยากอาหารหรือ?
รู้สึกตัวอีกทีก็หมดแล้ว รสชาติอาหารทีท่านพี่อิมาริหามาให้ช่างน่ากลัวจริงๆ
พออิ่มแล้วเลยนอนพักอีกรอบ คุณพยาบาลเข้ามาตรวจสภาพร่างกายฉันอีกรอบพร้อมให้ยาเล็กน้อย
รู้สึกตัวอีกทีก็เป็นตอนเที่ยง ถึงได้รู้ว่าซากุระจังมาเยี่ยม
“นอนเหมือนซากศพเลยนะ” ซากุระจังมองสภาพฉันแล้วพูดแบบนั้น “ฉันเคยบอกเธอแล้วว่าไอ้สารเลวนั่นไม่ใช่คนดี
“…” พูดได้เจ็บจึกเหมือนเดิมเถียงไม่ออกค่ะ รู้สึกอยากร้องไห้เลยล่ะ
ทุกอย่างมันเป็นเพราะฉันมันโง่เองจริงๆ
“แต่ช่างเถอะค่ะ” จู่ๆซากุระจังก็พูดตัดบท “เธอจะนอนแบบนี้อีกนานไหม”
“เอ๋?” ฉันงุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก นี่ฉันป่วยอยู่นะซากุระจัง
“นี่ไม่ใช่อกหักครั้งแรกสักหน่อย ไม่ใช่ว่าเธอมีภูมิคุ้มกันขั้นไร้ระดับแล้วเหรอ แค่นี้ไม่ตายหรอกนะ ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ” หยาบคายที่สุด ขั้นไร้ระดับอะไรมิทราบ ของแบบนี้มีวัดระดับด้วยเหรอ ถึงฉันจะเป็นหัวหน้าหมู่บ้านคานคอง แต่สกิลของฉันยังไม่ถึงขั้นนั้นนะยะ คิดเพลินๆจู่ๆซากุระจังก็สลัดคราบสาวเรียบร้อยสูงสง่าอย่างสมบูรณ์จับฉันลุกขึ้นนั่ง แล้วเอามือตีฉันดังป้าบ
เจ็บจัง คุณตำรวจ! ตรงนี้มีผู้ร้ายทำร้ายร่างกายค่า
ขณะที่กำลังโดนประทุษร้าย ริรินะก็ปรากฏตัวออกมา ตอนแรกเธอโวยวายที่เห็นซากุระจังตีฉัน พอซากุระจังบอกว่าตีเรียกสติ ริรินะเลยพับแขนเสื้อจะเข้ามารุมตีฉันด้วย
เอ๋ เอ๋ เอ๋ ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะคะ!
สุดท้ายกลายเป็นว่าฉันต้องลงจากเตียงวิ่งหนีไปทั่วห้อง ห้องผู้ป่วยของฉันกว้างพอที่จะให้วิ่งรอบๆได้แต่มันก็แคบเกินไปสำหรับการไล่จับของคนสามคน
สุดท้ายเลยชนกันเองล้มไม่เป็นท่า
ท่าทางล้มของริรินะดูทุลักทุเลมากจนฉันหัวเราะ
ซากุระกับริรินะหยุดชะงักจ้องมองฉันไม่ละสายตา
อะเระ ทำไมมองฉันอย่างนั้นล่ะ
“ในที่สุดก็หัวเราะแล้วสินะ” ซากุระจังพูดแบบนั้น แล้วพยุงฉันให้ลุกขึ้น
“ฉันหัวเราะมันแปลกมากเลยเหรอ” เห็นท่าทางอึ้งๆของทั้งสองคนฉันเลยมีความไม่มั่นใจจนต้องถามออกไป ซากุระจังเลยเอานิ้วมาจิ้มๆที่หน้าผากของฉันจนฉันหงายหลังไปอีกรอบ
เจ็บน้า
“ดูสภาพตัวเองก่อน ยิ้มแข็งอย่างกับผีตายซาก ดีแล้วที่เธอยังหัวเราะได้ พวกเราค่อยวางใจได้หน่อย” ซากุระจังพูดพลางพาฉันกลับไปที่เตียง
ตอนนั้นเองริรินะก็เอาตะกร้าเยี่ยมไข้มาให้ฉันมองด้วยสายตาไม่ไว้ใจจนริรินะชักสีหน้าใส่
“นี่อะไรน่ะ” ฉันเห็นแผ่นป้ายต่างๆในตะกร้างุนงงมากว่ามันคืออะไร
“ของเยี่ยมไข้” ริรินะตอบอย่างฉะฉาน
“ของเยี่ยมของเธอมันเป็นแบบนี้เรอะ” ฉันเถียงกลับ ริรินะทำท่าทางไม่พอใน หยิบตะกร้ามาเทของลง แยกแยะป้ายต่างๆที่ฉันดูออกแล้วว่ามันเป็นป้ายขอพร กับเครื่องรางนำโชค
“ดวงความรักกุดขนาดนี้ฉันลงทุนไปตามศาลเจ้าชื่อดังเท่าประเทศเชียวนะ อันนี้ก็ขึ้นชื่อเรื่องรักนำโชค อันนี้รักแท้ ชะตารักของเธอมันบัดซบมากเลยนี่ เพราะงั้นเอาไปซะ ส่วนอันนั้นร่ำรวยเงินทอง เฮ้! หน้าปลาตายมองฉันแบบนั้นคืออะไรยะ” ริรินะขึ้นเสียงกับฉัน ฉันหยิบแผ่นป้ายเครื่องรางใส่ตะกร้าแล้วแล้วยัดใส่มือริรินะพร้อมบอกว่าเอาไปใช้เองเถอะ
ส่วนซากุระจังบอกริรินะว่าปลอบได้ดีมาก ริรินะเลยยืดใหญ่ สีหน้ามีความภาคภูมิใจอย่างมาก
สาบานว่านั่นปลอบไม่ใช่ซ้ำเติมฉัน?
“ว่าแต่พวกเธอมาอยู่นี่จะดีเหรอ” ฉันถามไป ซากุระจังกับริรินะมองฉันเหมือนกับตัวประหลาด
“อะไรคือดีไม่ดี” พวกเธอถามฉันกลับ
“ก็เรื่อง…”เพราะรู้สถานการณ์ตัวเองดี บ้านฉันติดคดี พวกพ่อแม่ของซากุระจังและคนอื่นๆคงไม่อยากให้มายุ่งกับฉันนะ
อาจเพราะสีหน้าของฉันแสดงออกชัด ซากุระจังกับริรินะถึงแสดงสีหน้าโกรธจัด
“เธอเห็นฉันเป็นคนยังไง!” ซากุระจังตะโกนอย่างโกรธจัด
“ฉัน…” ฉันพูดไม่ออกเพราะไม่เคยเห็นซากุระจังโกรธขนาดนี้มาก่อน
“เธอเป็นเพื่อนฉันนะ เป็นเพื่อนฉัน!! ทำไมฉันจะต้องไปสนใจสายตาคนอื่นด้วย!” ซากุระจังตะโกนจนเสียงแหบ ตาของเธอเริ่มแดง ส่วนริรินะที่เงียบอยู่จู่ๆก็ตะโกนขึ้น
“พี่เรย์กะคือพี่สาวของฉัน!!” เสียงของเธอดังไม่แพ้ซากุระจังเลย ฉันตกใจจนพูดไม่ออกที่ริรินะเรียกฉันว่าพี่สาว
“ใครลองขวางไม่ให้ฉันเข้าใกล้พี่สาวของฉัน ฉันจะตบมันให้ตาย!!”
“เพราะงั้นเลิกทำหน้าแบบนั้นซะ! //เพราะแบบนั้นเลิกทำหน้าแบบนั้นสักที!” ทั้งสองประสานเสียงกัน
…ฉันกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่เหรอ
“เลิกทำเหมือนว่าตัวเองอยู่คนเดียวได้แล้ว” ซากุระจังพูด “เธอน่ะตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว เหมือนมีอะไรที่กลัวอยู่ในใจ แต่เธอไม่เคยบอกพวกเราเลย…”
นั่นมันเรื่องของชาติที่แล้ว ฉันบอกไม่ได้หรอกนะมันดูไม่น่าเป็นไปได้เลยนี่นา พูดไปคงต้องโดนหาว่าบ้าแน่ๆ
“พวกเราเป็นเพื่อนเธอนะ ยัยบ้า!”
ฉันพูดอะไรไม่ออก จู้ๆก็อยากร้องไห้อีกแล้ว
ตอนที่ฉันอึ้งอยู่ พวกเซริกะ พวกคุณฮอนดะ หัวหน้าห้อง กับพวกเพื่อนที่เคยเรียนพิเศษด้วยกันก็มาเยี่ยมฉัน
ทุกคนมารุมล้อมฉัน ถามไถ่ฉันอย่างห่วงใย
จนฉันไม่อยากเชื่อว่าตัวละครนางร้ายอย่างฉันจะมีวันได้รับมิตรภาพขนาดนี้
ทั้งๆที่ตอนนี้ฉันไม่มีอะไรเลยแท้ๆ
แต่ทุกคนกลับอยู่ข้างๆฉัน
ตอนนั้นเองก็นึกถึงเอ็นโจวกับคาบุรากิที่มาหาฉันครั้งก่อนจึงถามออกไปทุกคนจึงบอกว่าพวกเขาติดธุระสำคัญยังปลีกตัวมาไม่ได้ ฉันแอบรู้สึกโหวงเหวงนิดหน่อยแต่ก็เข้าใจ มองซ้ายขวาไม่เห็น นายบ้าหมาที่ควรจะมาพร้อมก๊วนเพื่อนที่เรียนพิเศษ กับอิวามุระคุงที่น่าจะอยู่กับพวกหัวหน้าห้อง พวกนั้นก็ตอบว่าติดธุระเหมือนกัน
เสียงข้อความเข้าดังนั้น เปิดออกมาจึงเห็นเป็นภาพเบียทันให้กำลังใจเต็มหน้าจอ
ฉันหัวเราะออกมา ทุกคนก็หัวเราะ
“อ๊ะ ท่านเรย์กะ มีผมหงอกตั้งสามเส้นแหน่ะค่ะ” จู่ๆเซริกะจังก็พูดขึ้น
ว่าไงนะ!!!!!
ชายไร้ชื่อ
หลังจากยึดครองบริษัทคิโชวอินได้ เขารู้สึกว่าทุกอย่างมันง่ายไป
ตอนแรกเขาเตรียมตัวรับมือตระกูลเอ็นโจวต่อเพราะเขาไปทำร้ายทายาทสายตรงของตระกูล ตระกูลเอนโจวส่งคนมาทำลายเขาก็จริง แต่มันดูออกง่ายเกินไป
ง่ายจนเขาไม่ไว้ใจ
เขาส่งคนจับตาดูคนแปลกหน้าที่เข้าออกบริษัทอย่างละเอียด และจับคนของฝ่ายนั้นได้สองสามคน
เขาควรจะดีใจที่จับได้ง่าย แต่มันกลับง่ายเกินไป
ตอนที่เขากำลังเดินจากบริษัท เราเดินสวนกับพนักงานส่งพิซซ่า เขาหยุดถามเลขาส่วนตัวว่าใครสั่ง
เลขาของผมหยุดคนสั่งพิซซ่าคนนั้น ขอดูบัตรประจำตัว และบัตรประชาชน ผมได้ข้อมูลมาแล้วส่งต่อไปยังหน่วยตรวจสอบส่วนตัวของผม
ปรากฏว่าคนคนนี้เป็นคนธรรมดาอย่างแท้จริงไร้ประวัติเกี่ยวข้องกับบริษัทใหญ่หรือด้านอื่นๆเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยกำลังทำงานพาทไทม์ ส่วนคนสั่งคือแผนกบัญชีที่กำลังจะฉลองงานวันเกิดให้เพื่อนร่วมงาน
ผมจึงปล่อยคนส่งพิซซ่าไป
เด็กหนุ่มส่งพิซซ่า ยิ้มขอบคุณรีบไปส่งพิซซ่ายังแผนกที่สั่งอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางเขามองดูบริษัทที่ใหญ่โตอย่างตื่นตาตื่นใจ
“บริษัทกว้างจังน้า”
สายตาหันกลับไปมองประธานบริษัทที่เดินออกไปแล้ว สายตาที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานกลับเปลี่ยนเย็นเยียบ
“จะช่วยเอาคืนมาให้ได้เลย บริษัทของเรย์ทัน”
ระหว่างที่อุเมวากะ อาสึกะในชุดพนักงานพิซซ่าเดินไปยังแผนกบัญชี ก็เดินสวนกับทาคามิจิ วาคาบะ ที่มาพร้อมเอกสารสมัครฝึกงานในมือของเธอ
แหล่งหาข่าวที่ดีที่สุดคือร้านเหล้าในแหล่งอโคจร
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาที่นี่
ตื่นเต้นนิดหน่อย แต่ก็พอไหว
เดินไปยังบาร์เหล้าเกย์ ที่มีกระเทยสาวผสมเหล้าอยู่ ตอนแรกไม่ได้รับความสนใจมากนัก แต่ผมสั่งเครื่องดื่มตามที่เขาคนนั้นบอกไว้ กระเทยสาวที่อยู่หน้าเคาท์เตอร์จึงส่งสายตา แล้วเชิญชวนเขาไปยังอีกห้องหนึ่ง
“มีอะไรให้รับใช้” เมื่อเข้ามาในห้องเขาถามผม ค่อนข้างนอบน้อมอยู่หลายส่วน
“ฉันอยากสมัครงานที่นี่ชั่วคราว” กระเทยสาวมองผมอย่างแปลกใจ
ผมเชิดหน้าขึ้นสะบัดวิคผมม้วนอันโดดเด่นพลิ้วไหว
ผมรู้มาจากคุณเอ็นโจวว่า ในสถานที่แถวนี้มีส่วนเกี่ยวข้องบางอย่างเจ้าสารเลวนั่น
เพื่อท่านอาจารย์ ผมขออาสาลงมาจัดการด้วยตนเองเพื่อประสิทธิภาพที่มากที่สุด
“เริ่มแล้วสินะ” มาซายะพูดกับผมที่มองท้องฟ้านอกกระจกตึก
“อืม” ผมตอบเขา หันหน้ามามองเขา
“ดูเหมือนหมอนั่นจะไม่คิดหยุดแค่ตระกูลคิโชวอิน” มาซายะหัวเราะเยาะ แสยะยิ้มบางเบา หยิบเอกสารข้อมูลในมือมาโบกสะบัด ก่อนเดินมายื่นให้ผม
“นี่ข้อมูลของมัน”
“ทำงานเร็วตลอดสมเป็นนายเลยนะมาซายะ”
“ปกติน่ะใช่ แต่ครั้งนี้ไม่เท่านายหรอก”
พอเขาพูดแบบนั้นเหมือนรู้ทันผมก็อดหัวเราะเบาๆไม่ได้
“นั่นสินะครับ”
ก็ผมเอาจริงแล้วนี่นา
จบตอนที่สองค่ะ ด้วยพลังแห้งยูกิดนะคุง ทำให้กูทิ้งงานมาปั่น ฮือออออออออ
กูไปทำงานต่อละ บัยยยยยยยย
อ๊ายยยยย กูขอโทษที่ปาดหน้า ไม่รู้ว่าลงฟิคอยู่ ซอรี่ๆ
>>716-723 กอดมึงงงงงงงงงงงงง แม่งเล่นใหญ่กร๊าวใจเป็นหนังฮอลลีวู้ดพันล้านมากๆ ไม่คิดว่ากระทั่งท่านแม่ก็จะมาร่วมลงสังเวียนกับเขาด้วย กูชอบฉากที่ริรินะกับซากุระจังมาช่วยกันตบตีให้เรย์กะได้สติมากเลย สมเป็นสองคนนี้มากเลยที่ด่าจนได้คิดเนี่ย 55555 คนอื่นๆ ก็ทยอยมากันอุ่นหนาฝาคั่งมากๆ ราวกับขบวนการ Avengers ก็ไม่ปาน โฮ้ยยยยย ดีว่ะ รอเก็บซากตัวร้ายไร้ชื่อนะ
>>727 กูชอบฉากวาคาบะกับอุเมวากะเดินสวนกันจังเลยว่ะ โครตได้ฟีลแก๊งค์วางแผนโจรกรรมระดับชาติ ต่างคนต่างทำเป็นไม่รู้จักกัน นึกภาพทุกคนนั่งประชุมวางแผนแบ่งงานกันไปตามความรับผิดชอบ แล้วดำเนินตามแผนเป๊ะๆไม่มีผิดพลาดเพราะถูกวางแผนมาแบบรัดกุมรอบคอบนี่โครตก๊าว เอาล่ะ มาจัดงานเทศกาลละเลงเลือดให้นายตัวประกอบไร้ชื่อกันเถิด เรื่องนี้เล่นใหญ่แน่นอน
>>723 กรี๊ดดดดดด ชอบมากๆ ค่าาาา แต่งดีมากๆเลย ดาร์กมากด้วยฮืออ สงสารท่านพี่มาก แต่ก็ดีท่านพี่ได้แสดงความอ่อนแอมาบ้าง อิมาริจะได้ดูแล ส่วนท่านแม่นี่เป็นบอสลับชัวร์ โอยยยย โม่งแต่งตัวจริงมีนิยายเป็นของตัวเองใช่มั้ยบอกมาๆๆๆๆ ชอบมากๆ เรย์กะ นางเป็นที่รักของเพื่อนๆทุกคนจริงๆ ที่ผ่านมาเวลานางช่วยเหลือคนอื่นนี่นางไม่เคยหวังผลตอบแทนเลย ตอนนี้ทุกคนมาช่วยนางบ้าง ซาบซึ้งมาก และตอนท้ายนี่เหมือนนิยายสืบสวนแอ็คชั่นมาก หัวใจจะวาย ตอนคนส่วพิซซ่า เป็นอาทันนี่กรี๊ดร้องงงเลยล่ะค่ะ ยังมีวาคาบะอีก พีคสุดคืออิวามุระคุง โอยย หัวใจน้อยของช้านน. รอๆตอนต่อไปนะคะ จะรอดูจุดจบไอ่ตัวร้ายไร้นามนี่ รอจนถึงฉากแต่งงานเข้าห้องหออิมาริท่านพี่ เอ้ยยเอ็นโจเรย์กะเลยนะคะ สู้ๆๆๆ อนุญาตให้ไปทำงานก่อนได้ 55555
มึงงงงง ฉากตอนที่จับไอ้คนร้ายได้ จัดฉากซากุระกับริรินะด่ามันด้วยนะ กูอยากเห็นมันอกแตกตาย
55555555+
>>723 กรี๊ดดดดดดดดดด ทุกคนดูทีมเวิร์ก ดูมีการจัดการที่ดี อิวามุโระคุง วาคาบะจัง อาทัน เดินเข้าหาอันตรายเพื่อเรย์กะทันทั้งนั้นเลย กูชอบมิตรภาพของเพื่อนๆจัง และท่านแม่ก็ยอมรับอิมาริเป็นลูกเขยแล้วสินะ คริคริ มาซายะกับชูสุเกะนี่ like a boss มากๆ กษัตริย์สองพระองค์เสด็จมาทำสงครามบดขยี้มดปลวกด้วยตีนตัวเอง ลากมันมาคุกเข่าต่อหน้าจักรพรรดินีเสีย
>>713 เทียนหอมแบรนด์อังกฤษ กูก็นึกถึงโจ มาโลน(อันนี้ยูนิเซ็กส์) /crabtree & evelyn (แต่แพคเกจแบรนด์นี้มันผู้หญิงจ๋าเลย)/Molton Brown(อันนี้ก็ยูนิเซ็กส์)/The Body Shop(อันนี้เรียบๆ แต่ออกไปทางผู้หญิงใช้มากกว่า)/M&S(แพคเกจน่ารัก เหมาะกับผู้หญิง ซึ่งเอ็นโจไม่น่าจะใช้เอง)
ส่วนผ้าขนหนู เอาแบรนด์อังกฤษและมีเอกลักษณ์มากก็
burberry
http://imgur.com/a/cUHc1
Paul Smith
http://imgur.com/a/SKXrT
vivienne westwood
http://imgur.com/a/9V31x
Ted Baker
http://imgur.com/a/RGXmE
โดยส่วนตัวกูเอียงไปทาง Paul Smith กับ Burberry ว่ะ มันดูยูนิเซ็กส์กว่า วิเวียน เวสต์วู้ดแม่งพังก์ไปหน่อย ไม่น่าใช่รสนิยมเอ็นโจกับยูกิโนะ 55555
>>716-723 นี่กูแท็กถูกไหม ถ้าไม่ถูกก็ขออภัย
อ่านแล้วกูอยากจะกรีดร้องงงงงง!!! (ร้องจริงไม่ได้เดี๋ยวถูกหาว่าบ้า) เป็นตอนที่เล่นใหญ่มาก อารมณ์แบบดูหนังสายลับหักเหลี่ยมเชือนคม ไอ้เจ้าตัวประกอบที่ไม่มีแม้แต่ชื่อเอ็งเตรียมตัวตายได้ แถมตายง่ายๆก็สบายไป จงทรมานชนิดอยู่ไม่สู้ตายซะเหอะ!!//อินจัด แล้วก็ท่านพี่ค่ะ รู้สึกสงสารท่านพี่เหลือเกินแต่ก็ฟิน เห้อ... พลังกาวช่างสุดยอดจริงๆ สูดจนลอยออกอวกาศหาทางกลับโลกไม่ถูกแล้ว 55555+
>>737 เทียนหอมกูไม่สันทัดเท่าไหร่ แต่ผ้าขนหนูกูก็คิดว่า burberry นะ 5555
>>723 รักมึ๊งงงงงง กรี๊ด มาจูบที ฟิคมึงภาษาสวย พล็อตอร่อยมาก กูว่าอีตัวร้ายไร้ชื่อนี่คงไม่เหลืออะไรให้โม่งอย่างเรา ๆ ประชาทัณฑ์แล้วแหละ เอ็นโจแล้วจริงแล้ว เอามันเลย เอามันเลยยยยยยยยยยยยยย // ท่านพี่มุ้งมิ้งจัง กูอยากเข้าไปกอด แต่เกรงใจท่านอิมาริ
burburry กูว่าหาได้ง่ายในญี่ปุ่นนะ ดูเป็นแบรนด์ติดตลาดไปละด้วย แต่ว่าช่างเถอะเน้อออออ เขาใช้แบบเดียวกันแค่นั้นเราก็สุขใจแล้วเว่ย ฮืดดดดฮาดดดด
>>742 งั้นกูก็ไม่รู้แล้วว่ะ ว่าแบรนด์อังกฤษอันไหนที่เห็นปุ๊บรุ้ปั๊บ 555555555555555555
โดยรวมกูคิดว่า burberry ว่ะ เพราะแบรนด์นี้มีเทียนหอมด้วย ทั้งผ้าทั้งเทียนอาจเป็นเซ็ตเดียวกันก็ได้
Paul Smith ก็มีเทียนนะ แต่โครตแมน ไม่น่าเอามาเป็นของให้ผู้หญิง
แต่ก็ตามที่มึงว่า เขาใช้ของเหมือนกันต่อหน้าสาธารณะชน แค่นี้กูก็สุขใจแล้ววววววว
แต่ยูกิโนะไม่น่าบอกเรื่องเทียนหอมเลย เผื่อท่านเรย์กะใช้ แล้วจะได้มีโม่งซุยรันทักว่า ท่านเรย์กะกลิ่นเดียวกะท่านเอ็นโจเลย //แค่กๆๆๆ
>>744 น่าสนใจ งั้นลองเขียนดู
นักเรียนหญิงไร้ชื่อ 3
-----------------
การเปลี่ยนห้องในแต่ละปีมาถึงจนได้ค่ะ รู้สึกว่าปีนี้ฉันจะได้อยู่ห้องเดียวกับท่านเรย์กะอีกครั้งแล้ว แต่ฉันก็เชื่อมั่นว่าทุกอย่างต้องเป็นไปด้วยความราบลื่นเมื่อมีเธอผู้นั้นอยู่ค่ะ
ท่านคิโชวอิน เรย์กะผู้นั้น คือเป้าหมายแห่งความสมบูรณ์แบบของพวกเราเหล่านักเรียนหญิงของซุยรัน ด้วยรูปลักษณ์สง่างามดั่งเจ้าหญิง เป็นหนึ่งในสมาชิกของ pivoine อันทรงเกียรติ ทุกอย่างช่างเลิศเลอจนชายหนุ่มชั้นสามัญไม่กล้าอาจเอื้อม
จะมีชายหนุ่มคนไหนกล้าหาญพอที่จะสอยดอกฟ้าไปได้บ้างรึเปล่าคะ
ฉันจับกลุ่มพูดคุยเรื่องนี้กับเพื่อนๆอย่างสนุกสนาน พอได้ยินข่าวคราวที่ดูโรแมนติคของท่านเรย์กะก็กรี๊ดกร๊าดกันให้วุ่นวาย
มันเหมือนอ่านนิยายเลยนี่คะ เรื่องราวโรแมนติคชวนเพ้อฝันระหว่างจักรพรรดิและจักรพรรดินี ต้องเต็มไปด้วยความงดงามและสง่างามทุกก้าวย่างแน่ๆ
ใครๆก็คิดว่าท่านเรย์กะและท่านคาบุรากิเหมาะสมควรคู่กันที่สุด ฉันก็เห็นด้วยเช่นนั้นค่ะ
แต่ความคิดเห็นของฉันสั่นคลอนเมื่อได้เห็นท่านเรย์กะเดินเคียงคู่กับท่านเอ็นโจใต้ร่มคันเดียวกันไปยังลานจอดรถ เอ๋ เกิดอะไรขึ้นกันนะคะ จะกลับบ้านด้วยกันงั้นเหรอ
แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวที่เห็นค่ะ มีอีกหลายคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนี้ และกำลังจะกลับบ้าน แต่ก็ไม่กล้าเดินทะลุเข้าไปแทรกกลางระหว่างท่านจักรพรรดินีและองค์ชาย ได้แต่ยืนรีรอให้สองคนนั้นผ่านไป
ดูเหมือนว่าท่านเรย์กะจะยื่นห่อของอะไรซักอย่างให้ท่านเอ็นโจ พูดคุยอะไรกันฉันก็ไม่ได้ยิน และท่านเรย์กะก็วิ่งจากไป
เอ๋ นี่มัน อีเวนต์มอบของแทนใจให้หลังเลิกเรียนนี่คะ
หรือสองคนนี้จะคบกันอยู่แบบลับๆคะ!!
เข้าใจแล้วล่ะค่ะ ถ้าคบกันแบบเปิดเผย ท่านเรย์กะก็อาจถูกแรงริษยาจากบรรดาแฟนคลับของท่านเอ็นโจตามอาฆาตหึงหวงไม่มีที่สิ้นสุดสินะคะ แต่เป็นท่านเรย์กะแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวสักนิดเลย
ฉันกับเพื่อนๆตัดสินใจว่าจะจับตาดูสองคนนี้เพิ่มขึ้นอีก อาจได้เห็นอะไรดีๆก็ได้
วันหนึ่ง ขณะที่พวกเรากำลังเม้ามอยกันในห้องเรียนเหมือนอย่างทุกที ท่านเรย์กะก็ได้เข้าร่วมวงสนทนาด้วยกัน เธอยืนใกล้ๆฉันในระยะประชิด จนฉันเผลอสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆนั่นเข้าไป ท่านเรย์กะนี่ตัวหอมจังเลยค่ะ แต่กลิ่นนั่นบางเบามาก ถ้าไม่ได้ยืนใกล้ๆแบบนี้ก็จับกลิ่นไม่ได้หรอกนะคะ
ฉันคิดจะไปถามเธอทีหลังว่าใช้น้ำหอมอะไร บางทีพวกเราอาจจะได้สนิทสนมกันขึ้นมาบ้างก็ได้
เลิกเรียน ฉันไปหาเพื่อนที่อยู่อีกห้อง ระหว่างที่เปิดประตูเพื่อจะเข้าไปข้างใน ท่านเอ็นโจก็เดินสวนออกมาพอดี
ฉันค้อมหัวให้เล็กน้อยเป็นการขอโทษเพราะไปขวางทางท่านเอ็นโจเข้าให้แล้ว แต่ก็ได้รับคำตอบว่าไม่เป็นไร ดีจัง เป็นเจ้าชายที่อ่อนโยนจังเลยนะคะ
ตอนที่ท่านเอ็นโจเดินสวนมานั้น จมูกได้กลิ่นหอมบางอย่างที่คุ้นเคยมากเลยล่ะค่ะ แต่นึกไม่ออกว่าเคยได้กลิ่นที่ไหนมาก่อนน้า
จนกระทั่งท่านเรย์กะเดินมาใกล้ๆฉันอีกครั้งเพราะเราลงแข่งกีฬาแล้วต้องฝึกซ้อมใกล้กัน ก็พลันนึกออกค่ะ
ท่านเอ็นโจมีกลิ่นเดียวกับท่านเรย์กะเลยนี่คะ!!!!!
อุ๊ยตาย นี่มันเรื่องอะไรกันคะเนี่ย ฉันสับสนไปหมดแล้วล่ะค่ะ ถ้าจู่ๆจะยิ้มออกมาโดยไม่มีสาเหตุเลย จะมีคนหาว่าสติไม่ดีมั้ยคะ
อีกฟากสนาม ท่านเอ็นโจกับท่านคาบุรากิกำลังซ้อมวิ่งผลัดกันอยู่ ได้รับเสียงกรี๊ดกระหึ่มจากสาวๆเหมือนอย่างเคย ฉันเหลือบมองท่านเรย์กะที่กำลังนั่งพักจากการซ้อมวิ่งแข่งสามขา ท่านเรย์กะดูไม่ยินดียินร้ายอะไรกับเสียงเชียร์ของเหล่าสาวๆพวกนั้น ค่อยๆหยิบผ้าขนหนูในกระเป๋าออกมาซับเหงื่อ
ฉันมองไปอีกฟากของสนาม ท่านเอ็นโจเองก็เอาผ้าขนหนูซับเหงื่อแล้วห้อยคอไว้ด้วยเช่นกัน แต่เอ๊ะ--นั่นมันเหมือนกันเลยนี่คะ
เข้าใจแล้วล่ะค่ะ กำลังประกาศความเป็นเจ้าของแบบอ้อมๆสินะ
ดูเหมือนว่าเพื่อนร่วมกลุ่มของฉันก็คงคิดเช่นเดียวกันเพราะเอ่ยทักเรื่องนี้ขึ้นมา ท่านเรย์กะดูมีสีหน้าตกใจเป็นอย่างยิ่ง เหมือนมีคนล่วงรู้ความลับของเธอว่ากำลังแอบคบกับท่านเอ็นโจแบบลับๆ
อา ช่างน่าสงสารเหลือเกินค่ะ กับความรักที่ต้องหลบซ่อนเช่นนี้
คุณแฟนคลับคะ ช่วยสังเกตแล้วก็ถอยไปห่างๆจากท่านเอ็นโจกันได้แล้วล่ะค่ะ เขามีเจ้าของแล้ว ไม่อย่างนั้นท่านเรย์กะจะต้องลำบากปิดบังเช่นนี้อยู่ร่ำไปนะคะ
ท่านเรย์กะแจงแจกว่าได้รับมาจากยูกิโนะคุง เทวดาตัวน้อยแห่งแผนกประถม ก็ยิ่งทำให้พวกเรากรี๊ดกร๊าด
สนิทสนมกับครอบครัวของท่านเอ็นโจเป็นอย่างดียิ่งด้วยสินะคะ
ท่านเรย์กะดูเหมือนจะเขินอายจนพูดอะไรไม่ค่อยออก ฉันเลยส่งสายตาให้กำลังใจท่านเรย์กะไป
ไม่ต้องกลัวนะคะ ฉันจะสนับสนุนความรักของท่านเรย์กะเอง
-------------
ดูเพ้อชิบหายเลยว่ะ ถถถถถถถถถถ ขอโทษ กูมีความสามารถแค่นี้
>>757 >>758 ไม่ต้องห่วงกูจะระวังตัว ผูกมิตรด้วยการช่วยคนสวนดูแลป่า ช่วยวาคาบะจังเก็บเห็ด ระหว่างนั้นก็ปลูก*ชา ไปพลางๆ สุมเสบียงและกำลังพล รอกัปตันหัวเรือใหญ่ยูกิโนะ ส่งสัญญาณเมื่อไหร่ กูก็พร้อมแจกจ่ายสินค้าทันที หึหึ//
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
พวกมึง~ กูขอพื้นที่นิดนึง มันอัดอั้น แบบว่ายูกิโนะ ไม่ได้มาเล่นๆนะเว้ย ต่อจากนี้ (อีกซักระยะ) ภายใต้แกนนำของนายเรือใหญ่ จอมมารในคราบเทวดาน้อย มันจะมีอีกหลายฉากที่ทำให้พวกมึงต้องกรีดดร้องงง หลายๆฉากที่พวกมึงคิดว่าคงเห็นได้แต่ในฟิค แต่ว่านะ พวกมึงตั้งหน้าตั้งตารอด้วยความคาดหวังได้เลย โอยยย และเมื่อนั้นล่ะ *ชาหลังป่าซุยรันก็จะขายดีเป็นเทน้ำ เทท่า และกูจะไม่ถูกใครไล่ออกจากป่า เพราะทุกคนขาด*ชาไม่ได้ ถถถถถถ///สูดกาว เอามือทาบอก
ยูกิโนะแม่งปลุกความเป็นโชตะค่อนในตัวกู. เวลาอะไรไม่ได้ดั่งใจ ก็จะทำหน้าน่าสงสาร แล้วบอกว่า*ไม่ได้หรอฮะ~ โอยขนาดกูดำน้ำ จิตใตกูยังสั่นไหว แล้วจิตใจของท่านเรย์กะ จะเหลือเรอะ!!
จบแล้วโทษที ขอบคุณที่ให้พื้นทีกูกาว ช่วงนี้สกรีมยูกิโนะมากไปหน่อย กูไม่รู้จะระบายกับใคร
>>751 กูชอบฟิคนี้ มึงทำดีย์
"อีกฟากสนาม ท่านเอ็นโจกับท่านคาบุรากิกำลังซ้อมวิ่งผลัดกันอยู่ ได้รับเสียงกรี๊ดกระหึ่มจากสาวๆเหมือนอย่างเคย ฉันเหลือบมองท่านเรย์กะที่กำลังนั่งพักจากการซ้อมวิ่งแข่งสามขา ท่านเรย์กะดูไม่ยินดียินร้ายอะไรกับเสียงเชียร์ของเหล่าสาวๆพวกนั้น ค่อยๆหยิบผ้าขนหนูในกระเป๋าออกมาซับเหงื่อ"
คือให้อารมณ์แบบ ฮึ นังปลาซิวปลาสร้อยได้แต่คอยกรี๊ดข้างสนาม
ฉันน่ะมีถึงผ้าขนหนูแทนใจแล้วนะ !!
เป็นการปรกกาศสงครามอย่างมีระดับมากค่ะท่านเรย์กะ !! ฉันอยู่ข้างท่านเรย์กะนะคะ!!
//มโนจากโม่งนักเรียนสาวซุยรันใกล้ๆเช่นกัน
ฟหกดหกแทดอ่วไำนาดนพมงวดใยหกลฟวสหยก
KY นิด พูดถึงท่านเรย์กะเหมือนกระต่าย กูอยากให้ท่านเรย์กะโผล่พรวดไปหาเอ็นโจในชุดนี้จังข่ะ มันต้อง ฏฑ็ญซษ้ดยว่้ดพุจยา มากๆ เอ็นโจก็เอ็นโจเถอะว้า
https://mobile.twitter.com/yamadori_ss/status/691967106212990976
ขอต่อในมุมมองของคนอื่นน้า สั้นๆ พอให้ใจหายเครียดเบาๆ
------------------------------------------
จากใจนักเรียนหญิงไร้ชื่อรุ่นเดียวกันในสโมสร Pivoine
สองสามวันมานี้ มีข่าวลือแปลกๆ ในหมู่พวกผู้หญิงด้วยกันเองด้วยล่ะค่ะ เริ่มจากเมื่อวันก่อนหน้านี้ท่านเอ็นโจมาโรงเรียนโดยที่ไม่สวมเสื้อสูทที่บ่งบอกความเป็นซุยรันเหมือนอย่างเคย ถึงแม้จะใส่แค่คาดิแกนไหมพรมสีเทาดูเนี้ยบเรียบหรู เข้ากันกับเสื้อแขนยาวสีขาวสะอาดตาได้อย่างลงตัว ทำเอาผู้หญิงที่อยู่แถวนั้นกรี๊ดกร๊าดก็เถอะค่ะ
แต่ทว่า มันดูไม่เรียบร้อยไม่ใช่หรือคะ? ไม่ใช่สิ แล้วเสื้อสูทของเจ้าชายหายไปไหนกันล่ะคะ?!
แล้วก็มีข่าวลือซุบซิบว่า เมื่อวานมีคนเห็นท่านเอ็นโจเดินกลับบ้านกับท่านยูกิโนะ น้องชายของท่าน ในสภาพที่ไม่สวมเสื้อสูท แถมเสื้อยังยับนิดๆ อีกด้วย ในตอนนั้นเป็นช่วงเลิกเรียนแล้วก็เลยคิดว่าไม่มีอะไรมากนัก
แต่แล้วก็มีคนเห็นว่าหลังจากที่ท่านเอ็นโจเดินไปได้ไม่นานนัก ท่านเรย์กะได้เดินออกมาทางเดียวกัน ในมือของท่านเรย์กะถือเสื้อสูทสีขาวไว้ในอ้อมแขนสองข้างอย่างถนุถนอม ราวกับว่าสิ่งที่ประคองนั้นมีค่ามากทีเดียว
หรือว่านั่นจะคือเสื้อสูทของท่านเอ็นโจกันคะ?
แต่ท่านเรย์กะในวันนี้ก็ยังมีท่าทีสง่าเหมือนเช่นกัน ทักทายหัวหน้าห้องอย่างเป็นกันเอง และคุยเล่นกับเพื่อนๆ ของท่านด้วยความร่าเริงสดใส ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้สนิทกับท่านเรย์กะมากนัก แต่ก็รู้สึกเคารพในความไม่ถือตัวของท่านเรย์กะมากเลยทีเดียวค่ะ
หลังเลิกเรียนในวันเดียวกัน ฉันก็ไปนั่งจิบน้ำชาที่สโมสรของPivoine เพื่อรอรถมารับกลับเหมือนเช่นเคย แต่ทว่าเห็นท่านเรย์กะกับท่านเอ็นโจนั่งอยู่ด้วยกันอยู่ตรงมุมหน้าต่างด้วยล่ะค่ะ
ทั้งคู่กำลังคุยกันด้วยท่าทางที่สง่างาม ลองคิดภาพตามดูสิคะ สาวงามกับหนุ่มหล่อนั่งมองหน้ากันอยู่ คุยกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มด้วยกัน มีแบล๊กกาวเป็นแสงส่องผ่านผ้าม่านบางๆ นั้น ทำให้รู้สึกบริเวณนั้นมีอ่อร่าความอบอุ่นถูกแผ่ออกมาอย่างที่บรรยายออกมาไม่ถูกเลยจริงๆ ค่ะ
ฉันรู้สึกว่าโชคดีเหลือเกินที่เข้ามาได้เห็นฉากที่น่านี้พอดิบพอดี
แล้วก็เผอิญได้นั่งมุมที่มองเห็นท่านเรย์กะและท่านเอ็นโจชัดแจ๋วด้วย เลยนั่งมองภาพนี้ด้วยความชื่นชมอยู่ห่างๆ โชคดีจังเลยค่ะ
แต่อยู่ๆ ก็เห็นว่าแก้มของท่านเรย์กะขึ้นสีแดงระเรื่อขึ้นมา แถมนัยน์ตาของท่านก็ฉายแววประหลาดใจด้วย พอแอบมองตามสายตาของท่านเรย์กะดูก็เห็นว่าท่านเอ็นโจกำลังจับมือของท่านเรย์กะประสานกับมือตัวเองเอาไว้ ใบหน้าของท่านเอ็นโจที่กำลังมองมือของท่านเรย์กะด้วยความอ่อนโยนนั้น ทำให้ฉันรู้สึกช็อกจริงๆ ค่าา
หรือว่าท่านเอ็นโจกับท่านเรย์กะกำลังแอบคบกันลับๆ อยู่น่ะ!?
ถึงแม้ว่าฉันจะเชียร์จักรพรรดินีกับจักรพรรดิ ก็เถอะ แต่พอมาเห็นฉากรุกของเจ้าชายกับจักรพรรดินีแบบนี้รู้สึกอย่างปันใจไปให้ฝั่งเจ้าชายเลยล่ะค่ะ-----!!
ในตอนที่ท่านเรย์กะกำลังก้มอ่านโน้ตอะไรบางอย่างที่ได้จากท่านเอ็นโจด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอยู่นั้น แวบหนึ่งฉันเหมือนสบตากับท่านเอ็นโจ แล้วอยู่ๆ ท่านก็ส่งยิ้ม พร้อมกับยกนิ้วชี้แตะที่มุมปาก ทำเอาฉันหน้าแดง รีบพยักหน้าหงึกๆ
เจอสายตาพิฆาตที่น่าหลงใหลแบบนั้น-----!!
เรื่องนี้จะเก็บเป็นความลับแน่นอนค่าาา-----!!
ฉันไม่อยากจะให้เจ้าชายพิโรทหรอกนะคะ แต่ว่า… แต่ว่าอย่างน้อยก็ขอเอาไปเล่าในกลุ่มซุยรันนิดๆ หน่อยๆ เถอะค่า
ในตอนที่ท่านคาราบุกิเดินเข้ามา ท่านเอ็นโจก็บอกลากับท่านเรย์กะที่ทำหน้าตาซึมไปแวบหนึ่ง และเหมือนท่านเอ็นโจจะกระซิบอะไรบางอย่างที่ทำให้ท่านเรย์กะดูแปลกใจด้วย แล้วใบหน้าของท่านเรย์กะก็ขึ้นสีแดงอีกครั้ง
ตอนที่ท่านเอ็นโจเดินไปหาท่านคาราบุกิ บังเอิญว่าฉันอยากจะเปลี่ยนรสชาพอดี เลยบังเอิญเดินผ่านที่นั่งของพวกท่านทั้งสองอย่างไม่ตั้งใจ ได้ยินบทสนทนาแว่วดังมาเบาๆ ว่า
“ทำไมแต่งตัวไม่เรียบร้อยล่ะ ชูสุเกะ”
“อ๋อ...พอดีสูทของผมเปื้อนนิดหน่อยน่ะ เลยมีใครบางคนอาสาเอาไปซักให้”
“แต่บ้านนายมีสูทสำรองไม่ใช่เหรอ”
“อือฮึ แล้วยังไงล่ะ มาซายะ?”
ไม่รู้ว่าฉันมองผิดไปรึเปล่า ที่เห็นท่านคาราบุกินิ่งไป เมื่อเห็นรอยยิ้มอันเจิดจ้าของท่านเอ็นโจ จะว่าไปฉันก็หนาวไปแวบหนึ่งเหมือนกันนะ… คงจะบังเอิญกระมั้ง…
สองสามวันถัดมาก็มีข่าวลือเกิดขึ้นมาใหม่ว่า ท่านเรย์กะกำลังยื่นของขวัญให้กับท่านเอ็นโจ แถมท่านเอ็นโจยังทำสีหน้าดีใจอย่างปิดไม่มิดอีกด้วย แล้วเย็นวันนั้นก็มีคนเห็นว่าท่านเอ็นโจใส่เครื่องแบบเรียบร้อย สง่างามเหมือนเช่นเคยค่ะ
----------------------------
>>768 ดีค่ะ กระจายข่าวไปให้ทั่วเลยว่าสองคนนี้กำลังคบกันอยู่ ย้ายมาลงเรือองค์ชายให้หมดค่ะ เรือเรากว้างใหญ่ไพศาล มีพื้นที่อีกมากในการรับผู้โดยสารเพิ่ม
เอ็นโจไม่ใส่สูทนี่ ดูเรียกร้องความสนใจจากเรย์กะเต็มที่เลยนะคะ ของที่ให้ยืมไปก็เอามาคืนด้วยเร็วๆ ไม่งั้นดอกเบี้ยเพิ่มสูงแล้วจะจ่ายไม่ไหวนะเคอะ
ต่อจาก >>751 พบกับมโนเอ็นโจต่อ
เรื่องเรย์กะอยากรู้เกี่ยวกับวาคาบะและคาบุรากิ >>580 เขียนไปแล้ว อันนี้มันก๊าวกว่า งั้นกูไม่เขียนซ้ำ 555555555
--------------------
หลังจากยูกิโนะออกจากโรงพยาบาล พอผมกลับไปถึงบ้านก็เดินมาหา นิ่วหน้าน้อยๆเหมือนกำลังกลัดกลุ้มอะไรอยู่ พอถามว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ได้รับคำตอบว่ากลุ้มใจว่าจะนำอะไรไปมอบให้เป็นการตอบแทนที่ช่วยดี
เมื่อหลายวันก่อน คุณคิโชวอินบังเอิญไปพบยูกิโนะที่อาการหอบกำเริบขึ้นมากระทันหัน แล้วก็ช่วยพาส่งห้องพยาบาลจนอาการปลอดภัย
ตอนที่ถูกโทรมาแจ้งว่าอาการหอบของน้องกำเริบ ผมก็รีบไปที่ห้องพยาบาลทันที แล้วก็ได้เห็นคุณคิโชวอินนั่งอยู่ข้างๆเตียงยูกิโนะ หน้าตาซีดขาวด้วยกันทั้งคู่ ผมไถ่ถามอาการเบื้องต้นของน้องก่อน แต่พอช่วยประคองให้ลุกขึ้นมาจากเตียง ยูกิโนะกลับขืนตัวไว้นิดหน่อยแล้วลุกขึ้นมาเอง ตอนเดินก็ไม่ยอมให้ช่วยพยุงด้วย ผมไม่ค่อยเข้าใจท่าทางแบบนั้นเท่าไหร่ จนกระทั่งยูกิโนะได้เล่าให้ฟังเมื่อถึงมือหมอเรียบร้อยแล้ว
ผมอึ้งไปเลย
คุณคิโชวอินที่ดูเหมือนคุณหนูบอบบางไร้เรี่ยวแรงนั้น พอถึงเวลาคับขันก็แบกยูกิโนะขึ้นหลัง วิ่งไปส่งห้องพยาบาลทั้งที่อยู่ไกลขนาดนั้นได้
ต้องให้ผู้หญิงมาอุ้มตัวเองที่ร่างกายอ่อนแอแบบนี้ ทำเอายูกิโนะซึมไปเลยล่ะ มิน่าถึงไม่ยอมให้ช่วย คงไม่อยากแสดงความอ่อนแอต่อหน้าคุณคิโชวอินสินะ
พอออกจากโรงพยาบาล ถึงได้มาปรึกษาหารือกับผมเป็นการใหญ่
ผมนั่งคุยกับน้อง ท่าทีสบายๆเหมือนไม่จริงจังอะไร ลองพูดชื่อของใช้ออกมามากมายหลายอย่าง ยูกิโนะฟังแล้วทำหน้าครุ่นคิดบ้าง ส่ายหน้าบ้าง ทำท่าปฎิเสธอย่างแข็งขันบ้าง จนในที่สุดก็มาหยุดที่เซ็ตเทียนอโรม่ากับผ้าขนหนู น่าจะเป็นของขวัญให้ผู้หญิงได้ ผมเห็นน้องยิ้มออกมาอย่างยินดี
"งั้นเอาเป็นแบรนด์เดียวกับที่ท่านพี่ใช้อยู่ก็แล้วกันนะฮะ" ยูกิโนะยักคิ้ว น้องชายผมนี่เป็นเด็กดีจริงๆ
ผมได้แต่ยิ้ม ไม่พูดอะไร ปล่อยให้ยูกิโนะจัดการไปตามเรื่องตามราวที่เห็นว่าสมควร
เมื่อน้องมาถาม ผมก็ให้คำตอบ ไม่ได้บังคับหรือชี้นำซักหน่อยว่าจะต้องเอาอะไรไปให้ ให้น้องเลือกเอาเองตามความพอใจ
เพียงแต่คำตอบที่ผมพูดออกไป ล้วนเป็นสิ่งที่ผมใช้อยู่ทั้งสิ้น
และถึงไม่พูดอะไรมากมาย ยูกิโนะก็คงเข้าใจได้ดี ไม่อย่างนั้นคงไม่บอกว่าจะเอาแบรนด์เดียวกันกับที่ผมใช้ออกมาตั้งแต่แรกหรอก
ขอย้ำอีกรอบว่าน้องชายผมนี่เป็นเด็กดีจริงๆ
.
.
.
ยูกิโนะเอาผ้าขนหนูไปมอบให้คุณคิโชวอินเรียบร้อยแล้ว ด้วยท่าทางออดอ้อน ปะเหลาะอีกหน่อย ผมและน้องก็รู้ว่าคุณคิโชวอินจะต้องยอมเอาออกมาใช้อย่างง่ายดาย เหมือนมองดูฝ่ามือตัวเองยังไงยังงั้น
ผมเห็นเธอหยิบออกมาเช็ดเหงื่อตัวเองหลังจากวิ่งเสร็จ แต่คงเพราะถูกทักว่าเป็นผ้าแบบเดียวกับผมหรืออะไร ก็ไม่เห็นเธอเอาผ้าผืนนั้นมาใช้ที่โรงเรียนอีกเลย แต่ไม่เป็นไร แค่มีคนเห็นว่าใช้ของที่เป็นคู่กัน เหมือนกัน เท่านี้ก็น่าจะช่วยได้หลายอย่างแล้วล่ะ
รุกมากไปก็ไม่ดี เดี๋ยวกระต่ายจะตื่นตกใจ วิ่งหนีไปเสียก่อน
จริงๆผมอยากจะถามด้วยว่าเธอได้ใช้เทียนอโรม่าบ้างรึเปล่า เพียงแต่มันจะดูเป็นการละลาบละล้วงมากเกินไป เธออาจจะเก็บเข้ากรุไม่ยอมเอาออกมาใช้ตลอดกาลเลยก็ได้
คุณคิโชวอินมักหลีกเลี่ยงการข้องเกี่ยวกับผมเสมอ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม
คงต้องหาทางให้ยูกิโนะที่เป็นคนให้ถามดู
เทียนอโรม่ากลิ่นหอม ถึงจะหอมจางๆแต่ก็ติดทนนานอยู่พอสมควร กลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่ผมชื่นชอบมากเป็นพิเศษ จุดทุกคืนก่อนนอนช่วยให้ผ่อนคลายและหลับฝันดี ถ้าให้ยูกิโนะขอร้อง เธอก็น่าจะยอมใช้
แต่ยังไม่ทันให้ยูกิโนะไปถาม คุณคิโชวอินก็มายืนใกล้ๆเสียก่อน ได้กลิ่นหอมที่คุ้นเคยโชยมาจากตัว ถึงจะกลิ่นอ่อนจาง บางเบาจนจับสังเกตแทบไม่ค่อยได้ แต่ก็เป็นกลิ่นแบบเดียวกับของผมไม่มีผิดแน่นอน
คงใช้เทียนที่ให้ไปแล้วสินะ
ถ้าตอนนี้คุณคิโชวอินรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ในใจ เธอคงหนีเตลิดไปไกลแสนไกลไม่ขอพบหน้าผมอีกครั้งแหงๆ
ก็ช่วยไม่ได้นี่นา กลิ่นที่หอมเย้ายวนขนาดนี้ ไม่เผลอใจคิดอะไรเลยก็แปลกแล้วล่ะ
แค่จุดเล็กๆนี่ กลับทำให้รู้สึกมีความสุขได้มากขนาดนี้
ผมได้แต่อมยิ้ม ไม่บอกอะไรกับเธอเลย
-------------------------
ทำไมช่วงท้ายๆมันดูโรคจิตจังวะ ท่านเอ็นโจ หนูขอโทษ 5555555555555555
>>772 เออว่ะ ประเด็นนี้เป็นไปได้ ฟิคที่ต่อๆกันในนี้ดูเผินๆเหมือนไม่เกี่ยวข้อง แต่จริงๆเป็นโลกเดียวกันแต่เกิดกันคนละไทม์ไลน์สินะ เชื่อมโยงกันเป็นสตอรี่ มีคำใบ้ให้ค้นหาอีสเตอร์เอ้ก //สูดกาว
เทียนเล่มที่ใช้ทำจากกาวและสมุนไพรของเหล่าโม่งแน่ๆ ท่านเรย์กะกับท่านเอ็นโจถึงได้ฝันแบบนั้น 555555555555555
ผ้าขนหนูใยกัญชา เทียนอโรม่าจากใบกระท่อมชัดๆ
ตอนแรกกูก็แยกโลกฟิคกะโลกต้นฉบับออกจากกันได้นะ แต่ตอนนี้แม่งฟิคทุกเรื่องแทบเป็นจักรวาลเดียวกัน จนกูรู้สึกมึนงงเมากาวแยกไม่ได้ละว่าจะยัดใส่สารบัญยังไงดีเลยว่ะ 555555
>>776 ขอบคุณสำหรับขนมค่ะ //อ้าปากรับ
แรกๆกูทำเพราะกูก็แต่งด้วยจะได้ย้อนอ่านง่ายๆว่ามันถึงไหนแล้ว แต่ตอนนี้โอเคค่ะ ตราบใดที่เพื่อนโม่งซุยรันทุกท่านยังมีฟิคกาวให้ กูก็จะทำมันต่อไปค่าาา
>>777 ขอโทษตะไม ไม่ได้ว่ามึงง กูแค่พูดถึงเฉยๆว่าฟิคชักเยอะ ตอนนี้มี 10 เรื่องแล้วค่าคุณขา กูชักเมากาวละว่าเม้นท์ไหนต้องต่อกะเรื่องไหน 555555555
ตอนแรกลองแต่งมุมมองยูกิโนะตามรีเควสจากบนๆ แต่ออกมากลายเป็นดาร์กยูกิโนะ เลยไม่เอาดีกว่า เปลี่ยนเรื่องๆ 5555
เคยเปรยๆไว้ในกระทู้แรก >>>/webnovel/3289/978 นึกอยากเอามาแต่งขยายต่อ เห็นมีฟิค Bad End แล้ว ฟิคแต่งงานก็ Happy End แล้ว
อันนี้คงเป็น Secret End?
_____________________
ด้วยการ์ดเพียงแผ่นเดียว กลับทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงและเคลื่อนไหว
ฉันเองก็พอจะได้ยินข่าวนั้นมาบ้าง แม้จะรู้สึกแปลกใจที่มันดูจะเงียบผิดปกติราวกับเป็นเรื่องปกปิด แต่เพราะรู้มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว จึงไม่ได้คิดอะไรนอกไปจากความยินดี ทว่าหลายวันให้หลังจากนั้นฉันกลับได้พบกับคาบุรากิที่มาพร้อมกับการ์ดเชิญใบนั้น และขอร้องให้ฉันไปช่วยเหลือเอ็นโจ
"ถ้าเธอปฏิเสธล่ะก็ตระกูลคิโชวอินของเธอไร้ที่ยืนแน่!"
แบบนั้นเรียกว่าขอร้องเหรอคะ!? อย่ามาลากฉันและตระกูลไปเกี่ยวด้วยซิ!
"ชูสุเกะช่วยอะไรเธอมาตั้งเยอะแยะ แล้วเธอจะนิ่งดูดาย ไม่สำนึกบุญคุณอย่างงั้นเหรอ!?"
ฉันระลึกออกแต่หนี้และดอกเบี้ยราคาแพงเท่านั้นล่ะค่ะ
แล้วทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ!?
✦✦✦
ถัดจากนั้นท่านไอระและท่านยูริเอะก็มาเกลี้ยกล่อมฉัน
"ชูสุเกะน่าสงสารมากเลยนะ ดูท่าทางไม่ดีเลยล่ะ เรย์กะจังช่วยเขาทีเถอะนะ"
"ถ้าเป็นเรย์กะจังล่ะก็คงไม่มีใครกล้าขัดขวางแน่ พวกเราจะช่วยอีกทาง ขอแค่เรย์กะจังไปห้ามทัพไว้ก่อนน่ะ รบกวนทีนะ"
จะให้ฉันเป็นแม่ทัพเนี่ยนะคะ? ทำไมไม่เป็นคาบุรากิเล่า เป็นจักรพรรรดิไม่ใช่รึไง อำนาจของฉันน่ะใช้ได้แค่ในซุยรันเท่านั้นแหละค่ะ กะคนข้างนอกน่ะฉันไม่ไหวหรอกนะคะ
"ขอร้องล่ะ เรย์กะจัง!"
ถึงจะพูดแบบนั้นกันก็เถอะ...
✦✦✦
รถลีมูซีนบ้านคาบุรากิที่ลักพาตัวฉันจากที่ทำงานมาส่งที่หน้าโบสถ์ ที่นั่นยูกิโนะคุงในชุดคนป่วยยืนรออยู่ ได้ข่าวว่าไม่สบายหนัก ทำไมถึงออกมาตากลมแบบนี้ล่ะ!?
"ท่านพี่เรย์กะ ช่วยท่านพี่ด้วยนะครับ!"
อุก อย่าทำหน้าแบบนั้นซิจ้ะ
"นะครับ ท่านพี่เรย์กะ!"
ยูกิโนะคุงกุมหน้าอก ไอค่อกแค่กก่อนจะทรุดตัวลง
ยูกิโนะคุง!
พยาบาลที่อยู่ไม่ไกลรีบเข้ามาช่วยเหลือพายูกิโนะขึ้นเตียงพยาบาล
"สัญญากับผมนะครับท่านพี่เรย์กะ... ว่าจะพาท่านพี่ออกมา... ผมจะรอที่โรงพยาบาลนะครับ..."
ยูกิโนะยิ้มทั้งที่หน้าซีดเซียวกุมมือฉันแน่น หลังจากเกี่ยวก้อยสัญญาก็ขึ้นรถพยาบาลที่จอดรออยู่ข้างหลัง เปิดหวอเสียงดังแล้วขับจากไป
เหลือฉันคนเดียวที่หน้าโบสถ์
สิ่งที่ติดตัวฉันมาด้วยมีเพียงพัดดำออกศึกที่คาบุรากิคงฉกฉวยมาด้วยตอนที่ลักพาตัวฉันออกมาจากบริษัท
สถานการณ์บังคับกันชัด ๆ เลยค่ะ แต่ทุกคนพยายามขอร้องกันขนาดนี้จะให้นิ่งเฉยก็คงไม่ได้ แถมจากเรื่องราวที่ได้ฟังมาแล้ว ฉันเองก็ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้นักหรอกนะ
ฉันกางและหุบพัดในมือไปมา ทำใจให้สงบ ก่อนจะเชิดหน้าเดินเข้าไปข้างใน
✦✦✦
"ฉันขอคัดค้านค่ะ!"
ฉันกลายเป็นจุดสนใจจากทุกคนทันที ภายในโบสถ์มีแต่คนหน้าตาไม่คุ้นเคยทำสีหน้าประหลาดใจส่งเสียงฮือฮาออกมา อึก ทะลุกลางปล้องกลางงานชาวบ้านเขาแบบนี้ ฉันจะโดนสาปแช่งมั้ยน่ะคะ โอ้ พระเจ้าและบรรดาสาวกทั้งหลายที่อยู่ในโบสถ์ ได้โปรดเห็นแก่เจตนาของฉันด้วยเถอะค่ะ
ฉันก้าวเท้าไปตามทางเดิน ไปที่ส่วนหน้าของโบสถ์ที่จัดทำพิธี เอ็นโจและผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ด้วยกัน
"คุณคิโชวอิน...?"
เอ็นโจดูอิดโรยเหมือนพักผ่อนไม่เพียงพอ สีหน้าไร้อารมณ์ผิดไปจากทุกทีนั้น เบิกตากว้างอย่างแปลกใจ
"ท่านเอ็นโจคะ ฉันเป็นตัวแทนจากเพื่อนๆและคนสนิทของท่านเอ็นโจ ขอคัดค้านการแต่งงานนี้ค่ะ! การแต่งงานน่ะต้องเกิดจากความรักซิคะ ไม่ใช่เรื่องของธุรกิจหรือวงศ์ตระกูล ไม่ใช่การบังคับกัน ท่านเอ็นโจไม่คิดแบบนั้นเหรอคะ?"
"นี่เธอ!"
ผู้หญิงคนนั้นพยายามแทรกตัวเข้ามา ฉันสะบัดพัดในมือแล้วโบกไปที่ใบหน้าของเธอจนเธอเซถลาล้มลงไป "ฉันคุยกับท่านเอ็นโจอยู่ กรุณาอย่าสอดค่ะ!"
"ท่านเอ็นโจเองก็ไม่ได้สมัครใจเลยใช่มั้ยล่ะคะ?"
"... แล้วถ้าเป็นคุณคิโชวอินล่ะจะทำยังไง?"
"ฉันน่ะเหรอคะ? ... ถ้าเป็นฉัน ฉันยอมบวชซะยังดีกว่าแต่งกับคนที่ไม่ได้รักค่ะ!"
"งั้นเหรอ..."
เอ็นโจยิ้มจาง ๆ ท่าทางอย่างกะตุ๊กตาไร้เรี่ยวแรง เอาพัดตบหน้าเรียกสติสักทีดีมั้ยนะ?
"แน่นอนซิคะ ไม่อย่างนั้นเราจะต้องอยู่กับคนที่ไม่ได้รักไปตลอดชีวิตน่ะเหรอคะ ตกนรกทั้งเป็นชัด ๆ ! จะบอกว่าอยู่ไปเดี๋ยวก็รักกันเองน่ะเหรอคะ ไร้สาระ! นั่นก็เพราะว่านอกจากหย่าแล้วมันก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วไม่ใช่หรือไงกัน?
"ฉันได้ยินมาจากท่านไอระนะคะ ว่าท่านเอ็นโจน่ะ มีคนที่รักอยู่แล้ว แล้วจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้เหรอคะ? แล้วเธอคนนั้นล่ะ? อย่าทิ้งความสุขส่วนตัวไปเพราะความเห็นแก่ตัวของคนอื่นซิคะ!"
"แต่...เธอคนนั้นไม่สนใจผมเลย..."
"ระดับท่านเอ็นโจแล้ว ยังมีคนที่ไม่สนใจด้วยเหรอคะ!? เพราะอย่างนั้น...ก็เลยเลือกที่จะยอมรับการแต่งงานนี้ประชดชีวิตน่ะเหรอคะ? อะไรกันน่ะ นั่นไม่สมกับเป็นท่านเอ็นโจเลยนะคะ ให้ไปที่ผาโทจิมโบหรือน้ำตกเคเก็น เยียวยาใจอย่างท่านคาบุรากิยังจะดูดีกว่าอีกค่ะ!"
"... เรื่องมาซายะนั่น จ่ายค่าปิดปากไปแล้วนี่นา"
เอ็นโจแค่นหัวเราะออกมาในที่สุด สีหน้าค่อยกลับมาเป็นปกติแล้ว
"ที่เธอคนนั้นไม่สนใจท่านเอ็นโจ เพราะเธอมีคนรักอยู่แล้วรึเปล่าคะ? ถ้าไม่ใช่นั่นก็ยังมีความหวังอยู่ไม่ใช่หรือไง โอกาสมากน้อยแค่ไหน แต่ก็ยังไม่ใช่ศูนย์นะคะ ลองสารภาพรักกับเธอซิคะ ลองจีบเธออีกครั้งซิ เขาว่าน้ำหยดลงหินทุกวัน หินยังกร่อน สักวันเธอย่อมต้องใจอ่อน และจะต้องสมหวังได้แน่ ๆ ค่ะ! แต่ถ้าท่านเอ็นโจตัดสินใจแต่งงานการเมืองแบบนี้ ทุกอย่างก็เป็นศูนย์ไปเลยนะคะ!"
เอ็นโจจ้องมองมาที่ฉันไม่ได้พูดอะไรอีก ฉันสอดส่ายสายตาไปรอบ ๆ เห็นผู้หญิงคนนั้นทำสีหน้าเครียดแค้น ตบมือเรียกคนของเธอออกมา ที่ที่นั่งรับรองแขก ชายในชุดสูท สวมแว่นสีดำหลายคนเริ่มลุกและเดินเข้ามา
"ท่านเอ็นโจ ทุก ๆ คนรออยู่นะคะ!"
"..."
อย่ามัวแต่นิ่งทึมทื่ออย่างงั้นซิยะ ถ้าคนพวกนั้นเข้ามาถึงตัว สิ่งที่ฉันทำมาทั้งหมดจะสูญเปล่านะ!
"ไปกับฉันนะคะ!"
ฉันยื่นมือให้ เอ็นโจจ้องมองแป็ปนึงก่อนจะวางมือลงมา
"ชู!"
ผู้หญิงในชุดเจ้าสาวคนนั้นตะโกนเรียก เกาะแขนอีกข้างของเอ็นโจไว้ ฉันเลยเอาพัดฟาดใส่มือนั้นเต็มแรง แล้วฉุดกระชากเอ็นโจด้วยเรื่ยวแรงทั้งหมดที่มีออกมา แล้วเราก็วิ่งไปด้วยกันตามทางเดินตรงกลางโบสถ์
ฉันใส่กระโปรงตัวยาวกับรองเท้าส้นสูง ทำให้วิ่งไปอย่างยากลำบาก ชายชุดสูทสีดำเหล่านั้นเริ่มขนาบเข้ามา พอใกล้ถึงประตูก็มีอีกสองคนที่พุ่งตัวเข้ามา ฉันเกือบจะล้มลง เป็นเอ็นโจที่คว้าและช้อนตัวฉันขึ้นมาด้วยมือทั้งสองข้างวิ่งฝ่าชายสองคนนั้นออกไปจากโบสถ์
ถ้าเป็นเวลาปกติ ฉันคงรีบขอให้เอ็นโจปล่อยฉันลงไปแล้ว แต่พอมองย้อนกลับไปเห็นผู้คนเป็นสิบที่วิ่งไล่หลังตามมา ต่อให้ฉันสามารถวิ่งลงสนามโฮโนลูลูได้ แต่เรื่องความเร็วละก็คงจะไม่ไหวหรอกนะ แม้เอ็นโจจะแบกร่างฉันไว้ แต่ความเร็วก็แทบไม่ได้ลดลงสักนิด สมกับเป็นมือหนึ่งในการวิ่งแข่งในงานกีฬาโรงเรียน
"คุณคิโชวอิน"
"คะ?"
"ที่พูดเมื่อกี้... มันจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ?"
หืม? หมายถึงอันไหนนะคะ ฉันพูดออกไปตั้งเยอะเลยนะ
"ที่ว่าผมยังมีความหวัง?"
"แน่นอนซิคะ! อย่างน้อยก็ไม่ใช่ศูนย์หรอกค่ะ นอกซะจากเธอคนนั้นมีคนที่หมายปองอยู่แล้วล่ะนะ"
"ผม...ควรจะ... สารภาพ?"
"แน่นอนค่ะ ถ้าไม่พูดออกไปอีกฝ่ายก็ไม่มีทางรู้หรอก แถมถ้าเป็นท่านเอ็นโจล่ะก็ต่อให้เธอไม่สนใจ ก็ต้องมีหวั่นไหวบ้างแน่ ๆ ล่ะค่ะ"
เลิกพูดไร้สาระสักทีเถอะน่า! นี่จะถูกตามจับได้อยู่แล้วนะ!
ชายชุดดำบางคนพุ่งตัวเข้ามา แต่เอ็นโจก็หลบได้อย่างสวยงามราวกับมีตาหลัง
"ฟังดูมีประสบการณ์จังน้า"
"หึ ฉันน่ะเป็นที่ปรึกษาปัญหาหัวใจให้กับหัวหน้าห้อง อิวามุโระคุง และท่านคาบุรากิเชียวนะคะ อาคิสาวะคุงกับซากุระจังเองก็เป็นเพราะฉันหรอกนะคะถึงเข้าใจกันได้น่ะ"
ไม่อยากจะคุยหรอกค่ะ แต่ทุกคนน่ะสมหวังดั่งใจเชียวล่ะ แหม ก็ฉันน่ะเป็นคิวปิดผู้เก่งกาจนี่นา
"แต่นั่นมันไม่ใช่ประสบการณ์ส่วนตัวเลยนี่นา"
... เงียบไปเลยนะ! อย่าพูดแบบนั้นเชียว ฉันเองก็ไม่ได้อยากให้มันกลายเป็นแบบนี้สักหน่อย! มันไม่ใช่ความผิดของฉันเลยนะที่ต้องมาเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านคานทองเนี่ย! จะให้ทำยังไงล่ะยะ!
เอ็นโจยิ้มกว้างแล้วหัวเราะออกมา หน้าตาดูสดใสต่างจากตอนอยู่ในโบสถ์มากโข
ทางข้างหน้าเป็นประตูรั้วของโบสถ์ออกไปสู่ถนนใหญ่แล้ว รถยนต์สีดำติดฟิล์มดำหลายคันแล่นเข้ามาจอดเสียงลั่นดังเอี๊ยด จากนั้นชายในชุดสูทสีดำอีกหลายคนก็ลงมาจากรถ
อ๊าาา ไม่นะ จนมุมแล้วงั้นเหรอ!?
"คุณคิโชวอิน"
"คะ?"
ยังจะพูดอะไรอีกน่ะห๊ะ! ดูข้างหน้านั่นซิ!
นี่ความพยายามทั้งหมดของฉันสูญเปล่างั้นเหรอ?
ถ้าถูกจับได้ ฉันไม่ถูกตราหน้าเป็นยัยนางร้ายที่ล่มงานแต่งงานคนอื่นหรอกเหรอคะ หมดกันอนาคตของฉัน แล้วไหนจะคนอื่นๆที่ฝากความหวังไว้กับฉันอีก ทั้งที่เกี่ยวก้อยสัญญากับยูกิโนะคุงไว้แล้วแท้ ๆ คาบุรากิจะต้องโกรธมากพอที่จะทำให้ตระกูลคิโชวอินล่มสลายในคืนเดียวแน่ ไม่น้าาาา
แต่เอ็นโจยังคงวิ่งตรงต่อไป จากนั้นก็มีรถยนต์เปิดประทุนคันหนึ่งขับมาจอดเทียบท่าตรงที่ว่างที่เว้นไว้อย่างพอดิบพอดี เห็นคาบุรากินั่งอยู่ที่นั่งคนขับชี้นิ้วสั่งชายชุดดำเหล่านั้น พวกเขาทำก้มความเคารพ ก่อนที่จะวิ่งสวนทางกับพวกเรา ไปจัดการขวางพวกที่ตามหลังเรามา
"ผมรักคุณ"
ที่แท้ก็เป็นคนของบ้านคาบุรากินี่เอง ถ้าอย่างนั้นฉันก็รอดแล้วซินะคะ ค่อยยังชั่ว ...
...
..
.
เอ๊ะ?
เมื่อกี้ว่ายังไงนะคะ?
ชายคนหนึ่งเปิดประตูรถให้ เอ็นโจพาฉันขึ้นนั่งที่เบาะหลัง ขณะเดียวกันคาบุรากิก็สตาร์ทรถขับแล่นฉิวออกไปจากโบสถ์นั้นอย่างรวดเร็วไม่เห็นฝุ่น
หัวสมองของฉันว่างเปล่านึกอะไรไม่ออกสักอย่าง ยิ่งเอ็นโจจ้องหน้าฉันด้วยสายตาและรอยยิ้มแปลกๆไม่วางตา ก็รู้สึกกลวงโบ๋ราวกับวิญญาณหลุดไปในอากาศ
"ทำได้ดีนี่ คิโชวอิน!"
เพราะเป็นรถเปิดประทุน คาบุรากิเลยต้องตะโกนมาจากที่นั่งคนขับ วิญญาณของฉันจึงย้อนกลับเข้าร่าง
"...ค ค่ะ! ...เป็นเพราะท่านคาบุรากิมาทันเวลาพอดีด้วยน่ะค่ะ!"
พอสติกลับมา ฉันจึงรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนตักของเอ็นโจ อ๊ะ เอ๋ แย่ล่ะ ฉันรีบหันไปเพื่อที่จะขอขยับตัวลงมานั่งเบาะ แต่กลับพบว่าเอ็นโจกำลังทำบางอย่างกลับมือขวาของฉัน
"ทำอะไรน่ะคะ!!!!"
แหวนเพชรสีเงินวงเล็กถูกสวมเข้ามาที่นิ้วนาง พอจะกระชากมือออกมา เอ็นโจก็คว้าหมับไว้แน่น
"ก็งานแต่งยกเลิกแล้ว แหวนนี่ก็คงไม่ได้ใช้แล้วนี่นา ฝากคุณคิโชวอินไว้ก่อนแล้วกัน ... ไว้ค่อยวงหาที่เหมาะกับคุณคิโชวอินกว่านี้ให้นะ"
อ อะไรกันคะ!!? วงที่เหมาะ!? หมายความว่ายังไงกันน่ะคะ!?
"คุณคิโชวอินมาทำงานแต่งของผมล่ม ก็ต้องรับผิดชอบซิครับ"
รับผิดชอบอะไรกัน!? นี่ฉันเข้าไปช่วยนายออกมานะยะ!?
เอ็นโจหัวเราะเล็กน้อย ใช้มือจับกระชับที่เอวของฉันไว้จนไม่สามารถขยับหนีได้ มืออีกข้างก็ยกขึ้นมาปัดเส้นผมที่ปกหน้าฉันออก ใบหน้าของเขาค่อยๆขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น รอยยิ้มนั้นดูกรุ่มกริ่มแปลกประหลาด ประกายในดวงตาคู่นั้น ทำให้ใบหน้าฉันร้อนวูบ ตัวค้างแข็งเกร็งไปทั้งตัว กระทั่งจะหลบสายตานั้นยังไม่สามารถทำได้
"คุณคิโชวอิน...ที่ผมสารภาพก่อนขึ้นรถเนี่ย ได้ยินรึเปล่านะ?..."
ฉันเบิกตากว้าง ในใจปฏิเสธเต็มที่ว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น เอ็นโจหัวเราะเบาๆ ใบหน้านั้นใกล้เข้ามาจนจมูกของเราแทบจะชนกันอยู่แล้ว
"น้ำหยดลงหินทุกวัน หินยังกร่อน...ซินะ?"
น้ำเสียงนุ่มนวลนั้นเบาจนแทบจะเป็นเสียงกระซิบ แต่ฉันกลับได้ยินมันอย่างชัดเจน ฉันรู้สึกราวกับวิญญาณจะหลุดออกจากร่างอีกครั้ง รอมร่อจะเป็นลมอยู่แล้ว
"เฮ้ๆๆ! ชูสุเกะ! ฉันยังอยู่ตรงนี้ทั้งคนนะ! ให้มันน้อยๆหน่อย!"
"...เป็นคนขับรถ ก็มองทางข้างหน้าไปเถอะน่า"
"..."
คาบุรากิไม่ได้ตอบกลับอะไร แต่เร่งรถเร็วขึ้นกว่าเดิม แถมยังบีบแตรติดต่อกันสองสามที น่าจะกำลังหาที่ระบายอารมณ์ ความเร็วของรถนั้นทำเอาผมของฉันพริ้วกระเซอะกระเซิงฟาดใส่หน้าเอ็นโจ ฉันสบโอกาสได้สติอีกครั้งก็รีบผลักตัวของเขาออกไปให้ห่างๆ แต่ก็ยังไม่สามารถลงจากตักได้อยู่ดี
"เอ่อ นี่เราจะไปที่ไหนกันงั้นเหรอคะ?"
"โรงพยาบาล!"
คาบุรากิตะโกนกลับมา พอฉันขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ็นโจก็ขยายความให้ฟัง
"ไปเยี่ยมยูกิโนะที่โรงพยาบาลไง ... สัญญากันไว้แล้วนี่"
อ้อ นั่นซินะคะ สัญญากับยูกิโนะคุงไว้แล้วนี่นา ว่าจะพาตัวพี่ชายไปเยี่ยมที่ให้...ได้... น่ะ ... เอ๊ะ?
"ท ทำไม...?"
ทำไมเอ็นโจถึงรู้เรื่องสัญญาล่ะ!?
เอ็นโจจ้องมองฉันค่อยๆฉีกรอยยิ้มสว่างไสวที่ฉันรู้สึกว่ามันดำมืดและหนาบเหน็บที่สุด จนต้องกลืนคำถามกลับไป เอ็นโจคว้ามือของฉันไปแนบสัมผัสกับใบหน้าของตัวเอง จ้องมองที่ฉันไม่วางตา
"ขอบคุณที่มาช่วยผมนะครับ ...เรย์กะ"
แม้จะสงสัยแค่ไหน แต่ฉันเป็นก็ขี้ขลาดเกินกว่าจะรับฟังคำตอบจากปากของเขา
ฉันไม่อยากรู้หรอกว่าตัวเองติดกับดักหลุมเบ้อเร้อนี้ตั้งแต่ตอนไหนกันน่ะ
-----------------------
จอบอ จบ ♪♫
แต่งฟิคนี้แล้วเหนื่อยจัง ทำไมท่านเรย์กะขี้โวยวาย เปลืองอัศเจรีย์ขนาดนี้วะ... อ่านในใจเองยังเหนื่อยแทน...
ทำไมมันน่าวาดแฟนอาร์ตไปหมดเลยวะ ฟิคนี้ก็อยากวาด ฟิคนู้นก็อยากวาด โมเมนท์เทียนหอมอฟช.ก็อยากวาด กูมือสั่นกึกๆละะะะะะ
อยากช่วยพายเรือจังเลย แต่งานแม่งเยอะชิบหาย ฮือ พวกมึงเอาตุ่ยน้อยเรย์กะกับหมาป่าเจ้าเล่ห์เอ็นโจไปก่อนละกันนะ TT
http://imgur.com/L8OkLq6
>>780-782 ยูกิโนะคูงงงงงงงงงงงง เล่นใหญ่มากค่าาาาาาาาา เอาออสการ์ ลูกโลกทองคำ รางวัลอะไรก็เอาไปให้หมดเลยค่ะ ท่านพี่จ้างด้วยอะไรคะ แถมจ้างร้อยเล่นล้านเกินค่าตัวอีกต่างหาก ทุกอย่างคือแผนที่เซ็ตไว้ใช่มั้ยคะ แล้วใช้คุณชายคาบุรากิเป็นคนขับรถได้ ถ้าไม่ใช่จอมมารเอ็นโจก็คงไม่มีใครกล้าทำแล้ว
กรี๊ดดดดดดดดดดด ในที่สุดกุก็เจอที่เม้าส์ กุอัดอั้นมาก
อ่านนิยายเรื่องนี้แล้วเหมือนโดนคำสาป กุหัวร้อน กุค้าง แต่กุก็เลิกอ่านไม่ได้ T T
ปล.ในโม่งมีคนแต่งนิยายเรื่อง ทายทัก รักอลเวงอยู่ไหม
ถ้าอยู่ได้โปรดมาแจ้งข่าวหนังสือที ค้างมาก ไม่พิมพ์ ก็ออกอีบุ๊คเถอะ
(เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจากท่านเรย์กะ ไรเตอร์ติดนิยายเรื่องนี้เหมือนกัน)
>>785 วั้ยยย น้องตุ่ยยยย น่าร้ากกกกก
>>788 กุแต่งเองก็ยังไม่แน่ใจเรื่องแผนการของท่านเอ็นโจเลยค่ะ ดีไม่ดีงานแต่งนี่ก็จัดฉาก--- //แค่กๆๆๆ
>>789 ถ้ากูเข้าใจไม่ผิดต้องเป็น url ของภาพเลยอะ ไม่ใช่จากหน้าเว็บ ถ้ามี.jpg .png ไรงี้น่าจะขึ้นภาพตัวอย่างแน่ๆ
>>790 ท่านพี่จ้างด้วยตำแหน่งฮะ ตำแหน่งน้องเขยของท่านพี่เรย์กะ //แค่กๆๆ
กูฮาโม่งซุยรันแต่ละคน คนที่อ่านเรื่องนี้แม่งเหมือนอัดอั้นกันทุกคนอะ คนเปิดประเด็นเมื่อไหร่มีอันได้เมาท์แตก55555
ฮิโยโกะซามะนี่จะว่าเก่งหรือซาดิสม์ดีที่ทำให้แฟนๆเรื่องนี้แต่ละคนเหมือนคนอดอยากโหยหาของประทังชีวิตกันได้ขนาดนี้ กูล่ะสงสัย5555
>>780-782 ขอร้องโหยหวนแปบ //ฮว้ากกกกกกกกกกกกกกกก
แต่ขอค้านนิดได้มั้ย กุว่าเรย์กะน่าจะใช้คาแร็คเตอร์ราชินีแอบซาดิสต์ แผ่ออร่าให้คนอื่นๆ หนาวสั่น แล้วค่อยยื่นมือ/กระดิกนิ้ว 'สั่ง/เรียก' เอ็นโจมาเป็นข้ารองตีนประคองนางออกไปแบบเริดเชิดหยิ่งมากกว่าอ่ะ
ตะ ตะ ตะ แบบที่เขียนมาก็ไม่เลวนะ ฟุ! //จิ้นไม่ถูก มโนไม่ทันใจ
เอารีไรท์ได้นะ กูก็อยากอ่านโหมดนั้น 5555
ลงตอนใหม่ล่ะน้า~ ตอนนี้พออ่านแบบติดฟิลเตอร์แล้ว กูแอบเห็นกัปตันยูกิโนะคุงทำหน้า จิ๊! ผิดแผน! ใส่คาบุรากิขึ้นมาเลยว่ะ เขาจะใช้เข้าคู่สวีทๆ กันสองคน คาบุรากิทำเสียเรื่องหมด หลายรอบแล้วนะเอ็งหนิ เซ็ง
ป.ล. กราบขอโทษเรื่องคุณซาซาจิมะอีกรอบ 55555 ขออภัย กูทำผิดเพศอย่างแรง //เขิน// อย่าลืมปรับเซ็ทติ้งใหม่นะ
แต้งกิ้วโม่งแปลลล
น่าสงสารทานุกิจริงๆ
ว่าแต่คุณซาซาจิมะหล่อม่ะ
จากตอนล่าสุด ในที่สุดปริศนาก็เฉลยแล้วว่าพรสวรรค์งานฝีมือของเรย์กะได้รับสืบทอดมาจากใคร //แอบสมน้ำหน้าทานุกิจริงๆ
คุณซาซาจิม่า mvp!
เดชชิชอบริรินะจริงๆด้วย ฮาๆๆๆๆๆๆ กูฟิน นายจองตำแหน่งว่าที่ภรรยาของริรินะได้แล้วล่ะ ส่วนคาบุรากิน่าจะโดนรุมประชาทัณฑ์จากสองพี่น้องเอ็นโจในภายหลัง เนื่องจากทำแผนล่ม แบรนด์นั้นควรส่งของขวัญมาขอบคุณคาบุรากิที่ช่วยกระตุ้นยอดขายด้วยนะ
นายมินามิ เอ๊ย เดชชิ นายเป็นพวกชอบโดนข่มเหงสินะ สินะ สินะ
และแล้วก็ไปอยู่รูทของริรินะตามที่เหล่าโม่งเชียร์ (ฮา)
แล้วเมื่อไหร่ความรักท่านเรย์กะกับเจ้าแม่จะคืบหน้าเสียที
ตาบ้าคาบุรากิก็มาทำเสียอีก คาบุรากินายมันบ้า !!
เรือของนายมันล่มไปแล้ว อย่ามาทำเป็นออกตัวหึงหวงท่านเอนโจใส่ท่านเรย์กะนะ !!
จงใจอวดใช่มั๊ยว่าถึงท่านเรย์กะจะใช้ผ้าขนหนูยี่ห้อเดียวกัน แต่นายได้ใช้ผืนเดียวกันด้ว-- แค่กๆ
>>802 กราบขอบพระคุณอีกครั้งที่ทำให้เช้าวันนี้ของกูสดใส กระชุ่มกระชวยใจ พร้อมไปปั่นงานต่อ
โอเค คุณซาซาจิมะ เป็นผู้ชาย (มีลูกเมียแล้วด้วย) คุณซาซาจิมะ เป็นผู้ชาย (มีลูกเมียแล้วด้วย) คุณซาซาจิมะ เป็นผู้ชาย (มีลูกเมียแล้วด้วย) คุณซาซาจิมะ เป็นผู้ชาย (มีลูกเมียแล้วด้วย) คุณซาซาจิมะ เป็นผู้ชาย (มีลูกเมียแล้วด้วย) คุณซาซาจิมะ เป็นผู้ชาย (มีลูกเมียแล้วด้วย) คุณซาซาจิมะ เป็นผู้ชาย (มีลูกเมียแล้วด้วย) คุณซาซาจิมะ เป็นผู้ชาย (มีลูกเมียแล้วด้วย) คุณซาซาจิมะ เป็นผู้ชาย (มีลูกเมียแล้วด้วย) OTL
ริรินะนึ่ป๊อปจริงๆ เมื่อไหร่จะถึงวันท่านเรย์กะบ้างนะะะ มิไดโดโคโระนี่จะมีโอกาสได้เป็นมั้ย ถถถ
คาบุรากิแม่งแย่ที่สุด ทำข่าวลือผ้าขนหนูคู่หายวับในพริบตาเดียว ไปโค่นเสาไม้ที่ดวงจันทร์แทนท่านพ่อเลยไป๊!
ดีอ่ะมึง ขอบคุณนิยายภาคพาราเรล ภาพแฟนอาร์ต ขอบคุณโม่งแปล กูปลื้มปริ่มสุด แม่งเอ๊ยยย น่ารัก กูตั้งตารอพวกมึงทุกวันเลยนะเว้ย
คาบุรากิ! ถึงพวกเราชาวโม่งจะรู้อยู่แก่ใจว่าในหัวสมองของนายมันกลวงโบ๋ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น แต่ความกลวงของนายเนี่ยมันทำให้เพื่อนเดือดร้อนนะเฟ้ยยยย ทำไม! หรือที่จริงนายหึงเอ็นโจเพื่อนรักสินะสิน--- //โดนตบ
แต่กูก็ฟินอยู่ดี ยิ่งพอมาอ่านตอนนี้ยิ่งแน่ใจเลยว่ายูกิโนะแม่งจงใจจับคู่ชัดๆ บันซายยย บันซายยยย
กูว่าต้องมีคนมโนคาบุกิกับเอ็นโจชอบท่านเรย์กะ แบบนี้ "อ๊าาา ท่านคาบุกิรู้สึกอิจฉาที่ท่านเรย์กะกับท่านเอ็นโจมีผ้าขนหนูแบบเดียวกันสินะคะ? เลยซื้อมาให้เหมือนกัน ท่านเรย์กะเนี่ยช่างเสน่ห์แรงเสียเหลือเกิน"
ส่วนยูกิโนะดูตอนนี้แล้วรู้เลยว่าโครตชงจนแก้วจะแตกแล้วเนี่ย
กูชักเริ่มคิดจริงจังละ ไอ้เรื่องที่เคยพูดเล่นกันเมนท์บนๆว่ายูกิโนะจริงๆต้องเป็นชูสุเกะ ดูจากสีผมและนิสัย แต่เพราะเกิดทีหลังเลยได้ชื่อยูกิโนะไป ส่วนชูสุเกะในตอนนี้เป็นเนื้อคู่ของเรย์กะเมื่อชาติก่อน ตายก่อนเรย์กะมาเกิดในโลกคิมิดอลล่วงหน้า
ยูกิโนะดูชงท่านพี่กับเรย์กะมากจริงๆ แบบเดียวกับที่เอ็นโจชงคาบุรากิและวาคาบะในคิมิดอลเลย
ขอบคุณโม่งแปลมากนะมึง เป็นเช้าที่สดใสจริงๆ อยากเห็นคาบุรากิโดนเอ็นโจกับยูกิโนะรุมโทษฐานที่ทำเสียเรื่อง
"ชอบผ้าขนหนูหรอมาซายะ?" พร้อมรอยยิ้มอันเจิดจ้า
ไม่แน่......มันอาจมีพลังงานบางอย่าง.........ก็เป็นได้!!!
เห็น>>815 กุเริ่มมโนละ แต่เป็นท่านเอ็นโจ ชูสุเกะที่ล่วงรู้อนาคตนะ แบบทำนองว่ารู้ว่า เรย์กะมันต้องร้ายยยยชอบคาบุ วิ่งเข้าใส่ไรงี้ พอมาเจอเรย์กะทำตัวบ้าๆบอๆ เดี๋ยวก็หนีราวกับเห็นท่านจอมมาร กับคาบุเป็นเชื้อโรค ก็เริ่มสนใจเลยแอบตามส่อง ส่องไปส่องมา ก็รักเค้าสะงั้น จากนั้นท่านเอ็นโจก็กลายร่างเป็นจอมมารรรรรรเต็มตัว
#นี่มันพล็อตนิยายน้ำเน่าชัดๆ แต่นึกตามแล้วเขินนนน อ๋ายยยยยยยยยยยยยยยยยกรี๊ดดดดดดด
สูดกาววววววว ซู๊ดดดดดดดดดด
แว่บมาลงฟิคหน่อย ฟิคเอ็นโจเรย์กะเวอร์ชั่น after story ของ Kimi Dolce
ใช้มุมมองเอ็นโจกับเรย์กะสลับกันไปคนละตอน เขียนไม่ดีขออภัยด้วยนะ กูมือใหม่หัดเขียน
.
.
ผ่านมาได้แปดเดือนหลังจากที่คาบุรากิ มาซายะประกาศหมั้นกับทาคามิจิ วาคาบะ ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยความราบลื่นเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่มีขวากหนามใดๆมารบกวนให้ระคายเคืองใจ ทุกสิ่งเต็มไปด้วยความยินดีและสุขสมหวัง
ตัวร้ายถูกกำจัดไปแล้ว ด้วยฝีมือของคาบุรากิ มาซายะที่ปกป้องคนรักของเขา ปกป้องวาคาบะจากผู้หญิงร้ายกาจที่ชื่อคิโชวอิน เรย์กะคนนั้น
คิโชวอิน เรย์กะใช้อุบายสกปรกมากมายใส่ร้ายคุณวาคาบะ บีบบังคับให้มาซายะเข้าพิธีหมั้นกับเธอ แต่ทุกอย่างผิดแผนเมื่อมาซายะเปิดโปงการทุจริตของที่บ้านคิโชวอิน จากคุณหนูผู้หยิ่งผยองบนชั้นฟ้าก็ถูกลากลงมาคลุกดินโคลนเสียเอง เหมือนกับคนที่เธอเคยกระทำไว้
วันจบการศึกษา ไร้เงาของคิโชวอิน เรย์กะ อันที่จริงเธอไม่มาโรงเรียนอีกเลยนับจากวันนั้น วันที่เป็นการล่มสลายของครอบครัวเธออย่างแท้จริง และในเมื่อขาดเรียนไปนานขนาดนั้นก็จะต้องถูกไล่ออกจากโรงเรียนตามกฎ ทุกคนต่างก็พูดว่าดีแล้ว สมน้ำหน้า ตัวร้ายก็ได้รับผลกรรมในตอนจบเหมือนในนิทาน
ทั้งที่เป็นเรื่องน่ายินดี แต่กลับรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ก่อกวนใจไม่หยุด
.
.
.
ผมเคาะนิ้วกับพวงมาลัยระหว่างรอรถติดไฟแดงในกลางดึกคืนหนึ่ง ครุ่นคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย สายตาก็เหลือบไปเห็นเงาร่างหนึ่งเดินโซซัดโซเซอยู่ตรงฟุตบาท และคงจะผ่านเลยไปถ้าไม่ได้เห็นใบหน้าของร่างนั้นเสียก่อน
คิโชวอิน เรย์กะนั่นเอง
เป็นครั้งแรกที่ผมได้เจอเธออีกครั้งในรอบแปดเดือน คิโชวอิน เรย์กะดูไม่เปลี่ยนไปเท่าไหร่ ถ้าไม่นับท่าเดินที่โซซัดโซเซนั่น ผมก็ยังม้วนเป็นเกลียวเหมือนเดิม ใบหน้าก็ยังเชิดขึ้นอย่างหยิ่งผยอง ขณะเดินหายลับเข้าไปในสวนสาธารณะใกล้ๆ
มืดขนาดนั้น มันอันตรายนะ
ถึงจะไม่ชอบหน้าแค่ไหน แต่จะให้มาอ่านข่าวว่ามีผู้หญิงถูกฆ่าในสวนสาธารณะบนพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์ฉบับรุ่งเช้านี่ก็ออกจะเกินไปหน่อย ผมครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็หักเลี้ยวรถตามเข้าไปในสวนสาธารณะนั้น ที่จอดรถอยู่ใกล้ๆ น่าจะพอตามเธอไปได้ทัน
มองหาคิโชวอิน เรย์กะอยู่ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงเอียดอ๊าดดังขึ้น เจอตัวเธอได้ไม่ยากเลยเพราะนั่งอยู่บนชิงช้า แกว่งไกวตัวเองไปมาแล้วร้องเพลง
เสียงของเธอสะท้อนกังวานไปทั่วสวนสาธารณะที่เงียบสงบ พอได้ยินเสียงฝีเท้าของผมที่เดินเข้าไปหา เธอก็หยุดร้องแล้วหันขวับมาทางผม เห็นสีหน้าที่ดูโล่งใจเล็กน้อยของเธอปรากฎขึ้นมาแว้บหนึ่งแล้วจางหายไป
อ๋อ เลิกทำเป็นเก่งก็ได้นี่นา
“นึกว่าใคร ที่แท้ก็ท่านเอ็นโจนี่เอง” คิโชวอิน เรย์กะทำเสียงเยาะๆ “ไม่ได้พบกันเสียนาน องค์ชายเสด็จมาทำอะไรที่นี่ล่ะเพคะ ถ้าจะมาฟังเพลงก็จ่ายเงินมาด้วย ไม่ได้ให้ฟังฟรีหรอกนะ”
“ร้องห่วยขนาดนั้นใครจะไปจ่าย” ผมกอดอก ยืนจ้องมอง “ฟังไม่รู้เรื่องซักนิดว่าร้องเพลงอะไร”
“On my own จาก Les Miserable ไงค้า ไม่รู้จักเหรอ” เธอลากเสียงยาวๆ ฟังดูน่ารังเกียจเสียจริง “คุณคงต้องหัดไปดูละครเวทีเยอะๆบ้างนะ”
“งั้นเหรอ”
“คนที่ร้านที่ฉันไปสมัครงานน่ะ เขาชมว่าฉันน่ะร้องเพลงเพราะด้วยกันทั้งนั้น” เธอมองผมด้วยหางตาแล้วแย้มรอยยิ้มเหยียดหยาม “แต่ฉันเข้าใจค่ะ ว่าคุณคงหยาบกระด้างเกินกว่าจะรู้สึกถึงศิลปะ”
“อ้อ หางานทำงั้นรึ” ผมเหยียดยิ้มตอบกลับไปบ้าง “ไม่นึกเลยว่าจะได้ยินคำนี้จากปากของคุณด้วย คุณคิโชวอิน”
“ก็ฉันไม่ได้ร่ำรวยแล้วนี่คะ ไม่เหมือนลูกคนรวยแถวๆนี้หรอกนะ วันๆไม่ต้องทำอะไรก็มีกินมีใช้”
จะพูดกับคิโชวอิน เรย์กะต้องใช้ความอดทนอย่างมากที่จะไม่หงุดหงิดจนอยากจับหัวเธอกระแทกผนังสักที แม้ตกต่ำขนาดไหนก็ยังเป็นผู้หญิงที่น่ารำคาญไม่มีเปลี่ยน
“งานอะไรล่ะ เผื่อผมอาจจะตามไปสมน้ำหน้าถึงที่”
คิโชวอิน เรย์กะหัวเราะคิกคักด้วยเสียงแหลมสูงที่ฟังแล้วเหมือนแกล้งทำมากกว่าจะเป็นเสียงหัวเราะจริงๆ
“งานเกอิชาค่า” เธอสะบัดผมตัวเองไปมา แหวกเสื้อตัวเองข้างหนึ่งให้เห็นไหล่ที่เปลือยเปล่า “สนใจมาเป็นลูกค้ารึเปล่าล่ะคะ ท่านเอ็นโจ”
ผมนึกโกรธเธอขึ้นมาทันที “เลิกทำตัวไร้ยางอายแบบนี้ได้แล้ว”
“ถ้ามียางอายแล้วต้องอดตายล่ะก็ ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะคะ” คิโชวอิน เรย์กะลอยหน้าลอยตาตอบ ดูน่าหมั่นไส้เป็นที่สุด “จริงๆก็มีงานเด็กนั่งดริงค์ด้วยนะคะ แต่ยังไม่ได้เริ่มทำเลย”
“คุณคิโชวอิน”
“ฉันน่ะรำนาฏศิลป์ญี่ปุ่นได้ เล่นดนตรี ร้องเพลงก็ ชงชา จัดดอกไม้ก็ทำได้หมด แถมยังสวย อายุสิบแปดแล้วด้วย คุณสมบัติครบขนาดนี้จะไปหาจากไหนได้อีกล่ะค้า” เธอลุกขึ้นยืน ถอดรองเท้าส้นสูงที่ดูถลอกปอกเปิดออก หยิบพัดสีม่วงแดงขึ้นมาจากกระเป๋าสะพาย “ไม่เชื่อเดี๋ยวรำให้ดูก็ได้นะ”
คิโชวอิน เรย์กะกางพัดออกแล้วเริ่มต้นตั้งท่าร่ายรำ ทุกอย่างอ่อนช้อยอ่อนหวานตามแบบของผู้ที่ได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี ผมนั่งลงบนชิงช้าตัวที่ใกล้ที่สุดมองดูกริยาพิลึกพิลั่น
เอ้า อยากทำอะไรก็ทำไปเลย
“แต่ฉันชอบบัลเล่ต์ที่สุดเลย ชอบกว่านาฏศิลป์นี่อีก” เธอหัวเราะคิกคักแล้วเริ่มฮัมเพลงเป็นทำนองของเจ้าหญิงหงส์ขาวในทะเลสาบ เปลี่ยนท่ารำของนาฎศิลป์ญี่ปุ่นมาเป็นบัลเล่ต์ ยืนบนปลายเท้าแล้วก้าวขาออกกระโดด แต่ก็เสียจังหวะล้มลงเมื่อพยายามยืนด้วยปลายเท้าอีกรอบ
ผมไม่ได้เข้าไปประคองเธอ ทำเพียงแค่นั่งดูเงียบๆ
“ใจจืดใจดำยิ่งกว่าที่ฉันคิดอีกนะ ท่านเอ็นโจ” คุณคิโชวอินเงยหน้าขึ้นมาหลังจากก้มอยู่นาน คราวแรกผมคิดว่าเธอคงจะร้องไห้ แต่คงคาดเดาความหยิ่งทระนงของเธอต่ำไปหน่อย เธอลูบๆคลำๆตรงบริเวณที่ล้ม “อา ค่อยยังชั่วที่ไม่เป็นแผล”
เธอลุกขึ้นมายืนด้วยขาของตัวเอง เดินเซๆมาที่ชิงช้าตัวที่นั่งในตอนต้น ผมได้กลิ่นเหล้าโชยมาจากตัวเธอด้วย
“นี่คุณดื่มมาเหรอ”
“ก็เป็นเกอิชาก็ต้องนั่งดื่มกับแขกด้วย ฉันก็เลยฝึกไว้บ้าง” ผมเพิ่งเห็นว่าข้างตัวเธอมีกระป๋องเบียร์วางอยู่ด้วย “ฉันอายุสิบแปดแล้ว ไม่เป็นไรหรอก เรื่องแค่นี้ใครๆเขาก็ทำกัน”
“คุณนี่บ้ารึเปล่า” ผมตวาดเธอไป แต่ดูเหมือนเธอจะไม่รู้สึกรู้สา “เป็นผู้หญิงเที่ยวดื่มเหล้าแล้วกลับดึกๆดื่นๆ ทำไมต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงขนาดนั้น แล้วอาชีพอื่นๆก็มีตั้งเยอะแยะ ทำไมไม่ไปทำ”
“ไม่บ้าหรอก ฉันเอาจริง” คุณคิโชวอินหยิบเบียร์ขึ้่นมาดื่มต่อ “เป็นเกอิชาก็ดีไม่ใช่เหรอ เงินดี มีบ้านให้อยู่ มีข้าวให้กิน แค่ร้องเพลง รำ แล้วก็ทำให้ผู้ชายพอใจ ไม่แน่อาจจะได้เจอคนรวยๆที่ทำให้ชีวิตฉันเลิกเฮงซวยซักที เบื่อที่จะต้องอยู่ห้องรูหนูแบบนั้นจะแย่อยู่แล้ว บางทีก็อาจจะได้เจอคนที่สามารถทำให้คาบุรากิ มาซายะล่มจมด้วยก็ได้”
“คิโชวอิน เรย์กะ”
“ฉันจำชื่อตัวเองได้ค่ะ ไม่ต้องให้ท่านเอ็นโจมาย้ำเตือนบ่อยๆ” เธอเหลือบมองผมแล้วก็หันไปสนใจกระป๋องเบียร์ต่อ “แปลกนะคะ คุณพูดกับฉันทีไรก็โมโหทุกที แล้วจะมาพูดด้วยอะไรนักหนา”
เธอมองผมขึ้นๆลงๆอยู่หนึ่งหลายทีก็แสยะยิ้ม
“ถ้าไม่ติดว่าคุณร่วมมือกับเพื่อนคุณเพื่อทำลายครอบครัวฉันด้วย ฉันคงคิดว่าคุณน่ะหลงรักฉันไปแล้วล่ะ เรียกร้องความสนใจสินะคะ”
ผมกำหมัดเข้าๆออกๆอยู่หลายที สูดลมหายใจเข้าลึกอย่างสงบสติอารมณ์ อดทนที่จะไม่บีบคอเธอให้ตายไปตรงนี้เสียก่อน
“ฉันจะเป็นเกอิชาแล้ว คุณมาเป็นผู้อุปถัมภ์ของฉันก็ได้นะ” คุณคิโชวอินแหวกเสื้อคลุมเปิดไหล่อีกข้าง ส่งยิ้มที่ดูยั่วยวน “ถ้าคุณเป็นคนแรกของฉัน คงพอทำใจได้หน่อย อย่างน้อยคุณก็หน้าตาไม่เลว ดีกว่าไปนอนกับตาแก่ที่ไหนก็ไม่รู้”
“ผู้หญิงไร้ยางอายอย่างคุณน่ะ ผมไม่ลดตัวลงไปเกลือกกลั้วด้วยหรอกนะ” ผมมองเธอด้วยแววตาเหมือนเห็นสิ่งที่น่าขยะแขยง
“แต่คุณก็ยังเสียเวลามาต่อปากต่อคำกับคนไร้ยางอายอย่างฉันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งเลยไม่ใช่เหรอ เกลียดฉันขนาดนั้นก็ควรจะอยู่ให้ห่างๆเข้าไว้นะ” เธอวางกระป๋องเบียร์ลงแล้วเริ่มต้นเปิดกระป๋องใหม่ “เอาซักหน่อยมั้ย ฉันมีอีกสองกระป๋อง ถือซะว่าเลี้ยงคนเคยรู้จัก”
เมื่อผมไม่ตอบอะไร เธอก็ยักไหล่ ยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มต่อ
“คนที่ร้านเขาชมฉันว่าพื้นฐานดี ไม่ต้องสอนมากก็ทำได้เลย แหงล่ะสิ ฉันเรียนมาทั้งชีวิต” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยเหมือนบอกสภาพดินฟ้าอากาศ “แต่ยังไงก็ต้องเป็นไมโกะไปก่อน อาจจะซักปีสองปีล่ะมั้ง ถึงได้เลื่อนขั้น”
ว่าแล้วเธอก็คลี่พัดออกให้ดู
“พัดอันนี้ฉันก็ใช้รำให้พวกเขาดูด้วย ทุกคนชมว่ามันสวยมาก เข้ากับฉันเลย สินค้าจากฝรั่งเศสก็ต้องดีเลิศอยู่แล้วล่ะ” คุณคิโชวอินหัวเราะเบาๆ “รู้มั้ยว่าฉันขายทุกอย่างไปหมดแล้ว เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า แต่ทำยังไงพัดอันนี้ก็ขายไม่ออก ฉันก็เลยต้องพกมันติดตัวไว้ เผื่อเจอร้านให้ราคาดีจะได้เอาไปขาย อาจจะพอได้ค่าใช้จ่ายมาอีกซักอาทิตย์”
“คุณพักอยู่ที่ไหนล่ะตอนนี้”
“สนใจชีวิตฉันเหรอค้า” เธอหัวเราะ เริ่มต้นแกว่งชิงช้า “เดินผ่านสวนสาธารณะนี้ไปก็จะเป็นปราสาทของฉันแล้วล่ะค่ะ มีห้องอาบน้ำในตัวด้วยนะ”
“งั้นคุณควรจะกลับไปนอนพักผ่อนได้แล้ว”
“ฉันยังไม่อยากกลับ ไหนๆวันนี้ก็ได้งานแล้วทั้งทีก็ควรดื่มฉลองข้างนอกซักหน่อย” ชิงช้าที่เธอแกว่งลอยสูงขึ้นไปยิ่งกว่าเดิมจนผมกลัวว่าเธอจะตกลงมา แต่เธอก็เริ่มร้องเพลงอีกครั้ง คราวนี้เป็นเพลงใครนิทราก็หามีไม่ จากโอเปร่าเรื่องทูรันโดต์
ทูรันโดต์เป็นองค์หญิงโฉมงามผู้เย็นชา เที่ยวประหารผู้ชายที่มาขอเจ้าหล่อนแต่งงานด้วยการตั้งคำถามสามข้อ หากตอบไม่ได้ก็จะลากไปตัดหัว แต่มีเจ้าชายหนุ่มผู้หนึ่งที่ตอบคำถามนั้นได้ และถามกลับบ้าง ทูรันโดต์กลัดกลุ้มเพราะไม่อยากแต่งงานกับเขา พยายามครุ่นคิดปริศนาทั้งคืนและไม่มีใครสามารถนอนได้ตามชื่อเพลง แต่ในที่สุด เขาก็เอาชนะใจเธอได้อยู่ดี
เมื่อร้องจบ เธอก็ทำหน้าเศร้า ใช้ขาแกว่งไกวชิงช้าอย่างเชื่องช้า เหงาหงอย
“กลับไปก็ไม่มีใคร ท่านแม่ก็อยู่บ้านเดิมที่เกียวโต ท่านพี่..ไม่รู้สิ ฉันไม่ได้คุยกับเขานานแล้ว อาจจะไปอยู่กับเพื่อนซักคนที่จะพอช่วยเหลือเขาได้” คุณคิโชวอินคลึงกระป๋องเบียร์ไปมา “ส่วนฉันน่ะเหรอ แค่คนที่จะพูดคุยด้วยยังไม่มีเลย ก็อย่างว่าแหล่ะ ทุกคนเกลียดฉันนี่นะ”
“ที่คนเขาเกลียดคุณเพราะคุณทำตัวเอง คุณคิโชวอิน” ผมถอนหายใจให้กับนิสัยแย่ๆในส่วนนี้ของเธอ “เลิกคิดว่าทุกอย่างเป็นความผิดของคนอื่นได้แล้ว”
“แล้วจะเทศนาฉันให้ได้อะไรขึ้นมาล่ะคะ ในเมื่อทุกอย่างมันก็พังพินาศไปหมดแล้ว” เธอตอบกลับมาพร้อมกับแววตาที่เจ็บปวด แล้วก็แค่นยิ้ม “แต่ก่อนหน้านั้นคุณก็เตือนฉันนี่นะมาตลอดเลยนี่นะ ฉันมันโง่เองที่ไม่ฟัง”
“ก็รู้ตัวนี่”
“ก็ฉันรักเขา” คุณคิโชวอินเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งทะนง เป็นท่าเดียวกับที่ผมเคยเห็นมาตลอดตั้งแต่รู้จักกับเธอ “รักมาตลอด ฉันทนไม่ได้หรอกที่จะเสียเขาไปให้ผู้หญิงแบบนั้น ผู้หญิงที่ไม่เห็นจะมีอะไรดีเทียบฉันได้ ในสงครามกับความรัก ทำอะไรก็ไม่ผิดไม่ใช่รึไง”
“ผิดสิ” ผมแกว่งชิงช้าเบาๆ “มันผิดมาตั้งแต่เริ่มแล้ว คุณคิโชวอิน ถ้าคุณไม่ยึดติดกับมาซายะขนาดนั้น ป่านนี้คุณคงมีความสุขไปกับใครซักคนไปแล้วล่ะ”
“ช่างฉันเถอะ ยังไงฉันก็แพ้แล้ว” เธอฟุบหน้าลงกับโซ่ชิงช้า ผมม้วนลอนเลื่อนลงมาปรกจนไม่เห็นสีหน้าจริงๆ “เชิญพวกคุณไปมีความสุขกันตามสบายเถอะ ปล่อยคนขี้แพ้อย่างฉันไว้ตรงนี้”
เมื่อรู้สึกว่าผมยังนั่งอยู่ไม่ขยับเขยื้อนเธอก็เอ่ยซ้ำ
“ไปได้แล้ว ไม่อยากเห็นหน้า”
ถูกไล่ขนาดนี้ จะให้หน้าด้านหน้าทนก็กระไรอยู่ ผมลุกขึ้นยืน เดินกลับไปที่รถ ฉุนเฉียวให้กับความโง่เง่าของตัวเองที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว กี่ครั้งแล้วที่ถูกผลักไสไล่ส่ง ก็ไม่เคยจำสักที ว่าคิโชวอิน เรย์กะร้ายกาจและเลือดเย็นขนาดไหน
ผมนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ในรถครู่หนึ่ง แล้วก็บอกตัวเองว่าควรไปจากที่นี่ได้แล้ว คิโชวอิน เรย์กะจะเป็นยังไงก็ช่างหัวเธอสิ ผมไม่ควรจะสนใจ
แต่เหลือบไปเห็นนาฬิกาที่บอกเวลาเที่ยงคืนสิบเจ็ดนาทียิ่งทำให้ผมหงุดหงิด สุดท้ายก็ลงจากรถ เดินกลับเข้าไปในสวนสาธารณะอีกหน
เพลงใครนิทราก็หามีไม่ที่เธอร้องออกมาเมื่อครู่นั้นเป็นเรื่องน่าขำ เพราะทูรันโดต์โฉมงามนั่งหลับอยู่บนชิงช้า มือตกห้อยลงข้างตัว อีกมือรองหัวที่พิงโซ่ไว้ ดูเหนื่อยล้าและน่าสมเพชอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ไม่สิ สภาพน่าสมเพชของเธอ ผมเคยเห็น ทุกคนก็เคยเห็น
ภาพที่เธอร้องไห้ในงานหมั้นผมยังจำได้ติดตา เส้นผมม้วนลอนที่เธอภาคภูมิใจก็กระเซอะกระเซิงเหมือนคนบ้า ไม่เหลือเค้าความสง่างามเคยมี และเมื่อเธอถูกลากออกไปทิ้งข้างนอกโดยบอดี้การ์ดตระกูลคาบุรากิ ผมก็มองดูเธออย่างเงียบๆ ไม่ได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือแต่อย่างใด
แต่ในคราวนี้ ผมดึงร่างเธอขึ้นมา กลิ่นเหล้าและเบียร์โชยหึ่งจนต้องเบ้ปาก ตอนนอน ขนาดแบกกลับมาที่รถก็ยังมีฤทธิ์เดชมาก ดิ้นไปมาจนแทบจะเหวี่ยงลงพื้น แล้วให้นอนกลางสวนสาธารณะไปตามที่เจ้าหล่อนปรารถนา
ไม่รู้ว่าผมจะลำบากตัวเองเพื่อผู้หญิงใจดำอำมหิตแบบนี้ไปทำไม
คิโชวอิน เรย์กะ ไม่ว่าจะผ่านมานานเท่าไหร่ ก็ยังเป็นผู้หญิงตัวปัญหาน่ารำคาญอยู่ไม่เปลี่ยนแปลงเลย
------------
บรรยายผิดๆถูกๆอ่านแล้วงงๆก็ขออภัยมาไว้ที่นี้ด้วยนะ
เหมือนเป็นคนละคนเลย5555 เอ็นโจกลายเป็นเทวดาไร้คราบจอมมารอย่างสิ้นเชิง ส่วนเรย์กะนี่มาแบบนางมารเลย
เรื่องของมิตินี้ดูมีความเป็นโรแม้งตบจูบสูง ถ้าเป็นละครไทย เอ็นโจต้องตามเป็นห่วงเป็นใยคอยดูแล เรย์กะเลยอ่อยเพื่อใช้เอ็นโจเป็นเครื่องมือแก้แค้นคาบุรากิ แต่กลับหลงรักเอ็นโจซะเองเลยทำไม่ลง ต้องหนีไปสุดหล้าฟ้าเขียวแล้วให้เอ็นโจมาตามกลับ โปนดอย่าลืมกระท่อมปลายนาตอนฝนตกและให้เอ็นโจกอดเรย์กะจากด้านหลังให้กล้องถ่ายลงมาจากมุมสูงแล้วมีตัวหนักสือขึ้นว่าจบบริบูร----แค่กๆๆๆ ขออภัย กาวในเลือดสูงไป ขอไปซด(กัญ)ชามาต้านฤทธิ์แป๊บ
มีคำถามมมมกุสังสะยมานานแล้วว่าตามเนื้อเรื่องไม่ห็นมีท่านพี่ ครอบครัวคิโชวอินล่มสลายนี่ ท่านพี่เป็นยังไงบ้างวะ 555
ดีที่เจอท่านเอ็นโจ
อายุไม่ถึงแถมมาเดินเมาในที่สาธารณะเดี๋ยวก็โดนเชิญไปป้อมตำรวจหรอกท่านเรย์กะ
งานการไม่ทำ นั่งเขียนฟิค >>817-820
ปวดหัวจัง คลื่นไส้ด้วย คอแห้งด้วย ใครก็ได้ไปเอาน้ำมาให้หน่อยสิ
แล้วใครทำเสียงอะไรน่ะ มันรบกวนการพักผ่อนของฉันนะ หยุด หยุด หยุดเดี๋ยวนี้นะ
บอกให้หยุด ไม่รู้เรื่องรึไง คิดจะท้าทายคิโชวอิน เรย์กะคนนี้งั้นเหรอ
.
.
.
เมื่อลุกพรวดขึ้นมาจากที่ที่กำลังนอนอยู่ อาการปวดหัวก็แล่นคืบคลานมาทำร้ายในทันที มองไปรอบๆเห็นผนังกระเบื้องที่รายล้อม ผ้าที่คลุมตัวเลื่อนหลุดไปกองกับพื้น ฉันหลับอยู่ในห้องน้ำงั้นรึ
ท้องไส้เบื้องล่างปั่นป่วนเหมือนมีอะไรพยายามดันตัวออกมา กลายเป็นความผะอืดผะอมจนต้องเอามือปิดปาก ในหัวคิดได้แค่ว่าต้องเอาออกไปให้เร็วที่สุด
ฉันตะเกียกตะกายคลานไปที่ชักโครก อะไรที่อยู่ข้างในก็ปล่อยออกมาเสียหมด รู้สึกเหมือนโลกกำลังคว่ำลงไปจนรู้สึกวิงเวียนไม่มีเรี่ยวแรง อยากได้น้ำสักแก้ว
“เอ้า นี่” แก้วใสบรรจุน้ำยื่นมาตรงหน้าตามคำขอ ตามด้วยมือที่ลูบหลังฉันเบาๆ พร้อมกับเสียงที่เคยคุ้น “ไหวรึเปล่า คุณคิโชวอิน”
เสียงนี้มัน เอ็นโจ ชูสุเกะไม่ใช่เหรอ
ฉันหันขวับไปมองก็เห็นเอ็นโจ ชูสุเกะในระยะประชิด ใบหน้านั้นมีรอยยิ้มน้อยๆที่ดูน่ารังเกียจเหมือนเคย ในหัวฉันมีแต่คำถามว่าทำไมเอ็นโจถึงได้มาอยู่ที่นี่ แล้วที่นี่มันที่ไหน ไม่ใช่บ้านของฉันสักหน่อย แต่อาการปวดหัวก็ทำให้ฉันคิดอะไรไม่ออกเลยสักอย่าง อยากอาเจียนอย่างเดียว
หลังจากไม่มีอะไรให้ออกอีกต่อไปแล้ว เอ็นโจก็ประคองฉันมานั่งที่โซฟา ฉันพยายามจะมองไปรอบๆก็ยิ่งงุนงงหนักเข้าไปใหญ่
“แมนชั่นผมเอง” เอ็นโจตอบเหมือนจะรู้คำถามในใจฉัน “เมื่อคืนคุณเมาหลับไปตรงสวนสาธารณะ ทิ้งไว้แบบนั้นมันอันตราย ผมไม่รู้ว่าคุณพักอยู่ตรงไหน ก็เลยต้องพามาที่นี่ก่อน”
พอฉันก้มมองตัวเองใส่เสื้อเชิ้ตที่ตัวใหญ่กว่าฉันพอสมควร ไม่ใช่เสื้อผ้าที่ใส่เมื่อคืน เอ็นโจก็พูดต่อ
“ส่วนเรื่องเสื้อผ้าน่ะ คุณคายของเก่าใส่ตัวเอง ผมเลยต้องเปลี่ยนให้ ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไรหรอกนะ”
“ขะ ขอบคุณค่ะ” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ฟังดูน่าเกลียดพิกล เหมือนยายแก่เลย
“เอ้านี่ น้ำ” เอ็นโจรินน้ำจากเหยือกให้ฉัน “รู้สึกเมื่อคืนคุณจะใช้เสียงมากไปหน่อย แต่ก็เล่นร้องเพลงทั้งคืนเลยนี่นะ”
“อะไรนะคะ” ฉันอ้าปากค้าง “ฉันเนี่ยเหรอ”
“ใช่ แถมร้องโอเปร่าซะด้วย” เอ็นโจยิ้มบางๆ “เจ้าหญิงหงส์ขาวกับทูรันโดต์ออกมาร่ายรำทั้งคืนเลยล่ะ”
ว่าไปก็จำได้ว่าร้องเพลง แต่พอพยายามจะนึกก็ปวดหัวขึ้นมาเลยเลิกนึก ดูท่าทางเอ็นโจก็คงไม่ได้แกล้งอำเล่นเสียด้วย
หมอนี่ไม่เคยพูดล้อเล่นกับฉันอยู่แล้ว เจอหน้ากันทีไรก็มีแต่ความเกลียดชังแผ่ออกมาทุกที
“ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้ แต่ช่วยไปก็ไม่มีอะไรตอบแทนให้หรอกนะคะ” ฉันลุกขึ้นยืน แม้จะรู้สึกวิงเวียน แต่พอได้อาเจียนไปบ้างแล้วก็พอไหว “ฉันต้องขอตัวกลับล่ะค่ะ รบกวนท่านเอ็นโจมากเกินไปแล้ว”
“ชุดคุณยังไม่แห้งเลย คุณคิโชวอิน” เอ็นโจลงมือผูกเนคไท “ผมเพิ่งให้ร้านซักรีดมาเอาไปเมื่อกี้นี้เอง แต่ถ้าคุณอยากจะออกไปในสภาพนั้นจริงๆก็ไม่ได้ว่าอะไร”
ฉันในตอนนี้มีแค่เสื้อเชิ้ตผู้ชายตัวเดียวติดตัวอยู่ นี่แปลว่าฉันอยู่ในสภาพนี้กับเอ็นโจทั้งคืนเลยงั้นเหรอ
อยู่ในสภาพไม่เรียบร้อยกับผู้ชายสองต่อสอง ถ้าท่านแม่รู้เข้าคงตำหนิฉันอย่างรุนแรงไปแล้ว
“ผมมีเรียนช่วงเช้า เดี๋ยวตอนบ่ายๆจะกลับมาใหม่ เอาไว้ค่อยคุยกัน” เอ็นโจคว้าเสื้อคลุมขึ้นมาใส่ หยิบกุญแจห้องกับกุญแจรถออกไป “ของกินมีในตู้เย็น อยู่คนเดียวก็ทำตัวดีๆล่ะ”
ทำตัวดีๆ นั่นหมายความว่ายังไงน่ะหา
เอ็นโจออกจากห้องไปแล้ว ฉันเลยล้มตัวลงนอนต่อที่โซฟา รู้สึกปวดเมื่อยเนื้อตัว แถมยังปวดหัวอย่างทุกข์ทรมาน ไม่น่าดื่มเลย
หลังจากสัมภาษณ์งานและแสดงความสามารถไปนิดๆหน่อยๆ โอก้าซังของที่นั่นก็แทบจะอุ้มฉันเข้าร้านอยู่แล้ว แต่ฉันขอเวลาเริ่มงานเป็นสัปดาห์หน้า ให้เวลาฉันทำใจก่อนที่จะต้องยอมรับว่าตัวเองจะเข้าสู่ทางสายนี้จริงๆ
ตระกูลคิโชวอินที่มีประวัติอันสูงส่งและยาวนาน พังพินาศเพราะฉัน
สัปดาห์แรก เราโดนไล่ออกจากบ้าน บ้านที่ฉันอยู่มาสิบเจ็ดปีถูกยึดทรัพย์กลายไปเป็นของคนอื่น ท่านแม่ร้องไห้มากเสียจนฉันนึกว่าที่ตรงนี้จะกลายเป็นทะเลน้ำตาไปเสียแล้ว
แต่ฉันเองก็ร้องไห้ด้วยเช่นกัน
เราสองคนแม่ลูกยืนกอดกันร้องไห้ มองดูบ้านของเราที่มีคำสั่งศาลให้ยึดทรัพย์ มีสายตาของเพื่อนบ้านที่มองมาอย่างสมเพชและซุบซิบนินทากันอย่างสนุกปากที่ตระกูลคิโชวอินล่มจมลงไป
ท่านพี่ที่อายุมากกว่าฉันเจ็ดปี ลอยตัวผ่านปัญหานี้ไปได้อย่างงดงาม แต่ไหนแต่ไรมา ท่านพี่ก็มักจะไม่ยอมมาข้องเกี่ยวกับฉัน ท่านแม่ หรือท่านพ่ออยู่แล้ว เมื่อไปทำงานที่บริษัทก็ไม่เคยเห็นด้วยกับท่านพ่อจนทะเลาะทุ่มเถียงกันหลายครั้งหลายหน ทำให้ท่านพ่อขัดใจและไม่เคยสบายใจในตัวเขา
ฉันเคยคิดว่าเขาน่ะเป็นแกะดำของบ้าน ไม่สามารถเข้ากับใครได้เลย และดูท่าทางเขาก็เกลียดฉันที่เป็นน้องสาวแท้ๆของเขาเอง เราสองคนคุยกันครั้งหนึ่งถ้าไม่จบลงด้วยการทะเลาะก็เป็นการทักทายอย่างเย็นชาห่างเหิน จนในที่สุดเราก็เหมือนคนแปลกหน้าของกันและกัน ไม่ใช่พี่น้องอย่างที่ควรเป็น
วันที่เราไม่เหลืออะไรเลย ท่านพี่แค่ยืนมองดูอยู่เงียบๆ ปลอบใจท่านแม่ด้วยประโยคสั้นๆ แล้วบอกว่าจะหาทางแก้ไขให้เร็วที่สุด ท่านพี่มีห้องที่เช่าไว้อยู่ก่อนหน้านี้ ให้ท่านแม่และฉันไปอยู่ด้วย แต่ท่านแม่ผู้งดงามของฉันไม่อาจจะทนอยู่ในที่แคบๆเช่นนั้นได้ จึงตัดสินใจพาฉันมาพึ่งพิงญาติที่เกียวโตอันเป็นบ้านเดิมก่อนแต่งงานกับท่านพ่อ
แน่นอนว่าท่านพี่ไม่ได้รั้งพวกเราไว้ ดูโล่งใจเสียด้วยซ้ำที่พวกเราไปให้พ้นจากชีวิตของเขาได้
ฉันกับท่านแม่ผู้ทำให้ตระกูลคาบุรากิโกรธเคืองนั้นเป็นตัวปัญหาของเขา ไม่ว่าใครที่อยู่ในวงการธุรกิจก็ไม่อยากมีปัญหากับตระกูลคาบุรากิด้วยกันทั้งนั้นล่ะ การที่บ้านเราเป็นแบบนี้ ท่านพี่ที่กันตัวเองไปอยู่วงนอกอาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วก็ได้
แต่ฉันทำไม่ได้ ฉันทิ้งท่านแม่ไม่ได้
ท่านแม่ผู้งดงามของฉันเปลี่ยนไป จากสาวสังคมผู้กระฉับกระเฉง ก็เอาแต่นั่งอยู่บนเก้าอี้โยก มองไปนอกหน้าต่าง มองออกไปที่ไกลแสนไกล ซึ่งคงจะเป็นอดีตอันรุ่งโรจน์และหอมหวาน
ญาติที่เรามาอาศัยก็ดูเหมือนไม่ค่อยอยากต้อนรับท่านแม่และฉันสักเท่าไหร่ สมัยที่พวกเรายังเฟื่องฟู คนพวกนี้น่ะแทบจะหมอบคลานเทิดทูนฉันเป็นดั่งเจ้าหญิง แต่พอตกต่ำเข้าหน่อยก็ชิงชังรังเกียจ ใจจริงของคนพวกนี้น่าขยะแขยงสิ้นดี
ฉันลุกขึ้นมาอีกครั้งในวันที่ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาอีกต่อไปแล้ว ฉันจะเอาคืนคนที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ ฉันเกลียดทุกคน อยากให้พวกมันหายไปจากโลกนี้ให้หมด เกลียด เกลียด เกลียด
แต่ฉันเป็นแค่เด็กสาวโง่เง่า ไม่มีเงิน ไม่มีอำนาจ หนทางที่จะจัดการคาบุรากิ มาซายะช่างยากเย็นเต็มทน
ฉันเฝ้าครุ่นคิดวิธีการมากมายแล้วในที่สุดก็นึกออก
ไหนๆก็ไม่เหลืออะไรแล้ว ก็ใช้ตัวเองเข้าแลกซะสิ
ฉันขายข้าวของที่พอจะเหลืออยู่แล้วมุ่งหน้าเข้าโตเกียว สัญญากับท่านแม่ว่าจะทวงทุกอย่างคืนมา มองหาห้องเช่าที่ราคาพอจ่ายไหว สภาพนั้นน่าอเนจอนาถใจจนฉันเกือบจะหลั่งน้ำตาออกมาอีกรอบ คิโชวอิน เรย์กะ ผู้งดงามดั่งบุปผาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ช่างน่าสมเพช
แต่ฉันสาบานกับตัวเองไว้แล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันจะไม่ร้องไห้
ฉันเสียน้ำตาไปมากเกินพอแล้ว และพวกมันต้องชดใช้กลับคืนมาให้ฉันอีกร้อยเท่าพันเท่า
ฉันไปสมัครงานที่ร้านเกอิชาแห่งหนึ่งที่ท่านพ่อเคยพาลูกค้าไปเลี้ยง ร้านนั้นเป็นร้านชั้นสูง ราคาแพงลิบลิ่ว มีนักการเมืองระดับสูงและเศรษฐีมากมายที่เป็นลูกค้า ฉันอาจจะหาใครซักคนที่พอจะช่วยเหลือฉันทำลายตระกูลคาบุรากิได้จากในนั้น
ฉันใช้นามสกุลของแม่ ไม่มีใครรู้ว่าคิโชวอิน เรย์กะได้กลับมาโตเกียวแล้ว
อาทิตย์หน้าต้องเริ่มงาน ฉันก็เลยซื้อเหล้ากับเบียร์จากตู้กดน้ำอัตโนมัติมาดื่มเพื่อให้ชินกับเหล้า เป็นรสชาติราคาถูกที่ฉันต้องเบ้ปาก แต่ดื่มไปดื่มมาก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้างเหมือนกัน ทั้งตัวเบาสบายเหมือนล่องลอย ไม่ต้องคิดอะไรให้มันหนักหัว
ฉันนึกครึ้มใจ ก็เลยเริ่มร้องเพลงในสวนสาธารณะ แต่ดึกป่านนี้ก็ยังมีผู้ฟังที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามาฟังด้วย
เอ็นโจ ชูสุเกะ ปรากฎกายขึ้นมาเงียบเชียบอย่างกับภูตผี ฉันไม่รู้ว่าเขามาที่นี่ได้อย่างไร แต่เมื่อก่อน ไม่ว่าฉันจะอยู่ที่ไหนก็มักจะเห็นเขาอยู่เสมอ
ปกติฉันมักจะหลบเลี่ยงเอ็นโจ เพราะเขาชอบมองฉันด้วยสายตาดูหมิ่นดูแคลนที่ใกล้ชิดกับคาบุรากิ มาซายะเพื่อนของเขามากเกินไป จนบางครั้งเขาถึงกับด่าฉันเจ็บๆแสบๆเพื่อให้ได้อาย เขาคอยสนับสนุนเพื่อนของเขากับผู้หญิงคนนั้น ทาคามิจิ วาคาบะ ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด
และวันที่ฉันถูกทำลายในงานหมั้น เขาก็ยืนมองดูอยู่เงียบๆ แววตานั้นเย็นชาจนน่ากลัว มองฉันด้วยความรังเกียจเหมือนเป็นสิ่งไม่พึงประสงค์ที่ทำให้รองเท้าเขาแปดเปื้อน
ถ้าเป็นปกติฉันคงจะเดินหนีไปแล้ว แต่คงเพราะความมึนเมา ฉันก็เลยกล้าต่อปากต่อคำกับเขา
คิดว่าเขาคงมาสมน้ำหน้าในชะตากรรมของฉัน ก็เลยเล่าเรื่องเพื่อจะได้ฟังดูน่าสมเพชมากยิ่งขึ้นไปอีก เอาเลยสิ สมน้ำหน้าฉันสิ เหมือนกับที่ทุกคนทำ อย่ามาใส่หน้ากากคนดีมีเมตตาเข้าหาฉันแบบนี้ มันน่าขยะแขยง
เอ็นโจเริ่มต้นเทศนาฉันเหมือนเคย แต่พอฉันแหย่กลับไปว่าแอบชอบฉันอยู่รึยังไง เขาก็ดูโกรธขึ้นมา
ไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลย
ฉันเริ่มจะมึนหัว ง่วงและอยากนอน แต่จะให้เดินกลับตอนนี้ก็ไม่ไหว ก็เลยไล่เขาหนีไปให้พ้นๆ คิดจะปิดตางีบเอาแรงซักสิบนาทีแล้วค่อยเดินกลับที่พัก แต่ลืมตามาอีกทีฉันก็ได้มาอยู่ในแมนชั่นของเอ็นโจแล้ว
นอกจากเสื้อที่สวมอยู่ ลองสำรวจเนื้อตัวก็ไม่ได้มีอะไรบุบสลาย นับว่าเอ็นโจเป็นสุภาพบุรุษใช้ได้ ที่ไม่ฉวยโอกาสตอนผู้หญิงเมาและอ่อนแอ แต่อย่างเอ็นโจคงไม่จำเป็นที่จะต้องฉวยโอกาสอะไรนี่หรอก
ฉันหลับไปอีกหน ตื่นมาอีกทีนาฬิกาก็บอกเวลาบ่ายสองโมงแล้ว ท้องที่ว่างเริ่มส่งเสียงประท้วงให้หาอาหารใส่ เอ็นโจบอกว่ามีของกินอยู่ในตู้เย็น เป็นแซนด์วิซแฮมที่เอาแรพพลาสติกห่อไว้
อร่อย
หลังจากต้องทนกินอาหารแช่แข็งสำเร็จรูปลดราคามาหลายเดือน ลิ้นฉันที่คุ้นเคยกับวัตถุดิบชั้นดีมากมาย พอได้กินของดีๆอีกครั้งก็รู้สึกโหยหา รู้ตัวอีกทีก็หมดเกลี้ยง
พอล้างจานเสร็จสิ้นก็ไม่มีอะไรทำ ฉันเลยเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ถือวิสาสะหยิบผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าที่ดูแล้วน่าจะพอใส่ได้ เดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ ครีมอาบน้ำและแชมพูก็เป็นของชั้นสูงทั้งนั้น ฉันนอนแช่อ่างอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์ นึกถึงวันคืนเก่าๆ
ห้องเอ็นโจไม่มีที่ม้วนผม ฉันก็เลยปล่อยให้ลอนมันคลายตัวออก เป่าผมให้แห้งเพียงอย่างเดียว ที่จริงฉันก็ไม่ได้เข้าแฮร์ซาลอนมานานมากแล้ว ผมเริ่มแตกปลายขาดการบำรุง คนรักสุขภาพผมอย่างฉันก็ได้แต่ทุกข์ทรมานใจที่ต้องปล่อยให้มันเป็นไปเช่นนั้น
เดินก็แล้ว นั่งก็แล้ว เปิดทีวีฆ่าเวลาก็แล้ว เอ็นโจที่บอกว่าจะกลับมาตอนบ่าย แต่ตอนนี้เกือบหกโมงเย็นก็ยังไม่เห็นวี่แวว ฉันเริ่มหงุดหงิดเพราะอยากไปจากที่นี่เต็มแก่ ถึงแมนชั่นนี้จะหรูหรางดงามสักแค่ไหน ฉันก็ไม่อยากอยู่เพราะมันเป็นพื้นที่ของเอ็นโจ ชูสุเกะคนนั้น
เหมือนรู้ว่าบ่นถึง เพราะเอ็นโจก็กลับมาพอดี หอบหิ้วของพะรุงพะรังมาด้วย สายตาเขามาหยุดที่เสื้อที่ฉันใส่ ฉันก็รีบค้อมหัวลง
“ขออภัยท่านเอ็นโจนะคะ พอดีฉันอาบน้ำแล้วไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนก็เลย...”
“ไม่เป็นไรหรอก” เอ็นโจว่าอย่างนั้น แล้วก็เอากล่องสีเหลืองทองให้ฉัน มีริบบิ้นคาดปิดผนึกเป็นลายโลโก้ร้านซักรีดชั้นสูงที่ฉันรู้จัก “นี่ชุดของคุณ ซักเรียบร้อยแล้ว”
“ต้องขอบพระคุณมากค่ะ”
ฉันรับเสื้อผ้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ พอออกมาก็เห็นเอ็นโจกำลังแกะอาหารจากกล่องใส่จานอยู่ ฉันไม่คิดจะรบกวนเวลารับประทานอาหารของเขา จึงคว้ากระเป๋าที่จัดเก็บของเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วขึ้นมา ค้อมศีรษะกล่าวคำอำลา
“จะไปแล้วเหรอ” เอ็นโจเลิกคิ้วขึ้น “ไม่หิวรึไง”
“ไม่กล้ารบกวนท่านเอ็นโจมากไปกว่านี้แล้วล่ะค่ะ”
แต่ท้องไม่รักดีของฉันดันส่งเสียงโครกครากออกมาให้เป็นที่ขายหน้า อันที่จริงฉันก็หิวตั้งแต่ได้กลิ่นอาหารแล้วล่ะนะ ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆจากเอ็นโจ แต่คิดว่าคงหูแว่วไปเองมากกว่า เอ็นโจน่ะไม่เคยหัวเราะให้ฉันเห็นแม้แต่ครั้งเดียว
“มานั่งสิ ของมีตั้งเยอะ ผมคนเดียวทานไม่หมดหรอก” เอ็นโจนั่งลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะ อีกที่ข้างๆกันมีจานกับช้อนส้อมจัดไว้เรียบร้อย
เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนที่ฉันหิวจนไส้แทบขาดเพราะไม่มีเงินซื้ออาหาร ก็ได้รู้ว่าศักดิ์ศรีไม่ทำให้ท้องอิ่ม คิดดังนั้นฉันก็เลยเดินเข้าไปนั่ง ถือซะว่าประหยัดค่าอาหารไปอีกมื้อ
“ขอโทษที วันนี้คลาสเลิกช้ากว่าที่คิดก็เลยกลับมาช้าไปด้วย” เอ็นโจเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ “คุณคงหิวแย่สินะ ทานให้เยอะๆเลยก็แล้วกัน”
“ต้องขอบพระคุณสำหรับแซนด์วิชด้วยนะคะ” ฉันค้อมหัวลงแล้วลงมือทานต่อ แต่ตาลอบมองเอ็นโจอย่างพิจารณา และเอ็นโจก็คงรู้ตัวว่าถูกมองอยู่ก็เลยถามขึ้น
“มีอะไรงั้นเหรอ คุณคิโชวอิน”
“ฉันสงสัยค่ะ” ฉันตอบไปตามที่คิด “ว่าท่านเอ็นโจมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ มาทำดีกับฉันที่เป็นศัตรูของเพื่อนคุณทำไม น่าจะปล่อยฉันไว้ตรงนั้นเหมือนเดิม”
“แค่ไม่อยากอ่านข่าวว่ามีผู้หญิงถูกคนโรคจิตฆ่าในสวนสาธารณะน่ะ” เอ็นโจตอบพร้อมกับรอยยิ้ม “โดยเฉพาะข่าวคนรู้จักตายมันทำให้หดหู่พอสมควรเลยนะ”
“งั้นเหรอคะ” ฉันพยักหน้า “แต่ถ้าฉันตาย อะไรๆก็คงดีกว่านี้ไม่ใช่หรือคะ เพื่อนคุณก็จะได้ไม่ต้องระแวงว่าฉันจะกลับไปแก้แค้นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน”
เอ็นโจเหยียดยิ้มออกมา รอยยิ้มนี้ดูน่ารังเกียจอีกแล้ว
“คุณคิโชวอิน คุณน่ะคิดว่ามาซายะจะเห็นความสำคัญของคุณขนาดที่ต้องระแวงเชียวรึ สำคัญตัวผิดเกินไปรึเปล่า” สายตาเขาก็ดูสมเพชเวทนา “แล้วคุณจะทำอะไรได้ มีปัญญางั้นเหรอ”
“ตอนนี้ยังไม่มี แต่อนาคตก็ไม่แน่นอนไม่ใช่รึไงคะ” ฉันตอบเสียงราบเรียบ นี่สิ เอ็นโจที่ฉันรู้จักน่ะเป็นแบบนี้ “คุณก็ควรระวังไว้บ้าง ตกมาจากที่สูงน่ะมันเจ็บนะคะ”
“นั่นสินะ ผมจะระวังไว้ก็แล้วกัน” เอ็นโจพยักหน้า “แต่ว่าตอนนี้มาซายะคงไม่มีเวลาระแวงคุณหรอก คุณคิโชวอิน เพราะเทียวไปรับไปส่งคุณวาคาบะอยู่แทบทุกวัน รักกันหวานชื่นจนน่าหมั่นไส้เลยล่ะ”
“งั้นเหรอคะ”
รสชาติอาหารกร่อยไปในพริบตา และความเงียบก็เข้าครอบงำจนรู้สึกอึดอัด ก่อนไปฉันล้างจานให้เป็นการตอบแทนที่เลี้ยงอาหารมื้อนี้ เอ็นโจยืนมองฉันเงียบๆ ไม่ได้รั้งอะไรเอาไว้
ฉันก้าวขาออกมาจากแมนชั่นนั้น สิ่งที่กักเก็บไว้มาตลอดก็พรั่งพรูออกมาในรูปแบบของน้ำตา ฉันสาบานว่าจะไม่ร้องไห้อีกต่อไปแล้ว แต่เอ็นโจก็ทำให้ฉันผิดคำสาบานจนได้
ผู้ชายคนนี้ก็เป็นแบบนี้เสมอ สายตาเหยียดหยาม คำพูดทิ่มแทง ขุดเอาส่วนที่เป็นจุดอ่อนของฉันออกมาเหยียบขยี้แบบไร้เมตตา น่าแปลกที่ฉันคิดว่าหัวใจด้านชาไปแล้ว ที่มีอยู่ก็คือความแค้นและความเกลียดชัง แต่พอได้ยินจริงๆกลับเจ็บจนทนแทบไม่ไหว
ฉันยังรักคาบุรากิ มาซายะอยู่
สองมือของฉันปาดน้ำตาตัวเองที่ไหลออกมาไม่หยุดหย่อน
ตอนนี้ฉันไม่รู้แล้วว่า ควรจะเกลียดใครมากกว่ากันระหว่างคาบุรากิ มาซายะ หรือเอ็นโจ ชูสุเกะ
----------------------
กับงานว่องไวแบบนี้รึเปล่าคะ ก็ไม่ค่ะ ถถถถถถถถถถถถถถถ
>>881-834 โอย Kimi dolce แบบฉบับดั้งเดิมนี่คือดี ทำไมตัวละครดูเป็นผู้เป็นคนดีจัง นี่คือสภาพที่ควรเป็นก่อนถูกท่านเรย์กะ (กลับชาติมาเกิด) ทำให้เสียของสินะ ดูสภาพนางแบบนี้ก็น่าสงสารอยู่ ทำนองลูกคุณหนูหยิ่งในศักดิ์ศรี แข็งแต่เปราะเหมือนแก้ว ...แต่ปล่อยผมสบายๆ แบบนี้น่าจะสวยกว่าเกลียวแข็งเป็กแน่นอน... รอมึงมาต่อนะ เลิฟๆ
ถ้าฮิโยโกะเซนเซย์คึกเขียนภาคkimi dolce มา กุคงรับความจริงไม่ได้หนีไปอ่านวันๆของเรย์กะดีกว่า
แบดเอ็นตอนที่ 3 กูแต่งเสร็จแล้วนะ แต่เน็ตเน่ามากอาจลงช้าหน่อย อีกสักพักจะมาลงนะพวกมึง ;-;
คิดว่าน่าจะ ห้าตอนจบ ที่เหลือใครจะต่อแล้วแต่ศรัทธา 5555
>>723 ต่อ
เรย์กะ เดอะซีรี่ย์ Bad End ไงจะใครล่ะ
ตอนที่ 3
ทาคาเครุ part
สภาพอารมณ์ของน้องสาวเหมือนจะดีขึ้นมาก
เมื่อวานหลังจากที่เพื่อนๆของน้องกลับไป เธอกรีดร้องดังก้องจนทำเอาพวกผมตกใจพอรีบไปหา ก็เห็นเธอจ้องตัวเองเขม็งอยู่หน้ากระจก
“คุณเรย์กะ เป็นอะไร ไม่สบายตรงไหนจ๊ะ” ท่านแม่รีบเข้าไปหาน้องสาว จับเธอไว้เพราะกลัวเธอจะทำร้ายตัวเอง
หมับ!
แขนของท่านแม่ถูกคว้าไว้อย่างรวดเร็ว น้องสาวหันมามองท่านแม่ด้วยสายตาประกายแก่กล้า
“ท่านแม่คะ ท่านพี่คะ! “ เสียงของเธอดูหนักแน่นแตกต่างจากเมื่อวานอย่างสิ้นเชิง ผมกับท่านแม่รีบขานรับทันที
“ร้านเสริมสวยค่ะ… ร้านเสริมสวย! พาหนูไปที!” เรย์กะพูดแบบนั้นพลางจับผมตัวเองขึ้นมาพอเห็นผมมองอยู่บอกว่า อย่ามองน้า ก่อนจะวิ่งจากไปแล้วเอาหัวมุดผ้าห่ม
เอิ่ม น้องสาว… เป็นอะไรไปน่ะ
วุ่นวายกันพักใหญ่ ตอนนี้ดึกแล้วท่านแม่จึงสัญญาว่าจะพาไปในวันพรุ่งนี้ วันนี้เลยต้องให้อิมาริวิ่งวุ่นหาของบำรุงผมกับผิวหน้ามาให้ น้องสาวจึงพอจะสงบลงบ้างไปนั่งลูบด้ามพัดที่นานๆจะหยิบออกมาเงียบๆ
บ้านเราถึงล้มละลาย แต่หากน้องอยากได้อะไรผมก็จะให้ คิดแล้วก็เหลือบตามองคนข้างๆที่มองมาก่อนแล้วเหมือนรู้ทันว่าผมคิดอะไรอยู่
“ยินดีรับใช้ครับ เจ้าชาย”
“ก็ดี” ผมตอบรับอย่างเป็นธรรมชาติแล้วไม่ได้มองเขาอีก แต่ผมรับรู้ได้ว่าอิมาริกำลังยิ้มกว้างกว่าเดิม ผมได้ยินเขาพึมพำกับตัวเองเบาๆว่า ทาคาเครุกับเรย์กะจังกลับมาแล้ว
ได้ยินแบบนั้นผมก็เอาตัวเอนพิงตัวเขา
แล้วบอกเขาไปว่า
“ขอบคุณนะ”
ที่อยู่เคียงข้างผม…
.
.
.
ตกดึกท่านแม่ย้ายที่พักของตัวเองจากห้องเรย์กะเป็นห้องของผม ผมแปลกใจถึงถามออกไปคำตอบกลับของแม่คือท่าทีหวาดผวาไม่ตอบอะไร แต่ประตูที่เปิดออกของห้องผมทำให้ได้ยินเสียงจากห้องข้างๆชัดขึ้น
เหมือนจะเป็นบทสวดคำสาปแช่ง
พี่ชักรู้สึกว่านับวันน้องยิ่งน่ากลัวนะ น้องสาวของพี่ .
.
.
.
.
“ท่านพี่เรย์กะ ดีจังเลยค่ะที่พี่ยังสบายดี”
วันนี้พวกมาโอะจังมาเยี่ยมล่ะ!
เด็กๆในวันวานเริ่มเข้าสู่วัยกำลังเติบโตทำให้สูงกันขึ้นมาก แต่ทุกคนก็ยังน่ารักมากๆอยู่ดี
“มาโอะจังงงงง” ฉันอ้าแขนออก เหมือนมาโอะจังจะรู้หน้าที่ดีเลยวิ่งมาอย่างร่าเริง
“อ๊ะ ท่านพี่เรย์กะ ตัวหอมจังเลยค่ะ ผมก็นุ่มมากด้วย”
หึ ผลของการหมักผมบำรุงพร้อมอบกลิ่นหอมอย่างต่อเนื่องประสบความสำเร็จ! คุ้มค่ากับความทุ่มเทสุดๆ
เอาเลยจ๊ะมาโอะจัง เชิญชม สูดดมได้เต็มที่เลยนะจ๊ะ
สัปดาห์ก่อนพอรู้ว่าตัวเองมีผมหงอกเล่นเอาตกตะลึงแถมไม่ได้มีแค่เส้นเดียวอีกต่างหาก
น่าจะเป็นผลจากการที่ฉันเครียดมากเกินไป แต่มันจะไม่มีอีกแล้ว
เรย์กะคนใหม่ถือกำเนิดแล้วค่ะ!
ฉันรู้สึกได้แล้วว่าทุกอย่างแม้จะพังไปหมด แต่มันก็ยังต่างจากเรื่องราวที่ฉันเลยอ่านมา
ฉันยังมีเพื่อนที่ไม่ทอดทิ้งฉัน
และท่านคาบุรากิกับท่านเอ็นโจวอยู่ข้างฉันอีกด้วย!
หลงระเริงในรักนานไปหน่อย ทำตัวสิ้นหวังจนไม่สมกับหัวหน้าหมู่บ้านคานทอง ประชาชนของฉันต้องผิดหวังในตัวฉันแน่ๆ ขอโทษนะคะ สำนึกผิดแล้วล่ะค่ะ แถมปล่อยนายหัวเงินให้ปกครองหมู่บ้านอย่างโดดเดี่ยวน่าสงสาร ไม่ต้องกลัวนะทุกคน คิโชวอิน เรย์กะกลับมารับตำแหน่งอันทรงเกียรติคืนแล้วค่ะ
ฉันกอดมาโอะจังแน่น อิย๊า นุ่มนิ่มที่สุด ยูริคุงยืนมองอยู่ทำท่าอยากจะกอดมาโอะจังด้วย แหม น่ารักจังเลยค่ะ รักแท้พื่อนวัยเด็ก น่าอิจฉาจังเลย ข้างๆกันนั้นเป็นยูกิโนะคุงที่ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมสบตาฉัน
“ยูกิโนะคุง?” ฉันลองเรียกดู
“ฮะ?”
ยูกิโนะคุงสะดุ้งเฮือก มองฉันแบบเกรงๆจนฉันเริ่มกังวล จะว่าไปตั้งแต่มาเยี่ยมยูกิโนะยังไม่พูดกับฉันสักคำเลย
“ ไม่สบายตรงไหนรึเปล่า บอกพี่ได้นะ” ฉันถามออกไปอย่างเป็นห่วง ยูกิโนะคุงยิ้มส่ายหน้าเบาๆ ยกนิ้วชี้มาจิ้มกันเองแล้วพูดอ้อมแอ้มว่า
“ผ ผมเองก็อยากกอดท่านพี่เรย์กะเหมือนกัน”
น่ะ…นี่มัน จะน่ารักเกินหามใจไปแล้วน้า
“มาเลยจ๊ะ พี่พร้อมเสมอ!”
นี่มันสิ่งเยียวยาจิตใจของฉันชัดๆ เหล่าเด็กๆต่างมากอดฉันจนจิตใจฉันฟูฟ่องไปหมด มีความสุขจังเลยค่ะ
ต่อจากนั้นไม่นาน มาโอะจังกับยูริคุงก็ขอตัวกลับเพราะทางบ้านมารับ ส่วนยูกิโนะคุงยังคงอยู่กับฉัน ดูเหมือนว่ายูกิโนะคุงก็กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้เหมือนกัน
เราสองคนคุยกันอย่างสนุกสนาน เหมือนเรื่องราวร้ายๆที่ผ่านมาเป็นความฝันของฉัน
“ผมเสียใจมากเลยที่พี่เรย์กะไม่ไปเยี่ยมท่านพี่ของผม” จู่ๆยูกิโนะคุงก็พูดประเด็นร้อนฉ่าขึ้นมา
“เอ๋ ท่านเอ็นโจวเป็นอะไรไปคะ?” จะว่าไปเหมือนยูกิโนะคุงเคยบอกว่าท่านเอ็นโจวต้องเข้าโรงพยาบาล ไม่ได้ล้อเล่นหรอกหรือ เป็นอะไรร้ายแรงรึเปล่า แต่ที่เจอกันวันนั้นถึงจำได้ไม่ชัดเจน แต่ดูเขาปกติดีนะ
“รถชนน่ะฮะ”
“รถชน!!!!” นี่มันหนักสุดๆเลยไม่ใช่เหรอ ฉันนี่มันแย่สุดๆ ถึงแม้พวกเราไม่ได้สนิทถึงขั้นเพื่อนสนิท แต่เพราะทำอะไรหลายๆอย่างด้วยกันจนจบมัธยมระหว่างพวกเราคงเรียกว่าเพื่อนได้ แถมตอนฉันลำบากในตอนนี้ พวกเขาก็อยู่ข้างฉัน แต่ตอนนั้นฉันกลับมัวทำบ้าอะไรอยู่
ระหว่างกำลังตกใจอย่างหนัก ท่านเอ็นโจวก็ปรากฏตัวขึ้น
“ยูกิโนะ พี่มารับแล้วนะ”
“ท่านเอ็นโจว!” ฉันตะโกนเสียงดังจนท่านเอ็นโจวชะงักมองด้วยความแปลกใจ ฉันลุกขึ้นจากเตียงผ่านตัวยูกิโนะคุงไปแตะๆตัวเขาอย่างลืมตัว
“บาดเจ็บตรงไหนบ้างคะ หายดีแล้วใช่ไหม” มือยังไม่หยุดตบตามตัวไปทั่ว ท่านเอ็นโจวเหมือนจะยืนแข็งทื่อไปแล้ว จนฉันต้องเงยหน้าไปมองเขาเพื่อขอคำตอบ แต่พอสบตาฉันเท่านั้นฉันถึงเพิ่งรู้สึกตัว
“อ๊ะ ขอโทษค่ะ” แล้วก็กระโดดออกมายืนอ้ำอึ้ง
“ไม่เป็นไรครับ”
“…”
“…”
บรรยากาศเงียบวังเวงมากค่ะ ท่านเอ็นโจก็มองมาไม่ละสายตา กดดันสุดๆจนต้องก้มหัวลงไปอีกรอบ
“ขอโทษจริงๆนะคะ พะ พอดีลืมตัวไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรครับ” พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นท่านเอ็นโจวตอบพร้อมกับรอยยิ้มนุ่มนวล
แล้วทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
เอิ่ม ฉันควรทำยังไงกับสถานการณ์นี้ดีคะ
“ท่านพี่ มารับเร็วจังเลย”
ยูกิโนะคู้งงงงง ขอบคุณมากๆเลยที่มาทำลายบรรยากาศกระอักกระอ่วนแปลกๆนี้
“ถึงเวลาตรวจแล้วนะ” ท่านเอ็นโจวตอบกลับ เอ๋ จะไปกันแล้วเหรอ จู่ๆก็รู้สึกกลัวที่จะอยู่คนเดียวขึ้นมา
“ผมไปคนเดียวได้ ท่านพี่อยู่กับพี่เรย์กะก่อนก็ได้นะ” เอ๋ ไม่ดีมั้งคะ อยู่กับท่านเอ็นโจวแค่สองคน เมื่อกี้เดธแอร์กันจนไปต่อไม่ถูกพอทำท่าทางบอกว่าไม่เป็นไร ท่านเอ็นโจวก็พูว่า ก็ดีเหมือนกัน
ไม่ดีค่ะ!
สุดท้ายยูกิโนะคุงก็วิ่งฉิวออกไปพร้อมเสียงหัวเราะเล่นเอาตกอกตกใจไปหมด ยูกิโนะคุงอย่าหักโหมสิ เดี๋ยวก็หอบอีกหรอก และแล้วในห้องก็เหลือแต่ฉันกับเอ็นโจว ท่านแม่กับท่านพี่ที่ออกไปทำธุระ รีบๆกลับมาเถอะ บรรยากาศในห้องเงียบเสียจนน่ากลัว เอ ต้องควรคุยอะไรดี
“คุณคิโชวอิน ยังปวดหัวอีกไหมครับ” จู่ๆท่านเอ็นโจวก็เริ่มเปิดหัวข้อสนทนาก่อน
“ฉันไม่เป็นไรแล้วค่ะ ท่านเอ็นโจวล่ะคะ ได้ยินยูกิโนะคุงบอกว่าถูกรถชน ร่างกายเป็นยังไงบ้างคะ”
“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วล่ะ”
แล้วก็กลับสู่ความเงียบอีกครั้ง ฉันควรหาเรื่องคุยสินะ
“ผมของคุณคิโชอินดูนุ่มเงากว่าทุกวันเลยนะครับ” แต่กลับเป็นท่านเอ็นโจวอีกครั้งที่ชวนฉันคุยอีกครั้ง
อาเระ สังเกตเห็นด้วยเหรอ ภูมิใจแปลกๆแฮะ
หลังจากนั้นพวกเราก็เริ่มพูดคุยกันได้อย่างไม่ติดขัด แอบแปลกใจที่ฉันพูดกับเขาด้วยเรื่องราวมากมายไม่ใช่เรื่องของท่านคาบุรากิหรือยูกิโนะคุง ฉันรู้สึกราวกับว่าการพูดคุยครั้งนี้ นับรวมประโยคกันแล้วมากกว่า ที่พวกเราเคยคุยกันมาทั้งชีวิตเสียอีก
พูดมากเข้าชักเริ่มง่วงจนเผลอหาวออกไปโดยไม่รักษากริยา
“ง่วงแล้วเหรอ”
“อ๊ะ!? ค่ะ ขอโทษที่เสียมารยาทนะคะ” เผลอหาวอ้าปากกว้างต่อหน้าท่านเอ็นโจวเสียแล้ว แล้วนั่นแอบหัวเราะอยู่ใช่ไหม หนอย…
ฉันลุกขึ้นไปตบปากท่านเอ็นโจ พร้อมบอกว่ามีอะไรน่าตลกมิทราบไม่เคยเห็นสุภาพสตรีหาวหรือไง
แน่นอน ทุกอย่างเป็นแค่จินตนาการของฉัน
“งั้นพักผ่อนเถอะนะ ผมไม่รบกวนแล้ว” ท่านเอ็นโจวบอกลา ยกมือลาเหมือนบอกว่าจะไปแล้ว
จู่ๆความหวาดกลัวบางอย่างก็พุ่งออกมาจากใจฉัน
“คุณคิโชวอิน?” ท่านเอ็นโจวมองฉันอย่างแปลกใจ จนฉันสงสัยว่าเขาแปลกใจอะไร เขาบอกว่าจะไปแล้วแต่กลับยืนมองฉันอยู่
“เดินทางปลอดภัยนะคะ” ฉันพูดออกไปเอ็นโจวก็ตอบรับพร้อมรอยยิ้ม แต่เขายังไม่ไปไหน
ฉันงุงงงว่าทำไมเขายังไม่ไปอีกได้แค่ชั่วครู่ก็ค้นพบคำตอบ
ฉันกำลังดึงเสื้อเขาอยู่…
โดยไม่รู้ตัวเลยสักนิด
การอยู่คนเดียวมันน่ากลัวขนาดนี้เลยหรือ…
“คุณคิโชวอิน…” ท่านเอ็นโจวเรียกฉัน เขาไม่ได้จากไปและไม่จับมือของฉันออกจากเสื้อเขา
“คุณคิโชวอิน…” เขายังคงเรียกฉัน
“อ๊ะ ขอโทษนะคะ ฉันนี่แย่จริงๆ ดันรบกวนคุณเสียได้” ฉันรีบขอโทษ ส่วนเอ็นโจวยังคงอยู่ที่เดิม
มือของฉันยังคงจับอยู่ที่เสื้อของเขา และเริ่มสั่นสะท้าน
ปล่อยสิ มือของฉัน ปล่อยเร็วเข้า ขอร้องล่ะ
แค่นี้ก็ทำตัวเป็นภาระไม่พออีกเหรอ?
จู่ๆมือของฉันก็รู้สึกถึงความอบอุ่น ท่านเอ็นโจวกุมมือของฉันที่จับเสื้อแล้วดึงออก
ตอนนั้นฉันหวาดกลัว
ได้โปรด
ไม่อยากอยู่คนเดียว
ใครก็ได้…
แต่ก็หวาดกลัวได้เพียงไม่นาน
เขาพลิกมือแล้วกุมมือของฉันไว้
แล้วกระซิบเสียงนุ่มนวล
“อย่ากลัวนะ”
“คุณอดทนได้เก่งมาก…”
“เพราะงั้นอย่ากลัว…”
“ผมอยู่นี่แล้ว”
“คุณจะไม่เป็นไร”
จู่ๆน้ำตาของฉันมันก็ไหลลงมาอีกครั้ง ด้วยคำพูดจากคนคนเดิม
“’ผม’จะปกป้องคุณ”
.
.
.
ผมอยู่เป็นเพื่อนคุณคิโชวอินจนเธอหลับ ตรงกับเวลาที่นายหญิงคิโชวอินกลับมาจากการเข้ารับการบำบัดยาของพี่ชายคุณคิโชวอินพอดี
“ขอบคุณที่ดูแลลูกสาวของดิฉันค่ะ ท่านเอ็นโจว” เธอพูดกับผม ลักษณะท่าทางของเธอแตกแต่งกับที่เคยพบในงานเข้าสังคมที่ผ่านมา
สง่ากว่าเดิม แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ” ผมยังคงกุมมือเล็กๆของคุณคิโชวอินไว้ ท่านแม่ของคุณคิโชวอินยิ้มให้ผม
“รู้ไหมคะ ว่าฉันถูกปฏิเสธคำขอบคุณจากคนสองคนเลยล่ะจ๊ะ”
“ครับ?” ผมค่อนข้างแปลกใจกับคำพูดของคุณนายคิโชวอิน
“ลูกสาวกับลูกชายฉันช่างโชคดีจริงๆ ที่ได้พบพวกคุณ”
“ขอบคุณครับ” เราสองคนต่างมองกันแล้วยิ้มให้กัน
“เรย์กะจังเข้มแข็งมากใช่ไหมจ๊ะ” คำเรียกชื่อคุณคิโชวอินทำให้ผมค่อนข้างแปลกใจ เมื่อก่อนตอนร่วมงานผมมักจะได้ยินเธอเรียกลูกของตัวเองด้วยคำว่าคุณตลอด
“ครับ เธอเข้มแข็งมาก” ผมตอบ กระชับมือแน่นขึ้น”และอ่อนโยนยิ่งกว่าใคร
เธอพยายามทำตัวร่าเริงผมรู้ เธอไม่อยากทำตัวเป็นภาระให้คนกังวลผมก็รู้
ผมเฝ้ามองเธอมาตลอดตั้งแต่เด็กจนกระทั่งตอนนี้
ไม่มีทางที่ผมจะไม่รู้
“เดี๋ยวผมมีธุระต้องไปจัดการต่อ รบกวนคุณนายคิโชวอินต่อด้วยนะครับ”
“เป็นหน้าที่ของคนเป็นแม่อย่างฉันอยู่แล้วค่ะ” เธอก้มศีรษะให้ผมเล็กน้อย แล้วเดินมานั่งข้างเตียงของคุณคิโชวอิน ผมบอกเธอเล็กน้อยว่าควรให้มีคนอยู่ข้างกายคุณคิโชวอินสักคน ห้ามปล่อยเธอทิ้งไว้คนเดียว เพราะเธอหวาดหลัวมาก ท่านแม่ของคุณคิโชวอินรับคำผม บอกว่าจะติดต่อเพื่อนๆมาให้อยู่เป็นเพื่อนตอนตนต้องไปทำธุระ
ผมจึงวางใจและขอตัวลา
“คำว่าคุณนายคิโชวอิน ออกจะห่างเหินไปสักนิด” ท่านแม่ของคุณคิโชวอินพูดขึ้นทำให้ผมที่กำลังออกจากห้องไปชะงักหันกลับมามองเธอ เธอยิ้มให้ผม รอยยิ้มที่งดงามเหมือนลูกสาวของเธอ
“เรียกฉันว่าแม่ก็ได้นะจ๊ะ” พูดเสร็จเธอก็ปิดปากหัวเราะ ผมเองก็หัวเราะตอบ
“ครับ ท่านแม่”
.
.
พอออกมาจากห้องคุณคิโชวอิน ก็พบว่ามีคนดักรออยู่
โมโมโซโนะ อิมาริ
ผมไม่ได้สนิทกับเขา แต่พอรู้จักเขาจากคุณคิโชวอินว่าเป็นพี่ชายที่เธอนับถืออีกคน เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของพี่ชาย ผมยอมรับว่าสมัยก่อนผมเคยหึงเขา
แต่มันก็คือเมื่อก่อน
ผมรู้ว่าเขามีคนในใจอยู่แล้ว
เป็นคิโชวอินคนพี่
“เรื่องที่เรย์กะจังกับทาคาเครุอยู่ที่นี่ ไม่มีข่าวหลุดรอดออกไปอย่างแน่นอนใช่ไหม” คุณโมโมโซโนะถามผม
“ด้วยอำนาจของตระกูลผม กับมาซายะ รวมถึงสมาชิก Pivoine ทุกคน ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ รอบๆโรงพยาบาลมีผู้รักษาความปลอดภัยนอกเครื่องแบบจำนวนมากประจำตำแหน่งอย่างแนบเนียนไปกับประชาชนที่ใช้บริการอีกด้วย สบายใจได้ครับ”
“ แค่ข่าวไม่หลุดไปฉันก็สบายใจแล้วล่ะ” เขาถอนหายใจเหมือนโล่งอก ผมจึงถามเขากลับบ้าง
“แล้วทางคุณ…”
“ส่งคนไปแล้ว กำลังเจรจา แนวโน้มจะสำเร็จสูง”
“ดีแล้วล่ะครับ”
“อืม”
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ตามสบาย ขอบคุณที่ช่วยดูเรย์กะจังตอนที่พวกเราอยู่กับทาคาเครุนะ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ แล้วก็หลังจากนี้ พวกเพื่อนๆอาจจะมาเยี่ยมคุณคิโชวอินบ่อยๆ คงต้องขอรบกวนหน่อยนะครับ”
“ฮะฮะ ดีเลย เรย์กะจังจะได้ไม่เหงา”
หลังบอกลากับคุณโมโมโซโนะไปได้ชั่วครู่ โทรศัพท์ที่ยืมมาจากรุ่นน้องคนหนึ่งในมหาวิทยาลัยก็ดังขึ้น เบอร์ที่โทรมาไม่ระบุชื่อ น่าจะเป็นการโทรศัพท์จากโทรศัพท์สาธารณะ
“สวัสดีครับ อุทิศตน…”
“แด่จักรพรรดินีกล้วยไม้ป่า ” รหัสการพูดถูกต้อง เสียงคนที่โทรมาคือคุณอิวามุระ ทาคาชิที่ปลอมตัวไปสืบข่าว ความจริงแล้วพวกเราตกลงกันไว้ว่าจะไม่ติดต่อทางโทรศัพท์เพื่อป้องกันการดักฟัง ถึงแม้จะป้องกันโดยการยืมโทรศัพท์ของคนนอกที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาใช้แล้วแต่ก็ไม่อาจวางใจ แต่นี่คงเป็นกรณีพิเศษ คุณอิวามุระถึงได้ติดต่อมา
“ที่ให้ไปสืบมีความคืบหน้ารึยัง”
“ครับ จากที่แฝงตัวมาสักพักเป็นอย่างที่ท่านเอ็นโจวบอก เหมือนเธอคนนั้นจะปรากฏตัวที่นี่บ่อยๆ”
“จับตาดูตารางเวลาของเธอไว้ให้ดี เดี๋ยวผมจะส่งคนไปเจรจา”
“ดูเหมือนพวกเราจะช้าไปก้าวหนึ่งครับ” ผมขมวดคิ้วเมื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดคิด
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เหมือนว่าการเจรจาของเราจะสำเร็จก่อนได้ลงมือครับ” คำตอบของคุณอิวามุระทำให้ผมแปลกใจยิ่งกว่าเดิม
“วันนี้คุณนายคิโชวอินมาที่นี่” และแปรเปลี่ยนเป็นความตกตะลึง
“ท่านมาพร้อมกับญาติฝ่ายตัวเองที่อยู่ในกลุ่มชนชั้นสูง”
ภาพในตอนนั้น…
ร่างบอบบางเดินอย่างมั่นคงสง่างาม ก้าวเดินอย่างช้าๆเป็นจังหวะดึงดูดสายตาผู้คน
พร้อมกับชายผู้เป็นญาติอีกสองคน
รอบกายรายล้อมไปด้วยบอดี้การ์ดนับสิบ
เธอตรงไปยังหญิงสาวที่เป้าหมายที่พวกเขาตามสืบ
“ดิชั้นนายหญิงแห่งตระกูลคิโชวอิน วันนี้มาขอพูดคุยข้อเสนอตามที่นัดไว้ค่ะ”
เมื่อเธอยิ้มรอบตัวของเธอนั้นเหมือนมีรัศมีที่น่าเกรงขามกลบความโสมมของสถานที่แห่งนั้นจนหมดสิ้น
“แอบยืนมองอยู่ เท่สุดๆไปเลย สมแล้วที่เป็นท่านแม่ของท่านอาจารย์ แม่ของจักรพรรดินี ก็ต้องเป็นยิ่งกว่าจักรพรรดินี”
ผมยิ้ม ดูเหมือนว่าท่านแม่คนใหม่ของผมจะไม่คิดอยู่เฉยๆเช่นกัน
“ดูเหมือนจะมีข่าวดีสินะฮะ” ยูกิโนะมายืนข้างผม ส่งยิ้มที่คุณคิโชวอินบอกเสมอว่าเหมือนเทวดาตัวน้อย
“ผมอยากขยี้เจ้าสารเลวนั่นให้จมดินเหลือเกินฮะ ท่านพี่”
.
.
.
.
คุณทาคามิจิได้รับเลือกให้เป็นผู้ฝึกงานในบริษัทเมื่อห้าวันก่อน
ด้วนประวัติขาวสะอาด ราบเรียบ ไม่มีอะไรแอบแฝง รวบทั้งผลการเรียนที่น่าตื่นตะลึงทำให้เธอได้รับการฝึกอย่างรวดร็ว
แต่งานของเด็กฝึกงานย่อมไม่เกี่ยวข้องกับเอกสารสำคัญ เธอไม่สามารถเข้าทำงานได้เพราะเธอยังเป็นแค่นักศึกษามหาวิทยาลัย
แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา
เธอพอมีความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์ แม้ไม่มากนักแต่หลังจากวางแผนการ เธอจึงเข้าเรียนกับผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ เธอก็ใช้เวลาไม่นานในการเรียนรู้มัน
เธออาจไม่เก่งในหลายๆด้านที่คนทั่วไปเขาเป็นกัน และเรื่องมันสมองกับแรงกายเธอมั่นใจยิ่งกว่าใคร บวกกับบุคลิกของเธอทำให้ถูกไว้เชื่อใจได้โดยง่าย
และที่สำคัญเธอไม่ได้มาตัวคนเดียว
พันธมิตรลับของเธอมีทั้งคนที่สมัครฝึกงานมาด้วยกัน ล้วนเป็นผู้มีความสามารถ
รวมทั้งในตัวบริษัทเองก็ยังมีคนที่ซื่อสัตย์กับตระกูลคิโชวอินอย่างลับๆซึ่งคุณซาซามิจิอดีตเลขาของนายใหญ่ตระกูลคิโชวอินยืนยันว่าเชื่อถือได้ คนเหล่านั้นยังคงหลบซ่อนตัวและไม่ถูกปลดจากตำแหน่ง
เพื่อรอเวลาที่จะโจมตีกลับ
ทุกคนค่อยๆทำหน้าที่ของตนเองอย่างเงียบเชียบ ทำตัวราวกับไม่รู้จักกัน
บริษัทมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดมากขึ้น อาจเพราะเจ้าของบริษัทมีความหวาดระแวง เขาให้ทุกวิถีทางเพื่อป้องกันคนคิดไม่ซื่อกับตัวเขา ถึงกับจ้างคนมาวางระบบบริษัทใหม่ รวบทั้งวางระบบดักรับข้อมูลแบบทุกจุดโดยไม่ให้ใครรู้
พวกเธอรู้เพราะเคยลองเจาะระบบแล้วเจอเข้า เกือบแย่ไปเหมือนกัน เลยต้องลองหาวิธีใหม่ๆ
และเหมือนประธานบริษัทจะอ่านเกมได้ไม่ครบ
เขาคิดว่าศัตรูของเขาคือพวกกลุ่มชนชั้นสูงที่รวมกลุ่มกัน สายตาของเขาจึงมองแต่เบื้องบน
ลืมมองเหล่ามดงานตัวน้อยที่ค่อยๆขับเคลื่อนการกระทำบางอย่าง
ที่คอยทำงานให้โดยไม่หวังผล ไม่มีหลักฐานให้สืบสาวว่าเกี่ยวพันกัน
เพราะทุกคนล้วนทำด้วยใจ
เพื่อราชินี
ข่าวสารในบริษัทถูกส่งต่อจากเธอไปยังอุเมวากะ อาสึกะและเพื่อนของเขา
หากคนเดิมที่มาส่งและรับข้อมูลปรากฏตัวบ่อยย่อมเป็นที่ต้องสงสัย พวกเราจึงรวบรวมพรรคพวกจากโรงเรียนเก่า บางคนอาจไม่รู้จักคุณคิโชวอินด้วยซ้ำแต่ก็ยอมมาช่วยเหลือเพราะเพื่อนของตนขอ
มดตัวเล็กๆไม่กี่ตัวค่อยๆเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น
จนกลายเป็นกองทัพขนาดย่อม
วันนี้เธอได้ข้อมูลสำคัญมาแล้ว จากสมาชิกดั้งเดิมของบริษัทที่ซื่อสัตย์ต่อตระกูลคิโชวอิน
พวกเราทำการตรวจสอบจากหลายวิธีจนแน่ใจว่ามันเป็นของจริง
.
.
.
“พิซซ่ามาส่งครับ” รอบนี้คนรับส่งเป็นรอบของอุเมกาวะ อาสึกะ อีกครั้ง
“ขอบคุณค่ะ ส่วนนี่ทิปนะคะ” ทาคามิจิ วาคาบะจ่ายเงินที่เขียนรหัสบางอย่างไว้บนตัวใบออกไป
พนักงานพิซซ่ายิ้มร่าอย่างเบิกบานรับข้อความนั้นไป ก่อนเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป
มดตัวน้อยค่อยๆกัดกินราชสีห์ทีละน้อย
ทีละน้อย..
จบตอนที่ 3
ตอนที่สี่เจอกัน ในสักวันหนึ่ง //เหม่อมองท้องฟ้า
คิดว่าน่าจะห้าตอนจบค่ะ
ฟิคพวกมึงนี่ดีสัสๆ เอาจริงกูว่ารวมเล่มฟิคขายแม่งแล้วเอามาlcเรื่องเข้าไทยเลยมะถถถถถถถถ
>>831-834 โอ๊ย ค้างงง อ่านแล้วสงสารเรย์กะ ถึงจะทำตัวเองก็เถอะ แง้ อ่านแล้วอยากจะให้จริงๆแล้ววาคาบะต่างหากที่หาทางจับคาบุรากิแต่แรก เป็นตัวร้ายแทนไปเลย ฮือ
>>844-849 เล่นใหญ่เหมือนเดิม 5555 ไม่รู้ทำไมรู้สึกขำตรงรหัสลับชะมัด ท่านแม่ของจักรพรรดินี ก็น่าจะตำแหน่งพระพันปี (รึเปล่า) ถถถถ
ยูกิโนะ รอยยิ้มเทวดาน้อย แต่คำพูดนี่มันจอมมารยิ่งกว่าพี่ชายอีกนะหนู 555555
วันนี้มีแต่หลังตระกูลล่มสลาย ฮือ ใครก็ได้ขอฟิคโดขิโดขิเยียวยาใจหน่อย
>>844-849 ท่านเรย์กะ พอฟื้นตัวได้ก็ทำการลวนลามเอ็นโจแบบเนียนๆเลยนะคะ ดิฉันสนับสนุนให้ท่านเอ็นโจทำกลับเพื่อความแฟร์ค่ะ เราจะปล่อยให้โดนฝ่ายเดียวไม่ได้นะคะ เสียเปรียบแย่
นี่มันหนังสงครามชัดๆ อยากเห็นจักรพรรดินีออกบัญชาทัพ เอาศัตรูฝ่ายตรงข้ามมาตบด้วยพัด ประชาชนเบื้องหลังร้องเพลง God save the queen ไปด้วย เล่นใหญ่รัชดาลัยแน่ๆ
inception ชั้นที่ 2 จาก >>780-782 กูเอาฟิคมึงมายัดกาวเพิ่มแต่ก็เป็นตอนต่อด้วยนะ ถือว่ามึงเป็นฟิคหลักแล้วกูเป็นผู้ช่วยเขียนก็ได้ หรือใครที่คิดว่ามึงกาวได้สะเทือนตับไตหัวใจวายกว่า มึงมา inception กูต่อได้เลย วะฮ่าๆๆๆ
ตัดฉากเอามุมมองโม่งซุยรันไปก่อน เดี๋ยวพาท inception กำลังตามมา
******************************
นักเรียนหญิงไร้นามที่จบรุ่นเดียวกันกับคิโชอิน เรย์กะ
เป็นงานแต่งงานที่บรรยากาศแย่จริงๆ ด้วยค่ะ ยิ่งสีหน้าขององค์จักรพรรดิที่ได้ชื่อเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวยิ่งดูไม่ได้ใหญ่เลยค่ะ
ก็.. ก็ใช่ว่าจะไม่รู้นะว่าเกิดอะไรขึ้น ใครใช้ให้กลุ่มลับซุยรันแทบเดือดเป็นไฟเพราะมีข่าวลือเรื่ององค์ชายเอ็นโจวกันละ
เขาว่าต่อๆ กันมาในกลุ่มว่า เจ้าสาวที่กำลังเข้าพิธีคนนี้เบียดอดีตคู่หมั้นของท่านเอ็นโจวจนหลุดออกนอกวงโคจรแล้วเสียบเข้ามาแทนที่อย่างน่ารังเกียจ ถึงจะไม่รู้ว่าใช้วิธีไหนแต่ก็ทำให้ทั้งคาบุรากิทั้งเอ็นโจวอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกไป
ฮือออ คนที่พอจะกอบกู้สถานการณ์นี้ได้ คงมีแต่ท่านคิโชอินเท่านั้น!!! แต่ว่า... แต่ว่า.. ถึงแม้หลังจากพวกเราจะร่วมมือร่วมใจช่วยท่านคิโชอินจากเจ้าสวะชั้นต่ำนั่น กอบกู้ศักดิ์ศรีของคิโชอิน และเหมือนองค์จักรพรรดินีกับเจ้าชายจะสนิทกันขึ้นอีกนิดก็เถอะ อยู่ๆ ท่านคิโชอินก็หายเงียบไร้ข่าวคราวมาหลายปี ขนาดท่านเซริกะหรือท่านคิคุโนะที่สนิทที่สุดยัง...
เอ๋?! นั่น..นั่นท่านคิโชอินนี่ค้าาาา ท่านคิโชอินกลับมาแล้ววววว!
ท่านคิโชอินดูแปลกตาไปมากเลยค่ะ ดูเติบโตขึ้น แข็งแกร่งขึ้น และงดงามขึ้น ยังรวมไปถึงออร่าจักรพรรดินีที่เพิ่มขึ้นจนเกือบจะเผลอคุกเข่าหมอบกราบไปแล้วค่ะ อ๋อย~ ดูรอยยิ้มนั่นสิคะ ใจเต้นตึกตักเกือบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว จากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ช่วงที่ท่านหายไปท่านคงต้องพยายามขึ้นสินะคะ
“ไม่ได้พบกันเสียนาน ทุกท่านยังสบายดีกันนะคะ”
ถึงรูปลักษณ์ภายนอกจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน แต่ท่านคิโชอินยังคงให้ความสนิทสนมจริงใจกับพวกเราเช่นเดิม อ๋า~ ช่างเป็นท่านใจดีไม่เปลี่ยนอะไรเช่นนี้
“ท่านคิโชอิน ฮือๆ คิดถึงท่านคิโชอินที่สุดเลยค่ะ”
แทนที่บรรยากาศการพบกันจะเต็มไปด้วยความรื่นรมย์ยินดี พวกเรากลับรู้สึกตื้นตันมากกว่าที่ได้เจอกันอีกครั้ง ท่าทางการหายตัวไปคงจะเป็นการเดินทางรักษาแผลใจอย่างที่พวกเราคุยกันจริงๆ ด้วยสินะคะ
พอเห็นพวกเราทำท่าจะเป่าปี่ ท่านคิโชอินก็ออกอาการแตกตื่น เอ่ยปลอบโยนพวกเราอย่างลนลาน
ท่านคิโชอินนนนน ช่างเป็นท่านใจดีไม่เปลี่ยนอะไรเช่นนี้
พวกเราแลกเปลี่ยนเรื่องราวกันจนได้ความว่า ท่านคิโชอินเดินทางไปต่างประเทศเพื่อเจรจาธุรกิจกับคุณซาซาจิมะ อดีตเลขาของคุณพ่อของท่านคิโชอินที่ได้เลื่อนขั้นมาเป็นกรรมการผู้จัดการ จากนั้นเลยอยู่เที่ยวและสมัครเข้าเป็นอาสาสมัครไปเดินป่าต่อ
อ๋า ช่างเป็นท่านใจดีไม่เปลี่ยนอะไรเช่นนี้
แต่ก่อนจะได้ล้วงลึกว่าท่านคิโชอินไปทำอะไรมาบ้าง ท่านเอ็นโจวก็เดินออกมาพร้อมท่านคาบุรากิ อุหวา สีหน้าท่านเอ็นโจวนี่คล้ายจะล้มได้ทุกเมื่อเลยค่ะ ท่านคิโชอินเองก็คงเห็นเช่นเดียวกัน ท่านขอตัวเข้าไปหาทั้งคู่ดูสนิทสนมกันกว่าตอนอยู่ซุยรัน- ไม่สิคงเป็นเพราะเหตุการณ์คราวนั้นเลยทำให้ทั้งสามท่านสนิทกันขึ้นสินะ
ท่านเอ็นโจวออกมาแล้วแสดงว่างานก็คงใกล้จะเริ่ม พวกเราจึงชวนกันเข้าไปนั่งรอพิธีในโบสถ์เลย
.
.
.
ถึงจะเคยพูดไปแล้ว แต่ขออีกสักทีเถอะค่ะ นี่เป็นงานแต่งที่น่าอึดอัดใจที่สุดเลยค่ะ แขกค่อยๆ ทยอยเข้ามานั่งก็จริงแต่รอบข้างกลับมีแต่ความเงียบงัน ไม่มีแม้แต่เสี้ยวบรรยากาศรื่นเริงชื่นมื่นเลย
อดทนอยู่ไม่นานเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของออแกนก็บรรเลงขึ้น นักขับร้องที่มุมโถงก็เริ่มเอ่ยคำร้องสรรเสริญพระเจ้า บาทหลวงชื่อดังที่เคยเห็นในข่าวบ่อยๆ เดินขึ้นแท่นเข้าประจำที่พร้อมท่านเอ็นโจว..ที่สีหน้ายังไม่ดีขึ้นสักนิด หรือควรบอกว่าเหมือนคนที่กำลังตกนรกมากกว่า เด็กๆ ก็เริ่มจุดเทียนโปรยดอกไม้ตามลำดับพิธีการก่อนที่เสียงออแกนจะเปลี่ยนเป็นเพลงเว็ดดิ้งมาร์ชของว้ากเนอร์
เจ้าสาวผู้นั้นค่อยๆ เดินเข้ามาพร้อมตาแก่แป๊ะยิ้มที่ยิ้มจนเหมือนสาวปากฉีกเข้าไปทุกที ทุกคนยืนขึ้นต้อนรับด้วยสีหน้าที่ดูก็รู้ว่าไม่มีใครยินดีด้วยสักคน โอ๊ะ คงต้องยกเว้นญาติฝั่งเจ้าสาวละนะ
เขาว่าเจ้าสาวเป็นคริสตังเลยเรียกร้องให้จัดพิธีเต็มรูปแบบขนาดนี้ หึ น่าหมั่นไส้จริงๆ ค่ะ ถ้าเป็นท่านคิโชอินจะไม่ว่าอะไรเลย
พวกเราให้ความร่วมมือในพิธีกันอย่างสงบเสงี่ยมแต่ในใจกัดผ้าเช็ดหน้าขาดไปไม่รู็กี่ผืนแล้ว อาเระ? จนเจ้าสาวเดินเข้ามายืนข้างท่านเอ็นโจวแล้ว.. แล้วท่านคิโชอินไปไหนกันคะ
หลังสะกิดถามกันไปไม่กี่ทอด คุณเซริกะที่อยู่ไม่ไกลก็บุ้ยใบ้ไปทางหนึ่ง ท่านคิโชอินนั่งอยู่นั่นเองค่ะแต่ว่า.. อึ้ย~ ทำ ทำไมออร่าถึงได้น่ากลัวกันขนาดนั้นคะ พัดซี่หุ้มผ้าไหมสีดำปักลายดอกฮิกังบานะสีแดงสดคลี่ออกบดบังใบหน้านั้นจนเห็นแค่ดวงตา แต่ดูแล้วรู้เลยว่ากำลังไม่พอใจแน่ๆ
เดี๋ยวนะ พัดสีดำลายดอกฮิกังบานะ? อู้ยยย~ ท่านคิโชอินเล่นแรงมาเจ้าค่ะ
“ท่านจะรับคุณผู้หญิงเป็นภรรยาไม่ว่าจะยามสุข หรือทุกข์ มั่งมีหรือยากจน สบายดีหรือเจ็บป่วย จนกว่าจะตายจากกันหรือไม่”
พวกเรามัวแต่คุยกันผ่านทางสายตา รู้ตัวอีกทีเจ้าสาวก็ผ่านการกล่าวคำปฏิญาณตนไปแล้ว เหลือคำปฏิญาณของท่านเอ็นโจว ทุกอย่างก็จะสายเกินไปแล้ว
ความเงียบงันยิ่งกว่าตอนเริ่มงานแผ่กระจายหลังสิ้นเสียงของบาทหลวง ท่านเอ็นโจวนิ่งอยู่เช่นนั้นจนบาทหลวงเรียกเตือน
“ผม-”
ตึง
“อ่า ดิฉันก็คิดว่าจะอดทนให้ผ่านไปได้จนจบอยู่หรอกนะคะ ทว่างานแต่งงานพรรค์นี้นี่ช่างเกินกว่าจะยอมรับได้จริงๆ ”
กรี๊ดดด! ท่านเรย์กะออกโรงแล้วค่ะ ท่านลุกขึ้นก้าวออกมาจากที่นั่ง ค่อยเยื้องย่างมาราวกับกำลังเหยียบย้ำหัวใจคนมองให้แหลกลาน เสียงรองเท้าส้นสูงคู่นั้นดังเป็นจังหวะกระทั่งท่านเรย์กะไปหยุดยืนเกือบจะถึงหน้าแท่นพิธี สายตาทุกคู่ในโถงแห่งนี้ต่างจับจ้องไปที่ท่านอย่างไม่อาจห้ามตัวเองได้
ท่านเรย์กะ อะแฮ่ม ท่านคิโชอินยกมือข้างหนึ่งปัดปอยผมม้วนเกลียวไปข้างหลังก่อนจะลดลงไปเท้าเอว มืออีกข้างกรีดกรายคล้ายจะเกี่ยววิญญาณคนมองให้หลุดลอยออกมาค่อยๆ คลี่พัดดำลายดอกฮิกังบานะบังใบหน้าครึ่งล่าง เหลือเพียงดวงตาที่ตวัดวาดอายไลน์เนอร์จนคมกริบกับขนตางอนยามแบบไม่ง้อขนตาปลอมคู่นั้น
อ๋า~ ฉะ ฉันคล้ายเห็นภาพหลอนของเทพธิดาปรากฏกายลงกลางโถงเลยค่ะ จะเป็นลม ช่างเป็นท่านที่งดงามอะไรเช่นนี้ ต้องเป็นท่านนี้เท่านั้นจริงๆ ถึงจะเหมาะสมกับองค์ชายของพวกเรา
เพราะฉะนั้น สู้ให้เต็มที่เลยค่ะท่านเรย์กะ พวกเราจะคอยสนับสนุนให้กำลังใจอยู่ตรงนี้เองค่ะ
*************
เพิ่งเห็นว่ามีฟิคภาคต่อรูท bad end ด้วย เดี๋ยวขอเอาตรงนี้ให้จบก่อนจะมาอ่าน..... โฮกกกก ให้กุกลับมาเขียนพาร์ทกุทีหลังได้มั้ย ขออ่านก่อน อย่างมากก็เลทเป็นพรุ่งนี้.. //โดนตบ
Secret End (inception level 2)
Act 2 : part 1.1
ฉันฝันประหลาดอีกแล้วเจ้าค่าาา นอนต่อไม่หลับเลย ฮือๆๆๆ ดูตัวฉันในกระจกสิคะ บอกว่าเป็นผีเดอะริงลงมาสิงคงเชื่อกันสนิทใจแน่ๆ หวังว่ารอบนี้คงจะไม่ใช่ฝันบอกเหตุนะคะ ยิ่งเนื้อหาในความฝันนี่ดันมีต้นทางเป็นงานที่จะเกิดในวันนี้ด้วย
วันนี้เป็นวันแต่งงานของอีตาเอ็นโจวค่าาา~ ในที่สุดฉันก็จะหลุดพ้นจากเจ้าคู่หูอันตรายคู่นั้นแล้ว ฮึกๆ ดูสิดีใจจนน้ำตาไหลเลย แถมยัง..แปลกแหะทำไมถึงรู้สึกวูบโหวง อึดอัด และเจ็บในอกอย่างนี้นะ ต้องเป็นเพราะนายคาบุรากิตัวซวยนั่นแน่ๆ ส่งการ์ดเชิญเฉยๆ ธรรมดาๆ แบบคนทั่วไปไม่เป็น ต้องหอบเอาบัญชีหนี้ก้อนใหญ่มาโยนโครมให้ฉันพร้อมคำขู่ด้วย
"ถ้าเธอปฏิเสธล่ะก็ตระกูลคิโชวอินของเธอไร้ที่ยืนอีกแน่!"
แบบนั้นเรียกว่าขอร้องเหรอคะ!? อย่ามาลากฉันและตระกูลไปเกี่ยวด้วยซิ!
"ชูสุเกะช่วยอะไรเธอมาตั้งเยอะแยะ แล้วเธอจะนิ่งดูดาย ไม่สำนึกบุญคุณอย่างงั้นเหรอ!?"
ฉันระลึกออกแต่หนี้และดอกเบี้ยราคาแพงมหาโหดเท่านั้นล่ะค่ะ
แล้วทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ!?
ฉันไม่ทันได้ตอบรับอะไรนายคาบุรากิก็สะบัดตูดหายไปเสียแล้ว ทิ้งให้ฉันยืนค้างเป็นนางเอกมิวสิคท่ามกลางใบไม้แห้งที่ปลิวผ่านไป
อะไรกัน แค่ไปเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากในแทบทุรกันดาร ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกครึ่งปี กลับออกมาสู่โลกเทคโนโลยีได้แล้วก็ถูกองค์จักรพรรดิ์บัญชาให้ทุ่มตัวช่วยเหลือเจ้าชายจากปราสาทลวดหนามที่มีมังกรโหดเฝ้า โดยไม่ให้อาวุธอะไรไปตบตีกับเขาเลย
ถัดจากนั้นท่านไอระและท่านยูริเอะก็มาเกลี้ยกล่อมฉัน
"ชูสุเกะน่าสงสารมากเลยนะ ดูท่าทางไม่ดีเลยล่ะ เรย์กะจังช่วยเขาทีเถอะนะ"
"ถ้าเป็นเรย์กะจังล่ะก็คงไม่มีใครกล้าขัดขวางแน่ พวกเราจะช่วยอีกทาง ขอแค่เรย์กะจังไปห้ามทัพไว้ก่อนน่ะ รบกวนทีนะ"
จะให้ฉันเป็นแม่ทัพเนี่ยนะคะ? ทำไมไม่เป็นคาบุรากิเล่า เป็นจักรพรรรดิไม่ใช่รึไง อำนาจของฉันน่ะใช้ได้แค่ในซุยรันเท่านั้นแหละค่ะ กะคนข้างนอกน่ะฉันไม่ไหวหรอกนะคะ
"ขอร้องล่ะ เรย์กะจัง!"
ถึงจะพูดแบบนั้นกันก็เถอะ... เดี๋ยวนะ ทำไมถึงรู้สึกคับคล้ายคับคลาว่าเหตุการณ์เหล่านี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเลยล่ะค้าาา!?
ฮึ่ม ยังไงก็ต้องจัดการกับสภาพผีตายซากนี้ก่อนละนะ กรีดอายไลน์เนอร์คมขึ้นหน่อยกับใช้ลิปสีแดงกว่าปกติคงพอกลบเกลื่อนได้ละ โชคดีที่เลือกแบบชุดเดรสในร้านตัดไว้ให้ก่อนและได้ท่านแม่เลือกรองเท้ากับเครื่องประดับออกงานไว้ให้ เอาละคิโชอิน เรย์กะ (ไม่) พร้อมลงสู่สนามรบแล้วค่ะ
อืม ยังดีที่อย่างน้อยก็ไม่มีรถลีมูซีนของจักรพรรดิ์บ้าอำนาจมาลักพาตัวฉันไปงานละนะ
★ ★ ★ ★ ★
Secret End (inception level 2)
Act 2 : part 1.2
ดูเหมือนว่าช่วงที่ฉันไม่อยู่จะมีหลายๆ เรื่องเกิดขึ้นแหะ
อย่างแรกไม่คิดว่าจะมีคนคิดถึง ฉันก็คิดถึงทุกคนเหมือนกันนะคะ ระหว่างที่เป็นอาสาสมัครนี่ทั้งเหนื่อยทั้งลำบาก ช่วงเวลานั้นได้ทบทวนความทรงจำถึงทุกคนแล้วยิ่งรู้สึกซาบซึ้งจริงๆ ที่ได้ช่วยเหลือฉันไว้
แต่ก่อนจะได้คุยกันไปมากกว่านี้ฉันก็เห็นคุณเจ้าบ่าวกับพระสหายออกมาพอดี เอ๋? ยูกิโนะคุงไม่อยู่หรอกหรอ คงไม่ใช่ไม่สบายอีกแล้วนะ แต่ว่าดูไปแล้วจะเป็นท่านเอ็นโจวมากกว่าที่จะล้มก่อนงานเริ่ม
นี่เป็นอย่างที่สอง ไม่คิดว่าคนอย่างเอ็นโจวจะมาเสียท่าได้ขนาดนี้เลยค่ะ
“ท่านเอ็นโจว วันนี้ต้องผ่านไปได้ด้วยดีแน่นอนค่ะ”
เห็นสภาพท่านเอ็นโจวเป็นนี้ฉันก็อดให้กำลังใจไม่ได้ อืม ยังไงคำขอร้องของท่านคาบุรากิก็มองข้ามไม่ได้ละนะ ถือเสียว่าเป็นการชดใช้หนี้คงได้ละมั้ง
ท่านเอ็นโจวมองฉันนิ่ง อาเระ ทำไมถึงมองอย่างนั้นคะ ฉันมีอะไรแปลกไปหรอ เมื่อเช้าก็คิดว่าแต่งหน้าเตรียมตัวมาอย่างดีแล้วนะคะ หรือว่าเขียนตาเบี้ยว? ไม่นะ!
หลังจ้องฉันเสียนานสองนาน ทำท่าจะพูดก็ไม่พูดสักที สุดท้ายท่านเอ็นโจวก็พยักหน้าโดยไม่ได้เอ่ยตอบรับอะไร แปลกแหะ คงเป็นเพราะไม่ได้เจอกันนานละมั้ง ฉันเปลี่ยนไปได้เขาก็เปลี่ยนไปได้เหมือนกันสินะ
“ชูสุเกะ นายรีบเข้าไปเตรียมตัวเถอะ ฉันขอคุยกับคิโชอินหน่อย เสร็จแล้วเดี๋ยวจะตามเข้าไป”
ท่านคาบุรากิตัดบทระหว่างเราห้วนๆ แล้วลากฉันออกมา ดูเหมือนจะพาไปห้องรับรองที่อยู่ไม่ไกลระหว่างนั้นท่านคาบุรากิยื่นพัดเล่มหนึ่งให้
“เอาไปแล้วถ่วงเวลาจนกว่าฉันจะมาซะ อ่อ ยูกิโนะรออยู่ในห้องรีบๆ คุยแล้วรีบไปขวางพิธีด้วย”
ฉันที่ยังไม่ทันคิดอะไรต่อเขาก็หมุนตัวหายไปแล้ว ทิ้งฉัน (อีกแล้ว) ไว้หน้าห้องที่ยูกิโนะคุงพักอยู่อย่างนั้น
แล้วฉันจะทำอะไรได้คะ หึ เข้าไปหายูกิโนะคุงเพื่อกอบโกยกำลังใจก่อนดีกว่าค่ะ
“ยูกิโนะคุง!”
ฉันพุ่งเข้าไปหายูกิโนะที่กำลังจะล้ม เขายิ้มอย่างอ่อนแรงแต่ในดวงตามีประกายของความยินดี
"ท่านพี่เรย์กะ ช่วยท่านพี่ด้วยนะครับ!"
อุก อย่าทำหน้าแบบนั้นซิ ท่านพี่คนนี้เห็นแล้วเจ็บปวดใจจริงๆ ค่ะ
"นะครับ ท่านพี่เรย์กะ!"
ยูกิโนะคุงกุมหน้าอก ไอค่อกแค่กก่อนจะทรุดตัวลง
ยูกิโนะคุง!
พยาบาลที่อยู่ไม่ไกลรีบเข้ามาช่วยเหลือพายูกิโนะขึ้นรถเข็น ทำไมถึงมาขยับเอาตอนนี้ละ มัวแต่ยืนทื่ออะไรอยู่ได้ตั้งนาน แล้วนั่นทำหน้าอะไรของหล่อนยะ! ฉันจะปล่อยให้คนแบบนี้ดูแลยูกิโนะคุงได้ยังไง
"สัญญากับผมนะครับท่านพี่เรย์กะ... ว่าจะพาท่านพี่ออกมา... ผมจะรอที่โรงพยาบาลนะครับ..."
ยูกิโนะคุงกุมมือฉันแน่น หลังจากเกี่ยวก้อยสัญญาก็ขึ้นรถพยาบาลที่จอดรออยู่ เปิดหวอเสียงดังแล้วขับจากไป
เหลือฉันคนเดียวที่หน้าโบสถ์กับพัดดำออกศึกที่คาบุรากิยัดใส่มือให้
สถานการณ์บังคับกันชัด ๆ เลยค่ะ แต่ทุกคนพยายามขอร้องกันขนาดนี้จะให้นิ่งเฉยก็คงไม่ได้ แล้วจากเรื่องราวที่ได้ฟังมา ฉันเองก็ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้นักหรอกนะ
ฉันกางและหุบพัดในมือไปมา โอ้ย ตาคาบุรากิเอาพัดอะไรมาให้ฉันคะเนี่ย พื้นผ้าไหมสีดำไม่เหมาะจะใช้ในพิธีแต่งงานแบบนี้อยู่แล้ว ยังจงใจปักลายดอกฮิกังบานะด้วยหรอคะ!? นี่จงใจส่งฉันไปเป็นเป้าในห่ากระสุนเลยไม่ใช่หรอคะ!?
สุดท้ายฉันก็ทำได้แค่พยายามทำใจให้สงบ ก่อนจะเชิดหน้าเดินเข้าไปข้างใน นั่งนิ่งรวบรวมสมาธิพร้อมอัญเชิญวิญญาณเรย์กะใน Kimi dolce ที่พอจะจำได้มาใช้สวมบทบาท
แต่คงจะใช้เวลารวบรวมภาพร่างเรย์กะคนนั้นนานไปหน่อย เกือบทำพลาดขัดขวางงานไม่ทันแถมยังเผลอขากระตุกทำเสียงดังขึ้นมาด้วย เจ็บเข่าอ่า เข่ากระแทกเก้าอี้โบสถ์ข้างหน้าอ่ะค่ะ ฮือ
โชว์เริ่มแล้ว ถึงยังเจ็บฉันก็ต้องไปต่อให้สุดเพื่อปลดหนี้ที่ติดท่านเอ็นโจวไว้ สู้ค่ะ!
“อ่า ดิฉันก็คิดว่าจะอดทนให้ผ่านไปได้จนจบอยู่หรอกนะคะ ทว่างานแต่งงานพรรค์นี้นี่ช่างเกินกว่าจะยอมรับได้จริงๆ ”
เดี๋ยวนะ ทำไมถึงคล้ายๆ ว่าเคยเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นมาอีกแล้วละ ถึงจะไม่คล้ายกันเสียทีเดียวก็เถอะ!
★ ★ ★ ★ ★
ยังมีต่อ...ในมโน ยังไม่ได้เขียนอ่ะ //หลบหน้า
วันนี้วันทองของแฟนฟิค รัวมาก เอาอีก เอาอีกกกกกกกกกกกกก
Secret End (inception level 2)
Act 2 : part 1.3
พะ พูดไปแล้วค้าาาาาา ทะ ทะ ทำไมบทพูดถึงได้เบียวขนาดนี้ค่ะ นี่ต้องเป็นหนึ่งในความทรงจำอันน่าอับอายอีกอย่างแล้วใช่มั้ยคะ!?
ฮึก ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องเกิดขึ้นกับท่านเอ็นโจวหนักหนาพอๆ กับฉัน และดันไปติดหนี้ก้อนใหญ่ที่ต้องชดใช้ทั้งชาติละก็ จ้างให้ตายฉันจะไม่ยอมถูกลากมาทำตัวเบียวขนาดนี้แน่ค่ะ!!!
วันนั้นที่อีตาคาบุรากิบุกมาส่งการ์ดเชิญ เขาเล่าที่มาอย่างนี้ค่ะ เริ่มจากตัวเจ้าสาวมาถูกใจท่านเอ็นโจวเข้าค่ะ เหอะ หน้าตาช่างเป็นพิษเป็นภัยต่อคนรอบข้างจริงๆ นะคะท่านเอ็นโจว
เธอเป็นนักเรียนนอกค่ะ จบระดับปรัชญาดุษฎีบัณฑิตสายแพทย์เลยนะคะ แน่นอนว่าอายุมากกว่าท่านเอ็นโจวด้วยค่ะ วันนั้นเธอมาโรงพยาบาลแล้วเจอเอ็นโจวพอดี สบตาปิ๊งปั๊งเป็นรักแรกแบบที่หัวหน้าหมู่บ้านคานทองอย่างฉันฟังแล้วยังอิจฉาเลยค่ะ
มันเป็นเรื่องย่ำแย่ขึ้นมาเพราะอย่างแรก คู่หมั้นท่านเอ็นโจวยังเป็นเธอคนนั้นอยู่ คุณเจ้าสาวเลยไปทำอะไรก็ไม่ทราบถีบส่งทั้งตระกูลจนไม่สามารถอยู่ในประเทศได้เลยค่ะ อย่างที่สอง เธอเอายูกิโนะคุงมาเป็นเครื่องต่อรองค่ะ
ฟังแล้วฉันแทบจะคุมสติไว้ไม่อยู่ จิตใจทำด้วยอะไรถึงได้กล้าเอาเทวดาตัวน้อยๆ คนนั้นมาเป็นเครื่องมือกันคะ ตอนนั้นถ้าไม่ได้ท่านคาบุรากิรั้งเอาไว้ ฉันคงจะแล่นออกไปเอาเรื่องคนทั้งที่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวอยู่ที่ไหนแล้ว
โรคภัยที่ยูกิโนะคุณเป็นอยู่ต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องและต้องใช้ตัวยาพิเศษควบคุมกันไปด้วย คุณเจ้าสาวอาศัยการเป็นทายาทโรงพยาบาลกดดันครอบครัวเอ็นโจวแถมยังเผื่อแผ่ไปล็อบบี้โรงพยาบาลทั้งในและนอกประเทศด้วยค่ะ
สมกับเป็นผู้นำด้านการแพทย์ของประเทศเลยไหมละคะ เจอการกดดันเงียบๆ แบบนี้จะไม่ให้บ้านเอ็นโจวเสียศูนย์ได้อย่างไร อาการของยูกิโนะคุงถ้ากำเริบขึ้นเมื่อไรก็ต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที มาเตะถ่วงเอาชีวิตคนมาต่อรองเช่นนี้ช่างเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจจริงๆ ค่ะ
เมื่อไม่สามารถรอได้ก็เหลือเพียงทางเลือกในการศิโรราบ เพียงแต่ว่า..คุณเจ้าสาวกลับไปยอมหยุดแค่นั้น
เธอก้าวข้ามเส้นแบ่ง ได้คืบจะเอาศอกบังคับท่านเอ็นโจวเข้ารีตเพื่อให้สามารถแต่งงานกันได้ตามหลักพระคัมภีร์ และยังเรียกสินสอดเป็นทรัพย์สินมหาศาลเทียบเท่าครึ่งหนึ่งของทรัพย์สินที่ตระกูลเอ็นโจวครอบครองอยู่ ทั้งหมดนี้เพื่อให้คุณเจ้าสาวเองครอบครองทุกอย่างของเอ็นโจวได้อย่างหมดจด
เทียบกับอดีตแฟนสารเลวคนนั้นแล้ว คุณเจ้าสาวเป็นโคตรบอสที่ปราบยากกว่าอีกค่ะ เพราะหมอนั้นมีเบื้องหลังสีดำสนิท เล่นงานคิโชอินอย่างตรงไปตรงมา อะไรที่ผิดกฎหมายก็ผิดแน่นอนไม่ต้องมาพิสูจน์อะไรมากมาย ไพ่ในมือมีอะไรก็หงายมาหมดในคราวเดียว การตามเบาะแสเก็บหลักฐานจึงง่ายกว่า
ผิดกับคุณเจ้าสาว... เธอคนนี้จะหงายไพ่ในมือก็ต่อเมื่อเธอมั่นใจว่าเธอได้เปรียบแล้วแน่ๆ เท่านั้น สิ่งที่เธอทำสามารถเอาผิดทางกฎหมายได้ก็ต่อเมื่อมีการพิสูจน์อย่างรัดกุมและน่าเชื่อถือ ต้องใช้เวลามากกว่า
รู้สึกเห็นใจท่านเอ็นโจวจริงๆ โลกนี้มันอยู่ยากจริงๆ นะคะ
เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นหลังจากฉันถูกตัดขาดจากโลกภายนอกนั่นแหละค่ะ สำหรับตอนนี้ ฮือออ ฉันไม่น่าใส่ส้นสูงเลยค่ะ รู้สึกเด่นขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัวเลย
เพื่อขจัดความกังวลฉันจึงตั้งใจเป็นเรย์กะใน Kimi dolce ยิ่งขึ้น
เอาละ มาทำเพื่อยูกิโนะคุงกันเถอะค่ะ!
★ ★ ★ ★ ★
มาต่อให้อีกนิด กูขอไปอ่านฟิค Bad end บ้าง พาร์ทถัดไปมีของ >>780-782 เป็นสารตั้งต้น คงจะเมากาวเขียนได้เร็วกว่านี้แน่นอน...มั้ง
ปล. ทำไมคุณเจ้าสาวร้ายจังวะ โม่ง 780-782 มึงทำอะไรลงไป!!! //โยนความผิดไปให้
ปล2. >>844-849 มึงรีบๆ เขียนให้จบเลยนะคะ กุจะได้เอามากาวต่อ ซูดดดดด
เปิดเข้ามาเจอฟิคเยอะมากกุไม่รู้จะเม้าอันไหนก่อนดีเลย 555555 แต่ขอบคุณโม่งแฟนฟิคทุกคนนะที่ทำให้กุมีความสุข มีพลังมโนเพิ่มขึ้นได้ขนาดนี้ยย //กราบงามๆ
>>844-849 กุชอบฟิคแบดเอนด์มากเลยว่ะ รอมึงมาต่อให้จบนะ กุอยากเห็นการเล่นใหญ่รัชดาลัย ฟฟ กุก๊าวกับฉากจับเสื้อท่านเอ็นโจมาก กุอยากได้มุมมองท่านเอ็นโจตอนนั้นเลย 55555
>>857 ฟิคอินเซปชั่นมึงก็ดีชห กุชอบการโบกพัดดำลายฮิกันบานะของท่านเรย์กะมาก555555 เอาอีกกก ส่งมาให้กุอ่านอีกก อ้ากก
ใกล้ปิดมู้นี้เรื่อยๆแล้ว กูว่าพวกมึงประกวดตั้งชื่อใหม่กันได้แล้วนะ55555
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันยามบ่ายกลางจักรวาลแห่งกาว (ยานแม่ลำที่3)
กูขอเสนอ vvv
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : กัปตันเรือผู้มากความสามารถ ยูกิโนะคุง!
ขอเสนอ ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะที่ 3 เรือลับๆของท่านพี่xท่านอิมาริ
กูเสนอ
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : จงชาบูกัปตันยูกิโนะ
ต่อจาก >>641-642
-------------------------
"ท่านเรย์กะ"
"..."
"ท่านเรย์กะ?"
"..."
"ท่านเรย์กะคะ!"
"อ๊ะ ขอโทษค่ะ"
ฉันส่งแฟ้มเอกสารให้กับคุณหัวหน้าฝ่ายที่มารอรับ มัวแต่เหม่อจนผิดสังเกตอีกจนได้
หลังจากวันงานโรงเรียนซุยรันวันนั้น ก็ผ่านมา 2 วันแล้ว แม้จะพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด แต่ก็มักจะสติหลุดสมองรวนไปทั้งหมด แถมเผลอนึกถึงเรื่องนั้นอยู่บ่อยๆ จนทำให้ท่านพี่ต้องเป็นห่วง สั่งให้ฉันลากลับบ้าน กลัวว่าฉันจะไม่สบายขึ้นมาอีก
พอกลับมาถึงห้องนอนส่วนตัว ฉันก็ได้แต่เอาหน้าซุกหมอนแล้วกรีดร้องออกมาดังๆ
อ๊าาาาาาาาาาาาาาา
ทั้งหมดก็เพราะนายคนเดียว!
เอ็นโจ!!!!!
แม้จะเป็นเพียงชั่วขณะ แต่สัมผัสที่ริมฝีปากนั้นไม่จางหายไปจนเผลอเอานิ้วแตะริมฝีปากตัวเองอยู่บ่อยๆ
ฉันเคยคิดว่าสัมผัสของผู้ชายน่าจะหยาบกระด้าง แต่ที่ได้สัมผัสมาแตกต่างจากที่คิดมากทีเดียว
อา ใช่แล้ว เหมือนกับมาร์ชเมลโล่ว์นุ่มๆเลยล่ะ
จะว่าไปตอนที่จับมือนั่นก็รู้สึกนุ่มกว่าที่คิด มือใหญ่และอบอุ่นเหมือนกับมือของท่านพี่เลยล่ะ แต่ก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างบอกไม่ถูก...
อ๊ะ นี่ฉันเผลอคิดอะไรอีกแล้วคะเนี่ยยยย รู้สึกร้อนไปหมดทั้งหน้า
อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาา แย่ที่สุดเลยยยยยยยย
เพราะนายคนเดียว! เอ็นโจ!!!
ฮือ นั่นน่ะจูบแรกของฉันเลยนะ! จูบแรกของผู้หญิงน่ะสำคัญมากนะยะ! ฉันน่ะเก็บจูบแรกไว้ให้กับคนรักของฉันนะ! บ้าที่สุดเลย!
ฉันเขย่าตุ๊กตาแกะในมือไปมา ฉันเกือบจะยัดมันเข้าไปอยู่ในห้องเก็บของคู่กับตุ๊กตาฮินะและหนังสือบทกวีของคาบุรากิไปแล้ว ตอนที่นึกถึงหน้าของคนมอบให้ แต่มันก็น่ารักเกินกว่าจะไปอยู่กับของต้องสาปพวกนั้นนี่นา สุดท้ายตุ๊กตาแกะนี้เลยยังลอยหน้าลอยตาอยู่บนเตียงของฉันเช่นเดียวกับตุ๊กตากระต่ายอย่างช่วยไม่ได้
ไม่ซิ มันก็แค่อุบัติเหตุเท่านั้นล่ะน่า ก็แค่การชนกันเท่านั้น ก็เหมือนกับตอนที่ฉันถูกเด็กชนใส่ตอนไปเดินที่ย่านการค้าเท่านั้นล่ะ
นั่นไม่ใช่จูบสักหน่อย ไม่นับ ไม่นับ ใช่ ไม่นับ!
ฉันพยายามสะกดจิตตัวเอง หลับตาลงรวมรวบสมาธิเพื่อขจัดความคิดด้านลบออกไป
ฮึยย่าาาาาาาาาาาห์!!!
ออกไปซ้าาาาาาาาาาา!!!
✦✦
พอพักสมองขึ้นมาได้ ฉันเลยลงมาข้างล่างกะว่าจะหาอะไรกินเล่นสักหน่อย
"เรย์กะ! พ่อกลับมาแล้ว!"
ท่านพ่อที่ไปทัวร์ยุโรปกับเพื่อนๆตามประสาคนวัยเกษียณหอบหิ้วถุงพะรุงพะรังเข้ามา
"พ่อซื้อของฝากมาให้เรย์กะเพียบเลยนะ"
"ว้าว ขอบคุณมากเลยค่ะท่านพ่อ"
ฉันรับถุงมาเปิดดู ก็มีทั้งเครื่องประดับ น้ำหอม และขนมแบรนด์ดังมากมายที่ซื้อมาอย่างมือเติบ ไหนจะของท่านแม่ ท่านพี่ และคนรู้จักอื่นๆของท่านพ่ออีก ไม่รู้ว่าท่านพ่อหอบหิ้วกลับมายังไงกันนะเนี่ย
ไหนๆก็กะว่าจะลงมาหาอะไรกินอยู่แล้ว ฉันเลยเปิดกล่องขนมที่ท่านพ่อให้มาเพื่อจะกินซะเลย
อะ มาร์ชเมลโลว์...
"อันนี้พ่อซื้อมาจากไอร์แลนด์ เขาว่าอร่อยมากเลยนะ นุ่มมากด้วย ละลายในปากได้เลยล่ะ! เห็นเรย์กะชอบพวกขนมของหวานพ่อก็เลยซื้อมาฝาก"
"เกลียดท่านพ่อที่สุดเลย!!!!!!!"
"เอ๋!?"
ฉันวิ่งขึ้นมาบนห้องนอน ซุกหน้ากับหมอนอีกครั้ง พอเห็นมาร์ชเมลโล่ว์ก็ทำให้นึกถึงสัมผัสนั้นขึ้นมาอีกจนได้ อุตส่าห์ใช้รวบรวมพลังขจัดมันออกไปแล้ว ท่านพ่อแย่ที่สุดเลย! ซื้ออะไรไม่ซื้อดันไปซื้อมาร์ชเมลโล่ว์เนี่ยนะ!! เป็นแค่ทานุกิที่แก่เกษียณแล้วแท้ๆ ขอให้หัวที่เถิกขึ้นมาครึ่งหัวแล้วนั่นกลายเป็นหัวล้านเกลี้ยงไปเลยไป๊!!!
✦✦
วันถัดมา เป็นวันเสาร์ ซากุระจังมาเยี่ยมที่บ้าน ตั้งแต่แต่งงานกับอาคิสะวะคุงก็ดูจะวุ่นวายจนไม่ได้เจอกันเลย ฉันพาซากุระจังมาคุยกันที่ห้องนอน ก่อนหน้านั้นก็เดินผ่านท่านพ่อที่ทำหน้าจ๋อยเรียก "เรย์กะ..." เบาๆ
เชอะ ไม่รู้ไม่ชี้ไม่สน! ไม่ต้องมาง้อกันเลยนะทานุกิ!
ซากุระจังก็สังเกตเห็นท่าทีที่ผิดปกติของฉัน เลยคาดคั้นจนฉันต้องยอมเปิดปากเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง
"ไม่นับอะไรกันล่ะ แค่ปากประกบกันนั่นก็เรียกว่าจูบแล้วล่ะย่ะ!"
ไม่จริ๊งงงงงงง อย่าพูดอย่างนั้นน้าาาาาา
"อย่าทำตัวหน่อมแน้มไปหน่อยน่า เดี๋ยวนี้เด็กมอปลาย 80% เขาก็เคยจูบกันแล้วทั้งนั้น เธอเพิ่งมาเฟิร์สคิสตอนอายุปูนนี้ล่ะ ช่างอ่อนหัดจริงๆ"
โกหกน่า! มอปลายเนี่ยนะ เธอไปเอาสถิติพรรค์นั้นมาจากไหนกันยะ!
"อ่อนหัดอะไรกัน! แล้วซากุระจังล่ะ!?"
ซากุระจังมองฉันด้วยหางตา กระยิ้มกระย่องพร้อมสะบัดเชิดหน้าใส่อย่างมาดมั่น ไม่ตอบคำถาม
อะไรกันน่ะ ท่าทีแบบนั้น...
ย อย่าบอกนะว่าตั้งแต่มอต้น!? ...หรือประถม!? ...คงไม่ใช่อนุบาลหรอกนะ!!?
ไม่จริงน่า นี่อาคิสะวะคุงโดนยัยปิศาจหนังแมวนี่พรากความบริสุทธิ์ไปไวขนาดนั้นเชียวเหรอ!
ไม่น้าาาาาาา อาคิสะวะคุงงงงงง
-----------------------
เห็นไม่มีใครต่อ กูเลยมาวันๆของท่านเรย์กะแล้วกัน ถถถ
>>882 วั้ยยยยยยยย ร้องเพลงจูบคลอไปเลยค่ะเอ็นโจ จูบคุณคิดว่าไม่สำคัญ จูบเบาๆเท่านั้นยังทำให้สั่นไปทั้งหัวใจ คุณเป็นคนจูบ คุณรู้บ้างมั้ย คุณทำให้ใครหัวใจสั่นไหว ล่องลอยเพราะรอยจูบคุณ
โดขิ โดขิมากข่ะ ความฟินนี้ ทานุกิน่าสงสารจัง เอาใจลูกสาวที่อารมณ์แปรปรวน ทีหลังก็ไปซื้ออย่างอื่นแทนนะ ให้เรย์กะได้สัมผัสมาชเมโล่จากเอ็นโจคนเดียวก็พอ
>>619-621 ตามที่ได้จองที่เอาไว้
ที่ลี้ภัยแห่งเดียวของฉันในโรงเรียนคงมีแต่ที่ห้องชมรมเท่านั้นแล้วมั้งคะ
ทีแรกฉันก็หนีไปสโมสรของเปอติต์ แต่เอ็นโจก็มารับน้องชายทุกวัน พอลองแย็บๆถามก็บอกว่าเข้าหน้าหนาว ยูกิโนะมีร่างกายอ่อนแอก็เลยต้องมารับทุกวันเพื่อดูอาการ เผื่อเป็นอะไรจะได้ช่วยเหลือได้ทัน
โถ ทำไมเทวดาน้อยถึงได้น่าสงสารขนาดนี้ล่ะคะ ฉันควรจะถักผ้าพันคอกับถุงมืออุ่นๆให้สินะ
แต่พอเห็นยูกิโนะคุงสวมใส่ผ้าพันคอกับถุงมือถักที่ดูแล้วฝีมือดีกว่าฉันร้อยเท่าพันเท่า ความคิดนั้นก็เลยต้องเตะลงข้างทางไปค่ะ
นอกจากนั้น มาโอะจังก็เริ่มร้องเพลงประกอบการ์ตูนเรื่องเจ้าหญิงนิทราอันโด่งดัง "กาลครั้งหนึ่งในฝัน" ดูเหมือนเธอจะคิดว่าฉันที่ถูกเข็มปักนิ้วคือเจ้าหญิงนิทราไปซะแล้วล่ะค่ะ แล้วเนื้อหาของเพลงนั่นมันก็ทำให้ฉันนึกถึงความฝันนั่นขึ้นมา
ส่วนเอ็นโจ พอฟังเพลงแล้วก็อมยิ้มแล้วมองหน้าฉัน ดูกรุ้มกริ่มมีเลศนัยแบบเดียวกับเอ็นโจที่อยู่ในฝัน
จะยิ้มทำไมคะ จะยิ้มแบบนั้นทำไมกันค้าาาาา
พอเห็นท่าไม่ค่อยดี ฉันก็เลยรีบชิ่งกลับบ้านโดยด่วน ไม่อย่างนั้น ฉันอาจจะเลือดกำเดาไหลออกมาตรงนี้อีกครั้งก็ได้
.
.
งานเลี้ยงของมาดามคาบุรากิมาถึงจนได้ เห็นว่าควบรวมกับงานเลี้ยงคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึงไปด้วยในตัว ดังนั้น งานก็เลยออกมายิ่งใหญ่อลังการสมเป็นตระกูลคาบุรากิดีค่ะ ต้นคริสต์มาสประดับประดาอย่างหรูหรา มีรูปปั้นนางฟ้าและเทวดาน้อยๆ โรยด้วยเกล็ดหิมะสีขาวเป็นภาพที่งดงามเหมือนความฝัน ช่างดีเลิศอะไรเช่นนี้
ท่านพ่อและท่านพี่ทักทายและพูดคุยกับแขกทางธุรกิจมากมายที่มาดามคาบุรากิเชิญมาด้วย ส่วนฉันอยู่กับท่านแม่ พูดคุยกับมาดามท่านอื่นๆ หัวข้อสนทนาส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นเรื่องรักๆใคร่ๆ คุยว่าลูกสาวบ้านโน้นหมั้นกับลูกชายบ้านนี้ คนนั้นกิ๊กกันอยู่กับคนนี้ แล้วก็วกมาที่ฉันจนได้
"คุณเรย์กะงดงามขนาดนี้ มิน่าล่ะคะ พอลูกชายดิฉันเห็นก็ถึงกับเพ้อหาไปเลย ร่ำๆจะมาทำความรู้จักกับคุณให้ได้ แต่คุณเรย์กะไม่ค่อยออกงานเท่าไหร่ก็เลยไม่มีโอกาสสักที" มาดามท่านหนึ่งหัวเราะต่อกระซิกกับฉัน "คุณเรย์กะมีใครในใจรึยังคะ สนใจจะรับลูกชายดิฉันไว้พิจารณารึเปล่าเอ่ย อายุก็รุ่นราวคราวเดียวกัน เป็นนักเรียนซุยรันเช่นกันด้วยนะคะ"
"แหม" ฉันหัวเราะไปกับเขาด้วย
มีนักเรียนซุยรันแอบชอบฉันอยู่ด้วยงั้นรึคะ ว้าย ตายแล้ว ข่าวใหม่เลยนะคะ
ฉันคิดว่าฉันจะแห้งเหี่ยวอยู่บนคาน ไม่มีใครมาแอบชอบเสียอีก คุณนักเรียนซุยรันคนนั้นเป็นใครหรือค้าาาา
"คุณพี่คะ ดูเหมือนว่าคุณพี่จะต้องผิดหวังแล้วล่ะค่ะ เพราะข่าวคราวของคุณเรย์กะที่ได้ยินจากลูกสาวจากที่อยู่ซุยรันของดิฉันน่ะ โรแมนติคมากเลยนะคะ" มาดามอีกคนที่อยู่ในวงสนทนาก็เอ่ยขึ้น "ดิฉันได้ยินแล้วถึงกับเคลิ้มไปเลยล่ะค่ะ ช่างวิเศษอะไรเช่นนี้"
"หรือว่าจะเป็นข่าวคุณมาซายะของตระกูลคาบุรากิสินะคะ" มาดามอีกท่านก็เอ่ยขึ้นมาด้วย "ดิฉันก็ได้ยินมาเช่นกันค่ะ"
"อ้าว ไม่ใช่คุณชูสุเกะของตระกูลเอ็นโจงั้นหรอกหรือคะ" มาดามอีกท่านก็ทำหน้าแปลกใจ แล้วทุกคนก็หันมามองฉันเป็นจุดเดียว สายตาสอดรู้สอดเห็นกันเต็มขั้น แล้วก็เริ่มลงมือแชร์ข่าวทั้งหลายที่ได้ยินมากันอย่างสนุกสนาน
อ๊ากกกกกกกกกกก นี่มันอะไรกันคะ ข่าวอะไรของพวกคุณน่ะค้าาาา
คุณแม่ของนักเรียนซุยรันที่แอบชอบฉันอยู่ พอได้ยินเรื่องราวของฉันกับคาบุรากิและเอ็นโจก็ดูเหมือนจะยอมรามือ ล้มเลิกการจับคู่ฉันระหว่างกับลูกชายของเธอเอง อ๊ะ ไม่ได้นะคะ จะมาถอดใจเพราะคิดว่าเจ้าสองคนนี้เป็นคู่แข่งของลูกชายคุณไม่ได้นะคะ มันไม่มีอะไรทั้งนั้นเลยน้าาา
แถมข่าวคราวที่เหล่ามาดามพวกนี้ได้ยินมาก็ใส่สีตีไข่กันมากเกินไปแล้ว แต่ฉันจะปฎิเสธก็พูดไม่ออก ได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อนไป
คาบุรากิกับเอ็นโจก็ไม่เคยจีบฉันสักหน่อยนี่คะ จะมาเหมารวมว่าเป็นเรื่องโรแมนติคได้ยังไงกัน
กว่าจะขอปลีกตัวออกมาจากเหล่ามาดามที่สอบสวนฉันเกี่ยวกับเรื่องรักๆใคร่ๆพวกนี้ได้ ฉันก็แทบจะหมดเรี่ยวแรง พอเป็นเรื่องแบบนี้ทำไมดูกระตือรือร้นกันจังเลยล่ะคะ
เหนื่อยจัง อยากนั่งพัก อยากได้น้ำซักแก้ว
"เชิญครับ" มีมือเครื่องดื่มยื่นมาตรงหน้าฉัน พอเงยหน้ามองก็พบว่าเป็นเอ็นโจที่ส่งยิ้มมาให้อย่างเคย
"ขอบคุณมากค่ะ" ฉันรับเครื่องดื่มมาจิบ อร่อยจังเลยค่า สมกับเป็นอาหารในงานเลี้ยงของตระกูลคาบุรากิ แม้แต่น้ำมะนาวก็ยังอร่อย ทานแล้วให้ความรู้สึกสดชื่นด้วย
"วันนี้ใส่ขนเฟอร์สีขาวดูเหมือนกระต่ายเลยนะ คุณคิโชวอิน เหมาะมากเลยล่ะ"
ตอนแต่งตัว ท่านแม่รบเร้าให้ฉันใส่ชุดนี้ เป็นเดรสเกาะอกสีขาว มีผ้าคลุมไหล่สีน้ำตาลอ่อนขลิบเฟอร์ที่ให้ความรู้สึกเป็นผู้ใหญ่ และจะได้เข้ากับบรรยากาศคริสต์มาสด้วย ฉันได้แต่ก้มหัวพูดขอบคุณสำหรับคำชมไป ไม่กล้าสบตากับเอ็นโจมากนัก
วันนี้ฉันเกล้าผมมา รู้สึกว่าพลังการป้องกันจะลดลงด้วยล่ะค่ะ
สายตาแบบนั้นมันอะไรกันคะ หมอนี่พอเห็นฉันอ่อนข้อให้หน่อยก็ชักจะเอาใหญ่เลยนะ
"รู้สึกว่าทางโรงแรมจัดซุ้มมิสเซิลโทเอาไว้ด้วย สวยมากเลยล่ะ ยูกิโนะก็อยากมาดูเหมือนกัน แต่มาไม่ได้"
"เอ๊ะ ยูกิโนะคุงไม่สบายเหรอคะ"
"เปล่าหรอก แค่งานนี้คนเยอะเกินไป ช่วงหน้าหนาวยูกิโนะป่วยง่ายกว่าปกติ ก็เลยกันไว้ก่อนดีกว่า" เอ็นโจส่งยิ้มที่ดูอบอุ่นมาให้ "คุณคิโชวอินช่วยดูแทนยูกิโนะหน่อยสิ"
เมื่อนึกถึงใบหน้าน่ารักของยูกิโนะคุงยิ้มแย้มออกมาอย่างดีใจที่จะได้เห็นของสวยๆงามๆ ฉันก็เลยเดินตามเอ็นโจไปที่ซุ้มของมิสเซิลโทที่ว่า เป็นทางเดินยาวๆมีเทียนไขจุดให้ความสว่างเป็นระยะ มิสเซิลโทที่อยู่บนผนังสีขาวมีหลากหลายรูปทรง ประดับประดาด้วยลูกโอ๊ค กระดิ่งและริบบิ้นสีแดงดูน่ารัก บนเพดานก็มีช่อมิสเซิลโทห้อยลงมามองดูคล้ายกับโคมไฟ บรรยากาศโรแมนติคจนฉันเคลิบเคลิ้มไปชั่วขณะ
หวา สวยจังเลยค่ะ
ฉันหยิบมือถือขึ้นมา ถ่ายรูปหลายๆใบกะว่าจะส่งไปให้ยูกิโนะคุงดู แต่ขณะกำลังใจจดใจจ่ออยู่กับการถ่ายรูป สร้อยคอเส้นเล็กๆที่ฉันสวมอยู่ก็ไปเกี่ยวกับกิ่งมิสเซิลโทที่ยื่นออกมา แย่จริงเชียว
ขณะที่พยายามปัดป่ายมือไปข้างหลังเพื่อแกะออก ก็รู้สึกถึงปลายนิ้วที่แตะสัมผัสกับหลังคอ "ผมช่วยก็แล้วกัน" เอ็นโจมากระซิบอยู่ข้างหูทำเอาใจสั่นไปหมด
อ๊าาาาาา แล้วทำไมต้องทำเสียงแบบนั้นด้วยล่ะคะ
สัมผัสนั้นยังคงวนเวียนอ้อยอิ่งอยู่บนตัวฉัน แทบไม่กล้าหันไปดูว่าเอ็นโจดึงสร้อยออกจากกิ่งมิสเซิลโทหรือยัง
"คุณคิโชวอิน เคยได้ยินเรื่องเล่าของมิสเซิลโทรึเปล่า"
"อะ เอ๋"
"สมัยก่อนน่ะ เขาเชื่อกันว่ามิสเซิลโทเป็นต้นไม้ที่นำความโชคดีและความสุขมาให้ ก็เลยตัดช่อมิสเซิลโทเอาไว้ไปใช้ในงานแต่งด้วย"
"งะ งั้นเหรอคะ"
"แต่ถ้าคนที่ยังไม่แต่งงานมายืนจูบกันใต้ซุ้มมิสเซิลโท ก็เหมือนได้รับคำอวยพรให้ได้แต่งงานกันในอนาคต" เอ็นโจพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล "แล้วก็นะ ถ้าผู้หญิงไปยืนใต้ต้นมิสเซิลโทก็หมายความว่าเธออนุญาตให้ผู้ชายที่หมายปองจูบเธอได้"
ปลายนิ้วของเอ็นโจออกจากต้นคอฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ค่อยๆเลื่อนมาสอดประสานเข้ากับมือทั้งสองมือฉันแบบไม่ทันให้ได้ตั้งตัว สายตาวิ้งวับดูไม่น่าไว้ใจอย่างรุนแรง ก้มมาใกล้ๆแล้วกระซิบข้างหู
"คุณคิโชวอิน อนุญาตรึเปล่าครับ"
อ๊ากกกกกกก หมาป่าบุกมาแล้วค่าาา ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย แง้ ท่านพี่ขา ช่วยน้องด้วย
อันตราย
สถานการณ์ตอนนี้อันตรายเหลือเกินค่ะ หัวใจฉันมันเต้นรัว เลือดสูบฉีดจนฉันจะเป็นลมแล้ว อา เลือดกำเดาจะไหลอีกรึเปล่านะ
สิ่งที่ช่วยกู้วิกฤตในครั้งนี้คือคู่รักหนุ่มสาววัยรุ่นที่จูงมือกันมาตามทางเดิน ส่งเสียงหัวเราะคิกคัก ชี้ชวนกันให้ดูช่อมิสเซิลโทที่ประดับอยู่แบบหวานชื่น
แต่พอสองคนนั้นเห็นฉันกับเอ็นโจก็ชะงักกึก รีบโค้งคำนับเป็นการขอโทษก่อนจะเผ่นหนีไปอย่างรวดเร็ว อ๊าา กลับมาก่อนค่าาาาา อย่าทิ้งฉันไว้กับหมาป่าสิคะ
"กะ กลับเข้าไปข้างในงานกันเถอะค่ะ" ฉันดึงมือตัวเองออกจากมือของเอ็นโจ สองข้างแก้มร้อนผ่าว "ฉันหายมานาน ท่านแม่คงจะเป็นห่วงแล้ว"
พอเปิดประตูเข้าไปข้างในงาน ก็ได้เห็นคู่รักเมื่อกี้ยืนคุยกับวัยรุ่นกลุ่มใหญ่ที่ฉันคุ้นๆหน้าว่าเป็นเด็กซุยรันอยู่ด้วย พอทั้งกลุ่มนั้นหันมาเห็นฉันกับเอ็นโจก็อื้ออึงกันใหญ่ มีสาวๆบางคนหน้าแดงด้วย
แง้ ข่าวลือมันจะกระจายไปไหนต่อไหนแล้วล่ะ อย่าเข้าใจอะไรกันไปผิดๆจะได้รึเปล่าคะ มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยน้าาาา
"แล้วเจอกันวันที่ยี่สิบสี่นะครับ" เอ็นโจก้มมากระซิบข้างหูฉันแล้วเดินจากไป กลุ่มนักเรียนซุยรันกลุ่มนั้นยิ่งฮือฮาหนักกว่าเก่า ส่วนมาดามทั้งหลายก็ลากฉันไปสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องรักๆใคร่ๆอีกแล้ว
ทำไมพวกคุณๆถึงแรงดีไม่มีตกกันแบบนี้เลยค้า
---------------------------
ชุดที่เรย์กะใส่กูจิ้นไว้ประมาณนี้อะ สั้นกว่านี้หน่อย ไม่ลากชายกระโปรงยาวเท่านี้
http://imgur.com/D9B8hF1
ส่วนเนื้อหาเพลงกาลครั้งหนึ่งในฝันแม่งก๊าวมาก หลังจากที่ฝัน...กูว่าเอ็นโจได้ยินคงอมยิ้มอะ
ฟิคของพวกมึงนี่ช่วยเยียวยากูจากโลกอันโหดร้ายเหลือเกินนน ฮอลลลลลล
ถึง 831-834
นี่โม่งเงานะ เรารอฟิคเธออยู่นะ ลุ้นสุดตัวว่าเรย์กะซังจะไปเป็นเกอิชามั้ย ถึงขนาดไป google เรื่องเกอิชาและผู้อุปถัมถ์เลย
สู้ๆนะ เมื่อไรเอ็นโจซึนจะรู้ใจตน
ทำไมพวกมึงชอบใช้เพลงดิสนีย์กันจังวะ55555
เห็นเพลงกาลครั้งหนึ่งฯนี่ หัวกูเล่นเพลงเลย แต่ไม่ใช่เวอร์ชั่นต้นฉบับนะ เวอร์ชั่นlana del reyข่ะ55555 เปลี่ยนฟีลแทบไม่ทัน (https://www.youtube.com/watch?v=bYrD_l3juoU)
/สูดกาวแล้วตั้งสติ
มันน่ารักจริงๆนะเว่ยยยยยยย สำหรับคนไม่เก็ต ไม่ค่อยอินกับเพลงกูเอาแปลไทยมาให้ แล้วมึงไปอ่านทบทวนเอาซะ นี่กูทำเพื่อพวกมึงและช่วยงานโม่งสารบัญเลยนะเว่ยยยยย เอากาวล็อตใหม่มาเซ่นไหว้ข้าซะ!! อุหว่ะฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ//โดนเตะออกจากกระสวย
[ งานแต่งงานและเข้าหอ หุ~~~ๆๆๆๆๆ ]
>>261
>>263-265
[ เเตกหน่อจากฟิคงานแต่งงาน บุพเพนิมิตไงสัส อุหว่ะฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ]
>>264
>>412-415
>>432-433
>>619-621
>>885-886
[ Once Upon A Dream~ ]
I know you, I walked with you once upon a dream
ฉันรู้จักคุณ ฉันเคยเดินร่วมทางกับคุณหนหนึ่งในความฝัน
I know you, that look in your eyes is so familiar a gleam
ฉันรู้จักคุณดี ยามฉันมองเข้าไปในดวงตาของคุณ ประกายจากแววตาคู่นั้นช่างเป็นประกายที่คุ้นเคย
And I know it’s true that visions are seldom they seem
แล้วฉันก็รู้ว่าความจริงแล้ว มโนภาพในความคิดของเรานั้นค่อนข้างเหมือนความจริงที่ปรากฎ
But if I know you, I know what you’ll do
แต่ในเมื่อฉันรู้จักคุณ ฉันรู้นะว่าคุณกำลังจะทำอะไร
You’ll love me at once, the way you did once upon a dream
คุณจะรักฉันทันที ดังเช่นที่คุณเคยหลงรักฉันมาแล้วหนหนึ่งในความฝัน
Credit: aelitaxtranslate.com
แล้วก็ร้องวนไปข่ะ น่ารักมั้ยสัสสสสสส ท่านเอ็นโจก็ท่านเอ็นโจเถอะว้า!! ยิ้มเป็นคนบ้าเลยเว่ยยยยยย ตรงกับตามเพลงเด็ะๆ!!
สารภาพกับกูมาโม่งคนแต่ง มึงทำกาวไปมึงฟังเพลงนี้ไปช่ะ!!! กูชอบมากกกกกกกกก ฉากท่านเอ็นโจแกยิ้มกรุ่มกริ่มพลางมองท่านเรยกะนี่ลอยเข้ามาในหัวเลยสัส คือแบบ แกรรร!!! คือแบบ!! ฌธ็๋ษฉฆซศฏฒซฒฮ๒๓๖๓ณ403 9-29I$(%U(%#)TE สครีมไร้ภาษาเลยข่ะ
กูรักพวกมึงจังเลยยยยยย เรียกกูโม่งเพลงละกัน เดี๊ยวหาเพลงเข้ากับฟิคมาแปะต่อ อุหว่ะฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ
>>885-886 กรี๊ดดดดดด หมาป่าบุกมากินกระต่ายแล้วข่าาาาา หลอกกระต่ายไปใต้ต้นมิสเซิลโท กะรวบหัวรวบหาง ไม่ว่าทางไหนก็ปฏิเสธไม่ได้ ทั้งอวยพรให้แต่งงาน รวมถึงอนุญาตให้จูบ แล้วก็บุญมีแต่กรรมบังจริงๆค่ะ เอ็นโจควรไปสะเดาะเคราะห์กับอาจารย์ฮิโยโกะนะคะ จะได้ไม่โดนขัดจังหวะซักที คำทำนายไพ่ฟิคบนๆนี่ส่งผลครอบคลุมทั้งชีวิตสินะคะ อุปสรรคเยอะเหลือเกิน
>>895 เยส ตั้งแต่กูอ่านฟิคความฝัน กูก็รมกาวตัวเองด้วยเพลง ด้วยเสียงเจ๊ lana del rey จนทนไม่ไหว ต้องมาเขียนเองนี่ล่ะ โครตตรงเลย เดินเคียงข้างกัน สายตาที่คุ้นเคยในฝัน และฉันรู้ว่าเธอจะรักฉันอีกครั้ง เพราะงั้นก็รุกจีบมันเข้าไปเลยนะค้าาาา ไหนๆก็เป็นสามีภรรยาในความฝันกันไปแล้ว ก็สานต่อให้มันถึงที่สุดเลยสิคะ
>>882 วงวารทานุกิเหลือเกิน ช่วยทานุกิด้วยค่ะ ลูกสาวเข้าวัยต่อต้านไม่เลิกราซักที คนไม่ใช่ทำอะไรก็ผิดสินะค้าาาา
เมากาวมาก จุดนี้
>>885-886 โดนขัดตลอดซิน่าเอ็นโจจ จากเลือดกำเดาไปละหนึ่ง นี่รุกขนาดนี้ก็ยังจะมีคนเข้ามาขัดจังหวะซะอีก โถ่ววว
แต่เดี๋ยวก่อนซิ จบอีเว้นท์นี้แค่นี้เหรอ งานเลี้ยงแบบนี้มันต้องมีฉากเต้นรำกันหน่อยเซ่!!! อฟช. ได้เต้นรำแค่กะยูกิโนะ ขัดใจ ขอฉากเต้นรำในฟิคหน่อยซิ!!!!
>>885-886 ยังไม่ได้คบเป็นแฟน แต่ข้ามขั้นไปซะแล้ว ถ้าไม่มีคนมาขัดจังหวะคงจูบไปแล้วสิน้าาาาาาา ทำไมอีตานี่มันร้ายจังเลยคะ มานิ่มๆแต่ว่องไวรุกเร็วเหลือเกิน ไม่บังคับชัดเจน แต่ก็รุกไล่บีบให้อีกฝ่ายเอ่ยออกมาเอง ฮรึ่ย ร้ายกาจ//เสียงรอน
กาลครั้งหนึ่งในฝันแม่งก๊าวจริงๆ อยากเห็นมุมมองเอ็นโจจากเรื่องนี้จัง 55555555555555 คิดอะไรอยู่กันน้า
148มาแล้ว ขอบคุณโม่งแปล
โม่งแปลกูรักมึงงงจุ๊บๆ ว่าแต่ตอนท้ายนั่นแม่งทำค้าง มึงมาลงต่อเดี๋ยวนี้น้าาาาาเว้ยยย อ๊ากกก
ใครเป็นคนทักวะ ใครๆๆๆๆ แต่ดูทรงแล้วไม่น่าใช่เอ็นโจซามะ แต่ถ้าใช่กูจะดีใจมาก เขาคือครายยย
ขอบคุณโม่งแปลมากสำหรับตอนใหม่ ริรินะกับเดชชิยังมีอะไรให้โดขิโดขิ ท่านเอ็นโจยังไม่มา นี่รออยู่นะคะ... ส่วนคาราบุกินี่เป็นเจ้าบ้าจริงๆเลย วาคาบะจังโดนแกล้งน่ะ เข้าใจมั้ย!!?? สาวเจ้าดูไม่หวั่นไหวกับที่นายทำลงไปเลย ขอให้วาคาบะจังไม่แล จีบต่อไปเถอะ! หึ!!!!
โถ R K ไม่ใช่เรย์กะ คิโชวอิน แต่เป็นริรินะ โคะโท เดชชิริจะสอยดอกฟ้าต้องพยายามเข้านะ
ส่วนคาบุรากิ หมอนี่บ้ามากๆที่ทำดีกับผู้หญิงต่อหน้าสาวๆเยอะๆ นายลืมไปแล้วเหรอว่าตัวเองป็อบสุดในโรงเรียนอะ ไปทำอย่างนั้นวาคาบะก็โดนแกล้งหนักขึ้นสิค้า เอ็นโจ ทำไมไม่เตือนเพื่อนหน่อย หรือไม่ใช่เรื่องของคุณคิโชวอินจะไม่สนใจ เป็นยังไงก็ไม่เกี่ยวกันงั้นเหรอ กูล่ะอยากให้เจ้าแม่กาลีออกโรงปกป้องวาคาบะ ไปด่าจักรพรรดิกับคนอื่นๆถึงที่เหลือเกิน ถถถถถถถถถถถ
แอบก๊าวกับโมเมนต์เดชชิริรินะ คือนางเขินที่จะใช้ผ้าที่เดชชิให้ก็เลยเอามาให้เรย์กะงั้นเหรอ หรือเห็นโมเมนต์เรย์กะใช้ผ้าคู่กับเอ็นโจ แล้วไหนๆก็ได้ผ้ามาฟรีๆพอดีก็เลยเอามาให้เรย์กะซะเลย อยากใช้ผ้าคู่กับเรย์กะก็ซื้อเป็นคู่แล้วเอามาให้สิค้าาาาาา ไม่ใช่เอาของคนอื่นมาให้ 5555555555
>>908 หลังๆไป เรย์กะกับวาคาบะน่ารักมากเลยนะมึง มุ้งมิ้งเพื่อนสาวกันสุดๆ คือถ้าเรย์กะไม่ได้กับเอ็นโจ ควรลงเอยกับวาคาบะว่ะ 555555555
กูว่าคาบุรากิแม่งทึ่มชิบหาย คือมันก็รู้ตัวนะว่าป็อบ ไปทำดีกับเขาต่อหน้าคนเยอะๆ แทนที่สาวเขาจะประทับใจ เสือกทำให้เขาตกเป็นเป้าหมายโดนรังแกอีก ไม่ถูกเกลียดเอาก็บุญแล้วนะ อยากปักธงก็ควรไปทำเงียบๆ ปลอบใจกันสองต่อสองสิฟร้าาาาาา คิดว่าทุกคนเขาจะยอมให้ตัวเองใกล้ชิดผู้หญิงแบบเคสยูริเอะหรือเรย์กะเรอะ
>>909 เอ็นโจอาจจะมักน้อยกว่าที่คิด เห็นคุณคิโชวอินยอมใช้ผ้าเป็นคู่กันซักครั้งก็ดีใจมากแล้วก็ได้
>>911 แต่ขนาดรุกยูริเอะมากขนาดนั้นก็ยังแห้วเลย ควรเรียนชั้นเชิงจากยูกิโนะบ้างนะ ถถถถถถถถ
กูว่าที่คาบุรากิมันจีบวาคาบะแบบตรงๆทื่อๆเลยเพราะนิสัยเป็นแบบนั้นว่ะ ตรงไปตรงมา ไม่ซับซ้อน คิดอะไรทำเลย ไม่ค่อยคิดถึงผลที่จะตามมาเท่าไหร่
เอ็นโจไม่ให้คำปรึกษาเพื่อนหน่อยวะ คนฉลาดอย่างฮีน่าจะเดาสถานการณ์ออกว่าวาคาบะต้องเจออะไรถ้าคาบุรากิไปทำดีด้วย ฮีควรห้ามปรามเพื่อนบ้าง หรือกำลังสนุกวะ ที่ได้เห็นชีวิตคนอื่นเดือดร้อนลำบาก ถ้าเป็นแบบนี้ซาดิสม์ชิบหาย ควรให้เรย์กะต่อยท้องสั่งสอนอีกรอบ
อยากลองอ่านมุมมองของริรินะจังอ่าาา คงเป็นอะไรที่ซึนเดระมากกกกกก
>>914 อาจจะมีบ่นคุณเรย์กะทั้งตอน ญาติผู้พี่ของฉันช่างไม่เอาไหน กะอีแค่ตาไก่โง่ก็จัดการไม่ได้ ตอนซึรุฮานะก็ใจเย็นให้ถูกลูบคมตั้งนานกว่าจะขยับเขยื้อนตัว ต้องให้คอยดูแลอยู่เรื่อย เพราะเห็นแก่ท่านพี่ทาคะหรอกนะ ไม่ได้อยากช่วยอะไรซักนิด แล้วก็พูดถึงลูกสมุนอีกนิดๆหน่อยๆ อ๊ะ เดี๋ยวสิ คุณเรย์กะใช้ผ้าลายเห่ยๆช่างมีรสนิยมแย่จริงๆ ช่วยไม่ได้นะ เอาของฉันไปใช้ก็แล้วกัน ไม่ได้อยากให้หรอกนะ จะปล่อยให้คุณเรย์กะใช้ของรสนิยมแย่ๆเดี๋ยวมันก็เสื่อมเสียมาถึงตัวฉันน่ะสิ ท่านพี่ทาคะเองก็คงจะพลอยเสียหน้าไปด้วย ฮึ่ย คุณเรย์กะนี่ช่างเป็นคนไม่ได้ความจริงๆ
>>910 ถ้าอย่างนี้ท่านเรย์กะก็หาของกินสามัญชนได้ง่ายขึ้นสิ แบบว่าให้วาคาบะซื้อมาให้ ส่วนไอ้บ้าคาบุกิปล่อยมันไปเถอะค่ะประสบการณ์ในอดีตไม่เคยสอนอะไรเล๊ยยย ลำบากท่านเรย์กะกูอีกล่ะที่ต้องช่วยมัน ส่วนเอ็นโจนั้นแอบ S แน่นอน ที่ชอบอยู่กับคาบุกิคงจะเพลินสายตาพี่แกดีกับเรย์กะก็ด้วยมีเหตุการณ์ที่รับรองความเป็น S ได้ดี
(สปอย)
.
.
.
.
.
.
.
งานเลี้ยงชมดอกซากุระที่จัดกันตอนเย็น ท่านเรย์กะก็อยากไปชมดอกซากุระที่บานสะพรั่งสวยงาม ท่านเอ็นโจก็เล่าเรื่องศพที่ฝังอยู่ใต้ต้นซากุระให้ฟังซะงั้น(ไม่แน่ใจว่าพูดถึงที่ดอกซากุระสวยเพราะมีศพฟังอยู่หรือเปล่า) พอเห็นเรย์กะกลัวจนไม่ไปดูพี่แกก็บอกว่าล้อเล่นพร้อมหัวเราะ นี่จงใจแกล้งชัดๆ นี่หว่า กะจะให้ท่านเรย์กะอยู่กับเอ็งแทนชมซากุระใช่ไหม? จอมมาร จอมมารชัดๆ
เอ็นโจชอบแกล้งเรย์กะ หวงแกล้งได้คนเดียวด้วย แต่ถ้าคนอื่นมาว่านี่ออกปกป้องโจ่งแจ้งตลอด ตอนไมฮามะพี่แกก็ตอกกลับแทน โอยยย โดขิโดขิ
>>918 เรย์กะมีปัญหากับใครพี่แกออกโรงมาปกป้องตลอดเลย คาซึรางิ ริรินะ ไมฮามะ เก็บไว้แกล้งเองคนเดียวไม่แบ่งใคร ส่วนตอนซึรุฮานะน่าจะเป็นการกลั่นแกล้งหนักๆ เพราะหึงที่เรย์กะสนใจคาบุรากิมากกว่าตัวเอง แล้วก็เจอหมัดปราบมารเข้าไปเลยต้องเลิกทำ เหลือไว้แค่กลั่นแกล้งน่ารักๆพอหอมปากหอมคอ ไม่งั้นเดี๋ยวเจอเจ้าแม่กาลีเสด็จมาปราบจอมมารตามตำนาน
สารบัญเวอร์ชั่นอัพเดท รวมตั้งแต่กระทู้ก่อนยันฟิคล่าสุดของกระทู้นี้
https://justpaste.it/reika
หลังจากนี้คงอัพเดทเรื่อยๆในลิงก์นี้ละ ขี้เกียจแปะบ่อยๆ มันยาว... ไว้ใครตั้งกระทู้ใหม่ก็ค่อยก๊อปไปแปะต้นกระทู้ทีเดียวนะจ๊ะ
สามารถไปอ่านกันให้ตาแฉะได้ (นับคร่าวๆก็ปาไป 100เม้นท์... ความเมายานี้...)
ขอค่าตอบแทนเป็นฟิคกาวอีกเยอะๆจำนวนมหาศาล เอาให้กูนั่งอัพเดทจนหน้ามืดตาลายไปเลยทีค่าาาา
ตอนนี้คานท่านเรย์กะยังเสมอต้นเสมอปายแต่เรือเดชชิริรินะแล่นฉิว ถึงริรินะจะไม่รับไมตรีก็เถอะ เดชชิ! สู้เขาไว้นะ! ไหนๆนายก็ท่านเรย์กะเป็นแบ็คใช้ความแกะน้อยพ่อบ้านพ่อเรือนเข้าใกล้สาวเจ้าก็ได้จะต้องมีวันของนายสักวันนนคนพายเรือเอนโจเยอะแล้วกูขอปลีกตัวมาพายเรือริรินะเรย์กะแปบ ริรินะโคตรน่ารักมีซึนเอาผ้าขนหนูมาให้ด้วย ท่านเรย์กะคะปล่อยผู้ชายไม่ได้เรื่องแล้วย้ายมารูทยูริเถอะค่ะ เข้าใจและปกป้องท่านได้ ขนาดชื่อย่อยังตรงกันเลยถ้าไม่เรียกว่าพรหมลิขิตจะเรียกว่าอะไรกันค้า
กูนั่งคิดนะ ว่าถ้ากูเป็นวาคาบะ กูจะรู้สึกเลิฟๆคาบุรากิได้เหรอว่ะ กูต้องคิดว่าที่มาคุยด้วยนี้ ตั้งใจแกล้งสินะ มึงจะแกล้งกูใช่มั้ย ไม่ก็ดูเป็นคนแปลกๆไรงี้ คงไม่ชอบแหงๆ ถ้าเทียบกับนายตัวสำรองแล้ว กูว่าความเป็นไปได้โคตรเยอะกว่า
>>928 กูว่านางคงปลื้มเบาๆนะที่มีหนุ่มป็อบมาคุยด้วย แต่ก็คงไม่กล้าคิดหรอกว่าเขาชอบตัวเองอยู่ แล้วก็ไม่กล้าเอื้อมมือไปหาด้วยเพราะเดี๋ยวจะโดนดักตบด้วยหนามทุเรียน แค่ยืนคุยกันเฉยๆ ไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวอะไรยังโดนแกล้งขนาดนี้ ถ้าเป็นแฟนสงสัยจะโดนลอบสังหารลงขันฆ่าแน่ๆ
เห็นเมนท์ในแมวดุ้นถามว่าเรย์กะทำอะไรบ้างนอกจากกินกับงานฝีมือไปวันๆ เอ่อ นี่มันก็เรื่องชีวิตสโลว์ไลฟ์ของท่านเรย์กะไม่ใช่เรอะ เอาชีวิตท่านเรย์กะว่าวันๆทำอะไรบ้างมาตีแผ่ แล้วก็มองเรื่องผ่านตัวเรย์กะเอง วันๆมันก็เป็นแบบนี้ล่ะ จะให้เขาลุกมาไล่ปักธงแบบเรื่องอื่นมันก็ไม่ใช่นี่นา
เรย์กะก็ทำน้า ไม่ใช่ไม่ทำ ช่วยคุณโมชิดะทั้งๆที่ไม่สนิทกัน โดนโยนงานมาให้ก็ทำแบบไม่ปริปากบ่น วาคาบะก็ต้องช่วยแบบอ้อมๆ ถ้าออกหน้าออกตามากไปท่านเรย์กะก็แย่เหมือนกัน ใช่ว่าตัวเองจะมีอำนาจมากมายอะไร พวก pivoine ก็อยู่ระดับเดียวกับตัวเองกันทั้งนั้น ไปทำให้คนกลุ่มนี้เขม่นเข้า ชีวิตคงพังพินาศก่อนคาบุรากิทำลายแน่ๆอะ
>>929 จริงๆ นางทำเยอะนะ คือต้องกลับไปอ่านตอนแระอ่ะ จำได้ว่านางนั่งปณิธานไว้ 3 ข้อ
อารมณ์ว่า จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับคาบุรากิ เอ็นโจหรือเรื่องใดๆที่จะนำนางไปสู่ badend จะสนับสนุนความรักของคาบุ วาคาบะ แบบอ้อมๆ จะตั้งใจเรียนและเก็บเงินเพื่อรับราชการไรงี้ ซึ่งนางก็พยายามทำทุกข้อเลยนะ จะเห็นว่าอะไรที่นางตั้งใจไว้ คือนางจะพยายามจะทำจนสำเร็จทุกอันเลยอ่ะ ทั้งเก็บเงินเอย ตุ๊กตาหมาเอย ออกกำลังกายไรงี้ แม้จะทุลักทุเลบ้าง ท้อบ้าง ให้คนอื่นช่วยบ้าง แต่มันก็เป็นธรรมดาป่ะว่ะ เราชอบนะ นานๆทีจะมีตัวเอกธรรมดาๆ ไม่แมรี่ซู มันสมจริงดี คือ ในชีวิตจริงไม่มีใคร perfect ทุกอย่างหรอก ขอแต่มีความตั้งใจและความพยายาม เอาจริงๆคือ เรย์กะซามะ นี่ไอดอลกูเรย และกูก็เกาะคานทองเหนียวแน่นเป็นเพื่อนท่านเรย์กะด้วย ( ประเด็น5555)
แม่งกูพิมพ์ผิดทุเรศว่ะ * ตอนแรก กะ ตั้งปณิธาน
>>930 ชีวิตนางเหมือนจะเพอร์เฟคนะ รวย สวย เรียนเก่ง แต่เรย์กะเหมือนหงส์อะ ทำท่าสบายๆสง่าๆเหนือผิวน้ำ แต่จริงๆต้องดิ้นรนเอาขาถีบน้ำแทบเป็นแทบตาย อ้วนก็บ่อย//โดนเสย ท้อแท้ก็บ่อย แต่ยังกัดฟันทำ ใครไม่กวนตีนนางก่อนนางก็ไม่ยุ่งด้วย แถมยังนกบ่อยจนเป็นพญานกฟีนิกซ์ไปแล้ว ถถถถถถถ
วันนี้จะไม่มีฟิคให้อ่านสักเรื่องเลยเหรอ ;w;
Secret End (inception level 2)
Act 2 : part 2.1
หลังจากประกาศตัวด้วยความเบียวจนทุกอย่างหยุดชะงัก ฉันก็กลายเป็นจุดสนใจจากทุกคนทันที ภายในโบสถ์มีแต่คนหน้าตาไม่คุ้นเคยทำสีหน้าประหลาดใจส่งเสียงฮือฮาออกมา อึก ทะลุกลางปล้องกลางงานชาวบ้านเขาแบบนี้ ฉันจะโดนสาปแช่งมั้ยน่ะคะ โอ้ พระเจ้าและบรรดาสาวกทั้งหลายที่อยู่ในโบสถ์ ได้โปรดเห็นแก่เจตนาของฉันด้วยเถอะค่ะ
ฉันก้าวเท้าไปตามทางเดิน ไปที่ส่วนหน้าของโบสถ์ที่จัดทำพิธี เอ็นโจวและผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ด้วยกัน นึกถึงการรำพัดที่เคยเห็นผ่านตาผสานกับท่ายืนบอกยี่ห้อท่านเรย์กะ Kimi dolce พยายามสะบัดข้อมือให้พองามและคลี่ประคองไว้..เกือบหลุดมือ แงงง ยากจังเลยค่ะ
“คุณคิโชวอิน...?”
เห็นท่านเอ็นโจวหน้าซีด ดวงตาเบิกตากว้างอย่างแปลกใจ สภาพพร้อมจะล้มได้ทุกเมื่อแบบนี้ชวนให้รู้สึกสงสารจับใจเหมือนตอนที่รู้ว่ายูกิโนะคุงสุขภาพไม่ดีไม่มีผิด
ถึงอีกใจหนึ่งอยากจะสมน้ำหน้าก็เถอะ
“ท่านเอ็นโจวคะ ดิฉันขอเป็นตัวแทนจากซุยรัน ถึงจะช้าไปแต่ดิฉันคัดค้านการแต่งงานนี้ค่ะ! งานแต่งครั้งนี้ของท่านเอ็นโจวขัดหูขัดตาดิฉันมากค่ะ การแต่งงานน่ะต้องเกิดจากความรักไม่ใช่หรือคะ ไม่ใช่เกิดจากข้อตกลงทางธุรกิจหรือเกียรติยศวงตระกูล ไม่ใช่เกิดจากการบังคับกันอย่างที่ท่านเอ็นโจวกำลังกระทำอยู่ ณ เวลานี้ ท่านเอ็นโจว..ไม่คิดเช่นนั้นเหรอคะ?”
ดะ เดจาวูอีกแล้วววว แต่ทำไมเหมือนบทพูดมันยาวขึ้นด้วยคะ สาบานได้ว่าบทพูดนี้ฉันไม่ใช่คนต้นคิดแน่นอนค่ะ!
ว่าแล้วก็รู้สึกอับอายจนไม่กล้าสู้หน้าอิตาเอ็นโจว แต่จะหนีก็ไม่ทันเลยแก้เกี้ยวด้วยการหุบพัดและหมุนตัวกลับมาหาแรงสนับสนุนจากคนอื่นด้วย
“ดิฉันขอถามทุกท่านเช่นกัน ทุกท่านไม่เห็นด้วยกับคำพูดของดิฉันหรือคะ?”
ยังดีที่มีเพื่อนซุยรันอยู่หลายคนและทุกคนต่างลุกขึ้นยืนปรบมือ ช่วยหนุนคำพูดของฉันได้เป็นอย่างดี โฮะๆๆ นึกว่าจะถูกลอยแพเสียแล้วค่ะ!
“นี่เธอ!”
ผู้หญิงคนนั้นพยายามแทรกตัวเข้ามา ท่าทางพร้อมเอาเรื่องเพราะเธอง้างมือให้เห็นมาแต่ไกล ด้วยความตกใจจังหวะที่หมุนตัวกลับมาฉันเลยสะบัดพัดในมือ โบกเข้าไปเต็มแก้มแดงๆ ของคุณเจ้าสาวดัง เพี้ยะ! แล้วก็เซถลาล้มลงไป
อุ้ก อย่ามองฉันแบบนั้นสิคะ มันน่ากลัวนะ คุณเล่นโผเข้าใส่ทีเผลอขนาดนั้นฉันก็ต้องป้องกันตัวสิคะ
“ดิฉันคุยกับท่านเอ็นโจวอยู่ กรุณาอย่าสอดค่ะ!”
ฉันสะบัดมือคลี่พัดออกอีกครั้ง รู้สึกว่าท่าทางแบบนี้ไม่ค่อยสบายตัวเท่าไรเลยเปลี่ยนมากอดอกแทน แต่ทำไมอยู่ๆ ถึงรู้สึกอึดอัดขึ้นคะ? ไม่นะ คง คงไม่ใช่ว่า- มันก็แค่ไม่กี่วันเองนะชุดคงไม่คับเร็วขนาดนั้นใช่ไหม?
“วะว่าไงนะ! เธอเป็นใคร กล้าดียังไงมาล้มงานแต่งของฉัน!”
“โฮะๆๆ ดิฉันเป็นใครน่ะหรือ? น่าขำ คนเช่นคุณมีสิทธิ์ถามชื่อดิฉันด้วยหรือค่ะ ดิฉันแนะนำให้อยู่ตรงนั้นไปเงียบๆ จนกว่าดิฉันจะคุยกับท่านเอ็นโจวจบก่อนนะคะ”
ฉันลงเสียงเข้มในประโยคหลัง คือว่าก็ไม่ได้ตั้งใจหรอกนะแต่ตอนนี้ฉัน คือ ท่านเรย์กะ Kimi dolce อยู่ไง ท่านเรย์กะผู้นั้นคงต้องเป็นประมาณนี้..ใช่ไหม?
เพราะท่าใหม่ยิ่งทำให้รู้สึกไม่สบายใจฉันเลยเปลี่ยนกลับมาท่าเดิมก่อนจะเงยหน้าสบตากับท่านเอ็นโจวที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ช่วงแขน
“ท่านเอ็นโจวเองก็ไม่ได้สมัครใจเลยใช่ไหมล่ะคะ? ตั้งแต่เข้างานมาจนถึงตอนนี้ ฉันก็มองไม่เห็นความสุขของท่านเอ็นโจวเลยสักนิด ยังไม่นับคนรอบข้างหรือแม้แต่ยูกิโนะคุงเองด้วยนะคะ”
“...แล้วถ้าเป็นคุณคิโชวอินล่ะจะทำยังไง?”
“ฉันน่ะเหรอคะ? ... ถ้าเป็นฉัน ฉันยอมบวชซะยังดีกว่าแต่งกับคนที่ไม่ได้รักค่ะ!”
ปลายเสียงของฉันดังสะท้อนภายในโถงโบสถ์เหมือนจะช่วยยืนยันความตั้งใจของฉัน
"งั้นเหรอ..."
อีตาเอ็นโจวยิ้มจาง ๆ ท่าทางอย่างกะตุ๊กตาไร้เรี่ยวแรง เอาพัดตบหน้าเรียกสติสักทีดีมั้ยคะ?
ก่อนจะรู้ตัวฉันก็วาดพัดอีกครั้งแต่ไม่ใช่การตบ คราวนี้มือไม่รักดีจี้ปลายพัดเชยคางของท่านเอ็นโจวแผ่วเบา
ว้ากกก ฉันยังตกใจตัวเองเลยค่ะ ฉันทำอะไรลงไปคะเนี่ย! ทำไมไปทำกับคนเขาแบบน้านนนน!
★ ★ ★ ★ ★
Secret End (inception level 2)
Act 2 : part 2.2
"แน่นอนซิคะ ไม่อย่างนั้นเราจะต้องอยู่กับคนที่ไม่ได้รักไปตลอดชีวิตน่ะเหรอคะ ตกนรกทั้งเป็นชัด ๆ ! จะบอกว่าอยู่ไปเดี๋ยวก็รักกันเองน่ะเหรอคะ ไร้สาระ! นั่นก็เพราะว่านอกจากหย่าแล้วมันก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วไม่ใช่หรือไงกัน?
"ฉันได้ยินมาจากท่านไอระนะคะ ว่าท่านเอ็นโจวน่ะมีคนที่รักอยู่แล้ว จะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้เหรอคะ? แล้วเธอคนนั้นล่ะ? อย่าทิ้งความสุขส่วนตัวไปเพราะความเห็นแก่ตัวของคนอื่นซิคะ!”
อีตานี่ ปกติก็เห็นยิ้มๆ ดูมีความมั่นใจดี แต่ก่อนอื่นฉันเก็บมือเก็บพัดคืนมาก่อนดีกว่า
“แต่...เธอคนนั้นไม่สนใจผมเลย...”
"ระดับท่านเอ็นโจวแล้วยังมีคนที่ไม่สนใจด้วยเหรอคะ!? เพราะอย่างนั้น...ก็เลยเลือกที่จะยอมรับการแต่งงานนี้ประชดชีวิตน่ะเหรอคะ? อะไรกัน ไม่สมกับเป็นท่านเอ็นโจวเลยนะคะ ให้ไปที่ผาโทจิมโบหรือน้ำตกเคเก็น เยียวยาจิตใจอย่างท่านคาบุรากิยังจะดูดีกว่าอีกค่ะ!”
หรือจะไปบ่มเพราะจิตใจให้แข็งแกร่งอย่างฉันก็ดีเหมือนกันนะคะ
"... เรื่องมาซายะนั่น จ่ายค่าปิดปากไปแล้วนี่นา"
เอ็นโจวแค่นหัวเราะออกมาในที่สุด สีหน้าค่อยกลับมาเป็นปกติแล้ว แบบนี้ถือว่าทำงานลุล่วงแล้วใช่ไหมคะ ถึงอย่างนั้นจนบัดนี้นายจ้างจอมโหดยังไม่โผล่ศีรษะมาเลยค่าาา ไหนบอกว่าจะตามท่านเอ็นโจวมาเข้างาน ตอนนี้ไปอยู่ไหนแล้วเนี่ย ฉันหมดมุกแล้วนะคะ
"ที่เธอคนนั้นไม่สนใจท่านเอ็นโจว เพราะเธอมีคนรักอยู่แล้วรึเปล่าคะ? ถ้าไม่ใช่นั่นก็ยังมีความหวังอยู่ไม่ใช่หรือไง โอกาสมากน้อยแค่ไหน แต่ก็ยังไม่ใช่ศูนย์นะคะ ลองสารภาพรักกับเธอซิคะ ลองจีบเธออีกครั้งซิ เขาว่าน้ำหยดลงหินทุกวัน หินยังกร่อน สักวันเธอย่อมต้องใจอ่อน และจะต้องสมหวังได้แน่ ๆ ค่ะ! แต่ถ้าท่านเอ็นโจวตัดสินใจแต่งงานการเมืองแบบนี้ ทุกอย่างก็เป็นศูนย์ไปเลยนะคะ!"
เดี๋ยวนะ ลงอีหรอบนี้คงไม่ใช่ว่าต้องวิ่งหนีบอดี้การ์ดหรอกนะคะ แบบนี้ฉันควรเตรียมถอดส้นสูงทิ้งไว้ก่อนรึเปล่าคะ
เอ็นโจวจ้องมองมาที่ฉันไม่ได้พูดอะไรอีก ฉันเองก็อย่างที่บอกไปว่าหมดมุกแล้วจริงๆ โอ๊ะยังเหลืออีกบทให้เล่นได้อยู่นี่นา
"ท่านเอ็นโจว ทุก ๆ คนรออยู่นะคะ!”
พูดนิ่มๆ ช้าๆ แล้วก็ยิ้มสวยๆ จะได้สลัดคราบนางร้ายล่มงานแต่งชาวบ้านทิ้งได้ ตบท้ายด้วยยื่นมือข้างที่ว่างไปตรงหน้า ได้เวลาเชื้อเชิญองค์ชายเสด็จลงจากหอคอยงาช้างเสียที
"..."
อย่ามัวแต่นิ่งทึมทื่ออย่างงั้นซิยะ ไม่งั้นสิ่งที่ฉันทำมาทั้งหมดจะสูญเปล่านะ! ปิดจ็อบได้แล้วขอเถ้ออออ
"ไปกับฉันเดี๋ยวนี้ค่ะท่านเอ็นโจว!"
จากแค่ยื่นมือธรรมดาฉันก็หมดความอดทนเปลี่ยนเป็นกระดิกนิ้วสั่งแทน เอ็นโจวจ้องมองแปบหนึ่งก่อนจะวางมือลงมา
"ชู!"
คุณเจ้าสาวคนนั้นตะโกนเรียก ตะกายขึ้นจากพื้นมาเกาะแขนอีกข้างของเอ็นโจวไว้ ฉันเลยได้รำพัดอีกรอบฟาดใส่มือนั้นเต็มแรง
เอ็นโจวจ้องมองมาที่ฉันไม่ได้พูดอะไรอีก ฉันสอดส่ายสายตาไปรอบ ๆ เห็นผู้หญิงคนนั้นทำสีหน้าเคียดแค้น ตวาดเรียกคนของเธอออกมา ที่ที่นั่งรับรองแขก ชายในชุดสูท สวมแว่นสีดำหลายคนผุดลุกและเดินเข้ามา
กรี๊ดดด มันเป็นไปตามพล็อตที่ฝันแล้วไงละคะ อีตาจักรพรรดิ์ไปอยู่ไหน ฉันจะถ่วงเวลาต่อไปไม่ไหวแล้วนะคะ ไม่ดีต่อสวัสดิภาพความปลอดภัยของฉันแล้วค่ะ!
“หยุดอยู่ตรงนั้นซะถ้าไม่อยากให้เรื่องมันเลยเถิดไปมากกว่านี้”
“ท่านคาบุรากิ!"
“มาซายะ!?”
มาได้จังหวะมากค่ะ แต่สารภาพมาเดี๋ยวนี้นะคะว่าเล็งช่วงเปิดตัวนี้ไว้อยู่นานแล้วน่ะ!
★ ★ ★ ★ ★
ยังมีต่ออีก 2 พาร์ท แต่เอาไปแค่นี้ก่อน ขอปรับอะไรๆ อีกนิดน่อ
กูอยากอ่านเอ็นโจอังกอร์(?)ภาค2.......
แปลไทยตอนใหม่ออกแล้วนะ ไปอ่านกันซะสิยะหล่อน ! //ปาตอนใหม่ใส่หน้าโม่งตื่นเช้า
มะ...ไม่ได้อยากจะให้อ่านกันไวๆ หรอกนะ แค่สต็อคมันล้นหรอกน่า!
จากโม่งแปล ~ ริรินะ's style ~
อ่านจบละ วาคาบะนี่แม่ง....... ไม่รู้จะใช้อะไรบรรยายดี 555555 เป็นพวกไม่รู้ร้อนรู้หนาวดีนะ ถถถ
แต่โรงเรียนที่ให้ทุนการศึกษาจนตั้งตัวได้นี่แม่งโคตรโหด...
วาคาบะแม่งน่ารักแบบซื่อๆเซ่อๆดี กูชอบ อยู่สายสไมล์สินะ พวกยิ้มๆร่าเริงหัวเราะจากใจจริง ทำอะไรก็ไม่โกรธ ไม่ยิ้มแอบแฝงจุดประสงค์แบบเอ็นโจด้วย ถถถถถถถถถ
มึงงงง วาคาบะน่ารัก น่ารักโคตรๆ กูขอมาสายยูริเต็มตัวไม่ไหวแล้ววว อารมณ์คุณแม่มาก กูขอเหยียบเรือสองแคมไม่ว่าสายน้องสาวซึนเดเระแบบริรินะหรือคุณแม่ใจดีแบบวาคาบะกูก็เหมาหมด จะเอาซากุระด้วย
คาบุรากิอย่ามายุ่งกับวาคาบะจังนะ แฮร่!
โม่งแปลสุดยอดจริงๆ ถ้าวาคาบะจังจะน่ารักขนาดนี้อย่ายกให้คาบุรากิเลย รู้สึกเสียของอย่างแรง
ตอนนี้กูดีดคาบุรากิทิ้งเลย วาคายะจังน่าย้ากกกกกก ไอบ้าอย่างคาบุรากิ ไม่คู่ควร! ไม่คู่ควร!
อะไรคือพบรักเพราะถูกชนกระเด็น แถมสาวเจ้ายังโชว์ออฟกระโดดออกทันอีกคะ
ที่คาบุรากิชอบอย่าบอกนะวาเพราะท่าทางตอนกระโดดจากจักรยานมันตราตรึงในใจ555555
>>951 กูว่าเป็นไปได้5555555555
ไอ้ 'ท่ากระโดดตราตรึงใจ' นี่ ถ้าเป็นคนอื่นกูคงไม่เห็นด้วย แต่นี่คือไอ้บ้าคาบุรากินะมึ๊งง5555555
ขึ้นชื่อว่าคาบุรากิแล้ว อะไรๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น!!
เอาจริงๆ กูว่าคนที่ซับซ้อนกว่าเอ็นโจก็คาบุรากิคนนึงล่ะวะ แม่ง กูไม่เคยเข้าใจความคิดมันเลย5555555
กูว่าเหตุผลที่ชอบวาคาบะจังต้องตลกแน่ๆอ่ะมึง ไม่งั้นเอ็นโจวไม่เตรียมเผาให้เรย์กะฟังขนาดนั้นหรอก แต่เรย์กะซามะชิ่งหนีก่อน 55555
>>953 กูว่าคาบุมันดูซับซ้อนเพราะในหัวต้องคิดแต่เรื่องบ้าๆบอๆเหมือนเรย์กะแต่วางมาดขรึมเอาไว้อะ คนประเภทเดียวกัน เอ๋อเหมือนเรย์กะ แต่คาบุมันตรงไปตรงมามากกว่าเรย์กะหน่อยนึง อย่างตอนจมูกหนู จมูกแกะหรือส่งจดหมายให้ยูริเอะ มันก็โพล่งออกมาเลยว่าคิดยังไงไม่เก็บอาการ ส่วนเรย์กะได้แต่คิดในใจแค่ไม่พูดออกมาเฉยๆ
>>960 แต่ท่านราชินีขนาดทำผมทรงเจ้าหญิง แต่เสือกโดนจิกหัวใช้ตั้งแต่ประถม พอขึ้นมัธยมมา มีสาวๆเข้ามาเป็นลูกสมุนเพิ่ม และได้เอาพัดตบซึรุฮานะ คนเลยเกรงกลัวขึ้นมาบ้าง
>>959 นั่นสิ กูก็ลืมนึกไปว่าคนอย่างอีตานี่มันไม่ได้วางมาดอะไรเลย อยู่นิ่งๆเฉยๆ คิดแต่เรื่องบ้าๆบอๆไป มีตัวเสริมบารมีอย่างเรื่องชาติตระกูล ผลการเรียน ฐานะอยู่แล้ว
ตอนใหม่แม่ง กูอยากอวยให้เรย์กะคู่กับวาคาบะชิบหาย วาคาบะจะปักธงเรย์กะสินะ55555555555555 ไม่นะ กูจะยึดมั่นแค่เรย์กะริรินะเท่านั้น(?)
謙虚まとめ 1 | らはかん #pixiv http://www.pixiv.net/member_illust.php?illust_id=61239251&mode=medium
แฟนอาร์ตบรรดาตัวละครสาวๆ (ยกเว้นยูกิโนะคุง)
ส่องไปเรื่อยๆใน pixiv
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ท่านเอ็นโจวววว ภาพประกอบตอน 207 ยิ้มได้ชั่วร้ายเหลือเกิน กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดูตายแล้ววววว ตายแล้วววววววววววววววววววววววว ช่วยกูด้วยยยย
http://www.pixiv.net/member_illust.php?mode=manga&illust_id=49271103
เรย์กะในชุดญี่ปุ่นน่าย้ากกกก
http://www.pixiv.net/member_illust.php?mode=manga&illust_id=47617865
ยูกิโนะคุงในชุดขาวพร้อมอีกปีศาจ ก๊าวแรง แงงงง
http://www.pixiv.net/member_illust.php?mode=manga&illust_id=41106264
เอ็นโจวหล่อเหลือเกิน แอร้ แอร้ แอร้ กูวเลิฟลายเส้นคนนี้
>>965 กูโคตรชอบเส้นคนนี้เลยยยย ตรงอิมเมจเหลือเกินนนน แต่เขามักจะวาดประกอบอฟช.(แถมวาดแต่โมเม้นท์กะคาบุรากิ) บางอันเลยจะสปอยล์ ไม่กล้าลง ไหนๆมึงลงแล้วก็ขอนิด
กูชอบอันนี้ http://www.pixiv.net/member_illust.php?mode=manga&illust_id=60395250
ภาพสุดท้าย ดูเอ็นโจบีมนั่นซิคะะะะ แอร๊ยยยยยยย
แล้วพรุ่งนี้โม่งแปลจะมามั้ยยยคะ คือกูอยากอ่านต่ออ่ะค่ะ ความจริงพรุ่งนี้มึงต้องมาหนิ วันนี้เป็นของแถม ช่ายม้ายยยย ><
Secret End (inception level 2)
Act 2 : part 3.1
เฮือก พลังงานหมดแล้วค่ะ ทันเวลาพอดีเลยค่ะ ขอคืนเวทีให้พระเอกตัวจริงไปแล้วกันนะคะ ให้มายืนหน้าเชิดเหมือนเป็นจักรพรรดินีนานกว่านี้ไม่ไหวแล้วค่ะ
ฉันเกือบจะล้มลงแล้วก็เป็นเอ็นโจวที่คว้าเอวโอบไหล่ประคองฉันไว้ทันก่อนจะทำขายหน้าชาวบ้านเขา
ถ้าเป็นเวลาปกติ ฉันคงรีบขอให้เอ็นโจวปล่อยฉันลงไปแล้ว แต่ขอยืมไหล่มาพักหายใจสักหน่อยแล้วกันนะคะ ลงจากเวทีได้ก็ขอเป็นฝ่ายมองละครเงียบๆ อยู่ข้างๆ บ้างนะ
"คุณคิโชวอิน"
"คะ?"
"ที่พูดเมื่อกี้... มันจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ?"
หืม? หมายถึงอันไหนนะคะ ฉันพูดออกไปตั้งเยอะเลยนะ
"ที่ว่าผมยังมีความหวัง?"
"แน่นอนค่ะ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ศูนย์หรอกค่ะ นอกซะจากเธอคนนั้นมีคนที่หมายปองอยู่แล้วล่ะนะ"
"ผม...ควรจะ... สารภาพ?"
"แน่นอนค่ะ ถ้าไม่พูดออกไปอีกฝ่ายก็ไม่มีทางรู้หรอก แถมถ้าเป็นท่านเอ็นโจวล่ะก็ต่อให้เธอไม่สนใจ ก็ต้องมีหวั่นไหวบ้างแน่ ๆ ค่ะ"
ฉันตอบอย่างขอไปทีและอยากบอกองค์ชายมากว่า เลิกพูดไร้สาระสักทีเถอะน่า! ดูจักรพรรดิ์ลงดาบเงียบๆ ไม่เป็นรึไงยะ เมื่อกี้ฉันลุยเดี่ยวมาเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงวิญญาณท่านเรย์กะแห่ง Kimi dolce ด้วย ปลิวออกไปได้สักพักแล้วค่ะ
"ฟังดูมีประสบการณ์จังน้า"
"หึ ฉันน่ะเป็นที่ปรึกษาปัญหาหัวใจให้กับหัวหน้าห้อง อิวามุโระคุง และท่านคาบุรากิเชียวนะคะ อาคิสาวะคุงกับซากุระจังเองก็เป็นเพราะฉันหรอกนะคะถึงเข้าใจกันได้น่ะ"
ไม่อยากจะคุยหรอกค่ะ แต่ทุกคนน่ะสมหวังดั่งใจเชียวล่ะ แหม ก็ฉันน่ะเป็นคิวปิดผู้เก่งกาจนี่นา
"แต่นั่นมันไม่ใช่ประสบการณ์ส่วนตัวเลยนี่นา"
... เงียบไปเลยนะยะ! อย่าพูดแบบนั้นเชียว ฉันเองก็ไม่ได้อยากให้มันกลายเป็นแบบนี้สักหน่อย! มันไม่ใช่ความผิดของฉันเลยนะที่ต้องมาเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านคานทองเนี่ย! จะให้ทำยังไงล่ะยะ!
เอ็นโจวยิ้มกว้างแล้วหัวเราะออกมา หน้าตาดูสดใสขึ้นอย่างน่าหมั่นไส้
ทำยังไงดีคะ ฉันเริ่มหมั่นไส้หมอนี่มากกว่าสงสารแล้วค่ะ ความสงสารนั่นนะเก็บมาไว้ให้ตัวเองหมดแล้ว
"คุณคิโชวอิน"
"อะไรอีกคะ?"
ยังจะพูดอะไรอีกน่ะหะ! พองานล่มแล้วพูดมากขึ้นมาเลยนะยะ!
ใช่สิ องค์ชายสมหวังแล้วจะเฉดหัวอัศวินที่มาช่วยเหลือทิ้งไปก็เป็นเรื่องปกตินี่ แล้วเรื่องก็อาจจะกลายเป็นว่า ฉันถูกตราหน้าเป็นยัยนางร้ายที่ล่มงานแต่งงานคนอื่น หมดกันอนาคตของฉัน
เอาเถอะ อย่างน้อยที่ท่านพี่คนนี้เกี่ยวก้อยสัญญาไว้ก็ทำสำเร็จครึ่งหนึ่งแล้วนะยูกิโนะคูงงงง
“ผมรักคุณ"
“ค่ะ”
...
..
.
เอ๊ะ? สะต๊อปปุ! เมื่อกี้ว่ายังไงนะคะ!?
★ ★ ★ ★ ★
Secret End (inception level 2)
Act 2 : part 3.2 [END]
เมื่อกี้ฉันคงหูฝาดใช่มั้ยคะ ต้องใช่แน่ๆ ค่ะ เหนื่อยๆ แบบนี้ถ้าไม่มีสมาธิก็มักจะมีอาการละเมอเพ้อไปเอง เอ๊ะนั่นท่านคาบุรากินำทีมบอดี้การ์ดล้อมจับวงศ์วานคุณเจ้าสาวแล้วค่ะ ดูเหมือนที่หายไปเพราะไปเช็คข้อมูลแล้วบุกเข้ามาแย้งซีนฉัน กลายเป็นพระเอกที่แท้จริงของงานนี้!
จบงานแล้วค่ะ ฮ่ะๆๆ โฮะๆๆๆ จบงานแล้วค่ะ เมื่อกี้ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นแล้วใช่มั้ย ฉันแค่เหนื่อยไปค่ะแค่เหนื่อยไป
"จะทำก็ทำได้นี่คิโชวอิน"
คาบุรากิเดินเข้ามาหา ท่าทางจะจัดการคุณเจ้าสาวเรียบร้อยแล้วยังเคลียร์คนออกไปด้วย เอ๊ะ เร็วจังเลยคะ รู้สึกเหมือนได้พักนิดเดียวจนหูฝาดได้ยินอะไรเพี้ยนๆ ไปด้วย
“...ค ค่ะ! ...เป็นเพราะท่านคาบุรากิมาทันเวลาพอดีด้วยค่ะ”
“เพราะได้คุณคิโชอินคนพี่ยื่นมือเข้ามาช่วยละนะ ไม่อย่างนั้นคงขุดเรื่องทุจริตของตระกูลยัยนั่นกับคนใหญ่คนโตขนาดนั้นออกมาเล่นงานไม่ได้... แล้วพวกนายจะอยู่ท่านี้ไปอีกนานมั้ย”
พอถูกทักฉันถึงได้รู้สึกตัว ทำไมฉันถึงยังอยู่ในวงแขนของเอ็นโจวอยู่ละคะ อันตราย! แต่พอจะขยับหนีเจ้าตัวกลับกระชับแขนยิ่งขึ้นอีกซะงั้น
อะ อะไรเล่า! จบเรื่องแล้วนะคะจบเรื่องแล้ว แล้ว แล้ว แล้วนั่นคิดจะทำอะไรกับมือขวาของฉันกันคะ
"ทำอะไรลงไปคะ!!!"
แหวนแพลตินัมฝังเพชรถูกสวมเข้ามาที่นิ้วนาง พอจะกระชากมือออกมา เอ็นโจวก็คว้าหมับไว้แน่น
"ก็งานแต่งยกเลิกแล้ว แหวนนี่ก็คงไม่ได้ใช้แล้วนี่นา ฝากคุณคิโชวอินไว้ก่อนแล้วกัน ... ไว้ค่อยวงหาที่เหมาะกับคุณคิโชวอินกว่านี้ให้นะ"
อ อะไรกันคะ!!? วง วง วงที่เหมาะ!? มะ หมาย หมายความว่ายังไงกันคะ!?
"คุณคิโชวอินมาทำงานแต่งของผมล่ม เมื่อกี้ก็ตอบรับมาแล้วด้วย ต้องรับผิดชอบผมด้วยซิครับ"
รับผิดชอบอะไรกัน!? นี่ฉันเพิ่งช่วยนายออกมานะยะ!?
เอ็นโจวหัวเราะเล็กน้อย ใช้มือจับกระชับที่เอวของฉันไว้จนไม่สามารถขยับหนีได้ มืออีกข้างก็ยกขึ้นมาปัดเส้นผมที่ปกหน้าฉันออก ใบหน้าของเขาค่อยๆขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น รอยยิ้มนั้นดูกรุ่มกริ่มแปลกประหลาด ประกายในดวงตาคู่นั้น ทำให้ใบหน้าฉันร้อนวูบ ตัวค้างแข็งเกร็งไปทั้งตัว กระทั่งจะหลบสายตานั้นยังไม่สามารถทำได้
"คุณคิโชวอิน...ที่ผมสารภาพไปเนี่ย ได้ยินรึเปล่านะ?...”
ฉันเบิกตากว้าง ในใจปฏิเสธเต็มที่ว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น เอ็นโจวหัวเราะเบาๆ ใบหน้านั้นใกล้เข้ามาจนจมูกของเราแทบจะชนกันอยู่แล้ว
"น้ำหยดลงหินทุกวัน หินยังกร่อน...ซินะ?"
น้ำเสียงนุ่มนวลนั้นเบาจนแทบจะเป็นเสียงกระซิบ แต่ฉันกลับได้ยินมันอย่างชัดเจน ฉันรู้สึกราวกับวิญญาณจะหลุดออกจากร่างอีกครั้ง จะเป็นลมอยู่รอมร่อแล้ว
"เฮ้ๆๆ! ชูสุเกะ! ฉันยังอยู่ตรงนี้ทั้งคนนะ! ให้มันน้อยๆหน่อย!”
“มีอะไรต้องทำต่อก็ไปเถอะ!”
“…ไปเยี่ยมยูกิโนะ”
“…”
ฉันเรียกวิญญาณกลับคืนร่างได้หลังได้ยินว่าจะไปหายูกิโนะคุง แต่ยังดิ้นไม่หลุดจากตานี่เลยค่าาา ขอเวลานอกให้ฉันประมวลผลหน่อยไม่ได้รึไงคะ สายตาก็มองอีตาจักรพรรดิ์สะบัดก้นเดินนำลิ่วๆ ไป
เดี๋ยวค่ะ ปล่อยฉันไว้แบบนี้ไม่ได้นะค้าาา เมื่อกี้ยืนดูอยู่ตั้งนานก็ไม่ยอมช่วยด้วยอ่ะ! เดี๋ยวก็แช่งให้วาคาบะจังทิ้งซะเลย
“ผมยังไม่เร่งรัดเรย์กะก็ได้ เพราะยังไงก็ฝากแหวนไว้แล้วนี่เนอะ หนีไม่พ้นแล้วล่ะ”
“ปะ ไป รีบไปหายูกิโนะคุงกันเถอะค่ะ”
"อืมงั้นก็ไปกัน... สัญญากันไว้แล้วนี่"
อ้อ นั่นซินะคะ สัญญากับยูกิโนะคุงไว้แล้วนี่นา ว่าจะพาตัวพี่ชายไปเยี่ยมที่ให้...ได้... น่ะ ... เอ๊ะ?
"ท ทำไม...?"
ทำไมท่านเอ็นโจวถึงรู้เรื่องสัญญาล่ะ!?
เอ็นโจวจ้องมองฉันค่อยๆ ฉีกรอยยิ้มสว่างไสวที่ฉันรู้สึกว่ามันดำมืดและหนาบเหน็บที่สุดจนต้องกลืนคำถามกลับไป เอ็นโจวคว้ามือของฉันไปแนบสัมผัสกับใบหน้าของตัวเอง จ้องมองที่ฉันไม่วางตา
"ขอบคุณที่มาช่วยผมนะครับ ...เรย์กะ”
เขายื่นหน้าเข้ามาหาอีกครั้ง คราวนี้แม้อะไรๆ จะเกิดเร็วกว่ารอบแรกแต่ฉันเองก็ไม่ได้สติหลุดไปทั้งหมดและคว้าพัดมากั้นกลางได้ทันที...ทั้งที่เป็นอย่างนั้น
ทำไมความแนบชิดทั้งที่มีพัดกั้นไว้อยู่ถึงชวนให้หน้าร้อนยิ่งกว่าเดิมอีกละค้าาา!
ฉันสบตาเอ็นโจวที่ผละออกไปแล้ว แม้จะสงสัยแค่ไหนแต่ฉันเป็นก็ขี้ขลาดเกินกว่าจะรับฟังคำตอบจากปากของเขา
ฉันไม่อยากรู้หรอกว่าตัวเองติดกับดักหลุมเบ้อเร้อนี้ตั้งแต่ตอนไหนกันน่ะ
★ ★ ★ ★ ★
คห.หลังเขียน : ใครก็ได้เอาไม้หน้าสามเคาะท่านหญิงเรย์กะสักทีสิ ซื่อบื้อเกินไปแล้วนางเอ้ย!!! อ่อ เผื่อแผ่ไปให้คาบุรากิด้วยนะ คนเขากำลังสวีตกันหวานๆ ไปยื่นทื่อเป็นกขค.ถลึงตามองอย่างนั้นได้ไง เพ้ย!
ขอขอบคุณโม่งต้นฉบับ ผู้สนับสนุนลังกาวอย่างเป็นทางการ
ขอขอบพระทัยโม่งแปล (กราบบบบ) นายหน้าค้ากาวที่ฟอร์มดีเสมอต้นเสมอปลาย
ขอบคุณโม่งฟิคทั้งหลาย ที่ช่วยกันขนกาวมาให้
และขอบคุณโม่งนักอ่านทุกคน จบนี่กุจะเป็นพวกเดียวกับมึง หมดทุกข์หมดโศก ไม่มีโม่งมาจ้องข้างหลังคุกคามลังกาวกุให้ลงฟิคต่อ จากนี้ไม่หลวมตัวมาเขียนแล้ว พอ!
ปล. เพิ่งกาวขึ้นมาได้ ทำไมฉากเชยคางกุไม่เขียนให้นางหลุดคาแร็คเตอร์แล้วพูดว่า “โอ้ พ่อหนุ่มน้อย” ไปวะ..
ปล2. เพิ่งอ่านตอนล่าสุด กูเปลี่ยนไปลงเรือวาคาบะจังทันมั้ยคะมึง
สารบัญเอ็นโจ Update(1)
Ch.6 ท่านเรย์กะถูกใจหน้าตาแบบเอ็นโจมากกว่าคาบุรากิ
Ch.8 ท่านเรย์กะสั่นกระดิ่ง+เต้นวอลซ์กับท่านพี่
Ch.9 หันไปเห็นเอ็นโจกับคาบุรากิ
Ch.10 ท่านเรย์กะย้อนความหลังให้ฟังว่าเอ็นโจถามว่าคือคนที่เต้นวอลซ์ใช่มั้ย+ท่านเรย์กะรู้ว่าเอ็นโจมองท่านเรย์กะที่แอบมองมาซายะอีกที
Ch.16 มาซายะข่มขู่ท่านเรย์กะให้ช่วยเรื่องยูริเอะ
Ch.17 เอ็นโจเข้ามาร่วมวง
Ch.20 เอ็นโจวางกับดักให้ท่านเรย์กะคิดกลยุทธง้องอนท่านยูริเอะให้มาซายะ
Ch.21 เอ็นโจโผล่มาหาเรย์กะที่ห้องเรียนเพื่อนัดคุยเรื่องวิธีง้อยูริเอะ
Ch.32 ท่านเรย์กะ+เอ็นโจเป็นคณะกรรมการ
Ch.33 เอ็นโจกับเรย์กะยืนข้างกันคอยต้อนรับแขก+เอ็นโจนั่งข้างเรย์กะดูคาบุรากิแข่งม้าชิงเมือง+จุดเริ่มต้นฉายาจักรพรรดิของคาบุรากิ
Ch.39 ท่านเรย์กะถูกกวางขวิด
Ch.40 เอ็นโจเขียนเฟรนด์ชิพให้ท่านเรย์กะ
---------------จบประถม-------------
Ch.46 ท่านไอระ ยูริเอะ เอ็นโจ เรย์กะ ร่วมวงกันล้อมาซายะเรื่องฉายาจักรพรรดิ
Ch.57 เรย์กะกับเอ็นโจอยู่ห้องเดียวกัน แล้วได้คุยกันในสโมสร Pivione
Ch.59 จอมมารเอ็นโจแผลงฤทธิ์ใส่ริรินะ ท่านเรย์กะติดหนี้จอมมารซะแล้ว
Ch.64 เอ็นโจมาทวงหนี้จากเรย์กะ
Ch.67 เจ้าแม่กาลีองค์ลง
Ch.68 เรย์กะต่อยท้องเอ็นโจ
--------------จบม.ต้น---------------
Ch.77 ท่านเรย์กะคุยเรื่องชมรมกับสมาชิกPovoine
Ch.82 เอ็นโจเดินสวนท่านเรย์กะที่กำลังจะไปชมรมแล้วทักเรื่องคาซึรางิ
Ch.92 ท่านเรย์กะไปงานเลี้ยงน้ำชาบ้านคาบุรากิ เอ็นโจเข้ามาคุยด้วยเนียนๆ คาบุรากิฉีกหน้าเรย์กะกลางวงว่าไปไดเอทมา
Ch.93 เพื่อนเรย์กะบอกว่า เอ็นโจเรียกหาแต่เรย์กะ ไม่เห็นทำแบบนี้กับคนอื่นเลย
Ch.94 ท่านเรย์กะพามาโอะจังกับยูริคุงไปสั่นกระดิ่ง สตอล์กเกอร์เอ็นโจปรากฏตัว
Ch.98 คาบุรากิ เอ็นโจ เรย์กะเจอกันที่สโมสรPivoine คาบุรากิถามเรย์กะว่าทำไมไม่ติดจมูกหนูด้วย เอ็นโจปรามคาบุรากิ
Ch.100 เรย์กะเป็นพ่อบ้านแกะ
Ch.101 คาบุรากิอกหักอย่างเป็นทางการ เอ็นโจเล่าเรื่องมาซายะให้เรย์กะฟัง
Ch.102 เอ็นโจเอาของฝากให้เรย์กะ
Ch.103 เรย์กะแนะนำมาซายะไปบวช เอ็นโจลากแขนเรย์กะไปคุยด้วยอีกมุม
Ch.106 คาบุรากิคิดว่าเรย์กะอยู่ในสมาคมคนติดอยู่ในพี่น้องโซนเหมือนกับตัวเอง เลยให้หนังสือกลอน เอ็นโจขอบคุณเรย์กะที่ช่วยให้มาซายะรื่นเริงขึ้น
Ch.113 ท่านเรย์กะเจอยูกิโนะคุง
Ch.114 เอ็นโจมาคุยกับเรย์กะเรื่องยูกิโนะ
Ch.116 เอ็นโจบอกวาคาบะเรื่องของฝากว่า "ผมไม่ได้กินหรอก แต่คนที่ให้ไปเขาบอกว่าอร่อยดีนะ"
Ch.119 เรย์กะสอนยูกิโนะทำนีดเดิลเฟลท์ ยูกิโนะคุงทำแต้มให้พี่ชาย
Ch.120 เรย์กะเจอเอ็นโจที่หน้าประตูรร. แล้วคุยเรื่องที่สอนยูกิโนะถักนีดเดิลเฟลท์กัน เอ็นโจหย่อนระเบิดชื่อ ท่านเรย์กะชอบผู้ชายอายุมากกว่าสินะ ไว้
Ch.124 เรย์กะไปงอแงกับเอ็นโจเรื่องยูกิโนะเข้าโรงบาล ฉากกางร่มกันฝนให้ในตำนาน
Ch.126 เอ็นโจข่มจู่มาซายะให้เล่นเพลงให้เรย์กะ
Ch.131 เอ็นโจ คาบุรากิ เจอมาโอะจังที่มาหาเรย์กะที่ห้องสโมสรPivoine
Ch.139 เอ็นโจเดินมาคุยกับเรย์กะที่งานชมหิ่งห้อย
Ch.140 เอ็นโจส่งกรงหิ่งห้อยมาให้เรย์กะ
Ch.142 เรย์กะเต้นรำกับยูกิโนะ
Ch.143 เรย์กะกับยูกิโนะเต้นรำเสร็จ เอ็นโจเดินเข้ามาคุยด้วย
Ch.145 ยูกิโนะโรคหอบกำเริบ เรย์กะแบกไปห้องพยาบาล เอ็นโจมาขอบคุณ
Ch.146 ยูกิโนะให้อโรม่าแคนเดิลกับผ้าขนหนูกับเรย์กะ ยี่ห้อเดียวกับที่เอ็นโจใช้
มาแปะไว้ กูกลัวมู้เต็มก่อนจะได้อัพเดทสารบัญ
หลังจากนี้กูจะอัพสารบัญเอ็นโจเพิ่มจากที่ลงล่าสุดนะ เช่น ครั้งต่อไปเอ็นโจโผล่ในตอนที่149 สารบัญเอ็นโจรอบหน้าจะเริ่มที่ 149 ถ้าเอามาตั้งแต่ต้นกูกลัวพื้นที่ไม่พอ
เออ คนลิ้งค์รวมสารบัญต่างๆ ตัดสารบัญเอ็นโจรอบแรกออกเลยก็ได้นะ
>>951 มึงนี่แย้แย่ ออกจะเป็นฉากแรกพบของพระนางอันน่าประทับใจขนาดนี้
http://imgur.com/v256T8L
....
แย่สุดคือทำไมกูต้องมาวาดอะไรแบบนี้ด้วยวะะะ
พวกมึง...นี่กูเองนะ ถึงพวกมึงจะไม่รู้ว่ากูไหนก็เถอะ แต่นี่กูเอง....
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ กูกลัวชิบหายยยย กูว่ามีแนวโน้มสูงที่ตอนจบท่านฮิโยโกะจะแต่งแบบปลายเปิด ( จบแบบที่ต้องไปมโนต่อเอาเองว่าตัวเอกหรือเนื้อหาของเรื่องจะเป็นยังไงต่อได้ หรือก็คือจบแบบไม่ค่อยเคลียร์(สำหรับกู) )
เพราะนี่ก็จะขึ้นม.6กันแล้วไม่ใช่อ่อ (หรือขึ้นแล้ววะ??) แล้วยังไงซะจุดไคลแม๊กซ์ก็น่าจะอยู่ตรงช่วงม.6นี่แหละ กูว่าซุยรันมันไม่มีมหาลัยเว่ย ไม่งั้นรุ่นพี่โทโมเอะที่เป็นสภานักเรียนไม่ประกาศต่อหน้าทุกคนว่าตนคบกับสมาชิกPivoineในฝันปัจฉิมนิเทศหรอก หรือไม่ก็ต้องมีซักฉากที่ท่านเรย์กะบอกว่าท่านพี่ของตนต่อเข้ามหาลัยของอะไร (และเเน่นอน กูว่าต้องเป็นซุยรัน เพราะท่านเเม่แหงๆ หรือถ้าไม่ยากต่อเข้ามหา'ลัยของซุยรัน คงต้องเข้าที่มันชื่อดังจริงๆและท่านแม่ยอมรับ) แล้วแต่ละตอนที่ผ่านๆมามันไม่มีเลยไง......
ถ้ามีภาคมหา'ลัยต่อจะแต่งว่าไง? วันๆของท่านเรย์กะอีกเหรอ? หรือเรยกะชวนชิมงี้? จากที่มันอืดๆดูลุ้นน่าติดตามจะกลายเป็นน่าเบื่อแทนว่ะ กว่าจะเฉลยปมทีก็ปาไปเรียนมหา'ลัยหรือจบทำงานแล้ว นี่ถ้ากูดรอปไว้รอหลายๆตอนแล้วค่อยอ่าน ทีเดียว
วันนึงกูสุ่มจึ๊กเปิดมาสักตอนนึงแล้วเจอประมาณว่า
"วันนี้ฉันเข้าประชุมร่วมกับท่านพี่ ว่าด้วยวาระที่1 งบประมาณบริษัท วาระที่2 การแต่งตั้งตำแหน่งบุคคล วาระที่3 .. บลาๆๆๆๆ"
กูกดปิดรออ่านตอนจบหรือซุ่มแต่ในมู้นี้ติดตามข่าวสาร ฉากเด็ดๆหรือฉากรุกท่านเอ็นโจอย่างเดียวแล้วนะเว่ยยย! อีห่าาาาาาาา แม่งงงงงง แต่งฟิคแต่งงานจนจะทีลูกมีเต้ากันแล้วเนี่ย!!!
อฟช.ยังไม่ค่อยจะคืบหน้าเลยยย!! ..........
โอเคกูโกหก!!!!....ถ้าเกิดเนื้อเรื่องจะเป็นอย่างงั้นขึ้นมาจริงๆ ก็....ก็ยังคงอ่านต่ออยู่ดี จะให้กูทิ้งท่านริวโฮ(โม่งเเปล)ผู้แสนดี ท่านเรย์กะผู้น่ารัก(พาตัวไปถวายแด่จอมมารเอ็นโจ) และพวกมึงเหล่าโม่งทุกคนไปได้ไง โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
........โอเคกูบ่นพอใจละเชิญพวกมึงลั้ลลากันต่อ5555//หยิบกาน้ำ(กัญ)ชากรอกปากเพื่อสงบสติอารมณ์
>>986 กูก็คิดเหมือนกัน โฮววววว
เท่าที่ดำน้ำเห็นพูดถึงงานโรงเรียนอยู่ก็น่าจะปีสุดท้ายละปะวะ ยังไม่มีอะไรเคลียร์เลย โฮวววว แต่ก็คงอีกหลายสิบกว่าตอนกว่าจะถึง คาดหวังว่าจะเคลียร์ช่วงนี้นะ แบบเดียวกะแปลไทยช่วงนี้ที่เบียทันทำมาหลายตอนไม่เสร็จสักที ก็มีประเด็นนั่นนี่เยอะอยู่เข้ามา
แต่กลัวกว่าจบปลายเปิดก็กลัวเรือล่มนี่ล่ะวะ ฮือออออ
จงเชื่อมั่นในแท็กเลิฟ! และผมม้วนโรโคโค่แห่งความโชคดีของท่านเรย์กะ!!
>>989 ตอนจบ
งานโรงเรียนของซุยรันปีสุดท้ายของฉันจบลงแล้ว รอบๆตัวฉันมีแต่คู่รักหวานชื่นเต็มไปหมด
หมดช่วงวัยมัธยมปลายแห่งความรัก ฉันยังคงดำรงตำแหน่งคานทองอย่างสมเกียรติ
ไม่เอาแบบนี้นะ! ใครก็ได้มาสอยฉันลงไปที!
ตอนนั้นเองจู่ๆก็มีเสียงเชียร์ดังขึ้น พร้อมเด็กหนุ่มรุ่นน้องของฉันหนึ่งปีเดินออกมา
เอ๋ เหมือนจะเดินมาทางฉันนะคะ
"ท่านเรย์กะครับ!!!!"
"ค คะ!?" จู่ๆก็ถูกเรียกเล่นเอาตกใจหมด หนุ่มน้อยทำท่าทางอึกอักหน้าแดงไปหมด ทำให้ฉันพลอยหน้าแดงไปด้วยคนรอบตัวเริ่มหันมาสนใจพวกเราและเริ่มมีเสียงซุบซิบปนเสียงกรี้ด ในใจฉันเองก็อดที่จะเต้นตึกตักไปด้วยไม่ได้
หรือว่าฤดูใบไม้ผลิของฉันกำลังจะมาเยือน!
"ผมชอ....เปรี้ยง"
จู่ๆเด็กหนุ่มคนนั้นก็ล้มไปนอนกับพื้น
เอ๋ เอ๋ เอ๋
หนุ่มน้อยโดนเพื่อนหามออกไปแล้ว
รอก่อนฤดูใบไม้ผลิของฉัน
คิโชวอิน เรย์กะ งานโรงเรียนีสุดท้าย สถานะยังคงโสดสนิทค่ะ
-----ตัดฉาก
เอ็นโจถือหนังสติ๊กในมือ ลูกหินของเขาถูกยิงไปแล้วที่ไหนสักแห่ง
ที่ไหนกันหนอ
จบ
สร้างห้องใหม่กันเถอะ กูสร้างไม่เป็น เอาเป็นว่ากูช่วยรวบรวมนิดนึง ผลโหวตชื่อห้องถัดไป
สรุปได้เป็น ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ(กัญ)ชาซุยรันยามบ่ายกลางจักรวาลแห่งกาว (ยานแม่ลำที่3) นะ
ส่วนสารบัญ รวบรวมโดยโม่งสารบัญในลิงค์นี้
สารบัญชื่อตัวละคร
🌸 Pivoine [ชั้นปีเดียวกัน]
- คิโชวอิน เรย์กะ (จักรพรรดินี)
- คาบุรากิ มาซายะ (จักรพรรดิ)
- เอ็นโจ ชูสุเกะ (เจ้าชาย)
- ฮางิโนะโคจิ ฟุยุโกะ (กลุ่มเรย์กะ สาวสไตล์ญี่ปุ่น)
- โนเซ็น ซาราระ (คลั่งไคล้หนังสือหายาก)
🌸🌸 Pivoine [รุ่นพี่]
- คิโชวอิน ทาคาเทรุ (+7) (ท่านพี่)
- โมโมโซโนะ อิมาริ (+7) (เพื่อนท่านพี่)
- โอคิชิมะ (+6) (อดีตประธาน)
- ซุสุชิโนะ ยูริเอะ (+4) (เจ้าหญิง)
- มินาสึกิ ไอระ (+4) (อัศวิน)
- ฟุคาคุสะ คาซึมิ (+2) (จูเลียต)
- นาคาจิมะ โยโกะ (+1) (ประธาน)
💮 Petit Pivoine
- ซาวาราบิ มาโอะ (-9) (น้องสาวแสนน่ารัก)
- ยูริ (-9) (คู่รักมาโอะ)
- เอ็นโจ ยูกิโนะ (-10) (เทวดาน้อย)
🏫 โรงเรียนซุยรัน [กลุ่มสาวๆ]
- คาซามิ เซริกะ
- อิมามุระ คิคุโนะ
- โอมิยะ อายาเมะ
- ชิราซากิ รุเนะ
🏫 โรงเรียนซุยรัน [เพื่อนร่วมชั้น]
- ฮอนดะ มิฮารุ (คนที่หัวหน้าห้องแอบรัก)
- โนโนเสะ มาโฮะ (เพื่อนฮอนดะ)
- ซึรุฮานะ มากิ (หัวหน้ากลุ่มสาวแกล)
- ทาคามิจิ วาคาบะ (นางเอกสามัญชน)
- โมชิดะ (เคยถูกกลุ่มซึรุฮานะแบนในงานกีฬา)
- อิโคมะ (นักเรียนนอกที่ชื่นชมเรย์กะ)
- อาคิสะวะ ทาคุมิ (ลูกไก่ในกำมือซากุระจัง)
- โบดะ (เณรน้อย)
- มิซึซากิ อาริมะ (นายตัวสำรอง)
- ซาโตมิ ยูคินาริ (เพื่อนอาคิสะวะ)
- อิวามุโระ ทาคาชิ (ทหารเลว)
- ทากาคิ (เรียนพิเศษที่เดียวกัน)
🏫โรงเรียนซุยรัน [รุ่นน้อง]
- โคโตว ริรินะ (-1) (ลูกพี่ลูกน้องซึนเดเระ)
- โทริอุมิ (-1) (เคยสารภาพรักอาคิสะวะ)
- คาซึรางิ (-2) (ตาไก่โง่โทริโอะ)
- มินามิ ไรตะ (-1) (เดชชิ)
🏫โรงเรียนซุยรัน [รุ่นพี่]
- โทโมเอะ เซ็นจุ (+2) (รักแรก)
🏫โรงเรียนยูริโนะมิยะ
- ฟุคิโอกะ ซากุระโกะ (ปีศาจหนังแมว)
- ไมฮามะ เอมะ (ปลาซิวปลาสร้อย)
🏢โรงเรียนสอนพิเศษ
- โยริโนะ อาโออิ (โทโระโรนอิโมะทาโร่แฟนคลับ)
- อุเมวากะ อาสึกะ (นายบ้าหมา)
- โมริยามะ (สาวผมสั้น)
- ซากากิ (เพื่อนสาวผมสั้น)
- คิตาซาวะ (หนุ่มผมน้ำตาล)
🏰ลูกจ้างบ้านคิโชวอิน
- ซากามิ (คนขับรถ)
- มิฮาระ (โค้ชบอดี้การ์ด)
- ซาซาจิมะ (เลขาทานุกิ)
- โออุซากะ คาริน (ครูสอนพิเศษ)
- โออุซากะ มาริน (ครูสอนพิเศษ)
🎭ตัวประกอบอื่นๆ
- อิชิโนะคุระ ฮารุโตะ (+9) (เพื่อนกิน)
- ยูมิยามะ เอริกะ (+9) (แฟนอิชิโนะคุระ)
- นารุโทมิ อาคิมิ (+4) (สาวท้วมโปรแกรมไดเอท)
- เอมิริ (เคยเชิญไปงานแสดงดนตรี)
- คาซึมิ (+?)(ญาติ)
- มายะ (+?)(ญาติ)
⌛คนจากชาติก่อน
- ยูกะ (น้องสาวแท้ๆ)
- นารุฮิโตะ (ลูกพี่ลูกน้องที่เป็นรักแรก)
🐾 สัตว์เลี้ยง
- เบียทริซ (สุนัข)
- อลิซ (แมว)
คิดว่ายังไงๆเนื้อเรื่องก็น่าจะจบตอนจบม.ปลายแหละ ในอีก2เทอมที่เหลืออะไรก็เกิดขึ้นได้ ดูอย่างตอนแรกๆสคิปรัวๆ จำนวนตอนของแต่ละช่วงก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆมาจากตอนประถม>ม.ต้น>ม.ปลายปี1 เพราะฉะนั้นเวลาไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือเมื่อไหร่ฮิโยโกะซามะจะมาเขียนต่อมากกว่า(ขอตอน273ทีค่า)
นี่เพิ่งจะปิดเทอมฤดูร้อนเอง! มีอีเว้นท์เหลืออีกตั้งเยอะแยะ! ที่ใกล้ที่สุดก็ซัมเมอร์ปาร์ตี้ ยังสงสัยอยู่ว่าจะทำยังไงให้วาคาบะจังมาโผล่ที่งานได้อยู่
สรุปคือกังวลว่าฮิโยโกะซามะจะมาเขียนต่อจนจบเมื่อไหร่แค่นี้แหละ...... //เข้านาโร่วเช็คเช้าเย็น
มา ตอนจบมั่ง...
------
หลังจากความพยายามในการใช้ชีวิตอย่างนอบน้อมและหนักแน่นตามคติประจำใจที่ตั้งมั่นไว้แต่ต้น
ในที่สุดคิโชวอิน เรย์กะ ก็จบการศึกษาจากซุยรันได้สำเร็จโดยไม่มีเหตุการณ์การล่มสลายเกิดขึ้นล่ะค่ะ!
ดีล่ะ! ต่อไปนี้จะเป็นการดำเนินชีวิตในมหาวิทยาลัยแล้ว ฤดูใบไม้ผลิของฉันจะต้องบานสะพรั่งได้แน่ๆล่ะ!
...
แล้วฉันก็ตื่นขึ้น
ฉันพบว่าตัวเองนอนอยู่บนพื้นเสื่อ มันเป็นห้องไม้เก่าๆที่คับแคบและคุ้นเคย ขณะที่งงว้าเกิดอะไรขึ้นก็มีคนเดินเข้ามาในห้อง
"ไง ตื่นสักที"
อ เอ๋ นารุคุง!? ทำไมถึงอยู่ที่นี่ล่ะ
"นอนกลางวันแบบนี้ คืนนี้จะหลับลงมั้ยน่ะ พรุ่งนี้เปิดเทอมแล้วนะ มัวแต่อ่านการ์ตูนอยู่นั่น การบ้านคงเสร็จแล้วใช่มั้ย?"
เปิดเทอม? อ๊ะ! แย่แล้ว การบ้านฤดูร้อนยังไม่เสร็จจริงๆนั่นล่ะ!
ก็มันทั้งร้อนทั้งยากและน่าเบื่อนี่นา ฉันก็เลยกะว่าจะพักอ่านมังงะสักแป็บนึง... เผลอหลับไปซะได้
เหมือนจะฝันอะไรสักอย่างที่สนุกมากๆด้วยล่ะ แต่เสียดายที่ตื่นมาก็ลืมไปซะแล้ว ทั้งที่ควรจะจำได้แท้ๆ แย่จังเลยค่ะ
แต่ช่างมันเถอะ ตอนนี้ต้องรีบปั่นการบ้านแล้วล่ะค่าา
แง้ ยากจังเลยอะ นารุคุงช่วยด้วยยย
(จบ)
เอ้า ตั้งกระทู้แล้ว
https://fanboi.ch/webnovel/3451/
อ้าว ชิทททท กระทู้ซ้ำนี่หว่า ใช้กระทู้ไหนดีวะ
มากูช่วยเมนต์ปิดกระทู้
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.