Fanboi Channel

นิยายเด็กดี บทที่ 6

Last posted

Total of 1000 posts

163 Nameless Fanboi Posted ID:wwzYw4sEm

หลังจากเคลียร์งานไปได้ส่วนหนึ่ง และไข้เริ่มทุเลา กูก็คิดว่าน่าจะกลับมารีวิวนิยายสักเรื่อง คิดไว้ว่าจะลองเปลี่ยนมาเขียนให้จริงจังขึ้น คือแต่เดิมที่คว้าๆเอาเรื่องไหนมาก็ได้ ก็เปลี่ยนเป็นเลือกนิยายที่เขียนจบแล้ว แต่มีจำนวนตอนไม่มาก และมียอดวิวยอดเม้นน้อยๆ แทน เพื่อที่จะได้สามารถพูดถึงเนื้อเรื่องและมิติของตัวละครได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

เมื่อคืนก็ลองไปเสิร์ชดูในหมวดนิยายออนไลน์ คือไอ้หมวดนี้มันน่าสนใจอย่างนึง เพราะว่าเป็นหมวดที่เขียนจบไม่ได้ง่ายๆ คือแม่งก็โชคดีได้ของผจญภัยสะสมฮาเร็มกันไปเป็นพันๆตอนนั่นล่ะ กูก็สงสัยว่า เอ แล้วไอ้นิยายออนไลน์ที่เขียนจบได้ด้วยจำนวนตอนน้อยๆ มันดำเนินเรื่องต่างไปจากนิยายออนไลน์ทั่วๆไปยังไงวะ เลยลองไปค้นหาดูก็พบนิยายเรื่องนึง ซึ่งกูอ่านไปแล้วถูกใจมาก แต่มาสะดุดลงตอนอ่านจบบทแรก เพราะจำได้เลาๆว่าเหมือนเคยเห็นผ่านตา ว่ามีใครสักคนในนี้วิจารณ์ไว้แล้วนี่หว่า ก็ลองไปค้นๆดูจนเจอ ที่นี่ >>>/webnovel/3066/374

ตอนแรกกูก็คิดว่าในเมื่อมีคนสับไปแล้ว กูก็ไม่อยากรีวิวซ้ำ แต่ยังไงกูก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเรื่องมันจะจบยังไงกันแน่ อะไรคือการที่พระเอกจูบกับ AI เลยอดใจไม่ไหวต้องลองไปอ่านดู พออ่านแล้วก็รู้สึกว่า เออ คุ้ม แค่ 6 ตอนแต่ก็ทำให้กูมีความหวังกับนิยายเด็กดีขึ้นมา (และความหวังก็วูบลงไปทันทีเมื่อกูเห็นว่าแม่งมียอดวิวแค่ 250 ครั้ง) เอาเป็นว่าจะลองรีวิวในมุมของกู จะเห็นด้วยไม่เห็นด้วยยังไงก็สุดแล้วแต่ความคิดละกัน

เรื่อง : วิกฤตเกมออนไลน์
link : https://writer.dek-d.com/AneungTassana/story/view.php?id=1494016
จำนวน : 6 ตอน
สถานะ : จบแล้ว

ข้างบนพล่ามมาเยอะมาก ตรงนี้ขอพูดอีกสักหน่อยว่ากูชอบนิยายเรื่องนี้นะ ชอบจนต้องเลื่อนลงไปดูว่าคนเขียนแม่งเป็นใครวะ ถึงได้คิดเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา คือถ้าแม่งไม่ได้ไปลอกชาวบ้านเขามาเนี่ยกูขอคารวะสักหนึ่งจอกเลยนะ เพราะชอบการใช้ภาษา และนับถือในความเข้าใจ(หรืออย่างน้อยก็พยายามเข้าใจ)เกี่ยวกับปรัชญาและวรรณกรรมตะวันตกของผู้เขียน

เรื่องก็เซ็ตธีมมาว่าเป็นโลกในอนาคต ที่มีเกมออนไลน์เสมือนจริงอยู่ ไอ้เกมเนี่ยก็เป็นเกมออนไลน์เสมือนจริงแบบที่เห็นกันเกลื่อนๆเว็บเด็กดีนั่นล่ะ คือนอนแล้วก็เข้าไปเล่นเกมในโลกจำลอง แต่คนเขียนก็พยายามโยกให้เรามองมุมกลับว่า ถ้าอย่างนั้นคนเราแม่งก็คง working กันทั้งคืนแบบไม่ได้นอนหลับจริงๆเลยสิ เพราะว่าตอนเช้าไปโรงเรียน-ทำงาน พอถึงบ้านก็เชื่อมต่อโลกออนไลน์ แล้วก็ตื่นเช้าไปทำงาน ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวอยู่ที่ไหน? แล้วแบบนี้จะเรียกว่าการนอนหลับพักผ่อนได้จริงๆเหรอ? สุดท้ายก็กลายเป็นการเสพติดชีวิตในโลกจำลอง แล้วก็ไม่แยแสว่าโลกจริงจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง อันนี้ทำให้กูนึกถึงวีล็อกซ์ในเพนดรากอนนะ ตอนอ่านถึงช่วงนี้ก็คิดว่า เออ คนเขียนแม่งเคยอ่านมารึเปล่าวะ

การเล่าเรื่องนี่ดูจะก้ำกึ่งระหว่างการบรรยายแบบบุคคลที่ 2 กับบุคคลที่ 3 คืออ่านแล้วไม่ได้รู้สึกว่าเป็นมุมมองของพระเจ้านะ รู้สึกเหมือนเป็นคนเขียนที่กำลังเล่าเรื่องนี้ให้เราฟังมากกว่า แต่ตัวคนเขียนก็ไม่ได้ใส่ตัวเองลงไปในเรื่อง เพราะฉะนั้นนับว่าเป็นบุคคลที่ 3 จะเหมาะกว่า ตัวเอกของเราชื่อวอยด์ เป็น GM ภาคสนามของเกมนี้ โดยหน้าที่ของ GM ภาคสนาม คือการเดินทางไปแก้ไขบัคต่างๆที่เกิดขึ้นในเกม อันที่จริงจะแก้บัคด้วยการคีย์ข้อมูลจากนอกเกมก็ได้ แต่นั่นก็หมายความว่าจะต้องปิดพื้นที่ส่วนที่บัคก่อน ซึ่งบางครั้งบัคมันเป็นอะไรที่ไม่ได้หนักหนาสาหัสถึงขั้นต้องปิดเกม เช่น การที่มอนสเตอร์หลงไปเกิดอยู่ในที่ๆ ไม่ควรจะเกิด การแก้ปัญหาด้วยการส่งคนไปจัดการเป็นอะไรที่ง่าย และส่งผลกระทบน้อยกว่า (ให้นึกถึงเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าที่ต้องซ่อมไฟทั้งๆที่กระแสไฟยังเเล่นอยู่ เพราะถ้าตัดไฟก่อนจะฉิบหายกันทั้งบาง)

วอยด์มีผู้ช่วยเป็น AI สาว 2 คน ที่ทำงานร่วมกับเขามา 5 ปีแล้ว คนเขียนก็พล่ามๆถึงเรื่อง AI ว่าจริงๆแล้วมันเหมือนมนุษย์แค่ไหน มีสติปัญญาคิดได้เองแค่ไหน จริงๆแล้วมันก็คือผีเราดีๆนี่เอง เป็นผีที่อยู่ในโลกออนไลน์ บลาๆ กูอาจอธิบายไม่เห็นภาพ เดี๋ยวกูคัดคำต่อคำมาให้อ่านละกัน

"...เดลมีความคิดเป็นของตัวเอง มีความรู้สึกเป็นของตัวเอง มีร่างกายเป็นของตัวเองด้วย... ถึงแม้จะแค่ในโลกแห่งนี้ก็เถอะ มนุษย์ผู้ชาญฉลาดประสบความสำเรจในการเป็นพระเจ้าในที่สุด สรรสร้างชีวิตจำลองขึ้นมาตามที่ตนต้องการได้ แต่ว่าเธอไม่ใช่มนุษย์ เป็นสิ่งไร้ชีวิตซึ่งมีความนึกคิดเช่นมนุษย์ เขาคิดว่าคำนิยายของเหล่า AI ทั้งหลายก็คืออีกหนึ่งคำนิยามของสิ่งที่มนุษย์คุ้นเคยดีตั้งแต่บรรพกาล

เธอคือผี

คือวิญญาณในโลกออนไลน์..."

164 Nameless Fanboi Posted ID:wwzYw4sEm

เอาตรงๆ กูชอบสไตล์การเขียนของเขานะ ใช้คำได้สละสลวย แถมยังมีคลังคำศัพท์เยอะทีเดียว แปลว่าต้องเคยอ่านงานดีๆ มามากพอสมควร

บทบรรยายก็พูดถึง AI ต่อไปว่า จริงๆแล้วไอ้หน้าที่ GM ภาคสนามเนี่ยมันไม่ได้สำคัญอะไรเลยสักนิด เพราะแค่ AI พวกนี้ก็สามารถจัดการปัญหาบัคได้ด้วยตัวเองแบบสบายๆอยู่แล้ว แต่บริษัทและเหล่าผู้สร้าง AI ก็มีความกลัวอยู่ในใจว่า ถ้า AI มีอำนาจมากเกินไป สุดท้ายก็อาจกลายเป็น AI ควบคุมมนุษย์ จากผู้สร้างกลายเป็นทาส เลยต้องจ้างคนจริงๆอย่างวอยด์มาคุม AI อีกที ทำนองนั้น

เข้าปมหลักของเรื่องเลยแล้วกัน เอาง่ายๆว่าจู่ๆ ก็มีข่าวแจ้งให้ GM ไปรวมตัวกัน เนื่องจากเกิดเหตุโรงไฟฟ้าระเบิดในโลกแห่งความจริง ซ้ำสถานที่สำหรับเก็บฐานข้อมูลเกมก็โดนไฟไหม้อีก ตอนนี้ต้องใช้เครื่องปั่นไฟสำรองในการรันเกม และที่พีคที่สุดคือจุดที่ไฟไหม้จนพังไปแล้วคือส่วนของการออฟไลน์ ทำให้คนในเกมไม่สามารถออฟไลน์ออกไปได้

บริษัทก็ประชุมเครียดกันมากว่าจะเอายังไงดี โดยปกติหากระบบของเกมล่ม ผู้เล่นจะถูกบังคับออฟไลน์โดยอัตโนมัติผ่านส่วนควบคุมการออฟไลน์ แต่สถานการณ์ตอนนี้คือส่วนควบคุมการออฟไลน์แม่งเสือกเจ๊ง พอเจ๊งแล้วก็เลยไม่รู้ว่าถ้าเกมดับขึ้นมา ผู้เล่นในเกมจะเด้งกลับไปตื่นในโลกความจริงได้ไหม หรือจะตายห่าไปด้วยกันทั้งหมด ทางบริษัทแจ้งกับ GM ในเกมว่า อันดับแรกคือต้องดับไฟให้ได้ก่อน แล้วค่อยซ่อมส่วนควบคุมการออฟไลน์ จากนั้นถึงปล่อยให้ผู้เล่นออฟไลน์ออกไป แต่ (มีแต่เยอะสัส) แต่เครื่องปั่นไฟสำรองอาจไม่พอสำหรับรันเกมทั้งหมด ต้องค่อยๆปิดพื้นที่เกมบางส่วนลงเพื่อประหยัดพลังงาน เลยมอบหมายหน้าที่ให้ GM ไปต้อนผู้เล่นในเขตรับผิดชอบจากตัวเองมาจัดกลุ่มเดินทางไปยังเมืองรองที่ใกล้ที่สุดเพื่อใช้จุดวาร์ปไปยังเมืองเซ็นทรัล (ง่ายๆคือ ไล่ปิดแมพไปเรื่อยๆ จนเหลือแมพของเมืองเซ็นทรัลที่ให้ทุกคนมารวมกันอย่างเดียว)

และนี่คือที่มาของประโยคที่ตลกที่สุดของนิยายเรื่องนี้

"...แล้วเขาก็ประเคนเวทนั้นใส่ประตูเมือง เปลวไฟโหมกระพือหนักหน่วงยิ่งกว่าเก่า ค่าความเสียหายเกิดขึ้นกับทุกคนที่อยู่ในรัศมีการโจมตี

แต่เขาไม่สนใจ

เขาจะไปเซ็นทรัล..."

ส่วนกูไปยูเนี่ยนมอลล์ได้ไหม

ที่กูพูดว่าปมใหญ่เนี่ย คือมองในแง่ของการดำเนินเรื่องนะ ว่าปมของมันคือการที่ไฟดับ ระบบพัง ทำให้พวก GM ต้องพาผู้เล่นหนีไปจากโซนที่จะถูกปิดตัวลงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ไปยังที่ๆปลอดภัย แต่กูมองว่าประเด็นสำคัญที่คนเขียนเรื่องนี้ต้องการจะสื่อเนี่ย มันคือเรื่องของ "ความเป็นคน" มากกว่า เพราะเราจะได้เห็นความหลากหลายของตัวละครในเรื่อง ทั้งคนที่ยึดมั่นในหน้าที่แม้จะต้องเสี่ยงชีวิตตัวเอง คนที่ละโมบโลภมาก แม้เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานก็จะหาทางเอาประโยชน์เข้าหาตนให้ได้ รวมไปถึงเรื่องของ AI ว่าสรุปแล้ว AI มีค่าพอที่จะตามพวกผู้เล่นไปยังเซ็นทรัลด้วยไหม หรือจริงๆแล้วเป็นแค่ชุดข้อมูลเลขฐาน 2 ที่ตายไปก็ไม่ได้เสียหายอะไร เดี๋ยวก็หาทางรีเซ็ตกลับมาได้ เอาไปปล่อยไว้แถวโลตัสหรือบิ๊กซีก็พอ

165 Nameless Fanboi Posted ID:wwzYw4sEm

กูเล่าตรงนี้รวบๆไปเลยแล้วกันว่ากลุ่มพระเอกพาคนหนีมายังเมืองรองได้สำเร็จ โดยเสียคนไปกลุ่มหนึ่งจากการที่จู่ๆแมพก็ปิดตัวลง (และความเห็นแก่ตัวของบางคน) พวกนั้นก็อีโมแตกกันไปตามเรื่องราว ซ้ำร้าย GM ที่คุมเมืองรองอยู่ก็เสือกห้ามไม่ให้กลุ่มนี้เข้าเมือง ให้ตั้งแคมป์รออยู่นอกกำแพง คนในขบวนก็คิดกันว่าฉิบหายแน่ ไอ้พวกนี้แม่งจงใจทิ้งพวกกูไว้ให้ตายนี่หว่า แต่วอยด์ประเมินมานานแล้วว่า เมืองเซนทรัลเนี่ย จะยังไงก็จุคนทั้งเซิฟเวอร์ไม่ได้หรอก คงต้องเสียสละคนจำนวนหนึ่งเพื่อให้คนอีกส่วนหนึ่งรอดออกไป แม่งก็เลยตัดสินใจว่าเอาวะไอ้สัส ยังไงพวกเราก็ต้องเป็นกลุ่มที่รอดเว้ย เลยซัดเวทตู้มๆใส่กำแพงเมืองโดยมีคนในขบวนช่วยเหลือ ฝ่าด่านของคนที่แออัดยัดเยียดกันในเมืองไปยังจุดวาร์ป แล้ววาร์ปไปเมืองเซนทรัลได้สำเร็จ

"...ถ้าคนอื่นได้ไปเซนทรัล นั่นคือเขาต้องถูกทิ้งไว้ที่นี่ แต่ถ้าเขาได้ไปเซนทรัล นั่นคือต้องมีคนอื่นสักคนถูกทิ้งไว้ที่นี่ เพราะไม่มีสิ่งใดได้มาโดยเปล่า การจะได้สิ่งหนึ่ง ย้อมต้องเสียสิ่งหนึ่งไปเสมอ ซึ่ง... เขาจะไม่ยอมเป็นคนที่ถูกทิ้ง สังคมย่อมมีความคิดเห็นหลากหลายต่อสิ่งที่เขาทำลงไป ซึ่งเขาได้เตรียมใจจะเผชิญหน้ากับมันแล้ว แต่ไม่ว่าสังคมจะว่าอย่างไรก็ตาม ถ้าเขารอดไปได้ ความจริงย่อมเป็นความจริง

คือเขารอด..."

หลังจากที่วอยด์วาร์ปไปเซ็นทรัลได้แล้วก็ไปเจอกับมหกรรมความแออัดยัดเยียดขนาดหนักภายในเมือง หนักขนาดที่ว่าคนต้องไปอยู่บนหลังคา และมีปัญหาคนตกหลังคาตาย ตกปล่องไฟตายอยู่บ่อยๆ ซึ่งมันก็ไม่ควรเป็นปัญหาเพราะตายแล้วก็กลับไปเกิดในวิหารในเมือง แต่ที่แอบตลกก็คือไอ้วิหารนั่นก็มีคนเต็มแล้วเหมือนกัน คือมึงยิ่งตายก็ยิ่งไปเกิดในวิหาร ก็ยิ่งอัดแน่นกันเป็นปลากระป๋องไปอีก GM ที่คุมเมืองเซ็นทรัลเห็นวอยด์มารายงานตัวก็ไม่ได้คิดถามอะไร สั่งให้พระเอกไปจัดระเบียบคนบนหลังคาโรงแรมในโซนหนึ่งของเมือง พระเอกก็ใช้คาถาลอยตัวเสกให้ตัวเองกับ AI ของตัวเองเข้าไปควบคุมสถานการณ์ สักพักก็เริ่มควบคุมคนให้ไม่เหยียบกันตายได้ แต่ความซวยก็ยังมาเยือนไม่หยุด คือแมพที่ติดกับเมืองเซนทรัลดับไปแล้ว และแมพของเมืองเซนทรัลก็เริ่มกระพริบติดๆดับๆแล้วด้วย ผู้เล่นแม่งก็ panic กันฉิบหาย สวดมนต์อะไรกันเต็มไปหมด พระเอกไม่ได้นับถือศาสนาเลยไม่แคร์อะไรอยู่แล้ว แต่ก็สงสัยว่า AI ของเขาตัวหนึ่งทำไมถึงยิ้มหน้าระรื่นมองท้องฟ้าได้ทั้งๆที่กำลังจะตายกันหมด เออกูลืมเล่าไป ระหว่างทางมันมี event ผู้เล่นติดบัคอยู่ในดันเจี้ยน พระเอกต้องเข้าไปช่วยแล้วเจอบอส บอส(สาวสวย) ก็ขอร้องพระเอกว่า พวกมึงเอากูออกไปด้วยเถอะนะ ถึงกูจะเป็นบอสดาดๆที่ไม่ได้เก่งอะไรมากแต่ก็มีความทรงจำดีๆ ไม่อยากโดนลบไปด้วย พระเอกใจอ่อนเลยจับมาเป็นสัตว์เลี้ยง ซึ่งก็คือ AI ตัวนี้ (AI ตัวที่ 3)

166 Nameless Fanboi Posted ID:wwzYw4sEm

"..."ฉันเป็นบอสรุ่นแรกของโลกนี้เลยนะ ถึงจะไม่ได้เก่งกาจอะไรก็เถอะ" โอโรโบรอสพูด ดูเหมือนเธอกำลังตัดพ้อมากกว่าขอร้อง "ฉันอยู่มาตั้งแต่ผู้เล่นคนแรกๆ สมัยโลกนี้ถือกำเนิดเลย ฉันเจอคนมาเยอะมาก มีทั้งคนที่ล้มฉันได้ ทั้งคนที่โดนฉันจัดการไป ผู้เล่นหน้าใหม่บุกเข้ามาไม่เคยซ้ำ เพื่อหวังไอเทม หวังรางวัลในห้องนี้" เธอยิ้ม "ถึงฉันจะไม่ได้ออกไปไหน แต่ฉันก็มีความสุขนะ เฝ้าคอยอยู่ที่นี่เมื่อพวกเขาบุกมาหาพร้อมอาวุธใหม่ๆ กลยุทธ์ประหลาดๆ ผู้ชายหล่อๆ จอมเวทหน้าตาดี ฉันมีความทรงจำที่ดีกับที่นี่ กับชีวิตที่ฉันมีอยู่นี้"... "คุณอาจไม่เรียกมันว่าชีวิตก็ได้ ฉันก็แค่มอนสเตอร์ตัวหนึ่ง คอยทำตามที่พวกคุณสั่ง เป็นสิ่งที่พวกคุณสร้าง..."..." พอละ กูขี้เกียจพิมพ์ตาม เหนื่อย ถ้าอยากอ่านเต็มๆก็ลองเปิดดูเอง อยู่ในบทที่ 2

พระเอกก็ถามโอโรโบรอสที่ตอนนี้มาเป็นเด็กในสังกัดของเขาว่า มึงมานั่งยิ้มเหี้ยไรอยู่ตรงนี้เนี่ยอีดอก เมากัญชาเหรอ AI ก็ตอบประมาณว่า อย่างน้อยๆ ได้ออกมาสูดอากาศข้างนอกแบบนี้ก่อนตายก็ยังดี ถือว่าได้ใช้ชีวิตคุ้มแล้ว พอตอบไปแบบนี้ไอ้วอยด์มันก็นึกย้อนไปถึงตัวเอง ว่าอะไรกันที่เป็นเป้าหมายในชีวิตของมัน คือตอนนี้มันก็โตสุดในสายอาชีพแล้ว พ่อแม่ก็ไม่ต้องดูแล ลูกเมียพี่น้องก็ไม่มี มันก็คิดได้ว่า เออ หรือก่อนตายกูควรที่จะตั้งเป้าหมายในชีวิตสักอย่างขึ้นมาดีวะ ประมาณว่าสิ่งที่มันอยากทำมากที่สุดก่อนตาย

แล้วมันก็จูบกับ AI ของตัวเอง

งงไหม คือจูบกับ AI ตัวแรกที่ชื่อเดลนะ ไม่ได้จูบกับอีบอส

คือที่กูเกริ่นไว้ตั้งแต่แรกสุดเลยว่ากูงง ว่าทำไมพระเอกมันถึงจูบกับ AI เนี่ย ในที่สุดกูก็ได้คำตอบนะ เพราะถ้ามึงลองอ่านย้อนดูดีๆ ในบทบรรยายต่างๆ ที่เขียนขึ้นเป็นปรัชญา ทั้งเรื่อง AI เป็นผี เรื่องศีลธรรม เรื่องความเป็นไปของโลกอันซับซ้อนต่างๆ ล้วนแต่ถูกบรรยายด้วยมุมมองของบุคคลที่ 3 (คือคนเขียน) ผ่านกระแสความคิดของพระเอกทั้งสิ้น คนเขียนไม่ได้บรรยายโดยใช้แค่ความคิดของตัวเอง แต่เป็นการบรรยายว่าตัวละครตัวนี้ (คือวอยด์) คิดยังไงกับเรื่องต่างๆ เพราะฉะนั้นการที่วอยด์จูบ AI ก็เหมือนกับการที่คนเขียนบอกให้เรารู้ว่า ท้ายที่สุดวอยด์เองก็ยอมรับว่า AI ไม่ใช่ภูติผี ไม่ใช่ตัวประหลาดหรือตุ๊กตายางอย่างที่เคยเปรียบเปรย แต่ AI นั้นมีความเป็นมนุษย์เฉกเช่นเดียวกับเขาเอง

หรือคนเขียนอาจบอกเราทางอ้อมก็ได้ว่า สุดท้ายแล้ววอยด์ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับคนอื่นๆ เป็นแค่ผู้ชายวัย 35 ที่ถูกตัดขาดจากโลกความจริงโดยสิ้นเชิง ลูกเมียญาติก็ไม่มี หน้าที่การงานที่พอจะดูดีก็เสือกเป็นงานที่เกี่ยวกับโลกจำลองนี้อีก จนสุดท้ายก็หลงมัวเมาอยู่ในเกม หาความสุขซึ่งหน้า ไม่สนใจแล้วว่าโลกภายนอกจะเป็นอย่างไร

จริงๆปมของเรื่องนี้ยังมีความน่าสนใจอีกหลายจุด อย่างที่คนเขียนพยายามกระเซ้าอยู่เนืองๆว่า จริงๆแล้วข้างนอกอาจไม่ได้เกิดไฟไหม้อะไรเลยก็ได้ แต่มีเรื่องบางอย่างที่ไม่ดีเกิดขึ้น และไม่อยากให้คนในเกมรับรู้ เช่น อาจมีผู้ก่อการร้ายบุกจับคนในเกมเป็นตัวประกัน หรือโลกทั้งใบกำลังสูญสลายแล้ว จึงเลือกให้คนที่อยู่ในเกมตายอย่างสงบดีกว่าจะออกมาพบกับความจริง (ที่ต้องตายอยู่ดี)

พิมพ์มาย้าวยาว เอาเป็นว่ากูชอบเรื่องนี้มาก อ่านแล้วรู้สึกเหมือนเป็นอีกมุมมองหนึ่งของนิยายเกมออนไลน์ข้าไม่ใช่มนุษย์อะไรที่เคยรีวิวไป และเนื่องจากเป็นเรื่องที่มีคนเคยเอามาสับแล้ว กูจะไม่ขอให้คะแนนก็แล้วกัน แต่ฝากไว้ว่านิยายดีๆแบบนี้ไม่น่าที่จะมีคนอ่านแค่ 250 คน ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้คนที่เขียนนิยายแนวเกมลองอ่าน เผื่อจะมีประโยชน์ต่อการวางโครงเรื่องของตัวเองมากยิ่งขึ้น วันนี้ฝากไว้แค่นี้ สวัสดีครับ

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.