นิยายมันมันมีจุดที่อยู่ดีๆ ก็โผล่มาแบบไม่มีที่มาที่ไปมากเกินไป ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่พระเอกหรอก มันอยู่ที่วิธีการเล่าเรื่องต่างหาก
ยกตัวอย่าง ประโยคแรกในตอนแรกเลย
เริ่มต้นด้วยคำตอบของพระเอก - คำถามคืออะไร ทำไมถึงต้องตอบด้วยคำตอบนี้ คนอ่านต้องเดาเอา อันนี้พอได้ เพิ่งเริ่มอ่าน
ตามด้วยคำถามของเวลาที่พระเอกทำงาน - ตรงนี้บอกให้รู้ว่าพระเอกอยู่ในโลกนี้มา 4 ปีแล้ว เข้าใจ
เจ้าหญิงพูดด้วยน้ำเสียงยิ้มเยาะแล้วพระเอกคิดว่าเจ้าหญิงคงรู้ว่าไม่มีใครอยากได้ทำแหน่งที่ประเอกรับอยู่ตอนนี้ - ยังไงวะ ตกลงว่ายิ้มเยาะหรือประชดประชัน เลือกใช้คำผิดรึเปล่า
จนจบส่วนแรก ไม่มีการบอกให้รู้เลยว่าบทสนทนานี้เกิดขึ้นที่ไหน ยังไง ทำไมพระเอกต้องไฟฟังเจ้าหญิงพูดตอนเจ้าหญิงกินข้าว มันก็พอเดาได้แหละว่าพระเอกต้องมาทำหน้าที่แทนหัวหน้าครัวคนเดิมที่โดนเจ้าหญิงสั่งตัดหัว แล้วพระเอกแม่งปากดีสัด หัวหน้าครัวคนเดิมเพิ่งโดนสั่งตัดหัว ยังเสือกกล้ายกเรื่องนั้นขึ้นมาพูดโต้วาทะอีก ตรงนี้ดูไม่สมเหตุผล เว้นแต่พระเอกมันจะบ้าไม่กลัวตาย แต่พอกลับมาที่ครัว (แล้วตอนแรกกินกันที่ไหนวะ) พระเอกแม่งมีลูบคอหวาดเสียว ควย กลัวตายแล้วเสือกปากดีอีก มันขัดกันเองรึเปล่าวะ
อยู่ดีๆ ตัวละครกระโดดมา อยู่ดีๆ เหตุการณ์โผล่มา คือมันกระโดดเกินไป ไม่รู้สึกถึงความต่อเนื่อง มีส่วนที่ต้องเดาเอาเองเยอะเกินไป คนอ่านอ่านแล้วงงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ไหนยังไง แล้วพวกอารมณ์ของตัวละครนี่หาไม่ได้เลย คือจะเขียนนิยายแบบเน้นบทพูดมากกว่าบทบรรยายมันต้องเหนือ ไม่ใช่จืดชืดแบบนี้
เอาจริงๆ ถ้ายังไม่เชี่ยว ยังขาดประสบการณ์ก็เขียนแบบง่ายๆ คือ ต้น กลาง ปลาย ไปก่อน อย่าเพิ่งใส่ลูกเล่นมาก
อีกอย่างคือวิธีการใช้คำอย่าง "เขาว่า ผมยื่นมือรับ" "ผมสรุป เพื่อนผมหน้าเสีย" แล้วก็วิธีการเอาประโยคสั้นๆ มาวางต่อกัน อ่านแล้วเหมือนฟังคนพูดแล้วหยุดเป็นช่วงๆ มันสะดุด กว่าจะอ่านจบตอนแรกเล่นเอาเหนื่อย ไม่ไหวนะ ถ้าจะให้พูดก็เหมือนพวก