ร้อนชิบหายเลย อ่านไม่ไหว
ร้อนชิบหายเลย อ่านไม่ไหว
เคยเจอแบบยัยผมทองเหมือนกัน แต่เสริมหน่อยว่าดีกว่า(แบบแปลกๆแตกต่าง)ตรง..ผมมีเอกลักษณ์กว่าที่ค่อนข้างมืดมน
.
ผมสมัยเรียนปีแรกๆมองโลกแง่ร้าย ยิ้มบ่อยแต่เหมือนเสเเสร้งปนเหยียดและประชดเรียกว่าวอนตีนล้วนๆ แต่แปลกดีที่ไม่มีคนเกลียด การใช้บวกปรับสายตา(การขยัยกล้ามเนื้อรูปหนังตากับคิ้ว)เพื่อแสดงออกนี่ถ้าดูจากกระจกยังอึกเองเลยว่าตัวเองกำลังคิดไรอยู่ก็ไม่รู้ แถมทั้งหมดถูกจดจำมีแต่คนเป็นมิตรมาอยู่รอบตัวซึ่งทำสงสัยตัวเองมีดีอะไรนะถึงมีแต่คนคอยพยุงตลอดเวลา ตัวผมจะต่าง(กับตัวละครข้างบน)ที่ตรงไม่ค่อยเจอสายตื้อที่อยากเป็นเพื่อนแบบยันทอมในเรื่องแหะ ...
.
อ๊ะ!ใช่ว่าจะไม่เคยเจอนะ ผมเจอแค่ครั้งเดียวตอนปีหนึ่งเป็นหนุ่มหล่อขี้สงสัยจากคณะครุศาสตร์(ที่จ้วงหัวว่าแม่งตื้นเขินน่ารำคาญชะมัดแต่ก็ไม่เกลียด) และดูเหมือนผมจะถูกตีตัวออกห่างเองในหนึ่งวันแห่งความพยายามของเจ้าหมอนั่นซึ่งวันนั้นฝนตกซะด้วย ผมก็ไม่เห็นเจ้านั้นอยู่หลายปี.... ตื้นชะมัดเลยนะ ทั้งที่ทางนี้อุตสาห์เปิดหัวข้ออภิปรัชญา เช่น ความหมดศรัทธาว่ามนุษย์เป็นสัตว์ผู้มีเหตุผลหลังผ่านยุคโพสโมเดิร์น กับแนะนำหนังสือโลกของโซฟี่และนักปรัชญารุ่นเดอะ ต่างๆแท้ๆ การเมืองนู่นนี่ ความเป็นจริงและสิ่งที่ต้องจ่ายแม้จะทำตัวเมินเฉยในนาม "เป็นกลาง" ที่อ้างๆ กันของคนกลุ่มหนึ่งว่าตามจริงการอยู่เฉยก็มีราคาที่ต้องจ่ายเช่นเดียวกัน ....... ผมพูดแต่เรื่องเครียดรึไงไอ้บ้านั้นเลยหนี เฮ้อ น่าขยะแขยงชะมัด
เงียบเหงาจัง
E rank ไร้ค่าแก้แค้นเทพธิดา ได้ทำอนิเมะอีกเรื่องละ
ตอนแรกแนวออกตี้ ตอนนี้แนวแก้แค้น สงสัยกูต้องแต่งแนวนี้เพิ่มไว้บ้างเพราะดูเหมือนว่ากระแสมันกำลังมา ไอ้ที่เคยทำนายว่าจะได้ทำอนิเมะก็ทะยอยกันเป็นจริงมาทีละเรื่อง (ผู้กล้าฮิล - พี่เทพชายแดน - อยากเป็นพลังในเงามืด - เทมเมอร์กับน้องแมว - มนุษย์เทพในทัพมาร - เอลฟ์อ้วนลดน้ำหนัก)
ตอนนี้คือขึ้นอยู่กับเวลาว่า
6 เรื่องในตัวอย่างแนวแก้แค้น/ออกปาร์ตี้ กับพวกเรื่องชื่อ นิโตะฮิลกาก, การปฏิวัติของมังกรดูดวิญญาณ, คุคุคุ~ ขุนพลมารกากสุดได้เป็นครูฝึกปาร์ตี้ผู้กล้า, Live dungeon ฯลฯ อะไรพวกนี้จะได้ทำเมะตอนไหน เพราะเรตติ้งนิยายมันดีจนได้ทำมังงะ พอเป็นมังงะเรตติ้งก็ดีอีก ตามระบบเว็บโนเวลญี่ปุ่น โอกาสที่เรื่องพวกนี้จะได้ทำอนิเมะแม่งสูง เหลือแค่นายทุนค่ายไหนจะหยิบไปทำเฉยๆ
กูแม่งเสียดายที่ในไทยไม่มีระบบแบบนี้วะ ส่วนนึงมันเป็นเพราะถึงทำเมะก็ขายแผ่นไม่ได้แบบญี่ปุ่น รัฐและเอกชนก็ไม่สนับสนุน คนรักการอ่านก็ไม่ค่อยมี เลยต้องอาศัยแพลตฟอร์มอย่างเว็บนิยายต่างๆ ไป แล้วต่อให้ติดท้อปก็ไม่ค่อยได้ทำมังงะต่อเหมือนเดิม ยกเว้นคนแต่งไปจ้างนักวาดทำขึ้นมา หน้าละ 3,500 (แพงสาส)
บ่นเหี้ยไรไม่รู้ตั้งนาน จริงๆ จะมาบอกแค่ว่ากูติดงานเลยไม่ได้มาลงตัวอย่างแนวออกตี้เรื่องที่ 3 อีกไม่นานคงมาลงต่อ
บาย
>>960 ขาวดำ เส้นเนี้ยบอยู่ แต่ต้องร่างสตอรี่บอดร์ดกับวาด stickman ให้เขาคร่าวๆ แล้วเขาจะวาดสตอรี่บอร์ดแบบเต็มให้ดูตอนบรีฟรอบ 2 ก่อนเริ่มงานจริง
ส่วนมากกูจ้างวาดแทรกหน้าเดี่ยวแบบไลท์โนเวล (มีรูปท่าทางกับสีหน้า แต่ไม่มีตัวอักษร) ราคาจะถูกกว่าวาดมังงะเต็มรูปแบบ
กูบอกแหล่งไม่ได้วะ เดี๋ยวโม่งแตก
นิยายสลับเพศกูเคยสับไปเรื่องนึงแนวแฟนตาซี แต่มันไม่ใช่สลับเพศแบบ TS เป็นแนวสลับเฉพาะตอนแปลงร่างต่อสู้ก็เลยไม่นับว่าเป็นแนวสลับจริงๆ อยู่ในมู้ไหนวะ ไม่ 23 ก็ 24 เนี่ยละมั้ง
>>962 เหลือ 800 แฮะ
มันเป็นงานกึ่งคอมมิชชั่น มึงต้องมีตัวละครที่ออกแบบไว้เองอยู่แล้วก่อน บอกอุปนิสัยกับสีหน้าพื้นฐาน (อาจจะวาดกากๆ หรือใช้เว็บสร้างตัวละครที่มีปรับแต่งได้เยอะๆ ทำขึ้นมา) นอกนั้นคือขึ้นอยู่กับว่าเอาคุณภาพไหน (ร่างรัฟสเก๊ทช์หรือตัดเส้น) เอาพื้นหลังด้วยหรือไม่เอา (มีพื้นแพงกว่า) สัดส่วน (หัวถึงอก หัวถึงเอว หัวถึงเข่า เต็มตัว) ในภาพมีกี่ตัว (เพิ่มราคาตามจำนวนตัว) คอมโพสกับท่าทางต้องหาเรฟจากภาพอื่นมาว่าอยากได้ท่าประมาณไหน (ถ้าท่าพิสดารเกินอาจโดนเรียกเก็บเพิ่ม)
ล่าสุดกูเอาหันข้าง 2 ตัวละคร หัวถึงเอว สถานการณ์แบบตัวเอกำลังคว้าคอเสื้อตัวบี ตัดเส้นให้คม เอาฉากหลังโถงทางเดินโรงเรียนแบบไม่ต้องละเอียด (ได้บันไดกับบอร์ดมาอย่างละครึ่ง) รอบนี้โดนไป 800 แต่คนวาดใจดีเขาปรับ Resolution กับเว้นขอบให้วางใน A16 ได้เลยแบบภาพไม่แตก (มันสะดวกกว่าถ้าจะทำอีบุ๊ค) กับปรับ contrast รูปให้จางลงนิดๆ เหมือนภาพไลท์โนทั่วไป (เผื่อเวลาพิมพ์เล่มจะได้ไม่เจอปัญหาหมึกเลอะ) เอาจริงๆ ราคานี้ค่อนข้างถูกเพราะกูจ้างงานเขาบ่อยมาก ถ้าเป็นราคากลางในตลาดนี่กูไม่รู้แต่คิดว่าคงแพงขึ้นไปอีกไม่มาก
ตอนบรีฟเนี่ยพวกนักเขียนอย่างเราจะได้เปรียบหน่อย โยนนิยายให้อ่านแล้วนักวาดก็เข้าใจเหตุการณ์ อารมณ์ สีหน้าได้ทันที เวลาวาดตัวอย่างมาก่อน ตัดเส้น/ลงสี ก็เลยไม่ค่อยได้แก้อะไรนัก
>>964 ในไทยยังไงก็ไม่คุ้มหรอกโม่ง ถ้าเงินมึงไม่ได้เหลือใช้จริงๆ จนเอามาจ้างวาดได้แบบไม่คิดอะไร อีกอย่างคือเดี๋ยวนี้ถ้าไม่ใช่แนวเฉพาะจริงๆ คนไม่ค่อยซื้อรูปเล่มเก็บกัน
ถ้าคิดหวังทำกำไรระยะยาวมันต้องใช้เวลาเยอะพอสมควร แต่มันก็พอมีโมเดลที่ยืมมาใช้ได้อยู่ เช่น เรื่องแรกๆ ถ้ายังไม่มีต้นทุน มึงต้องเริ่มด้วยแนวตลาดแบบไหนก็ได้ที่ขายง่าย แต่ใช้ปกฟรีจากเว็บแจกภาพปลอดลิขสิทธิ์ไปก่อน เพื่อนกูใช้วิธีนี้อยู่ก็พอไปได้
ปัญหาคือมันต้องใช้เวลาสร้างฐานแฟนนานด้วยไง ถ้าไม่มีพวกแฟนคลับเดนตายที่ชอบมากขนาดเปย์ซื้อทุกตอน ทุกแพ็คแบบไม่มีเงื่อนไข ก็จะไปยังขั้นต่อไปลำบาก
สมมุติเรื่องแรกๆ ปัง จนพอมีเงินจ้างวาด เรื่องต่อมาคือเอาแค่ปกก่อน เพราะส่วนมากโดนปกหลอกเข้ามาอ่าน ได้ปกแล้วหาจ้างคนทำงานอาร์ตให้เขาวางชื่อเรื่อง กับ ผู้แต่ง, วาดปก ไปตามปกติ ไอ้เรื่องที่ 4-5 เนี่ยเป็นขั้นตอนสำคัญ เพราะถ้าปกสวยแล้วยังรักษาฐานคนอ่านไว้ได้ มันจะไปต่อได้ยาวๆ
แรกๆ คือจะไม่มีกำไรเลยนะ ถ้ามึงยังเรียนอยู่ก็ต้องประหยัด หรือถ้าทำงานแล้วก็กอดงานไว้ทำงานไปก่อน อย่าให้ขาดรายได้ จนถึงจุดที่มั่นใจว่าขายได้ต่อเดือนเกิน 7-8k ช่วงนี้ถึงจะเริ่มคืนทุน แล้วไปจ้างวาดได้เต็มที่ถ้ารักษายอดขายแบบนี้ไปได้นานๆ ถ้านิยายติดลมแบบเอาไปลงเว็บไหนก็เกาะกลุ่มกลางตารางขึ้นไปได้ตลอด คราวนี้จะจ้างวาดแทรกแบบไลท์โนเวลทุกๆ 5 ตอนก็ยังไหว หรือถ้าเล่นใหญ่หน่อยก็จ้างวาดมังงะสั้นตอนพิเศษสัก 10 หน้าฉลองปีใหม่ก็ยังได้
แต่อย่าหาทางลัดคิดใช้ภาพจาก AI มาทำปกนะ ถ้าวันนึงมีคนรู้เข้ามันชอบเอาเรื่องนี้มาโจมตี แฉให้คนถ่มถุยนิยายมึงได้ง่ายๆ แต่จะใช้ก็ได้ถ้ามึงใจถึงพอแล้วก็ไม่มีอะไรจะเสีย หรือไม่คิดจะขายนิยาย
>>965 พูดถึงปก เอไอ ความจริงตามกฎหมายเขาก็ยืนยันแล้วว่าไม่ผิดกม. แค่ไม่มีลิขสิท ดังนั้นจะใช้ขายของก็ได้ เอาจริงสำนักข่าวทุกวันนี้ภาพอินโฟ มันก็ใช้เอไอกันทั้งนั้นแต่คนไม่สังเกต
แต่เหมือนวงการนักเขียน นักวาดไทย รู้สึกถูกแย่งงานเลยต่อต้าน อารมณ์ อัศวินแบนผงดินปืน สมัยก่อนเพราะกลัวโดนแย่งอำนาจ
มือถือสากปากถือศีลอะวงการศิลปินไทยเรา บอกให้เคารพกม. แต่พอกม.ไม่เข้าข้างก็แบนกันเอง แล้ววงการนิยายเรามันจะเจริญได้ยังไง
>>967 นักวาดอะลำบากแน่นอน มึงพูดไม่ผิด แต่ในฐานะนักเขียน อะไม่ใช่
ถ้านักเขียนใช้เอไอได้ แปลว่าจะลดต้นทุนได้อีกมาก แถมไม่ต้องต่อคิวรอเป็นเดือนเป็นปีด้วย
ถ้าต้นทุนลด นักเขียนก็ขายงานตัวเองได้มากขึ้น เร็วขึ้น ง่ายขึ้น หน้าใหม่มันก็เพิ่มขึ้น แนวทีาเขียนก็เปิดกว้างมากขึ้น ไม่ใช่มีแต่ตลาดซ้ำซากเพราะทุนจมเลยต้องเอากำไรไว้ก่อน
ส่วนคิดว่าไม่แฟร์อะไร คำพิพากษาศาลมันก็ออกมาแล้ว เปลี่ยนแปลงไรไม่ได้ อีกหน่อยไม่นานกระแสคงเป็นตามนี้
แต่นี่กูพูดโดย มองจากฝั่งนักเขียนนะ ไม่ใช่นักวาด
>>968 ai มันก็ดูดงานนักเขียนคนอื่นมาเจนอีกเหมือนกันล่ะว่ะ มึงกระสันอยากใช้ ai ขนาดนั้นมึงก็อย่าเรียกตัวเองเป็นนักเขียนเลย เป็นนักตัดแปะ นักก็อปปี้อะไรก็ว่าไป นักเขียนเขาเอาไว้เรียกคนที่สร้างงานผ่านสมองตัวเองด้วยสองมือตัวเอง ไม่ใช่ป้อนคำสั่งคีย์เวิร์ดให้คอมพิวเตอร์สร้าง อีพวกใช้ ai สร้างงานก็เหมือนอีพวกซื้อข้าวเซเว่นมาเวฟแล้วเสร่อเรียกตัวเองว่าเชฟ
>>969 อ้อ สงสัยเราคุยกันผิดเรื่อง
กูกำลังคุยเรื่องเอไอกับภาพวาด ไม่ใช่เอไอกับงานเขียน อย่าพึ่งหัวร้อน ถ้าอ่านดีๆ กูไม่ได้พูดถึงเรื่องงานเขียนเลย มีแต่ภาพวาด คำพิพากษาที่กูพูดมันก็ให้สิทธิแค่ภาพวาด
ถ้านักเขียนเราใช้เอไอเจนภาพใช้เองได้ ไม่คิดหรอว่าจะได้เปรียบมากขึ้น
คนทำงานสร้างสรรค์แต่ไม่สนับสนุนงานสร้างสรรค์ ไม่ต้องพูดต่อแล้วมั้งว่าอนาคตจะไปอยู่ตรงไหน ไม่ต่างกับโรงงานจีนก๊อบผลิตภัณฑ์ออกขายคิดแต่ต้นทุนกำไรโดยไม่ให้ราคางานสร้างสรรค์
>>970 อันบนกูก็พูดถึงงานวาดจ้าว่ามันไปดูดงานคนอื่นมา มึงก็แถแถกๆว่าในมุมนักเขียนห่าแตดอะไรของมึง ทำงานสร้างสรรค์แต่ไม่สนับสนุนการสร้างสรรค์ คิดแต่จะเอาเปรียบคนในสายงานอื่นด้วยข้ออ้างหัวดอพรรค์นี้กูก็อวยพรให้นะว่าขอให้มึงโดนดูดงานเขียนไปเจน ai หัวกวยนี่ออกมาเป็นนิยายบ้าง เผื่อจะมีสำนึกว่าไม่ควรเอาเปรียบใคร
แต่จริงๆงานมึงอาจจะไม่โดนดูดไปเจนก็ได้เพราะงานมึงแม่งกระจอกเกินกว่าจะเอาไปป้อนให้ ai เจน ก็คนมันมีความคิดกระจอกขนาดนี้มันจะไปเขียนอะไรดีๆได้ ก็ได้แค่อะไรกระจอกๆเสร่อๆแบบนี้แหล่ะ
>>973
ai มันก็ดูดงานนักเขียนคนอื่นมาเจนอีกเหมือนกันล่ะว่ะ มึงกระสันอยากใช้ ai ขนาดนั้นมึงก็อย่าเรียกตัวเองเป็นนักเขียนเลย เป็นนักตัดแปะ นักก็อปปี้อะไรก็ว่าไป นักเขียนเขาเอาไว้เรียกคนที่สร้างงานผ่านสมองตัวเองด้วยสองมือตัวเอง ไม่ใช่ป้อนคำสั่งคีย์เวิร์ดให้คอมพิวเตอร์สร้าง
มึงก็เขียนมาชัดเจนว่ามึงหมายถึงเอไอดูดงานนักเขียน แล้วจะพูดได้ไงว่ากำลังพูดถึงงานวาด เขียนเองลืมเองเปล่า
>>972 นักเขียนมันไม่ต้องมีรูปไว้ดึงคนหรอกถ้าเก่งอ่ะ เจนมาเป็นร้อยรูปก็ไม่ได้ทำให้นิยายขายดีขึ้น ดีไม่ดีพวกนักอ่านที่มีความรู้หน่อยเห็น AI มันก็ไม่ซื้อละ กลุ่มนักอ่านขาประจำกุที่คุยกันไม่มีคนซื้อนิยายปก AI เลย เพราะมีความเห็นตรงกันว่าคนเขียนมันดูมักง่าย จะขายทั้งทียังใช้ปก AI จะใช้ก็อย่าใช้ให้มัน AI ชัดเกินคนซื้อมันไม่ได้โง่หรอก
>>976 หรือถ้าพื้นที่ในสมองน้อย เกิดมาไม่พกสมองจากท้องแม่ ไม่สามารถประมวลผลได้ กูก็จะพิมพ์ให้ว่าทั้งงานเขียนและงานวาด ai มันคือการดูดงานคนอื่นมาเป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่นมาตัดแปะให้มึงเป็นภาพ 1 ภาพ เป็นนิยาย 1 เรื่อง หากินบนหยาดเหงื่อแรงงานคนอื่นนี่ฟินเลยป่ะล่ะ
>>976 อ่านแล้วไม่มีตรงไหนเขียนถึง งานเขียนนิยายนะ แต่บริบทก่อนหน้าคือคนเขาคุยเรื่องภาพวาดประกอบอยู่
มึงต้องโทษตัวเองแล้วว่าหัวร้อนเลยเขียนออกมากำกวม ไม่บอกว่างานอะไร
แล้วถามจริงคิดว่าอีกซัก 5-10 ปีนี้คิดว่าคนมันจะยอมรับภาพจากเอไอมากขึ่นหรือน้อยลงละ ตอนนี้คนมันก็ต่อต้านละ กูก็ไม่รู้สึกแปลกอะ เรื่องปกติ ใครจะใช้งานเอไอตอนนี่ก็ระวังสังคมหน่อย แต่เดี๋ยวสุดท้าย พอสังคมยอมรับมากขึ้น ใครไม่ใช้ ใช้ไม่เป็น ไม่ยอมใช้ ก็ตกกระบวนเอง
อ้อ อย่าลืมไปอ่านคำพิพากษาศาลเมกากับจีนด้วย มันไม่ได้ก็อปปี้ดูดงานคนอื่นแบบที่เข้าใจผิดกันนะ ถ้าดูดมาแบบนั้นศาลไหนก็ช่วยไรไม่ได้อะ
>>978 บริบทก่อนหน้ากูก็ด่า ai อยู่ไง มึงบอกมึงพูดถึงในมุมนักเขียน กูก็ด่า ai ต่ออีก เข้าใจไรยากจริง แต่โหง้สมเป็นเอไอโบรดี ทั้งโหง้และกระจอก เชิญยึดคำสั่งศาลแล้วผลิตงานกระจอกๆไม่มีปัญญาฉายแสงต้องพึ่งภาพ ai มาดึงดูดคนให้มาดูงานไปเถอะ งาช้างไม่งอกจากปากสุนัขฉันใด คนความคิดกระจอกก็ไม่มีปัญญาสร้างงานดีๆได้ฉันนั้นล่ะ แต่ก็มโนเพ้อฝันไปว่าลดต้นทุนงานภาพที่ทำนาบนหลังคนอื่นเพื่อมาพัฒนางานตัวเอง เอาแค่ตอนแรกมึงก็ไปไม่รอดเพราะคิดจะเอาเปรียบคนอื่นแล้ว
มีคำถามลับสมองประลองปัญญา ถ้าไม่ได้ก็อปปี้ดูดงานคนอื่นมาแล้วมันจะเอาอากาศจากไหนมาเจนเป็นผลงานน้า ติ๊กต่อกๆๆๆๆ แต่คนแบบมึงคงนึกไม่ออกหรอก มันคงเสกมาจากกาแลคซี่อันโดรเมด้าออกมาเป็นงานสวยๆให้มึงล่ะมั้ง
>>979 หัวมึงร้อนจนเริ่มเขียนมั่วซั่ว ตีกันเองละ อ้างนู้นอ้างนี้วนไปวนมา อ้างอย่างพอสู้ไม่ได้ก็ถอยไปอ้างอีกอย่างที่ไม่ได้พูดถึง ตอบคำถามกูก็ตอบไม่ได้ กูเกิ้ลมีแต่ไม่ใช้
คุยกับมึงคงเสียเวลาเปล่า
แต่เผื่อมีคนอื่นอ่านแล้วยังไม่ทราบ ถ้าสงสัยว่าเอไอมันเสกภาพมาได้ไง ถ้าไม่ได้ดูดภาพ
ลองหาว่า neuron learning หรือ machine learning มันทำงานไงดูนะ เอาง่ายๆมันแค่เรียนรู้ว่าวาดภาพอะไรยังไงแล้วมันก็รับคำสั่งมาแค่นั้น ถ้ามันดูดภาพมานิ้วมือไม่เน่าหรอก นิ้วมันเรียนยาก ภาพนิ้วมันเลยเน่าๆอยู่
ส่วนอีกประเด็น วงการนักเขียนไม่ต้องห่วงหรอก เอไอมันไม่เข้าใจมุก ความรู้สึก กาว โมเอะ มันเขียนไปก็ไร้อารมณ์ขายไม่ออก แถมของพวกนี้ต่างกันไปตามวัฒนธรรม มันทำได้แค่เขียนพล็อตอะ สุดท้ายไงๆนักเขียนต้องเขียนเองหมด
ณ จุดนี้เอไอทำให้นักเขียนนิยายได้เปรียบด้วยซ้ำ
เหี้ยไรเนี่ย กูพูดถึงเอไอย่อหน้าเดียว ด่ากันรัวๆ จนมู้จะเต็มแล้ว โม่งนี่มันโม่งจรืงๆ (แต่กูชอบอ่านนะ)
กุงง คำพิพากษาที่ไหนวะแปะลิงก์ข่าวหน่อยดิ กุรู้ว่าaiไม่มีลิขสิทธิ์เพราะไม่ใช่มนุษย์ แต่ไม่ยักรู้ว่าไม่ผิดกฏหมายกรณีเอาภาพนักวาดต่างๆมาเจน ข่าวที่กุรู้คือนักวาดหลายคนฟ้องศิลปินai ตอนนี้ศาลยกฟ้องไปเพราะสำนวนกว้างไป ให้ทำคำฟ้องแคบลงแล้วส่งใหม่ เรื่องมันยังไม่จบนะ เคสอื่นๆ กุก็ไม่เห็นจบสักคดี มึงสนับสนุนให้ใช้aiภาพทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าผิดต่อนักวาด? กุควรจัดมึงเป็นคนประเภทไหนวะ
>>960 จัดไป แต่กูไม่ได้เขียนแม่ง https://writer.dek-d.com/dekd/writer/view.php?id=2354228
>>983 ที่ศาลจีน เอไอชนะ มีลิขสิทธิ์ด้วย https://mgronline.com/china/detail/9670000004632
แต่เขาบอกว่าจะดูเป็นรายกรณีด้วย ก็แล้วแต่prompt ที่ใส่ไปอะนะ
นิยายจีนตอนนี้เต็มเว็บระวังอนาคตมันใช้ปกเอไอเอามาขายด้วยละ ถ้าทุนมันถูกกว่ามันก็ลดราคาแข่งได้ วิธีเดียวที่เราจะรอดคือต้องปรับตัวให้ทัน ไม่งั้นก็เปิดอ่านฟรีไป
ส่วนที่บอกว่าตรงไหนบอกว่าไม่ผิดกม. ก็โม่งเขียนไว้เลยไงว่ายกฟ้อง
กม. ถือว่าผู้ต้องหาบริสุทจนกว่าจะพิสูจว่าผิดจริง ถ้ายังไม่ตัดสินว่าละเมิด ก็ถือว่าวันนี้ไม่ผิด
ส่วนมันจะผิดต่อนักวาดไหม นั่นคือความเห็นของแต่ละคน มึงอยู่ฝ่ายนักวาด ก็เห็นว่าผิด แต่คนพัฒนากับบางคนเขาบอกว่าไม่ผิด ก็ไม่ผิด เพราะศาลเองก็ยังบอกไม่ได้ว่าผิดไหม หรือถ้าผิดแบบไหนมันจะผิด ไม่ผิดก็ถือว่าใช้ได้ไปก่อน
ไอ้ที่บอกน่าจะผิด ถ้าอนาคตบริษัทมันตกลงกันได้ว่าให้ใช้เจนภาพได้ แล้วมันก็ไม่ผิด พวกที่บอกผิดจะทำยังไง? ถ้าต่อไปเขาระบุให้มันเจนภาพได้เฉพาะแหล่งไม่ไปเรียนจากรูปที่อื่นละ? ธุรกิจเดี๋ยวมันคุยกันได้แหละ ไม่นาน โม่งอย่ากลัว
ความรู้สึกก็อีกอย่าง แต่ความจริงคือตรงนี้ละ พวกโม่งก็รู้อยู่เดี๋ยวคนมันก็ยอมรับได้ไม่นานหรอก ส่วนพวกวาดคนก็อาจจะขายไปอีกสายเลย
แต่เผื่อพวกมึงหงุดหงิด คิดว่าไม่ชอบ กูจะบอกข่าวดีให้ เดี๋ยวมันก็ต้องมีกฎหมายมาคุมการใช้เอไอ กำหนดว่าเจนจากไหนได้บ้าง ระดับไหน ตอนนั้นก็เจนกันได้ถูกกม.เยอะแล้ว ตอนนี่อียูเริ่มคิดละ พวกโม่งสายนักวาดไม่ต้องกลัวเกินเหตุ
กูว่าลึกๆคือนักวาดบางกลุ่มกลัวโดนแย่งงานแค่นั้นแหละ แล้วgaslight ทุกคนไม่ให้ใช้
ส่วนนักเขียนใช้ภาพเอไอได้จะประหยัดทุนไปกี่บาท จะได้ไม่ต้องเขียนแต่เรื่องตลาด ระบบ ตัวเอกเทพ ปลูกผัก จีนโบ ต่างโลก ที่โม่งเบื่อไรงี้มากเพื่อคืนทุนไวๆ ก็คิดเอา
>>985 กรวยเถอะ ถ้าเมิงพูดว่าจิตสำนึกเป็นเรื่องของความรู้สึก ก็เท่ากับว่าเมิงไม่มีข้อจำกัดขีดล่างแล้ว ถ้ามีเครื่องมือเสกนิยายสุดวิเศษเพียงแค่เอาลิ้นเลียอุปกรณ์รูปร่างเหมือนตืน พวกเมิงก็พร้อมจะทำและมีข้ออ้างอันแสดงความเป็นอัจฉริยะ เหนือพวกโง่ที่ไม่ใช้อุปกรณ์รูปตีนสุดวิเศษนั้น จำเริญ ๆ นะไอ้สึด
ไหนๆ พวกมึงก็พูดขึ้นมากันละ งั้นกูขอเสริมบ้าง
เรื่องผลงานจาก ai ไม่มีลิขสิทธิ์ = ถ้ามีคนกดเจนรูปขึ้นมารูปนึงแล้วมันสวยสัสๆ พออีกคนมาเห็นแล้วถูกใจ ดูดรูปนั้นไปใช้บ้าง คนที่เจนรูปไม่สามารถอ้างตัวเป็นเจ้าของได้ เหมือนตกเป็นสมบัติสาธารณะ
เรื่องการเรียนรู้ของ ai = กูว่าสุ่มเสี่ยงจะผิดกฏหมายวะ ถึงตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปและการฟ้องร้องก็ยังไม่จบด้วย แต่เรื่องนึงที่เถียงไม่ได้คือ ก่อน ai จะเจนภาพออกมาได้เราต้องป้อนรูปให้มันดู ให้มันเรียน จะได้เลียนแบบลายเส้นกับท่าทางได้ ทีนี้ปัญหามันเลยเกิดขึ้นเพราะมีพวกนักเจนเอาผลงานต่างๆ มาให้ ai เรียนโดยไม่ได้ขออนุญาตจากเจ้าของภาพ มันก็คือการขโมย, ละเมิดลิขสิทธิ์ กลายๆ นั่นแหล่ะ
พวกที่ชอบเรียกตัวเองว่า AI artist = เป็นชื่อที่เสนียดปากเหี้ยๆ บ่องตงนะ ไม่ควรใช้คำว่า artist ในชื่อเลย เพราะผลงานที่ได้มามันไม่ใช่ศิลปะ ถึงจะอ้างว่าต้องเสียเวลาป้อนรูปให้มันเรียน กับกดเจนเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ภาพที่ดูดีออกมามันก็ฟังไม่ขึ้น เพราะภาพที่ใช้เรียนก็ขโมยของคนอื่นมา ในกระบวนการสร้างก็ไม่ใช่ตัวเองแต่เป็น ai ต่างหากที่สร้างขึ้น คนที่ทำแค่กดคลิ้กเพื่อสั่งเจนภาพน่ะ ไม่คู่ควรกับการเป็นศิลปินหรอก
กูพอเข้าใจอยู่นะว่าการใช้ ai เชิงสร้างสรรคมันก็มี เหมือนพวกที่เจนภาพวิวทิวทัศน์แบบเหนือจริงต่างๆ ขึ้นมาผ่าน promt ที่ใส่ลงไป แต่การเอาภาพวาดมีลิขสิทธิ์มาเป็นตัวตั้งต้นในการเรียนแล้วเจนภาพจาก ai มาขายนี่แม่งน่าเกลียดเกิน มีค่าไม่ต่างอะไรกับเด็กประถมทำงานภาพตัดปะ แค่เปลี่ยนจาก กระดาษ+กาว มาเป็นปัญญาประดิษฐ์+คอมพิวเตอร์เฉยๆ
ก่อนหน้านี้มีงานจัดแสดงและขายผลงานของพวก AI artist เปิดขึ้นมา ผลเป็นยังไงรู้ป่าว? ไม่มีใครเข้ามาในงานเลยแม้แต่คนเดียว เท่าที่เห็นคือมีแค่สตาฟจัดงานกับคนที่มาตั้งโตะขายสื่อต่างๆ ที่ผลิตจาก ai เท่านั้น เห็นได้ชัดว่านอกจากตัวคนเจนเองแล้ว การตอบรับที่สังคมมีให้งานจาก ai มันเป็นไปในทางที่โคตรแย่ ก็นั่งตบยุงกันไปจนกระทั่งงานเลิกนั่นแหล่ะ
ตราบใดที่ยังไม่มีกฏหมายควบคุมผลงานอย่างชัดเจน งานจาก ai ก็จะถูกมองแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ อะ
การเปรียบเทียบงานจริงกับงาน ai = ในโม่งนี่คุยกันไปเยอะละ ถ้าเป็นงานภาพก็คือบ่อนทำลายวงการทางอ้อม นักวาดจะทะยอยกันวางมือเพราะคิดว่าวาดไปทำไมในเมื่อมีคนรอดูดงานกูไปเจนหาแดก กว่าจะเส้นเทพขนาดนี้ฝึกวาดกันมาเป็น 10 ปี เจอพวกกดคลิ้กไม่ถึง 1 วินาทีแย่งงานไปแบบหน้าด้านๆ เลิกดีกว่าแม่ง
ฝั่งงานเขียนก็มีโดนกันหลายแบบ หลักๆ คือเอานิยายให้ ai อ่าน แล้วเจนเรื่องใหม่ขึ้นมา คนแต่งเองก็แต่งตามไม่ทัน ผิดกับฝั่งใช้ ai ที่มีนิยายลงทุกวัน เจ้าของนิยายที่โดนเอาไปเรียนก็เจอละเมิดแบบทำอะไรไม่ได้ อีกแบบก็คือพวกนักแปลที่จะโดน ai แปลแย่งงานในอนาคต เพราะตอนนี้มันจะยังแปลออกมาไม่เป็นภาษาคน
ความเห็นส่วนตัว : ถ้าคิดจะใช้ ai เป็นตัวช่วย ก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจรับผลกระทบด้านต่างๆ ไว้ด้วย ถึงนิยายที่เจนมาจะสะดวกกว่าแต่งเอง แต่มันก็เขียนรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ต้องคอยมาเกลาให้หรืออาจต้องแต่งแก้ทั้งย่อหน้า ในหลายๆ ครั้งที่กูลองอ่านเรื่องแล้วจับได้ว่าเป็นนิยายจาก ai สิ่งนึงที่รู้สึกได้เหมือนกันทุกเรื่องคือมัน "ขาดความมีชีวิตชีวา" ยิ่งใช้ไปนานแค่ไหน สกิลการเขียนก็มีแต่จะลดลง (แล้วได้สกิล บก.+พิสูจน์อักษร มาแทน)
อ่านแล้วมันจะมีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจมึง แบบที่บอกไม่ถูกว่าคืออะไรแต่รับรู้ได้ว่ามันผิดปกติ ทางนึงมึงอาจพบว่ามันบกพร่องโคตรๆ เหมือนไม่ใช่มนุษย์แต่ง กับอีกทางก็คือสมบูรณ์แบบเกินไปจนน่ากลัว แถมสามารถเดาทางได้ง่ายด้วย
ภาพวาดนี่ก็พอกัน ดูรูปแล้วเห็นแววตามึงก็ดูออกว่าแม่งไม่ใช่แววตาที่บอกอารมณ์ได้ บางรูปมือเบี้ยว แขนขาด ขาลอย วิธีการลงสีก็เหมือนๆ กันไปหมด ถึงจะเปลี่ยนลายเส้นจากการให้เรียนมากแค่ไหน ก็ยังดูออกได้ว่านี่มันไม่ใช่ศิลปะที่สร้างจากการฝึกฝนมานานปี
จะเทียบความรู้สึกยังไงดีวะ... เหมือนมึงใช้จิ๋มกระป๋องกับเย้ดหีของจริงอะ มันแตกต่างกันมากๆ เลยนะเว้ย
>>985 เขาก็พูดกันไปแล้วว่ามันละเมิดลิขสิทธิ์ ดูดงานนักวาดมาเจน มึงก็ยังจะมาประหยัดต้นทุน ไม่ต้องมาเขียนแนวเรื่องตลาด โถ อีเถาะ แค่จ้างนักวาดไม่กี่พันก็ได้รูปดีๆ มึงพูดเหมือนขาดทุนระดับล้านต้องมาหาทางประหยัดต้นทุน นักเขียนถ้ามันมีหัวคิดสร้างสรรค์มันก็เขียนแนวอื่นนอกจากแนวตลาดได้ว่ะ มึงมันก็แค่พวก loser เฉยๆ ทั้งจนและขี้แพ้ หาข้ออ้างมาเอาเปรียบคนอื่นแบบหน้าด้านไม่ละอายใจ มึงนี่ต้องเป็นคนเหี้ยได้ขนาดไหนถึงได้มองว่ามันเป็นผลดีกับนักเขียน แล้วนักวาดที่ไปดูดงานเขามาคือช่างหัวแม่งไม่ต้องสนใจเพราะมึงได้ประโยชน์งั้นสิ ไอ้ขยะ
>>985 555ข่าวอะไรเนี่ย กุ>>983 เองนะ กุไม่ได้เหยียดนะแต่นึกว่าจะเป็นข่าวฝั่งเมกาหรือยุโรป หรืออะไรที่เป็นสากลพอยึดเป็นหลักแนวทางคำวินิจฉัย55 แล้วแมร่งเป็นข่าวมือเจนaiฟ้องมือขโมยภาพai ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนักวาดเลย555 แล้วคำพิพากษาคือ
'ในคดีนี้ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายลิขสิทธิ์ก็เพื่อสนับสนุนการสร้างสรรค์งานด้วยเทคโนโลยีเอไอ และส่งเสริมอุตสาหกรรมเอไอที่เพิ่งเกิดใหม่'
คือศาลไม่ได้เอ่ยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลในการเจนภาพที่ถูกต้อง หรือไม่ อย่างไร จะขโมยมารึเปล่าก็ช่างศาลไม่ตัดสินเรื่องนั้น สรุปคนละเรื่องกับที่ถกกันในโม่งเลย555
ขอแก้ไขเรื่องที่กุบอกครั้งที่แล้ว ไปถามผู้รู้มาล่ะ กุใช้คำผิดเองแหละ ศาลไม่ได้ยกฟ้อง เรียกว่าศาลยกคำร้องมากกว่า และคนที่แนะนำให้ฝ่ายนักวาดเขียนคำร้องส่งใหม่คือศาลเอง ไม่ใช่ทนายโจทก์ คดียังไม่จบนะจ๊ะ ไม่ใช่ถือว่าaiไม่มีความผิด
กุบันเทิงมากๆกับข่าวจีนของมรึง ฮาปวดท้องเลย ชดใช้ตั้ง500หยวน555 แต่กุขอตามข่าวฟ้องหลายล้านเหรียญต่อดีกว่า สุดท้ายถ้ามรึงอยากยึดตามศาลจีนก็เอาที่สบายใจ แต่กุอยากให้มรึงจำประโยคข้างล่างไว้นะ หวังดี
'คำตัดสินของศาลอินเทอร์เน็ต พิจารณาเป็นรายกรณีไม่ใช่คุ้มครองทั้งหมด และสามารถถูกกลับคำวินิจฉัยได้ในศาลที่มีลำดับเหนือกว่าตามกฎหมายลิขสิทธิ์'
ถ้า AI ถูกต้องหมด ป่านนี้มนุษย์ไม่ต้องเขียนนิยายแล้ว ให้ AI ทำแทน ส่วนมนุษย์แค่ไปเที่ยวข้างนอก
เฮ้ยๆ ต้องขึ้นบทใหม่แล้วนะ ถึง 1000 เรปต้องย้ายห้อง
กุเริ่มก้ได้
นิทานเด็กดีบทที่ 41 (DDN XLI) จักรวาลโม่งที่หยุดหมุน เกานิ่งตั้งตรงตามต้นกก แสงเหลืองเรื่องจากปลายก้น ผลุดหนีหลุดจากร่าง ลอยเรียดลู่ลมบนผิวน้ำ ไหลไถลดิ่งจม หายไปตลอดกาล
ต๊ะตึงโป๊ะๆๆๆ
อยากขึ้นบทใหม่ แต่กูลืมว่าควรทำอะไรฟ่ะ
ไม่ได้มาแวะเกือบเดือน อ้าง จะจบแล้วเหรอ
ใครก็ได้ช่วยเปิดห้องใหม่รอไว้ที กูไม่เคยทำ
เชิญคั้บ
เอ้า ถมมมมม 999
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.