สวัสดีปีใหม่ 2567 เพื่อนโม่ง
ก่อนเข้าสู่เนื้อหาส่วนของตัวอย่างเรื่องต่างๆ กูอยากคุยเกี่ยวกับการขยายสเกลเรื่องหลังจากหมดมุกแล้วความพีคมันดรอปลง แต่นักเขียนพยายามฝืนเดินเรื่องต่อโดยใช้วัตถุดิบเดิม ตัวอย่างหนึ่งที่ค่อนข้างชัดเจนคือเรื่อง tate no yuusha no nariagari (ผู้กล้าโล่)
ผู้กล้าโล่เปิดเรื่องด้วยการถูกใส่ร้ายจนตัวเอกต้องหลุดจากปาร์ตี้หลักของ 4 ผู้กล้า เป็นการผสมผสานกันระหว่างทั้งโดนไล่ออกและแก้แค้นในระดับปานกลาง เนื้อหาระหว่างทางมันก็ทำได้ดีอยู่ แต่ไม่ว่าจะเคยอ่านนิยายหรือดูเมะมาก็คงรู้สึกได้เลยว่า พอจบจากฉากลงโทษอีดอกตัวร้ายไปแล้ว สิ่งที่สามารถสร้างความ satisfy มันก็หมดลงไปด้วย เข้าใจกันใช่มั้ยว่าฉากที่ความจริงเปิดเผยมันเหมือนกับการได้เคี้ยวอ้อยแล้วน้ำหวานกระจายทั่วปาก กลืนเสร็จก็เหลือไว้แค่ซากอ้อยที่แทบจะไม่มีรสชาติ ต่อให้นักเขียนมันขยายสเกลเรื่องว่าพวกที่โผล่มาใน wave ต่างๆ เป็นผู้กล้าจากมิติอื่น ความน่าสนใจที่หลอกล่อให้คนติดตามช่วงแรกก็ลดลงไปอย่างช่วยไม่ได้ แล้วยิ่งใช้มุกอีดอกตัวร้ายตัวเดิมหลอกผู้กล้าคนอื่นๆ ให้หลงผิดอีกรอบ มันคือการบังคับให้คนอ่านเคี้ยวซากอ้อยในปากต่อ ซึ่งก็อาจพอเหลือความหวานอยู่บ้างแต่มันก็น้อยเต็มที ไม่น่าแปลกใจเลยที่คะแนนในอนิเมะ SS2 จะหล่นวูบขนาดนั้น แต่จะไปว่าเขาก็ไม่ได้เพราะเขาเป็นเจ้าของเรื่อง อยากยืดขายขนาดไหนก็คงต้องแล้วแต่เธอ
สิ่งที่กูอยากสื่อคือ ทั้ง 2 แนวนี้ถ้าวัตถุดิบหลักหมดไปแล้วมึงไม่แน่ใจว่าจะเอาเนื้อหาส่วนหลังจากนั้นอยู่ ขอแนะนำให้ตัดจบเสียดีกว่า
สำหรับอีกเรื่องที่กำลังอยู่ในกระแสหลักก็คือ Kingdom of ruins เรื่องนี้ถ้าไม่ติดว่านางเอกน่ารำคาญและโลกสวยเกินไปหน่อย ก็ถือเป็นแนวแก้แค้นที่ทำได้ดีพอสมควร มันใช้การแก้แค้นมาอธิบายแรงจูงใจและการกระทำของตัวเอกได้ชัด อันที่กูชอบมากคือการหักมุมไปมาแทบจะตลอดเวลา (จนบางทีกลายเป็นจุดอ่อนให้ถูกเดาเรื่องได้) เล่าเรื่องให้คนอ่านเข้าใจได้ว่าโลกเรามันก็เทาๆ ไม่ได้มีฝั่งไหนที่ดีจริงๆ หรอก ขนาดตัวเอกเองยังยอมรับเลยว่ามันไม่ใช่คนดี เรื่องนี้โดนนักอ่านบางส่วนติเรื่องพล็อตโฮล เกี่ยวกับตอนที่ตัวเอกถูกจับตัวได้แล้วทำไมไม่ฆ่า จะขังไว้รอจนโดนเจ้าตัวกลับมาเอาคืนไปเพื่ออะไร คำตอบมันอยู่ในเนื้อหาของภาคก่อนอย่าง Kingdom of Caliburn
**** ย่อหน้าถัดไปมีสปอย ถ้าอยากอ่านเองโดยไม่เสียอรรถรส ขอให้ข้ามกรอบสปอยไปได้เลย ****