เท่าที่อ่านดูถือว่าเขียนอยู่ในเกณฑ์ดีนะ แต่ยังแยกภาษาพูดกับเขียนได้ไม่ดีเท่าที่ควร การใช้สรรพนามต่างๆ ดูประณีตทีเดียว แต่ยังมีจุดสะดุดระหว่างบทสนทนาและการบรรยายหลังบทสนทนาอยู่บ้าง
เอาที่เรื่องแรกก่อน ภาษาพูด
“มาถึงคำถามสุดท้ายสำหรับสาวน้อยดาวรุ่งจากฮิเรเนสแล้วนะครับ คุณพร้อมหรือยังสาวน้อย...” แม้พิธีกรจะเอ่ยปากแซวเล่นพร้อมสายตากรุ้มกริ่ม กลับไม่ได้ทำให้สาวน้อยที่เป็นดาราหน้ากล้องกระดากอาย ซ้ำเจ้าตัวยังยิ้มอย่างแช่มชื่นด้วยความยินดี ทว่าหลังจากได้ยินคำถามกับเสียงซุบซิบทั่วห้องส่ง สาวเจ้าถึงกับหน้าตึงขึ้นมาแทบจะทันควัน
จากด้วนบนมีคำว่า "แซว" กับ "กรุ้มกริ่ม" ที่เป็นภาษาพูด ลองเปลี่ยนเป็น "เหย้าแหย่" กับ "เจ้าชู้" ดู
“มาถึงคำถามสุดท้ายสำหรับสาวน้อยดาวรุ่งจากฮิเรเนสแล้วนะครับ คุณพร้อมหรือยังสาวน้อย...” แม้พิธีกรจะเอ่ยปากเหย้าแหย่พร้อมสายตาเจ้าชู้ กลับไม่ได้ทำให้สาวน้อยที่เป็นดาราหน้ากล้องกระดากอาย ซ้ำเจ้าตัวยังยิ้มอย่างแช่มชื่นด้วยความยินดี ทว่าหลังจากได้ยินคำถามกับเสียงซุบซิบทั่วห้องส่ง สาวเจ้าถึงกับหน้าตึงขึ้นมาแทบจะทันควัน
เรื่องที่สองการบรรยายหลังบทสนทนา ถือว่าแนะนำเทคนิคให้แล้วกันนะ ในบทสนทนานั้นหากปรากฏชื่อตัวละครแล้ว บทบรรยายด้านหลังไม่ควรเอ่ยชื่อ นาม หรือ สรรพนามนั้นซ้ำ มันทำให้สะดุด อย่างชุดข้อความที่ยกมานั้นในเครื่องหมายคำพูดมีคำว่า "สาวน้อย" อยู่ก่อนแล้ว บทบรรยายจึงควรใช้คำอื่นแทน เดี๋ยวจะลองแก้ให้ดู
“มาถึงคำถามสุดท้ายสำหรับสาวน้อยดาวรุ่งจากฮิเรเนสแล้วนะครับ คุณพร้อมหรือยังสาวน้อย...” แม้พิธีกรจะเอ่ยปากเหย้าแหย่พร้อมสายตาเจ้าชู้ กลับไม่ได้ทำให้ผู้ที่ถูกเอ่ยถึงกระดากอาย ซ้ำเจ้าตัวยังยิ้มอย่างแช่มชื่นด้วยความยินดี ทว่าหลังจากได้ยินคำถามกับเสียงซุบซิบทั่วห้องส่ง สาวเจ้าถึงกับหน้าตึงขึ้นมาแทบจะทันควัน
ต่อมาเรื่องคำฟุ่มเฟือย เห็นอยู่แทบทุกย่อหน้า ลองปรับให้ดูเป็นตัวอย่างแล้วกัน
“มาถึงคำถามสุดท้ายสำหรับสาวน้อยดาวรุ่งจากฮิเรเนสแล้วนะครับ คุณพร้อมหรือยังสาวน้อย...” แม้พิธีกรจะเอ่ยปากเหย้าแหย่พร้อมสายตาเจ้าชู้ กลับไม่ได้ทำให้ผู้ที่ถูกเอ่ยถึงกระดากอาย ซ้ำเจ้าตัวยังยิ้มอย่างแช่มชื่นอีกต่างหาก ทว่าหลังจากได้ยินคำถามกับเสียงซุบซิบทั่วห้องส่ง สาวเจ้าถึงกับหน้าตึงขึ้นมาทันควัน
ลองดูเองแล้วกันว่าเปลี่ยนอะไรให้บ้าง
รักโม่งทุกคน จากโม่งเรื่องสั้น