แม่งเอ้ยยยยยยยยย ตอนล่าสุดกูฟินรัวๆ ขอเผาผลาญพลังกาวที่สถิตอยู่กับกูหน่อย โข่ว โข่ว โข่ว//เสียงดมกาวของกู
มีบัตรเชิญจากมาดามคาบุรากิมาถึง ชวนฉันไปรับประทานมื้อค่ำด้วยกัน ท่านแม่ดูไม่ค่อยกระตือรือร้นอยากให้ฉันไปบ้านนั้นเหมือนตอนที่คาบุรากิยังไม่แต่งงานอีกแล้ว แต่มาดามคาบุรากิคือคนใหญ่คนโตที่จะปฎิเสธไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไปอยู่ดี
ฉันหอบหิ้วขนมจากร้านเก่าแก่ที่รู้มาว่าเป็นร้านโปรดของมาดามคาบุรากิและช่อดอกกุหลาบสีขาวเป็นของฝาก อันที่จริงฉันก็ได้รับเชิญมาหลายครั้งแล้ว ไปงานดื่มน้ำชาบ้างล่ะ งานเลี้ยงมื้อค่ำบ้างล่ะ จึงไม่มีความตื่นเต้นหรือกังวลอะไรเท่าไหร่นัก แต่ครั้งนี้มันค่อนข้างจะต่างออกไปเมื่อฉันไปทำตัวขายขี้หน้าที่โรงแรมของมาดามคาบุรากิเป็นต้นเหตุให้งานถูกยกเลิก นึกขึ้นได้ทีไรก็หน้าร้อนวูบ น่าอับอาย น่าอับอายเหลือเกินค่ะ
วาคาบะจังกับมาดามคาบุรากิมาต้อนรับฉันที่ห้องรับแขก ฉันกล่าวขอโทษขอโพยอีกครั้งกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งทั้งสองก็ไม่ได้ถือสา กลับไถ่ถามสุขภาพฉันด้วยความเป็นห่วงเป็นใย พร้อมทั้งกำชับให้พักผ่อนรักษาตัวเยอะๆ ฉันยิ่งรู้สึกผิดมากเป็นเท่าทวี อุแง้ ขอโทษด้วยค่า
มาดามคาบุรากิขอตัวไปรับโทรศัพท์ ทิ้งฉันไว้กับวาคาบะจังสองคน เราจิบน้ำชาและทานขนมกันเบาๆรองท้องก่อนจะถึงมื้อค่ำ
"เมื่อกี้คุณมาซายะโทรมาบอกว่า เสร็จงานจากบริษัทเดี๋ยวก็จะตรงกลับบ้านเลยล่ะ" วาคาบะจังบอกด้วยเสียงร่าเริง "ฉันก็เตรียมของโปรดของคุณมาซายะไว้เยอะแยะ มีของโปรดคุณเรย์กะด้วยนะคะ"
"อุ ขอบคุณค่ะ ต้องรบกวนแล้ว"
"อะไรกันๆ ไม่รบกวนเลยซักนิดค่ะ" วาคาบะจังรีบโบกไม้โบกมือ "อยากให้คุณเรย์กะทานเยอะๆค่ะ จะได้ร่างกายแข็งแรง"
ฉันแอบคิดในใจ ทานเยอะๆน่ะ ร่างกายไม่ได้แข็งแรงหรอกนะคะ พุงต่างหากที่แข็งแรง คงทน ขยายใหญ่ โชคดีที่วันนี้ไม่ได้ใส่ชุดที่รัดรูปร่างอะไรขนาดนั้น น่าจะปิดบังอำพรางพุงได้อยู่
วาคาบะจังเล่านั่นเล่านี่เจื้อยแจ้วถึงคอร์สที่ตัวเองต้องเรียนเพื่อเป็นนายหญิงของบ้านคาบุรากิ ฉันก็ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปฎิบัติตัวไว้บ้าง อาจจะช่วยอะไรได้ไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็ยังดีกว่าไม่รู้อะไรเลยล่ะนะ ที่มาดามคาบุรากิเชิญฉันมาวันนี้ก็คงอยากให้ช่วยทดสอบการวางตัวบนโต๊ะอาหารของวาคาบะจังล่ะมั้ง
พอได้เวลามื้อค่ำ คุณสาวใช้ก็เรียนเชิญพวกฉันสู่ห้องอาหารอย่างนอบน้อม มาดามคาบุรากินั่งรออยู่แล้วที่หัวโต๊ะอาหาร ดูเหมือนว่าคุณพ่อของคาบุรากิจะงานยุ่งมากจนไม่สามารถมาร่วมมื้อค่ำได้จนฉันรู้สึกเสียดายขึ้นมาเล็กน้อย อยากพบคุณลุงสุดเท่ที่เหมาะกับเพลงจักรพรรดิของบีโธเฟ่นคนนั้น แต่ให้มานั่งรับประทานอาหารร่วมกันในระยะประชิดเช่นนี้ ฉันคงจะเขินจนมือไม้สั่น ไม่เป็นอันทำอะไรแน่ๆ
"หนุ่มๆนี่ช้าจริงๆ" มาดามคาบุรากิบ่นขึ้น ท่าทางระอามากกว่าจะโกรธจริงจัง
ไม่ทันขาดคำ คาบุรากิก็ก้าวเข้ามาในห้องรัปประทานอาหาร มือปลดเนคไท พาดเสื้อสูทไว้กับแขน ภาพนั้นดูเท่และหล่อเหลา ถ้าฉันไม่รู้จักว่าคาบุรากิก็คือเจ้าบ้าคนหนึ่งก็คงจะตกหลุมรักไปตั้งนานแล้ว น่าเสียดายที่เป็นแค่เจ้าเด็กบ้าคนหนึ่งในสายตาฉันนั่นล่ะค่ะ
วาคาบะจังไปต้อนรับสามีตัวเองตามหน้าที่ของภรรยาที่ดี พอคาบุรากิเห็นฉันก็ขมวดคิ้วใส่น้อยๆ "คิโชวอิน เธอหายดีแล้วเหรอ ถึงออกมาข้างนอกได้"
นี่ ทุกคนอย่าทำเหมือนฉันเป็นคนป่วยร้ายแรงใกล้ตายกันจะได้มั้ยคะ ฉันสบายดีค่ะ ดีมากเลยด้วย
"ขอบพระคุณที่ท่านคาบุรากิเป็นห่วงค่ะ"
"คนเป็นห่วงไม่ใช่ฉันซักหน่อย" คาบุรากิพยักเพยิดหน้าไปข้างหลัง เอ็นโจก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย ทำเอาฉันอึ้งไปนิดหน่อยที่ไม่คาดว่าจะได้พบ ฉันยังไม่ได้เตรียมใจที่จะเจอเอ็นโจเลยนะ แล้วนายมาที่นี่ได้ยังไงกันยะ
ไม่สิ เอ็นโจก็เข้านอกออกในบ้านคาบุรากิอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว ฉันต่างหากที่เป็นคนนอกที่ถูกเชิญมาเป็นครั้งคราว