Fanboi Channel

นิทานเด็กดีบทที่ 40 (DDN XL) ภาคโม่งกำลังตายทั้งเป็น แต่พระครูบัวเตือนสติทันหวุดหวิด จึงกลับไปฝึกวิชานาฏยุทธ์ ในที่สุดก็กลายเป็นโม่งบาก 3

Last posted

Total of 1000 posts

905 Nameless Fanboi Posted ID:2LNTfLawkk

ในเควส Rank S ของกิลด์นักผจญภัย บางครั้งทางฝั่งขุนนางผู้ว่าจ้างอาจถูกแนะนำให้จ้างคนจากทางแคลนมาร่วมในการปราบปรามด้วย แม้จะเป็นการสิ้นเปลืองเพราะต้องจ่ายเงิน 2 ทาง แต่เพื่อให้งานปราบสัตว์อสูร์เวทมนตร์ระดับมังกรขึ้นไปสำเร็จได้ง่ายขึ้น การใช้คนที่เก่งจริงๆ มาช่วยก็ถือเป็นทางเลือกที่ดี นอกจากการทำเควสปราบปรามที่ใช้คนจำนวนมากแล้ว แหล่งเงินทุนสำคัญของแคลนอีกทางหนึ่งก็คือการพิชิตดันเจี้ยน

ด้วยความที่สมาชิกแคลนทุกคนรับงานได้อย่างอิสระ หากมีสมาชิกกลุ่มไหนเจอดันเจี้ยนที่ยังไม่เคยได้รับการสำรวจมาก่อน พวกเขาสามารถลงไปต่อสู้และทำแผนที่เองได้โดยไม่ต้องแจ้งกับทางแคลน ถ้าลุยไปจนถึงจุดที่คิดว่าไปต่อกันเองไม่ไหว สมาชิกแคลนมีหน้าที่ต้องกลับไปแบ่งปันข้อมูลกับสมาชิกแคลนกลุ่มอื่น เพื่อให้ทุกคนมีพื้นที่การล่าใหม่ๆ หรือให้หัวหน้าแคลนลงไปลุยจนกว่าจะเจอบอส ด้วยฝีมือระดับหัวหน้าแคลนอาจทำให้ปราบบอสแล้วนำดันเจี้ยนคอร์กลับขึ้นมาขายได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตามอัตราส่วนแคลนที่อยู่รอดจริงๆ มีน้อยมาก (ต้องยุบไปหลังก่อตั้งมากถึง 95%) ส่วนใหญ่เป็นเพราะไม่สามารถสู้ความแข็งแกร่งทางด้านเส้นสายและพันธมิตรของกิลด์นักผจญภัยได้ แม้จะรู้โครงสร้างและวิธีการบริหารแบบกิลด์นักผจญภัย แต่ถ้าไม่มีแหล่งปล่อยขายวัตถุดิบ ถูกกดราคาสินค้า หรือไม่มีลูกค้ามาจ้างงาน อนาคตของแคลนนั้นก็ริบหรี่เต็มที่ ด้วยเหตุนี้เองสมาชิกแคลนบางส่วนถึงขั้นยอมกลับไปสมัครกิลด์นักผจญภัยอีกครั้ง แม้จะต้องถูกเหยียดหยามในระยะแรกก็ตาม

แคลน 5 % ที่เหลือมักเป็นแคลนที่มีเพียง 1-3 ปาร์ตี้ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้เก่งและมีชื่อเสียงจนผู้ว่าจ้างติดต่องานเข้ามาให้ทำอยู่เรื่อยๆ ถือเป็นแคลนส่วนน้อยที่บริหารงานแบบจำกัดได้สำเร็จ มีแหล่งปล่อยขายวัตถุดิบ พิชิตดันเจี้ยนความยากสูงกันได้เองอย่างต่อเนื่อง และข้อสังเกตอย่างหนึ่งของแคลนเหล่านี้คือเป็นกลุ่มรักความอิสระ ไม่สนใจเรื่องการขึ้นเป็นชนชั้นสูงเพราะไม่อยากถูกผูกมัดไว้กับทางอาณาจักร ถ้าใครคุ้นเคยกับเซตติ้งยุคกลาง ย่อมเข้าใจดีว่าการได้รับแต่งตั้ง มีศักดินา หมายถึงการต้องคอยรับใช้หรือบริหารในฐานะเจ้าครองที่ดิน ซึ่งอาจฟังดูไม่สะดวกนักสำหรับคนที่ชอบการผจญภัยอย่างอิสระ

โอเค นอนก่อน หัวข้อต่อไปคือ คนแบบไหนที่จะสมัครเข้ากิลด์นักผจญภัย "เส้นทางของขุนนางตกอับกับสามัญชนผู้มีความฝัน" ซึ่งน่าจะเป็นอันสุดท้ายแล้วของหัวข้อยุคกลางปลอมกับกิลด์นักผจญภัย

โห... กว่าจะได้เขียนเกี่ยวกับแนว ออกตี้/แก้แค้น ที่ตั้งใจไว้จริงๆ แม่งแวะเยี่ยวนอกเรื่องไปหลายวันเลยนะเนี่ย

906 Nameless Fanboi Posted ID6:wfZzi/.228

ขอถามมึงหน่อย ตกลงกิลด์นักผจญภัยเป็นองค์กรแบบไหน เอกชนหรือรัฐวิสาหกิจ หรือว่างานราชการ?

907 Nameless Fanboi Posted ID:I7FagmIJ6o

>>906 ถือเป็นเอกชน เพราะบริหารจัดการกันเองในกลุ่มนักผจญภัยซึ่งเป็นประชาชนทั่วไป

ที่กูเคยบอกว่าอยู่ภายใต้การควบคุมของทางราชการหมายถึง ยังต้องถูกตรวจสอบข้อมูลอยู่เป็นพักๆ จากภาครัฐว่าองค์กรจะไม่เปลี่ยนไปเป็นกองกำลังแบ่งแยกดินแดนจากจำนวนสมาชิกที่มีมากเกินไป หรือมีการรวบรวมนักผจญภัย Rank สูงไว้ในกิลด์เดียวกันจำนวนมากผิดปกติ (ซึ่งอาจนำไปสู่การโค่นล้มอำนาจ)

มันไม่ใช่หน่วยงานราชการเพราะไม่ได้ถูกบริหารโดยตรงทั้งหมดจากภาครัฐ ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจด้วยเพราะไม่ได้มีคนจากทางการมาเป็นส่วนหนึ่งในผู้บริหาร/เจ้าของ และกิลด์นักผจญภัยไม่ได้ทำกิจการเฉพาะด้านเพื่อสาธารณะ แต่เป็นเหมือนบริษัทรับจ้างสารพัดของทางเอกชนเสียมากกว่า (บริษัทรับงานจากผู้ว่าจ้าง -> เป็นสื่อกลางให้พนักงานออกไปทำงานที่เหมาะสม -> หักค่าธรรมเนียมเข้าบริษัท -> จ่ายเงินจากลูกค้าให้พนักงาน)

908 Nameless Fanboi Posted ID:/1DaVU0V.Y

น่าจะอารมณ์เดียวกับ เอกชนที่ถูกจ้างมาโดยราชการอีกที ยุคนี้ก็อารมณ์ประมูลงานเอา

ว่าแล้วก็นึกถึงพวกส้วมตามสถานีขนส่ง แทนที่จะหาคนมาดูแลความสะอาด
ก็เปิดให้เอกชนมาจัดการกันเอง เก็บค่าบริการกันเอง ซึ่งถ้าทำไม่ดี เก็บเงินแพงไป ภาครัฐก็มีสิทธิตรวจสอบหรือไม่ต่อสัญญาได้ในอนาคต

909 Nameless Fanboi Posted ID:9u+Zmyi253

คนแบบไหนที่จะสมัครเข้ากิลด์นักผจญภัย ? "เส้นทางของขุนนางตกอับกับสามัญชนผู้มีความฝัน"

เช่นเดียวกันกับนิยาย มังงะ ไลท์โนเวล อีกหลายแสนเรื่องที่ใช้ setting แบบยุคกลางปลอม นิยายที่เราจะแต่งเองก็อาจหนีไม่พ้นทั้งเรื่องของการปกครองแบบฟิวดัลและความเป็นแฟนตาซีเวทมนตร์ หัวข้อนี้กูจะมาพูดถึง traits ต่างๆ ของตัวเอกในนิยายแฟนตาซียุคกลางปลอม ซึ่งจะพูดถึงแค่ต้นเรื่องจนถึงตอนไปสมัครเข้ากิลด์นักผจญภัยเท่านั้น เพราะถ้ากูพูดแบบละเอียดไปจนถึงช่วงท้าย มันจะกลายเป็น preset ของพล็อตเรื่องที่เอาไปเขียนนิยายอย่างมักง่ายได้ทันที (ซึ่งกูไม่แนะนำให้ทำ เพราะจะติดนิสัยจนคิดเรื่องเองไม่เป็น) ถ้าจะมองว่าหัวข้อนี้เป็น career path ของตัวละครก็ได้ สำหรับคนที่อ่านแนวนี้มาเยอะอาจฟังดูไม่น่าตื่นเต้นแล้ว (ก็มันมีอยู่ไม่กี่แบบนี่เนอะ)

- Commoner path -

เปิดฉากด้วยสายเกิดเป็นสามัญชนก่อน สายนี้คือมักจะไม่มีพลังเวทถือเป็น negative trait ที่คลิเช่สุดติ่งตามตำรา ก็เลยมักจะหาทางลืมตาอ้าปากผ่านการเป็นนักผจญภัยสายต่อสู้กายภาพ บางคนอยากเข้ากิลด์เพราะพ่อแม่เคยเป็นนักผจญภัยมาก่อน เห็นว่าเท่ดีก็เลยอยากเป็นบ้าง (ซึ่งจะได้เปรียบตรงที่พ่อแม่มักฝึกฝนการต่อสู้ให้ตั้งแต่เด็ก) บางคนต้องอยากเข้ากิลด์ไปหางานทำหนีความยากจนของครอบครัว บางคนก็ฝันอยากเลื่อนยศขึ้นเป็นขุนนาง

จุดเปลี่ยนข้อถัดมาคือสิ่งที่ได้รับในนิยายที่ใช้ setting แบบมีการมอบ อาชีพ/ยูนีคสกิล/พร ให้ตัวละครตอนเข้าสู่วัยรุ่น ถ้าสุ่มได้อันที่เจ๋งๆ ก็ไม่ต้องไปเป็นนักผจญภัยแต่ตรงไปฝึกที่เมืองหลวงแทน แต่ถ้ามาแนวได้อาชีพธรรมดาใช้ในการรบไม่ได้หรือสกิลไร้สาระ สุดท้ายก็ไปจบที่กิลด์นักผจญภัยเหมือนกัน

ถ้าเป็นสามัญชนแล้วมีพลังเวท ครอบครัวมักจะพยายามผลักดันให้ลูกได้ไปเรียนในสถาบันเวทมนตร์ หรือถ้าข่าวรู้ถึงหูขุนนางท้องถิ่นแถวบ้านก็อาจได้รับทุนไปเรียนโดยแลกกับการเข้าไปทำงานให้หลังเรียนจบ คลิเช่เหมือนเดิมเพิ่มเติมคือโดน bully ในโรงเรียนว่าถึงจะมีพลังเวทแต่มึงมันก็แค่สามัญชน ถ้าตัวเอกทนการกลั่นแกล้งต่างๆ จนถึงตอนเรียนจบได้ก็ดีไป แต่ถ้าทนไม่ไหวจนไปมีเรื่องกับลูกขุนนาง หรือโดนแกล้งจนไปสอบก่อนจบการศึกษาไม่ทันแล้วเรียนไม่จบ สมาคมนักผจญภัยก็ขอยินดีต้อนรับ

- Nobleman path -

ตัวละครแบบเกิดเป็นชนชั้นสูงลูกขุนนางนั่นนี่ นอกจากพลังเวทที่สืบทอดกันมาตามสายเลือด ยังมีอณูเวทมนตร์จากบาเรียป้องกันภัยที่คลุมอยู่รอบบ้านกับของที่แผ่รัศมีเวทออกมาอย่างไอเท็มวิเศษต่างๆ ในห้องเก็บสมบัติตระกูลอีก การอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ตั้งแต่ในท้องแม่ทำให้ตัวเอกสายขุนนางมักเกิดมาพร้อมพลังเวทโดยอัตโนมัติ ในทางกลับกันถ้าเกิดในตระกูลผู้ดีแล้วดันไม่มีพลังเวท จุดจบก็หนีไม่พ้นการโดนเอาไปทิ้งในป่าตั้งแต่แบเบาะ ไม่ก็พาแม่ซวยโดนเนรเทศไปอยู่บ้านนอกด้วยกัน

บางตัวละครเป็นลูกคนรอง ลูกอนุภรรยา ลูกเมียน้อย ถึงมีพลังเวทก็อาจโดนสกัดดาวรุ่งโดยเมียหลวง พี่ชายคนโต โดนใส่ร้ายต่างๆ จนมีอันต้องออกจากตระกูลไปก่อนเวลาอันควร (แล้วค่อยไปปลดปล่อยพลังเทพซ่าส์ทีหลัง) ตัวละครกลุ่มนี้กับตัวละครแบบมีพลังเวทอยู่บ้างแต่ไม่มากเท่าพี่คนโต บางครั้งอาจอยู่รอดไปจนถึงพิธีรับอาชีพ/สกิล ถ้านักเขียนใจร้อนหน่อยก็จะกำหนดให้ตัวเอกได้อาชีพ/สกิล ที่มันดีๆ ไปเลย ถ้าเป็นพวกอยากเล่าด้วยมุกอื่นๆ ก็อาจกำหนดให้ตัวเอกชนชั้นสูงได้สกิลกากที่ใช้ในการรบไม่ได้ หรือสุ่มโดนสกิลไร้ค่า บังคับให้ตัวเอกต้องถูกตัดออกจากกองมรดก โดนไล่ออกจากตระกูล ตัดขาดความเป็นพ่อ-ลูก, ความเป็นญาติ

สุดท้ายพอไม่มีที่ไปเลยต้องไปหาโอกาสใหม่ๆ ในกิลด์นักผจญภัย หลังจากนั้นก็คล้ายกันทุกเรื่อง คือมีเหตุให้ได้รับความเทพซาส์ 007 ได้พลังโหดๆ OP จนไม่มีใครสู้ได้ ทางบ้านพอรู้ข่าวว่าคนที่ไล่ออกไปจู่ๆ ดันเทพขึ้นมาก็มาตามง้อ แต่เพื่อความสะใจของนักอ่านเลยต้องให้ตัวเอกปฏิเสธอย่างเย็นชาไปด้วยความเอจจี้ จะกลับบ้านทำไมในเมื่อมีสาวๆ รอให้กูพาเข้าฮาเร็มอีกเพียบ คู่หมั้นคนเดียวมันจะไปพออะไร หาสาวเยพร้อมกันทีละหลายๆ คนดีกว่า

โอเคถึงตรงแล้วถือว่าจบหัวข้อกิลด์นักผจญภัยกับยุคกลางปลอมลงเพียงเท่านี้ ถ้ามีอะไรอยากจะพูดแถม คงเป็นเรื่องของ trope ก่อนจะไปถึงจุดที่ตัวเอกปลดล็อคความเทพซ่าส์ ใน setting แบบไม่ใช่แนวต่างโลก สมัยก่อนอาจคิดว่าฝั่งนิยายจีนเป็นแบบนึง แล้วนิยายญี่ปุ่นก็อีกอย่าง พอมาคิดดูดีๆ แล้วมันก็ใช้ trope เดียวกันคือ "ตัวเอกต้องตกต่ำ/โดนดูถูกก่อน แล้วค่อยกลับมาอย่างยิ่งใหญ่" ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับเรื่องที่กูกำลังจะพูดถึงในหัวข้อต่อไป "แนวโดนไล่ออกจากปาร์ตี้กับแนวแก้แค้น" ทิศทางและวิธีเล่าอาจแตกต่างกันแต่หลายๆ อย่างแม่งก็เดิมๆ (แถมยังกลายพันธุ์เป็นแนวเทพซ่าส์ไปซะดื้อๆ กลางเรื่องได้ด้วย)

910 Nameless Fanboi Posted ID:Qlvh.V93CE

## ถูกไล่ออกจากปาร์ตี้ / ล้างแค้น ##

เอาจริงๆ ใจกูไม่อยากเรียก 2 อย่างนี้ว่าแนวเลยนะ เพราะการถูกไล่ออกจากปาร์ตี้มันเป็นได้แค่ "วิธีการเปิดเรื่อง" แบบหนึ่งของแนวเทพซ่าส์ ส่วนแนว ล้างแค้น/แก้แค้น ก็มีน้อยเรื่องเหลือเกินที่จะคงความเป็น "แนวแก้แค้น" ได้ตลอดจนถึงช่วงท้ายเรื่อง ถามว่าน้อยขนาดไหน... ถ้าจำนวนนิยายแฟนตาซีทั้งหมดเปรียบได้กับจำนวนเส้นxมอยของคนทั้งประเทศ จำนวนนิยายแนวแก้แค้นก็คงประมาณxมอยของคน 1 จังหวัด ส่วนเรื่องที่แก้แค้นแบบจริงๆ จังๆ จนถึงตอนท้ายเรื่องได้โดยไม่ออกทะเลหรือกลายพันธุ์เป็นแนวอื่นแม่งเหลือเท่าxมอยของคน 1 คน (ที่ค่อนข้างดก) บางทีทั้ง 2 หัวข้อนี้มันก็มาอยู่ในเรื่องเดียวกันได้ ถ้าการไล่ออกจากตี้มันเล่นใหญ่จนถึงขั้นวางแผนฆ่าตัวเอก

ก่อนจะคุยกันเกี่ยวกับ จุดแข็ง/จุดอ่อน ของทั้ง 2 อย่างนี้ กูอยากพูดถึงเรื่องของ Escapism ก่อน

Escapism ไม่ใช่เรื่องใหม่ มันถูกพูดถึงในโม่งมาหลายพันรอบแล้วเพราะเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับนิยายอย่างช่วยไม่ได้ ล่าสุดก็ตอนที่โดนโม่งแซะไปข้างบนว่า ถ้าเป็นพวกขี้แพ้แล้วอยากเยียวยาใจตัวเองจากความขี้แพ้เลยหาอ่านนิยายเพื่อให้รู้สึกฟินมันก็ไม่ผิด ขนาดตัวกูเองยังเคยพูดเลยว่า นักอ่านชอบอ่านอะไรที่ทำให้ตัวเองได้ผ่อนคลาย หลีกหนีจากปัญหาต่างๆ ในชีวิตจริงได้ (แม้จะแค่ชั่วคราว) ถึงจะเจ็บใจแต่ยอดขายของนิยายพวกนี้มันสูงจริงๆ ต่อให้นักอ่านส่วนใหญ่ไม่ใช่พวก loser เป็นคนธรรมดาที่ชีวิตดีๆ เขาก็ยังอยากอ่านเรื่องที่ตัวเอกโดดเด่นเหมือนกัน เพราะมันสนุกกว่าการตามอ่านเรื่องของพวกกระจอกหรือเป็นได้แค่เบี้ยล่างของคนอื่นในสังคม

หัวข้อ Escapism เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า พอชีวิตจริงมันเหี้ยแค่ไหน สังคมที่เจอมามันแย่เพียงใด พอเป็นนิยายหรือสื่ออื่นๆ แล้วมนุษย์เราย่อมถวิลหาสิ่งที่สามารถปลอบประโลมจิตใจจากเรื่องพวกนั้นได้ ถึงขั้นสมัยก่อนในการอภิปรายของโม่งยังมีการแซวกันเป็นข้อๆ ว่า

(1) ทำไมต้องไปต่างโลก : เพราะโลกที่กูอาศัยอยู่มันเหี้ย ขี้เกียจทำงานแล้ววะ โดนย้ายไปต่างโลกกลายเป็นฮีโร่ มีพลังโกงๆ ดีกว่า

(2) ทำไมต้องฮาเร็ม : เพราะเป็นคนธรรมดา หน้าตาทั่วไป บ้านไม่รวย *วยก็เล็ก คารมไม่ดี หลีสาวไม่เก่ง ไม่มีอะไรเด่นพอให้คนเหลียวแล

(3) ทำไมต้องเทพบุตรพิศวาส : ใช้ชีวิตอยู่ในกรอบมานาน ทำงานหนักลืมดูแลตัวเอง รู้ตัวอีกทีก็ใกล้จะขึ้นคาน หาผัวไม่ทัน เพราะแม่ห้ามมีแฟนแต่ตอนนี้เสือกอยากอุ้มหลาน

(4) ทำไมต้องย้อนไปอดีต : ชีวิตเต็มไปด้วยการตัดสินใจที่ผิดพลาด รู้งี้ไม่น่าทำงั้น มีความรู้สึกเสียใจภายหลังมาเยอะ อยากแก้ไขชีวิตตัวเอง

(5) ทำไมต้องเทพซ่าส์ : อยากเป็นคนสำคัญ อยากขึ้นเป็นใหญ่ อยากพ้นจากความเป็นเบี้ยล่าง อยากได้พลังที่มากพอจะเปลี่ยนแปลงโลกได้

และอื่นๆ อีกมากมายที่ช่วยให้ฟินน้ำแตกได้ง่าย โดยเฉพาะกับคนที่ชีวิตจริงมีปัญหาอะไรพวกนี้ แถมยังเป็นพวก low self-esteem อีก
** ว่าแล้วก็นึกขึ้นได้ว่ามีช่วงนึงคุยกันเข้มข้นมากเกี่ยวกับไลท์โนเวล ใครสนใจก็ตามอ่านได้ที่นี่ >>>/webnovel/10275/336-352 **

ดังนั้นจุดแข็งหรือจุดขายของแนวโดนไล่ออกตี้/ล้างแค้น เลยเกี่ยวข้องกับ Escapism ที่เหมาะกับคนที่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า ถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ถูกกลั่นแกล้งใส่ร้าย รู้สึกสิ้นหวังในระบบยุติธรรม อยากจัดการคนที่มาเอาเปรียบแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ยิ่งในโลกของเราที่เต็มไปด้วยอภิสิทธิ์ชน คนรวย คนมีอำนาจ ที่อยู่เหนือกฏหมายแล้ว ทั้ง 2 แนวนี้ก็ยิ่งเข้าถึงและอินได้ง่าย

911 Nameless Fanboi Posted ID:Qlvh.V93CE

เหมือนกับตัวเอกแนวโดนไล่ออกจากปาร์ตี้ ที่โดนสมาชิกคนอื่นเหยียดหยามสารพัด โดนโขกสับใช้งานเพียงเพราะมีส่วนร่วมในการสู้มอนสเตอร์น้อยกว่าเพื่อน วันดีคืนดีก็โดนเตะออกจากปาร์ตี้ด้วยเหตุผลบ้าๆ หรือข้ออ้างอย่าง "มึงมันหมดประโยชน์แล้ว เอาคนที่เก่งกว่ามาเข้าตี้แทนจะดีกว่า"

กับแนวแก้แค้นที่ตัวเอกถูกหลอกใช้ ถูกใส่ร้าย ถูกหักหลังจากคนที่ไว้ใจ บางเรื่องก็ตายไปทั้งๆ ที่ยังมีความอาฆาต บางเรื่องถูกส่งไปยังดันเจี้ยนมหาโหด ต้องหนีตายอย่างหวาดกลัวและสิ้นหวัง บางเรื่องอยู่ไปก็เหมือนตายทั้งเป็นเพราะถูกป้ายสีจนหมดอนาคต

สิ่งที่ทำให้ทั้ง 2 แนวนี้มัน work คือการเล่นกับความรู้สึกด้านลบของคนอ่าน การหากินกับสันดานดิบของมนุษย์ที่ลึกลงไปล้วนก้าวร้าวและแสวงหาความรุนแรง เพิ่มความ satisfying หรือ "ความสะใจ" เข้ามาในเนื้อเรื่อง จากที่ปกติมีแค่ความ comforting, relaxing

เคยสังเกตเห็นกันใช่มั้ยว่าทำไมคนถึงสนใจฝั่งปาร์ตี้เก่ามากกว่าปาร์ตี้ใหม่ของตัวเอก และทำไมคนถึงสนใจวิธีการแก้แค้นของตัวเอกมากกว่าเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นภายหลัง คำตอบคือเพราะคนเรามันชอบความรุนแรงไง เหมือนรู้อยู่แล้วว่ายังไงตัวเอกมันก็ต้อง OP เทพซ่าส์ขึ้นเรื่อยๆ เลยไปโฟกัสกับความฉิบหายของพวกคนที่ไล่ตัวเอกออกมากับโฟกัสว่าอีกแนวจะแก้แค้นยังไงให้สาสมแทน กลายเป็นความบันเทิงรูปแบบใหม่ ได้ฟินจากทั้งเรื่องดีที่เกิดขึ้นกับตัวเอกและเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นกับตัวโกง

แนวนึงมีบ่อเกิดมาจากความน้อยเนื้อต่ำใจ ไม่มีใครเห็นคุณค่า เลยอยากให้รู้ว่าถ้าขาดตัวเองไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น กับอีกแนวก็คือต้องเจอกับความอยุติธรรม เจอเรื่องเหี้ยๆ แต่ไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้ เลยอยากเป็นศาลเตี้ย อยากได้พลังเอามาใช้แก้แค้น โดยสรุปแล้วก็มีอยู่แค่นี้ล่ะ

สำหรับจุดอ่อนกูขอยืมคำตอบส่วนหนึ่งจาก >>853 มาอ้างอิงว่า เนื้อเรื่องของทั้ง 2 แนวนี้มันตันเร็ว แนวออกตี้ถ้าตบคนในตี้ครบแล้วจะทำอะไรต่อ ? แนวแก้แค้นถ้าแก้ครบแล้วจะจบเลยมั้ย ? แล้วไอ้ช่วงต้นเรื่องกับกลางเรื่องนี่ก็ด้วย มันเขียนตามกันมาเยอะจนโดนคนอ่านเดาทางออกกันหมดแล้ว ว่าแนวแรกคือ โดนไล่ > ตี้พัง > เทพซ่าส์ > ตบเพื่อน กับแนวหลังคือ โดนฆ่า > รอดตาย/ตายแล้วฟื้น > เทพซ่าส์ > แก้แค้น ถ้าเลี้ยงเนื้อหาไม่ดีก็จะจบเร็วเกินไปหรือถ้าพยายามใส่ filler เข้ามายืดเรื่องก็จะโดนคนอ่านด่าเอาได้ แต่เรื่องนี้กูมีทางออกให้นะเพราะเคยอ่านเจอวิธีอย่างการขยายสเกลเรื่อง เช่น ตบตี้เก่าแล้วพบว่าพวกนี้โดนราชวงศ์สั่งมาอีกทีก็เลยตามไปล่อพระราชาต่อ แนวล้างแค้นก็เหมือนกันอาจตามไปเก็บคนที่อยู่เบื้องหลังพวกนักฆ่าอีกที

เดี๋ยวคืนนี้เอาแค่นี้ก่อน ช่วงต่อไปจะเป็นตัวอย่างแนวแก้แค้นกับแนวไล่ออกจากตี้ที่กูคิดว่าโอเค โดยเฉพาะวิธีเปิดเรื่องกับ setting ที่ใช้

912 Nameless Fanboi Posted ID6:vxM.GxEPml

กูแนะนำโม่งรวบรวมแล้วทำเป็นไฟล์ Docx เอาไว้ด้วย เพราะเป็นข้อมูลอ้างอิงให้คนอื่นได้ดีเลย
สำหรับกูรู้เรื่องพวกนี้อยู่แล้วยังนั่งอ่านเอาเพลินๆ ได้ จึงอยากจะแนะนำให้ทำเป็น Sheet docx เก็บเอาไว้เลย

913 Nameless Fanboi Posted ID6:6k+J1tu9ic

>>912 เห็นด้วย ถ้าเปิดมู้ใฟม่อย่าลืมใส่ในสารบัญโพสแรกด้วยละ

914 Nameless Fanboi Posted ID6:gt7S8BTP61

ชักเริ่มเห็นด้วยกับโม่งข้างบนแล้วล่ะ โม่งที่นี่คือแหล่งคนที่มีระดับการอ่านสูงกว่าเด็กดีซะแล้วว่ะ

915 Nameless Fanboi Posted ID:jkZZRWSJ75

สวัสดีปีใหม่ 2567 เพื่อนโม่ง

ก่อนเข้าสู่เนื้อหาส่วนของตัวอย่างเรื่องต่างๆ กูอยากคุยเกี่ยวกับการขยายสเกลเรื่องหลังจากหมดมุกแล้วความพีคมันดรอปลง แต่นักเขียนพยายามฝืนเดินเรื่องต่อโดยใช้วัตถุดิบเดิม ตัวอย่างหนึ่งที่ค่อนข้างชัดเจนคือเรื่อง tate no yuusha no nariagari (ผู้กล้าโล่)

ผู้กล้าโล่เปิดเรื่องด้วยการถูกใส่ร้ายจนตัวเอกต้องหลุดจากปาร์ตี้หลักของ 4 ผู้กล้า เป็นการผสมผสานกันระหว่างทั้งโดนไล่ออกและแก้แค้นในระดับปานกลาง เนื้อหาระหว่างทางมันก็ทำได้ดีอยู่ แต่ไม่ว่าจะเคยอ่านนิยายหรือดูเมะมาก็คงรู้สึกได้เลยว่า พอจบจากฉากลงโทษอีดอกตัวร้ายไปแล้ว สิ่งที่สามารถสร้างความ satisfy มันก็หมดลงไปด้วย เข้าใจกันใช่มั้ยว่าฉากที่ความจริงเปิดเผยมันเหมือนกับการได้เคี้ยวอ้อยแล้วน้ำหวานกระจายทั่วปาก กลืนเสร็จก็เหลือไว้แค่ซากอ้อยที่แทบจะไม่มีรสชาติ ต่อให้นักเขียนมันขยายสเกลเรื่องว่าพวกที่โผล่มาใน wave ต่างๆ เป็นผู้กล้าจากมิติอื่น ความน่าสนใจที่หลอกล่อให้คนติดตามช่วงแรกก็ลดลงไปอย่างช่วยไม่ได้ แล้วยิ่งใช้มุกอีดอกตัวร้ายตัวเดิมหลอกผู้กล้าคนอื่นๆ ให้หลงผิดอีกรอบ มันคือการบังคับให้คนอ่านเคี้ยวซากอ้อยในปากต่อ ซึ่งก็อาจพอเหลือความหวานอยู่บ้างแต่มันก็น้อยเต็มที ไม่น่าแปลกใจเลยที่คะแนนในอนิเมะ SS2 จะหล่นวูบขนาดนั้น แต่จะไปว่าเขาก็ไม่ได้เพราะเขาเป็นเจ้าของเรื่อง อยากยืดขายขนาดไหนก็คงต้องแล้วแต่เธอ

สิ่งที่กูอยากสื่อคือ ทั้ง 2 แนวนี้ถ้าวัตถุดิบหลักหมดไปแล้วมึงไม่แน่ใจว่าจะเอาเนื้อหาส่วนหลังจากนั้นอยู่ ขอแนะนำให้ตัดจบเสียดีกว่า

สำหรับอีกเรื่องที่กำลังอยู่ในกระแสหลักก็คือ Kingdom of ruins เรื่องนี้ถ้าไม่ติดว่านางเอกน่ารำคาญและโลกสวยเกินไปหน่อย ก็ถือเป็นแนวแก้แค้นที่ทำได้ดีพอสมควร มันใช้การแก้แค้นมาอธิบายแรงจูงใจและการกระทำของตัวเอกได้ชัด อันที่กูชอบมากคือการหักมุมไปมาแทบจะตลอดเวลา (จนบางทีกลายเป็นจุดอ่อนให้ถูกเดาเรื่องได้) เล่าเรื่องให้คนอ่านเข้าใจได้ว่าโลกเรามันก็เทาๆ ไม่ได้มีฝั่งไหนที่ดีจริงๆ หรอก ขนาดตัวเอกเองยังยอมรับเลยว่ามันไม่ใช่คนดี เรื่องนี้โดนนักอ่านบางส่วนติเรื่องพล็อตโฮล เกี่ยวกับตอนที่ตัวเอกถูกจับตัวได้แล้วทำไมไม่ฆ่า จะขังไว้รอจนโดนเจ้าตัวกลับมาเอาคืนไปเพื่ออะไร คำตอบมันอยู่ในเนื้อหาของภาคก่อนอย่าง Kingdom of Caliburn

**** ย่อหน้าถัดไปมีสปอย ถ้าอยากอ่านเองโดยไม่เสียอรรถรส ขอให้ข้ามกรอบสปอยไปได้เลย ****

916 Nameless Fanboi Posted ID:jkZZRWSJ75

[----------------- spoiler alert ----------------------]

โอเคก่อนอื่นกูอยากบอกว่า Kingdom of Caliburn ตั้งแต่ตอนที่ 9 จนถึง 176 หาอ่านในเน็ตไม่ได้อีกต่อไปเพราะเจ้าของลบเรื่องออกไปแล้ว ส่วน 177-186 ซึ่งเป็น arc สุดท้ายกูไปใช้กำลังภายในหาเวอร์ชั่นนิยายมาอ่านได้ (หายากจนเล่นเอาเหงื่อตกเลย) ถ้าจะให้อธิบายคือทั้ง 2 เรื่องนี้มันเป็นคนละจักรวาลกัน แต่มีวัฏจักรเดิมเกิดขึ้นแม้เนื้อหาจะแตกต่างกันอยู่บ้าง ไอ้วัฏจักรที่ว่าคือในแต่ละจักรวาล ตัวละครที่เป็นอาจารย์ของตัวเอกชายจะถูกฆ่า ตัวเอกชายกับตัวเอกหญิงที่มีเวทมนตร์แห่งรักจะหาทางไปสู้กับบอสใหญ่ด้วยกัน แต่จะจบลงด้วยตัวเอกชายถูกบอสใหญ่ตัดหัว แล้วเอาหัวตัวเอกชายไปต่อกับศพไม่มีหัวของตัวเอกชายจากจักรวาลก่อน ส่วนนางเอกในจักรวาลนี้จะหาทางข้ามมิติไปเป็นบอสจักรวาลใหม่เพื่อทำแบบเดียวกัน ถ้าอ่านแล้วงง ก็ให้อ่านต่อที่ย่อหน้าถัดไป

(1) ในจักรวาล-A พระเอก-A กับแม่มดชื่อดรอสเซลสู้บอสแล้วแพ้ พระเอก-A ถูกตัดหัว ดรอสเซลเสียใจเลยข้ามไปจักรวาลใหม่พร้อมร่างกายของพระเอก-A

(2) ในจักรวาล-B นายอัลเฟรด (พระเอกมิตินี้) กับโดโรธีสู้บอสแล้วแพ้ อัลเฟรดถูกตัดหัวไปต่อกับร่างกายพระเอก-A พระเอก-A ฟื้นคืนชีพ โดโรธีรับไม่ได้เลยพกร่างกายอัลเฟรดข้ามไปจักรวาลใหม่

(3) มาถึงจักรวาล-C โดโรธีกลายเป็นบอส สั่งกวาดล้างแม่มดซึ่งโคลเอ้ (อาจารย์ตัวเอก) ก็โดนด้วย นายอโดนิสกับโดโรกะเลยเดินทางไปสู้โดโรธี

ข้อ 2 คือเนื้อเรื่องในภาค Caliburn ส่วนข้อ 3 คือเนื้อเรื่องของภาคปัจจุบัน (ภาค ruins) เหตุผลที่พวกมนุษย์ไม่ฆ่าอโดนิสทันที เป็นเพราะโดโรธีสั่งไว้ การตัดหัวตัวเอกทั้งที่ยังไม่ได้เจอกับโดโรกะ (แม่มดที่มี Love magic ของจักรวาลนี้) จะทำให้เรื่องราวในวัฏจักรผิดเพี้ยนจนหัวของอโดนิสใช้คืนชีพให้อัลเฟรดไม่ได้ เหตุการณ์ในเรื่องมันเลยกลายเป็นอย่างที่เห็น

พอเป็นแบบนี้แล้วนักเขียนคงตัดสินใจลบเนื้อหาภาค Caliburn ออกหมดเพราะมันเป็นการสปอยเนื้อหาภาคใหม่ อย่างไรก็ตามลางสังหรณ์ของนักเขียนบอกกูว่าภาคนี้จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงเกิดขึ้น โดยเฉพาะการสิ้นสุดของวัฏจักรแห่งความทรมานเนี่ย ถ้าไม่ใช่ว่าบอสใหญ่พ่ายแพ้เป็นครั้งแรกก็อาจเป็นนางเอกภาคนี้ปลงตก ไม่คิดจะต่อหัวให้พระเอกอีกต่อไป cirle แห่งความจังไรก็จะจบลงได้เสียที

[----------------- end of spoil ----------------------]

เป็นเรื่องแนวแก้แค้นที่กูว่า lore มันทำได้ดี มีการผสมผสานการเล่าด้วยพื้นหลังและสถานที่อย่างมีสเน่ห์ ถ้าให้ลองเทียบเกี่ยวกับสไตล์การเล่าของทั้ง 2 ภาค มันทำให้กูนึกถึงเรื่อง "จอมโจรจิ๊ง" ทั้ง 2 ภาคขึ้นมาเพราะมันคล้ายกันมาก ภาคแรกจะเล่าด้วยเซตติ้งแบบแฟนตาซีคลาสสิคแล้วภาคหลังจะเล่าด้วยแฟนตาซีผสมกับอารมณ์แบบไซ-ไฟ (ในเรื่องมีเทคโนโลยีล้ำสมัย)

ที่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ต่อจากผู้กล้าโล่ เป็นเพราะการขยายสเกลเรื่องของเรื่องนี้ทำได้ดีกว่าแบบเทียบไม่ติด ตัวเอกมันไล่ระดับการแก้แค้นสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ได้โดยไม่ทำให้ความพีคลงลงเพราะศัตรูที่ต้องแก้แค้นมีหลายกลุ่ม ส่วนหนึ่งกูว่ามันเป็นเพราะผู้กล้าโล่ไม่ได้จะเน้นการแก้แค้นแต่หนักไปทางชีวิตที่ดีขึ้นของตัวเอก ดังนั้นการนำเสนอของนักเขียน King of ruins เลยดูเข้าท่ากว่า แล้วคงจบลงได้แบบไม่ต้องยืดเนื้อหาต่อด้วยน่ะ

917 Nameless Fanboi Posted ID:jkZZRWSJ75

- ตัวอย่างเรื่องแนวแก้แค้น - (มีสปอยแน่นอน ถ้าไม่อยากโดนก็ดูแค่ชื่อพอ) ที่กูพอนึกออกว่าแก้แค้นจริงๆ มีอยู่แค่ 3 เรื่องคือ

Fukushuu O Koinegau Saikyou Yuusha Wa, Yami No Chikara De Senmetsu Musou Suru (หรือที่รู้จักกันในชื่อไทยว่าผู้กล้าราอูล)

Koibito o netorare, Yuusha party kara tsuihou sa retakedo, EX Skill [Kotei Dameeji] ni mezamete muteki no sonzai ni. Saa, Fukushuu o hajimeyou (แดมเมจธาตุมืดตายตัว 9999)

กับ [Nidome No Yuusha] Maou yo, Sekai no Hanbun wo Yaru Kara Ore to Fukushuu wo Shiyou (โดนหักหลังจนเสียคน)

เรื่องแรกเป็นแนวผู้กล้าโดนหักหลังตอนจัดการจอมมารได้สำเร็จ เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล เนื้อหาแม่งทำเอาผู้กล้าฮิลยอดนักเย้ดกลายเป็นเรื่องเด็กๆ ไปเลย เดินหน้าเอาคืนเรียงตัวไม่มีพัก ใครใจไม่แข็งพอแนะนำว่าอย่าหาอ่าน จะเวอร์ชั่นนิยายหรือมังงะก็มีความกุโระหนักพอกัน นอกจากความป่าเถื่อนชนิดที่ไม่มีความหวังว่าจะได้ทำอนิเมะแล้ว ตัวเอกแม่งเน้นแก้แค้นแบบไม่มีความเงี่ยนเข้ามาเกี่ยว เอาจริงๆ มันมีแก้แค้นอีกหลายเรื่องที่โอเค แต่ส่วนใหญ่ชอบมีการเอาคืนด้วยการเด้าเข้ามาปนในเนื้อหาเยอะไป กูเลยข้ามเพราะถ้าลองคิดแบบตัวเอกสายแก้แค้นดู มันยากที่จะมีอารมณ์กับคนนิสัยแบบนั้น (แค่คิดก็ขยะแขยงแล้ว) ถือเป็นเรื่องเดียวที่กูอ่านแล้วประทับใจในความจริงจังต่อแนวเรื่อง ตัวเอกเป็นตัวละครแนว Lawful Evil มีการผสมผสานความเชื่อระหว่างหลายศาสนาทั้งคริสต์ พุทธ ฮินดู เชน เกี่ยวกับโลกหลังความตาย หลายๆ คนเลือกตัดจบเรื่องนี้ถึงแค่ตอนล้างแค้นนักบุญสำเร็จ เพราะในขั้นตอนการอัพสเกลเรื่องมันเริ่มจะออกทะเลนิดๆ ย่อหน้าต่อไปมีสปอยเนื้อหา ถ้าใครอยากอ่านเองเพื่อให้ได้อรรถรสมากกว่าขอให้ข้ามไป

[----------------- spoiler alert ----------------------]

ในช่วง 60% แรกของเนื้อหายังเป็นแค่การแก้แค้นแบบตาต่อตาฟันต่อฟันอยู่ หลังจากจัดการคนที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่บนโลกมนุษย์แล้ว ตัวเอกหลอกใช้น้องสาวจอมมารให้มาฆ่าตัวเองจะได้ลงนรกไปคิดบัญชีกับนักบุญต่อ เพราะอีนักบุญนี่มันมีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่าทุกอย่างที่ตัวเองทำไปล้วนถูกต้อง (เพราะทำตามคำสั่งของเทพธิดา) ตัวละครแบบนี้แหล่ะที่สร้างความฉิบหายมานักต่อนัก ประเภท "ชั่วร้ายแต่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองชั่วร้าย" แยกแยะไม่ได้ว่าที่ตัวเองทำมันเลวหรือไม่ ไร้สามัญสำนึกทำตามความเชื่อของตัวเองแบบสุดโต่ง เป็นความชั่วที่อันตรายสุดๆ ไปเลย ทีนี้พอจบจากทำให้นักบุญ mindbreak เรียบร้อย ตัวเอกรู้ความจริงมาว่าทุกอย่างที่ต้องเจอ เป็นแค่รายการเรียลลิตี้โชว์ของพวกเทพเจ้า ทุกความเจ็บปวดที่กูต้องเผชิญกลายเป็นความบันเทิงของพวกแม่ง นั่งดูกูโดนกระทำกันอย่างสนุกสนานมาตลอดแบบนี้ เดี๋ยวพวกมึงเจอกูแน่ การขยายสเกลใน arc ใหม่เลยเข้ารูทเหมือนเกม God of war มีเป้าหมายคือไล่ฆ่าพวกเทพเริ่มต้นจากท่านยมในนรกที่กำลังเดินเรื่องอยู่เป็นตัวแรก

บอกตรงๆ เลยว่า ณ จุดๆ นี้ของเรื่องคือไม่มีใครที่สภาพจิตปกติแล้วในกลุ่มตัวละครหลัก คนส่วนใหญ่ที่ติดตามเรื่องนี้อยู่ก็ทำได้แค่รอดูว่ามันจะจบยังไง

[----------------- end of spoil ----------------------]

เรื่อง 2 ก็โอเค ไล่เก็บทุกคนจนครบ ต้นเหตุของความฉิบหายมาจากความเงี่ยนของผู้กล้า กับแผนการใช้ตัวเอกเป็นเหยื่อสังเวยเพื่อให้ผู้กล้าเก่งขึ้น เพราะยิ่งตัวเอกจมดิ่งสู่ความมืดแค่ไหน พลังแห่งแสงของผู้กล้าก็ยิ่งมีอานุภาพมากขึ้นเท่านั้น ถ้าตัวเอกตายไปตอนต้นเรื่องทุกอย่างก็จบไปแบบเงียบๆ แต่เจ้าตัวดันรอดมาได้

เรื่องสุดท้ายพล็อตคล้ายกับเรื่องแรก แต่ต่างกันตรงตัวเอกเป็นผู้กล้าที่โดนอิเซไคมา ฆ่าจอมมารได้แล้วก็โดนเก็บเพื่อไม่ให้อยู่เป็นหอกข้างแคร่ เอาคืนแบบโรคจิตดีโดยมีจุดขายเป็นการแก้แค้นแบบ new game+ เพราะตายแล้วย้อนเวลากลับมาตอนแรกของเรื่อง คนบงการเบื้องหลังดันอยู่ในห้องอัญเชิญพอดีทีนี้ก็ว้าวุ่นเลย ชีวิตแรกเขาเป็นคนดีแต่ชีวิตนี้เขาจิตไปหน่อย น่าเสียดายตรงหาอ่านนิยายยากแล้ว เพราะ web novel โดนไล่ลบออกหลังได้ตีพิมพ์กับ kadokawa Jp.

แนวไล่ออกจากปาร์ตี้ เดี๋ยวมาต่อให้พรุ่งนี้

918 Nameless Fanboi Posted ID6:BJsY.Kx0pV

เออแล้ว ไอ้แนวไล่ออกจากปาร์ตี้ใครเป็นคนต้นคิดรายแรกของโลกว่ะ

919 Nameless Fanboi Posted ID:ZpK5XZO6h5

>>918 อันนี้ไม่รู้เหมือนกันว่ะ

ก่อนจะโดนหยิบเอามาใช้กันเกร่อแบบนี้มันต้องมีคนจุดประกายเริ่มใช้เป็นคนแรกๆ อยู่ละ แค่ตอนนั้นยังไม่ดังหรือยังไม่มีเรื่องที่ทำให้แนวนี้มันฮิตขึ้นมา

เหมือนสมัยก่อนอินุยาฉะก็เป็นแนวต่างโลก เมจิคไนท์เรเอิร์ธก็ต่างโลก มันก็ใช้พล็อตนี้กันมาเรื่อยๆ จนมันมาดังเพราะเรื่องแนวต่างโลกยุคหลังๆ แบบที่ลอกกันแล้วใช้วิธีโดนรถบรรทุกชนเหมือนกันหลายๆ เรื่องอะ

มีใครนึกออกมั้ยว่าแนวโดนไล่ออกมาแล้วเทพขึ้นทีหลังเนี่ยมีอะไรบ้างที่เป็นเรื่องยุคบุกเบิก (นอกจากผู้กล้าโล่)

920 Nameless Fanboi Posted ID6:347E7itDaN

>>919 กูรู้แต่ว่าแนวไล่ออกจากกิลดังมานานแล้วในเด็กดีนี่แหละ หลายปีมาแล้ว แฟนฟิคแฟรี่เทลยุคหนึ่ง มีแต่ลูซี่โดนไล่ออกจากกิล ไปตั้งกิลใหม่แล้วดียิ่งกว่าเดิม ไม่รู้ทำไมถึงฮิต กุยังแปลกใจแนวนี้มันมาดังในยุ่นได้ทีหลังงงใจจริงๆ 555

921 Nameless Fanboi Posted ID:I6/b/voNF1

>>918 >>920 แรกๆ มันไม่ใช่แนวที่เรียกว่าออกจากปาร์ตี้น่ะ โดยรวมคือเรื่องแนวนี้ในเว็บนิยายต่างๆ ของญี่ปุ่นเขาใช้ Tag ว่า 追放もの (exile - เนรเทศ) ไม่ได้จำกัดแค่สมาชิกปาร์ตี้ปราบจอมมาร, ปาร์ตี้ Rank S หรือปาร์ตี้ฮีโร่ แต่เป็นโดนขับไล่ในลักษณะอื่นๆ ได้ด้วย เหมือนที่กูเคยให้ตัวอย่างไปในหัวข้อ "ใครบ้างที่จะไปสมัครเป็นนักผจญภัย" (+แบบอื่นๆ ที่กูพอนึกออก)

- ลูกขุนนางสุ่มได้สกิลกากเลยโดนไล่ออกจากบ้าน
- เพื่อนสมัยเด็ก 4 คนสัญญากันว่าจะไปเป็นนักผจญภัย แล้ว 1 ใน 4 ดันได้สกิลกากเลยโดนขับออกตี้
- โดนใส่ร้ายจนต้องจากเมือง แล้วไปเจอของเทพที่เมืองใหม่
- ปาร์ตี้นี้มีพระคนเดียวก็พอ!! บทบาทในปาร์ตี้ไปซ้ำกับเพื่อนอีกคน แต่โดนไล่ออกเพราะไม่มีหี (น่าสงสาร...)
- เคยเทพมากๆ แต่เจอคำสาปแล้วกากลง เลยโดนเชิญออกจากความเป็นฮีโร่ ก่อนจะมีคนมาถอนคำสาปให้แล้วกลับมาเทพซ่าส์
- เป็นคนล้มบอสได้ แต่ราชาอยากยกผลงานให้เจ้าชาย เลยโดนเนรเทศไปอยู่บ้านนอก
- โดนทำนายว่าจะทำให้ประเทศล่มจมเลยโดนไล่ไปอยู่ที่อื่น

เอาเป็นว่าแนวนี้มันก็ไม่ใช่แนวใหม่เหมือนกัน มีมานานแล้วจนเหมือนตัวอย่างแฟนฟิคที่ >>920 บอก ซึ่งก็อาจยืมแนวทางของแนวนี้มาอีกที

ถ้าเอาตามที่กูไปค้นข้อมูลมาอ้างอิงจากแนว exile ที่ตอนนี้ serialized จากนิยายเป็นมังงะ หรือเป็นอนิเมะ 5 อันดับแรกเขียนขึ้นในปี 2020 (อันดับท้ายๆ เก่าสุดเขียนปี 2013) เลยสงสัยว่าเป็นเพราะความแค้นส่วนตัวช่วง โควิด-19 ระบาด โดนไล่ออกจากงานแล้วมาเขียนนิยายระบายอารมณ์กันรึเปล่าวะ ส่วนมากโดนไล่ออกแล้วเทพภายหลัง Epic cumback ไปมีฮาเร็มและใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์กันด้วยนะ ตกงานแล้วคงหา Escapism ปลอบใจตัวเองรึเปล่าหว่า

922 Nameless Fanboi Posted ID:TMfFw4ZW1V

พักหลังก็เห็นแนว​ กองทัพหลุดไปต่างโลกชักบ่อย​ แต่พอเห็นบอกว่าเป็นทหารจากมณฑลไท่กั๋วแล้ว​ กุนี่หลุดขำพรืด ทุกที

923 Nameless Fanboi Posted ID6:bGtkq5+gvZ

>>922 ยังมีพวกชอบดูถูกทหารไทยอีกแนะ ไปดูศักยภาพทหารไทยบ้างนะไม่ใช่เอะอะก็แซะโง่ๆ ว่าแต่บริษัทเต็มเมือง โรงงานยุ่นเยอะแยะ ทำไมไม่กล้าบอกว่ามลรัฐของทะกันหรือจังหวัดของยุ่นบ้างละ

924 Nameless Fanboi Posted ID:hk5qFth9z1

>>922 เห็นเรื่อง Gate jsdf กับอิเคไคไปยกประเทศ กระแแสตอบรับดีเลยทำตามรึเปล่า

>>923 ไม่เอา ไม่หัวร้อนแล้วโยงการเมือง

925 Nameless Fanboi Posted ID:TMfFw4ZW1V

>>923 Pffffft

926 Nameless Fanboi Posted ID:TMfFw4ZW1V

>>923 ไม่เยอะเท่าห้างร้านและบริษัทจีนว่ะ​
>>924 ก็คงงั้น​

927 Nameless Fanboi Posted ID:TMfFw4ZW1V

>>923 ผมไปศึกษาศักยภาพ​ทัพไทยมาแล้วผมนี่ตาสว่างเลย​ ผมได้รับรู้ว่าทหาร​เนี่ยไม่เกณฑ์คนก็แห่กันไปสมัคร ไปตุยกันที่ไหนเขาก็ไปกัน รบบ่อยคนยังอยากไปตุย ให้ทุนเรียนฟรี สวัสดิการรักษายกครอบครัว ตุยก็มีเงินเดือน​ ได้เป็นทหารผ่านศึกคือฮีโร่​ คนธรรมดาได้ยินยังต้องบอกว่าขอบคุณที่รับใช้ชาติ​ ผมนี่อยากแต่งนิยายทัพเมกา​ เย้ย! ทัพไทยไปต่างโลกเลย

928 Nameless Fanboi Posted ID6:bGtkq5+gvZ

>>927 ศึกษาจากนิยายเรื่องไหนครับ นิยายเขียนเองในหัวเปล่าครับ555
ลืมไปมึงเป็นนักเขียนต้องนั่งเทียนเขียนเอา หาข้อมูลรีเสิชไม่เป็น 555

929 Nameless Fanboi Posted ID:TMfFw4ZW1V

>>928 ศึกษาจากกลุ่มทหารจั๊บพรี่

930 Nameless Fanboi Posted ID6:mCclMx.gsL

ไหนๆพูดถึงทหารแล้ว กิลด์นักผจญภัยก็แล้ว ทำไมไม่เห็นพูดถึง "ทหารรับจ้าง" ล่ะ

931 Nameless Fanboi Posted ID:JH2+27Pdjs

>>930 ถ้าใช้เอาไปรบจริงๆ เมืองหลวงก็มาจ้างคนจากกิลด์นักผจญภัยเหมือนกันนะ พวกที่แยกไปตั้งแคลนก็จ้างเหมือนกัน

>>922-929 เนี่ย มันต้องแบบนี้ ถ้าโม่ง Active ทีไร เป็นต้องมีมวยให้ดูตลอด ถ้าไม่ต่อยกันเองแปลว่าไม่ได้เล่นโม่ง

932 Nameless Fanboi Posted ID:KHEQkoUE/x

ทหารปกครองประเทศนี้บ่อยผ่านการปราบนักการเมืองโกงกิน จนกุคิดว่าควรเอางบส่งพวกทหารเรียนสูง ๆ ประเทศกุจะได้เจริญสักที พวกเมิงว่าดีไหม เพราะถ้าพวกท่าน ๆ ฉลาดกันบ้านเมืองเราคงเจริญเหี้ยไปแล้ว

933 Nameless Fanboi Posted ID6:3aPcsQXsZY

>>932 เรียนสูงกับฉลาดมันคนละเรื่องนะ ไม่เห็นพวกwoke ที่จบดร. ฮาวาดหรอ
คนไทยเก่งแต่จำกับทำตาม มันคิดเองไม่ค่อยเป็น บ้ากระแสด้วย
ดูกระแสนิยายไทยได้อะ สะท้อนเลย สาละวันเตี้ยลงๆ คุณภาพต่ำลงๆ ภาษาที่ใช้ยังแย่ลงเรื่อยๆเลย แต่อีโก้ด้วยนะไม่ยอมรับ
คนไทยเก่งเรื่องวิชาชีพอะ แต่ไม่เก่งเรื่องวิชาการกับอะไรที่ต้องคิดเรื่องใหม่ๆ

934 Nameless Fanboi Posted ID:TRXqoWV/Jg

>>932 มึงจะได้แบบรัฐบาลทหารญี่ปุ่นสมัยเมจิ-ไทโช กับการศึกษาเกากลีเหนือที่ให้ความสำคัญกับอาวุธนิวเคลียร์มากกว่าสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน

935 Nameless Fanboi Posted ID:QLx.qHw7Su

เอาเรื่องพวกนี้ไปแต่งแนว AU ได้เลยนะ ในจักรวาลที่พวกอักษะชนะสงคราม

936 Nameless Fanboi Posted ID6:uDhks4YPgA

>>935 AU คืออะไรว่ะ Adobe Audition???

937 Nameless Fanboi Posted ID:OQjMHd7xqV

>>936 Alternate Universe

938 Nameless Fanboi Posted ID:LO0MfVOPR8

>>935 มีเป็นซีรี่ย์ไปแล้ว​ The Man in the High Castle​ โลกทีนาซีกับยุ่นชนะสงคราม

939 Nameless Fanboi Posted ID:57Qs0ntXn.

พวกมึงตีกันอีกแล้วเรอะ Mong ... Mong never changes จริงๆ (แต่ก็ดี กูชอบอ่านแล้วเอาไว้ทำพล็อตเรื่องใหม่ๆ)

ในที่สุดก็มาถึงหัวข้อหลักกันเสียที

เรื่องล่าสุดของแนวออกตี้ที่ได้ทำอนิเมะน่าจะเป็น Yuusha Party wo Tsuihou Sareta Beast Tamer, Saikyou Shu Nekomimi Shojo to Deau อืม... แน่นอนว่าทำมาแค่โปรโมตหลอกให้คนมาซื้อนิยาย กูเลือกเรื่องนี้มาคุยในแบบเดียวกับ Kingdom of ruins เพราะมันได้ทำอนิเมะเหมือนกัน และที่สำคัญคือแม่งเป็นเรื่องที่ "โคตรจะตามขนบแนวไล่ออกจากปาร์ตี้อย่างที่นิยายเรื่องหนึ่งจะเขียนตามสูตรสำเร็จออกมาได้" ไม่เคยเจอเรื่องออกตี้เรื่องไหนคลิเช่เท่านี้มาก่อน มีปาร์ตี้ผู้กล้าสมาชิกครบทุกบทบาท ตัวเอกไม่รู้ว่าตัวเองเทพ ด้านปาร์ตี้ก็คิดว่าที่ตัวเอกทำคือเรื่องปกติ ใช้ท่าไม้ตาย LN ทั้ง 3 ข้อได้ครบ (ตัวเอกที่ เซลฟ์-อินเซิร์ท ได้/สาวๆ ที่ใจง่าย/สกิลเทพที่มีมาตั้งแต่เกิด) และมีความสนุกในระดับพอใช้

ในหลายๆ จุดขาดความสมเหตุสมผล สาวๆ หลงรักตัวเอกง่ายเกินไป ปาร์ตี้ฮีโร่ที่โง่และกาก มีมุกหัวตี้เก่าแพ้แล้วพาลหาแหล่งยืมพลังมืดมาสู้ซึ่งถูกใช้มาแล้วหลายล้านครั้ง การควบคุม pacing ทำได้แย่ เล่นเอาบางช่วงกูต้องถอดสมองก่อนสกิมต่อไม่งั้นจะอดใจด่าทุกๆ 2 ย่อหน้าไม่ไหว จุดที่ควรเล่าเพราะมีโมเมนต์ซึ้งๆ เสือกเขียนนิดเดียว ฉากต่อสู้กับหัวตี้เก่า/ลูกขุนนางที่สามารถจบได้ใน 1 หน้า เสือกลากยาวเหมือนดราก้อนบอลยิงคลื่นเต่าทั้งตอนไม่เสร็จ แล้วได้ยินเสียงน้าต๋อยเซมเบ้พูดก่อนจบว่า "แล้วพบกันใหม่ในสัปดาห์หน้า" พร้อมตัวหนังสือ つづく มุมจอ เป็นแบบนี้กับการต่อสู้แทบทุกครั้งเพราะตัวเอกมีนิสัยตามขนบ MC ของญี่ปุ่นคือไม่อยากฆ่าคนและพร้อมให้อภัยถ้าอีกฝ่ายสำนึกผิด (naive จนบางทีน่าหงุิดหงิด) ซึ่งตรงกันข้ามกับตัวเอกจีน, เกาหลี ที่เดินหน้าฆ่าไม่เลี้ยง

สรุปว่า มันสนุกแบบพออ่านได้เพลินๆ เอาไว้อ่านตอนขี้หรือนั่งรอคิวนานๆ ก็น่าจะพอไหว แต่ถ้าหวังว่าเรื่องนี้จะ good read นี่ฝันไปเถอะ อย่างไรก็ตามใครอยากได้ตัวอย่างแนวไล่ออกจากปาร์ตี้ที่มีความเป็นแนวนี้โคตรๆ กูแนะนำให้ลองอ่านดู รับรองว่าจะสำเร็จวิชา "ออกจากตี้ไปเทพซ่าส์ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์กับไวฟุ 101" ได้ในระดับผลการเรียนยอดเยี่ยมเลยทีเดียว มีข้อนึงที่กูคิดว่าเรื่องนี้ทำได้ดีคือ มันใช้ความเป็นเทมเมอร์มาอ้างอิงความแข็งแกร่งตัวละครได้อย่างถูกต้อง พวกสาวๆ ที่โดนเทมเนี่ยเก่งอยู่แล้วส่วนพระเอกก็ได้รับพลังใกล้เคียงกันกับสาวๆ มาใช้ ทำให้ความเทพมันไม่โดดสูงขึ้นไปจนเสียสเกลพลัง และถึงจะเก่งขึ้นแบบจำกัดแต่หลายๆ อย่างที่ได้มานี่ก็ทำให้เทพกว่าตี้ฮีโร่ไปหลายขุม ยิ่งเทมสาวได้เพิ่มก็ยิ่งได้ความสามารถอื่นๆ มากตามไปด้วย

แต่สมมุติถ้าอยากได้แนวออกตี้แล้วเทพสัสหมา OP แบบไม่สนว่าสเกลพลังในเรื่องจะพังพินาศหรือไม่ กูขอแนะนำเรื่องพวกนี้แทน

Keikenchi Chochiku de Nonbiri Shoushin Ryokou (โดนไล่ออกแถมเมียทิ้งแต่ได้ราฟทาเลียก้อปเกรด A มาฮิลใจ)

Fuguushoku "Kanteishi" ga Jitsu wa Saikyou Datta: Naraku de Kitaeta Saikyou no "Shingan" de Musou suru (นักประเมินฮาเร็มต้นไม้โลก)

Kouryakuhon o Kushi Suru Saikyou no Mahoutsukai ~< meirei sa sero > to wa Iwa Senai Oreryuu Mao Tobatsu Saizen Ruuto ~ (จอมเวทโดนไล่กับสารานุกรมครอบจักรวาล)

รับรองว่าเทพซ่าส์ชนิดว่ากู่ไม่กลับของแทร่

940 Nameless Fanboi Posted ID:57Qs0ntXn.

- ตัวอย่างแนวออกจากปาร์ตี้ - (จะมีอธิบายเซตติ้งและระบบความสามารถพื้นฐานด้วย) หามาให้ 3 เรื่องที่ถูกพูดถึงอยู่บ่อยๆ

*** มีสปอยหนักหน่วงเพราะจะล้อเลียนเรื่องความคลิเช่ให้ฟังระหว่างทาง ใครไม่อยากโดนก็เอาแค่ชื่อไปอ่านเอง***

(1) S-Rank Party Kara Kaikosareta (ถูกเตะออกตี้เพราะเป็นนักทำไอเท็มต้องสาป)

สมาชิกปาร์ตี้เก่าโดนเนิฟสมองเหมือนทุกครั้ง เข้าใจว่าที่ฝ่าฟันมาถึงระดับสูงได้เป็นเพราะความเก่งของตัวเองก็เลยเตะตัวเอกออกตี้ เรื่องนี้โดนด่าเพราะตัวเอกแม่งขาดสามัญสำนึกบางอย่างไป เช่น ไอเท็มต้องสาปที่ทำขึ้นมามีเอฟเฟคโครตดีแต่เจ้าตัวดันคิดว่ามันเป็นของธรรมดา หรือดีบัพที่ใช้ใส่มอนสเตอร์จากแนวหลังช่วยให้เพื่อนในตี้สู้ได้โคตรง่ายมันไม่ได้เจ๋งเท่าไหร่ เป็นตัวละครสไตล์ปิดทองหลังพระที่โดนไล่ออกจากตี้เช่นเคย อาวุธและชุดเกราะของคนในตี้เป็นสิ่งที่ตัวเอกคราฟให้ ซึ่งเพิ่มสเตตัสให้อย่างมหาศาลแต่มีคำสาป "ลด exp ที่ได้รับ" กับ "ติดสถานะอ่อนแอตลอดเวลา" และเพื่อให้เพื่อนๆ ทุกคนไม่ต้องโดนคำสาปนี้ ตัวเอกเลยมัดรวมผลข้างเคียงของไอเท็มทุกชิ้นมาไว้ที่ตัวเองแทน จนสเตตัสต่ำลงอย่างมากและได้ exp น้อยจนเลเวลห่างจากเพื่อน

ก่อนออกจากตี้ตัวเอกเห็นว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องแบกรับคำสาปแทนเพื่อนอีกต่อไป เลยสั่งใช้สกิล Dispell ล้างเอฟเฟคบนของทุกชิ้นที่ให้เพื่อนออก จนดีบัพ exp กับดีบัพอ่อนแรงในตัวหายเกลี้ยง แต่นั่นก็ทำให้เอฟเฟคเพิ่มความสามารถต่างๆ บนไอเท็มหายไปด้วยเช่นกัน สมาชิกใหม่ที่เข้ามาแทนที่ตัวเอกรู้สึกได้ว่าพวกในตี้อยู่ดีๆ ก็กากลงไปโคตรๆ ตอนเวท Dispell ทำงาน จนสงสัยขึ้นมาว่าที่ผ่านมาคนพวกนี้มันเก่งได้เพราะผลจากไอเท็มที่ตัวเอกคราฟให้รึเปล่าวะ (เออ หัวไวดี) หลังจากนั้นก็คือต่างคนต่างไปโดยที่ตัวเอกของเราเบนเข็มไปเอาดีด้านการค้า กะว่าจะเปิดร้านขายอุปกรณ์ต้องสาปที่ตัวเองคราฟขึ้นมา ตอนแรกเปิดร้านในเมืองหลวงแต่มีเรื่องให้ต้องหนีไปเปิดร้านแถวบ้านนอกแทน

แล้วความตามสูตรก็บังเกิด สมาชิกใหม่ที่มาแทนตัวเอกพบว่าพวกตี้เก่าแม่งกากสัสจนสุดท้ายเควสล้มเหลว ด้วยความปากหมาและการไม่ยอมรับความจริงของพวกแม่ง เลยโดนน้องบัฟเฟอร์สาวสุดอึ๋มซ้อมเพราะทนฟังไม่ไหว ออกตี้แล้วไปหาเมืองอื่นทำเควสแทน ตอนขึ้นรถม้าข้ามเมืองก็มาเจอกับตัวเอกพอดีในรถคันเดยวกัน มีฉากให้ต้องช่วยกันสู้เพื่อป้องกันพวกมอนสเตอร์นิดหน่อย จนน้องบัฟเฟอร์เข้าใจว่าพระเอกแม่งเทพสัสนี่หว่า นอกจากสเตตัสกับเลเวลที่แท้จริงจะกลับมาแล้ว อาวุธต้องสาปกับดีบัพที่พระเอกใช้แม่งเทพเว่อร์ เช่น ลดความเร็วในพื้นที่ 90% (มอนช้าจนสโลว์โมชั่น) โดนสภาวะหวาดกลัวจนโจมตีไม่ได้ (ติด fear ขั้นสูง) มีดสั้นมีสกิลโจมตีทะลุ DEF และมีโอกาสเล็กน้อยที่จะสาปเป้าหมายให้ตายทันที (ไอ้เหี้ยมีด one hit kill)

มีฉากให้กุ๊กกิ๊กกันนิดหน่อยหลังจบการต่อสู้ แต่ด้วยความเป็นตัวเอกชายที่โคตรจะญี่ปุ๊น-ญี่ปุ่น เลยทำตัวซื่อบื้อไม่รู้ว่าสาวเจ้าคิดยังไงแล้วจบตอนด้วยการเข้าตี้กัน (ซึ่งก็ตามสูตรอีกเช่นเคย) ไอเท็มที่ตัวเอกคราฟมาแต่ละอย่างมีผลดีโคตรโหด เช่นใส่แล้ว Agi x2 กับ Str x4 ในชิ้นเดียวกัน หรือพลังป้องกัน x3 กับ ไม่ติดพิษอย่างแน่นอน ในชิ้นเดียวกัน ตามปกติ Curse item พวกนี้มักมาพร้อมผลร้ายที่หนักหนาเหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม เช่น ใส่แล้วคุ้มคลั่งไม่รู้ว่าใครเป็นเพื่อนหรือเป็นศัตรู (โจมตีทุกเป้าหมายในระยะสายตา) หรือทุกครั้งที่โจมตีพลังชีวิตจะถูกหักออก 10% (ตีครบ 10 ทีก็เป็นลมตายเอง) แต่ๆๆ ... ด้วยความที่เป็น Cursifier ตัวเอกเลยสามารถถอดดีบัพนรกพวกนี้ออกจากไอเท็มได้ ทำให้ของที่มีเพียงข้อดีชิ้นนั้นกลายเป็นไอเท็มระดับสมบัติประเทศหรืออาจไปถึงขั้นเป็นอาร์ติแฟค, อุปกรณ์ในตำนาน (เพราะมีบางครั้งคราฟออกมาแล้วเสือกได้บัพ 3-5 ออฟชั่น)

ไอ้อาวุธกับชุดเกราะที่ว่านี้แหล่ะ ทำให้สมาชิกในตี้เก่ามันเทพเว่อร์ขึ้นในระยะเวลาช่วงสั้นๆ พอโดนลบออฟชั่นในอุปกรณ์สวมใส่มั้งหมดออกไป ความสามารถที่เคยคิดว่าเป็น A+ กำลังจะได้เลื่อนขึ้น S เลยกลับมาอยู่แถวๆ C หรือ D เท่านั้น พวกลูกค้าที่ซื้อของจากตัวเอกไปก็ประทับใจกันทุกคน เพราะเอฟเฟคด้านดีมันสุดยอด ผลข้างเคียงต่างๆ ก็ถูกลบออก เหลือแค่ข้อเสียที่ว่าติดตั้งแล้วจะถอดออกจากตัวไม่ได้ ซึ่งตัวเอกก็แถมแผ่นกระดาษเขียนสกิล Dispell ไว้ให้ลูกค้าไปคนละ 1 ใบ กรณีได้ไอเท็มใหม่ที่ดีกว่ามาแล้วอยากถอดชิ้นนี้ออก (แต่ของชิ้นนั้นจะกลายเป็นของธรรมดา)

941 Nameless Fanboi Posted ID:57Qs0ntXn.

พวกปาร์ตี้เก่าเข้าใจว่าที่พวกแม่งกากลงเป็นเพราะตัวเอกร่ายคำสาปแกล้งไว้ก่อนออกตี้ เลยพยายามตามหาเพื่อฆ่าทิ้ง แต่ด้วยความที่กากเกินทำให้เควสล้มเหลวรัวๆ ตกต่ำถึงขั้นไม่มีเงินเช่าห้องพักในทาเวิร์น ต้องนอนตามตรอกแคบๆ อย่างไรก็ตามนักเขียนก็มองเห็นแล้วว่าถ้าจบตรงนี้เดี๋ยวขายต่อยาก เลยเดินเรื่องให้พวกตี้เก่ามีโอกาส cumback ไปไลล่าตัวเอกทั้งๆ ที่อีกฝั่งกำลังหาทุนเปิดร้านขายของอย่างสงบสุขอยู่

เรื่องที่ทำให้นักเขียนถูกด่าคือความไม่รู้ประสาของตัวเอก บางทีโดนล้อว่าที่ผลิตของโหดๆ ออกมาได้นั้น ต้องแลกมาด้วยการโดนคำสาปทำให้สมองเสีย สามัญสำนึกขั้นพื้นฐานหายไป ซื่อตรงจนแอบปักธงสาวๆ ในเรื่องเพียบโดยไม่รู้ตัว แล้วก็ไม่เข้าใจด้วยนะว่าเขาเขินกันเพราะอะไร You dense motherf**ker !! คนอ่านเขาอาจหงุดหงิดปนสงสัย แต่กูเข้าใจดีเลยในฐานะผู้ผลิตเหมือนกัน ว่าการออกแบบตัวละครให้มีความออทิสติกอ่อนๆ แบบนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้มันออกมาสนุกแบบแนวตลกโปกฮา เท่าที่อ่านมาจนถึงตอนที่กูเล่า กูว่าเรื่องนี้ออกตี้แบบเน้นไปที่ความคอเมดี้มากกว่าซีเรียส ตัวเอกไม่รู้ตัวว่าตัวเองเก่ง คราฟไอเท็มมาโดยคิดว่าคงเป็นได้แค่ของตกแต่งบ้าน ปล่อยของขายราคาครึ่งเดียวจากของทั่วไปในตลาด ปักธงสาวแล้วไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป เป็นความ OP ที่มาพร้อมความไม่รู้เรื่อง ใช้ความเข้าใจผิดพวกนี้เป็นตัวขับเคลื่อนให้เนื้อหาเดินหน้าไปได้เรื่อยๆ

โดยรวมคือแนวออกตี้ที่ใช้ trope เดิมๆ มาเปิดเรื่องในช่วงแรก แต่ต่างไปตรงที่ไม่มีการปะทะกันระหว่างตัวเอกกับตี้เก่า เพราะฝั่งนึงหมดสมรรถภาพกับอีกฝั่งนึงเลือกไปทำการค้าในดินแดนใหม่ เป็นแนวออกตี้ที่อ่านสนุกได้และชวนให้ขำมากกว่าสะใจ เดินเรื่องไปเรื่อยๆ เจอสาวๆ ก็ช่วยไว้แล้วเป็นมิตรกันแบบไม่ถึงกับหลงหัวปักหัวปำอะไรปานนั้น สมแล้วที่เป็น 1 ใน 3 เรื่องที่ถูกจับตามองในขณะนี้

สรุปรายละเอียดความคลิเช่ที่ถูกใช้ไปในเรื่องช่วงแรก

☑ ปาร์ตี้เก่าโง่และกาก
☑ ปาร์ตี้เก่าเติบโตขึ้นเพราะตัวเอกอยู่เบื้องหลัง
☑ ตัวเอกเป็นอาชีพสาย support
☑ โดนเตะออกจากปาร์ตี้ด้วยข้ออ้างว่าเป็นตัวถ่วง
☑ ออกจากตี้แล้วชีวิตดีขึ้นทันตาเห็น และเทพซ่าส์ขึ้นเรื่อยๆ
☑ ปาร์ตี้เก่าเกิดเรื่องร้ายแบบกรรมติดจรวด
☑ สมาชิกใหม่ที่จะเข้ามาแทนตัวเอกเป็นผู้หญิง
☑ สาวคนที่ว่าไปเข้าตี้ใหม่กับตัวเอก
☑ โดนปาร์ตี้เก่าตามล่า
☑ ปาร์ตี้เก่าตกต่ำจนน่าทุเรศ
☑ ปาร์ตี้เก่า cumback จากโอกาสที่ได้มาใหม่หรือใช้พลังที่ยืมมาจากด้านมืด

เขียนไปเขียนมาเหมือนเป็นการรีวิวเรื่องไปแทนแล้วแฮะ
ก็เออ... ช่างมัน เดี๋ยวไว้ค่อยมาต่ออีก 2 เรื่องทีหลัง แต่ตอนไหนไม่รู้นะ ต้นปีมันค่อนข้างยุ่ง (ระหว่างนี้เชิญทะเลาะกันต่อไปพลางๆ ก่อน)

942 Nameless Fanboi Posted ID:6PjXwj6UfM

>>912 กุเห็นด้วยนะ​ มันควรค่ากับการจัดเก็บไว้ให้เป็นหลักแหล่ง

943 Nameless Fanboi Posted ID6:KsDksba1EP

พวกกูจะมีสารานุกรมของตัวเอง โดยพวกเด็กดีเลิกทำแล้วสินะเนี่น

944 Nameless Fanboi Posted ID6:uh8ydKQ89K

ใกล้จะครบ 1000 แล้ว อย่าลืมคิดชื่อเตรียมบทใหม่ล่วงหน้าด้วย

945 Nameless Fanboi Posted ID6:uh8ydKQ89K

Ky เลิกเขียนเกมล่าคนเพื่อแม่แล้วรึ https://www.dek-d.com/board/writer/4102506/

946 Nameless Fanboi Posted ID:TEZNA27zt9

เรื่องต่อไป...

(2) Point Gifter "Keikenchi Bunpai Nouryokusha" no Isekai Saikyou Solo Life (โดนเตะออกกิลด์เหมือนของใช้แล้วทิ้ง)

ก่อนคุยกันเกี่ยวกับเนื้อเรื่องขอคุยเกี่ยวกับมังงะที่วาดจากนิยายเรื่องนี้ก่อน คือถ้ากูรู้ว่านิยายเรื่องไหนมันมีมังงะแล้ว กูชอบตามไปดูว่ามันแปลงจากนิยายเขียนมาเป็นนิยายภาพในรูปแบบไหน เอาไว้เป็น ref กรณีใช้เขียนอธิบายให้ออกมาเห็นภาพมากขึ้น (หรือที่เรียกว่าพยายาม steal วิธีการเล่าจากตัวอย่างในฉากนั้นๆ) อืม... อ่านไปอ่านมาแล้วก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า "ทำไมลายเส้นแม่งเหมือนดาบพิฆาตอสูรเลยวะ" หน้าตาพระเอกนี่มันคือทันจิโร่เวอร์ชั่นผมสั้นชัดๆ แถมยังชอบทำหน้าเอ๋อเหมือนกันอีก จากที่ลองไปค้นชื่อคนวาดเทียบกับทีมงานของจารย์เข้ (คนวาด Kimetsu no yaiba) กูยังไม่พบความเกี่ยวข้องใดๆ ทำได้แค่เดาว่าผู้ช่วยของนักวาดคนนี้อาจเคยอยู่ในทีมจารย์เข้มาก่อน ก็เลยติดนิสัยใช้ลายเส้นเดิมกับงานเรื่องใหม่

เรื่องนี้มีความไม่สมเหตุสมผลหลายข้อมาก อ่านที่กูเล่าเดี๋ยวพวกมึงก็จะเข้าใจเอง

เปิดเรื่องมาพระเอกชื่อฟิลโด้ (อ่านทีไรชวนให้นึกถึง*วยปลอมทุกที) โดนหัวหน้าตี้ใช้ให้ไปซื้อของ ถูกโขกสับสารพัดเพราะตัวเองมีหน้าที่แค่ไปอยู่ในกลุ่มเพื่อเร่ง EXP ให้ได้โบนัสมากขึ้น พอซื้อกลับมาถึงที่พักหัวหน้าตี้ที่ควบตำแหน่งหัวกิลด์ด้วยก็บอกว่า เงินตอบแทนจากเควสรอบล่าสุดของเอ็งจะถูกหักออกนะ เป็นหนึ่งในความคลิเช่ที่ไม่รู้เป็นเหี้ยอะไรชอบอ้างเรื่องความมีส่วนร่วมในแนวหน้า แล้วหักเงินของตัว support ไปจนแทบจะไม่พอแดก (เรื่องของต้องสาปข้างบนก็โดนทำนองนี้เหมือนกันแต่กูลืมบอก) หลังโดนหยามจากสมาชิกในตี้ทีละคนเสร็จ นายกวยปลอมของเราก็ไปนอนเหงาๆ ในห้องพักแล้วใช้สกิลของตัวเองจัดสรรจำนวน EXP ที่คนในตี้จะได้รับจากการไปลุยดันเจี้ยนรอบก่อนหน้านี้

การทำงานของสกิล Point Gifter ที่พระเอกมีคือ เมื่อเข้าร่วมกลุ่มใดๆ สมาชิกภายในกลุ่มนั้นจะได้รับโบนัส EXP จากการล่ามอนสเตอร์เพิ่มขึ้นอย่างมาก (ในเรื่องไม่ได้บอกไว้ว่าเพิ่มกี่เท่า แต่กูเดาได้เลยว่าโคตรเยอะ) นอกจากนั้นแล้วพระเอกยังสามารถควบคุม, แบ่งส่วน และจัดสรรผู้รับ EXP พิเศษนี้ได้อย่างอิสระ ซึ่งกลายมาเป็นความไม่สมเหตุสมผลข้อแรกที่กูรู้สึกข้องใจ ว่าทำไมพระเอกถึงยังอยู่แค่เลเวล 1 ในขณะที่คนในปาร์ตี้กลายเป็นนักผจญภัยแนวหน้าระดับประเทศ แถมยังเป็นตี้ที่มีเลเวลสูงสุดอีกด้วย

อ่านต่อไปเรื่อยๆ ก็ได้คำตอบว่า พระเอกอายุน้อยที่สุดในตี้และเป็นพวกหัวอ่อน ถูกหัวตี้ยัยเยียดความคิดว่า booster อย่างเอ็งไม่จำเป็นต้องเลเวลอัพก็ได้ รอโอน EXP กับแบกของดรอปกลับเมืองให้พวกกูก็พอ แล้วไอ้กวยปลอมก็เสือกเห็นด้วยเฉยว่าสกิลของเรามันใช้ในการรบไม่ได้จริงๆ โอน EXP ไปให้พวกแนวหน้าแทนดีกว่า ถ้ายังนึกไม่ออกว่าการโอน EXP ของ setting ที่นักเขียนมันบอกไว้เป็นแบบไหน เดี๋ยวกูจะเขียนให้เข้าใจง่ายขึ้นเป็นข้อๆ

947 Nameless Fanboi Posted ID:TEZNA27zt9

ปาร์ตี้มีกันทั้งหมด 5 คนไปล่ามอนสเตอร์ 1 ตัว
เข้าไปลุย 4 แล้วให้ไอ้ฟิวโด้ไปหลบอยู่ห่างๆ
พอมอนตายคนที่สร้างความเสียหายจะได้รับ EXP หารเท่า
สมมุติว่ามอนสเตอร์ให้ EXP 400 หาร 4 คนได้คนละ 100
สกิลของฟิลโด้ boost เพิ่มจาก 100 เป็น 3,000 สำหรับทุกคนในปาร์ตี้
เท่ากับว่ามอนสเตอร์ตัวนี้ถูกปรับแต่งให้มอบ EXP 15,000 แทน
ฟิลโด้ที่ได้ EXP พิเศษมา 3,000 สั่งโอน EXP ของตัวเองไปให้คนอื่น
แต่ละคนในปาร์ตี้จึงได้ EXP 3,000 + 750 = 3,750 หน่วย
ส่วนพระเอกของเราไม่ได้เหี้ยอะไรเลยนอกจากเศษเงิน

นอกจากการเป็นสมาชิกปาร์ตี้แล้ว ฟิลโด้ยังเป็นสมาชิกกิลด์ของไอ้หัวตี้ด้วย นั่นเท่ากับว่าสมาชิกที่มาสมัครเข้ากิลด์ของไอ้คล้อด (ชื่อหัวตี้ตัวร้าย) จะได้รับผล EXP x30 ทันทีเมื่อออกล่ามอนสเตอร์แม้จะไม่ได้อยู่ในตี้เดียวกันกับพระเอก ตามที่คำอธิบายสกิลบอกว่าจะมีผลทันที "เมื่อเข้าร่วมกลุ่มใดๆ"

กลับมาที่ส่วนต่อไปของเนื้อเรื่อง กลางดึกวันเดียวกันนายดิลโด้ เอ๊ย! ฟิลโด้ โดนไอ้คล้อดเรียกไปคุยบอกว่าแต่วันนี้เป็นต้นไปมึงถูกไล่ออก พระเอกของเราก็ดิ้นรนเฮือกสุดท้ายตามประสาพระเอกแนวโดนไล่อย่างสุดจะคลิเช่ว่า ถึงจะไม่ได้ออกรบแต่สกิลที่มีก็ช่วยให้ทุกคนเก่งขึ้น ทำเควสปราบปรามเสร็จกูก็ช่วยขนของกลับให้ พอมาถึงเมืองก็เป็นธุระหาซื้อของใช้จำเป็นแทนพวกมึงจนแทบจะกลายเป็นคนใช้ การมีส่วนร่วมทดแทนพวกนี้มันไม่มีความหมายอะไรเลยเหรอ พอได้ยินอย่างนั้นไอ้หัวกิลด์ก็หัวเราะลั่นแล้วบอกว่าในเมื่อพวกกูเวลเยอะกันแล้ว ความโด่งดังของกิลด์ก็มาถึงจุดสูงสุดแล้ว (เป็นกิลด์ที่มีอัตราความสำเร็จภารกิจอันดับ 1) booster อย่างมึงก็ไม่จำเป็นอีกต่อไปยังไงล่ะ

กวยปลอมช้ำใจน้ำตาแทบจะไหลขึ้นหน้าผากถามไอคล้อดเป็นครั้งสุดท้ายว่ามึงแน่ใจนะว่าจะไล่กูออกจากกิลด์ ถ้ากูออกไปจริงๆ นอกจากปาร์ตี้ของเราแล้วสมาชิกในกิลด์ก็จะได้รับผลกระทบไปด้วยนะ ไอ้หัวกิลด์ได้ยินก็ไม่พูดอะไรแต่ถีบยอดหน้าพระเอกจนกระเด็นออกจากประตูทางเข้ากิลด์แทนคำตอบ พอประตูสำนักงานกิลด์ปิดลง ไอ้ฟิลโด้ที่ตาสว่างก็สั่งปลดสกิลตัวเองออกจากปาร์ตี้และกิลด์ของไอ้คล้อดแล้วเดินจากไปพร้อมเสียงแจ้งเตือนที่ดังว่า "เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น" ทุกๆ 3 วินาที

ตรงจุดนี้เรื่องจะเล่าแค่ว่าเลเวลของฟิลโด้มันพุ่งขึ้นอย่างเว่อร์ (แต่ไม่รู้เป็นเหี้ยอะไร ถึงไม่ยอมบอกว่าเวลเท่าไหร่) สเตตัสต่างๆ ในหน้าจอก็เยอะสัสหมา พระเอกของเราพอไม่มีกิลด์อยู่ก็เลยไปของานทำที่สมาคมนักผจญภัยกลางซึ่งเป็นกิลด์นักผจญภัยประจำเมือง *** พอถึงจุดนี้กูคิดว่า setting ของคนเขียนมันไม่ได้กำหนดว่าให้มีกิลด์อยู่หลายกิลด์ แต่กำหนดให้ Clan ถูกเรียกว่ากิลด์เหมือนกัน พอไอ้โด้โดนเตะออกจากแคลน เลยไปหางานทำที่กิลด์นักผจญภัยแทน *** สมัครเสร็จพระเอกจำได้ว่าเมื่อคืนฝันถึงเนื้อมังกรที่เคยอยากกิน เลยขอเควสล่ามังกรจากพี่สาวพนักงานต้อนรับ คุณเธอก็ลังเลอยู่ว่าเควสแรกมามึงจะลุยมังกรเลยเหรอ ระหว่างที่กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะให้ทำเควสดีหรือไม่ ตาลุงนักผจญภัยคนนึงก็โผล่มาหาเรื่องให้พระเอกโชว์เทพและได้เควสปราบมังกรมาอย่างสะดวกสบาย (จนนักเขียนดูมักง่าย) ตรงนี้กูมีความเอ๊ะ! นิดๆ เพราะปกติกิลด์นักผจญภัยจะไม่อนุญาตให้รับเควสข้าม Rank ขนาดนี้ แต่ก็เอาเถอะ บางทีในโลกของเรื่องนี้อาจอนุญาตก็ได้ ช่างแม่ง

948 Nameless Fanboi Posted ID:TEZNA27zt9

ช่วงที่ฟิลโด้เดินทางไปปราบมังกร สมาชิกใหม่ที่จะมาเข้าตี้พี่คล้อดแทนพระเอกกำลังทดสอบฝีมืออยู่ที่สนามประลองของกิลด์ นักดาบสาวฉายา sword saint โชว์เทพจนสอบผ่านเสร็จแล้วก็ถามหาไอ้โด้ทันที อืม... ตามสูตรเป๊ะ สมาชิกใหม่เป็นผู้หญิง, เข้าตี้มาเพราะอยากเจอตัวเอก พวกมึงคงพอเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อใช่มั้ย

พี่คล้อดได้ยินแล้วก็เหงื่อแตกเหมือนคนท้องเสีย บอกน้องนักดาบชื่อ "ลูนาซิส" ว่าฟิลโด้มันลาพักร้อนไปเที่ยวอีก 2-3 วันถึงจะกลับให้เธอรอไปก่อน ที่ต้องโกหกแบบนี้เพราะกลัวว่าสมาชิกใหม่สุดแกร่งจะออกจากกิลด์ไปหาไอ้โด้แทนถ้ารู้ความจริง พอคิดว่าจะไปเชิญพระเอกกลับมาก็ไม่อยากเสียหน้าอีก แล้วจู่ๆ พี่คล้อดก็ทำตัวช่องคลอด คิดไปว่าถ้าไม่มีพระเอกแล้วน้องนักดาบก็ไม่มีเป้าหมายให้ไล่ตาม เลยจะออกไปตามหาไอ้โด้แล้วฆ่าทิ้งแบบให้ดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุระหว่างไปเที่ยว (WTF! มึงคิดได้ไงวะไอ้นักเขียนนน)

เรื่องราวโดยสรุประหว่างนี้คือ ฟิลโด้เดินทางไปถึงพื้นที่เป้าหมาย เจอคณะเดินทางของพ่อค้าจากหอการค้าเมืองหลวงที่เดินทางต่อไม่ได้เพราะเห็นว่ามีมังกรอยู่บนถนนไม่ไกลนัก พระเอกของเราบอกว่าผมมาล่ามังกรตัวนั้นพอดีให้ลุงรอแป๊บนึง ฉากต่อสู้นี่น่าสมเพชดี เพราะไอ้โด้ไม่เคยต่อสู้แนวหน้า เลยเจอทั้ง ตีน, ไฟ, และหางมังกรไปจนน่วม ที่ยังไม่ตายเป็นเพราะเลเวลเยอะกับสเตตัสสูงมากเฉยๆ สู้ไปสู้มาก็ตัดหัวมังกรได้แต่ตอนกลับไปแจ้งข่าวให้ลุงพ่อค้า พี่ช่องคลอดกับพวกก็จับลุงเป็นตัวประกันเพื่อขู่ไม่ให้พระเอกขัดขืน ทว่าพอถึงตอนที่จะสู้กันก็เกิดความผิดปกติขึ้นหลายอย่าง เช่น ไอ้ช่องคลอดยกดาบที่เคยใช้ไม่ขึ้น เจ๊นักเวทใช้สกิลน้ำแข็งฟรอสไบท์แต่สิ่งที่ออกมาจากปลายไม้เท้ากลายเป็นสายลมเย็นสบาย ตัวชนเจอเตะทีเดียวอ้วก พระฮิลให้ก็ไม่ดีขึ้น พอเห็นว่าสู้ไม่ได้ก็เลยพากันหนีไป ส่วนพระเอกขอให้ลุงย่างสเต๊กเนื้อมังกรให้เป็นการตอบแทน

สาเหตุที่พวกพี่คลอดกากลงเป็นเพราะเมื่อฟิลโด้ออกจากกิลด์ EXP พิเศษที่เคย boost ด้วยสกิล Point Gifter ทั้งหมดจะถูกดึงกลับไปหาเจ้าของนั่นก็คือตัวพระเอกเอง เรื่องนี้เป็นอะไรที่เลวร้ายมากจนไม่น่าแปลกใจที่พวกตี้เก่าจะสู้พระเอกไม่ได้ หลังจากโดนยึดโบนัส EXP ไปแล้ว จำนวน EXP ที่อยู่ในตัวของสมาชิกกิลด์คนอื่นจะเหลือแค่จำนวนปกติก่อน boost สิ่งนี้ส่งผลให้เลเวลของทุกคนลดลงฮวบฮาบ ดังนั้นการที่พี่ช่องคลอดจะยกดาบไม่ขึ้นจึงเป็นเรื่องปกติ เหมือนกับพวกอาวุธในเกมที่ใส่ได้ตอนเลเวล 95 และต้องมี Str พื้นฐาน 200 พอเลเวลลดเหลือ 50 และ Str มีไม่ครบตามข้อกำหนดก็เลยใช้ไม่ได้ไปโดยปริยาย

แล้วก็มาถึงจุดที่นักอ่านโปรดปราน... ความฉิบหายของปาร์ตี้เก่านั่นเอง พวกพี่คลอดโดนพระราชาเรียกเข้าวังไปพบ เพราะมีข่าวว่าปาร์ตี้พี่คลอดจับตัวประกันและพยายามฆ่านักผจญภัยคนอื่น สมาชิกในตี้ได้คุกเข่าตัวสั่นแต่พี่หัวตี้ของเราตีหน้านิ่งอ้างว่า เป็นแค่พวกคนหน้าเหมือนมาแอบอ้างชื่อแล้วก่อเหตุ พระราชาเลยสั่งว่าให้กิลด์ของพี่คลอดหยุดการรับภารกิจไปก่อนจนกว่าจะจับตัวคนร้ายพวกนั้นได้ (ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้) เรื่องนี้ทำเอาพี่คลอดหมดทางหากินเลยทีเดียว หลังจากปาร์ตี้เก่าออกจากวังไป พระราชาก็เรียกฟิลโด้เข้ามารับรางวัลปราบมังกรพร้อมเชิญให้มาเป็นขุนนาง เจ้าพระเอกของเราปฏิเสธเพราะคิดว่าตัวเองอายุยังน้อยและอยากออกไปท่องโลกกว้าง ราชาก็ไม่ว่าอะไรแล้วบอกให้หัวกิลด์จากกิลด์ใหญ่อีกกิลด์คอยจับตาดูเจ้าหนุ่มไว้ อันที่จริงพระราชารู้ความจริงหมดแล้วเพราะพ่อค้าที่ฟิลโด้ช่วยไว้เป็นคนสนิทส่วนพระองค์ ก็เลยสั่งยุบกิลด์พี่คลอดทางอ้อม ไม่ช้าก็เร็วกิลด์ที่รับงานไม่ได้ก็ต้องล่มสลายอย่างแน่นอน

949 Nameless Fanboi Posted ID:TEZNA27zt9

หลังจากนั้นก็มีความฉิบหายเกิดขึ้นกับพวกพี่คลอดอีกหลายอย่าง เช่น สมาชิกกิลด์ที่รับงานค้างไว้ก่อนโดนห้าม พากันกากลงจนเควสไม่สำเร็จทุกปาร์ตี้ คนที่บาดเจ็บกลับมาต้องใช้เงินของกิลด์รักษา นักผจญภัยส่วนใหญ่ก็พากันย้ายกิลด์เพราะอยู่ต่อไปก็รับงาน เหลือไว้แค่พวกไม่ออกไปทำเควสแต่กระดิกตีนรอรับเงินเดือน (ซึ่งตรงนี้แหล่ะทำให้กูคิดว่ามันเป็นแคลนมากกว่ากิลด์) เงินกองกลางของกิลด์ก็ลดลงเรื่อยๆ พอรับเควสไม่ได้ก็ต้องไปทำงานสาธารณะประโยชน์ เก็บขยะ ทำความสะอาด พอทนรับความอับอายไม่ไหวก็แอบไปรับเควสเถื่อนโดยตรงมาทำ แล้วเสือกสู้มอนสเตอร์ระดับกลางไม่ไหวจนเควสล่ม ได้รับบาดเจ็บมาพระในตี้ก็รักษาได้แค่ไม่กี่ครั้งเพราะเลเวลกากลง ต้องขายของเทพๆ ที่เคยมีประทังชีวิตแล้วเปลี่ยนมาใช้ของธรรมดาที่ขายในร้านอุปกรณ์ ทุกอย่างมันเลวร้ายลงเรื่อยๆ จนกระทั่ง... (อยากรู้ว่าพวกนี้จบยังไงก็ไปหาอ่านกันเอง)

เนื้อหาต่อจากนั้นเป็นการเข้าสู่ arc ใหม่อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย นายฟิลโด้เดินหาซื้อของในเมืองอยู่ดีๆ ก็โดนนักดาบสาวสมาชิกใหม่โผเข้ากอดแบบไม่ทันตั้งตัว บอกชื่ออะไรเสร็จก็อวยพระเอกจนออกนอกหน้า แล้วบอกว่าขอเข้าตี้กันได้มั้ย ไอ้โด้ที่ยังตกใจไม่หายก็ปฏิเสธ (เป็นกู กูก็ไม่เอาเหมือนกันวะ ทำตัวน่าสงสัยเกินอีนี่) ตรงนี้นะ เป็นความคลิเช่อีกเช่นเคย เพราะตัวละครไวฟุแคนดิเดตมีจุดมุ่งหมายว่าจะมาเข้ากิลด์พบตัวพระเอก น้องลูนาซิสหาข้อมูลมาเป็นอย่างดี รู้ว่าฟิลโด้มีสกิลบูสและแบ่ง EXP ในกลุ่มได้ แถมยังใจดีแบ่ง EXP ให้ทุกคนในกิลด์ทั้งหมดอีกซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายกย่องมาก ยิ่งรู้แบบนี้ไอ้โด้ยิ่งระแวงหนักขึ้นไปอีกว่ามึงวางแผนอะไรอยู่กันแน่วะ

หลังจากนั้นฟิลโด้พยายามหนีเข้าห้องสมุดเพราะทนฟังเสียงลูนาซิสตามตื้อขอเข้าตี้ไม่ไหว จนถึงจุดนึงพระเอกหยิบหนังสือเกี่ยวกับเอลฟ์มานั่งอ่าน ลูนาซิสเลยกระซิบถามว่าสนใจเรื่องเอลฟ์เหรอ ถ้าอยากเห็นเผ่าเอลฟ์ตัวเป็นๆ ล่ะก็ เรานำทางไปประเทศของเอลฟ์ได้นะ เจ้าหนุ่มถึงขั้นหูผึ่งตาเป็นประกาย คิดว่าถ้าน้อง sword saint เป็นนักผจญภัยระดับสูงแบบนี้ก็น่าจะเคยไปเมืองเอลฟ์มาแล้วจริงๆ เลยยอมทำตามข้อตกลงว่าจะเข้าร่วมปาร์ตี้กันชั่วคราวแล้วค่อยออกหลังทัวร์เมืองเอลฟ์เสร็จแล้ว

ช่วงกลาง arc รวบสั้นๆ ได้ว่าพากันเดินทางไปเมืองเอลฟ์ได้สำเร็จ แต่พอไปถึงจริงๆ พวกเด็กๆ ก็วิ่งมาทักแม่สาวน้อยของเราเหมือนรู้จักกันอยู่แล้ว สมาชิกฮาเร็มรายแรกเลยต้องเฉลยด้วยการดึงต่างหูปลอมตัวออก หูคนก็ยืดกลายเป็นหูเอลฟ์เหมือนประชาชนที่นี่ กลายเป็นว่าเอลฟ์ที่อยากเจอมันอยู่ข้างตัวกูมานานแล้ว นอกจากเรื่องนี้ลูนาซิสยังบอกอีกว่าที่อยากเจอตัวฟิลโด้เป็นเพราะประเทศเอลฟ์กำลังประสบปัญหาหนักที่อาจทำให้เอลฟ์สูญพันธุ์ได้ ก็เลยอยากขอความช่วยเหลือจากพระเอก ตรงนี้ก็เป็นความคลิเช่เหมือนกัน

ปัญหาที่ว่าคือประชากรเผ่าเอลฟ์วัยรุ่นขึ้นไปกำลังป่วยจากสภาวะ "มานาแห้งเหือด" ปกติแล้วเอลฟ์จะได้รับมานาจากธรรมชาติเรื่อยๆ พอได้มานาเพียงพอก็จะสามารถมีลูกได้ แล้วพอเด็กโตเต็มวัยก็จะมีการคืนมานาในตัวเอลฟ์กลับคืนสู่ธรรมชาติ แต่ว่าพักหลังๆ มานี้เอลฟ์โดนล่าโดยพวกมนุษย์เพราะรูปโฉมที่งดงาม พอโดนล่าไปมากๆ เข้า จำนวนเอลฟ์ที่จะคืนมานาสู่ธรรมชาติก็น้อยลง ทำให้ปริมาณสมดุลของมานาในวงจรลดต่ำป่าป่วย เอลฟ์ก็ป่วยตามกันยกประเทศ จนไม่สามารถมีลูกได้ ทำให้จำนวนมานาก็ยิ่งลดตามไปอีก ลูนาซิสในฐานะเจ้าหญิงของเผ่าเห็นว่าวิธีการที่พ่อ (ราชาเอลฟ์) ใช้ทำได้แค่ประวิงเวลาแต่แก้ไขอะไรไม่ได้ เลยหนีออกจากป่ามาเก็บเลเวลเองเพื่อเพิ่มจำนวนมานาในตัวจนหายป่วย แล้วตามหาวิธีช่วยประชาชนด้วยวิธีใหม่แทน

หวยก็มาออกที่นายฟิลโด้ของเรา เพราะถ้ารับพระเอกเข้าเป็นคนของเผ่า เท่ากับว่าเจ้าตัวได้กลายเป็นสมาชิกของประเทศเอลฟ์และสกิล Point Gifter จะทำงานทันที ถ้าให้พระเอกเข้าร่วมคณะสำรวจไปปราบปรามมังกรโบราณ แล้วแบ่ง EXP ให้ทุกคน ด้วยการบูสโบนัส EXP ที่โหดสัสจากการปราบสัตว์อสูรระดับเทพนิยาย ทุกคนในประเทศก็จะเลเวลอัพแล้วได้มานามาใช้ส่งคืนสู่ธรรมชาติ ตอนแรกลูนาซิสคิดว่าพระเอกจะเกลียดตัวเองเพราะพยายามใช้เขาเป็นเครื่องมือ แต่พอฟังคำอธิบายแล้วเจ้าหนุ่มก็เข้าใจถึงความจำเป็นของอีกฝ่าย แล้วรับปากว่าจะช่วยก่อนถามว่าต้องทำอะไรบ้าง

950 Nameless Fanboi Posted ID:TEZNA27zt9

จากนั้นก็ไม่มีอะไรมาก ราชาให้ดาบเทพกับพระเอกเอาไปใช้ ยกพวกกันไปรุมมังกรตัวใหญ่เท่าภูเขา มังกรคงคิดในใจ กูนอนนิ่งๆ ตรงนี้มาพันกว่าปีแล้วกูผิดอะไรพวกมึงถึงมาตัดหัวกูถึงบ้านเนี่ย ปราบเสร็จแล้วก็กดแบ่ง EXP ไปให้ประชาชน ทุกคนก็หายป่วยเพราะมีการหมุนเวียนมานาในวงจรอย่างเพียงพอ พวกที่แก้มตอบซูบผอมก็กลับมาหน้าอิ่ม น้องสาวของลูนาซิสที่ตอนแรกใกล้ตายก็กลับลุกขึ้นมายืนได้ มีการจัดงานเฉลิมฉลองในวัง ประกาศเป็นวันหยุดสำคัญของปีให้รื่นเริงได้ 7 วัน 7 คืน เลี้ยงอาหารจากเนื้อมังกรไม่อั้น (สัส ฆ่ากูเอา EXP แล้วยังเอาเนื้อกูไปแดกด้วย) ฟิลโด้กลายเป็นแขกระดับสูงพิเศษที่สามารถ เข้า-ออก เมืองเอลฟ์ผ่านบาเรียในป่าลวงตาได้ตามต้องการ แถมราชาเอลฟ์ยังพยายามจะมอบตำแหน่งราชาองค์ต่อไปให้ด้วย (แต่ลูนาซิสมาห้ามไว้ทัน)

พอตกดึกคืนนั้นฟิลโด้ที่ไม่ถูกโรคกับการอยู่ท่ามกลางความสนใจแอบหนีออกจากเมืองหลวงเอลฟ์ แต่โดนลูนาซิสจับได้เสียก่อน พอถูกถามว่าจะไปไหน พระเอกของเราก็บอกว่าดาบที่พ่อเธอให้มามันสุดยอดมาก เป็นอาวุธที่พวกคนแคระตีขึ้นอย่างประณีต เลยคิดว่าจะหาทางไปเที่ยวเมืองคนแคระต่อ ลูนาซิสเลยบอกว่างั้นเดี๋ยวจะไปด้วย เพราะถ้ามึงเดินทางในป่าลวงตาคนเดียวตอนกลางคืนก็มีแต่จะหลงป่าตาย แล้วพอออกเดินทางกันมาได้สักพักก็พบว่าน้องสาวของลูนาซิสแม่งตามมาด้วยเพราะอยากไปเมืองคนแคระเหมือนกัน เท่ากับว่าเจ้าหญิงเผ่าเอลฟ์ทั้ง 2 คนตามไอ้โด้ออกมาหน้าตาเฉย (แล้ว พ่อ-แม่ พวกเธอไม่ว่าอะไรเหรอวะ) คือไม่มีคำอธิบายอะไรให้ แต่ตัดฉากไปถึงการเดินทางวันใหม่ในเมืองหลวงแบบงงๆ พร้อมกับภาพพี่ช่องคลอดที่ตอนนี้กลายเป็นฆาตกรเต็มตัว จ้องจะเล่นงานฟิลโด้ด้วยของอันตรายต่างๆ เพราะแค้นใจว่าที่ตัวเองตกต่ำแบบนี้เป็นความผิดของพระเอก

โอ้โห... ไม่เคยเห็นจุดเปลี่ยนแบบนี้เลยนะเนีย เป็นครั้งแรกของโลกจริงๆ ที่มีการเดินเรื่องแบบนี้ (ประชด)

โดยรวมคือแนวออกตี้ที่ใช้ trope เดิมๆ มาเปิดเรื่องในช่วงแรก ฝั่งปาร์ตี้เก่ากากลงทันทีหลังเตะตัวเอกออก กูเดาว่าหลังจากปราบพี่ช่องคลอดได้ก็คงไปหลั่นล้าตามประสาพระเอก OP ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์กับ 2 พี่น้องชาวเอลฟ์เหมือนที่อาจารย์แดงเคยบอกว่า มี 2 xี ดับเบิ้ล xี แล้วก็คงเจอพวก damsel in distress ตามเมืองต่างๆ ให้ช่วยแล้วพาเข้าฮาเร็มอีก เจอศัตรูใหม่ๆ ที่เก่งขึ้นแต่ใช้พลังมิตรภาพและความเทพซ่าของตัวเอกปราบได้ แปลงร่างเป็นแนวฮาเร็มเทพซ่าส์ไปโดยสมบูณ์

951 Nameless Fanboi Posted ID:TEZNA27zt9

ส่วนตัวแล้วกูมีความไม่เข้าใจเกี่ยวกับวิธีคิดของตัวละครต่างๆ อยู่หลายจุด เช่น ทำไมพี่ช่องคลอดตอนคิดจะฆ่าฟิลโด้ต้องจับตัวประกันให้มีพยานรู้เห็นด้วย ถ้ากูจะทำเรื่องผิดกฏหมายอะไรสักอย่าง กูต้องแน่ใจว่าจะมีคนรู้เรื่องนี้น้อยที่สุดดิวะ เรื่องเตะพระเอกออกกิลด์นี่ก็เหมือนกัน กูว่าไม่เห็นมีประโยชน์อะไรเลย รู้ทั้งรู้ว่าสกิลของพระเอกโคตรจะสำคัญก็ยังจะทุบหม้อข้าวตัวเองอีก (พาลูกกิลด์ซวยเกือบตายไปด้วยอีกตั้งหลายคน) แล้วเรื่องนางเอกคนแรกที่โผล่มาเนี่ยก็เหมาะเจาะเกินไปเรื่องที่เป็นเอลฟ์อย่างที่พระเอกสนใจอยู่พอดี มันเป็น plot device ที่ง่ายและสะดวกเกินจนน่าขำ ความไม่สมเหตุสมผลของการอนุญาตให้รับเควสมังกรของพนักงานต้อนรับ

ตัวเอกที่ไม่คิดทดสอบความสามารถของตัวเองก่อนลุยว่าเก่งถึงขั้นไหน ต่อให้เทพซ่าส์ขึ้นมาแบบฉับพลันยังไงก็ช่าง ก็ควรวัดเสียหน่อยว่าไหวพอสู้มังกรจริงรึเปล่า โดยเฉพาะกับคนที่ปกติไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการต่อสู้มาก่อนอย่างไอ้พระเอกด้วย การตัดฉากกับ Pacing นี่อีกอย่าง ออกกิลด์ได้คืนเดียวฝันเห็นเนื้อมังกรที่มีคนเคยกินให้ดูก็เลยจะไปล่าบ้าง (?) เดินเรื่องมาตั้งนานไม่มีการพูดถึงความชื่นชอบเอลฟ์ของตัวเอก แต่จู่ๆ ก็พูดถึงขึ้นมาตอนไปห้องสมุด (?) เรื่องเมืองคนแคระก็ด้วย เดินเรื่องแบบตามใจกูดีมาก อ่านเทียบระหว่างนิยายกับมังงะ ตอนแรกคิดว่ามังงะมันตัดออกเยอะเพื่อประหยัดหน้ากระดาษ ที่ไหนได้ในนิยายมึงก็ตัดฉากแบบเรื่อง Top up NOW ของจระเข้ผึ่งพุงเลยนี่หว่า วิธีการเล่ากูยังไม่ให้ผ่าน เรื่องที่ชอบจริงๆ คงเหลือแค่ลายเส้นมังงะที่คล้ายดาบพิฆาตอสูรล่ะวะ

สรุปรายละเอียดความคลิเช่ที่ถูกใช้ไปในเรื่องช่วงแรก

☑ ปาร์ตี้เก่าโง่และกาก (ประมาทเกินไปว่าถึงโดนหัก EXP แล้วก็คงจะยังเทพอยู่+มีการตัดสินใจที่ไม่สมเหตุสมผล)
☑ ปาร์ตี้เก่าเติบโตขึ้นเพราะตัวเอกอยู่เบื้องหลัง
☑ ตัวเอกเป็นอาชีพสาย support (เป็น booster ที่ความสามารถทางการรบ = 0)
☑ โดนเตะออกจากปาร์ตี้ด้วยข้ออ้างว่าเป็นตัวถ่วง
☑ ออกจากตี้แล้วชีวิตดีขึ้นทันตาเห็น และเทพซ่าส์ขึ้นเรื่อยๆ
☑ ปาร์ตี้เก่าเกิดเรื่องร้ายแบบกรรมติดจรวด
☑ สมาชิกใหม่ที่จะเข้ามาแทนตัวเอกเป็นผู้หญิง
☑ ผู้หญิงคนที่ว่าไปเข้าตี้ใหม่กับตัวเอก (และรายนี้มาเพื่อใช้ประโยชน์จากตัวเอกด้วย)
☑ โดนปาร์ตี้เก่าตามล่า
☑ ปาร์ตี้เก่าตกต่ำจนน่าทุเรศ
☑ ปาร์ตี้เก่า cumback จากโอกาสที่ได้มาใหม่หรือใช้พลังที่ยืมมาจากด้านมืดเพื่อแก้แค้นพระเอก

เรื่องนี้เขียนซะยาวเลย แต่เรื่องหน้าอาจจะยาวกว่าเพราะต้องอธิบาย setting หลายๆ อย่าง ยังไม่รู้ว่าจะว่างลงวันไหน ระหว่างนี้เชิญต่อยกันรอไปก่อน

952 Nameless Fanboi Posted ID:Mck+Uk86c5

อุดมไปด้วยคนโง่และเลว ในนามตัวแทนแห่งความดี
คนดีจะเก่งแบบไม่มีเหตุผลเพื่อไปกระทืบคนชั่วและเลวมันผิดตรงไหน

กุรู้ว่ากูฟินก้พอล่ะ

953 Nameless Fanboi Posted ID6:NI6j6AkZYi

สักวัน จะมีนิยายล้อเลียนปาร์ตี้ไล่ตัวเอกออกแบบ Scary Movie

954 Nameless Fanboi Posted ID6:fFl/XgcIFw

>>953 มีแล้วนะ

955 Nameless Fanboi Posted ID6:OuLTiVcvpi

ร้อนชิบหายเลย อ่านไม่ไหว

956 Nameless Fanboi Posted ID:rhw/NjBygS

>>953 เรื่องที่โม่งคุยกันข้างบนไง ที่โดนไล่ออกตี้ครบ 100 จักรวาลแล้วได้สกิลเทพๆ มา รอบละ 1 สกิล สุดท้ายย้อนไปจักรวาลแรกแล้วเทพซ่าส์

957 Nameless Fanboi Posted ID:RpXckgdMbH

เคยเจอแบบยัยผมทองเหมือนกัน แต่เสริมหน่อยว่าดีกว่า(แบบแปลกๆแตกต่าง)ตรง..ผมมีเอกลักษณ์กว่าที่ค่อนข้างมืดมน

.

ผมสมัยเรียนปีแรกๆมองโลกแง่ร้าย ยิ้มบ่อยแต่เหมือนเสเเสร้งปนเหยียดและประชดเรียกว่าวอนตีนล้วนๆ แต่แปลกดีที่ไม่มีคนเกลียด การใช้บวกปรับสายตา(การขยัยกล้ามเนื้อรูปหนังตากับคิ้ว)เพื่อแสดงออกนี่ถ้าดูจากกระจกยังอึกเองเลยว่าตัวเองกำลังคิดไรอยู่ก็ไม่รู้ แถมทั้งหมดถูกจดจำมีแต่คนเป็นมิตรมาอยู่รอบตัวซึ่งทำสงสัยตัวเองมีดีอะไรนะถึงมีแต่คนคอยพยุงตลอดเวลา ตัวผมจะต่าง(กับตัวละครข้างบน)ที่ตรงไม่ค่อยเจอสายตื้อที่อยากเป็นเพื่อนแบบยันทอมในเรื่องแหะ ...

.
อ๊ะ!ใช่ว่าจะไม่เคยเจอนะ ผมเจอแค่ครั้งเดียวตอนปีหนึ่งเป็นหนุ่มหล่อขี้สงสัยจากคณะครุศาสตร์(ที่จ้วงหัวว่าแม่งตื้นเขินน่ารำคาญชะมัดแต่ก็ไม่เกลียด) และดูเหมือนผมจะถูกตีตัวออกห่างเองในหนึ่งวันแห่งความพยายามของเจ้าหมอนั่นซึ่งวันนั้นฝนตกซะด้วย ผมก็ไม่เห็นเจ้านั้นอยู่หลายปี.... ตื้นชะมัดเลยนะ ทั้งที่ทางนี้อุตสาห์เปิดหัวข้ออภิปรัชญา เช่น ความหมดศรัทธาว่ามนุษย์เป็นสัตว์ผู้มีเหตุผลหลังผ่านยุคโพสโมเดิร์น กับแนะนำหนังสือโลกของโซฟี่และนักปรัชญารุ่นเดอะ ต่างๆแท้ๆ การเมืองนู่นนี่ ความเป็นจริงและสิ่งที่ต้องจ่ายแม้จะทำตัวเมินเฉยในนาม "เป็นกลาง" ที่อ้างๆ กันของคนกลุ่มหนึ่งว่าตามจริงการอยู่เฉยก็มีราคาที่ต้องจ่ายเช่นเดียวกัน ....... ผมพูดแต่เรื่องเครียดรึไงไอ้บ้านั้นเลยหนี เฮ้อ น่าขยะแขยงชะมัด

958 Nameless Fanboi Posted ID6:lv/d+9NXY0

เงียบเหงาจัง

959 Nameless Fanboi Posted ID:GApOqDatVG

E rank ไร้ค่าแก้แค้นเทพธิดา ได้ทำอนิเมะอีกเรื่องละ

ตอนแรกแนวออกตี้ ตอนนี้แนวแก้แค้น สงสัยกูต้องแต่งแนวนี้เพิ่มไว้บ้างเพราะดูเหมือนว่ากระแสมันกำลังมา ไอ้ที่เคยทำนายว่าจะได้ทำอนิเมะก็ทะยอยกันเป็นจริงมาทีละเรื่อง (ผู้กล้าฮิล - พี่เทพชายแดน - อยากเป็นพลังในเงามืด - เทมเมอร์กับน้องแมว - มนุษย์เทพในทัพมาร - เอลฟ์อ้วนลดน้ำหนัก)

ตอนนี้คือขึ้นอยู่กับเวลาว่า

6 เรื่องในตัวอย่างแนวแก้แค้น/ออกปาร์ตี้ กับพวกเรื่องชื่อ นิโตะฮิลกาก, การปฏิวัติของมังกรดูดวิญญาณ, คุคุคุ~ ขุนพลมารกากสุดได้เป็นครูฝึกปาร์ตี้ผู้กล้า, Live dungeon ฯลฯ อะไรพวกนี้จะได้ทำเมะตอนไหน เพราะเรตติ้งนิยายมันดีจนได้ทำมังงะ พอเป็นมังงะเรตติ้งก็ดีอีก ตามระบบเว็บโนเวลญี่ปุ่น โอกาสที่เรื่องพวกนี้จะได้ทำอนิเมะแม่งสูง เหลือแค่นายทุนค่ายไหนจะหยิบไปทำเฉยๆ

กูแม่งเสียดายที่ในไทยไม่มีระบบแบบนี้วะ ส่วนนึงมันเป็นเพราะถึงทำเมะก็ขายแผ่นไม่ได้แบบญี่ปุ่น รัฐและเอกชนก็ไม่สนับสนุน คนรักการอ่านก็ไม่ค่อยมี เลยต้องอาศัยแพลตฟอร์มอย่างเว็บนิยายต่างๆ ไป แล้วต่อให้ติดท้อปก็ไม่ค่อยได้ทำมังงะต่อเหมือนเดิม ยกเว้นคนแต่งไปจ้างนักวาดทำขึ้นมา หน้าละ 3,500 (แพงสาส)

บ่นเหี้ยไรไม่รู้ตั้งนาน จริงๆ จะมาบอกแค่ว่ากูติดงานเลยไม่ได้มาลงตัวอย่างแนวออกตี้เรื่องที่ 3 อีกไม่นานคงมาลงต่อ

บาย

960 Nameless Fanboi Posted ID6:R+kLoqblQC

>>959 เรต หน้าละ3500 เอามาจากไหนอะ อยากรู้ หน้าขาวดำใช่มะ

เออ พึ่งนึกได้ ไม่เคยเห็นโม่งสับนิยายแนวสลับเพศเลย แบบชายเป็นหญิงไรงี้ อยากเห็นใครสับบ้างจัง

961 Nameless Fanboi Posted ID:up3t+23QeT

>>960 ขาวดำ เส้นเนี้ยบอยู่ แต่ต้องร่างสตอรี่บอดร์ดกับวาด stickman ให้เขาคร่าวๆ แล้วเขาจะวาดสตอรี่บอร์ดแบบเต็มให้ดูตอนบรีฟรอบ 2 ก่อนเริ่มงานจริง

ส่วนมากกูจ้างวาดแทรกหน้าเดี่ยวแบบไลท์โนเวล (มีรูปท่าทางกับสีหน้า แต่ไม่มีตัวอักษร) ราคาจะถูกกว่าวาดมังงะเต็มรูปแบบ

กูบอกแหล่งไม่ได้วะ เดี๋ยวโม่งแตก

นิยายสลับเพศกูเคยสับไปเรื่องนึงแนวแฟนตาซี แต่มันไม่ใช่สลับเพศแบบ TS เป็นแนวสลับเฉพาะตอนแปลงร่างต่อสู้ก็เลยไม่นับว่าเป็นแนวสลับจริงๆ อยู่ในมู้ไหนวะ ไม่ 23 ก็ 24 เนี่ยละมั้ง

962 Nameless Fanboi Posted ID6:R+kLoqblQC

>>961 ส่วนมากกูจ้างวาดแทรกหน้าเดี่ยวแบบไลท์โนเวล (มีรูปท่าทางกับสีหน้า แต่ไม่มีตัวอักษร) ราคาจะถูกกว่าวาดมังงะเต็มรูปแบบ

ถูกกว่าเยอะไหม เหลือกี่บาทอะแบบนี้

963 Nameless Fanboi Posted ID:jLGgq95eP3

>>962 เหลือ 800 แฮะ

มันเป็นงานกึ่งคอมมิชชั่น มึงต้องมีตัวละครที่ออกแบบไว้เองอยู่แล้วก่อน บอกอุปนิสัยกับสีหน้าพื้นฐาน (อาจจะวาดกากๆ หรือใช้เว็บสร้างตัวละครที่มีปรับแต่งได้เยอะๆ ทำขึ้นมา) นอกนั้นคือขึ้นอยู่กับว่าเอาคุณภาพไหน (ร่างรัฟสเก๊ทช์หรือตัดเส้น) เอาพื้นหลังด้วยหรือไม่เอา (มีพื้นแพงกว่า) สัดส่วน (หัวถึงอก หัวถึงเอว หัวถึงเข่า เต็มตัว) ในภาพมีกี่ตัว (เพิ่มราคาตามจำนวนตัว) คอมโพสกับท่าทางต้องหาเรฟจากภาพอื่นมาว่าอยากได้ท่าประมาณไหน (ถ้าท่าพิสดารเกินอาจโดนเรียกเก็บเพิ่ม)

ล่าสุดกูเอาหันข้าง 2 ตัวละคร หัวถึงเอว สถานการณ์แบบตัวเอกำลังคว้าคอเสื้อตัวบี ตัดเส้นให้คม เอาฉากหลังโถงทางเดินโรงเรียนแบบไม่ต้องละเอียด (ได้บันไดกับบอร์ดมาอย่างละครึ่ง) รอบนี้โดนไป 800 แต่คนวาดใจดีเขาปรับ Resolution กับเว้นขอบให้วางใน A16 ได้เลยแบบภาพไม่แตก (มันสะดวกกว่าถ้าจะทำอีบุ๊ค) กับปรับ contrast รูปให้จางลงนิดๆ เหมือนภาพไลท์โนทั่วไป (เผื่อเวลาพิมพ์เล่มจะได้ไม่เจอปัญหาหมึกเลอะ) เอาจริงๆ ราคานี้ค่อนข้างถูกเพราะกูจ้างงานเขาบ่อยมาก ถ้าเป็นราคากลางในตลาดนี่กูไม่รู้แต่คิดว่าคงแพงขึ้นไปอีกไม่มาก

ตอนบรีฟเนี่ยพวกนักเขียนอย่างเราจะได้เปรียบหน่อย โยนนิยายให้อ่านแล้วนักวาดก็เข้าใจเหตุการณ์ อารมณ์ สีหน้าได้ทันที เวลาวาดตัวอย่างมาก่อน ตัดเส้น/ลงสี ก็เลยไม่ค่อยได้แก้อะไรนัก

964 Nameless Fanboi Posted ID6:i.yOm3mx6I

>>963 ละเอียดดีขอบใจมาก

เรตนี้อนาคตหน้ามันคงแพงขึ้นอีกซินะ เดาเลย
ถ้าหน้าละ 1000 5 หน้า ต่อเล่มก็5000 ยังไม่รวม หน้าสี กับปก

ทุนต่อเล่มก็ร่วมหมื่นแล้ว จะได้กำไรหลักพันมันต้องขายให้ได้กี่พันเล่มหว่า

965 Nameless Fanboi Posted ID:moA3rt1fLJ

>>964 ในไทยยังไงก็ไม่คุ้มหรอกโม่ง ถ้าเงินมึงไม่ได้เหลือใช้จริงๆ จนเอามาจ้างวาดได้แบบไม่คิดอะไร อีกอย่างคือเดี๋ยวนี้ถ้าไม่ใช่แนวเฉพาะจริงๆ คนไม่ค่อยซื้อรูปเล่มเก็บกัน

ถ้าคิดหวังทำกำไรระยะยาวมันต้องใช้เวลาเยอะพอสมควร แต่มันก็พอมีโมเดลที่ยืมมาใช้ได้อยู่ เช่น เรื่องแรกๆ ถ้ายังไม่มีต้นทุน มึงต้องเริ่มด้วยแนวตลาดแบบไหนก็ได้ที่ขายง่าย แต่ใช้ปกฟรีจากเว็บแจกภาพปลอดลิขสิทธิ์ไปก่อน เพื่อนกูใช้วิธีนี้อยู่ก็พอไปได้

ปัญหาคือมันต้องใช้เวลาสร้างฐานแฟนนานด้วยไง ถ้าไม่มีพวกแฟนคลับเดนตายที่ชอบมากขนาดเปย์ซื้อทุกตอน ทุกแพ็คแบบไม่มีเงื่อนไข ก็จะไปยังขั้นต่อไปลำบาก

สมมุติเรื่องแรกๆ ปัง จนพอมีเงินจ้างวาด เรื่องต่อมาคือเอาแค่ปกก่อน เพราะส่วนมากโดนปกหลอกเข้ามาอ่าน ได้ปกแล้วหาจ้างคนทำงานอาร์ตให้เขาวางชื่อเรื่อง กับ ผู้แต่ง, วาดปก ไปตามปกติ ไอ้เรื่องที่ 4-5 เนี่ยเป็นขั้นตอนสำคัญ เพราะถ้าปกสวยแล้วยังรักษาฐานคนอ่านไว้ได้ มันจะไปต่อได้ยาวๆ

แรกๆ คือจะไม่มีกำไรเลยนะ ถ้ามึงยังเรียนอยู่ก็ต้องประหยัด หรือถ้าทำงานแล้วก็กอดงานไว้ทำงานไปก่อน อย่าให้ขาดรายได้ จนถึงจุดที่มั่นใจว่าขายได้ต่อเดือนเกิน 7-8k ช่วงนี้ถึงจะเริ่มคืนทุน แล้วไปจ้างวาดได้เต็มที่ถ้ารักษายอดขายแบบนี้ไปได้นานๆ ถ้านิยายติดลมแบบเอาไปลงเว็บไหนก็เกาะกลุ่มกลางตารางขึ้นไปได้ตลอด คราวนี้จะจ้างวาดแทรกแบบไลท์โนเวลทุกๆ 5 ตอนก็ยังไหว หรือถ้าเล่นใหญ่หน่อยก็จ้างวาดมังงะสั้นตอนพิเศษสัก 10 หน้าฉลองปีใหม่ก็ยังได้

แต่อย่าหาทางลัดคิดใช้ภาพจาก AI มาทำปกนะ ถ้าวันนึงมีคนรู้เข้ามันชอบเอาเรื่องนี้มาโจมตี แฉให้คนถ่มถุยนิยายมึงได้ง่ายๆ แต่จะใช้ก็ได้ถ้ามึงใจถึงพอแล้วก็ไม่มีอะไรจะเสีย หรือไม่คิดจะขายนิยาย

966 Nameless Fanboi Posted ID6:i.yOm3mx6I

>>965 พูดถึงปก เอไอ ความจริงตามกฎหมายเขาก็ยืนยันแล้วว่าไม่ผิดกม. แค่ไม่มีลิขสิท ดังนั้นจะใช้ขายของก็ได้ เอาจริงสำนักข่าวทุกวันนี้ภาพอินโฟ มันก็ใช้เอไอกันทั้งนั้นแต่คนไม่สังเกต

แต่เหมือนวงการนักเขียน นักวาดไทย รู้สึกถูกแย่งงานเลยต่อต้าน อารมณ์ อัศวินแบนผงดินปืน สมัยก่อนเพราะกลัวโดนแย่งอำนาจ
มือถือสากปากถือศีลอะวงการศิลปินไทยเรา บอกให้เคารพกม. แต่พอกม.ไม่เข้าข้างก็แบนกันเอง แล้ววงการนิยายเรามันจะเจริญได้ยังไง

967 Nameless Fanboi Posted ID6:Ce1ZhtAcZb

>>966 เจริญกวยไรไอ้สัส ai มันดูดงานคนอื่นไปเจน มันไม่ได้เสกออกมาได้เองจากอากาศ เหมือนมึงไปซื้อข้าวกล่องเซเว่นมาเวฟ มึงจะเรียกตัวเองว่าเป็นเชฟมั้ย

968 Nameless Fanboi Posted ID6:i.yOm3mx6I

>>967 นักวาดอะลำบากแน่นอน มึงพูดไม่ผิด แต่ในฐานะนักเขียน อะไม่ใช่

ถ้านักเขียนใช้เอไอได้ แปลว่าจะลดต้นทุนได้อีกมาก แถมไม่ต้องต่อคิวรอเป็นเดือนเป็นปีด้วย

ถ้าต้นทุนลด นักเขียนก็ขายงานตัวเองได้มากขึ้น เร็วขึ้น ง่ายขึ้น หน้าใหม่มันก็เพิ่มขึ้น แนวทีาเขียนก็เปิดกว้างมากขึ้น ไม่ใช่มีแต่ตลาดซ้ำซากเพราะทุนจมเลยต้องเอากำไรไว้ก่อน

ส่วนคิดว่าไม่แฟร์อะไร คำพิพากษาศาลมันก็ออกมาแล้ว เปลี่ยนแปลงไรไม่ได้ อีกหน่อยไม่นานกระแสคงเป็นตามนี้

แต่นี่กูพูดโดย มองจากฝั่งนักเขียนนะ ไม่ใช่นักวาด

969 Nameless Fanboi Posted ID6:Ce1ZhtAcZb

>>968 ai มันก็ดูดงานนักเขียนคนอื่นมาเจนอีกเหมือนกันล่ะว่ะ มึงกระสันอยากใช้ ai ขนาดนั้นมึงก็อย่าเรียกตัวเองเป็นนักเขียนเลย เป็นนักตัดแปะ นักก็อปปี้อะไรก็ว่าไป นักเขียนเขาเอาไว้เรียกคนที่สร้างงานผ่านสมองตัวเองด้วยสองมือตัวเอง ไม่ใช่ป้อนคำสั่งคีย์เวิร์ดให้คอมพิวเตอร์สร้าง อีพวกใช้ ai สร้างงานก็เหมือนอีพวกซื้อข้าวเซเว่นมาเวฟแล้วเสร่อเรียกตัวเองว่าเชฟ

970 Nameless Fanboi Posted ID6:i.yOm3mx6I

>>969 อ้อ สงสัยเราคุยกันผิดเรื่อง

กูกำลังคุยเรื่องเอไอกับภาพวาด ไม่ใช่เอไอกับงานเขียน อย่าพึ่งหัวร้อน ถ้าอ่านดีๆ กูไม่ได้พูดถึงเรื่องงานเขียนเลย มีแต่ภาพวาด คำพิพากษาที่กูพูดมันก็ให้สิทธิแค่ภาพวาด

ถ้านักเขียนเราใช้เอไอเจนภาพใช้เองได้ ไม่คิดหรอว่าจะได้เปรียบมากขึ้น

971 Nameless Fanboi Posted ID:nq8iBAAH8d

คนทำงานสร้างสรรค์แต่ไม่สนับสนุนงานสร้างสรรค์ ไม่ต้องพูดต่อแล้วมั้งว่าอนาคตจะไปอยู่ตรงไหน ไม่ต่างกับโรงงานจีนก๊อบผลิตภัณฑ์ออกขายคิดแต่ต้นทุนกำไรโดยไม่ให้ราคางานสร้างสรรค์

972 Nameless Fanboi Posted ID6:i.yOm3mx6I

>>971 ถ้าลดต้นทุนได้ กำไรก็มากขึ้น กำไรมากขึ้น ก็ไม่ต้องเขียนแนวตลาดมาก เมื่อมีอิสระที่จะคิดมากขึ้น ความคิดสร้างสรรค์ก็จะมาอัตโนมัติ

ทุกวันนี้วงการนิยายเน็ตเรามีความคิดสร้างสรรค์ซักเท่าไหร่ละ ถ้าเขียนเอากำไร

973 Nameless Fanboi Posted ID6:Ce1ZhtAcZb

>>970 อันบนกูก็พูดถึงงานวาดจ้าว่ามันไปดูดงานคนอื่นมา มึงก็แถแถกๆว่าในมุมนักเขียนห่าแตดอะไรของมึง ทำงานสร้างสรรค์แต่ไม่สนับสนุนการสร้างสรรค์ คิดแต่จะเอาเปรียบคนในสายงานอื่นด้วยข้ออ้างหัวดอพรรค์นี้กูก็อวยพรให้นะว่าขอให้มึงโดนดูดงานเขียนไปเจน ai หัวกวยนี่ออกมาเป็นนิยายบ้าง เผื่อจะมีสำนึกว่าไม่ควรเอาเปรียบใคร

แต่จริงๆงานมึงอาจจะไม่โดนดูดไปเจนก็ได้เพราะงานมึงแม่งกระจอกเกินกว่าจะเอาไปป้อนให้ ai เจน ก็คนมันมีความคิดกระจอกขนาดนี้มันจะไปเขียนอะไรดีๆได้ ก็ได้แค่อะไรกระจอกๆเสร่อๆแบบนี้แหล่ะ

974 Nameless Fanboi Posted ID6:i.yOm3mx6I

>>973
ai มันก็ดูดงานนักเขียนคนอื่นมาเจนอีกเหมือนกันล่ะว่ะ มึงกระสันอยากใช้ ai ขนาดนั้นมึงก็อย่าเรียกตัวเองเป็นนักเขียนเลย เป็นนักตัดแปะ นักก็อปปี้อะไรก็ว่าไป นักเขียนเขาเอาไว้เรียกคนที่สร้างงานผ่านสมองตัวเองด้วยสองมือตัวเอง ไม่ใช่ป้อนคำสั่งคีย์เวิร์ดให้คอมพิวเตอร์สร้าง

มึงก็เขียนมาชัดเจนว่ามึงหมายถึงเอไอดูดงานนักเขียน แล้วจะพูดได้ไงว่ากำลังพูดถึงงานวาด เขียนเองลืมเองเปล่า

975 Nameless Fanboi Posted ID:12u+rqozki

>>972 นักเขียนมันไม่ต้องมีรูปไว้ดึงคนหรอกถ้าเก่งอ่ะ เจนมาเป็นร้อยรูปก็ไม่ได้ทำให้นิยายขายดีขึ้น ดีไม่ดีพวกนักอ่านที่มีความรู้หน่อยเห็น AI มันก็ไม่ซื้อละ กลุ่มนักอ่านขาประจำกุที่คุยกันไม่มีคนซื้อนิยายปก AI เลย เพราะมีความเห็นตรงกันว่าคนเขียนมันดูมักง่าย จะขายทั้งทียังใช้ปก AI จะใช้ก็อย่าใช้ให้มัน AI ชัดเกินคนซื้อมันไม่ได้โง่หรอก

976 Nameless Fanboi Posted ID6:Ce1ZhtAcZb

>>974 กรุณาย้อนกลับขึ้นไปอ่าน >>967

977 Nameless Fanboi Posted ID6:Ce1ZhtAcZb

>>976 หรือถ้าพื้นที่ในสมองน้อย เกิดมาไม่พกสมองจากท้องแม่ ไม่สามารถประมวลผลได้ กูก็จะพิมพ์ให้ว่าทั้งงานเขียนและงานวาด ai มันคือการดูดงานคนอื่นมาเป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่นมาตัดแปะให้มึงเป็นภาพ 1 ภาพ เป็นนิยาย 1 เรื่อง หากินบนหยาดเหงื่อแรงงานคนอื่นนี่ฟินเลยป่ะล่ะ

978 Nameless Fanboi Posted ID6:i.yOm3mx6I

>>976 อ่านแล้วไม่มีตรงไหนเขียนถึง งานเขียนนิยายนะ แต่บริบทก่อนหน้าคือคนเขาคุยเรื่องภาพวาดประกอบอยู่
มึงต้องโทษตัวเองแล้วว่าหัวร้อนเลยเขียนออกมากำกวม ไม่บอกว่างานอะไร

แล้วถามจริงคิดว่าอีกซัก 5-10 ปีนี้คิดว่าคนมันจะยอมรับภาพจากเอไอมากขึ่นหรือน้อยลงละ ตอนนี้คนมันก็ต่อต้านละ กูก็ไม่รู้สึกแปลกอะ เรื่องปกติ ใครจะใช้งานเอไอตอนนี่ก็ระวังสังคมหน่อย แต่เดี๋ยวสุดท้าย พอสังคมยอมรับมากขึ้น ใครไม่ใช้ ใช้ไม่เป็น ไม่ยอมใช้ ก็ตกกระบวนเอง

อ้อ อย่าลืมไปอ่านคำพิพากษาศาลเมกากับจีนด้วย มันไม่ได้ก็อปปี้ดูดงานคนอื่นแบบที่เข้าใจผิดกันนะ ถ้าดูดมาแบบนั้นศาลไหนก็ช่วยไรไม่ได้อะ

979 Nameless Fanboi Posted ID6:Ce1ZhtAcZb

>>978 บริบทก่อนหน้ากูก็ด่า ai อยู่ไง มึงบอกมึงพูดถึงในมุมนักเขียน กูก็ด่า ai ต่ออีก เข้าใจไรยากจริง แต่โหง้สมเป็นเอไอโบรดี ทั้งโหง้และกระจอก เชิญยึดคำสั่งศาลแล้วผลิตงานกระจอกๆไม่มีปัญญาฉายแสงต้องพึ่งภาพ ai มาดึงดูดคนให้มาดูงานไปเถอะ งาช้างไม่งอกจากปากสุนัขฉันใด คนความคิดกระจอกก็ไม่มีปัญญาสร้างงานดีๆได้ฉันนั้นล่ะ แต่ก็มโนเพ้อฝันไปว่าลดต้นทุนงานภาพที่ทำนาบนหลังคนอื่นเพื่อมาพัฒนางานตัวเอง เอาแค่ตอนแรกมึงก็ไปไม่รอดเพราะคิดจะเอาเปรียบคนอื่นแล้ว

มีคำถามลับสมองประลองปัญญา ถ้าไม่ได้ก็อปปี้ดูดงานคนอื่นมาแล้วมันจะเอาอากาศจากไหนมาเจนเป็นผลงานน้า ติ๊กต่อกๆๆๆๆ แต่คนแบบมึงคงนึกไม่ออกหรอก มันคงเสกมาจากกาแลคซี่อันโดรเมด้าออกมาเป็นงานสวยๆให้มึงล่ะมั้ง

980 Nameless Fanboi Posted ID6:i.yOm3mx6I

>>979 หัวมึงร้อนจนเริ่มเขียนมั่วซั่ว ตีกันเองละ อ้างนู้นอ้างนี้วนไปวนมา อ้างอย่างพอสู้ไม่ได้ก็ถอยไปอ้างอีกอย่างที่ไม่ได้พูดถึง ตอบคำถามกูก็ตอบไม่ได้ กูเกิ้ลมีแต่ไม่ใช้

คุยกับมึงคงเสียเวลาเปล่า

แต่เผื่อมีคนอื่นอ่านแล้วยังไม่ทราบ ถ้าสงสัยว่าเอไอมันเสกภาพมาได้ไง ถ้าไม่ได้ดูดภาพ

ลองหาว่า neuron learning หรือ machine learning มันทำงานไงดูนะ เอาง่ายๆมันแค่เรียนรู้ว่าวาดภาพอะไรยังไงแล้วมันก็รับคำสั่งมาแค่นั้น ถ้ามันดูดภาพมานิ้วมือไม่เน่าหรอก นิ้วมันเรียนยาก ภาพนิ้วมันเลยเน่าๆอยู่

ส่วนอีกประเด็น วงการนักเขียนไม่ต้องห่วงหรอก เอไอมันไม่เข้าใจมุก ความรู้สึก กาว โมเอะ มันเขียนไปก็ไร้อารมณ์ขายไม่ออก แถมของพวกนี้ต่างกันไปตามวัฒนธรรม มันทำได้แค่เขียนพล็อตอะ สุดท้ายไงๆนักเขียนต้องเขียนเองหมด

ณ จุดนี้เอไอทำให้นักเขียนนิยายได้เปรียบด้วยซ้ำ

981 Nameless Fanboi Posted ID:sCYpFBja+e

>>980 กูว่ากูคุยกับมึงก็เสียเวลาเปล่าเหมือนกันว่ะ มึงมีความเชื่อจริงดิว่าเอไอไม่ดูดงานคนอื่นมาเจน อ๋อ มันเป็นแค่ neuron learning แต่ไอ้เลินนิ่งของมึงนี่มันเลินนิ่งจากไหนน้าาาาาาาา อ๋อๆ มันเสกออกมาจากความว่างเปล่า ไม่ได้ดูดงานใครมาจริงจริ๊งงง

982 Nameless Fanboi Posted ID:OIrdx60nS/

เหี้ยไรเนี่ย กูพูดถึงเอไอย่อหน้าเดียว ด่ากันรัวๆ จนมู้จะเต็มแล้ว โม่งนี่มันโม่งจรืงๆ (แต่กูชอบอ่านนะ)

983 Nameless Fanboi Posted ID6:r4/T94dKVc

กุงง คำพิพากษาที่ไหนวะแปะลิงก์ข่าวหน่อยดิ กุรู้ว่าaiไม่มีลิขสิทธิ์เพราะไม่ใช่มนุษย์ แต่ไม่ยักรู้ว่าไม่ผิดกฏหมายกรณีเอาภาพนักวาดต่างๆมาเจน ข่าวที่กุรู้คือนักวาดหลายคนฟ้องศิลปินai ตอนนี้ศาลยกฟ้องไปเพราะสำนวนกว้างไป ให้ทำคำฟ้องแคบลงแล้วส่งใหม่ เรื่องมันยังไม่จบนะ เคสอื่นๆ กุก็ไม่เห็นจบสักคดี มึงสนับสนุนให้ใช้aiภาพทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าผิดต่อนักวาด? กุควรจัดมึงเป็นคนประเภทไหนวะ

984 Nameless Fanboi Posted ID6:E5UPZPw6wZ

>>960 จัดไป แต่กูไม่ได้เขียนแม่ง https://writer.dek-d.com/dekd/writer/view.php?id=2354228

985 Nameless Fanboi Posted ID6:i.yOm3mx6I

>>983 ที่ศาลจีน เอไอชนะ มีลิขสิทธิ์ด้วย https://mgronline.com/china/detail/9670000004632

แต่เขาบอกว่าจะดูเป็นรายกรณีด้วย ก็แล้วแต่prompt ที่ใส่ไปอะนะ

นิยายจีนตอนนี้เต็มเว็บระวังอนาคตมันใช้ปกเอไอเอามาขายด้วยละ ถ้าทุนมันถูกกว่ามันก็ลดราคาแข่งได้ วิธีเดียวที่เราจะรอดคือต้องปรับตัวให้ทัน ไม่งั้นก็เปิดอ่านฟรีไป

ส่วนที่บอกว่าตรงไหนบอกว่าไม่ผิดกม. ก็โม่งเขียนไว้เลยไงว่ายกฟ้อง
กม. ถือว่าผู้ต้องหาบริสุทจนกว่าจะพิสูจว่าผิดจริง ถ้ายังไม่ตัดสินว่าละเมิด ก็ถือว่าวันนี้ไม่ผิด

ส่วนมันจะผิดต่อนักวาดไหม นั่นคือความเห็นของแต่ละคน มึงอยู่ฝ่ายนักวาด ก็เห็นว่าผิด แต่คนพัฒนากับบางคนเขาบอกว่าไม่ผิด ก็ไม่ผิด เพราะศาลเองก็ยังบอกไม่ได้ว่าผิดไหม หรือถ้าผิดแบบไหนมันจะผิด ไม่ผิดก็ถือว่าใช้ได้ไปก่อน

ไอ้ที่บอกน่าจะผิด ถ้าอนาคตบริษัทมันตกลงกันได้ว่าให้ใช้เจนภาพได้ แล้วมันก็ไม่ผิด พวกที่บอกผิดจะทำยังไง? ถ้าต่อไปเขาระบุให้มันเจนภาพได้เฉพาะแหล่งไม่ไปเรียนจากรูปที่อื่นละ? ธุรกิจเดี๋ยวมันคุยกันได้แหละ ไม่นาน โม่งอย่ากลัว

ความรู้สึกก็อีกอย่าง แต่ความจริงคือตรงนี้ละ พวกโม่งก็รู้อยู่เดี๋ยวคนมันก็ยอมรับได้ไม่นานหรอก ส่วนพวกวาดคนก็อาจจะขายไปอีกสายเลย

แต่เผื่อพวกมึงหงุดหงิด คิดว่าไม่ชอบ กูจะบอกข่าวดีให้ เดี๋ยวมันก็ต้องมีกฎหมายมาคุมการใช้เอไอ กำหนดว่าเจนจากไหนได้บ้าง ระดับไหน ตอนนั้นก็เจนกันได้ถูกกม.เยอะแล้ว ตอนนี่อียูเริ่มคิดละ พวกโม่งสายนักวาดไม่ต้องกลัวเกินเหตุ

กูว่าลึกๆคือนักวาดบางกลุ่มกลัวโดนแย่งงานแค่นั้นแหละ แล้วgaslight ทุกคนไม่ให้ใช้

ส่วนนักเขียนใช้ภาพเอไอได้จะประหยัดทุนไปกี่บาท จะได้ไม่ต้องเขียนแต่เรื่องตลาด ระบบ ตัวเอกเทพ ปลูกผัก จีนโบ ต่างโลก ที่โม่งเบื่อไรงี้มากเพื่อคืนทุนไวๆ ก็คิดเอา

986 Nameless Fanboi Posted ID:8D5ysGQ1zN

>>985 กรวยเถอะ ถ้าเมิงพูดว่าจิตสำนึกเป็นเรื่องของความรู้สึก ก็เท่ากับว่าเมิงไม่มีข้อจำกัดขีดล่างแล้ว ถ้ามีเครื่องมือเสกนิยายสุดวิเศษเพียงแค่เอาลิ้นเลียอุปกรณ์รูปร่างเหมือนตืน พวกเมิงก็พร้อมจะทำและมีข้ออ้างอันแสดงความเป็นอัจฉริยะ เหนือพวกโง่ที่ไม่ใช้อุปกรณ์รูปตีนสุดวิเศษนั้น จำเริญ ๆ นะไอ้สึด

987 Nameless Fanboi Posted ID:kKdjLAjYj4

ไหนๆ พวกมึงก็พูดขึ้นมากันละ งั้นกูขอเสริมบ้าง

เรื่องผลงานจาก ai ไม่มีลิขสิทธิ์ = ถ้ามีคนกดเจนรูปขึ้นมารูปนึงแล้วมันสวยสัสๆ พออีกคนมาเห็นแล้วถูกใจ ดูดรูปนั้นไปใช้บ้าง คนที่เจนรูปไม่สามารถอ้างตัวเป็นเจ้าของได้ เหมือนตกเป็นสมบัติสาธารณะ

เรื่องการเรียนรู้ของ ai = กูว่าสุ่มเสี่ยงจะผิดกฏหมายวะ ถึงตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปและการฟ้องร้องก็ยังไม่จบด้วย แต่เรื่องนึงที่เถียงไม่ได้คือ ก่อน ai จะเจนภาพออกมาได้เราต้องป้อนรูปให้มันดู ให้มันเรียน จะได้เลียนแบบลายเส้นกับท่าทางได้ ทีนี้ปัญหามันเลยเกิดขึ้นเพราะมีพวกนักเจนเอาผลงานต่างๆ มาให้ ai เรียนโดยไม่ได้ขออนุญาตจากเจ้าของภาพ มันก็คือการขโมย, ละเมิดลิขสิทธิ์ กลายๆ นั่นแหล่ะ

พวกที่ชอบเรียกตัวเองว่า AI artist = เป็นชื่อที่เสนียดปากเหี้ยๆ บ่องตงนะ ไม่ควรใช้คำว่า artist ในชื่อเลย เพราะผลงานที่ได้มามันไม่ใช่ศิลปะ ถึงจะอ้างว่าต้องเสียเวลาป้อนรูปให้มันเรียน กับกดเจนเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ภาพที่ดูดีออกมามันก็ฟังไม่ขึ้น เพราะภาพที่ใช้เรียนก็ขโมยของคนอื่นมา ในกระบวนการสร้างก็ไม่ใช่ตัวเองแต่เป็น ai ต่างหากที่สร้างขึ้น คนที่ทำแค่กดคลิ้กเพื่อสั่งเจนภาพน่ะ ไม่คู่ควรกับการเป็นศิลปินหรอก

กูพอเข้าใจอยู่นะว่าการใช้ ai เชิงสร้างสรรคมันก็มี เหมือนพวกที่เจนภาพวิวทิวทัศน์แบบเหนือจริงต่างๆ ขึ้นมาผ่าน promt ที่ใส่ลงไป แต่การเอาภาพวาดมีลิขสิทธิ์มาเป็นตัวตั้งต้นในการเรียนแล้วเจนภาพจาก ai มาขายนี่แม่งน่าเกลียดเกิน มีค่าไม่ต่างอะไรกับเด็กประถมทำงานภาพตัดปะ แค่เปลี่ยนจาก กระดาษ+กาว มาเป็นปัญญาประดิษฐ์+คอมพิวเตอร์เฉยๆ

ก่อนหน้านี้มีงานจัดแสดงและขายผลงานของพวก AI artist เปิดขึ้นมา ผลเป็นยังไงรู้ป่าว? ไม่มีใครเข้ามาในงานเลยแม้แต่คนเดียว เท่าที่เห็นคือมีแค่สตาฟจัดงานกับคนที่มาตั้งโตะขายสื่อต่างๆ ที่ผลิตจาก ai เท่านั้น เห็นได้ชัดว่านอกจากตัวคนเจนเองแล้ว การตอบรับที่สังคมมีให้งานจาก ai มันเป็นไปในทางที่โคตรแย่ ก็นั่งตบยุงกันไปจนกระทั่งงานเลิกนั่นแหล่ะ

ตราบใดที่ยังไม่มีกฏหมายควบคุมผลงานอย่างชัดเจน งานจาก ai ก็จะถูกมองแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ อะ

การเปรียบเทียบงานจริงกับงาน ai = ในโม่งนี่คุยกันไปเยอะละ ถ้าเป็นงานภาพก็คือบ่อนทำลายวงการทางอ้อม นักวาดจะทะยอยกันวางมือเพราะคิดว่าวาดไปทำไมในเมื่อมีคนรอดูดงานกูไปเจนหาแดก กว่าจะเส้นเทพขนาดนี้ฝึกวาดกันมาเป็น 10 ปี เจอพวกกดคลิ้กไม่ถึง 1 วินาทีแย่งงานไปแบบหน้าด้านๆ เลิกดีกว่าแม่ง

ฝั่งงานเขียนก็มีโดนกันหลายแบบ หลักๆ คือเอานิยายให้ ai อ่าน แล้วเจนเรื่องใหม่ขึ้นมา คนแต่งเองก็แต่งตามไม่ทัน ผิดกับฝั่งใช้ ai ที่มีนิยายลงทุกวัน เจ้าของนิยายที่โดนเอาไปเรียนก็เจอละเมิดแบบทำอะไรไม่ได้ อีกแบบก็คือพวกนักแปลที่จะโดน ai แปลแย่งงานในอนาคต เพราะตอนนี้มันจะยังแปลออกมาไม่เป็นภาษาคน

ความเห็นส่วนตัว : ถ้าคิดจะใช้ ai เป็นตัวช่วย ก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจรับผลกระทบด้านต่างๆ ไว้ด้วย ถึงนิยายที่เจนมาจะสะดวกกว่าแต่งเอง แต่มันก็เขียนรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ต้องคอยมาเกลาให้หรืออาจต้องแต่งแก้ทั้งย่อหน้า ในหลายๆ ครั้งที่กูลองอ่านเรื่องแล้วจับได้ว่าเป็นนิยายจาก ai สิ่งนึงที่รู้สึกได้เหมือนกันทุกเรื่องคือมัน "ขาดความมีชีวิตชีวา" ยิ่งใช้ไปนานแค่ไหน สกิลการเขียนก็มีแต่จะลดลง (แล้วได้สกิล บก.+พิสูจน์อักษร มาแทน)

อ่านแล้วมันจะมีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจมึง แบบที่บอกไม่ถูกว่าคืออะไรแต่รับรู้ได้ว่ามันผิดปกติ ทางนึงมึงอาจพบว่ามันบกพร่องโคตรๆ เหมือนไม่ใช่มนุษย์แต่ง กับอีกทางก็คือสมบูรณ์แบบเกินไปจนน่ากลัว แถมสามารถเดาทางได้ง่ายด้วย

ภาพวาดนี่ก็พอกัน ดูรูปแล้วเห็นแววตามึงก็ดูออกว่าแม่งไม่ใช่แววตาที่บอกอารมณ์ได้ บางรูปมือเบี้ยว แขนขาด ขาลอย วิธีการลงสีก็เหมือนๆ กันไปหมด ถึงจะเปลี่ยนลายเส้นจากการให้เรียนมากแค่ไหน ก็ยังดูออกได้ว่านี่มันไม่ใช่ศิลปะที่สร้างจากการฝึกฝนมานานปี

จะเทียบความรู้สึกยังไงดีวะ... เหมือนมึงใช้จิ๋มกระป๋องกับเย้ดหีของจริงอะ มันแตกต่างกันมากๆ เลยนะเว้ย

988 Nameless Fanboi Posted ID6:D+6h/yEVes

>>985 เขาก็พูดกันไปแล้วว่ามันละเมิดลิขสิทธิ์ ดูดงานนักวาดมาเจน มึงก็ยังจะมาประหยัดต้นทุน ไม่ต้องมาเขียนแนวเรื่องตลาด โถ อีเถาะ แค่จ้างนักวาดไม่กี่พันก็ได้รูปดีๆ มึงพูดเหมือนขาดทุนระดับล้านต้องมาหาทางประหยัดต้นทุน นักเขียนถ้ามันมีหัวคิดสร้างสรรค์มันก็เขียนแนวอื่นนอกจากแนวตลาดได้ว่ะ มึงมันก็แค่พวก loser เฉยๆ ทั้งจนและขี้แพ้ หาข้ออ้างมาเอาเปรียบคนอื่นแบบหน้าด้านไม่ละอายใจ มึงนี่ต้องเป็นคนเหี้ยได้ขนาดไหนถึงได้มองว่ามันเป็นผลดีกับนักเขียน แล้วนักวาดที่ไปดูดงานเขามาคือช่างหัวแม่งไม่ต้องสนใจเพราะมึงได้ประโยชน์งั้นสิ ไอ้ขยะ

989 Nameless Fanboi Posted ID6:LdoCRt3aoX

>>985 555ข่าวอะไรเนี่ย กุ>>983 เองนะ กุไม่ได้เหยียดนะแต่นึกว่าจะเป็นข่าวฝั่งเมกาหรือยุโรป หรืออะไรที่เป็นสากลพอยึดเป็นหลักแนวทางคำวินิจฉัย55 แล้วแมร่งเป็นข่าวมือเจนaiฟ้องมือขโมยภาพai ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนักวาดเลย555 แล้วคำพิพากษาคือ
'ในคดีนี้ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายลิขสิทธิ์ก็เพื่อสนับสนุนการสร้างสรรค์งานด้วยเทคโนโลยีเอไอ และส่งเสริมอุตสาหกรรมเอไอที่เพิ่งเกิดใหม่'
คือศาลไม่ได้เอ่ยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลในการเจนภาพที่ถูกต้อง หรือไม่ อย่างไร จะขโมยมารึเปล่าก็ช่างศาลไม่ตัดสินเรื่องนั้น สรุปคนละเรื่องกับที่ถกกันในโม่งเลย555
ขอแก้ไขเรื่องที่กุบอกครั้งที่แล้ว ไปถามผู้รู้มาล่ะ กุใช้คำผิดเองแหละ ศาลไม่ได้ยกฟ้อง เรียกว่าศาลยกคำร้องมากกว่า และคนที่แนะนำให้ฝ่ายนักวาดเขียนคำร้องส่งใหม่คือศาลเอง ไม่ใช่ทนายโจทก์ คดียังไม่จบนะจ๊ะ ไม่ใช่ถือว่าaiไม่มีความผิด
กุบันเทิงมากๆกับข่าวจีนของมรึง ฮาปวดท้องเลย ชดใช้ตั้ง500หยวน555 แต่กุขอตามข่าวฟ้องหลายล้านเหรียญต่อดีกว่า สุดท้ายถ้ามรึงอยากยึดตามศาลจีนก็เอาที่สบายใจ แต่กุอยากให้มรึงจำประโยคข้างล่างไว้นะ หวังดี
'คำตัดสินของศาลอินเทอร์เน็ต พิจารณาเป็นรายกรณีไม่ใช่คุ้มครองทั้งหมด และสามารถถูกกลับคำวินิจฉัยได้ในศาลที่มีลำดับเหนือกว่าตามกฎหมายลิขสิทธิ์'

990 Nameless Fanboi Posted ID6:.38VCLFgvr

ถ้า AI ถูกต้องหมด ป่านนี้มนุษย์ไม่ต้องเขียนนิยายแล้ว ให้ AI ทำแทน ส่วนมนุษย์แค่ไปเที่ยวข้างนอก

991 Nameless Fanboi Posted ID6:72n3VquwRQ

>>989 เอาเหี้ยไรกับไอ้กากชั้นต่ำนี่ล่ะ ขนาดกูถามไปว่าเอไอเลินนิ่งของมันเอาข้อมูลจากไหนมาเลินนิ่ง แม่งไม่ตอบเลยว่ะ มันเชื่อสนิทใจจริงเหรอว่าอีเอไอเหี้ยนี่เสกข้อมูลได้เองจากเลขไบนารี่ แค่คีย์คำสั่ง จ๊างงง ได้รูปปกนิยายสวยๆแล้วจ้า

992 Nameless Fanboi Posted ID6:.38VCLFgvr

เฮ้ยๆ ต้องขึ้นบทใหม่แล้วนะ ถึง 1000 เรปต้องย้ายห้อง

993 Nameless Fanboi Posted ID:DjGbv1Y1Gg

กุเริ่มก้ได้
นิทานเด็กดีบทที่ 41 (DDN XLI) จักรวาลโม่งที่หยุดหมุน เกานิ่งตั้งตรงตามต้นกก แสงเหลืองเรื่องจากปลายก้น ผลุดหนีหลุดจากร่าง ลอยเรียดลู่ลมบนผิวน้ำ ไหลไถลดิ่งจม หายไปตลอดกาล

994 Nameless Fanboi Posted ID6:ydjD+yUU.S

ต๊ะตึงโป๊ะๆๆๆ

995 Nameless Fanboi Posted ID6:vk.KSp78ST

อยากขึ้นบทใหม่ แต่กูลืมว่าควรทำอะไรฟ่ะ

996 Nameless Fanboi Posted ID6:IQaPSdMfdK

ไม่ได้มาแวะเกือบเดือน อ้าง จะจบแล้วเหรอ

997 Nameless Fanboi Posted ID6:LomOYgdZ21

ใครก็ได้ช่วยเปิดห้องใหม่รอไว้ที กูไม่เคยทำ

998 Nameless Fanboi Posted ID:KDItH9nGNN

>>>/webnovel/18245/

เชิญคั้บ

999 Nameless Fanboi Posted ID:xG4EQuj+KU

เอ้า ถมมมมม 999

1000 Nameless Fanboi Posted ID:xG4EQuj+KU

>>998 ทำมู้แล้วทำ Highlight ด้วยเด้อ

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.