รีไรท์กี่รอบว่ะ https://www.dek-d.com/board/writer/4114251/
นิยายแนวถ่ายทอดสดกับreaction ของยุ่น ที่อาจกำลังกลายเป็นแนวฮิตในอนาคต
https://www.facebook.com/share/p/KG7bYG7xS7vNpStA/?mibextid=oFDknk
ชิบหายแล้วโม่ง นแนวแฟนตาซีตกไปอันดับ5 แล้ว ในแนวยอดนิยม
จีนโบ ไปอันดับ2 เลย ส่วน วายเป็นอันดับ3 แทน
แนวถ่ายทอดสดเหรอ กูว่าเหมาะจะทำเว็บตูนมากกว่านิยาย เพราะมีภาพให้เห็นทุกช็อต
สงสัยอย่าง ไอ้พวกแนว เกิดใหม่หรือทะลุมิติแล้วต้องไปกอบกู้บ้านเมืองจากที่ใกล้ล่มสลายให้กลับมารุ่งเรืองพวกนี้ ถ้าตัวเอกมันไม่มีระบบคอยช่วยมันจะมีปัญญากอบกู้เมืองไหมหว่า เพราะแนวๆนี้ส่วนใหญ่มีระบบทั้งนั้น อารมณ์แค่ความรู้จากโลกเก่ามันไม่พอใช้งานแล้ว
ไอ้พวกชอบเขียนให้มีระบบ ก็แค่ติดใจเกมที่ตัวนักเขียนเล่นเองนี่แหละ ไม่ได้มีความรู้ทางด้านวิศวกรรมโยธาซะนิดดดดดดดดดดดด
>>178 คนอ่านส่วนใหญ่ก็ไม่แคร์ด้วยไงมึง นิยายออนไลน์แนวนี้เห็นเน้นเอามัน ขอคำง่ายๆ สั้นๆ กระชับๆ เข้าว่า ขนาดภาษายังไม่อยากละเลียดเลย ใส่ความรู้ด้านวิศวกรรมโยธา การเมืองการปกครองลงไป คิดว่ามันจะอ่านกันเหรอ เดี๋ยวก็บอกว่านักเขียนเวิ่นเว้น เพ้อเจ้อ ใช้ภาษาลิเกเพราะพูดถึงพวกระบบการปกครอง แล้วแป๊บๆก็จะบอกว่าสำนวนมันทื่อๆเพราะตัวเองอ่านไม่รู้เรื่อง วรรณศิลป์เป็นยังไงไม่รู้ล่ะ รู้แต่ตัวเองไม่ชอบ = ทื่อ ตัวเองอ่านไม่รู้เรื่อง = ลิเก
แล้วนักเขียนที่ไหนจะไปเค้นสมองเขียนอะไรดีๆให้คนพวกนี้อ่าน ถ้ามีก็ยากยิ่งกว่างมเข็มในกองเข็ม ส่วนคนอ่านที่เขาอยากเสพวรรณศิลป์หน่อยเขาก็หนีไปอ่านพวกนิยายแปลที่ตีพิมพ์เป็นเล่มกันหมด
>>179 ไม่นะ กูเห็นบางคนอ่านนิยายเล่มแล้วบ่นว่าไม่ชิน ออนไลน์ไงๆมันก็ดีกว่า เวลาคนเขียนเข้าใจอะไรผิดก็ไปแก้ให้ได้ง่าย ไม่อีโก้จัดเหมือนพวกพิมพ์เล่ม บางทีมันจำเป็นต้องเปิดศึกปะทะนักเขียนนักแปลเพื่อให้ได้ศัพท์ที่ดีกว่า พวกนักเขียนที่โทษนักอ่านมันอีโก้สูงเองรึเปล่า นักอ่านเดี๋ยวนี้ไม่โง่นะ
เด็กดวกมีดราม่าอะไรกัน
https://www.dek-d.com/board/writer/4114905/
โม่งว่านิยายเว็บแบบเด็กดีนี่ ถ้าอยากเขียนแนวแอคชั่น หรือ power fantasy มีตัวเอกเก่งๆ มีลูกน้องบริวาร อิทธิพล คนรักเยอะๆ เริ่มต้นแบบไหนดีกว่ากัน ข้อดี-ข้อเสีย
1. เริ่มต้นจากกาก หรือเป้นคนปกติก่อนแล้วก็มีพลัง แล้วค่อยๆมีลูกน้อง คนรัก อิทธิพล พัฒนาการไปเรื่อยๆ ตามสูตร เล่าเรื่องจาก 1ไป 10 ตรงไปตรงมา ไม่เน้นflash back ให้อารมณ์เหมือนเล่นเกมแล้วตัวละครเทพขึ้นเรื่อยๆ
หรือ
2. เปิดมาเก่ง เทพ มีอิทธิพล บริวารระดับหนึ่งแล้วก่อน แล้วให้โชว์พาวให้คนอ่านดูตั้งแต่ตอนแรกๆ แล้งค่อยเราเรื่องสลับไปมาถึงที่มาของพลังตัวเอก ปม แรงขับเคลื่อน เป้าหมาย รวมถึง พื้นเพและเหตุผลของตัวละครอื่นๆที่เป็นบริวาร คนรักตัวเอก ด้วย ตอนไหนตัวประกอบคนไหนมีบทเด่นก็ค่อยเล่าถึงปุมหลังเสริมไปทำไมถึงมาติดตามตัวเอก มีปม ไรงี้ ฯลฯ อารมณ์เหมทอนพวกแนวแนวนักฆ่า ล้างแค้น โชว์พาวก่อน แนะนำตัวละครทีหลัง
>>184 คร่าวๆ คือได้ทั้ง 2 แบบถ้าเดินเรื่องได้ดีนะ คือมันขายได้แน่แต่มีข้อแม้ว่าตัวละครพวกลูกน้องหรือบริวารมึงต้องออกแบบได้ดีด้วย ถ้าเป็นนักเขียนที่เกลี่ยบทไม่เก่ง หรือเปิดตัวละครมาแล้วใช้ไม่คุ้ม/หายไปจากเรื่อง จะเขียนแนวนี้ลำบากมาก
ถ้ามึงอยากได้ตัวอย่างของทั้ง 2 แบบที่ชัดเจนและหาดูง่ายในช่วงนี้นะ
แบบแรก : เกิดใหม่เป็นสไลม์, จันทรานำพาสู่ต่างโลก, แมงมุมแล้วไงฯ
แบบ 2 : โอเวอร์ลอร์ด, เลเวล 2 ผัวเฟนริล, ตรากากเกิดใหม่ไปเลือกปราชญ์
ข้อดี : ขายง่าย เดินเรื่องไปเรื่อยๆ ได้ ไม่ต้องผูกปมมาก เน้นเจอศัตรูเก่งขึ้นแต่ตัวเอกก็เก่งตามเอา
ข้อเสีย : ขายพวกชอบแนวล้างแค้นแบบตัวเอกกากก่อนไม่ได้ เพราะแนวนึงไม่ได้จะแก้แค้นแต่เน้นเติบโต อีกแนวคือเทพแล้วเลยไม่ทันได้ดูตอนตัวเอกโดนกดขี่
อยากเขียนอะไรก็เขียนไปเหอะ แต่อย่าให้เละเป็นขี้แบบ Re:Monster ก็แล้วกัน แม่ง... ตัวเอกเติบโตเร็วสัส วันๆ ก็วนอยู่กับการปักธงเยสาวสลับเก็บเวลอยู่นั่น
ส่วนตัวกูชอบแนวนี้แต่เป็นตัวเอกอยู่เบิ้องหลังมากกว่า อย่างพวกเรื่อง จอมดาบชั้นเซียนมาตบเกรียนถึงเมืองกรุง หรือไอ้เรื่องพ่อเลี้ยงลูกสามก็ดี เพราะกูชอบดูรีแอคชั่นตัวประกอบ
มีใครที่ไม่ชอบแนวระบบ แต่ยอมเขียนแนวระบบเพื่อให้ได้ยอดวิวไหม
เห็นเพจเด็กดีเอามาลงเองเลย
สงสัยว่าไอ้แนวทะลุมิตินี่มันต้องมาพร้อมกับระบบเสมอไปเลยเหรอเนี่ย ถึงจะเป็นแนวที่ขายได้ยอดนิยม
https://www.facebook.com/share/p/5SbkEg1iF3KenJfL/?mibextid=oFDknk
>>191 และถ้าจะเขียนเรื่องระบบ ก็ต้องชูเรื่องระบบขึ้นมาให้เด่นด้วยนะ
ของกูนี่เขียนแนวไปอาศัยอยู่ต่างโลก มีระบบแหละแต่ไม่ใช่แบบหน้าต่างสเตตัสเด้งๆ แต่เปลี่ยนให้ระบบเป็น AI แทน กลายเป็นตัวละครตัวหนึ่งคอยสนับสนุนตัวเอกอยู่ตลอด ซึ่งผลที่ได้ก็คือยอดอ่านน้อยจนน่าใจหายซะงั้น
สายเบียว + ตัวเอกเทพ ตอนนี้กำลังชอบพวกตัวเอกที่มีอาชีพ เนโครแมนเซอร์ เหรอ เห็นมาสักพักละ ทั้งเว็บตูน ทั้งนิยายเว็บ เมื่อก่อนเห้นมีคนแต่งแนวนี้ยอดวิวขึ้นพอใช้ได้เหมือนกัน
กระแสมาจากไหนหว่า
เฮ้ย เพื่อนยาก เด็กดีมี webtoon ด้วย
ถ้าจะถกเรื่อง webtoon ต้องแยกมู้ใหม่เลยมั้ย
https://webtoon.dek-d.com/search/?textMode=title
>>194 กูมีพล็อตเรื่องเก่าทำนองนี้อยู่ สามารถปัดฝุ่นมาเขียนใหม่ได้ ว่าจะลองมาดัดแปลงเขียนเป็นให้อยู่ยุคปัจจุบันแทน
แต่พอกูลองจินตนาการถึงยุคที่มีเทคโนโลยี มีมือถือแล้ว กูไม่อินกับการใช้ศาสตร์พวกนี้เลยว่ะ
ว่าง่ายๆ คือกูเบียวไม่พอที่จะเขียนพวกนี้ละ แต่ถ้าเป็นเซ็ตติ้งยุคกลาง ยุคแฟนตาซียังพอเขียนได้อยู่
tag ยอดฮิต ของเด็กดี เหลือแค่2แท็ก คือ สลับเพศ กับ oc เกิดไรขึ้น คนอ่านมันไม่ใช่แท็คหานิยายแล้วหรอ
ยังอยู่บ้างป่าว
เหยดดดด แนวแฟนตาซีกลับมาที่สามยอดคนดู แล้ว
ส่วนจีนโบ ตกไปอันดับห้า
สามเดือนกดเข้าเด็กดีทีแต่เข้าไปกี่ครั้งอันดับนิยายก็มีแต่แนวเดิมๆจีนเต็มไปหมด เขียนดีว่าไปอย่างหัวจะปวดนอกจากMSOกับเทพแสงกุก็ไม่รู้จะอ่านอะไรเลย
ระหว่างลงเว็บที่ได้ยอดวิวเยอะ แต่นอ แทบไม่เม้น กับ เว็บที่ยอดวิวน้อยกว่าแต่นอชอบเม้น
โม่งว่าแบบไหนดีกว่ากัน โม่งชอบแบบไหน
มู้เด็กดวกแปลกไปมั้ย ถามอะไรแล้วมีคนเข้ามาตอบ จขกท.ตอบกลับไปว่า ขอบคุณ เจอมาหลายรอบแล้ว มันหาข้อมูลหรือหาเพื่อนว่ะ
ดัน ให้มู้ขึ้น เฉยๆ
ทำยังไงให้คนมาเม้นเยอะๆ ให้นิยานมันคึกคลื้น
9.06K ตัวอักษร ตอนละ 4 บาท ถือว่า แพงไหมวะ
กุอยากอ่าน 453 ตอน = 1,812 บาท เลยนะ
700-800 บาทก็พอไหมวะ
แนวจีนโบ ตกไปอยู่อันดับ5 แล้ว ไม่ค่อยนิยมแล้วตอนนี้?
บอร์ดเด็กดีกลายเป็นบอร์ด pramool หมายเลข 2 แล้วล่ะ เรื้อนเยอะน่ะ กลางปีนี้
>>224 เข้าถึงอินเตอร์เน็ตง่ายขึ้น มือถือราคาถูกลง โปรเน็ตไม่แพงพอซื้อกันไหวได้ ชาวเน็ตยุคเก่ายังพอมีภูมิคุ้มกันและรู้จักวางตัว(หลังจากเคยเรื้อนในอดีตจนเข้าใจถึงข้อเสีย) แต่ชาวเน็ตรุ่นใหม่เลเวล 0 นี่ อยากพ่นอะไรก็พ่นออกมาตามใจปากเลย เนื่องจากยังอยู่ในช่วงที่เรียกกันว่าช่วง "เห่อxมอย" สถานะที่ว่านี้ใช้ได้กับทุกเพศทุกวัยเลยนะที่กำลังเล่นเน็ตเป็นใหม่ๆ ไม่จำเป็นว่าจะต้องใช้กับแค่เกรียนหรือติ่งทั้งหลาย เพราะคนแก่หลายๆ คนแม่งก็ยิ่งร้ายเพราะมีทั้งความเห่อxมอยและความมนุษย์ป้า/มนุษย์ลุงรวมกันอยู่แบบสองประสาน นำไปสู่ความเรื้อนขั้นพิเศษที่เหี้ยกว่าปกติ
อยากให้บอร์ดโม่งกลับมาคึกคักบ้าง บอร์ดเด็กดีเรื้อนจนไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว
>>226 มันมีค่าเท่ากันเพราะตอนนี้ทั้งโม่งทั้งบนดินมันก็เรื้อนทั้งคู่ แค่พวกที่เจ๋งจริงมันมาอยู่ในโม่งกับพวกที่ไลฟ์โค้ชขายฝันมันอยู่ในบอร์ดเฉยๆ ซึ่งที่โม่งร้างก็ไม่ใช่อะไร เพราะคนที่เขียนงานจริงจังเขาไม่ค่อยมีเวลาหรอก พวกดังๆ ที่ขายงานออกเรื่อยๆ ยังแวะไปเล่นบอร์ดแค่นานๆ ทีเลย
>>228 ที่มึงขำเพราะคิดว่าโม่งมันก็สวะกากๆ ทำเป็นอวดภูมิโชว์รู้มากรู้จริงใช่มั้ย งั้นลองเอามาเทียบกันดูก็ได้ว่าอ่านคำแนะนำจากในบอร์ดกับอ่านจากในนี้อะไรมันเอาไปใช้งานจริงได้มากกว่ากัน
ถ้าพูดกันตรงๆ คนเก่าๆ ในบอร์ดกับคนที่นี่มันก็เป็นพวกเดียวกันนั่นแหล่ะ เพียงแต่ในโม่งมันไม่มีหน้ากาก ไม่มีหัวโขน ไม่มีมาดหรือภาพพจน์ที่ต้องรักษาไว้ให้ดูดี ก็เลยให้ความเห็นกันแบบดิบเถื่อนกว่า แล้วพวกที่เจ๋งจริงก็ไม่ค่อยคุยอะไรในบอร์ดนักเขียนจากสาเหตุที่ว่ารำคาญพวกไลฟ์โค้ชอีกทีไง นั่งอ่านกูรูคีย์บอร์ดขายฝันเด็กหัดใหม่มันสนุกกว่า ไม่ต้องเสียเวลาไปตอบเองด้วย
พวกเมิงกุถามหน่อย นิยายในแอปเด็กดี จาก 4 บาท ลดเหลือ 3 บาท มันลดถึงวันไหนวะ
กุว่าแม่งก็ยังแพงอยู่ดีวะ 425 ตอน ก็ 1,200 บาท เลย
บอร์ดเด็กดี อะไรวะ เดียวนี้มี soccersuck pantip มันยังมีคนอ่านบอร์ดเด็กดี ด้วยหรอ หลักๆกุอ่านโม่งfanboi
และสร้างcontentชีวิตจริง เอามาเรียบเรียงใหม่ ให้คนเข้าใจง่ายกระชับ ชีวิตจริงมันสนุกกว่า เขียนนิยายวะ
แต่ส่วนตัวกุไม่เคยอ่านนิยายคนไทยเขียนนะ อ่านนิยายแปลจีนมากกว่า เพราะรู้สึกว่าปัญญาสมองคนไทย เขียนสู้คนจีนไม่ได้ world setting ความสะใจ เหี้ยมหาญ ดุดัน ไม่มี
จะบอกว่ากุดูถูกคนไทยทั้งหมดนั่นละ เป็นทาสคนจีนดีกว่า
>>233 ดี งั้นเดี๋ยวรอบหน้ากูจะใช้ไอดีที่เป้นชื่อจีน เนียนๆทำเป้นนิยายแปล เอามาลงให้โม่งอ่าน ใส่สำนวนจีนไปหน่อยเพื่อเพิ่มความเนียน
ส่วนต้นฉบับไทยก็เอาเข้าอากู๋ขากสเลด แล้วเอาไปลงเว็บจีนต้นทางอีกทีให้เนียน ลงให้มันมีตอนมากกว่าที่ลงในไทยหน่อย
ทีนี้ก็ได้นิยายจีนแปลไทยเรื่องหนึ่งให้โม่งอ่านแล้ว
มีนิยายแฟนตาซีน่าอ่านบ้างมั้ยวะ กดเลื่อนไปก็เจอแต่นางเอกจีนแดง70 80 90 ท่านอ๋องทะลุมิติชายาฮองเฮาไรไม่รู้ คนแต่งหญิงดาวก็หายไปเลยสามชาติสามภพโดนลอยแพ นิยายแนวเกมที่คุณท้องฟ้าแต่งก็ไม่คลิกกูเลยแต่อ่านแก้เซ็งได้
ที่กุซื้ออ่านประมาณนี้ ไม่ขอมีฮาเร็ม นะ กุรำคาญพวกผู้หญิงน่าโง่ ตัวเอกเหมือนกูดี
กำลังภายใน แฟนตาซี ผจญภัย ระบบ นิยายแปลเกิดใหม่ ต่างโลก ต่อสู้ลึกลับ พระเอกฉลาด
พระเอกเจ้าแผนการ
>>241 ได้ กุชอบความโมเอะ แนวที่กุชอบมันหายากด้วยดิ
ประมาณว่า ไอดอลญี่ปุ่น เจอกับอุปสรรค เรื่อยๆ แต่ก็ไม่ย่อท้อ เจอกำแพงwall ข้ามกำแพง loop เจอกำแพง ก็ข้ามไปเรื่อยๆ
เป็นตัวละครที่น่าเอาใจช่วย ที่สำคัญคือเราได้ข้อคิดอะไรจากการกระทำของตัวละคร เน้นพัฒนาความสามารถตัวเองไปเรื่อยๆนะ อย่างงี้อ่านไม่เบื่อ อ่านเป็น 1,000 ตอนได้
ตอนละ 9,000 ตัวอักษร
เหมือน achievement ไล่เก็บในเกมอะ ไม่เอาแบบ ผญ ต้องฟันคนนั้นคนนี้ไปทั่วนะ
แล้วก็ชอบตัวละคร สุดโต่ง แบบ จิตเวช แต่เก่งเฉพาะทาง อันนี้ก็น่าสน
ไม่เอาแนวแบบ ลูซเซอร์ แบบเพราะคนรอบข้างเป็นแบบนี้ กุเลยต้องเป็นแบบนี้ กุคือเหยื่อ
ไม่ก็พวกคนดีจอมปลอม พวกหื่นกาม พวกนี้กุโครตเกลียดเลย
นิยายที่กุอ่าน: คนอ่าน: 389/4680 แต่มันก็ลงfictionlog ด้วยนะ แต่กุมาอ่านdekd
กูเห็นโม่งอ่านนิยายนอกกระแสแบบนี้แล้ว ทำเอากูมีกำลังใจเขียนต่อขึ้นมาหน่อยเลย
ไปเรื้อนหลายมู้หลายห้องจนโดนเขารุมยำโดนมองเป็นตัวตลก ลงท้ายก็มาทำตัวเป็นกูรูขี้โม้อยู่ห้องนี้แทนเพราะไม่มีใครรู้วีรกรรมแทนเหรอวะไอโอคุง
ทำไมแนวโมเอะ แบบยุ่น มันขายไม่ค่อยดีในเด็กดวก เท่ากับแนวจีนหรือเกมออนไลน์
"คนที่แบ่งผู้หญิงของตัวเองให้คนอื่นได้เป็นคนที่พึ่งพาไม่ได้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว"
กุชอบนิยาย คำคม แบบนี้ กุถึงซื้อ ว่ะ
แบบอ่านแล้วจุกชห แต่ก็คือความจริง
มีประโยคหนึ่งที่ฉันเคยได้ยินจากประเทศเก่าแก่แห่งหนึ่ง การตบคือจูบ การด่าคือรัก เธอดูซะตอนนี้ฉันจูบเธอไป สองครั้งแล้ว(ต่อย)
นี่สินิยายที่คนแบบกุควรซื้ออ่าน ชอบวะนิยายแบบนี้มันสอนให้เราเข้าใจโลกมากขึ้น
ประชากรนักอ่านในเด็กดวกเกินครึ่งเป็นผู้หญิงนะโม่ง จากที่กูเคยแต่งนิยายมา ผู้อ่านหญิงรำคาญตัวละครสายซึนจะตายชัก บอกว่าน่ารำคาญเกิน ถ้าแต่งให้เป็นพวกสาวมาดนิ่งแต่เก่งต่อสู้แล้วทำตัวเท่ๆ หน่อย จะขายแพ็คได้ดีกว่ามากเลย
โม่ง แนวตัวเอกพึ่งเรียนจบออกมาหางาน เตะฝุ่น แล้วได้งานแปลกๆ เป็นจุดเริ่มพล็อต
ตัวเอกแบบนี้นักอ่านเด็กดีพอนิยมไหม หรือมีจำนวนเยอะเปล่า
หรือว่ามันต้องเป็นเด็กหนุ่มสาว โดนกดขี่แล้วมีระบบ หรือเล่นเกมออนไลน์หรือทะลุมิติ กัน แบบที่ดังๆ
>>257
โม่ง แนวตัวเอกพึ่งเรียนจบออกมาหางาน เตะฝุ่น แล้วได้งานแปลกๆ เป็นจุดเริ่มพล็อต
= วัยรุ่นไม่อินหรอก เด็กยังเรียนไม่จบจะไปเข้าใจความรู้สึกของคนจบการศึกษาสูงๆแล้วว่างงานได้ไง
หรือว่ามันต้องเป็นเด็กหนุ่มสาว โดนกดขี่แล้วมีระบบ หรือเล่นเกมออนไลน์หรือทะลุมิติ กัน แบบที่ดังๆ
= เห็นจนเบื่อ เหมือนตัวเอกเล่น very easy mode คนจริงไม่พึ่งพาระบบตัวช่วยหรอก เกมออนไลน์เหรอ สมัยนี้คนติดมือถือกาชากัน ทะลุมิติก็อิเซไคไง
เขียนๆ ไปเหอะ มีความฝันจะเขียนยังไงก็ตั้งใจเขียนไป ถ้าไม่ดังในเด็กดวกอาจจะดังที่อื่นก็ได้ ขอให้เขียนมันให้ดีๆ ก็พอ
มันไม่เกี่ยวขอให้ตัวเอก เหมือนตัวเองได้ แบบนี่แหละฉัน! เช่น พระเอก ซ่อนงำประกาย ชีวิตไม่ต้องเด่นขอเป็นเทพในเงา
พระเอกขี้ระแวงสุดขีด พระเอกจอมบงการ สร้างกองทัพ พระเอกไม่สนใจความรักอะไรทั้งสิ้น
ฮาเร็ม อะไรเลอะเทอะ พระเอกรู้จักทดแทนบุญคุณคน พัฒนาตัวเอง
เบื้องหลังมันไม่สำคัญเลย เมิงแต่งนิยายกันเป็นปะเนี่ย เมื่อกำหนดตัวเอกได้ เดียวเนื้อเรื่องมันก็ไหลออกมาเอง
บางทีเมิงก็ต้องไปเจอประสบการณ์ ถึงเขียนได้นะของพวกนี้ เพราะ นิยายที่ผญ เขียนกุไม่อ่านหรอก เพราะไม่มีความดุดัน เหี้ยมหาญ
เช่น กุจะตามแก้แค้น ผญ คนนีง ในนิยาย เมิงก็ต้องทำในชีวิตจริงด้วย เป็น10ปีก็ต้องทำ
แบบนั้นจะทำให้เข้าใจตัวละคร รวมทัั้งการตัดสินใจต่างๆ เมิงลองไปศึกษาไอดอลดูก็ได้ อาจจะเข้าใจมากขึ้น
>>263 การแต่งนิยาย มันต้องสร้างจากความเข้าใจจริงๆ สิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ แต่กุทำได้
เมิงจะเขียนเป็นฆาตกรยังไง ถ้าเมิงไม่เคยคิดอยากควักลูกตา สดๆจากเบ้าคนมีชีวิตอยู่ แล้วมากินสดๆ นิยายพวกเมิงก็ไม่ต่างไรขยะที่มีเกลื่อนตลาดหรอก
ถ้ามีความโหดดิบเถื่อน แบบกุ กุก็ซื้ออ่านแค่นั้น คนอื่นไม่ชอบไม่เป็นไรแต่กุชอบ สงสัยกุคงต้องเขียนนิยายเองซะแล้ว เด็กสมัยนี้ ไม่เข้าใจความโหดร้ายของชีวิตบ้างเลย
จะทะเลาะกันเองอีกละสัส โม่งนี่มันโม่งจริงๆ
สันดานขี้โม้อวดฉลาดของไอ้ห่าไอโอนี่มันแก้ยังไงก็ไม่หายจริงๆ ถึงได้โดนเขารังเกียจทุกห้องที่เหยียบแบบนี้
กุไม่กล้าสอน จระเข้ ว่ายน้ำหรอก แค่เขียนสิ่งที่เมิงชอบลงไป ทุกอย่างมันจะตามมาเอง
สิ่งที่เมิงนึกคิดในโลกรูปจิตไม่มีจริง มาทำให้มีจริง ก็คือการเขียนนิยาย เบสิค
ดังนั้นสิ่งที่กุอ่านไม่ใช่นิยาย แต่เป็นจิตใจของคนเขียนต่างหาก เช่น ไอน้กเขียนคนนี้ ขี้เมา นักเขียนคนนี้ เผยแพร่ลัทธิ yaoi คนเขียนนี้แม่งสนองนิ๊ดตัณหาของตนเอง เป็นต้น
แต่หลายคนลืมเบสิคกันหมด
กุก็แค่นักอ่านที่อ่านจิตใจคนทะลุปุโปร่งแค่นั้น เป็นแค่คนธรรมดาคนนึง เพราะแบบนี้การอ่านนิยายมันถึงสนุกไม่ใช่หรอ
กล่าวคือ นักเขียนคือการเปลือยกายต่อหน้านักอ่านนั่นละ และทุกคนจะรู้ความคิดเมิงทุกอย่าง
ประหนึ่งโดนล้วงเข้าไปในจิตใจ
ส่วนที่กุไม่อยากเป็นนักเขียน เพราะกุไม่อยากบอกให้คนอื่นรู้ว่า กุคิดยังไง รู้สึกยังไง
กุแค่อยากเป็นคนธรรมดา อากาศธาตุไม่โดดเด่น
เหมือนที่กุเป็นมาตลอด ขอเป็นตัวประกอบดีกว่า
บ่นหน่อยกูรู้สึกปลงกับนิยายกูมากเลยว่ะ ตอนนี้ลังเลแล้วว่าเขียนเล่มนี้จบจะเขียนต่อหรือดรอปดี
เมื่อก่อนเขียนห่วยๆ ยังมีคนอ่านเยอะนะ อย่างแย่ก็ยัง 200+ คนต่อตอน มาตอนนี้ได้ตอนละ 20 คนก็บุญโขละ ขนาดเรื่องนี้เขียนจำนวนตอนได้เยอะที่สุดเท่าที่เคยเขียนละนะ แต่ยอดคนอ่านยังไม่เท่ากับสมัยก่อนเลย
เข้าใจว่ากลุ่มคนอ่านในเด็กดวกมันน้อยลงแหละ แต่เทียบกับเรื่องอื่นแนวเดียวกันแล้วยอดกูน่าจะน้อยกว่า 3-5 เท่าได้เลยมั้ง ของกูยังวิ่งหลักพันในขณะเรื่องอื่นๆ ที่อัพพร้อมกันวิ่งไปหลักหมื่นละ
ไม่รู้ว่าผิดพลาดตรงไหน คนอ่านน้อยจนไม่มีคอมเม้นท์ นี่อาศัยความขยันอัพถี่ๆ พยายามดึงคนอ่านที่เหลืออยู่ต่อเท่านั้นเนี่ย
>>274 เรื่องปกติที่ช่วงต้นเรื่องมีคนอ่านเยอะสุด เพราะเป็นช่วงที่คนยังไม่รู้จัก พอค่อยๆรู้จักกับมันแล้ว คนที่ไม่อ่านต่อคืออ่านไม่สนุก ไม่ใช่สไตล์ของตัวเอง จึงเหลือคนติดตามอ่านจริงน้อยลงตามระยะเวลา
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป อยากจะเขียนจำนานตอนหลักร้อยหลักพันโดยคนอ่านลดน้อยลงต่อไปเหรอ หรืออาจจะลองเขียนจำนวนตอนไม่เยอะหน่อย พวกขาจรจะได้มั่นใจว่ามึงเขียนจบแล้ว จะได้เตรียมเวลาว่างมาอ่านเรื่องของมึงซะที
>>276 ต่อๆ พวกพล็อตเกม RPG เนี่ยน่าจะยากสุดในการรักษาฐานจำนวนคนอ่านเชิงปริมาณแล้ว มึงชอบ RPG สไตล์ที่ชอบ แต่มีคนอ่านบางรายกลับไม่ชอบ RPG สไตล์ของมึง มันก็จะไม่อ่านเรื่องของมึง ๆอ้ที่ยากเนี่ย RPG มักขะเขียนพล็อตยาวกว่า Action Adventure หลายสิบเท่า ยกเว้นมึงอยากตักจบเอง
>>277 เพราะว่า แนวคิดสไตล์เกม RPG พล็อตเรื่องต้องให้ความสำคัญกับความยาวเนื้อเรื่องมากกว่าบู้ล้างผลาญ พล็อตสไตล์ Action Adventure มักจะเน้นการต่อสู้
พอดีนึกออก พล็อตแนวรักอย่างจีบสาวหรือจีบหนุ่ม มึงต้องเทความสำคัญให้กับความสัมพันธ์ของตัวละคร อยากจะให้นิยายรักยาวพอๆกับพล็อต RPG แล้วมีคนอยากอ่าน ตัวละครในเรื่องต้องดีพอที่อยากเอาใจช่วยเรื่องสมหวังความรัก เช่น แฟนเช่า นิเสะโค่ย นกเยอะเกินไป อาเรียพูดรัสเซีย พี่เทพเซียนนักจีบ สคูลรัมเบิล เป็นต้น
เนี่ยแล้วปัญหาคือตอนนี้กูเขียนสไตล์ RPG ที่ว่าด้วย
เขียนสต๊อกเอาไว้ร่วม 300 ตอนได้ละ มาตอนนี้กูอยากตัดจบชิบหาย แต่เรื่องยังไปได้แค่ครึ่งทางเอง
ใจนึงก็อยากเลิกเขียนนะ แต่อีกใจก็ทิ้งไม่ลงว่ะ แต่จะให้เข็นต่อไปก็น่าจะหลายปีกว่าจะจบ เลยต้องมานั่งอมทุกข์ว่าจะเอายังไงดีมาหลายเดือนละ
>>280 เห็นหลายคนพูดทำนองนี้เหมือนกันคือเลือกอ่านนิยายจีนมากกว่า
ซึ่งพอเห็นงี้เยอะ กูก็ไม่รู้จะเขียนต่อไปแข่งทำไมแฮะ ในเมื่อผู้อ่านส่วนใหญ่มีธงในใจอยู่แล้วว่าอันนี้ดีกว่า
ทีนี้คือถ้าแนวนี้เขียนไม่ได้มันก็บังคับกลายๆ แล้วล่ะว่ากูต้องเขียนแนวรัก ไม่ก็เบียวสุดโต่งไปเลยเท่านั้น จะมา balance มี world setting มันไม่เวิร์ค
>>279 เมิงต้องรู้ว่าอะไรคือจุดแข็งเมิงก่อน
หรือว่าถ้าแนวฮาเร็ม ก็ไม่ได้กวนใจมาก เช่น
เรื่องปูมาให้อาจารย์ สาวสวยผู้เย็นชา กับ ศิษย์ซ่อนพลัง ตั้ง
แต่ตอนแรก1-1200
ตอนจบของเรื่องพระเอกแข็งแกร่งไม่มีใครต่อต้านได้ทุกคนคือมดปลวกแค่มอง ก็สามารถฆ่าทุกคนได้ แล้วก็สามารถคืนชีพให้ทุกคนได้
อยากเยอาจารย์ สักครั้ง แต่ให้อาจารย์เอ่ยชวนก่อน แต่อาจารย์ไม่ได้มีความต้องการ ไม่ได้เอ่ยชวน พระเอก ก็ไม่ได้ตื๊อต่อ ไม่เยก็ไม่เย
สรุป คือตัวละคร ไม่พัง 1-1200 ตอน จบ แบบ มีความสุข
ไม่ใช่ทำทุกวิถีทางเพื่อเย อาจารย์ ให้ได้
นิยายมันมัข้อคิดดี
ว่าไป กุก็รุกไม่เก่งด้วยดิ ชอบให้ ผญ จีบก่อนแบบพระเอกในเรื่องเลย คนไหนให้อะไรกุมากกว่า กุชอบคนนั้น
อ้อนเก่งๆ หน่อย กุอ่านนินาย ไม่เคยชอบตัวละคร ญ ไหนเลย น่าเบื่อทั้งหมด จะสู้ ไอดอล จริงๆได้ไง กุเลยสนแต่พัฒนาการของตัวเอก ที่มุ่งเป็นเส้นตรงมากกว่า
เข้ามาดูแล้วตกใจ มู้เด็กดวกวิ่งไป 10 กว่าเม้นท์ หรือว่ายุคสมัยของมู้นี้มันมาถึงอีกครั้งแล้ว
ส่วนfiction log แม่งแจกโบนัสยุ่งยากวุ่นวาย
เมิงแค่ลดราคานิยายง่ายๆแค่นี้ทำไม่เป็น
ยังงั้น เดียวกุลบแอปเด็กดีทิ้งไปเติมแอปเมิงเลย
>>282 ถ้าถามว่าจุดแข็งนิยายกูคืออะไร กูว่ามันก็คือ World build ที่โคตรแน่นนี่ล่ะ เพราะกูเขียนทุกรายละเอียด ฝ่ายไหนมีใครชื่ออะไรมีความสามารถอะไร ซึ่งกูทำเป็น Sheet เอาไว้เลยแบบโจโจ้ ทำให้กูเขียนอะไรมันจะไม่มีหลุดจากที่ตั้งเอาไว้ เนื่องกูมี Database ในมือครบ ซึ่งถ้าลองอ่านตามไปเรื่อยๆ จะพบว่าสเกลเรื่องจะขยายขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังอยู่ในโทนเดิม
แต่จุดอ่อนกูอะ กูว่าคือพระเอกนี่ล่ะ เพราะกูกำหนดให้พระเอกเป็นแค่คนธรรมดาเกินไปหน่อย ช่วงแรกค่อนไปทางกากเลยด้วยซ้ำ แถมยังเขียนออกไปแนวโลกสวยน่าขัดใจด้วย ไอ้ตอนที่ยอดคนอ่านลดฮวบก็เป็นตอนที่พระเอกเสียท่าโง่ๆ เพราะความใจดีนี่ล่ะ ซึ่งในมุมมองกูอะมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะกูกำหนดให้พระเอกมีนิสัยเป็น Neutral good แต่ในมุมมองคนอ่านกูว่าน่าจะขัดใจพอตัว
แล้วกูมีปัญหาการเขียนตัวเอกขัดใจคนอ่านมาตั้งแต่เรื่องก่อนละ จำได้เลยว่าหลายปีก่อนเขียนเรื่องเก่ากูโดนคนอ่านบ่นว่าพระเอกกากขี้แพ้ ทั้งที่กูก็ระบุเอาไว้แล้วว่าที่ฟัดด้วยนั่นคือตัว top ของเรื่อง เดาว่านี่ล่ะคือปัญหาทำให้ยอดตก
ว่าไปพูดถึงพระเอกแล้ว กูจินตนาการเขียนพระเอกแนวเบียวหรือเอ็ดจี้ ไม่ก็พอขี้เงี่ยนที่เป็นที่นิยมไม่ออกเลยว่ะ
ขนาดพยายามจินตนาการยังนึกภาพไม่ออกว่าต้องเขียนยังไง คงเพราะชีวิตจริงกูเลี่ยงคบหาคนแบบนี้มาตลอดด้วยมั้ง?
>>287 ปัญหาเหมือนแฟนเช่า พวกนางเอกทำมาซะดิบดี 4-5 คน แต่คนส่วนใหญ่รังเกียจพระเอกที่ชอบทำตัวขี้แพ้ซ้ำซาก ตั้งแต่ปัญหาการพัฒนาความสัมพันธ์จนถึงความคิด พระเอกแฟนเช่าคือตัวอย่างของ sigma male ออกมาห่วยแตก ส่วน sigma male แล้วดีแทนคือพระถังซัมจั๋ง แต่ sigma male ที่ดีและห่วยพร้อมกันคือ Virgil คือดีที่สู้ทั้งเท่และเก่ง แต่กากเรื่องเดียวคือการดูแลลูกชาย (เนโร)
>>290 เปล่า แค่ยกตัวอย่าง ปัญหาของพระเอกในเรื่องของมึงคือความเป็น sigma male สูง
คุณสมบัติพื้นฐานของ sigma male
1. เสรีนิยม ลงไม้ลงมือด้วยตัวเอง ไม่พึ่งพาใคร
2. มั่นใจตัวเองสูง gu เก่ง gu เก๋า
3. เรื่องของตัวเองสำคัญกว่าสังคมและประเพณี
4. การพัฒนาตัวเอง
พูดง่ายๆ หมาป่าเดี่ยวดาย
แต่ใช่ว่าทำแล้วออกมาดี เกิดบทเรื่องไม่เอื้อกับ sigma male ตัวละครสายนี้จะดูแย่ไปหมดเลย ถ้ามึงยังคิดว่าพระเอกแบบนี้แหละดีแล้วก็ขอให้อดทนต่อไป ไม่ยังงั้นต้องแก้ที่พระเอกเลย การรีไรท์ไม่สนุกอย่างที่คิด
เห็นโม่งพูดถึงแนวเบียว ในเชิงรูปธรรมเป็นแบบไหน มีคำอธิบายหรือวิธีดูไหม
ลองเอา นิยาย หรือเมะ มังงะ ยดขึ้นมาเป็นต.ย.ให้เลยก็ได้
เราว่าลองดูว่าแนวนี้เราเขียนได้เปล่า เพื่อเปิดตลาดใหม่ ที่ไม่ต้องแข่งกับนิยายจีนแปล
>>292 เอาจริงๆ นิยามของเบียวในยุคนี้ หลักๆ มันคือการนิยามตัวละครแนว Sigma Male ที่เก่งเทพเหนือล้ำกว่าคนอื่นและยอมให้ใครมาอยู่เหนือกว่านั่นล่ะ แต่ทั้งนี้พฤติกรรมของคนจำพวกนี้คือไม่สนกฎของธรรมชาติหรือสังคมเลย ประมาณว่าทำตัวนอกกรอบได้เพราะกูเทพนั่นล่ะ
แล้วพอมาเป็นเรื่องในนิยาย เราสามารถแก้กฎต่างๆ ให้เข้ากับการกระทำป่วนๆ ของเหล่า Sigma male ได้อย่างอิสระเลย เอายกตัวอย่างง่ายๆ ก็หลวมฮาจิเมะ จากเรื่อง Arifureta นั่นอะ ที่ทำเหี้ยทุกอย่างประชดบรรทัดฐานสังคมเช่น กระทืบผู้กล้า ปากหมา ข้าเจ๋ง ฯลฯ แต่สุดท้ายกลับได้ผลตอบรับที่ดี มีฮาเร็มล้อมรอบ ทั้งที่ในความเป็นจริงนิสัยแบบนี้มันไม่มีใครคบไง แต่พอเป็นเรื่องในนิยายก็ใส่ได้อิสระเลยว่ามีแวมไพร์สาวร่างโลลิมาติด มีสาวสวยห้อมล้อม
หรืออย่างเรื่องดังอีกเรื่องก็ Solo Leveling พรี่ซงจินอูนี่ล่ะ ที่แม่งแห่งได้พลังมาแบบกฎทุกอย่างที่ธรรมชาติให้มา เก่งเทพอยู่คนเดียวในเรื่องแล้วทำตัวหยิ่งๆ เอ็ดจี้ ไม่น่าคบ แต่ในเรื่องกลับเขียนให้คนรอบข้างกลับเลียว่าไอ้นี่โคตรเทพ เป็นผู้กอบกู้อะไรทำนองนั้น
อันนี้กูไม่รู้หรอกนะว่ากูโลกแคบไปเอง หรือว่าโลกปัจจุบันมันบิดเบี้ยวไปแล้วกันแน่ แต่ในชีวิตจริงกูมีเพื่อนที่รู้จักกันนิสัยแบบนี้อยู่ แล้วแม่งนัดเยสาวเป็นกิจวัตร สลับรางเป็นว่าเล่น ซึ่งกูที่รู้จักกับมันมานานจึงรู้ดีว่านิสัยมันเหี้ยขนาดไหน แต่ในขณะเดียวกันมันก็ดันประสบความสำเร็จในการเป็น Sigma male ซะงั้นนี่ล่ะ (แน่นอนว่ากูมองบนทุกคนเวลาคุยกับมัน)
ส่วนพระเอกสไตล์กูเขียนค่อนไปทาง Beta male ว่ะ คือไม่ทำตัวโดดเด่น เน้นรักสงบ มีจิตใจดี อ่อนโยน ฯลฯ มีกฎอะไรก็เล่นไปตามเกม ซึ่งทุกเรื่องที่กูเขียนมาพระเอกจะเป็นแนวนี้หมด อย่างเรื่องล่าสุดก็กำหนดว่าเป็นแค่คนธรรมดาที่รายล้อมไปด้วยยอดมนุษย์ ไม่ได้มีกล้ามเนื้อพลังเวอร์ๆ ให้จัดการปัญหา แต่จะทำหน้าที่เป็นมันสมองและคอยสนับสนุนอยู่แถวกลาง/หลัง มากกว่าคอยขึ้นบวกไปข้างหน้าหรือเผชิญปัญหาเอง ซึ่งพอกูเขียนให้มันพลาดท่าเวลาเจอปัญหาเกินตัวจนแก้ด้วยตัวคนเดียวไม่ได้มันก็สมผลไง แต่ตรงนี้ล่ะที่น่าจะเป็นจุดทำให้คนอ่านขัดใจกัน
>>294 เบียวได้แหละ แต่ถ้าตัวละครหญิงเบียวๆ มันจะออกแนวตลกแดกมากกว่า เพราะตัวละครหญิงมันไม่เข้ากับความรุนแรงเอ็ดจี้
กลับกันถ้าเขียนมาแบบทำอะไรผิดสามัญสำนึกมันออกแนวสาวเปิ๋นเป๋ออะไรพวกนั้น ยกตัวอย่างหนูไมน์ค่าเฉลี่ย อีตู้เย็นเมเปิ้ลงี้
แต่ทั้งนี้ต้องจำกัดขอบเขตดีๆ เพราะมากเกินไปจะกลายแมรี่ซูแล้วอิหยังวะ ยกตัวอย่างก็เช่นเคสอีเมเปิ้ลตู้เย็นระบบเกมพังนี่ล่ะ
>>292 เมิงแค่ต้องยอมรับก่อน ว่าเมิงต้องแข่งกับนิยายแปลจีน ถ้าเมิงไม่อยากแข่งก็แพ้ เทียบง่ายๆ แบบเห็นภาพเลยนะ ไอติมโคนวานิลา
ที่จีนทำมาราคา15บาท คนก็ต่อคิวกินกัน เพราะรสนมอัดเม็ดที่มากกว่า ผิวสัมผัสโคนที่กรอบดีกว่า แล่วทำไมต้องไปซื้อร้านฟาสฟู่ด ตะวันตก
ส่วนความเบียว คือทำสิ่งที่คนปกติไม่ทำกัน
เช่น หนูเป็นคนไม่ชอบเอาชนะหรอก แต่เรื่องอะไรหนูต้องแพ้!
กุบอกแล้วไงถ้ามันเป็นเกมกุต้องชนะ!
The world god only know เซียนเกมรักขอเป็นเทพนักจีบ
หรืออะไรก็ได้ ที่ทำให้ทุกคนหัน คมดาบ มาใส่เมิงหมด เออ กุจะโดนหาว่า เก๊กบ่อยๆ ด้วย
แล้วก็โดนคนเกลียด ประมาณว่า ทุกคนอยากฆ่าเมิง อยากทำร้ายเมิงอะ กุโดนมาหมดละ ไม้
มีด กระบอง หมัด ลูกบอล
เบียวๆ คงจะเป็นแบบที่ทุกคนจะตามฆ่าเมิงหมดโลกอะ
แต่กุไม่ได้ทำอะไรใครเลย i have no enemy
กุก็อยากใช้ชีวิตปกติสุข เหมือนคนอื่นเหมือนกัน
พล็อตชีวิตจริงกุเลยประมาณนี้ละ
เสือกโดนยัดว่า เบียว ซะงั้น
10 ปีข้างหน้า นิยายแปลจีนอาจจะตกกระแสไม่มากก็น้อย น้อยคนที่จะชอบของเดิมๆตลอดชีวิต ส่วนมากเอียนคือเบื่อไปเลย
>>287 แบบนั้น นิยายของเมิงคงน่าเบื่อมากๆ
ถ้าเมิงจะเขียนให้โลกสวย ก็ต้องไปสุดทาง
การที่เมิงบอกว่าโลกสวย ตัวประกอบ ผิดทาง ต้องเปลี่ยนนะ กุว่าเมิงไม่ได้เข้าใจการสร้างตัวละครแบบjojoเลย
ไม่เข้าใจการพัฒนาตัวละคร ด้วยซ้ำ
ยกตัวอย่าง สร้างตัวละครที่เชื่อในโลกสวยสุดขีด เมิงต้องเข้าใจตัวละครที่เมิงเขียน
เช่นตัวละครนี้ โดนคนอื่นหลอกใช้ โดนเพื่อนทรยศหักหลัง หรือโดนแทงข้างหลัง นับครั้งไม่ถ้วน รวมทั้งให้ความไว้วางใจแก่คนอื่น จนเจ็บไม่จำ สุดทางของตัวละครนี้คืออะไร
ก็ให้การตัดสินใจของตัวละครนี้เป็นคนตัดสินใจเอง ไม่ใช่เมิงเป็นคนกำหนดeventของเหตุการณ์
ถ้ายังจบในแบบที่ตัวกุก็ยังเป็นกุเหมือนเดิม
นั่นละเขาถึงเรียกว่า ตัวเอก ของนิยาย
แต่ถ้าไม่ใช่คือเมิงเขียนตัวประกอบอยู่
ส่วนพวกที่ขายวิญญาณ เงิน ชื่อเสียง เกียรติยศ เพื่อออกจากวิถีหลัก ของตัวละคร แบบนั้นสิถึงเรียกตัวประกอบ
นิยายที่เมิงเขียนกุไม่อ่านแล้ว ถ้าเรื่องแค่นี้ไม่เข้าใจ เมิงไม่ได้เป็นคนกำหนดว่าใครคือตัวเอก
แต่ตัวละครต่างหากที่จะเป็นคนกำหนด
>>300 เมิงเล่นเกมจริงเปล่า
เทรนด์ไม่เคยเปลี่ยนหรอก ขอแค่ชนะในท้ายที่สุดก็พอ กุชอบpvpด้วยไง เล่นเกมซิงเกิลเพเยอร์ไม่เคยจบ
"In the end, winning is everything. No matter what it takes, no matter what methods you use, as long as you win, that's all that matters."
ช่วงนี้กุว่าเกม IRL สนุกกว่าสมัยก่อนอีก
>>299 ทำไมต้องบอกว่า ตกกระแส
กุอ่านในห้องสมุด หนังสือนิยายเก่าๆ สมัยก่อน จีนเขียนได้ดีหมด
เพราะกุไม่ได้พึ่งมาอ่าน นิยายจีนนะ กุอ่านตั้งแต่ โกวเล้ง อุนสุยอัน และเรื่องเก่ากว่านี้อีกจำชื่อไม่ได้ กลิ่นกระดาษจากนิยาย ที่ทำให้เราเหมือนเข้าไปโลดแล่น ในเรื่องนั้นจริงๆ
คือกุงง ว่าพวกเมิงเพิ่งเคยอ่านนิยายจีนกันหรอ
ส่วนกุอ่านมา20กว่าปีแล้วไม่เคยตกยุคนะ
ถึงสมัยนี้พวกweb novel จะไม่ละเอียดเท่าสมัยก่อน รายละเอียดไม่เท่า นิยายจริงๆ
มันก็คงเปลี่ยนไปตามวิถีชีวิตที่เร็วขึ้นของคนสมัยนี้
กุว่าถ้าพวกเมิงเขียนนิยายแล้วสู้นิยายจีนแปลไม่ได้ ควรพิจรณาตัวเองได้ละ ถ้าไม่คิดจะพัฒนาตัวเองอะนะ ไม่ต่างกับละครน้ำเน่าที่เนื้อหาแบบเดิมตลอด50-60ปี แล้วหวังว่าจะมีคนมาอ่าน
กูไม่รู้ กูเขียน NC 18+ ขายง่ายดี พล็อตมีหรือไม่มีก็ไม่เป็นไร ถ้าอ่านแล้วเสวถือเป็นใช้ได้ ซี๊ดดด ท่อนของนายมาอยู่ในมดลูกตูดชั้นได้ยังไงงง อ๊ากกก
>>304 แล้วแต่คน กุชอบ นิยายให้แง่คิด จนเซฟภาพเก็บไว้ ว่าแต่พวกเมิงเซฟภาพนิยายในเด็กดีไงวะ กุต้องใช้มือถืออีกเครื่องถ่าย
ยกตัวอย่างในนิยายที่กุอ่านนะ
"เจ้าหนอนแมลงเอ๋ย เจ้ายั่วยุข้าแล้ว" เสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวดังมาจากความว่างเปล่า
"เจ้าโง่! ข้าคือหนอนแมลงจริงๆ! แต่ข้าใช้เวลาวินาทีเดียว ก็เปลี่ยนจากหนอนแมลงเป็นคนได้!
เราไม่เหมือนกัน! เจ้าตาย แต่ข้ารอด!" พระเอกหัวเราะ
นี่มันกูชัดๆๆ
มันจะให้ข้อคิดเราตลอดแบบนี้ กุเลยเลือกที่จะซื้ออ่านต่อ
>>305 เน้นขายพวกขี้เงี่ยนเฉยๆ น่ะ คนเงี่ยนแอบแฝงมีเยอะนะเว้ยทำเป็นเล่นไป หนังโป๊ เมะโป๊ มีไม่ดู มาอ่านนิยายกูในเว็บเด็กดวกซะงั้น เนื้อหานิยายกูนี่แม่งตรงกันข้ามกับชื่อเว็บเลย แต่คงเป็นเพราะคนชอบอะไรพิสดารมันมีอยู่เยอะประกอบกับมีความขี้เงี่ยนแอบซ่อนไว้ในตัว นิยายวายแนวคนกับครึ่งสัตว์ตัวผู้แต่ท้องได้เลยขายดี๊ดี โดยเฉพาะกับประเภทเงือกชายนี่ขายดีเป็นพิเศษไม่รู้ทำไม ขายใน ธวล. กับ รอร. ยังขายไม่ดีเท่าที่นี่ กูว่ากูพอก่อนดีกว่าเดี๋ยวโม่งแตก
จากสิ่งที่กูพูดมาสรุปได้ว่าสาววายในเว็บเด็กดวกมีเยอะและกำลังซื้อก็มีมากด้วย ถ้าเป็นแนวอื่นๆ ที่มึงพูดกันมาข้างบน ต้องโชคดีจริงๆ ถึงจะดังได้วะ
ถึงพยายามจะทำตัวเป็นกูรูยังไง สุดท้ายความขี้โม้หลงตัวเองของแม่งก็ปิดไม่มิดจริงๆ นะไอ้เอ๋อไอโอเนี่ย
>>311 หมายถึงพวกชอบด่าคนอื่นว่าเบียว แต่ไม่คิดจะส่องกระงกเงาตัวเอง เพราะ EQ (ความฉลาดด้านการควบคุมอารมณ์ตัวเองต่อสิ่งปลุกเร้า) ของตัวเองนั่นต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
นอกจากพวกที่ชอบดูถูกว่าไอ้นี่เบียว ไอ่นั่นก็เบียว สมัยนี้เห็นตัวอย่างง่ายสุดคือพวกโว๊ก ที่จะมีอาการโมโหโทสะด่าคนเห็นต่างว่าพวกเกลียดความหลากหลาย-ความเท่าเทียมทางเพศ
กลับเข้าเรื่องเถอะ
กูชักจะถอนหายใจเลย พวกแม่งหาเมียชีวิตจริงไม่ได้รึไง ถึงอยากมีอารมณ์กับสัตว์ของโลกแฟนตาซี
https://www.dek-d.com/board/writer/4120060/
https://www.dek-d.com/board/writer/4120070/
https://www.dek-d.com/board/writer/4120082/
>>311 ชื่อไอโอมาจากห้องเกมเพราะมันอวยเกมขยะกากๆ เกมนึงเหมือนไอโอการเมืองตามโซเชียล ถึงสุดท้ายตัวมันก็ทนความห่วยแตกของเกมไม่ไหวจนเลิกเล่นไปก็เถอะ
มันอยู่หลายห้องแล้วก็โดนเขาไล่เหมือนหมูเหมือนหมาทุกห้องเพราะเพ้อเจ้อแบบนี้เนี่ยแหละ เพราะฉะนั้นเวลามันเบียวฝอยอะไรมาก็ไม่ต้องไปคิดจริงจังมากหรอก พวกมึงเห็นมาหลายวันน่าจะเริ่มเข้าใจแล้วใช่มั้ยล่ะว่ามันขี้โม้แค่ไหน
>>312 ก็จริงตามนี้ นักเขียนที่วันๆ เอาแต่โทษนั่นโทษนี่ ก็เพราะพวกนี้ความพยายามไม่มากพอ หรือ ไม่มีความเบียวมากพอ ความมีวินัย
ทำไมไม่มีคนอ่านนิยานกุเลยละ?
เมิงไม่ต้องสนหรอก ว่ามีคนอ่านนิยายเมิงกี่คน ตลาดชอบแนวไหนอยู่ เขียนสิ่งที่เป็นนิยายตามที่มันควรจะเป็นจริงๆก็พอ
ทำไมต้องเล่นเกมฮิตนะ อ่านนิยายยอดฮิตbest seller ต้องตามที่คนส่วนใหญ่ชอบ
>>315 เคยคุยในโม่งกับมันอยู่ เมื่อเดือนนี้ละต้นๆเดือน กุว่ามันก็คุยดีนะ ถูกคอ ถ้าคนอื่นในโม่งมีแต่พวกน่าเบื่อทั้งนัั้นเลย
>>314 ไอโอ มันใช้กับเกมได้ด้วยหรอ เมิงมีหลักฐานหรอว่าเกม จ้าง มันมาโปรโมทในโม่ง
มันอาจจะคลั่งไคล้เกมhardcoreก็ได้
คนเราไม่จำเป็นต้องเล่นเกมตามกระแส
จำไว้นะ ปลาที่ทวนกระแสคือ ปลาเป็น ส่วนปลาไหลตามกระแสน้ำคือปลาตาย
>>313 เออ กุไม่เคยชอบเนื้อเรื่องสัตว์เลี้ยงเท่าไร
หรอก มันดูเบียดเนื้อเรื่องหรือตัวละครเสริมมากกว่า ก็น่ารำคาญที่ต้องมีบทพวกนี้แม้ไม่ได้สำคัญ เรื่องไหนสีสัตว์หน้าปก กุหลีกเลี่ยงเลย
เรื่องที่เห็นชัดๆ ก็ S class that i raised
แล้วพวกชอบfuryมันก็คืออาการอย่างหนี่งของ พวกlgbtเหมือนกัน
ผิดมั้ยที่กูขำไอ้ >>316 ว่ะ ความเบียวแต่ละคำที่แม่งพูดจนกูหยุดหัวเราะไม่ได้
>>313 ไอ้เคสนี้อีกที่ทำกูขำกลิ้ง ไอ้ตัวเริ่มนี่ก็ปั่นชิบหาย เห็นแล้วรู้เลยว่าแม่งมาหาเรื่อง
เข้าเรื่องๆ
ช่วงนี้กูรู้สึกว่าวิธีการเขียนแบบที่คนยุคก่อนหน้าพร่ำสอนนี่เอามาใช้กับยุคนี้ไม่ค่อยได้แล้วแฮะ เมื่อก่อนทุกคนแม้แต่ บก. เองก็ยังบอกว่าเวลาเขียนอะไรให้ศึกษามาก่อนจะได้เขียนได้สมจริง แต่พอมาตอนนี้คนอ่านบอกว่าไม่อยากอ่านอะไรเรียลๆ ซะงั้น กลับกันยิ่งหลุดโลกเท่าไรยิ่งมีแต่คนชอบ ทำเอากูนั่งคิดบ้างละว่าคราวหน้าลองเขียนอะไรที่มันเบียวหลุดโลกบ้างดีมั้ยกันเลย
เออ กุก็โดนโม่งจิ้ม บอกว่ากุเบียว
กุก็ไม่เคยแคร์พวกเมิงนะ ว่าจะหาว่า กุเป็นยังงั้น ยังงี้ เพราะ กุไม่เคยจำกัดความตัวเอง
และกุไม่เคยให้คนอื่นมากำหนดว่ากุเป็นคนยังไง
แต่กุเป็นกุคนเดิมตั้งแต่เกิดมา อดีต ปัจจุบัน หรือ อนาคต 100ปีนี้ จากนี้กุก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยแม้แต่วินาทีเดียว
เมิงพยายามได้นะ แต่เมิงเป็นแบบกุไม่ได้หรอก
เลิกหาว่าคนอื่นเบียว หรือขำหัวเราะคนอื่น บางทีเมิงอาจจะแต่งนิยายดีๆได้สักเรื่อง แต่ว่ากุดูแล้วพวกเมิงน่าจะทำไม่ได้
ไร้สาระชิบหายพิมบ้าไรกันเนี้ย ที่บอกแต่งนิยายได้เอาลงแพตฟอมอื่นด้วยมั้ยลองเอาลงหลายๆที่ดูก่อนได้นะเรื่องตัวเอกนี่ตราบใดที่มีพัฒนาการเดี๋ยวคนก็ชอบเอง มีเรื่องนึงในเด็กดีช่วง1-300ตอนแรกๆคนด่าพระเอกโง่กากไม่เจียมตัวเห็นแก่ตัวโลกแคบเต็มไปหมดแต่หลังจากนั้นคนแต่งก็ทำให้นักอ่านหันมาชอบพระเอกได้เพราะบทมันเติบโตขึ้นทุกวัน บทตัวร้ายคู่ปรับพระเอกวางมาให้คนเกลียดก็ทำสำเร็จคนเกลียดมันมากแต่ตอนหลังก็เขียนให้คนชอบได้อีก หรือถ้าคิดว่าเรื่องที่ตัวเองแต่งมันไปต่อไม่ไหวจริงๆก็ลองทำให้มันกระชับแล้วหาทางลงซะไปเริ่มเรื่องใหม่ ลองแต่งแฟนฟิคซักด้อมดูจะเกมหรือเมะหรือหนังก็ได้หาฐานแฟนไปในตัวพอได้แฟนผลงานแล้วก็หยอดๆว่า ผมมีผลงานออรินะครับใครสนใจไปอ่านได้นะ ลองเกาะกระแสอะไรสักอย่างไปก่อน ชญ ชช ญญ ได้หมดสตาวอ อวาตาร์งี้ สู้นะคับขอให้สักวันเป็นวันของคุณ ^×^V
>>326 เรื่องนึงในเด็กดีช่วง1-300ตอนแรกๆคนด่าพระเอกโง่กากไม่เจียมตัวเห็นแก่ตัวโลกแคบเต็มไปหมดแต่หลังจากนั้นคนแต่งก็ทำให้นักอ่านหันมาชอบพระเอกได้
เดี๋ยวนะโม่ง รี้ดของโม่งมันใจดียอมทนอ่านมา300กว่าตอนจนพระเอกเก่งได้เลยเหรอ โคตรใจดี
ยุคนี้3ตอนแรก ไม่มีแววเก่ง แทบจะเทกันหมด จึงไม่แปลกใจทำไมต้องเอาระบบมาช่วยถึงพอขายได้
>>327 เรื่องนั้นพระเอกมันเก่งอยู่แล้วเก่งในระดับนักกีฬาต่อสู้อะแต่เหนือฟ้ายังมีฟ้าแค่มันมีคนเก่งกว่าแล้วเรื่องมันมีจุดเป้าหมายตัวละครรอบข้างพระเอกน่าสนใจคนแต่งวางเซ็ทติ้งและระดับพลังดีด้วย แต่นิยายสมัย10กว่าปีที่แล้วด้วยแหละสมัยเด็กดีบูมๆและไม่มีนิยายจีนทะลุมิติครองชาร์ท
ตั้งแต่กูกลับมาเขียนลงเด็กดวกเกือบ 10 ปีที่แล้ว มันก็นิยมพระเอกเก่ง ด่าพระเอกกากมาตลอดละนะ
เอาจริงกูอยากลองเขียนตัวเอก sigma male แบบที่โม่งเบียวมันฝอยออกมานะ แต่พอจินตนาการตามแล้วกูขนลุกอะ ไม่ใช่สไตล์เลยจริงๆ
อยากอ่านตัวเอกที่เป็น sigma loli ไม่เคยเห็น
>>331 ซิกม่าเมลอะไร ศัพท์แปลกๆอีกละ เอาจริง กุไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลย
ตอนเด็ก3ขวบ กุตกบันได หัวแตกเย็บ10เข็ม หมดสติทันที บันไดไม้นะ ดังนั้นสมอง กุยังดีอยู่ แต่กุมีแผลเป็นที่หน้าผากรอยบาก แต่เป็นสิ่งที่ถือว่าโชคดีที่สุดของกุก็ว่าได้ อย่างที่เขาว่ากันว่า วาสนามักมาในคราเคราะห์
เวลาลูบแผลเป็น ความหวาดกล้วจะเข้าท่วมตัวกุทันที มันฝังลึกในร่างกายคนเรา จิตใต้สำนึก
ทำให้กุมีนิสัยประหลาด คือ ขี้ระแวงสุดขีด ขึ้นมา
อะไรที่คนปกติไม่ระวัง กุระวังไว้ มีแผน2แผน3แผน4แผน5
ทำให้กุต้องมีความมั่นคง รอบครอบ และใจเย็น
ซึ่งกุว่าความหวาดกลัวไม่ได้แย่
ถ้ากุดีใจจนเกินไป กุจะลูบแผลเป็น เพื่อควบคุมตัวเอง การดีใจเกินไปจะนำอันตรายมาสู่ตัวเรา
ถ้ากุเสียใจจนเกินไป กุก็จะลูบแผลตัวเองให้กุได้สติไม่โดนอารมณ์ควบคุม จนตอนนี้ความหวาดกลัวก็กลายเป็นแกนหลักของตัวกุไปแล้ว
ถ้าไม่มีมัน กุคงไม่เป็นตัวกุแบบทุกวันนี้
กุเชื่อนะว่าความหวาดกลัวสามารถมอบให้ผู้อื่นได้ เหมือนที่คนอื่นเจอเหตุการณ์ต่างๆมา ก็แตะคนอื่นเป็นสีดำได้
และนอกจากนี้กุยังเอาไปใช้กับการเล่นหุ้น หมากรุก กับpokerด้วย และอื่นๆอีกมากมาย บางทีเมิงก็อาจมีพลังก็ได้ แต่เมิงแค่ไม่เคยสังเกตุกันแค่นั้น
ความมืดกับแสงสว่าง เป็นของคู่กัน
ถ้าไม่มีความมืด ก็ไม่มีแสงสว่าง พูดไปโลกนี่ก็มีคนที่เกิดจากสิ่งพวกนี้เหมือนกัน มันน่าค้นหานะว่าไหม
ทำไม แนว แฟนตาซี แบบrpg มันถึงนิยมในระดับสากล
>>335 ปูทางมาดีผ่านเกม RPG ญี่ปุ่น แล้วฝั่งยุโรปก็เล่น Table top RPG แนว Sword and magic มาเองก่อนแล้วด้วย
มันแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันไปมาน่ะ คนญี่ปุ่นเห็นฝรั่งเล่น DnD แล้วเห็นว่าเข้าท่า เอามาต่อยอด เพิ่ม Lore เพิ่มองค์ประกอบอื่นๆ ลายเส้นมังงะญี่ปุ่นวาดสวยออกตีตลาดต่างประเทศ พอเริ่มเป็นที่นิยมมันก็แพร่หลายไปได้เอง แต่เอาจริงๆ พอเวลาผ่านไป ความนิยมของโลกมันก็เปลี่ยนตาม เรื่องของ RPG แฟนตาซีเลยกลายเป็นแต่เซตติ้งอย่างนึง เป็นพื้นหลังของแนวต่างๆ ที่กำลังฮิตแทน (เช่นแนวเกิดใหม่ต่างโลก, แก้แค้น)
ทั้งเกม นิยาย หนัง พักหลังๆ มันก็ไม่ค่อยมีเพียวแฟนตาซีออกมาขายบ่อยแล้ว แนวเกี่ยวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ โลกอนาคต หรือโลกหลังยุคล่มสลายจากสงครามก็มีเพิ่มขึ้นมากละ
>>335 ต้องถามกลับดีกว่าว่าทำไมมันถึงจะไม่ล่ะ?
ส่วนตัวกูมองว่าแนวแฟนตาซีคลาสสิคถ้าแต่งดีๆ มันค่อนข้างจะครบรสในตัวอยู่แล้ว ความหลากหลายของตัวละครและความสัมพันธ์เอย ความละเอียดของเซ็ตติ้งและพื้นเพของโลกเอย ความแตกต่างและวิถีชีวิตที่มึงไม่ได้เห็นในโลกประจำวันบ่อยๆ เอย เหลือแค่การเล่าเรื่องผูกเรื่องกับการแต่งให้จบเนี่ยแหละที่จะทำให้มันดีหรือไม่ดี แต่พวกที่ดีๆ มันก็จะดังในระดับสากลแบบที่มึงว่านั่นล่ะ ต่างกับพวกที่ดัดแปลงจากแนวนี้มาแบบอิเซไคหรือ rpg หน้าต่างสเตตัสที่ถึงดังมันก็ดังแบบประเดี๋ยวประด๋าว ผ่านไปไม่กี่ปีก็โดนเรื่องใหม่ๆ กลบหมดแล้ว
ติดแค่ว่าแม่งขายไม่ได้ในโซนนี้เพราะเทสคนพักหลังๆ แม่งเสพติดแต่ความฉาบฉวยเนี่ยแหละ ปูพื้นนิดหน่อยก็ว่ายิืด ตัวเอกไม่เทพซ่าไม่เฟียสกีตบคู่แค้นเก่าด้วยตัวคนเดียวในไม่กี่ตอนไม่ได้แม่งก็บอกกากกูดรอปละ
>>337 คนนิยมเยอะ คนอยากเกาะกระแสเยอะ การแข่งขันยิ่งสูง แก่งแย่งชิงผู้บริโภคไม่สนความเท่าเทียม ความกดดันรุนแรงขึ้น ความเครียมสะสมทวีคูณ ผู้แพ้ต้องถอนตัวจากการแข่งขัน ผู้ชนะต้องแบกรับความเครียดต่อไป
>>335 ตอบแบบกำปั้นทุบดิน กลุ่มคนเจน z เจน alpha เกิดมามีเกมให้เล่นตั้งแต่เด็ก เจน z เกิดทันช่วง FF7 สมัยเพลย์1 แต่ได้เล่นก็น่าจะประมาณยุค FF12 หรือ half life 2 เด็กเจน alpha ก็นึกไม่ออกว่า แฟนตาซีปราศจากระบบเกมอย่างโทลคีนกับแฮรี่พ่องตายมันถึงยิ่งใหญ่กว่านิยายระบบสมัยนี้ยังไง
คำตอบของผู้อ่านนะไม่ยากหรอก วงการเพลงก็ไม่แตกต่างกัน บูมเมอร์โตมากับเพลงลูกทุ่งลูกกรุง เอาค่านิยมส่วนตัวไปให้คนรุ่นหลังฟัง ผลตอบคือไม่อิน คนรุ่นหลังติดใจ j-pop k-pop หรือ heavy metal มากกว่า ไม่มีทางรู้ว่า เมื่อเจน alpha อายุ 50 ปีขึ้นไป ลูกหลานตังเองจะมีรสนิยมชื่นชอบเพลงตรงกับพวกเจน alpha สมัยวัยรุ่นรึเปล่าล่ะ
เพราะงั้น ถึงแม้ปัจจุบัน แนวคิด rpg ระบบตัวช่วยของแฟนตาซีจะเป็นที่นิยม ในอีก 20-40 ปีต่อมา จะยังใช้ได้กับเด็กที่เป็นลูกๆของพวกเจน alpha เหมือนเดิมอีกมั้ย
เรารู้สึกว่า ถ้าเพิ่งเริ่มแต่งนิยายเรื่องใหม่ ถ้าแต่งแนวจีนไม่เป็น แต่งแนวrpg fantasy มีตัวเอกเก่งๆ เวลอัพไปเรื่อยๆ จะเซฟสุด
โม่งเห็นด้วยไหม
>>341 กูก็เริ่มต้นมาจากจุดนี้แหล่ะ แรกๆ คือเขียนแบบตามใจตัวเองอย่างโคตรจะมือสมัครเล่นเลย ถ้าย้อนเวลากลับไปได้คงอยากตะโกนด่าตัวเองว่า "มึงเอามือพิมพ์หรือเอาปลายตีนเขี่ยจอถึงได้นิยายแบบนี้ออกมา"
แต่ด้วยความที่ชอบอ่านนิยายคนอื่นด้วย อ่านมากๆ มันก็ซึมซับ เริ่มเรียนรู้ที่จะยืมมาใช้ เวลาแต่งเองมีโดนคนอ่านทักเหมือนกันว่าฉากนี้ของกูคล้ายเรื่องนั้นเลย หรือคำพูดประโยคนี่มันมาจากตัวละครนี้ชัดๆ ซึ่งมันก็ช่วยไม่ได้เพราะฝีมือการดัดแปลงของกูตอนนั้นยังกากอยู่ พอนานๆ ไปถึงจะสามารถยืมมาใช้แล้วคนอ่านจับไม่ได้ว่าเอาแรงบันดาลใจมาจากไหน แต่อารมณ์ความประทับใจในฉากยังดีพอๆ กัน และต่อให้กูจะยังไม่เก่งแต่ก็พยายามหลีกเลี่ยงเรื่อง plagiarism เพราะการลอกคนอื่นมาทั้งดุ้นนี่มันน่าทุเรศเกิน มึงต้องเขียนจนกว่าจะจับจุดได้เองว่าควรทำยังไงถึง
ส่วนตัวกูน่ะอ่านฉากนั้นซ้ำๆ แล้ววิเคราะห์ดู ว่าเจ้าของเรื่องมันใช้วิธีเขียนแบบไหนให้เราชอบ อ่านแล้วรู้สึกว่ามันดี มันเจ๋ง ใช้อารมณ์ความคิดตัวละครหรือใช้การกระทำที่เกิดขึ้นเป็นตัวกลางในการสื่อ หรือวิธีอื่นๆ พอสรุปได้แล้วก็ลองเขียนแบบนั้นดูบ้างแล้วไปรอดูผลตอบรับจากคนอ่านเอาอีกที
สำหรับการแก้ไขความขัดใจหรือรำคาญ อันนี้ง่ายกว่าอันแรก เพราะถ้ามึงอ่านแล้วหงุดหงิดตรงไหน แค่ลองคิดว่า "ถ้ากูเป็นตัวละครนั้นแล้วโดนทำแบบนี้นะ กูจะ..." หรือ "ตัดสินใจแบบนี้ได้ไงวะ ไม่สมเหตุสมผลเลย" แล้วมึงก็แก้ต่อจากจุดนั้นในฉาก แล้วเก็บข้อมูลไว้ใช้ เผื่อบางที่ในอนาคตนิยายมึงมีเหตุการณ์แบบนี้มึงจะได้ยืมมาใช้ได้ทันที แต่มึงต้องอย่าลืมว่าการแก้นั้นควรเหมาะกับนิสัยตัวละครด้วย ถ้าการตัดสินใจทีมึงแก้ใหม่จนถูกใจตัวเองดันไปทำให้ตัวละครเกิด ooc (ขัดแย้งกับนิสัยใจคอปกติ) ก็อย่าทำเหมือนกัน เดี๋ยวจะสร้างความขัดใจอันใหม่ให้คนอ่าน
เช่นตัวเอกบาทหลวงสายบุญจิตใจเมตตา อยู่ดีๆ ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อปลดแอกคนยากจน เอาไม้กางเขนไล่ทุบหัวทหารตายเรียบ แบบนี้ก็ไม่ไหว ถึงมึงจะหงุดหงิดที่ชาวบ้านยอมให้พวกขุนนางเอาเปรียบเรื่อยๆ ก็ตาม แต่เอาตัวละครอ่อนแอที่วันๆ ทำแค่สวดมนต์มาบู้แหลกมันก็คงไม่ได้ มึงต้องหาวิธีอื่นมาใช้จัดการตัวร้ายแทนแบบที่อ่านแล้วจะไม่ทำให้คนอ่านร้องอิหยังวะในใจ ซึ่งก็วนกลับไปตรงที่มึงอ่านนิยายมาเยอะแค่ไหน เคยอ่านเจอเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้มั้ย เรื่องอื่นๆ เขาเขียนให้แก้ปัญหายังไง ละเลือกมาสักอย่างนึงเอามาเขียนให้ออกมาโอเค
ก็คือ อ่านเยอะๆ - แก้เนื้อหาที่ขัดใจ - ยืมไอเดียที่ชอบมาใช้ ถ้าทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ได้ก็จะดีขึ้นเอง
มีใครแนะนำนิยายตัวเองบ้าง ขอแบบเหี้ยมหาญ ดุดันสะใจ ไม่มีฮาเร็ม ไม่มีโรแมนซ์
แนวให้ข้อคิด ขอแบบคุณภาพนิยายจีนนะ
แนวพระเอกเจอคนที่เทพกว่า ถ้าคิดหาทางไม่ได้
ก็ต้องคิดหาทางให้ได้ และก็มีสถานการณ์ ที่ต้องเร่งอัพเวลไรงี้ เจอวิกฤติแต่รอดมาได้ทุกสถานการณ์ เพราะความเตรียมตัว เช่น วางแผนไว้10ปี ก่อนเกิดเหตุการณ์นั้น สุดโต่ง
แล้วพระเอกต้องคิดแบบ ฉันคือคนดี ส่วนคนที่อยู่ตรงข้ามกับตัวเอง คือความเลว ต้องโดนกำจัดสิ้นซาก
กุขอยากไปไหม หมดหวังกับเด็กเขียนนิยายรุ่นนี้แล้ววะ ชอบทำตัวหน่อมแน๊ม
แล้วพระเอกต้อง ซ่อนงำประกาย
ชีวิตไม่ต้องเด่น ขอเป็นเทพในเงา พระเอกไม่เปิดเผยพลัง แต่ก็รู้จักทดแทนบุญคุณ ไม่ชอบติดค้างใคร แล้วก็ไม่หื่นกามแบบกัด้วย
>>351 มันหมายถึงมุกหนังจีนเก่าๆ ที่ตัวเอกต้องวางแผนไว้ล่วงหน้านานมากเพื่อให้ตัวเองได้เปรียบตอนจะเข้าต่อสู้ เพราะถ้าสู้กันตรงๆ กับตัวร้ายไม่ไหวมีแต่จะโดนฆ่าตายฟรี อธิบายแบบนี้คงเข้าใจยาก เดี๋ยวกูจะให้ตัวอย่างมึงอ่านก็แล้วกัน
เรื่องมันเริ่มตรงที่ตัวร้ายเคยฆ่าพ่อแม่ตัวเอก ตัวเอกรอดตาย ถึงจะแค้นมากแค่ไหนแต่ก็ทำไรไม่ได้เพราะตอนนั้นยังกากอยู่ ระหว่างที่ตัวเอกเร่ร่อนไปตามเมืองต่างๆ แบบคนไร้บ้าน ได้อาจารย์ท่านหนึ่งเมตตาช่วยรับเลี้ยงเพราะเห็นว่ามีหน่วยก้านดีพอจะฝึกวิชาได้ ก็ฝึกวรยุทธควบคู่กับวิชาลมปรานไปตามปกติ พร้อมกับเก็บความแค้นไว้ในใจ
สาเหตุที่ตัวร้ายมาฆ่าครอบครัวตัวเอกเป็นเพราะตระกูลของตัวเอกมีสูตรยาเพิ่มพลังลมปรานอะไรสักอย่าง ตัวร้ายอยากได้ยานี้มากแต่ขอซื้อเท่าไหร่พ่อกับแม่พระเอกก็ไม่ยอมขายสูตรปรุงยาให้ สุดท้ายเลยวางแผนเข้าปล้นหนังสือสูตรยาตัวนั้นแล้วฆ่าทุกคนในบ้านเพื่อปิดปาก
ตัวเอกที่ควรจะตายไปแล้วจากคมกระบี่รอดมาได้ราวกับปาฏิหาริย์ ด้วยเหตุที่เป็นทายาทสายตรงหนึ่งเดียวที่ได้รับการสืบทอดความรู้ทางยามาจากผู้เป็นพ่อ พอรู้ว่าตัวร้ายชิงสูตรยาตัวไหนไปก็เริ่มปูทางวางแผนตั้งแต่ตอนได้รับการชุบเลี้ยงทันที
ตัวเอกรู้ว่ายาเพิ่มพลังลมปรานนั้นมีผลข้างเคียงที่ไม่ได้เขียนไว้ในตำรา ว่าถ้าใช้ยาตัวนี้แล้วลมปรานจะเพิ่มพูนได้อย่างรวดเร็วก็จริงแต่ความต้านทานต่อวิชายุทธสายพลังเย็นจะลดต่ำตามไปด้วย เลยจงใจขอให้อาจารย์สอนวิชาฝ่ามือสายน้ำแข็งให้ตน ฝึกวิชากระบี่เงินอ่อนที่เน้นการกวัดแกว่งมากกว่าการทิ่มแทง แล้วทำงานเก็บเงินสะสมไว้ซื้อแร่เหล็กที่ขุดได้จากยอดเขาเก้าหิมะ เอาไว้ตีเป็นกระบี่อ่อนที่แผ่รังสีความเย็นได้เมื่อได้รับปรานจากมือผู้ใช้
ตามหลักการแล้วเมื่อเวลาผ่านไป ยิ่งอายุมากขึ้นพลังของผู้ฝึกยุทธก็จะเพิ่มขึ้นตามเวลาที่ฝึนฝน ทำให้ตัวเอกที่ตอนแรกเป็นแค่เด็กในตระกูลทำยาไม่มีทางตามทันตัวร้ายที่ฝึกพลังยุทธมาตั้งแต่แรกได้แน่ๆ แต่คนเขียนก็ทำให้คนอ่านได้พอมองเห็นว่าตัวเอกมีการพัฒนาทางวิชายุทธที่ดี และเตรียมพร้อมสำหรับการสู้ศึกสุดท้ายมาพอสมควร แต่การเตรียมตัวนั้นจะเพียงพอหรือไม่ก็ต้องตามอ่านกันดู
พอเดินเรื่องมาถึงจุดที่ 70-80% ก็เป็นฉากตัวเอกบุกไปยังสำนักที่ตัวร้ายเป็นเจ้าของอยู่เพื่อท้าดวล ประกาศตัวว่าเป็นใคร มาเพื่อแก้แค้นที่ตัวร้ายเคยฆ่าพ่อแม่ตัวเองไว้ ถ้าไม่อยากเสียชื่อต่อหน้าบรรดาลูกศิษย์ก็ให้ออกมารับคำท้าแต่โดยดี แล้วก็ตามสูตรแนวนี้คือตัวร้ายก็จะใช้ลิ่วล้ออย่างพวกลูกศิษย์ที่มีฝีมือหน่อยมาตัดกำลังตัวเอกก่อน อาจส่งมาสัก 3-4 คน จะได้ดูเชิงว่าตัวเอกต่อสู้แบบไหนพร้อมกับทำให้ตัวเอกเหนื่อยล้าไปด้วย
พวกศิษย์เอกจะสู้กับตัวเอกได้อย่างสูสีแต่ก็แพ้ไปทั้งๆ ที่ช่วยกันรุม ตัวเอกจะไว้ชีวิตคนพวกนี้เพราะไม่ได้มีความแค้นต่อกันและเข้าใจว่าทำตามคำสั่ง จากนั้นพวกศิษย์ที่กระจอกกว่านี้ก็จะเข้ามาหิ้วปีกศิษย์พี่อาการปางตายออกไปจากลานประลอง เป็นสัญญาณให้บอสใหญ่ต้องลุกขึ้นแล้วลงมาจัดการด้วยตัวเอง
เปิดฉากด้วยการต่อสู้อย่างดุเดือด แต่ด้วยความที่ต้องสู้อย่างต่อเนื่องทำให้ตัวเอกค่อนข้างเสียเปรียบ สถานการณ์จะค่อยๆ เลวร้ายลงจนตัวเอกเข้าตาจนได้แผลเพิ่มขึ้นและแทบจะพลาดท่าเป็นพักๆ แต่ระหว่างนั้นตัวร้ายรู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่างที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ พอตัวเอกสังเกตเห็นก็เริ่มพูดอย่างเบียวๆ ว่า "มันเริ่มต้นขึ้นแล้วสินะ ผลกรรมที่เจ้าก่อเอาไว้"
ตัวร้ายจู่ๆ ก็สายตาพร่ามัว การมองเห็นค่อยๆ มืดลงจนแทบจะคล้ายคนตาบอด ร่างกายขยับได้ยาก การตอบสนองก็ช้าลงไปอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทั้งหมดเกิดจากสาเหตุสองประการ คือการสูดเอาไอเย็นในพื้นที่ต่อสู้เข้าไปเรื่อยๆ หลังจากพระเอกแอบปล่อยไอเย็นจากคมกระบี่ออกมา กับฤทธิ์ของยาพิษที่จะกำเริบเฉพาะในเวลาที่เหยื่อได้รับไอเย็นจากวิชายุทธเข้าสู่ร่างกายต่อเนื่องนานเกินไป
ตอนที่ตัวร้ายกำลังสั่นสะท้านเพราะพิษไอเย็น ตัวเอกก็อธิบายว่าไม่เสียแรงที่คอยแวะมาปลูกต้นไม้บางชนิดไว้รอบๆ สำนักนี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา คงไม่มีใครนึกว่าเด็กหนุ่มหน้าตามอมแมมที่มาเก็บของป่าขาย จะเป็นลูกชายของคนปรุงยาผู้ล่วงลับ ดอกของต้นไม้ที่ว่าจะส่งกลิ่นหอมจางๆ ไปเป็นวงกว้างแต่ไม่มีผลอะไรกับผู้ดมจึงไม่สามารถตรวจพบได้ว่ามีพิษ
"ข้ารอเวลาอยู่นานหลายปีให้ต้นไม้เหล่านี้เติบโตพอจะออกดอกและใช้ประโยชน์จากมันได้ และในวันนี้ยามที่ดอกหิมะโปรยเบ่งบาน นั่นก็ถือเป็นวันตายของเจ้า!"
ว่าจบตัวเอกก็ซัดผ่ามือภูติเหมันต์เข้ากลางหน้าอกตัวร้ายจนกระอักเลือด แม้พลังยุทธจะแตกต่างกันอย่างมากแต่ผลจากการกินยาเพิ่มลมปรานติดต่อกันเป็นเวลานาส่งผลให้วิชาสายเย็นทะลุการป้องกันของกำแพงลมปราน ตัวร้ายทำอะไรไม่ได้กลายเป็นเป้านิ่งให้ให้ตัวเอกตัดหัวด้วยกระบี่เงินอ่อนอย่างง่ายดาย ปิดฉากการแก้แค้นที่ต้องใช้เวลาเตรียมการนานหลายปีลงในพริบตา
บรรดาลูกศิษย์หลายสิบคนได้แต่ยืนมองด้วยแววตาพรั่นพรึง ตอนตัวเอกถีบร่างเจ้าสำนักจนหงาย เช็ดเลือดจากคมกระบี่ด้วยเสื้อผ้าบนตัวศพ แล้วเดินจากไปพร้อมสายลมเย็นยะเยือก
ตัวเอกจงใจหายไปจากยุทธภพ เปลี่ยนชื่อแซ่ตัวเองใหม่ จ้างแพทย์ขูดกระดูกเพื่อเปลี่ยนแปลงโครงหน้า แล้วไปเข้าทำงานในสำนักคุ้มภัย ส่งตั๋วแลกเงินไปยังบ้านของอาจารย์ที่เคยสอนวิทยายุทธให้ ลูกสาวอาจารย์ตอนรับของมาก็พบตั๋วแลกเงินจำนวนมากอยู่ภายในพร้อมกับจดหมายสั้นๆ
"โปรดดูแลท่านอาจารย์แทนข้าด้วย"
จบเรื่องตามหลักการ -บุญคุณต้องทดแทน หนี้แค้นต้องชำระ- ที่ตัวเอกไม่กลับไปสำนักเดิมเพราะคิดว่าตัวเองมือเปื้อนเลือดไปแล้ว ถึงรู้ว่าลูกสาวอาจารย์มีใจให้แต่ตนคงไม่คู่ควรพอจะโอบกอดนางอีกต่อไป ก็เลยเลือกทำแบบนี้แทน
ตอนแรกว่าจะเล่าย่อๆ สุดท้ายล่อซะเก็บเต็มเรื่อง กูนิ
มีข้อมูล 2 ข้อที่กูลืมบอกไปข้างบนคือคนเขียนอ้างเรื่องเซตติ้งเกี่ยวกับสถานที่ตั้งของสำนักตัวร้ายว่าอยู่ในหุบเขา ซึ่งกูเข้าใจว่าถ้าสำนักตั้งอยู่บนยอดเขาแล้วมุกใช้พิษทางอากาศด้วยการปลูกต้นไม้ล้อมสำนักไว้จะใช้ไม่ได้ เพราะมันจะดูไม่สมเหตุสมผล (ต้นไม้อยู่ต่ำกว่าพื้นที่และอากาศไหลเวียนได้ง่ายกว่าบนยอดเขา) กับเรื่องที่ว่าตัวเอกก็ดมไอเย็นจากกระบี่เหมือนกันทำไมถึงไม่โดนพิษ ตอบได้ง่ายๆ ว่าเป็นเพราะกูแดกยาต้านพิษก่อนมาบุกแล้วไงสัส
เอาจริงๆ นิยายจีนเก่าๆ ที่ดีมีเยอะนะ มุกอาจจะซ้ำไปบ้าง อย่างบังเอิญเจอคัมภีร์วิชาเทพซ่าส์ก่อนขึ้นเป็นเจ้าสำนัก หรือการแก้แค้นกันไปมาของตัวละครในเรื่อง (ซึ่งไม่ต่างอะไรกับไปต่างโลกที่ฮิตกันตอนนี้) แต่เรื่องการวางโครงเรื่องกับข้อคิดและคติสอนใจมันทำได้ดีจริงๆ ทำให้คนมองเห็นว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว และการหนีไปอยู่ชนบททำไร่ไถนาของพระเอกนางเอกตอนจบเรื่อง ทำให้ชีวิตสงบสุขมากกว่าการท่องยุทธภพเป็นไหนๆ เพราะถ้าไม่ต้องเจอผู้คน มึงก็ไม่ต้องเจอความขัดแย้ง แต่ปัจจุบันนี้มันทำได้ยากแล้ว ถ้าไม่อยู่ทำงานในเมืองใหญ่ก็มีแต่จะอดตาย ใครอยู่ในวัยทำงานแบบกูก็สู้ต่อไปนะ
>>352 >>353 >>354 ถูกตามนี้ เลย
กุชอบเตรียมตัวให้พร้อม สั่งงานวันนี้เสร็จเมื่อวาน
แบบทำให้คนอื่นแปลกใจได้ตลอดอะ
กุก็แค่อ่านนิยายที่ชอบ โดยไม่สนว่าแนวไหนฮิต
หลักๆมันก็แค่นี้แหละ แต่จะได้แนวคิดใหม่จากที่อ่านไหม จนคู่แค้นเคยมาบอกกับกูละนะ
ว่า3ปี กุยังไม่ลืมความแค้นหรอ
กุจะเป็นความหวาดกลัวไร้สิ้นสุดให้เมิงเอง55555+ ไม่ว่าหน้าไหนก็ดาหน้าเข้ามาพร้อมกันเลย!
https://i.imgur.com/5JjaSDj.png
ถ้าชีวิตจริงเหมือนในนิยายกุคงเป็นตัวแบบนี้
ว่าไปคงเป็นเพราะกูไม่เคยอ่านนิยายจีนแท้ๆ ด้วยล่ะมั้งถึงไม่อินกับแนวนั้น นอกจากสามก๊ก (ฮา)
สมัยก่อนกูอ่านแต่นิยายไต้หวันที่จะมีความเป็น RPG ค่อนไปคล้ายกับฝั่งญี่ปุ่นค่อนข้างสูง จะต่างกันแค่ตัวละครและวิธีการพูดคุยจะออกไปทางจีนหน่อยๆซึ่งวิธีการดำเนินเรื่องจะต่างจากนิยายจีนที่โม่งยกตัวอย่างขึ้นมาแบบคนละด้านเลย
ส่วนที่เคลมว่านิยายจีนได้ กูเคยอ่านแค่พวกเรื่องดังๆ อย่างมังกรหยก เซียวฮือยี้ อะไรพวกนี้ ซึ่งก็นับว่าเป็นนิยายจีนไม่เต็มปากอะ มันเขียนในยุคที่ยังเป็นฮ่องกงอยู่ วัฒนธรรมแล้วความคิดตัวละครมันเลยต่างกันสุดๆ เมื่อเทียบนิยายจีนยุคนี้ ส่วนเรื่องที่กูยังอ่านจนถึงปัจจุบันเหลือแค่หงสาจอมราชันย์ละ ซึ่งโดยเทคนิคแล้ว ...มันก็การ์ตูนฮ่องกงว่ะ กูสัมผัสไม่ได้เลยถึงความเบียวสุดโต่งแบบนิยายจีนที่ยกมาเลยซักนิด ถถถถ
>>358 สามก๊ก มันสอนการอ่านใจคน และมองคนทะลุปุโปร่งหลักๆมีแค่นี้
เช่นกวนอู ยึดถือความซื่อสัตย์ ไม่เคยทรยศหัวใจตัวเอง แม้จะมีจุดจบอย่างอนาถสิ้นดี
แต่ถ้าย้อนเวลาไปได้ จะทำแบบเดิมหรือเปล่า
กุจะทำแบบเดิม! บางทีจุดจบในชีวิตกุก็คงจะตกตายโง่ๆ แบบนั้นก็ได้ ชีวิตมนุษย์มันไม่ได้มีค่าขนาดนั้นหรอก แต่สิ่งที่ทำให้มนุษย์มีค่า คือหัวใจที่กล้าแกร่งต่างหาก
เปราะบางไร้ค่า ไร้ความหมาย แต่ก็เจิดจรัส อย่างที่สุดในช่วงเวลานั้นเช่นกัน
ความตายไม่น่ากลัวสักนิด
นิยายจีนกุซื้ออ่านล่าสุดคือเจินหวนสนุกดีอ่านจนตาแฉะ
>>363 ลองเขียนแนวทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ จนต้องอ้าปากค้างไหม เวลาคนมอบงานให้กุ กุจะทำเสร็จก่อนdeadline จนคนสั่งงานทึ่ง จริงดิ จริงหรอ กุว่ามันฟินดี สิ่งที่ให้เวลาอาทิตย์นึง แต่กุทำคืนนึงเสร็จ
ลองสร้างพระเอก ที่ซ่อนงำประกาย แล้วก็ระเบิดพลังขยี้ตัวร้ายในเสี้ยววิ จนตัวร้ายร้องว่า ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่เชื่อ!
ถ้าเมิงเขียนได้ทัชใจ กุอุดหนุนแน่นอน ยันเมิงเขียนจบ แล้วก็สอดแทรกแนวคิด สัจธรรม ความจริงเข้าไปในเรื่องก็ดี พระเอกแนว บงการ ไม่เน้นต่อสู้ แต่ถ้าลงมือ ก็เด็ดขาด เผด็จการ ไร้ต้าน
จนอีกฝ่าย เยี่ยวราด คุกเข่า สั่นกลัว จนเสียสติน้ำลายไหล
>>366 36 กลยุทธ์พิชัยสงคราม ซุนวู หนี คือกลยุทธ์คือ กลยุทธ์ที่ดีที่สุด
เมิงจะต้องการสมเหตุสมผลอะไร
ผู้แข็งแกร่งไม่ใช่ผู้อยู่รอด แต่คนที่อยู่รอดต่างหากคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด
เมิงแต่งนิยายเป็นไลเนียร์ เส้นตรงหรือไง
ตราบใดที่กุชนะในท้ายที่สุดก็พอ ไม่สำคัญ กุต้องเสียสละอะไร
ถ้าในเกมที่ต้องสู้กันอย่างตรงไปตรงมา กุตุ๋ยบ้านมันให้แตกก็พอ กลยุทธ์ที่ดีกว่า รบร้อยครั้งชนะ100ครั้ง คือการที่ไม่ต้องรบเลย คือการชนะที่ดีที่สุด
พิชัยสงครามซุนวู เมิงแต่งได้เยอะเลย คิดว่ากุต้องสู้อย่างยุติธรรมหรือไง ค้านสายตาก็ช่างแม่ง
สงสัยกุต้องแต่งนิยายเองซะแล้วแบบนี้ ต้องเป็นคนที่เล่นหมากรุก pokerเป็นหน่อย ไม่ใช่เขียนแต่อะไรไร้สาระ
ขอถามตามตรง สมัยนี้ พวกคนไทยที่ชอบเขียนนิยายจีนโบ จะมีสักกี่คนอยากอ่านสามก๊ก แม้มีแปลไทยวางขายมานานแล้ว
>>367 เขียนเรื่องหักเหลี่ยมมันไม่ง่ายหรอกนะ
มึงอาจจะวางโครงเอาไว้แล้วว่าจะให้จบยังไงได้ แต่การที่จะหาใส่ระหว่างทางนี่ล่ะมันไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ หรอกนะ ไม่งั้นทุกคนคงเขียน Death Note กันหมดแล้ว
อีกอย่างถ้ามึงบอกไม่เลือกวิธีการ และจะเสกให้ตัวเอกชนะทันทีแต่หาเหตุและผลมาอ้างอิงการกระทำตัวละครไม่ได้ว่ายังไง เมื่อไรและตอนไหน สุดท้ายมันก็จะเข้าอีหรอบอภินิหาริย์ Deus Ex machina หรือ Plot armor หนาเตอะและกลายเป็นเรื่องให้คนด่านั่นล่ะ
ยกตัวอย่างเด็กยุคนี้น่าจะรู้จักกันทันจิโร่ที่จู่ๆ ใช้ปราณตะวันได้นี่ กว่าจะแถว่าใช้ได้ไงก็อธิบายยาวอยู่นะ ว่าพ่อเคยได้รับการสอนมาจากคนอื่นแล้วเอามาทำตาม แล้วทันจิโร่ก็จำมาลองทำตามดูอีกต่อ ซึ่งถ้าลองไม่มีความเป็นมาอ้างอิงดูดิ มันจะกลายเป็นเด็กเส้นเหมือนแก้งแมลงสาปโกลด์เซนต์เลย
>>373 ไม่เกี่ยวว่ะ กุไม่ชอบคนเลว สิ่งที่เมิงคิดมันผิด แต่คนมักจะแยกแยะคนดีกับคนเลวไม่ออก
เหมือนผู้ชาย badbad ผญ มักชอบคิดว่าผู้ชายคนนี้ดี ไม่โง่
ส่วนผู้ชายที่เป็นคนดี ก็บอกว่าไอนี่โง่ หลอกง่าย
พูดอะไรก็เชื่อ ผชแบบนี้ละที่เป็นคนเลว
อะไรคือความเลวและความดี
ฆ่าคนคือความเลวจริงไหม ถ้ามันช่วยให้คนหมู่มากรอดได้
การช่วยเหลือคนคือความดีจริงไหม ถ้ามันทำให้คนเหล่านั้นสามารถกลับมาทำความเลวได้อีก
เหมือนกับเหรียญที่มี2ด้าน และกุไม่คิดว่า ทาเนียมันเลวนะ มันเป็นคนดี
ต่อให้คนส่วนใหญ่ชอบ และกุต้องชอบตามคนส่วนใหญ่หรือไง ถึงจะเป็นคนดี
ถ้าต้องเป็นคนดีของสังคม ตัวฉันคงเหลือทางเดียวคือต้องทำลายสังคมทิ้งซะ!
ถ้าตัวละครออกมากลวง ต่อให้เป็นคนดีหรือคนเลวก็ไม่แตกต่างกัน เป็นได้แค่ปั้นน้ำเป็นตัว
บอร์ดเด็กดวกถามอะไรเยอะแยะ ไม่ถามโม่งบ้างเหรอวะ
>>376 ที่หนีมาเล่นโม่งก็เพราะไม่อยากตอบคำถามจำไมพวกนั้นนั่นแหล่ะ ปล่อยให้กูรู เซียนคีย์บอร์ด กับสุดยอดไลฟ์โค้ชตอบกันเอา มันมีขาประจำคอยตอบให้อยู่แล้ว จะให้คนเหี้ยๆ อย่างพวกกูไปตอบ เดี๋ยวจะเสียบรรยากาศทุ่งลาเวนเดอร์เอา พูดมากเดี๋ยวเจอหาว่าอวดฉลาดอีก เอาไว้มีคนอยากรู้อะไรจริงๆ มาพิมพ์ถามในนี้ค่อยมาตอบตอนมีเวลาว่างเอา
ตอนนี้นิยายเด็กดี มีแต่สายจีน
ไอ้แนวย้อนอดีต ที่กำลังดังตอนนี้ เอาจริงๆ ก็แค่แนวจีนโบราณ ไม่ก็จีนยุค90-80 ทั้งนั้น
ตอนแรกนึกว่า แนวใหม่จะทำให้เลิกฮิตจีนโบ เสียอีก กลายว่า แนวจีนโบมันแค่กลายพันธุ์ เท่านั้น
กุจีน75% อ่านนิยายจีนผิดด้วยหรอ
แนวจีนมันกลืนเด็กดวกมาตั้ง 5-6 ปีแล้ว แล้วความนิยมก็เหมือนจะไม่ตกด้วยมั้ง
กูก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะว่าทำไมถึงยังฮิตติดลมมานานแบบนี้
แนวระบบนี่ยังนิยมต่อเนื่องเลยแฮะ ไม่ตกเลย แต่ระบบต้องน่าสนใจหน่อย ไม่ซ้ำซาก
ไม่ใช่เล่นเองสนุกกว่าดูคนอื่นเล่นหรอก แต่ทนอ่านไม่ได้เพราะระบบเกมที่เขียนมาแม่งห่วยแตกเหมือนคนไม่เคยเล่นเกมมาเขียนต่างหาก
เกือบทุกเรื่องเลยคือบาลานซ์ระยำหมาชนิดว่าถ้าเกมพรรค์นี้มีอยู่จริงๆ บนโลก มึงไม่มีทางฮิตคนเล่นเป็นล้านแบบที่เขียนอวยตามเนื้อเรื่องหรอก เจ๊งบ๊งตั้งแต่ปีสองปีแรกแน่ๆ
>>385 ก็นั้นแหละ เพราะระบบที่นักเขียนออกแบบมันมีอยู่ 2 ประเภท
1. เขียนระบบเพราะจำมาจากมังงะหรือนิยายของคนอื่น (หรืออนิเมะ)
2. เขียนระบบจากเกมที่ตัวเองเคยเล่น
ปัญหาของข้อ 1. อย่างที่มึงบอกเลย เป็นแบบนี้ตั้งแต่ยุคนิยายเกมออนไลน์ ตัวนักเขียนไม่รู้ว่าระบบที่ลอกจากของคนอื่น เอามาจากเกมจริงๆรึเปล่า ส่วนข้อเสียของ 2. คือเกมที่นักเขียนเคยเล่นมักจะไม่ตรงกับเกมที่คนอ่านเล่น บางคนแม่งเขียนระบบยังกะ mod จนคนอ่านไม่อินแล้ว จนบางทีเล่นเกมเองยังอินกว่า
ไอ้ที่น่าเศร้าจริงๆคือ สมัยนี้มีเกม idle ระบาดชิบหาย พวกนักเขียนที่โตมากับเกมแนวนี้อย่างเดียว แม่งไม่รู้อะไรซะเลยเกี่ยวกับการ Dungeons & Dragons สาย GM เพราะคอร์หลักของเกม idle คือเก่งด้วยเก็บรับของรายวัน กดสั่งบอท และเล่นกาชา พอนักเขียนตัดกาชาออกไป แม่งกลวงโบ๋เลย กลายเป็นนิยายระบบพิกลพิการ เพราะเกม idle แม่งคือทุนนิยมเหี้ยๆ ความเก่งของผู้เล่นไม่ได้มาจากฝีมือเลย แต่ได้มาจากเปิดตู้กาชาแล้วได้ตัวเทพมามั้ย พวกด่านหลังๆแม่งออกแบบสำหรับตัวเทพชุดใหม่โดยเฉพาะ ควักเงินหมุนกาชาจนกว่าจะได้ตัวเทพ ถึงจะผ่านด่านไหว พวกสเตตัสแม่งไร้สาระชิบหาย กลายเป็นเกมที่ระบบเก๋งๆก้างๆ พอเอาระบบพวกนี้ไปใส่นิยายตัวเอง ตัวเลขแม่งเวอร์สัสแต่ไร้แก่นสาร
ลืมๆ ปัญหาของเกม idle มาจากคลิปหมอนี้เลย https://youtu.be/8hlXY_kPJdY?si=2x11RFd2M8V91_Dk
เล่นเกม กุก็ ใช้บั๊กเอาชนะเกมตลอเ
หรือรู้ความลับของกาชา ก็เปิดได้ตัวเทพรัวๆ
ใช้มาโคร สคริปต์ afk farming อะไรก็ได้
ถ้าโลกนี้คือเกมก็ย่อมมีช่องโหว่ เหมือนกัน
เช่น กฏฟิสิกส์ ที่ทุกคนในโลกนี้ต้องทำตาม
แต่คนไทยสมองกลวง แต่งเรื่องซับซ้อนไม่เป็นหรอก แล้วก็มาร้องมุแง้ ทำไมแนวระบบ ถีงขายได้นิยายที่กุแต่งขายไม่ได้ ก็เพราะไม่มีประสบการณ์การเล่นเกมแบบกุไง
อย่างกุก็เล่นมาราธอน 26 วัน เลเวล 100 คนแรกของเซิฟไทย ทุดคนก็ ชื่นชม กุหมด ว่าทำได้ยังไง เวลาที่กุทำสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ แล้วที่ง กับความสามารถกู แม่งฟินดีวะ ก็เอาเรื่องพวกนี้ไปแต่งนิยายได้ แต่กุทำได้ในชีวิตจริงหลายอย่าง
>>389 พูดตรงๆ ตามประสบการณ์คนเล่นเกมออนไลน์มาเยอะนะ ไอ้โตะนี่เป็นไปไม่ได้ที่จะไปอยู่กับกลุ่มแนวหน้า เพราะต่อให้เคยเล่น CBT มาก่อน ตามนิยายความรู้ก็นำคนอื่นไปถึงแค่ชั้น 8
ความเป็นจริงกลุ่มคนที่จะเลเวลเยอะได้เร็วในช่วงแรกคือปาร์ตี้สมดุลที่แต่ละคนเล่นเก่งกันหมด อย่างไอ้โตะที่เป็นสายโซโล่ถึงเก็บเวลได้เองแต่พอถึงจุดนึงก็จะโดนข้อจำกัดบางอย่างทำให้ช้าลงเพราะเรื่องจำนวนคน
กูเองก็พอเข้าใจคนเขียนนะว่าอยากให้โตะดูเด่น (ก็แม่งเป็นพระเอกอะ) แต่พอมองตามความเป็นจริง เกมไหนกูเล่นโซโล่มันจะเวลขึ้นช้าช่วงกลางๆ เพราะมอนฯ มันเก่งขึ้นมาก บางตัวที่พลังป้องกันเยอะก็ฆ่าช้า หรือบอสเควสตามเนื้อเรื่องที่จำเป็นต้องสู้ (เควสเปลี่ยนอาชีพหรือเควสให้อุปกรณ์ดีๆ) ถ้าไปคนเดียวนี่เหนื่อยมากเพราะถ้าไปหลายคนเวลาบอสเล็งใคร คนที่เหลือก็หรอยตีฟรีได้ พอไปเองนี่ต้องระวังเพราะมันเล็งเรายังไม่พอต้องมาหาจังหวะสวนอย่างปลอดภัยอีก
รวมๆ แล้วการลากมอนเป็นกลุ่มมาลงท่าหมู่โดยที่มีพระช่วยในตี้ยังไงก็เวลง่ายกว่าลุยเดี่ยวแบบต้องแบกยาไปตีเองคนเดียว
ดังนั้นแนวคิดเรื่องหมาป่าเดียวดายจึงเป็นการขายฝันให้เด็กเบียวไม่เคยเล่นเกมได้รู้สึกดีเวลาอ่านความ OP ของตัวเอกเฉยๆ เพราะต่อให้ได้ของดรอปมาแล้วไม่ต้องหารเพื่อนแต่การต้องลงทุนทั้งซื้อยาเอง ทั้งซ่อม ชุด/อาวุธ ที่เสียหายเพราะไม่มีเพื่อนสลับกันช่วยชนมอนฯ ทำให้ซื้ออุปกรณ์สวมใส่ดีๆ ได้ช้า ไม่เหมือนปาร์ตี้ที่เน้นจำนวนแล้วหารเท่า ยิ่งฆ่าเยอะโอกาสดรอปของหายากก็มีมากขึ้น ลงทุนไม่มาก ถึงกำไรน้อยแต่มันมาเรื่อยๆ
เรื่อง EXP ก็ด้วย ระหว่างเดี่ยวๆ ตีเอง 1 ตัวได้ exp 100 กับปาร์ตี้ 4 คน ลากมอน 5 ตัวลงท่าได้เท่ากับ 500/4 = 125 ต่อมอนฯ 1 กอง บางทีก็ฆ่ามอนฯ จบไวกว่าตีเองคนเดียว ทำให้ช่องว่างมันค่อยๆ ห่างออกไปอีก สุดท้ายปาร์ตี้ที่ทุกคนเป็นงานก็นำไปทั้งเรื่องเงินและเลเวลอยู่ดีวะโม่ง
เออ กูลืมไปว่าคนอ่านมันไม่ได้เล่นเกมทุกคน งั้นก็ช่างแม่งละกัน
>>390 ตามนั้น เกมสมัยก่อนพึ่งระบบปาร์ตี้หนักมากในช่วงกลาง - ท้ายเกม
กูยกตัวอย่างง่ายๆ คือ RO ที่คนเรารู้จักกันดีเลย เอาแบบ Classic แพทเก่าเลยด้วยเอ้า
ช่วงเลเวล 1-70 นี่จะรู้สึกว่าเก็บเลเวลคนเดียวเร็วมาก เพราะมอนฯ ที่เราตีนั้นอ่อนแอ HP เราอยู่ซักราวๆ 4-6 พัน มอนตีเข้าทีละ 300-500 โอกาสโดนตีอยู่ราวๆ 30% ผู้เล่นยังพอที่จะตีมอนตายก่อนที่มันจะตีเราโดนอยู่ทำให้เก็บเลเวลเป็นไปได้ง่าย เพราะเน้นการฆ่าทีละตัวๆ
แต่พอหลังจากนั้นตัวเกมจะอัพความเก่งมอนฯ ขึ้นแบบก้าวกระโดด ตอนเลเวลซัก 80 เราต้องไปตี Raydric งี้ ซึ่งมันเป็นมอนฯ ตัวแรกๆ เลยที่ตีเรา 1000+ ในขณะที่ HP เราตอนนั้นถ้าไม่ใช่ Knight อัพ Vit เต็มก็จะอยู่ราวๆ 4-6 พันนี่ล่ะ โดนมันฟันเข้าทีก็ร้องกรี้ดละเพราะกดยาเติมเลือดก็ไม่คุ้ม ท้ายที่สุดก็ต้องไปไหนมาไหนเป็นปาร์ตี้ พ่วงพระไปด้วยเพื่อเอาบัพให้ตัวเก่งขึ้น + ประหยัดค่าใช้จ่าย และกลายเป็นที่มาของพรีสการกุศลที่เข้าร่วมปาร์ตี้โดยไม่แชร์ exp อะไรแบบนั้น
เรื่อง exp เองก็เช่นกัน เกมเก่าๆ ระบบ exp จะมีตัวคูณเพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้เล่นในปาร์ตี้ จากที่เคยตีได้ตัวละ 100 พอปาร์ตี้กันคูณเพิ่มก็กลายเป็นตัวละ 180 งี้ ก่อนจะเฉลี่ยหารกันไป ยิ่งลากมากองแล้วลงเวททีเดียวหมดยิ่งได้ exp ไว ฉะนั้น Solo player แล้วเก่งแบบไอ้โตะนี่กูรู้สึกได้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยตั้งแต่เรื่องมันออกมาแรกๆ ทำให้กูขยาด SAO มาตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงทุกวันนี้
และกูเล่นเกมออนไลน์มาตลอด ก็ไม่มีเกมไหนที่ Solo แล้วได้ดีนะ ขึ้นชื่อว่า MMORPG เกมมันบังคับเก็บเลเวลเป็นปาร์ตี้อยู่ละ ยิ่งช่วงหลังๆ ก่อนยุคล่มสลายของ MMORPG นี่ยิ่งบังคับเลย เพราะมันเปลี่ยนไปเป็นระบบเก็บเลเวลในดันเจี้ยนส่วนตัว ถามว่า Solo ได้มั้ยก็บอกว่าได้ แต่มอนเก่งเท่าเดิมจึงไม่มีทางเร็วกว่าลงดันฯ 4 คนรุมกระทืบบอส แล้วทุกคนได้ reward เท่ากันแน่นอน
ถ้าเกมที่เล่น Solo แล้วเร็วกว่ากูยกให้แค่ Monster Hunter เกมเดียว เพราะไอ้เกมบ้านี่เลือดมอน Scaling ตามจำนวนผู้เล่นไม่พอ ถ้าผู้เล่นเยอะยิ่งทำให้มอนฯ กระจายการโจมตีไปยังคนอื่นๆ ทำให้ยิ่งสู้วุ่นวายขึ้น เทียบกับยืนดวล 1v1 กับมอนฯ รอหลบ/สวนกลับ แบบหลังจะเร็วกว่าเยอะ
ส่วนคนใช้บอท afk ใช้โปรฯ ใช้ explore นี่กูมองว่าเป็นสวะ ไม่นับว่าเป็นเกมเมอร์
พูดมาซะยาว สุดท้ายไม่เกี่ยวกับนิยายเลย ถถถถ
ต่อให้เกมกาชาครองตลาดมือถือ ก็ไม่มีนิยายใส่ระบบกาชาตามกระแสแล้วรุ่งโรจน์สักเรื่อง เพราะคนเขียนหมกมุ่นอยู่กับ P E R F E C T I O N I S T ของตัวเอกจนกลายเป็นจุดขาย ส่วนการเขียนบท ด้านตัวละคร วิธีการนำเสนอ เทียบเท่าเดอะสเน็ก
พูดถึงแนวเกมออนไลน์ ในไทยมันยังพอขายได้อยู่ไหม มีเรื่องไหนดังๆแต่แหวกแนวบ้างเปล่า เช่นมีตัวเอกหญิง เป็นnpc ไรงี้
แฟนตาซีที่ไม่ใช่ระบบยังขายได้ป่ะวะ
>>393 มันขายได้เรื่อยๆ อะ แค่ไม่ฮิตระเบิดเหมือนสมัยก่อน ถ้าเขียนดีก็มีคนอ่าน ตัวเอกมีหลายแบบมากแต่แปลกสุดที่เคยเจอคือไปเป็นมาสคอตในกิจกรรมเกมแล้วออกจากชุดไม่ได้เลยติดในเกมออกไม่ได้ซ้ำอีกรอบเพราะตัวละครบั๊ก ร่างกายในโลกจริงเลยต้องย้ายไปนอนโรงบาลแบบเติมสารอาหารทางสายยางกับใส่แพมเพิสแบบทำความสะอาดอัตโนมัติให้
>>394 ขายได้นะ ที่จริงแม่งก็ขายได้ทุกแนวอะแหล่ะถ้าคนเขียนเก่งพอ แต่แนวนิยมมันเหมือนได้บัพพิเศษเพิ่มโอกาสที่คนจะเขัามาดูมากขึ้น แบบเดียวกับยุคนิยายเกมออนไลน์เฟื่องฟูไง เรื่องไหนๆ ชื่อก็ต้องมีคำว่าออนไลน์ต่อท้าย
ถ้าเทียบเป็นอนิเมะก็แบบเรื่องฟรีเรนหรือดันเมชิ แฟนตาซีดาบและเวทมนตร์ของแท้ ไม่มีเลขสเตตัสหรือระบบเกมในเรื่อง เรตติ้งดีจากการออกแบบโลก ตัวละคร กับการเล่าเรื่อง
เล่าเรื่องเก่ง แต่สำนวนเขียนไม่เก่ง
กับ
สำนวนเขียนเก่ง แต่เล่าเรื่องไม่เก่ง
โม่งเป็นนักอ่านจะอ่านเรื่องไหน แบบไหนขายได้มากกว่ากันสำหรับนักเขียนมือใหม่
>>397 กูเลือกแบบแรกแฮะ
ถึงภาษาสำนวนไม่สวย คำผิดมี แต่เล่าแล้วสนุกน่าติดตามก็ยังพอไหว (เพราะเรื่องพวกนี้มันแก้ไขได้) ในทางกลับกันสำนวนสวยภาษาดีคำผิดน้อยแต่เล่าเรื่องชวนง่วง เล่าได้ไม่สนุก หรือขาดความสมเหตุสมผล อ่านไปร้องอิหยังวะไป แบบนี้กูทนไม่ได้
ส่วนปัจจัยว่าขายได้ไม่ได้ก็วนกลับไปที่เดิมคือมันสนุกหรือเปล่า ถ้าไม่สนุกก็ขายยากหน่อย บางเรื่องไอเดียสดใหม่ พล็อตแหวกแนว เล่าได้สนุกหรือเน้นตลก ช่วงแรกถึงจะทุลักทุเลหน่อย พอแต่งจบก็รีไรท์ขายทีหลังได้อยู่
ก็คือไปหามาก่อนว่าอันที่อ่านสนุกก้บกำลังเป็นกระแสมันเป็นแบบไหนแล้วก็แต่งตามเลย ง่ายดี
กุมีระบบเหมือนกัน ใช้งาน chatgpt
กับสั่งชอปปี้ จากต่างแดน
>>397 สำนวนเขียนมาก่อน เรื่องเล่าทุกเรื่องพื้นฐานมันเหมือนกัน
คือพระเอกกากไปจนจุดสูงสุด
ทุกเรื่องมันมีแค่นี้
แต่สำนวนเขียนมันคือ อธิบายให้คนเข้าใจง่าย ให้เด็ก ป.4 เข้าใจได้ ซึ่งหลายเรื่องแม่งเขียนอย่างกากใครจะอ่านต่อ อย่างในโม่ง
กุรู้สึกว่า นักเขียนหลายคน ยังคิดเยอะไป จับต้นชนปลายไม่ถูก
จำไว้แค่ว่า simple is the best
เออ และ เนื้อเรื่อง ปราบจอมมาร ไม่สำคัญ เท่าระหว่างการผจญภัย ว่าเราจะได้อะๆมาบ้าง มิตรภาพ ผูัคน รอยยิ้ม กุว่า นักเขียน ในโม่ง แม่ง
พยายามเกาผิดที่คัน
เหมือนที่กุเล่นเกมออนไลน์ ได้เจอผู้คน เจอสถานการณ์ที่บีบคั้น มันทำให้เราพัฒนาตัวเอง
เล่นไฟนอลแฟนตาซี เรือเหาะลอยฟ้า ภาค9 การผจญภัย ที่คาดเดาไม่ได้ เพราะแบบนั้นการผจญภัยที่มีทุกคน มันถึงสนุกไง
อืมมมม กูว่าติดปัญหาเรื่องนิสัยการเขียนของตัวเองว่ะ
คือลองสังเกตดูแล้วกูชอบให้พวกตัวเอกเผชิญปัญหาอะไรซักอย่างที่อยู่เกินมือตัวเอง ถึงจะเขียนให้พยายามแก้ไขจนถึงที่สุดแต่ก็ไม่สำเร็จแล้วสุดท้ายก็จะจัด Deus Ex machina ลงมาจัดการปัญหาทุกที ไม่ว่าทั้งในรูปแบบเหนือธรรมชาติ หรือในรูปแบบใครซักคนที่เก่งกว่ามาจัดการให้ตลอด
เรื่องเก่าๆ ที่กูเขียนมาก่อนหน้านั้นเกือบสิบปีก็ออกทำนองนั้น แล้วเรื่องปัจจุบันก็เขียนแบบนั้นอีก ซึ่งตรงนี้กูว่ากูไปเขียนขัดใจคนอ่านยุคนี้แหงเลย
ยกตัวอย่างแบบง่ายๆ นะ ตัวเอกสู้กับตัวร้ายในศึกสุดท้าย อัดอีกฝ่ายเกือบตายแต่โดนตัวร้ายระเบิดพลังสวนกลับหรือซัดทีเผลอจนร่วงงี้ และในช่วงเข้าตาจนก็จะมีตัวละครหรือเหตุการณ์อื่นเข้ามาแทรก แล้วจัดการตัวร้ายให้แทนที่จะเป็นฝึมือตัวเอกล้วนๆ ไปเลยงี้
>>401 ไม่ต้องไปซีเรียสหรอกมึง เอาจริงกูว่าการจัด Deus Ex Machina สำหรับกูคือไม่มีปัญหาเท่าไหร่นะ ตราบเท่าที่ถ้าว่ามันมีเหตุผลมารองรับที่มาที่ไปของมัน อารมณ์ประมาณว่า 'ปาฏิหาริย์แม่งเกิดขึ้นได้'
กรณีแบบนั้น กูจะแก้ด้วยการแง้มเล็ก ๆ ให้ Hints กับคนอ่านก่อนในช่วง ๆ นึง ให้รู้ว่าตัวเอกอาจมี 'พลังแฝง' บางอย่างที่ไม่รู้จะโผล่มาตอนไหน ซึ่งถ้าเป็นงั้นสำหรับกูคือเป็นมุขที่แม่งว้าวสัสมากเลยนะ
สรุปคือถ้าจะแก้ปัญหาจริง ๆ กูแนะนำให้มึงอาจลองวางบทให้ตัวเอกได้วางแผนการก่อนหน้าไปอัดกับตัวร้ายดู อารมณ์ประมาณว่า แผน A ไม่ได้ผลก็ไปใช้แผน B, C, D แม่งไปตามลำดับ พอถึงจังหวะจะโคนโดนตัวร้ายจะสี้แล้ว ก็หันไปบอกว่า 'I'm two step ahead, my man'
>>402 เรื่องทิ้ง Hints กับมีที่มาที่ไปน่ะเขียนอยู่แหละ
แต่ที่กูกังวลคือตัวเอกทำตัวไม่สมกับเป็นตัวเอกนี่ล่ะ เพราะดันเขียนให้คนรอบข้างมาจัดการปัญหาตลอด
ถ้าให้กูยกตัวอย่างเพิ่มใกล้เคียงก็คงประมาณบักชุนใน เซนต์เซย่า อะ คือตามสเปคมันเก่งนะแต่เจอตัวร้ายเก่งกว่างี้ พอสู้ไม่ได้ก็ร้องพี่ค๊าบแล้วอัญเชิญพี่อิคคิมากระทืบตัวร้ายแทนอะไรแบบนั้น เพราะในเรื่องที่กูเขียนนี่อยู่นี่ ช่วงต้นเรื่องกูให้พระรองมาลาสคิลบอสหมดเลย ถถถถ
งงว่าทำไมพวกเมิงต้องเขียนให้พระเอก เข้าตาจน แล้วต้องสู้ให้ชนะ
ถ้ากุเขียนนิยาย เจออะไรก็ตาม สู้ไม่ได้ ก็หนี
ต่อให้ต้องสละ ทุกอย่าง ลูก เมีย เงินทอง
ตราบใดที่มีชีวิตอยู่ยังกลับมาสู้ได้
ไม่จำเป็นต้องสู้ตลอด เหมือน กลยุทธ์ของซุนวู ที่บอกว่าใน36 กลยุทธ์ ถ้าทุกกลยุทธ์ใช้ไม่ได้
กลยุทธ์หนีดีสุด ในชีวิตจริง กุก็เหมือนกัน
>>404 พวกนักอ่านมันรับไม่ได้กับพระเอกขี้ขลาด ต้องสู้ตายจนกว่าจะชนะด้วยวิธีไหนก็ได้ที่นักเขียนมันโม้มา เคยลองแต่งพระเอกโง่ พลาดท่า ถูกหลอก จะแพ้แล้วรีบหนี กูแม่งโดนด่าแล้วเลิกอ่าน เรตติ้งตกหลังตอนนั้นเป็นต้นไปแถมลงทุนรีวิวตรงหน้านิยายดาวเดียวว่าพระเอกกากใจเสาะอย่าเสียเวลาอ่าน
นิยาย ลดตอนละ 6เหรียญสักที
8เหรียญกุไม่ซื้อ ไม่ได้เสี่ยนขนาดนั้น
>>406 ต่างโลกทั่วไป วางแผนรบ พระเอกเรียนประวัติศาสตร์ต่างประเทศมาบ้างในคาบชมรมกับวิชาเลือก แล้วกูกำหนดให้มันเป็นแค่เด็ก ม.ปลาย ไม่ใช่เซียนสงครามยุคกลางหรือเนิร์ดการทหาร ก็เลยมีพลาดท่าเสียทีเป็นบางคราวช่วงงานยุทธวิธี ตัวเอกกูไม่ได้เทพซ่ากำลังพยายามเรียนเวทมนตร์สายไฟอยู่ กะจะไปให้ถึงเวทเมเทโอเพราะเวลาลงใส่กองทหารในสนามรบแล้วมันชิบหายเป็นวงกว้างดี ที่โดนหาว่ากากเป็นเพราะบู้เองไม่ได้ ถ้าโดนเข้าถึงตัวก็ซี้ม่องเซก โดนบังคับว่าต้องไปทางเวทเพียวๆ มีฝึกสมาธิ เพิ่มมานา อ่านตำราเวทนั่นนี่ ถ้ามัวมาครึ่งๆ กลางๆ ไปไม่สุดสักทางก็จะใช้เมเทโอไม่ได้เพราะมานาพื้นฐานพระเอกมีน้อย (เป็นคนธรรมดาและไม่ได้มีพรสวรรค์ทางเวทมนตร์ติดตัว) ใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างแอบปนแนวฮาเร็มให้พวกทหารเก่งๆ เป็นสาวๆ รอบตัวพระเอก อยากให้ตัวเอกมีพัฒนาการทางบุคลิก แรกๆ ก็แพ้บ้าง โดนหลอก โดนหักหลังบ้าง แล้วค่อยทันคนขึ้นเรื่อยๆ เรื่องต่อสู้ก็เรียนเวทไฟไปตามเรื่อง แรกๆ ใช้ได้แค่เผาป่าล้อมศัตรูหรืออำพรางการเดินทัพด้วยควันไฟ แล้วกะจะให้เก่งแบบก้าวกระโดดตอนได้เยกับเอลฟ์แล้วคุณเธอทำสัญญาโอนภูติไฟมาให้ใช้ แต่เจ้าตัวจะมองไม่เห็นภูติในธรรมชาติและใช้เวทมนตร์ไม่ได้อีกต่อไป แถมอายุขัยหาย 99% (กลายเป็นอายุเท่ามนุษย์ซึ่งก็อาจจะเข้าทางว่าทีเมียหลวงอย่างเธอพอดี) คือกูยังแต่งไปไม่ถึงตอนนั้นไง คนอ่านมันรอไม่ได้ ติดนิสัยต้องเทพตั้งแต่แรก กะว่าให้พระเอกกูเสกอุกกาบาตมาลงกลางเมืองหลวงประเทศอื่นพร้อมกันทีเดียว (แล้วกูจะเขียนแผนการรบได้ไงถ้าจบเร็วแบบนั้น)
กูแค่อยากให้สาวๆ มีบทสลับกันใกล้ชิดกับมาช่วยพระเอกตอนมันยังกากอยู่ คือตอนจบก็เย้ดรอบวงสุกี้หม้อรวมอยู่แล้วแหล่ะแต่คนอ่านมันรอไม่ไหว
พระเอกโดนหลอกแล้วไม่รู้ ไหวตัวไม่ทัน = กาก
พระเอกเป็นนักเวท สู้ประชิดไม่ได้ = กาก
พระเอกต้องให้ผู้หญิงปกป้องช่วงแรก = กาก
พระเอกถอยตามยุทธวิทีตอนเสียเปรียบ = กาก
พระเอกโดนคนที่ช่วยตอนแรกหักหลัง = กาก
พระเอกแกล้งโดนจับแล้วแอบไปเผาเสบียง = กาก
พระเอกหมดตัวเพราะพัฒนากองกำลัง = กาก
1/5 กาก กาก กาก ไม่ต้องอ่านนะครับเรื่องนี้ โดยมิตรสหายนักอ่านหัวเกรียนผู้ชอบแนวเทพซ่าส์ท่านหนึ่ง
พระเอกเป็นนักเวท สู้ประชิดไม่ได้ = กาก
พระเอกถอยตามยุทธวิทีตอนเสียเปรียบ = กาก
พระเอกแกล้งโดนจับแล้วแอบไปเผาเสบียง = กาก
มันกากไงวะ งงใจนอ จริง
เตรียมตัวครับ อ.มาเตือน
https://www.youtube.com/watch?v=RVY25QTPUfY&t=1s
โม่งเกลียดอะไรในนิยายแนวระบบมากที่สุด
แล้วถ้าแก้ไขได้อยากแก้ไขอะไรในแนวระบบ โดยที่ยังมีระบบอยู่นะ
กูเคยอ่านแต่นิยายระบบจีนนะ ไมมึงมองว่านิยายแนวระบบ คือระบบอิงเกมที่ต้องสมเหตุสมผลวะ มองแม่งเป็นโปรแกรมโกงที่จีนชอบใช้พอ มันเอามาใช้กันเพื่อคุมเรื่อง+โกงให้คนอ่านพึงพอใจกันเร็วๆ คนอ่านเดี๋ยวนี้สมาธิสั้น(กูเอง)จะให้มานั่งอ่านความทุลักทุเลพระเอกบ่อยๆกูปิดไปหาเรื่องอื่นดีกว่า ป.ล.ไม่ได้อ่านนิยายเด็กดีนานละแค่อยากเสือก
แนวแฟนตาซี แอคชั่น ตลก พระเอกสลับเพศเป็นหญิง เราควรนับตัวเอกเป็นพระเอก หรือเป็นนางเอกดี? ยิ่งถ้าตัวละครรองส่วนใหญ่เป็นชายด้วย
แล้วเราควรตั้งเป้าขายนักอ่านเพศไหน วัยไหนดี? ชายแท้? หญิงแท้?เกย์? ยูริ?
กุใช้ chatgpt อวยพรวันเกิดน้องสาว อยู่เนี่ย และน้องสาวกุไม่น่ารู้ แบบนี้กุใช้พลังของระบบไหม
ระบบอะไรกุไม่รู้ ไม่ได้เกลียดชนะระบบให้ได้พอ
ถ้าโลกนี้เป็นเกม กุต้องชนะ
>>418 ไม่นับมึงแค่ใช้ Tools
เอาจริงนิยามของระบบนี่แม่งเริ่มเพี้ยนขึ้นเรื่อยๆ นะ ระบบในตอนแรกน่ะ มันคือหน้าต่างเควสที่จะมอบของหรือพลังให้หลังจากบรรลุเงื่อนไข เพื่อให้ตัวเอกมันเก่งขึ้นข้ามหัวตัวละครอื่นๆ หรือทำอะไรเหนือความคาดหมายได้ ซึ่งบางเรื่องก็อาจจะดีไซน์ให้ระบบกลายเป็นตัวร้ายคอยชี้โน้นชี้นี่ให้ตัวเอกทำอะไรซักอย่างเพื่อเอาตัวรอด นั่นก็เป็นระบบในอีกรูปแบบหนึ่ง
แต่บางเรื่องที่ไม่เข้าใจระบบคือมันแค่เอา Google มาใส่ แล้วบอกว่าเป็นระบบ ทำหน้าที่ถามตอบแนะนำวิธีแก้ปัญหา ฯลฯ ซะงั้น ซึ่งพวกนี้มันคือ Tools ต่างหาก
เอาเวลาที่เล่นโม่ง พอให้เก็บเงินได้หลาย ๆ แสน
แล้วเอาไปเทรด Forex ได้แล้ว
ผมเทรดไม่กี่วันได้มาแล้ว 450,000
ฮาสัส
"หือ นี่มันอะไรตัวละครหลักเปิดสูตรโกง หรือว่าเป็นโหมดคลั่งก่อนตาย" พระเอก กล่าว
ชอบพระเอกแนวนี้ว่ะ
มาอ่านห้องนี้เป็นครั้งแรก กุก็นึกว่าไอเบียวมันเรื้อนแค่ไม่กี่ห้อง นี่เล่นเรื้อนไปทุกห้องเลยหรอวะ วันๆไม่มีอะไรทำรึไงนั่งรีเฟรชโม่งทั้งวัน
นิยาย 8,500 ตัวอักษร 4 บาท ถือว่าแพงไหม หรือกุจน
ถามหน่อย นิยายเน็ต ทำไม นางเอกหรือโลลิ ไม่ค่อยมีคนเขียนให้เป็นพวกเทพซ่า ทั้งๆที่ส่วนใหญ่มีพลังop ไม่แพ้ผู้ชายทั้งนั้น
มีแต่พระเอกที่ชอบเขียนให้เทพซ่า ตีคนไปทั่ว สร้างฮาเร็ม สร้างอำนาจ สร้างอาณาจักร แต่ทีนางเอกพลังopไม่ทำแบบเดียวกัน
ตัวละครญ เทพซ่า มันไม่ค่อยได้อารมณ์เหรอ หรือแค่ตลาดไม่ชอบ
>>427 ผญ ที่เทพซ่า มันมีจริงที่ไหนวะในโลกนี้เมิงเคยเจอ ผญ สายกล้ามเนื้อซัดกับผู้ชายหรอ
แค่โดนผู้ชายต่อยก็ร้องไห้แล้ว หมัดผู้ชายกับผญ แตกต่างกันหลาย50กิโล หรือมากกว่านั้น
ไม่ได้อยากดูถูก ผญ นะ แต่ ผญคงสนแค่ว่า ฉันมีผัว op อยู่ละ ฉันจะเก่งไปทำไม ก็พึ่งผัวสิ
ว้นๆก็คอยกีดกัน ไม่ให้ผัว นอกใจ ไปตลอดรอดฝั่ง ผญ ก็จะสู้ก้บ ผญ ด้วยกันแย่งผัว
ส่วนผู้ชาย ไม่เกี่ยว เพราะ ผช มอง ผญ 2คนแย่งตัวเอง เหมือนเด็กแย่งของเล่น ครั้นจะกระทืบเด็ก 2คน ก็หาว่ารังแก ผญ อีก
นางเอกพลัง OP กูเคยเห็นส่วนใหญ่เป็นนักฆ่าที่มากับรถแลนโบกินี่
เห็นโม่งพูดถึงเทพซ่า
แล้วเทพซ่า คือยังไงหว่า พระเอก นางเอกเทพซ่า มันต้องทำตัวยังไงบ้าง
ทำไมตัวละครหญิงจะไม่มีเทพซ่า มันมีเว้ย แต่มันอยู่ในหมวดนิยายจีนโบราณซะส่วนใหญ่ หรือหมวดอดีตปัจจุบันอนาคตของเด็กดวก ไม่ได้มาอยู่ในหมวดแฟนตาซี ถ้าลองไปอ่านดูแต่ละเรื่องแม่งมาแนวเดียวกับแนวตัวเอก OP เลยสัด ย้อนเวลาไปอยู่อดีตงี้ เอาความรู้มาประยุกต์ใช้ ได้พลังนั่นโน้นนี่ อยู่เหนือชาวบ้านงั้นงี้
ที่มีไม่เหมือนกันก็คือตัวร้ายไม่มีสมองที่จะโผล่มาให้ตัวเอกตบทิ้งในหน้าเดียว ส่วนใหญ่จะเปลี่ยนตัวร้ายเป็นชายแทร้ หรือตัวละครหญิงร่านเงียบ ตอนผงาดนี่ขึ้นอย่างหงส์ แต่พอโดนตัวเอกตบตอนลงนี่อย่างหมาต้องคลานมาขอขมาอะไรเทือกนี้
สเกลเรื่องจะย่อลงมาอยู่ในระดับประเทศเท่านั้นและมักจะจบในไม่กี่เล่ม ในขณะที่เรื่องที่ตัวละครชาย OP แม่งจะยิงยาวไปเรื่อยๆ หลายเล่มหลายร้อยตอน สเกลเรื่องอัพขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นไปตบกับเทพในท้ายที่สุดอะไรทำนองนั้น
>>431 เออ พูดเห็นภาพ
ตัวละครเอก ญ ในนิยาย มันจะเรื่อยเปื่อย มักจะมีคนOP อยู่รอบตัว ไม่ต้องสู้เอง
แต่ตัวละครชาย มันจะมี event ที่ทำให้ต้องถีบตัวเอง ก้าวข้ามขีดจำกัดเรื่อยๆ
กุเลยชอบไอดอลญี่ปุ่น ในชีวิตจริง เพราะมันจะมีตัวเอก ที่ต้องใช้ความพยายาม ตลอด
แข่งขันกันสูง และมีคนโดนไล่ออกจากวง ประจำ เพราะทำผิดกฏซ้ำซาก หรือลาออกเอง มันเลยสนุก
>>433 แต่กูคิดต่างกัน พระเอก OP บางเรื่องแม่งไม่ต้องใช้ความพยายามอะไร แค่หาข้ออ้างให้คนอ่านหลงเชื่อว่าตูกำลังฝึกฝน เพราะผิดพลาดนิดเดียวจะโดนประจานว่าพระเอกแม่งกาก อย่าอ่านดีกว่า พูดง่ายๆ เอาพระเอกเก่งไปเล่น easy mode โชว์ให้ทุกคนเห็นว่ากูเก่ง จริงๆแล้ว แค่ตบกับคนที่อ่อนแอกว่าตน
กูที่อยู่หน้าคอม และขอ บอก ว่า กู ไม่ได้อยู่ลำปาง
#รีวิว หลังจากอ่านนิยาย ระบบ 1200 ตอน 900 ตอน
ตอนจบพระเอก i have no enemy และให้ข้อคิดแง่คิดระหว่างทางตลอด
กุยังไม่จุใจเลย
ถ้าพวกมึงยังอยู่ กูถามอะไรหน่อย
เพศของนักเขียนมีผลต่อการสร้างพระเอกและนางเอกแค่ไหน ตอบแง่ไหนก็ได้ เอาหมดๆ
>>437 ในช่วงพีคของชีวิต แต่ยังไม่ใช่สุดยอดนะ
เขาเตะกูลงพื้น แต่กูยังยืนหยัดอยู่
จากห้องนั่งเล่นที่เคยสบาย ไปสู่ท้องถนน
ชีวิตมันสู้แม่ง ทุกอย่างคือการต่อสู้ แต่เชื่อเถอะ กูพร้อมลุยสัส
เรื่องมันเป็นแบบนี้แหละ
ถนนสู่สวรรค์ กูขับไปคนเดียว
ถูกไล่ออกจากวงการ ทิ้งกูไว้ตายอย่างเหี้ย
ใจแข็งจนไม่เหลือใคร แต่กูยังเชื่อในพระเจ้า
จิตใจอยู่ใต้ดวงอาทิตย์ กูจะทำให้ได้
ชีวิตมันยากซะเหลือเกิน กูถือพวงมาลัย
แก้ปัญหาที่มันทิ้งไว้ให้
ไม่มีใครจะช่วยมึงในวันที่ลำบาก
ชีวิตนี้จะสอนมึงให้ล้มลง แต่กูไม่ยอมแพ้
อยู่ในเรื่องเหี้ย นี่แหละวิธีที่มันเป็นไป
ทุกคนรู้ดีว่าชีวิตไม่เคยง่าย
แต่กูยังเดินต่อไปด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้
ในโลกที่แสนโหดร้าย กูจะสู้ต่อไปเรื่อยๆ
>>437 เพศ ญ ต้องให้เพศชายชี้แนะ
นอกจากชอบอ่านนิยาย มโน delusion สวยใสไร้สมอง
อย่างเขาบอกว่า ผญ ที่ดีพ่อจะสอนมาดี และทำตามอย่างพ่อ ผญ ที่เกิดมาพ่อทิ้ง อันนี้กุเห็นปัญหาหนัก
เพศ ญ เท่าที่กุเจอถ้าอยู่ในความเป็นความตาย
จะมีความลังเล ไม่กล้าตัดสินใจ นั้นก็ตัดสินผลแพ้ชนะได้แล้ว
ยกตัวอย่าง ผช คิดใหญ่จะไปอวกาศ ยังไง
แต่ ผญจะถาม เรื่อง ที่ทำงาน ผู้ชาย ทำไมถึงไม่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ ทางเพศ
ดังนั้นมันก็ต่างแน่นอน เพราะ ผญ เขียนนิยายจอมบงการ ไม่ได้ (ไม่ใช่เล่นเกมตามจับผช)
>>437 อาจจะไม่ทั้งหมดแต่ก็คิดว่าคงมีผลอยู่ อย่างที่กูเห็นบ่อยๆ ก็แบบถ้าพระเอกหรือนางเอกมีฝั่งใดฝั่งนึงที่รวยหรือบารมีล้นฟ้าเหี้ยๆ เนี่ย กูจะนึกไว้ก่อนเลยว่าอันนี้ผู้หญิงแต่ง ส่วนผู้ชายก็ตรงกันข้ามคือสองฝ่ายอาภัพพอกันทั้งคู่แล้วให้สาวหรือหนุ่มอื่นมาติดด้วยเหตุผลแบบอื่นแทนอย่างฝีมือเก่งกาจ รูปลักษณ์หล่อสวย หรือความใจดีอะไรงี้
ส่วนตัวคิดว่ามันสะท้อนความต้องการลึกๆ ของคนแต่งและคนอ่านทั้งสองเพศนี้ด้วยน่ะแหละ ผู้ชายอยากได้การยอมรับจากคนอื่น ผู้หญิงอยากได้ความมั่นคงความเอาใจใส่
เออ มีอีกอย่างที่ชัดว่า ผญ เขียน ประมาณชอบแนวตัวเองโดนรังแก และก็็ไต่เต้ามาจนล้างแค้นคนที่้คนรังแกให้สาสม แม่งมีแค่นี้ละเนื้อเรื่องหลักๆ
ซึ่งกุงง ว่าเมิงจะเขียนให้ตัวเองโดนกลั่นแกล้ง
ผช จะเป็นNPCโง่ๆ เทพบุตร
ในเรื่องมีแค่การสู้กัน ระหว่าง ผญ สเมือนว่า ผู้ชายไม่มีตัวตน
กุก็งง ว่า พวกเมิงชอบเรื่องพวกนี้ไปได้ไง น้ำเน่าขัดๆ หลักๆ เป้าหมายของนางเอก คือ การชำระแค้น
437 ไม่มีผลใดๆทั้งสิ้น
เวลามึงเขียนนิยาย มึงคือพระเจ้า มึงคือผู้สร้างโลก มึงคือผู้ปกปักรักษา(ให้ใครรอด ใครสมหวังก็ได้) มึงคือผู้ทำลายจะให้ใครอยู่ใครตายก็ได้)
ยกตัวอย่าง กูเองเป็นผู้ชาย
แต่กูเคยจินตนาการสร้างนางเอกสาวสวย ที่มีพลังที่ควบคุมทุกสรรพสิ่ง บิดเบือนธรรมชาติ บิดเบือนทุกตรรกะ เป็นอมตะ ฆ่าไม่ตาย ไม่สามารถถูกสาป แต่สาปใครก็ได้ แปลงกายได้ ไปได้ทุกที่ถ้าอยากไป ร่างกายสะอาดสะอ้าน มีแต่ความหอม ไม่มีอะไรทำให้เธอป่วยได้ ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ไม่มีใครมอบความเลวร้ายให้เธอได้ กุนิยามธรรมชาติคือสิ่งที่ใหญ่ ทุกอนู ทุกสสาสร ทุกสิ่งที่มีและไม่มี คือธรรมชาติ แม้แต่พระเจ้าก็เอาชนะนางเอก เพราะนางเอกคือธรรมชาติ ทั้งยังสวยงามสวยจนแม้แต่พระพุทธเจ้ายังต้องตกหลุมรัก เกิดราคะได้ โดยไม่มีข้อยกเว้น มีความสามารถทุกอย่าง เรียนรู้เร็วเพียงชั่วพริบตา อิ่มทิพย์ ไม่มีวันหิวกระหาย แต่จะกินอะไรก็กินได้ มีพลังทุกอย่างไร้ขีดจำกัด อวัยวะทุกส่วน สามารถแปลงเป็นวัตถุหรือสสารอะไรก็ได้ สร้างโลก สร้างจักรวาลก็ได้ ถล่มสรรพจักรวาลได้ เพียงแค่คิดเท่านั้น
เห็นมั้ยว่า ในโลกจินตนาการ หรือผลงานการเขียน เราคือพระเจ้ากำหนดหรือสร้างตัวละครอะไรก็ได้ ให้เก่งแค่ไหน สวยแค่ไหน ร้ายแค่ไหน ห่วยแค่ไหน ลักษณะแบบไหน นิสัยแบบไหนก็ได้
แต่ว่าลูกค้าหรือผู้บริโภค ก็คือพระเจ้าของนักเขียนอีกที เพราะเป็นคนจ่ายเงิน จงสนแค่ว่า เขียนยังไงให้คนอ่านชอบและขายได้เป็นพอ ไม่ต้องกังวลเรื่องเพศตัวเองหรอก
>>443 ความสามารถขนาดนี้ ต้องมี bg ที่ยิ่งใหญ่ด้วย ถ้ามีไม่มากพอ ก็จะเหมือนตัวละครโง่
และโดนตัดจบ
กุเคยถามเพื่อนนะ ถ้ามีเงินใช้ไม่หมดจะซื้ออะไร
เพื่อนบอกต้องคิดด้วยหรอ ก็ใช้เงินซื้อทุกอย่าง
ในโลกนี้ให้หมด นั่นละความดิบเถื่อนของมนุษย์ เมื่อมีพลังอำนาจก็จะกลายเป็นคนเลว
ซื้อทุกอย่าง มันทำให้คนเดือดร้อนไง
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.