Fanboi Channel

นิทานเด็กดีบทที่ 40 (DDN XL) ภาคโม่งกำลังตายทั้งเป็น แต่พระครูบัวเตือนสติทันหวุดหวิด จึงกลับไปฝึกวิชานาฏยุทธ์ ในที่สุดก็กลายเป็นโม่งบาก 3

Last posted

Total of 1000 posts

877 Nameless Fanboi Posted ID:GHd2nGwXPM

ต่อจากคราวก่อนที่คุยกันไว้เกี่ยวกับกิลด์นักผจญภัย ตอนแรกกูว่าจะข้ามเรื่องนี้แต่พอมาคิดดูดีๆ มันอาจเป็นประโยชน์กับโม่งที่อยากได้ข้อมูลเชิงลึกเอาไว้ต่อยอดเวลาอยากแต่งแนวยุคกลางปลอม แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้นกูอยากพูดให้ฟังก่อนว่าความเป็นจริงในยุคกลางของแท้ มันไม่ได้สวยหรูอย่างที่เคยเห็นมาในนิยายหรืออนิเมะหรอกนะ (กูว่ายุคโรมันยังดีเสียกว่า)

อย่างแรกเลยคือ ถ้ามึงโดนอิเซไคไปโลกยุคกลางแท้ (แบบไม่ผ่านการพูดคุยกับพระเจ้า/เทพธิดา และไม่ได้รับสกิลโกง) ด้วยเสื้อผ้าหน้าผมที่ผิดแปลกไปจากชาวบ้าน ถ้าเป็นผู้ชายมึงจะโดนจับไปตัดหัวด้วยข้อหาเป็นปีศาจที่พยายามเลียนแบบมนุษย์ อ้างว่ามึงพยายามเลียนแบบแล้วแต่ทำได้ไม่เนียน ลักษณะภายนอกอะไรก็ดูหลุดโลกไปหมด = ตายฟรี สำหรับผู้หญิงเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน โดยมีความต่างเพียงแค่หลังถูกจับตัวแล้วจะโดนเผาทั้งเป็น เพราะโดนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแม่มด = ตายฟรีเหมือนกัน

อย่างต่อมาคือ ว่าด้วยเรื่องโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เนี่ย หมออะไรมันก็พอมีอยู่ แต่การรักษาด้วยเวทมนตร์มันไม่มี ความก้าวหน้าทางการแพทย์ก็ติดลบรักษากันตามความเชื่อ ถ้าพลาดไปติดโรคอะไรรุนแรงขึ้นมา มีแต่ตายสถานเดียว เรื่องพวกนี้มันเป็นผลมาจากการสุขาภิบาลที่ขาดความรู้ด้วย ถามจริงๆ นะ พวกมึงอยากไปอยู่ในยุคที่ชาวบ้านเอาถังใส่ขี้/เยี่ยว สาดจากหน้าต่างห้องนอนลงมาบนถนนยามเช้ากันจริงๆ เหรอวะ มันไม่ได้น่าอยู่อาศัยเหมือนกับที่ถูกเล่าในยุคกลางปลอมทั้งหลายหรอก พวกชนชั้นสูงนี้ก็ตัวดีเลยเพราะมักจะไม่อาบน้ำ ชอบคิดไปเองว่าตัวเองสะอาดเลยไม่ต้องอาบ ไม่อยากนึกสภาพเกี่ยวกับโรคผิวหนังและกลิ่นตัวเลย (ถึงพวกแม่งจะพยายามใส่น้ำหอมก็เถอะ) เรื่องการระบาดเนี่ยของโรคก็ด้วย พวกมึงลองดูคลิปนี้ >> ( https://www.youtube.com/watch?v=jG1VNSCsP5Q ) ก็จะเข้าใจได้เลยว่ามันง่ายขนาดไหน

อย่างที่สามคือ มีโอกาสตายสูงเพราะเป็นยุคที่แถวนี้แม่งเถื่อนไม่แน่จริงมึงอยู่ไม่ได้ มีทั้งการรบพุ่งชิงดินแดนและการปล้นฆ่าจากพวกไวกิ้งอยู่พักหนึ่งด้วย ถ้าไม่ได้อยู่ในสถานะชนชั้นสูง ก็มีโอกาสถูกฆ่าเอาได้ง่ายๆ หากไปขัดแข้งขัดขาคนพวกนี้เข้า วันดีคืนดีโดนคนอื่นใส่ร้ายแบบมีโทษถึงตายก็มีโอกาสเกิดขึ้นเหมือนกัน ถนนหนทางอะไรก็ไม่ค่อยดีมีแต่รกแต่พง ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องเข้าป่าล่าสัตว์ เอาแค่เดินทางข้ามหมู่บ้านแล้วไม่โดนงูฉกตายให้ได้ก่อน กลางค่ำกลางคืนไม่มีไฟส่องสว่าง โจรจะย่องมาปล้นนี่อย่างง่าย

อย่างสุดท้ายคือ การใช้ชีวิตของคนทั่วไปค่อนข้างลำบาก โอกาสลืมตาอ้าปากหรือเจริญรุ่งเรืองขึ้นได้เองแทบเป็นไปไม่ได้ ทำได้แค่ก้มหน้าก้มตาทำการเกษตรส่งภาษีให้ขุนนางเจ้าของที่ดินตามกำหนดเรื่อยๆ (ปีไหนน้ำท่วม/ฝนแล้งก็ซวยอีก) ไม่มีสัตว์วิเศษหรือพวกอสูรเวทมนตร์มีแค่สัตว์ป่าธรรมดาให้ล่ามากิน/ขาย กิลด์นักผจญภัยนี่ก็ไม่มี ดังนั้นการไต่ Rank ไปจนถึงบนสุดแล้วลุ้นได้ทำงานให้พวกขุนนางใหญ่เพื่อรับยศเป็นรางวัลก็ไม่มีตามไปด้วย

ความโรแมนติคของยุคกลางเกี่ยวกับพวกชนชั้นนี่ก็อีกนะ เอาแบบต่ำสุดแบบยังไม่ได้เข้าสภาขุนนางแต่มันดูเท่ดีอย่างท่านเซอร์/อัศวินเนี่ย ไม่ใช่ว่าชาวบ้านธรรมดาอยู่ดีๆ จะเป็นได้ คือมันโอกาสน้อยเหี้ยๆ เพราะถึงเป็นชาวบ้านก็ต้องมีคุณสมบัติจำพวกต่อสู้เก่งในหลายแขนง เคยเป็นผู้นำและชนะในการรบป้องกันดินแดน ตัดสินใจเรื่องสำคัญอันมีผลต่อชีวิตของคนหมู่มาก หรือสร้างความดีความชอบใหญ่ๆ สักเรื่องก่อนถึงจะได้แต่งตั้งแบบพิเศษ ส่วนวิธีปกติคนจะเป็นอัศวินได้ต้องเป็นทายาทของอัศวินและเข้ารับการฝึกตั้งแต่เด็ก เรียนรู้ไปจนโตอายุ 21 ก็ยังเป็นได้แค่สไควร์คอยรับใช้พวกอัศวินคนอื่นจนกว่าอัศวินคนนั้นจะรับรองสถานะให้ไปเข้าพิธีรับตำแหน่งอัศวินหน้าใหม่ นึกตามแล้วยังคิดเลยว่าลำบากยุ่งยากเป็นบ้า ยิ่งพวกชนชั้นสูงกว่านั้นนี่ยิ่งร้ายขึ้นไปอีก หักเหลี่ยมเฉือนคม ผูกมิตรหลอกใช้ แต่งงานการเมือง หาทางขึ้นสู่อำนาจกันร้อยแปดพันเก้า

อย่างไรก็ตาม ถ้าอยากแต่งโดยใช้เซตติ้งยุคกลางปลอมโดยไม่อิงประวัติศาสตร์หีแตDใดๆ ไอ้ที่อ่านมาข้างบนก็ไม่ต้องเอามาใส่หัวให้เสียเวลา

โอเค ทีนี้ก็ได้เวลาพูดถึงกิลด์หรือสมาคมนักผจญภัยกันเสียที

878 Nameless Fanboi Posted ID:GHd2nGwXPM

ตามปกติแล้วในเซตติ้งยุคกลางปลอมแฟนตาซีเนี่ย มันจะมีขั้วอำนาจใหญ่ๆ คอยคานอำนาจกันเองอยู่ไม่กี่แบบ แต่อันที่พบได้บ่อยสุดคือแบบ [ ราชวงศ์และขุนนาง-ศาสนจักร-กิลด์นักผจญภัย-กลุ่มการค้า ] ซึ่งแต่ละส่วนก็มีบทบาทและผลประโยชน์ร่วมกันอยู่ ชนชั้นสูงมีหน้าที่คอยบริหารบ้านเมือง ป้องกันประเทศ กับคุ้มกันโบสถ์ โบสถ์ก็ควบคุมคนให้ราชวงศ์ผ่านทางความเชื่อ กิลด์นักผจญภัยคอยหาคนมาปราบสัตว์อสูรและหาวัตถุดิบ ถ้าเจอคนฝีมือดีมีความสามารถก็ส่งให้เมืองหลวงพิจารณา ส่วนกลุ่มการค้าก็เป็นสื่อกลางในการซื้อขายแลกเปลี่ยนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ลองมองดูดีๆ จะเห็นว่าถ้ามีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเกิดล่ม กลุ่มที่เหลือก็งานเข้าตามไปด้วย แล้วการขัดแย้งกันเองของกลุ่มเหล่านี้ก็มีผลเสียมากกว่าผลดี เลยทำให้ต่างฝ่ายต่างต้องรักษาระดับความสัมพันธ์ให้พอเหมาะ ไม่งั้นจะเกิดเหตุการณ์อีรุงตุงนังขึ้นได้ง่ายๆ ตัวอย่างของความเกี่ยวโยงพื้นฐานของกลุ่มต่างๆ ก็จะมีดังนี้

ราชวงศ์ให้การคุ้มครอง, มอบเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากภาษีมาสนับสนุนโบสถ์ และราชาก็นับถือศาสนานั้น ทางฝั่งโบสถ์ก็ทำให้ชาวบ้านเชื่อว่าราชวงศ์เป็นผู้ที่พระเจ้าเลือกให้มาปกครองแผ่นดิน ใช้เงินของราชวงศ์กับเงินบริจาคช่วยคนยากไร้, เด็กกำพร้า และผลิตฮิลเลอร์ป้อนเข้ากองทัพ/กิลด์นักผจญภัย

กิลด์นักผจญภัยจัดหางานให้คนไปปราบมอนสเตอร์ คอยทั้งคัดคนเก่งๆ ไว้ใช้เองและส่งไปเสริมทัพหลวง เมืองหลวงก็จัดสรรกำลังรบได้ง่าย ไม่ต้องเสี่ยงถอนทหารจากชายแดนกลับมาปราบปรามการรุกรานของพวกสัตว์ประหลาด วัตถุดิบที่ได้มาก็รับซื้อไว้แล้วเอาไปขายให้พวกชนชั้นสูงหรือกลุ่มการค้าต่อ

กลุ่มการค้าได้ของก็ตรวจสอบคุณภาพแล้วขายทำกำไร ซึ่งวัตถุดิบต่างๆ จะมี กลุ่มวิชาชีพการผลิต/ช่างฝีมือ รับซื้อเอาไปสร้างเป็น อาวุธ/ชุดเกราะ กลับไปขายให้ทางกองทัพกับนักผจญภัยอีกที ยิ่งยุทโธปกรณ์ดีขึ้นแค่ไหนพวกนักผจญภัยก็ยิ่งหาวัตถุดิบคุณภาพสูงขึ้นได้อีกแค่นั้น พอสามารถทำกำไรได้มากขึ้น อำนาจการต่อรองและความสามารถในการจ้างงานก็เพิ่มตาม ระบบการขนส่งกับถนน/เส้นทางการค้าก็พัฒนาด้วย

ช่วงเกิดภัยพิบัติจากการทะลักของสัตว์อสูรออกมานอกดันเจี้ยนหรือมีการคืนชีพของจอมมาร ทางเมืองหลวงกับโบสถ์สามารถจัดตั้งปาร์ตี้ผู้กล้าออกปราบปรามได้ทันทีทั้งจากคนในกองทัพและคนที่ทางกิลด์นักผจญภัยคัดมา มีกองกำลังขนาดใหญ่พร้อมรบจากกองทัพปกติและทหารรับจ้างของกิลด์นักผจญภัย พวกพ่อค้าก็ช่วยได้ด้วยการลดราคาไอเท็มจำเป็นต่างๆ เช่นเสบียงอาหาร ยาฟื้นฟู อาวุธ ชุดเกราะ ยุทธภัณฑ์อื่นๆ

อันนี้คือพูดถึงแค่เผ่ามนุษย์อย่างเดียวก่อน ถ้าพูดเกี่ยวกับเผ่าอื่นด้วยมันจะออกนอกหัวข้อหลักไปไกล จบเรื่องความสัมพันธ์ของกลุ่มต่างๆ แล้วทีนี้กูจะกลับมาคุยลงลึกกับข้อมูลของกิลด์นักผจญภัยกันต่อ

กิลด์นักผจญภัยเป็นองค์กรแบบไหน ? ... สัส ง่วงเหี้ยๆ นอนก่อนแล้วกัน ไว้จะมาต่อนะ

879 Nameless Fanboi Posted ID6:.8DkRN4Fq4

โม่งเรากำลังฝึกเขียนนิยายส่ง เลยอยากถามหน่อยว่า

เวลาเขียนสิ่งที่ตัวละครกำลังคิดอยู่ในหัวเนี่ยมันต้องเขียนยังไง

ใช้ ตัวเอียง หรือ
ใช้ [ ] หรือ
ใช้ "" แต่เขียนว่ากำลังคิด คิดออกมาไรงี้แทน

เราอ่านนิยายมาเคยเห้นหมดทุกแบบเลย แต่มาตราฐานนิยายไทยใช้แบบไหนกัน

880 Nameless Fanboi Posted ID:tXus9SJYhv

>>879 สมัยนี้กูใช้ตัวเอียงแล้วเขียนต่อด้วยว่าใครเป็นคนคิด เพราะสมัยก่อนใช้ 'แบบนี้' แล้วโดนนักอ่านทักเลยใช้ตัวเอียงแทน

881 Nameless Fanboi Posted ID:zSExGSzatf

>>879 ใช้บรรยายเอา

882 Nameless Fanboi Posted ID6:LLvauzk4A1

>>879 ถ้าเล่าเป็น POV1 แม่งง่ายสัสๆ บรรยายจะทำหน้าที่แทนบอกความคิดและเจตนารมณ์ของตัวเอก แต่อ่านใจตัวละครอื่นไม่ได้ ภาษากายคือคำตอบ

883 Nameless Fanboi Posted ID6:LLvauzk4A1

ky พวกนักเขียนยุคกลางจอมปลอมแม่งไม่ได้อ่านประวัติศาสตร์แน่ๆ โดยเฉพาะเรื่องส้วม
https://goshujin.tk/index.php?topic=31862.msg791361#new

884 Nameless Fanboi Posted ID:rukpUtvbOW

มีคนเปรียบเทียบว่ากิลด์นักผจญภัยคล้ายกับกรมจัดหางานซึ่งข้อนี้กูก็ไม่เถียง แต่รายละเอียดอื่นๆ ที่แตกต่างกันเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังเป็นข้อๆ

กิลด์นักผจญภัยเป็นองค์กรแบบไหน

ว่าด้วยเรื่องของกิลด์นักผจญภัย มันคือกรมจัดหางานที่มีบริการแบบครบวงจรมากๆ มักตั้งอยู่ภายในเมืองใหญ่ใกล้กับพื้นที่เสี่ยงจำพวกปากทางลงดันเจี้ยนเทียร์ 3 ขึ้นไป อันหมายถึงดันเจี้ยน (ทั้งแบบลงไปใต้ดินและแบบหอคอย) ที่มีจำนวนชั้นเยอะจนอาจเกิดการแตกตื่น/ทะลักออกมาของมอนสเตอร์จำนวนมาก (monster stampede) ได้จากหลายสาเหตุ หรือในเมืองติดกับป่าขนาดใหญ่ซึ่งมีมอนสเตอร์หลากหลายชนิดอาศัยอยู่ ยิ่งเข้าป่าไปลึกแค่ไหนโอกาสเจอมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งกว่าปกติก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

บางเมืองที่ไม่ตรงตามข้อกำหนดในย่อหน้าที่แล้วก็อาจมีกิลด์นักผจญภัยสาขาย่อยขนาดเล็กไปตั้งอยู่ได้เหมือนกัน เช่น เมืองในเขตทุรกันดารบ้านนอกสุดๆ แต่ดันมีดันเจี้ยนเทียร์ 1-2 ล้อมรอบหลายแห่ง หรือเมืองที่เป็นเมืองท่าต่างๆ โดยเฉพาะท่าเรือ เนื่องจากต้องใช้เป็นศูนย์กระจายงานสำหรับนักผจญภัยทางทะเล ไปล่ามอนสเตอร์ตามเกาะนอกแผ่นดินใหญ่ หรือทำภารกิจล่ามอนสเตอร์ที่เจอได้เฉพาะใต้ทะเลลึกเท่านั้น

ใครสามารถสมัครเข้ากิลด์นักผจญภัยได้บ้าง

สมัครได้ทุกเพศทุกวัย ชนชั้นวรรณะไหนก็ได้หมด ขอแค่ไม่ใช่เผ่าพันธุ์ต้องห้ามอย่างเผ่าปีศาจ เมื่อมีอายุถึงเกณฑ์หรือบาง setting คือผ่านพิธีกรรมเพื่อรับ gift/skill จากพระเจ้ามาเรียบร้อยแล้ว ใครอยากจะหาทางสร้างรายได้, ชื่อเสียง ก็สามารถมาสมัครเข้ากิลด์นักผจญภัยได้เลย

เจ้าหน้าที่ของกิลด์นักผจญภัย

กิลด์มาสเตอร์ (หัวหน้ากิลด์) - ทำงานประจำที่สาขาหลักหรือสำนักงานใหญ่ คอยตัดสินใจในเรื่องสำคัญทั้งหลาย มักเคยเป็นนักผจญภัยแรงค์ S หรือไม่ก็เคยเป็นทหารยศสูงในทัพหลวงมาก่อน ถ้าเป็นหัวกิลด์ของสาขาย่อย บางเรื่องก็ชอบเนียนมาทดสอบเด็กใหม่ด้วยตัวเอง (เพื่อให้ตัวเอกได้โชว์เทพ) บางเรื่องก็เป็นตัวร้ายเกรดบีคอยกลั่นแกล้งตัวเอก ทำตัวทุจริตยักยอกทรัพย์ของกิลด์เข้ากระเป๋าตัวเอง หัวหน้ากิลด์อาจเป็นได้ทั้งมิตรหรือศัตรูของตัวเอกแล้วแต่ว่าถูกวางบทมายังไง

885 Nameless Fanboi Posted ID:rukpUtvbOW

พนักงานต้อนรับ - ส่วนมากเป็นสาวสวย มีหน้าที่คอยบริการสมาชิกกิลด์ในเรื่องต่างๆ ต้องเก่งรอบด้านจริงๆ ถึงจะอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ เพราะนอกจากต้องรับมือกับนักผจญภัยที่อาจไม่ใช่คนนิสัยดีเสมอไปแล้ว พนักงานต้อนรับยังต้องเป็นคนตัดสินใจด้วยว่าจะอนุญาตให้สมาชิกทำเควสที่เลือกมาหรือไม่ บางคนเข้ามาได้ไม่นานยังอยู่แค่ Rank E แต่ดันทะลึ่งอยากรับเควสปราบปราม Rank C พนักงานต้อนรับก็ต้องปฏิเสธการจ่ายงาน ทำอย่างไรก็ได้ให้แน่ใจว่าสมาชิกของกิลด์จะไม่ต้องเสี่ยงอันตรายโดยไม่จำเป็น จัดสรรคนให้เหมาะกับระดับความยากของเควส ตรวจสอบวัตถุดิบที่สมาชิกหามาได้จากมอนสเตอร์แล้วส่งต่อไปให้ฝ่ายคลัง ทำเอกสารและวัตถุยืนยันตัวตนของนักผจญภัยหลังสมัครสำเร็จ ฯลฯ

หน่วยรักษาความปลอดภัย - ส่วนหนึ่งทำหน้าที่เฝ้ายามกับดูแลความเรียบร้อยใน bar/tavern ของกิลด์ ส่วนที่เหลือจะถูกแบ่งไปเป็นครูฝึกคอยดูแลโรงฝึก/อุปกรณ์ฝึก และฝึกวิธีการต่อสู้ให้กับนักผจญภัยหน้าใหม่ บางครั้งก็ต้องทำหน้าที่ทดสอบความสามารถของผู้มาสมัครเข้ากิลด์ด้วย ถ้าคนไหนหน่วยก้านดี มีฝีมือการใช้อาวุธประจำตัวที่โอเค และเอาชนะครูฝึกได้แบบขาดลอย ผู้สมัครรายนั้นจะได้รับการ promoted จาก Rank F ขึ้นเป็น E ทันที

พ่อครัว บริกร และผู้ดูแลห้องพัก - อันนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก ก็คือทำงานตามตามแหน่งของตัวเองใน tavern ของกิลด์ ถ้าสาขาไหนหรูๆ หน่อยก็จะมีโรงอาบน้ำ คอกม้า กับส่วนบริการซักล้างเสื้อผ้าเพิ่มด้วย

ฝ่ายการค้าและคลัง - แยกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ ส่วนแรกคือขายของต่างๆ ที่พวกนักผจญภัยหามาได้เพื่อหาเงินทุนเข้ากิลด์ ทั้งคนในแผนกการค้าและพนักงานต้อนรับส่วนใหญ่จะมีสกิลพวก "ตรวจสอบ" หรือ "ประเมิน" ติดตัวกันอยู่แล้ว การตั้งราคาตามคุณภาพสินค้ากับพวกพ่อค้าคนกลางจึงไม่ใช่เรื่องยาก การขายมักขายไปในราคาขายส่งถ้าไอเท็มมีจำนวนมาก สำหรับของหายากหรือเป็นที่ต้องการในตลาดจะถูกขายผ่านการประมูลในเมืองหลวง ส่วนที่ 2 คือพ่อค้าในร้านค้าสวัสดิการของกิลด์นักผจญภัย ทำหน้าที่ขายสินค้าผลิตเองให้บรรดาสมาชิก คุณภาพสินค้าอยู่ในระดับกลางจนถึงต่ำ ส่วนที่ 3 เป็นกลุ่มผู้ดูแลโกดังและคลังสินค้า จดบันทึกจำนวนไอเท็มต่างๆ รับเข้าและดูแลให้อยู่ในสภาพดี มีบริการชำแหละ/แปรรูปสินค้าให้กับสมาชิกที่มีเงินพอจ่ายและไม่ต้องการเสียเวลาทำเอง

เจ้าหน้าที่ข้อมูลและการข่าว - ก็ตามชื่อนั่นแหล่ะ แต่แผนกนี้พิเศษหน่อยตรงที่ทำงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ปกติแล้วอาจมีแค่รับซื้อข้อมูลข่าวสารที่สมาชิกเอามาขาย ในบางครั้งเวลาที่สมาชิกกิลด์แสดงพิรุธ ทำตัวน่าสงสัย หรือถูกแจ้งว่ากำลังกระทำความผิดอะไรสักอย่างเข้ามาจากบุคคลที่สาม พนักงานของแผนกที่มีสกิลซ่อนตัว, สะกดรอย ก็จะออกตามสืบข้อเท็จจริงทันที

เวร... ยังเหลืออีกเยอะเลย แต่ง่วงแล้วว่ะ ไปนอนละ บาย

886 Nameless Fanboi Posted ID:uI3JProLer

(เมอร์รี่คริสต์มาส โม่ง มาต่อกันเลย)

ลำดับขั้นของสมาชิกกิลด์นักผจญภัย

อันนี้แล้วแต่นักเขียนว่าจะเลือกใช้รูบแบบไหน เท่าที่เคยเจอมาก็จะมี แบ่งด้วยวัสดุสร้างป้ายชื่อเริ่มด้วยกระเบื้องไปสุดที่ทองคำขาว แบ่งด้วยสีกรอบป้ายชื่อเริ่มด้วยดำไปสุดที่ทอง แบ่งด้วย Rank บนป้ายที่นิยมใช้กันเริ่มจาก F ไปสุดที่ S บางเรื่องแปลกๆ หน่อยก็ใช้สัตว์เริ่มด้วยกวางไปสุดที่มังกร และอื่นๆ

Rank และการเลื่อน Rank ของนักผจญภัย

F : ทดสอบความสามารถในการต่อสู้ตอนสมัครเข้ากิลด์ไม่ผ่าน โดนครูฝึกตบเกรียนแตก ช่วงแรกจะถูกบังคับให้ต้องเข้าโรงฝึกเพื่อฝึกพื้นฐานการต่อสู้จนกว่าครูฝึกจะเห็นว่าพร้อมสู้จริงไหว ในระหว่างนั้นจะรับได้แค่เควสกากๆ อย่างเก็บสมุนไพร ส่งของ/ส่งจดหมาย หรือตามหาสัตว์เลี้ยง เมื่อฝึกไปได้ระยะหนึ่งถึงจะได้รับอนุญาตให้จับกลุ่มปาร์ตี้กับพวก Rank F ด้วยกันเพื่อสอบขึ้นเป็น Rank E
*** ในบางเรื่องต่อให้สอบต่อสู้ผ่านก็ยังต้องได้ F ไปก่อนอยู่ดีก็มี ***

E : ทำเควสปราบปรามมอนสเตอร์ระดับต่ำสำเร็จได้แบบไปเป็นปาร์ตี้ (หรือชนะครูฝึกตอนทดสอบสมรรถภาพได้อย่างขาดลอย)
D : ทำเควสปราบปรามมอนสเตอร์ระดับต่ำสำเร็จได้ด้วยตัวเอง
C : ทำเควสปราบปรามมอนสเตอร์ระดับกลางสำเร็จได้แบบไปเป็นปาร์ตี้
B : ทำเควสปราบปรามมอนสเตอร์ระดับกลางสำเร็จได้ด้วยตัวเอง
A : ทำเควสปราบปรามมอนสเตอร์ระดับสูงสำเร็จได้แบบไปเป็นปาร์ตี้
S : ทำเควสปราบปรามมอนสเตอร์ระดับสูงสำเร็จได้ด้วยตัวเอง (ได้รับสิทธิ์ในการสมัครเข้าร่วมกองกำลังบุกปราสาทจอมมาร หรือการประลองเพื่อเป็นหนึ่งในสมาชิกของปาร์ตี้ผู้กล้า)

ในการเลื่อนขั้นนักผจญภัยจะต้องสะสมแต้มความสำเร็จจากภารกิจให้เพียงพอก่อน จากนั้นจึงแจ้งรับเควสที่มีความยากสูงกว่า Rank ของตัวเองไป 1 ขั้น หากท้าทายแล้วทำภารกิจสำเร็จทางกิลด์นักผจญภัยจะเรียกตัวสมาชิกเข้าตรวจสอบด้านจริยธรรม หากไม่พบว่ามีการร้องเรียนหรือปัญหาอะไรก็จะทำการเลื่อน Rank ให้ในวันเดียวกัน การ promote แต่ละครั้งจะเว้นระยะจากกันอย่างน้อย 3 เดือน (ไม่สามารถเลื่อนขั้นรัวๆ ได้)

note : ในบาง setting อย่างเช่นเรื่อง Goblin slayer จะมีการ promote เลื่อนขั้นให้เมื่อสะสมแต้มความสำเร็จจากภารกิจถึงจุดที่กำหนดโดยไม่จำเป็นต้องไปสอบล่ามอนสเตอร์ระดับกลาง/สูง (ล่าแต่ก๊อบลินที่ให้แต้มน้อยสุดจน Rank ขึ้นไปถึง silver ได้นี่ถือว่าไม่ธรรมดา) อย่างไรก็ตามใน setting แบบนี้มอนสเตอร์ที่เก่งกว่าก็ย่อมให้แต้มมากกว่าจนทำให้เลื่อนขั้นได้เร็วขึ้นตามไปด้วย

887 Nameless Fanboi Posted ID:uI3JProLer

ปาร์ตี้ของนักผจญภัย

ลงทะเบียนได้ที่กิลด์เมื่อมีสมาชิกปาร์ตี้ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ไม่มีข้อจำกัดเรื่องเพศหรือความถนัดทางการรบ แต่เพื่อให้ปาร์ตี้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทางกิลด์นักผจญภัยจะมีข้อมูลรูปแบบการจัดปาร์ตี้ให้อ่านในห้องสมุดของแผนกข้อมูลและการข่าว ตัวอย่างคำแนะนำในการสร้างปาร์ตี้ก็เช่น

สำหรับปาร์ตี้ขนาดเล็ก
มีแนวหน้า (vanguard) กับแนวหลัง (rearguard) อย่างละ 1 คน หรือจะใช้ Attacker 2 คนเป็นแนวหน้าช่วยกันสู้ก็ได้

สำหรับปาร์ตี้ขนาดกลาง
จะเพิ่มแนวกลาง (middle guard) ขึ้นมาอีก 1-2 คน เพื่อให้ครบ role ของปาร์ตี้มาตรฐาน (Tanker-Healer-Attacker) รูปแบบสมาชิก 4 คนที่นิยมใช้คือ ตัวชน 1 ตัวฮิล 1 ตัวโจมตีกายภาพ 1 ตัวโจมตีเวทมนตร์ 1 ช่วยลดความเสี่ยงเมื่อต้องเจอกับมอนสเตอร์ที่มีพลังป้องกันด้านใดด้านหนึ่งสูงมากๆ (ทนกายภาพหรือต้านทานเวท)

สำหรับปาร์ตี้ขนาดใหญ่สมาชิกตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป
มักมีการเพิ่มผู้มีบทบาทเฉพาะด้านเข้ามา หรือกลุ่ม hybrid role ที่ช่วยลดจุดด้อยของปาร์ตี้ให้น้อยลง เช่น 1.ถ้าเดิมทีใช้แนวหน้าเป็นนักรบ (บู้ได้ Tank ได้ปานกลาง) อาจเสริมแนวหน้าที่เป็น Tanker แท้เข้ามาเพื่อลดภาระของ Healer 2.ถ้าแนวหน้ามีทั้ง Tanker และ Attacker ตีใกล้ อาจเพิ่มนักธนูเข้ามาเพื่อเสริมความสามารถในการสร้างความเสียหายจากระยะไกล 3.สมาชิกคนที่ 6 อาจเป็นได้ทั้งตัวโจมตีเวทมนตร์เพิ่มเติม, ตัวฮิล หรืออาชีพกลุ่ม utilities support class (buffer/debuffer/booster) อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้

ทำไมในแต่ละเรื่องชอบมีสมาชิกในตี้ไม่เกิน 5-6 คน

อันนี้กูเดาเอาว่าถ้าจำนวนมากเกินไปแล้วตัวหารมันจะเยอะ ทำให้การแบ่งรางวัลจากเควสและวัตถุดิบไม่คุ้มค่า อีกอย่างหนึ่งคือปาร์ดี้ แบบ 3 roles 4 members (ชน 1 ฮิล 1 โจมปกติ 1 โจมเวท 1) มันสมดุลทั้งรุกและรับอยู่แล้ว ดังนั้น slot สุดท้ายจึงควรเป็นของอาชีพกลุ่ม support class ที่ไม่ใช่พระ ซึ่งตำแหน่งนี้แหล่ะมักเป็นของตัวละครเอกในแนวโดนไล่ออกจากตี้จนกลายเป็นความคลิเช่ไปซะงั้น

การเลื่อนขั้น Rank ของปาร์ตี้

จะเลื่อนตามการสะสมแต้มความสำเร็จที่ได้มาจาก (1) ระดับความยากของภารกิจ (2) ระดับความยากของดันเจี้ยนที่เคยพิชิต (3) Rank เฉลี่ยของสมาชิกปาร์ตี้ทั้งหมด

การถูกลดขั้น (demoted) และการถูกลงโทษเมื่อนักผจญภัยทำผิดกฏของกิลด์ ... ไว้ค่อยมาต่อ นอนละ

888 Nameless Fanboi Posted ID:7Y3PGzny2G

ยาวไปไม่อ่าน

889 Nameless Fanboi Posted ID6:4PvfUNVWqk

คุเบียวอิเซไคบุกโม่งว่ะ

890 Nameless Fanboi Posted ID6:rCIw2lmOYl

อ่านที่โม่งเขียนแล้ว เอาไปแต่งนิยายไปชิวๆเลยไม่ต้องหาข้อมูลเพิ่ม555

891 Nameless Fanboi Posted ID:37Slt6QEUH

การถูกลดขั้น (demoted) และการถูกลงโทษเมื่อนักผจญภัยทำผิดกฏของกิลด์/กฏหมาย

เนื่องจากกิลด์นักผจญภัยเป็นองค์กรขนาดใหญ่ การรักษาความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงจึงเป็นหนึ่งในเรื่องที่สำคัญมากๆ เพื่อป้องกันไม่ให้สมาชิกกิลด์สร้างความเสียหายต่อต้นสังกัด จึงต้องมีการตั้งกฏและบทลงโทษสำหรับผู้กระทำผิดไว้ โดยพื้นฐานแล้วสมาชิกของกิลด์นักผจญภัยล้วนอยู่ภายใต้กฏหมายทั่วไปของอาณาจักร และเมื่อใดที่สมาชิกก่ออาชญากรรมแน่นอนว่ากิลด์นักผจญภัยมีหน้าที่ต้องจับตัวสมาชิกผู้นั้นด้วย สำหรับรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ นั้นมีดังต่อไปนี้

(1) ไม่จ่ายค่าธรรมเนียมสมาชิกรายเดือน = ถูกตัดสวัสดิการต่างๆ ไม่สามารถรับเควสในกิลด์ และถูกยึดใบอนุญาต, เอกสารยืนยันตัวตน, member tag ชั่วคราวจนกว่าจะนำเงินมาจ่าย (ไม่มาจ่ายนานเกิน 3 เดือน = ถูกไล่ออกจากกิลด์)

อันนี้เป็นเรื่องพื้นๆ เพราะสมาคมนักผจญภัยไม่ใช่องค์กรการกุศล หากต้องการใช้สิทธิพิเศษต่างๆ ก็ต้องจ่ายค่าสมาชิกด้วย ไอ้ค่าใช้จ่ายที่ว่านี้เป็นการบีบให้นักผจญภัยต้องออกไปทำภารกิจทางอ้อม ไม่งั้นก็จะไม่มีเงินมาต่ออายุความเป็นสมาชิก

(2) ทะเลาะวิวาทกันในกิลด์นักผจญภัย = ถูกปรับเงินและไปสงบสติอารมณ์ในคุกของกิลด์ทั้งคู่ 1 คืน

(3) ทำเควสใน Rank ของตัวเองไม่สำเร็จ = ถูกปรับเงินและถูกลดแต้มความสำเร็จจากภารกิจ

นักผจญภัยบางคนโชคดีฟลุ๊คสอบเลื่อนขั้นขึ้นมาได้ แต่พอถึงเวลาเข้าจริงๆ กลับสู้เควสในขั้นใหม่ไม่ไหว บางคนพอสูสีแต่ใช้เวลานานเกินไปเควสก็ failed เหมือนกัน เพื่อให้แน่ใจว่านักผจญภัยเหล่านี้จะไม่ทำพลาดจนบาดเจ็บ ตาย หรือพิการ ถ้าทำภารกิจไม่สำเร็จติดต่อกันหลายครั้งก็จะถูกพนักงานต้อนรับสั่งลด Rank ในที่สุด

(4) ไม่สามารถเลื่อนขั้นขึ้นเป็น Rank E ได้ภายใน 1 ปี = ถูกไล่ออกจากกิล (ก็คือมึงกากเกินไปนั่นแหล่ะ)

(5) ส่งหลักฐานการปราบปรามมอนสเตอร์ด้วยของที่ซื้อมาจากท้องตลาด = ถูกลดขั้นหรือไล่ออกถ้าทำหลายครั้ง

อันนี้เป็นมาตรการป้องกันพวกหัวหมอแต่บ้านรวย ใช้เงินแก้ปัญหาด้วยการซื้อของเควสมาส่งเควส ปัญหาที่จะตามมาคือไอ้พวกลูกคุณหนูเหล่านี้มันไม่เคยลุยกับมอนสเตอร์จริงๆ ทำให้ไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้ ถ้าเลื่อนขั้นขึ้นไปแล้วเจอมอนสเตอร์โหดๆ อาจถูกฆ่าตายได้ในเควสแบบลุยเดี่ยว ทางกิลด์นักผจญภัยกับพนักงานต้อนรับก็จะถูกร้องเรียนเกี่ยวกับการตั้งระดับความยากของเควสไม่เหมาะสม ซึ่งปัญหานี้ถูกแก้ไขด้วยการแอบทำเครื่องหมายไว้บนไอเท็มโดยพวกกลุ่มการค้าหลังซื้อของไปจากกิลด์

(6) ส่งหลักฐานการปราบปรามมอนสเตอร์ด้วยของที่ไม่ตรงกับความต้องการในเควส = ถือว่าทำเควสไม่สำเร็จ

เป็นเพราะพวกมักง่ายมันมีอยู่เยอะ สมาชิกบางคนก็มีสกิลสร้างของเลียนแบบ ดังนั้นพนักงานต้อนรับที่มีสกิลประเมินเลยเป็นสิ่งจำเป็น ถ้าไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่าไอเท็มที่ส่งมาเป็นของจริงหรือของปลอมก็จะแย่เอามากๆ ส่วนใหญ่ในเควสจะมีระบุไว้อยู่แล้วว่าอวัยวะส่วนไหนของมอนสเตอร์เป้าหมายสามารถใช้เป็นหลักฐานได้บ้าง ยิ่งถ้าเป็นโลกที่มีเซตติ้งคล้ายเกมออนไลน์ พอมอนตายแล้วสลายร่างเหลือไว้แค่ผลึก, แกนกลาง, หินเวท อันนี้ก็จะยิ่งตรวจสอบง่าย สมาชิกบางคนเควสให้ส่งเขามอน 1 คู่ ดันส่งเล็บกับขน หรือเควสให้ส่งหูข้างซ้ายของก๊อบลินดันส่งผ้าเตี่ยวมาแทน สู้ไม่ไหวก็ไม่ยอมรับแล้วส่งของอื่นเข้ามาหวังจะจบเควสเลยต้องโดนบังคับล้มเหลว
*** ในนิยายบางเรื่องตัวเอกเก่งเกินไปสู้มอนสเตอร์ตัวไหนศพก็ไม่เหลือซาก ทำให้ส่งเควสไม่ได้จนโดนไล่ออกจากกิลด์ก็มี

892 Nameless Fanboi Posted ID:37Slt6QEUH

(7) ใช้ยูนีคสกิลของตัวเองเอาเปรียบเพื่อนร่วมปาร์ตี้ = ลบแต้มความสำเร็จที่ได้มาจากการทำเควสจบแบบเป็นปาร์ตี้กับปาร์ตี้ปัจจุบันออกทั้งหมด บังคับเตะออกตี้ และแบนไม่ให้เข้าร่วมปาร์ตี้อื่นจนกว่าจะจ่ายเงินชดเชยให้สมาชิกปาร์ตี้เก่าครบตามที่กิลด์กำหนด

จะอธิบายยังไงดี... เอาเป็นตัวอย่างจากเรื่อง Goblin slayer ก็แล้วกัน เรื่องมันมีอยู่ว่ามีไอ้หนุ่มอาชีพสเก๊าท์ (Scout) คนนึงมาสอบสัมภาษณ์เพื่อเลื่อนขั้นนักผจญภัยกับทางกิลด์ ภายในห้องนั้นมีน้องพนักงานต้อนรับคอยถามคำถามต่างๆ โดยมีนายก๊อบสเลกับนักบวชสาวที่มีสกิลจับโกหกร่วมสังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆ ตอนแรกมันไม่มีอะไรผิดปกตินอกจากการวางท่ากวนตีนของไอ้สเก๊าท์ แต่พอถึงช่วงหลังที่มีการพูดถึงเรื่องอุปกรณ์สวมใส่ของคนมาสอบ ว่าทำไมของพวกนี้มันเกรดดีกว่าของเพื่อนในปาร์ตี้ไปมากจนผิดปกติ บรรยากาศในห้องก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที

น้องพนักงานต้อนรับมองหน้านักบวชสาวแล้วยิงคำถามต่อตรงๆ แบบไม่อ้อมค้อมว่า เวลาไปลุยกับปาร์ตี้กันในดันเจี้ยน ไอ้สเก๊าท์ใช้สกิลพรางตัวทำทีว่าจะย่องไปสำรวจจำนวนมอนสเตอร์ให้เพื่อน แล้วถ้าบังเอิญเจอหีบสมบัติก็จะถือโอกาสแอบหยิบของราคาแพงในนั้นมาเก็บไว้กับตัวใช่มั้ย คนโดนถามรีบปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ พอได้ยินแบบนั้นน้องนักบวชที่ใช้สกิลอยู่ก็พูดว่า "คนๆ นี้โกหกค่ะ" ไอ้สเก๊าท์พอรู้ชะตากรรมตัวเองว่าจะไม่ได้เลื่อนขั้นแถมยังถูกลงโทษอีกก็โมโหเลือดขึ้นหน้า ในใจคิดจะพุ่งเข้าไปทำร้ายน้องพนักงานต้อนรับกับนักบวช แต่เหลือบไปเห็นพี่ก๊อบสเลนั่งกอดอกอยู่ใกล้ๆ เรื่องเลยจบตรงไอ้สเก๊าท์ไม่กล้าทำอะไรเพราะรู้ตัวว่ากูต้องโดนสวบก่อนแน่ๆ น้องพนักงานต้อนรับเลยแจ้งผลสอบว่าไม่ผ่าน พอสเก๊าท์ออกจากห้องไปแล้วก็ขอบคุณก๊อบสเลที่คอยมาช่วยคุ้มกันให้ (อาจไม่ถูกต้อง 100% แต่น่าจะประมาณนี้)

ที่สมาคมนักผจญภัยต้องเข้มงวดด้านจริยธรรมด้วย เป็นเพราะถ้าปล่อยให้นักผจญภัยนิสัยเหี้ยๆ ขึ้นไปถึง Rank สูงๆ คนพวกนี้มีโอกาสก่อเรื่องจนทำให้กิลด์นักผจญภัยต้องเสียชื่อเสียงได้ แล้วถ้าเกิดเรื่องใหญ่มากๆ ขึ้นมา โอกาสถูกทางการสั่งยุบกิลด์แล้วยึดทรัพย์ก็เป็นไปได้เหมือนกัน ในนิยายบางเรื่องที่ไม่ได้มีการร้องเรียนหรือกล่าวหาคนมาสอบด้วยข้อกล่าวหาเฉพาะ คำถามเดียวที่จะถูกถามระหว่างนักบวชจับโกหกนั่งฟังอยู่คือ "เคยได้ทำเรื่องผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือผิดกฏหมายระหว่างอยู่ใน Rank นี้หรือไม่" แค่นั้นเอง

(8) แอบรับงานจากผู้จ้างโดยตรง = ถูกไล่ออกจากกิลด์ (กล้ารับงานเองมึงก็ออกไปเลย)

(9) ลวนลามพนักงานหญิง/นักผจญภัยหญิง = นอนคุกของกิลด์นานตามระดับความรุนแรงของการล่วงละเมิด ถ้าถึงขั้นข่มขืนก็โดนไล่ออกจากกิลด์ไปดำเนินคดีข้างนอกด้วย

(10) อาชญากรรมต่างๆ ทุกระดับความหนัก-เบา หากเกิดขึ้นระหว่างสมาชิกกิลด์นักผจญภัยด้วยกันเองให้ลงโทษตามกฏหมายปกติ แต่ถ้าสมาชิกกิลด์ไปก่อเรื่องกับประชาชนทั่วไปข้างนอก จะต้องรับโทษเพิ่ม 3 เท่า โทษฐานทำให้ต้นสังกัดต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงและโดนไล่ออกจากกิลด์ด้วย

ป้ายประกาศ "เควสที่เปิดให้รับได้" และขั้นตอนการจ้างงานจากบุคคลภายนอก .... ต่อพรุ่งนี้

893 Nameless Fanboi Posted ID:DMxt4xCilU

>>891 เสริมหัวข้อนี้อีกหน่อยเพราะเมื่อคืนลืมใส่

(9.5) สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินจนไม่สามารถชดใช้ได้ไหว หรือมีหนี้สินล้นพ้นตัวทั้งแบบที่เกิดขึ้นในกิลด์และนอกกิลด์ = ถูกไล่ออกจากกิลด์ และบังคับให้ต้องเป็นทาสเพื่อทำงานชดใช้โดยพ่อค้าทาสจากกลุ่มการค้า

894 Nameless Fanboi Posted ID:fSSwxTtMgm

กุไม่อ่านนะ​ขี้เกียจ แต่พิมยาวขนาดนี้ไปแต่งนิยายเถอะ

895 Nameless Fanboi Posted ID:LiNrjt93/t

เคงั้นเดี๋ยวกูพอก่อนละกัน ดูๆ ไปแล้วก็ไม่น่าจะมีคนอ่านสักเท่าไหร่เพราะมู้มันตายมาปีกว่าๆ ละ

896 Nameless Fanboi Posted ID6:Zhj1rBg3Ex

>>895 เดี๋ยว กูอ่านอยู่ มาต่อเถอะ

897 Nameless Fanboi Posted ID:2c2DIuNOz0

>>895 เมิงอยากเขียนก็เขียนเถอะ ถ้ามันไม่รบกวนใครโดยเฉพาะที่รกร้างแบบนี้ ก็เขียนไป

898 Nameless Fanboi Posted ID:LiNrjt93/t

>>896 >>897 ออกไปแดกเบียร์มาวันนี้ไม่น่าไหวละ เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยเขียนต่อละกัน

899 Nameless Fanboi Posted ID6:Nl..faOMpa

>>895 อย่าไปสนใจคนปากหมาอย่าง >>888 กับ >>894 จะดีกว่า คนแบบนี้มักจะเป็นคนไม่มีงานทำ

900 Nameless Fanboi Posted ID:FmFDlRejDW

>>894 ก็แต่งทุกวันอยู่แล้ว แต่ช่วงนี้เพิ่งแต่งเรื่องใหม่จบเลยแวะมาให้ความรู้กับเพื่อนร่วมสายงานหน่อย

>>899 ไม่เอาไม่หัวร้อนง่าย เมื่อวานก็ถือว่าพักผ่อนไปเพราะเขียนติดกันมาหลายวันละ

ป้ายประกาศ "เควสที่เปิดให้รับได้" และขั้นตอนการจ้างงานจากบุคคลภายนอก

อย่างที่เคยคุยกันไปแล้วข้างบน ป้ายประกาศเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้กิลด์นักผจญภัยดูคล้ายกรมจัดหางาน ป้ายที่ว่านี้ส่วนใหญ่มักติดอยู่ไม่ไกลจากเคาเตอร์ของพนักงานต้อนรับ ในบาง setting หรือในเกมบางเกมเราสามารถถามเรื่องเควสได้จากตัวพนักงานต้อนรับโดยตรง ส่วนตรงป้ายประกาศจะถูกเปลี่ยนเป็นใบรับสมัครสมาชิกปาร์ตี้แบบรอบเดียวแล้วแยกย้ายแทน (เหมือนใน Hunting Hall ของเกม Monster Hunter) สำหรับการแจ้งความต้องการเพื่อติดใบจ้างงานบนป้ายประกาศแบบคร่าวๆ ก็มีดังนี้

ขั้นตอนแรกคือผู้ว่าจ้างต้องมาติดต่อกิลด์ผ่านทางพนักงานต้อนรับ บอกรายละเอียดการจ้างงานว่าเป็นเควสแบบไหน รางวัลของภารกิจมีอะไรบ้าง พนักงานต้อนรับจะคัดกรองความเหมาะสมก่อนเบื้องต้น โดยเฉพาะความน่าเชื่อถือของตัวผู้ว่าจ้าง สถานะทางสังคม กับความยาก-ง่ายเทียบกับรางวัลเมื่อทำเควสเสร็จสิ้น ถ้าเป็นเควสสำหรับพวก F Rank ที่เป็นงานแบบไม่มีความเสี่ยง พนักงานต้อนรับสามารถอนุมัติการรับงานได้เอง แต่หากเป็นงานสำหรับ E Rank ขึ้นไป เอกสารการว่าจ้างจะถูกส่งไปให้พนักงานระดับกลางและระดับสูงพิจารณาก่อน

รายละเอียดในใบจ้างงานจะมีหัวข้อต่างๆ รอให้ผู้ว่าจ้างเลือกเพื่อระบุลักษณะงาน ซึ่งแบ่งได้เป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ

(1) ชื่อและที่อยู่ผู้จ้าง/อาชีพ/สถานะทางสังคม

สองอย่างแรกเข้าใจได้ไม่ยาก แต่สถานะทางสังคมนั้นพิเศษตรงที่มีผลต่อการพิจารณาความเร่งด่วนในการเรียกคนมาทำงาน ถ้าเป็นเควสจากชนชั้นสูงจะได้รับการติดใบจ้างงานแบบพิเศษไว้เพื่อให้สังเกตได้ง่าย รองลงมาคือเควสจากคนของหน่วยราชการ โบสถ์ และกลุ่มการค้า ถ้าเป็นสามัญชนจะเป็นแค่กระดาษทั่วไป ส่วนใหญแล้วนักผจญภัยย่อมเลือกดูเควสพิเศษก่อน ถ้าตัวเองไม่อยู่ในเงื่อนไขที่รับเควสเหล่านั้นได้ถึงค่อยมองหาเควสที่มีระดับความสำคัญรองลงมา สิ่งหนึ่งซึ่งทำให้เควสจากชนชั้นสูงและเควสตรงจากราชามีความสำคัญคือแต้มสะสมแบบพิเศษที่แยกต่างหากออกมาจากแต้มความสำเร็จปกติ

แต้มที่ว่านี้คือแต้มสำหรับยื่นคำร้องเพื่อแสดงความสามารถทางการรบในแบตเทิลอารีน่า อันถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับนักผจญภัยสามัญชนทั้งหลาย เพราะตามปกติแล้วผู้ที่จะได้รับสิทธิ์ในงานพิธีดังกล่าวจะมีเพียงนักเรียนผลการเรียนระดับดีเลิศจากสถาบันวิจัยและพัฒนาเวทมนตร์
กับนักเรียนเตรียมทหารที่ได้รับการรับรองจากผู้อำนวยการโรงเรียนฝึกราชองครักษ์เท่านั้น สำหรับคนที่อยากหลุดพ้นจากความเป็นประชนชนธรรมดาผ่านการเป็นนักผจญภัย งานที่จัดขึ้นเพียงปีละครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญ ถ้าโชว์ฝีมือได้ดีน่าประทับใจ จะมีการติดต่อเพื่อเรียกตัวเข้ารับใช้ในฐานะอัศวินจากชนชั้นสูงระดับต่างๆ เป็นใบเบิกทางขั้นแรกสู่ความเป็นชนชั้นสูงระดับอื่นได้ หรือต่อให้ไม่สามารถเลื่อนยศขึ้นไปก็ยังเหลือสิทธิ์การฝึกฝนเป็น Page (เพจ) - Squire (สไควร์) ส่งต่อให้รุ่นลูกไว้ขึ้นเป็นอัศวินได้ต่อ

(2) ประเภทของเควส

ส่วนใหญ่เป็นเควสปราบปรามมอนสเตอร์กับเควสคุ้มกัน

เควสปราบปรามระดับพื้นฐานมักเป็นการกำจัด/ขับไล่มอนสเตอร์ที่มาทำลายพืชผลทางการเกษตรหรือปศุสัตว์ เควสคลิเช่ยอดนิยมที่ถูกมองข้ามจนเกิดเหตุสลดขึ้นในหลายๆ เรื่องก็คือเควสปราบปรามก๊อบลินเพราะผลตอบแทนไม่ค่อยคุ้มค่า ถ้าเอายากกว่านั้นก็จะเป็นปราบออค/หมาป่า/หมี ยิ่งมอนสเตอร์เป้าหมายในเควสเก่งแค่ไหน ระดับความยากที่ระบุบบนใบจ้างงานก็ยิ่งสูงตามไปด้วย ปัจจัยอื่นๆ ที่ใช้พิจารณาก็คือจำนวนของมอนสเตอร์ ถ้ามีมากเกินไปอาจต้องมีการประกาศจัดตั้งกลุ่ม expedition จากหลายปาร์ตี้มารวมกันเป็นคณะปราบปราม เควสคุ้มกันหลักๆ มาจากกลุ่มการค้าที่ต้องการคนคุ้มกันคาราวานขนส่งสินค้าจากกองโจร กับขุนนางทั้งหลายยามต้องเดินทางไกล

นอกจาก 2 อย่างนี้แล้วก็เป็นเควสสืบค้น เควสเก็บวัตถุดิบ เควสส่งของ เควสหาข้อมูล (โดยเฉพาะที่ตั้งของดันเจี้ยนใหม่ๆ) เควสทำแผนที่ เควสกู้ภัย และเควสจับกุม (อาชญากรมีค่าหัว, ต้องการตัวโดยทางการ)

901 Nameless Fanboi Posted ID:FmFDlRejDW

(3) รายละเอียดเควส

ข้อมูลเพิ่มเต็มแบบเจาะลึกหลังจากระบุประเภทในข้อ 2 ไปแล้ว ถ้าเป็นเควสปราบปรามก็ตัวอย่างเช่น
ชนิดของมอนสเตอร์เป้าหมาย - สายพันธุ์ธรรมดา/พิเศษ
ต้องการให้ - ขับไล่/กำจัด/จับ
จำนวนของมอนสเตอร์ - เดี่ยว/กลุ่ม/ฝูง
ความเร่งด่วนของงาน - ต้องการทันที/ภายในกี่วัน

(4) รางวัลตอบแทนจากภารกิจ

ส่วนใหญ่เป็นเงินและวัตถุดิบจากเควส ในส่วนของเงินค่าจ้าง ผู้ว่าจ้างต้องวางเงินไว้ล่วงหน้าทั้งหมดที่กิลด์เพื่อป้องกันปัญหาการไม่ยอมจ่ายเงินหลังเสร็จภารกิจ หากไม่มีเงินในส่วนนี้ก็จะไม่สามารถติดประกาศจ้างงานได้ เงินที่ต้องวางจะขึ้นอยู่กับชนิดและจำนวนของมอนสเตอร์ ถ้าต้องการวัตถุดิบจากเควสด้วยจะต้องจ่ายเงินเพิ่ม

ค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ คือค่าธรรมเนียมการติดใบจ้างงานตามระยะเวลาที่ต้องการ ยิ่งนานก็ยิ่งแพง หากครบกำหนดแล้วไม่มีใครรับเควสทางกิลด์นักผจญภัยจะแจ้งข่าวไปยังผู้ว่าจ้างให้มารับเงินรางวัลคืน โดยลูกค้ามีทางเลือกอยู่ 3 ทางคือ เข้าคิวเพื่อจ้างงานต่อที่เดิม ย้ายไปจ้างกิลด์นักผจญภัยแห่งอื่นที่ไม่ใช่กิลด์เดิม และติดต่อจ้างงานกับ Clan นักผจญภัยอิสระ

ข้อควรระวังในการจ้างงาน

(1) ผู้ว่าจ้างจะต้องกรอกข้อมูลต่างๆ ตามความเป็นจริง เพราะข้อมูลทั้งหมดมีผลต่อการพิจารณา Rank ของเควส หากไม่ทราบสาเหตุหรือชนิดของมอนสเตอร์เป้าหมาย จะต้องเปิดเควสสืบค้นหรือใช้บริการจากฝ่ายข้อมูลและการข่าวก่อน กรณีผู้ว่าจ้างจงใจบิดเบือนข้อมูลเควสเพื่อลดค่าใช้จ่ายจนเกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของสมาชิกกิลด์ จะถูกลงโทษสถานหนักจากทั้งกิลด์นักผจญภัยและทางการ

(2) จะต้องมีเงินสำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆ เพียงพอ

(3) ไม่จ้างงานกับหลายๆ กิลด์พร้อมกัน (กรณี setting ในเรื่องนั้นมีกิลด์อยู่หลายกิลด์)

(4) ไม่จ้างงานปราบรามหรือล่ามอนสเตอร์ข้ามเขตชายแดนโดนไม่จำเป็น เพราะอาจมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ/อาณาจักร

ลักษณะงานไม่พึ่งประสงค์ที่จะถูกปฏิเสธและอาจทำให้ผู้ว่าจ้างถูกจับกุมตัวทันที

(1) งานลอบสังหาร การจ้างวานฆ่า
(2) ลักพาตัว จี้ปล้น ขโมยสิ่งของ
(3) เร่งรัดหนี้สิน (ทวงหนี้)
(4) ลักลอบขนส่งสิ่งของผิดกฏหมาย
(5) จ้างทหารรับจ้างเพื่อก่อการกบฏ
(6) การปองร้ายราชวงศ์และขุนนางชั้นสูง

หัวข้อต่อไป

สวัสดิการและข้อได้เปรียบเมื่อเป็นสมาชิกของกิลด์นักผจญภัย ... ต่อพรุ่งนี้

902 Nameless Fanboi Posted ID6:wSDS4URTe7

สงสัยต้องจ้างคนทำหนังสือสารานุกรมกิลด์นักผจญภัยแล้วสิ

903 Nameless Fanboi Posted ID:aUmRvTzl6F

- สวัสดิการและข้อได้เปรียบเมื่อเป็นสมาชิกของกิลด์นักผจญภัย -

(1) บัตรยืนยันตัวตน, member tag ใช้แสดงเพื่อรับสิทธิพิเศษได้ เช่น ใช้แทนบัตรผ่านเข้าประตูเมืองเวลาไปเมืองอื่นที่มีกิลด์สาขาย่อยตั้งอยู่ โดยจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องจ่ายค่าผ่านทาง (แต่ยังต้องแตะคริสตัลตรวจการฆาตกรรมเหมือนเดิม) ใช้แทนส่วนลดได้ประมาณ 10 % กับร้านค้าต่างๆ ที่เป็น partner กับกิลด์นักผจญภัย เช่นร้านขายอาวุธ/ชุดเกราะ ร้านเช่าม้า โรงแรม ร้านขายโพชั่น ฯลฯ

(2) สิทธิ์การเข้าถึงบริการต่างๆ ของตึกสำนักงานกิลด์ได้ในราคาสมาชิกถูกกว่าร้านทั่วไป ได้แก่ อาหาร/เครื่องดื่ม ที่ขายภายใน bar/tavern ของกิลด์ ห้องพักพร้อมอาหารเช้า (คุณภาพแบบพอนอนสบายได้แต่ต้องใช้ห้องน้ำรวม) ห้องสมุดสำหรับหาข้อมูลก่อนทำเควส ร้านขายข้อมูลสถานที่ล่ามอนสเตอร์-แผนที่ดันเจี้ยนกับข้อควรระวังในชั้นต่างๆ ลานออกกำลังกายและสนามฝึกการต่อสู้แบบมีหุ่นฟาง,เป้าซ้อมยิงธนู (มีอาวุธทำจากไม้ให้ยืม) สมาชิกใหม่ที่ยังไม่ค่อยมีทุนจะมีร้านค้าสวัสดิการขายของให้ในราคาถูก เช่น อุปกรณ์ป้องกันทำจากไม้ อาวุธจากโลหะเกรดต่ำ กระบอกใส่และลูกธนู ยาฟื้นฟูและสมานแผลระดับกลาง (แต่รสชาติค่อนข้างแย่) บริการซ่อมแซมอาวุธ-ชุดเกราะ บริการลับคมมีด/ดาบ/ขวาน ใครที่ยังจ่ายค่าห้องไม่ไหวก็มีคอกม้าให้นอน

(3) ไม่ต้องเสียเวลาหาผู้ซื้อวัตถุดิบและแรร์ไอเท็มต่างๆ เพราะสามารถขายให้กับกิลด์ได้ทันที สำหรับวัตถุดิบค่าตอบแทนจะอยู่ที่ราวๆ ครึ่งหนึ่งของราคากลางในท้องตลาด (แล้วกิลด์ก็จะขายต่อให้กับพ่อค้าคนกลางในราคา 60-70%) ถ้าเป็นไอเท็มชนิดพิเศษหรือหายาก ทางกิลด์นักผจญภัยจะนำของไปเปิดประมูลที่เมืองหลวงให้แล้วค่อยกลับมาส่งเงินในอัตราส่วน 80:20 หลังหักค่าใช้จ่าย

(4) มีงานให้ทำสม่ำเสมอตามจำนวนเควสที่ติดอยู่บนป้ายประกาศ ยิ่งถ้าเป็นกิลด์นักผจญภัยที่มีความน่าเชื่อถือ อัตราการล้มเหลวของเควสน้อย และมีสมาชิกกิลด์ Rank สูงๆ อยู่ในกิลด์ ก็จะยิ่งมีจำนวนเควสและผู้ว่าจ้างเพิ่มตามชื่อเสียง

(5) ไม่มีความเสี่ยงในการถูกโกงเงินรางวัลจากเควสเพราะผู้ว่าจ้างจะต้องวางเงินไว้ที่กิลด์ก่อน

(6) มีโอกาสเลื่อนขึ้นเป็นอัศวินหรือตำแหน่งที่สูงกว่านั้นได้ในงานพิธีแสดงความสามารถ (ที่จะมีทั้งราชวงศ์และขุนนางระดับสูงมารับชม)

(7) เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันระหว่างทำเควส สมาชิกปาร์ตี้ที่กลับมาส่งข่าวสามารถขอความช่วยเหลือผ่านเควสกู้ภัยได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

(8) เป็นที่รักของประชาชนในฐานะผู้ป้องกันเมืองจากมอนสเตอร์

- ข้อเสียในการเป็นสมาชิกของกิลด์นักผจญภัย -

(1) เมื่อทำภารกิจสำเร็จ เงินรางวัลจากเควสจะถูกหักเข้ากิลด์ 20% ก่อนจ่าย
(2) ได้รับเงินค่าตอบแทนจากวัตถุดิบเพียงครึ่งเดียว (แลกกับความสะดวกเรื่องแหล่งขายสินค้า)
(3) ไม่สามารถรับงานเองได้
(4) ต้องพบกับความเสี่ยงระหว่างทำงานตามชื่ออาชีพ
(5) มีเวลาให้ครอบครัวน้อยเพราะอาจต้องเดินทางบ่อย
(6) มีโอกาสกลายเป็นตัวละครเอกเพราะถูกไล่ออกจากตี้/พยายามฆ่า (555+)

เพิ่งจะ 3 ทุ่มเองกูอาจต่ออีกข้อ ถ้าหลังเที่ยงคืนไม่ลงแปลว่านอนแล้วนะ

904 Nameless Fanboi Posted ID:2LNTfLawkk

การตั้งแคลน (Clan) ของนักผจญภัยที่แยกตัวออกมาจากกิลด์

แคลนกับกิลด์นักผจญภัยมันเหมือนหรือแตกต่างกันยังไง ?

เอาจริงๆ มันก็คล้ายกันอยู่หลายส่วนเลย โดยเฉพาะเรื่องความเป็นองค์กรเอกชนแต่ยังต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของราชการ พนักงานในแคลนจะมีน้อยกว่ากิลด์เพราะบางตำแหน่งมันไม่จำเป็นอีกต่อไป เช่น แคลนไม่จำเป็นต้องมีฝ่ายรักษาความปลอดภัยและโรงฝึก เพราะสมาชิกแคลนแต่ละคนมักมีฝีมือพอตัวและไม่ใช่นักผจญภัยหน้าใหม่ (หรือถ้ามีเด็กใหม่ก็จะให้สมาชิกแคลนสอนกันเองโดยตรง) ไม่มีร้านค้าสวัสดิการเพราะอุปกรณ์การรบต่างๆ ของสมาชิกแคลนล้วนเป็นของที่ดีกว่าของในท้องตลาด

ระบบการจ้างงานก็คล้ายกันคือจ้างที่พนักงานต้อนรับ เขียนชื่อ ที่อยู่ สถานะ รายละเอียดเควส แล้ววางเงินค่าจ้างไว้ ที่ต่างกันคือในเอกสารจะมีให้ระบุด้วยว่าเควสมีความต้องการพิเศษอะไรหรือไม่ เพราะเควสที่หลุดมาถึงสำนักงานของแคลนได้ทั้งๆ ที่ค่าจ้างที่นี่แพงกว่า ย่อมแปลว่ากิลด์นักผจญภัยทำเควสนี้ไม่สำเร็จ เช่น อยากให้จับเสือไฟสายพันธุ์พิเศษมาแบบเป็นๆ หรืออยากให้เก็บสมุนไพรแต่สมุนไพรที่ว่าดันขึ้นอยู่ในป่าที่มีสัตว์อสูรระดับสูงเฝ้าอยู่

เควสต่างๆ ในสำนักงานแคลนจะไม่มี Rank เขียนบอก สมาชิกแคลนสามารถรับงานได้เองอย่างอิสระ ทั้งแบบหยิบเอามาจากป้ายประกาศและแบบผู้ว่าจ้างติดต่อคุยกับปาร์ตี้นั้นตรงๆ นอกสำนักงานแคลน อย่างไรก็ตามสมาชิกแคลนต้องแบกรับความเสี่ยงกันเอาเอง ถ้าหากรับงานนั้นแล้วพบว่างานยากเกินไปจนพลาดมีคนตาย ก็ไม่สามารถเรียกร้องอะไรกับทางหัวหน้าแคลนหรือพนักงานต้อนรับได้

ใบจ้างงานบนป้ายประกาศของแคลนจะไม่มีวันหมดอายุ ถ้าปาร์ตี้แรกทำเควสไม่สำเร็จใบจ้างงานเดิมจะถูกนำกลับไปติดที่เก่า สิ่งนี้เป็นเหมือนการรับประกันทางอ้อมว่างานจะต้องเสร็จอย่างแน่นอน หากมองตามความสามารถของสมาชิกแคลนโดยรวม

การขายวัตถุดิบของแคลนมักขายไปที่ผู้ซื้อปลายทางโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง เช่นขายแร่เหล็กให้กิลด์ช่างตีอาวุธ, ขายเกล็ดและหนังมอนสเตอร์ให้กิลด์ผู้ผลิตชุดเกราะ ทำให้ส่วนแบ่งของสมาชิกเพิ่มขึ้นและทางแคลนก็ยังเก็บเงินทุนเข้าส่วนกลางได้ตามปกติ สำหรับค่าจ้างจะมีการหักออกเพียง 10% ส่วนการประมูลไอเท็มหายากจะเป็นแบบเดียวกับกิลด์นักผจญภัย

ข้อหนึ่งที่แตกต่างกันมากๆ ระหว่างกิลด์กับแคลน คือแคลนจะจ่ายเงินให้กับสมาชิกแคลนในรูปแบบคล้ายกับเงินเดือนตาม Rank โดยมีเงื่อนไขว่าสมาชิกแคลนจะต้องทำเงินให้กับแคลนได้ไม่น้อยกว่า 2 เท่าของจำนวนเงินเดือน เช่นถ้า Rank C มีเงินเดือน 50 ทอง ภายในเดือนนั้นจะทำกี่เควสก็ได้แต่อย่างน้อยจะต้องทำกำไรเข้าแคลน 100 ทอง หากทำไม่ได้ก็จะถูกลด Rank ลงตอนปลายเดือน เป็นระบบเพื่อให้สมาชิกแคลนมีรายได้ที่แน่นอน และต้องพิสูจน์ด้วยฝีมือของตัวเองอยู่เสมอว่าเก่งพอจะให้ทางแคลนจ่ายเงินให้

แคลนเปรียบเสมือนการมารวมตัวกันของนักผจญภัยฝีมือดีที่รู้สึกว่าผลตอบแทนจากกิลด์นักผจญภัยนั้นน้อยเกินไป บางคนก็มาเข้าแคลนเพราะเคยถูกกิลด์นักผจญภัยไล่ออก หรืออาจย้ายมาเพราะมีความแค้นส่วนตัวกับหัวหน้ากิลด์/พนักงานกิลด์/สมาชิกกิลด์เดิม จำนวนคนในแคลนจะมีน้อยกว่ากิลด์นักผจญภัยอย่างมากจากการจงใจเน้นคุณภาพของบุคลากรมากกว่าปริมาณ รวมไปถึงระดับความยากของเควสแต่ละเควสที่ทำให้สมาชิกแคลนบางส่วนต้องถอนตัวออกไปเอง

905 Nameless Fanboi Posted ID:2LNTfLawkk

ในเควส Rank S ของกิลด์นักผจญภัย บางครั้งทางฝั่งขุนนางผู้ว่าจ้างอาจถูกแนะนำให้จ้างคนจากทางแคลนมาร่วมในการปราบปรามด้วย แม้จะเป็นการสิ้นเปลืองเพราะต้องจ่ายเงิน 2 ทาง แต่เพื่อให้งานปราบสัตว์อสูร์เวทมนตร์ระดับมังกรขึ้นไปสำเร็จได้ง่ายขึ้น การใช้คนที่เก่งจริงๆ มาช่วยก็ถือเป็นทางเลือกที่ดี นอกจากการทำเควสปราบปรามที่ใช้คนจำนวนมากแล้ว แหล่งเงินทุนสำคัญของแคลนอีกทางหนึ่งก็คือการพิชิตดันเจี้ยน

ด้วยความที่สมาชิกแคลนทุกคนรับงานได้อย่างอิสระ หากมีสมาชิกกลุ่มไหนเจอดันเจี้ยนที่ยังไม่เคยได้รับการสำรวจมาก่อน พวกเขาสามารถลงไปต่อสู้และทำแผนที่เองได้โดยไม่ต้องแจ้งกับทางแคลน ถ้าลุยไปจนถึงจุดที่คิดว่าไปต่อกันเองไม่ไหว สมาชิกแคลนมีหน้าที่ต้องกลับไปแบ่งปันข้อมูลกับสมาชิกแคลนกลุ่มอื่น เพื่อให้ทุกคนมีพื้นที่การล่าใหม่ๆ หรือให้หัวหน้าแคลนลงไปลุยจนกว่าจะเจอบอส ด้วยฝีมือระดับหัวหน้าแคลนอาจทำให้ปราบบอสแล้วนำดันเจี้ยนคอร์กลับขึ้นมาขายได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตามอัตราส่วนแคลนที่อยู่รอดจริงๆ มีน้อยมาก (ต้องยุบไปหลังก่อตั้งมากถึง 95%) ส่วนใหญ่เป็นเพราะไม่สามารถสู้ความแข็งแกร่งทางด้านเส้นสายและพันธมิตรของกิลด์นักผจญภัยได้ แม้จะรู้โครงสร้างและวิธีการบริหารแบบกิลด์นักผจญภัย แต่ถ้าไม่มีแหล่งปล่อยขายวัตถุดิบ ถูกกดราคาสินค้า หรือไม่มีลูกค้ามาจ้างงาน อนาคตของแคลนนั้นก็ริบหรี่เต็มที่ ด้วยเหตุนี้เองสมาชิกแคลนบางส่วนถึงขั้นยอมกลับไปสมัครกิลด์นักผจญภัยอีกครั้ง แม้จะต้องถูกเหยียดหยามในระยะแรกก็ตาม

แคลน 5 % ที่เหลือมักเป็นแคลนที่มีเพียง 1-3 ปาร์ตี้ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้เก่งและมีชื่อเสียงจนผู้ว่าจ้างติดต่องานเข้ามาให้ทำอยู่เรื่อยๆ ถือเป็นแคลนส่วนน้อยที่บริหารงานแบบจำกัดได้สำเร็จ มีแหล่งปล่อยขายวัตถุดิบ พิชิตดันเจี้ยนความยากสูงกันได้เองอย่างต่อเนื่อง และข้อสังเกตอย่างหนึ่งของแคลนเหล่านี้คือเป็นกลุ่มรักความอิสระ ไม่สนใจเรื่องการขึ้นเป็นชนชั้นสูงเพราะไม่อยากถูกผูกมัดไว้กับทางอาณาจักร ถ้าใครคุ้นเคยกับเซตติ้งยุคกลาง ย่อมเข้าใจดีว่าการได้รับแต่งตั้ง มีศักดินา หมายถึงการต้องคอยรับใช้หรือบริหารในฐานะเจ้าครองที่ดิน ซึ่งอาจฟังดูไม่สะดวกนักสำหรับคนที่ชอบการผจญภัยอย่างอิสระ

โอเค นอนก่อน หัวข้อต่อไปคือ คนแบบไหนที่จะสมัครเข้ากิลด์นักผจญภัย "เส้นทางของขุนนางตกอับกับสามัญชนผู้มีความฝัน" ซึ่งน่าจะเป็นอันสุดท้ายแล้วของหัวข้อยุคกลางปลอมกับกิลด์นักผจญภัย

โห... กว่าจะได้เขียนเกี่ยวกับแนว ออกตี้/แก้แค้น ที่ตั้งใจไว้จริงๆ แม่งแวะเยี่ยวนอกเรื่องไปหลายวันเลยนะเนี่ย

906 Nameless Fanboi Posted ID6:wfZzi/.228

ขอถามมึงหน่อย ตกลงกิลด์นักผจญภัยเป็นองค์กรแบบไหน เอกชนหรือรัฐวิสาหกิจ หรือว่างานราชการ?

907 Nameless Fanboi Posted ID:I7FagmIJ6o

>>906 ถือเป็นเอกชน เพราะบริหารจัดการกันเองในกลุ่มนักผจญภัยซึ่งเป็นประชาชนทั่วไป

ที่กูเคยบอกว่าอยู่ภายใต้การควบคุมของทางราชการหมายถึง ยังต้องถูกตรวจสอบข้อมูลอยู่เป็นพักๆ จากภาครัฐว่าองค์กรจะไม่เปลี่ยนไปเป็นกองกำลังแบ่งแยกดินแดนจากจำนวนสมาชิกที่มีมากเกินไป หรือมีการรวบรวมนักผจญภัย Rank สูงไว้ในกิลด์เดียวกันจำนวนมากผิดปกติ (ซึ่งอาจนำไปสู่การโค่นล้มอำนาจ)

มันไม่ใช่หน่วยงานราชการเพราะไม่ได้ถูกบริหารโดยตรงทั้งหมดจากภาครัฐ ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจด้วยเพราะไม่ได้มีคนจากทางการมาเป็นส่วนหนึ่งในผู้บริหาร/เจ้าของ และกิลด์นักผจญภัยไม่ได้ทำกิจการเฉพาะด้านเพื่อสาธารณะ แต่เป็นเหมือนบริษัทรับจ้างสารพัดของทางเอกชนเสียมากกว่า (บริษัทรับงานจากผู้ว่าจ้าง -> เป็นสื่อกลางให้พนักงานออกไปทำงานที่เหมาะสม -> หักค่าธรรมเนียมเข้าบริษัท -> จ่ายเงินจากลูกค้าให้พนักงาน)

908 Nameless Fanboi Posted ID:/1DaVU0V.Y

น่าจะอารมณ์เดียวกับ เอกชนที่ถูกจ้างมาโดยราชการอีกที ยุคนี้ก็อารมณ์ประมูลงานเอา

ว่าแล้วก็นึกถึงพวกส้วมตามสถานีขนส่ง แทนที่จะหาคนมาดูแลความสะอาด
ก็เปิดให้เอกชนมาจัดการกันเอง เก็บค่าบริการกันเอง ซึ่งถ้าทำไม่ดี เก็บเงินแพงไป ภาครัฐก็มีสิทธิตรวจสอบหรือไม่ต่อสัญญาได้ในอนาคต

909 Nameless Fanboi Posted ID:9u+Zmyi253

คนแบบไหนที่จะสมัครเข้ากิลด์นักผจญภัย ? "เส้นทางของขุนนางตกอับกับสามัญชนผู้มีความฝัน"

เช่นเดียวกันกับนิยาย มังงะ ไลท์โนเวล อีกหลายแสนเรื่องที่ใช้ setting แบบยุคกลางปลอม นิยายที่เราจะแต่งเองก็อาจหนีไม่พ้นทั้งเรื่องของการปกครองแบบฟิวดัลและความเป็นแฟนตาซีเวทมนตร์ หัวข้อนี้กูจะมาพูดถึง traits ต่างๆ ของตัวเอกในนิยายแฟนตาซียุคกลางปลอม ซึ่งจะพูดถึงแค่ต้นเรื่องจนถึงตอนไปสมัครเข้ากิลด์นักผจญภัยเท่านั้น เพราะถ้ากูพูดแบบละเอียดไปจนถึงช่วงท้าย มันจะกลายเป็น preset ของพล็อตเรื่องที่เอาไปเขียนนิยายอย่างมักง่ายได้ทันที (ซึ่งกูไม่แนะนำให้ทำ เพราะจะติดนิสัยจนคิดเรื่องเองไม่เป็น) ถ้าจะมองว่าหัวข้อนี้เป็น career path ของตัวละครก็ได้ สำหรับคนที่อ่านแนวนี้มาเยอะอาจฟังดูไม่น่าตื่นเต้นแล้ว (ก็มันมีอยู่ไม่กี่แบบนี่เนอะ)

- Commoner path -

เปิดฉากด้วยสายเกิดเป็นสามัญชนก่อน สายนี้คือมักจะไม่มีพลังเวทถือเป็น negative trait ที่คลิเช่สุดติ่งตามตำรา ก็เลยมักจะหาทางลืมตาอ้าปากผ่านการเป็นนักผจญภัยสายต่อสู้กายภาพ บางคนอยากเข้ากิลด์เพราะพ่อแม่เคยเป็นนักผจญภัยมาก่อน เห็นว่าเท่ดีก็เลยอยากเป็นบ้าง (ซึ่งจะได้เปรียบตรงที่พ่อแม่มักฝึกฝนการต่อสู้ให้ตั้งแต่เด็ก) บางคนต้องอยากเข้ากิลด์ไปหางานทำหนีความยากจนของครอบครัว บางคนก็ฝันอยากเลื่อนยศขึ้นเป็นขุนนาง

จุดเปลี่ยนข้อถัดมาคือสิ่งที่ได้รับในนิยายที่ใช้ setting แบบมีการมอบ อาชีพ/ยูนีคสกิล/พร ให้ตัวละครตอนเข้าสู่วัยรุ่น ถ้าสุ่มได้อันที่เจ๋งๆ ก็ไม่ต้องไปเป็นนักผจญภัยแต่ตรงไปฝึกที่เมืองหลวงแทน แต่ถ้ามาแนวได้อาชีพธรรมดาใช้ในการรบไม่ได้หรือสกิลไร้สาระ สุดท้ายก็ไปจบที่กิลด์นักผจญภัยเหมือนกัน

ถ้าเป็นสามัญชนแล้วมีพลังเวท ครอบครัวมักจะพยายามผลักดันให้ลูกได้ไปเรียนในสถาบันเวทมนตร์ หรือถ้าข่าวรู้ถึงหูขุนนางท้องถิ่นแถวบ้านก็อาจได้รับทุนไปเรียนโดยแลกกับการเข้าไปทำงานให้หลังเรียนจบ คลิเช่เหมือนเดิมเพิ่มเติมคือโดน bully ในโรงเรียนว่าถึงจะมีพลังเวทแต่มึงมันก็แค่สามัญชน ถ้าตัวเอกทนการกลั่นแกล้งต่างๆ จนถึงตอนเรียนจบได้ก็ดีไป แต่ถ้าทนไม่ไหวจนไปมีเรื่องกับลูกขุนนาง หรือโดนแกล้งจนไปสอบก่อนจบการศึกษาไม่ทันแล้วเรียนไม่จบ สมาคมนักผจญภัยก็ขอยินดีต้อนรับ

- Nobleman path -

ตัวละครแบบเกิดเป็นชนชั้นสูงลูกขุนนางนั่นนี่ นอกจากพลังเวทที่สืบทอดกันมาตามสายเลือด ยังมีอณูเวทมนตร์จากบาเรียป้องกันภัยที่คลุมอยู่รอบบ้านกับของที่แผ่รัศมีเวทออกมาอย่างไอเท็มวิเศษต่างๆ ในห้องเก็บสมบัติตระกูลอีก การอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ตั้งแต่ในท้องแม่ทำให้ตัวเอกสายขุนนางมักเกิดมาพร้อมพลังเวทโดยอัตโนมัติ ในทางกลับกันถ้าเกิดในตระกูลผู้ดีแล้วดันไม่มีพลังเวท จุดจบก็หนีไม่พ้นการโดนเอาไปทิ้งในป่าตั้งแต่แบเบาะ ไม่ก็พาแม่ซวยโดนเนรเทศไปอยู่บ้านนอกด้วยกัน

บางตัวละครเป็นลูกคนรอง ลูกอนุภรรยา ลูกเมียน้อย ถึงมีพลังเวทก็อาจโดนสกัดดาวรุ่งโดยเมียหลวง พี่ชายคนโต โดนใส่ร้ายต่างๆ จนมีอันต้องออกจากตระกูลไปก่อนเวลาอันควร (แล้วค่อยไปปลดปล่อยพลังเทพซ่าส์ทีหลัง) ตัวละครกลุ่มนี้กับตัวละครแบบมีพลังเวทอยู่บ้างแต่ไม่มากเท่าพี่คนโต บางครั้งอาจอยู่รอดไปจนถึงพิธีรับอาชีพ/สกิล ถ้านักเขียนใจร้อนหน่อยก็จะกำหนดให้ตัวเอกได้อาชีพ/สกิล ที่มันดีๆ ไปเลย ถ้าเป็นพวกอยากเล่าด้วยมุกอื่นๆ ก็อาจกำหนดให้ตัวเอกชนชั้นสูงได้สกิลกากที่ใช้ในการรบไม่ได้ หรือสุ่มโดนสกิลไร้ค่า บังคับให้ตัวเอกต้องถูกตัดออกจากกองมรดก โดนไล่ออกจากตระกูล ตัดขาดความเป็นพ่อ-ลูก, ความเป็นญาติ

สุดท้ายพอไม่มีที่ไปเลยต้องไปหาโอกาสใหม่ๆ ในกิลด์นักผจญภัย หลังจากนั้นก็คล้ายกันทุกเรื่อง คือมีเหตุให้ได้รับความเทพซาส์ 007 ได้พลังโหดๆ OP จนไม่มีใครสู้ได้ ทางบ้านพอรู้ข่าวว่าคนที่ไล่ออกไปจู่ๆ ดันเทพขึ้นมาก็มาตามง้อ แต่เพื่อความสะใจของนักอ่านเลยต้องให้ตัวเอกปฏิเสธอย่างเย็นชาไปด้วยความเอจจี้ จะกลับบ้านทำไมในเมื่อมีสาวๆ รอให้กูพาเข้าฮาเร็มอีกเพียบ คู่หมั้นคนเดียวมันจะไปพออะไร หาสาวเยพร้อมกันทีละหลายๆ คนดีกว่า

โอเคถึงตรงแล้วถือว่าจบหัวข้อกิลด์นักผจญภัยกับยุคกลางปลอมลงเพียงเท่านี้ ถ้ามีอะไรอยากจะพูดแถม คงเป็นเรื่องของ trope ก่อนจะไปถึงจุดที่ตัวเอกปลดล็อคความเทพซ่าส์ ใน setting แบบไม่ใช่แนวต่างโลก สมัยก่อนอาจคิดว่าฝั่งนิยายจีนเป็นแบบนึง แล้วนิยายญี่ปุ่นก็อีกอย่าง พอมาคิดดูดีๆ แล้วมันก็ใช้ trope เดียวกันคือ "ตัวเอกต้องตกต่ำ/โดนดูถูกก่อน แล้วค่อยกลับมาอย่างยิ่งใหญ่" ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับเรื่องที่กูกำลังจะพูดถึงในหัวข้อต่อไป "แนวโดนไล่ออกจากปาร์ตี้กับแนวแก้แค้น" ทิศทางและวิธีเล่าอาจแตกต่างกันแต่หลายๆ อย่างแม่งก็เดิมๆ (แถมยังกลายพันธุ์เป็นแนวเทพซ่าส์ไปซะดื้อๆ กลางเรื่องได้ด้วย)

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.