(ต่อ)
วันนี้เป็นวันที่จัดงานชมหิ่งห้อยที่บ้านคาบุรากิเป็นเจ้าภาพ ผมอดตกใจกับตัวเองไม่ได้ที่ดูเหมือนว่าจะให้ความสำคัญกับงานนี้เกินไปหรือเปล่า เป็นเพราะช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้เจอกับคุณคิโชวอินบ่อยนัก ด้วยอะไรหลายๆอย่างที่มีอยู่ทำให้ผมพยายามระงับตัวเองไม่ให้หมกมุ่นแต่กับเรื่องคุณคิโชว
อินมากเกินไป ดังนั้นพอได้ข่าวจากมาซายะว่าคุณคิโชวอินจะมางานนี้ผมก็เลยอดสนใจไม่ได้
ตอนแรกก็กะจะมาเจอคาบุรากิเฉยๆแล้วส่องอยู่วงนอก เพราะอุตส่าห์ตั้งใจไว้แล้วว่าจะพยายามไม่สนใจเธอ แต่พอคุณคิโชวอินปรากฏตัวขึ้นมาทุกอย่างที่คิดสาระตะไว้ก็เหมือนจะพังทลาย
คุณคิโชวอินในชุดกิโมโนฤดูร้อนสีฟ้าอ่อนและทรงผมที่เกล้าเป็นมวยเอาไว้ดูแปลกตาไปจากทุกทีแต่กลับให้ความรู้สึกน่าเอ็นดูถนุถนอมมากขึ้น เธอและครอบครัวพากันไปแสดงความเคารพต่อเจ้าภาพและทักทายกับผู้คนในงานทั่วไป ผมที่ยืนอยู่ห่างๆได้แต่ใช้สายตาจับจ้องการกระทำทุกอย่างดั่งต้องมนต์
“น่ารักจริงๆน้า..” เผลอพูดออกไปจนได้ โชคดีมาซายะที่อยู่ข้างๆดูท่าจะไม่ได้ยิน ผมเลยฉวยโอกาสตอนที่อีกฝ่ายกำลังทักทายแขกเหรื่อปลีกตัวเดินอ้อมไปหา
“เชิญครับ” ผมยื่นแก้วเครื่องดื่มที่ถือติดมือมาด้วยให้ คุณคิโชวอินแสดงสีหน้าประหลาดใจและดูระแวดระวังมากกว่าเดิม
ทำไมต้องทำตัวเหมือนเม่นพองขนด้วยเนี่ย จะน่ารักเกินไปแล้วนะคุณคิโชวอิน!
ถ้าผมไม่ระบายออกมาต้องอัดอั้นจนตายแน่ๆ ก็เลยชมเรื่องชุดกิโมโนอย่างจริงใจ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะคิดว่าชมตามมารยาทซะงั้น พอเห็นสายตาสอดส่องเหมือนระวังภัยทุกย่างก้าวแบบนั้นก็อดจะหยอกไม่ได้ คุณคิโชวอินตอนต่อปากต่อคำด้วยใบหน้าบึ้งบอนเนี่ยเหมือนเม่นกำลังพองขนขู่เลยนะ กลั้นยิ้มไม่อยู่จนอยากหัวเราะเลยล่ะ
แล้วในที่สุดผมก็ได้หัวเราะออกมาจริงๆ เมื่อคุณคิโชวอินแสดงสีหน้าขัดเคืองออกมาเพราะฝูงหิ่งห้อยบินหนี แถมยังมองไปทางคุณไมฮามะอย่างริษยา
ไม่เห็นต้องเจ็บใจขนาดนั้นเลย สำหรับผมแล้วในงานนี้คนที่งดงามที่สุดก็คือคุณที่อยู่ตรงหน้าผม ไม่ใช่หิ่งห้อยหรือใครทั้งนั้น เข้าใจหรือเปล่า
คุณคิโชวอินที่กำลังขัดอกขัดใจ พอเห็นประธานเดินมาก็อดพูดประชดใส่ตัวเองไม่ได้ ทำเอาผมหลุดขำเป็นครั้งที่สอง
เป็นคนตลกจริงๆด้วย แต่ใบหน้าที่มองเหมือนผมเป็นคนผิดนั่นมันอะไรกัน นี่หงุดหงิดถึงขนาดไหนกันเนี่ย
“คุณคิโชวอิน ถ้าอยากดูหิ่งห้อยใกล้ๆขนาดนั้น ผมไปจับมาให้สักตัวไหม”
ผมเอียงคอถามยิ้มๆ
“....แค่ความรู้สึกก็พอแล้วค่ะท่านเอ็นโจ”
ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่สายตาก็ยังจับจ้องแต่หิ่งห้อย ปากไม่ตรงกับใจเลยนะคุณคิโชวอิน
จากนั้นไม่นานฝูงหิ่งห้อยพร้อมกับมาซายะและคุณไมฮามะก็เคลื่อนเข้ามาใกล้ทำให้ผมหมดโอกาสที่จะได้คุยกับคุณคิโชวอินสองต่อสองอีก แม้ใบหน้าผมที่แสดงออกไปจะปกติธรรมดาทว่าในใจกลับสาปแช่งคาบุรากิและคุณไมฮามะอย่างโหดเหี้ยมไม่หยุด
นายจะมาตามหาฉันทำไมหรอมาซายะ? แค่คุณไมฮามะกับหิ่งห้อยฝูงนึงนายก็ยังหาทางออกไม่ได้งั้นเหรอ? แต่ถึงจะคิดอย่างนั้นผมก็ไม่สามารถทิ้งให้เพื่อนสนิทตกระกำลำบากได้ สุดท้ายก็ต้องจากคุณคิโชวอินไปทั้งอย่างนั้น
หลังจากนั้นตลอดงาน ผมก็ไม่ได้ไปหาคุณคิโชวอินอีกแต่กลับวุ่นอยู่กับบางสิ่งแทน จวบจนงานเลิกผมจึงบอกลาคาบุรากิพร้อมครอบครัวแล้วขึ้นรถกลับบ้าน มือสองข้างยกกรงไม้สานที่ภายในมีหิ่งห้อยตัวหนึ่งบินวนอยู่ขึ้นมาดูก่อนวางไว้บนตักอย่างถนุถนอม
สายตายังคงไม่ละไปจากกรง ผมกำลังสับสน งงงวย และมึนงงกับสิ่งทั้งหมดที่ทำลงไป ทำไมผมถึงต้องทุ่มเททุกอย่างขนาดนี้ ทำไมถึงต้องเอาใจใส่และคอยสอดส่องอยู่เสมอ พยายามหลีกหนีแค่ไหนแต่สุดท้ายก็ไม่ได้เลย..ละสายตาจากไปไม่ได้เลย
แย่แล้วสิ
“แย่แล้วสิ” ผมพึมพำออกมาตามใจนึกเมื่อตระหนักบางสิ่งขึ้นมาได้ มันเป็นคำตอบที่ผมรู้อยู่แล้วแค่ไม่ยอมรับความจริงเท่านั้น
ผมเอนกายพิงเบาะรถ แขนก่ายหน้าผากชั่วครู่ก่อนเลื่อนลงมาปิดตา รู้สึกใบหน้าร้อนซู่ สีแดงลามไปทั้งหน้าถึงใบหู
หนีไม่พ้นแล้ว ตะเกียกตะกายขึ้นมาไม่ได้อีกแล้ว
หลุมนี้มันลึกเกินไป เอ็นโจ ชูสุเกะ คนนี้ถอนตัวไม่ขึ้นแล้วล่ะ
*****จบ******