>>160 กูเคยเป็นนะ ต้องหักดิบเอา แบบว่าเวลารู้สึกอยากรีไรท์ กูจะพิมพ์นิยายตอนเดิมซ้ำในตอนใหม่ พอพิมพ์ไปได้สักพักแล้วจะนึกได้เองว่า ไอ้เหี้ย เสียเวลาชีวิตไปอย่างเปล่าประโยชน์
เพราะมันมีค่าเท่ากันระหว่างรีไรท์บทเดิมรัวๆ กับขึ้นบนใหม่แต่เขียนเหมือนเดิม ดังนั้นเขียนเนื้อหาใหม่ดีกว่าวนในอ่างไปเรื่อยๆ แบบนี้
อีกผลพลอยได้ที่มึงจะพบคือ เวลาเขียนคำผิดเยอะๆ มันมีคนมาคอยแก้ไขให้จนได้คอมเมนต์ฟรี กับการรีไรท์ตอนจบเรื่องแล้ว มึงจะมองเห็นภาพรวมได้ชัดกว่าเขียนไปแก้ไป
เหมือนเวลามึงเห็นว่าบนสนามหญ้ามีหลุม มึงอยากถมหลุมนั้นเลยขุดดินจากพื้นข้างๆ มาถม แล้วเกิดอะไรขึ้น... ห่า หลุมแรกหายไปก็จริง แต่หลุมใหม่ที่เพิ่งขุดเอาดินมาเติมหลุมแรกกลายเป็นปัญหาแทน ถ้ามึงเขียนไปแก้ไปก็เหมือนมึงขุดหลุมใหม่มาถมหลุมเก่าวนลูป แต่ถ้ามึงปล่อยไปก่อน จนถึงตอนที่มึงมีดินจากแหล่งอื่น (ภาพรวมเรื่องต้นถึงจบ, เวลาว่างหลังแต่งจบแบบไม่ต้องรีบ ไม่มีแรงกดดัน, ทางแก้พล็อตโฮลที่นักอ่านชี้ให้เห็น) ถึงตอนนั้นมึงก็สามารถถมหลุมได้โดยไม่ทำให้สนามหญ้าเกิเความเสียหายเพิ่ม
มึงสามารถยืนข้างสนามแล้วไล่กวาดสายตาดูได้ทั่วเลยว่ามันมีหลุมตรงไหนและต้องใช้ดินเท่าไหร่ ทำได้แบบม้วนเดียวจบ กลบได้ทั้งหมด ดีกว่าขุดหลุมใหม่เติมหลุมเก่า หรือต่อให้ขนดินนอกมาถมรูนั้นได้ แต่ก็อาจมองไม่เห็นว่ามีหลุมอื่นๆ อยู่อีก เพราะทุ่มความสนใจมาแก้หลุมตรงหน้า
มันดีและง่ายกว่ากัน ไอ้โรคบ้าความเป๊ะเว่อร์เนี่ย มันไม่มีวันหายไปได้ แก้แล้วก็ไม่พอใจจะแก้ใหม่เรื่อยๆ ต้องฝืนใจตัวเองปล่อยผ่านไปก่อนแล้วจัดการทีเดียวตอนท้าย แรกๆ จะยากมาก ฝึกให้ชินแล้วทำได้เอง กูก็ฝืนอยู่เป็นปีๆ กว่าจะหายหงุดหงิดได้เอง