ไหนๆ พวกมึงก็พูดขึ้นมากันละ งั้นกูขอเสริมบ้าง
เรื่องผลงานจาก ai ไม่มีลิขสิทธิ์ = ถ้ามีคนกดเจนรูปขึ้นมารูปนึงแล้วมันสวยสัสๆ พออีกคนมาเห็นแล้วถูกใจ ดูดรูปนั้นไปใช้บ้าง คนที่เจนรูปไม่สามารถอ้างตัวเป็นเจ้าของได้ เหมือนตกเป็นสมบัติสาธารณะ
เรื่องการเรียนรู้ของ ai = กูว่าสุ่มเสี่ยงจะผิดกฏหมายวะ ถึงตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปและการฟ้องร้องก็ยังไม่จบด้วย แต่เรื่องนึงที่เถียงไม่ได้คือ ก่อน ai จะเจนภาพออกมาได้เราต้องป้อนรูปให้มันดู ให้มันเรียน จะได้เลียนแบบลายเส้นกับท่าทางได้ ทีนี้ปัญหามันเลยเกิดขึ้นเพราะมีพวกนักเจนเอาผลงานต่างๆ มาให้ ai เรียนโดยไม่ได้ขออนุญาตจากเจ้าของภาพ มันก็คือการขโมย, ละเมิดลิขสิทธิ์ กลายๆ นั่นแหล่ะ
พวกที่ชอบเรียกตัวเองว่า AI artist = เป็นชื่อที่เสนียดปากเหี้ยๆ บ่องตงนะ ไม่ควรใช้คำว่า artist ในชื่อเลย เพราะผลงานที่ได้มามันไม่ใช่ศิลปะ ถึงจะอ้างว่าต้องเสียเวลาป้อนรูปให้มันเรียน กับกดเจนเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ภาพที่ดูดีออกมามันก็ฟังไม่ขึ้น เพราะภาพที่ใช้เรียนก็ขโมยของคนอื่นมา ในกระบวนการสร้างก็ไม่ใช่ตัวเองแต่เป็น ai ต่างหากที่สร้างขึ้น คนที่ทำแค่กดคลิ้กเพื่อสั่งเจนภาพน่ะ ไม่คู่ควรกับการเป็นศิลปินหรอก
กูพอเข้าใจอยู่นะว่าการใช้ ai เชิงสร้างสรรคมันก็มี เหมือนพวกที่เจนภาพวิวทิวทัศน์แบบเหนือจริงต่างๆ ขึ้นมาผ่าน promt ที่ใส่ลงไป แต่การเอาภาพวาดมีลิขสิทธิ์มาเป็นตัวตั้งต้นในการเรียนแล้วเจนภาพจาก ai มาขายนี่แม่งน่าเกลียดเกิน มีค่าไม่ต่างอะไรกับเด็กประถมทำงานภาพตัดปะ แค่เปลี่ยนจาก กระดาษ+กาว มาเป็นปัญญาประดิษฐ์+คอมพิวเตอร์เฉยๆ
ก่อนหน้านี้มีงานจัดแสดงและขายผลงานของพวก AI artist เปิดขึ้นมา ผลเป็นยังไงรู้ป่าว? ไม่มีใครเข้ามาในงานเลยแม้แต่คนเดียว เท่าที่เห็นคือมีแค่สตาฟจัดงานกับคนที่มาตั้งโตะขายสื่อต่างๆ ที่ผลิตจาก ai เท่านั้น เห็นได้ชัดว่านอกจากตัวคนเจนเองแล้ว การตอบรับที่สังคมมีให้งานจาก ai มันเป็นไปในทางที่โคตรแย่ ก็นั่งตบยุงกันไปจนกระทั่งงานเลิกนั่นแหล่ะ
ตราบใดที่ยังไม่มีกฏหมายควบคุมผลงานอย่างชัดเจน งานจาก ai ก็จะถูกมองแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ อะ
การเปรียบเทียบงานจริงกับงาน ai = ในโม่งนี่คุยกันไปเยอะละ ถ้าเป็นงานภาพก็คือบ่อนทำลายวงการทางอ้อม นักวาดจะทะยอยกันวางมือเพราะคิดว่าวาดไปทำไมในเมื่อมีคนรอดูดงานกูไปเจนหาแดก กว่าจะเส้นเทพขนาดนี้ฝึกวาดกันมาเป็น 10 ปี เจอพวกกดคลิ้กไม่ถึง 1 วินาทีแย่งงานไปแบบหน้าด้านๆ เลิกดีกว่าแม่ง
ฝั่งงานเขียนก็มีโดนกันหลายแบบ หลักๆ คือเอานิยายให้ ai อ่าน แล้วเจนเรื่องใหม่ขึ้นมา คนแต่งเองก็แต่งตามไม่ทัน ผิดกับฝั่งใช้ ai ที่มีนิยายลงทุกวัน เจ้าของนิยายที่โดนเอาไปเรียนก็เจอละเมิดแบบทำอะไรไม่ได้ อีกแบบก็คือพวกนักแปลที่จะโดน ai แปลแย่งงานในอนาคต เพราะตอนนี้มันจะยังแปลออกมาไม่เป็นภาษาคน
ความเห็นส่วนตัว : ถ้าคิดจะใช้ ai เป็นตัวช่วย ก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจรับผลกระทบด้านต่างๆ ไว้ด้วย ถึงนิยายที่เจนมาจะสะดวกกว่าแต่งเอง แต่มันก็เขียนรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ต้องคอยมาเกลาให้หรืออาจต้องแต่งแก้ทั้งย่อหน้า ในหลายๆ ครั้งที่กูลองอ่านเรื่องแล้วจับได้ว่าเป็นนิยายจาก ai สิ่งนึงที่รู้สึกได้เหมือนกันทุกเรื่องคือมัน "ขาดความมีชีวิตชีวา" ยิ่งใช้ไปนานแค่ไหน สกิลการเขียนก็มีแต่จะลดลง (แล้วได้สกิล บก.+พิสูจน์อักษร มาแทน)
อ่านแล้วมันจะมีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจมึง แบบที่บอกไม่ถูกว่าคืออะไรแต่รับรู้ได้ว่ามันผิดปกติ ทางนึงมึงอาจพบว่ามันบกพร่องโคตรๆ เหมือนไม่ใช่มนุษย์แต่ง กับอีกทางก็คือสมบูรณ์แบบเกินไปจนน่ากลัว แถมสามารถเดาทางได้ง่ายด้วย
ภาพวาดนี่ก็พอกัน ดูรูปแล้วเห็นแววตามึงก็ดูออกว่าแม่งไม่ใช่แววตาที่บอกอารมณ์ได้ บางรูปมือเบี้ยว แขนขาด ขาลอย วิธีการลงสีก็เหมือนๆ กันไปหมด ถึงจะเปลี่ยนลายเส้นจากการให้เรียนมากแค่ไหน ก็ยังดูออกได้ว่านี่มันไม่ใช่ศิลปะที่สร้างจากการฝึกฝนมานานปี
จะเทียบความรู้สึกยังไงดีวะ... เหมือนมึงใช้จิ๋มกระป๋องกับเย้ดหีของจริงอะ มันแตกต่างกันมากๆ เลยนะเว้ย