กูเริ่มเบื่อนิยายจีนย้อนเวลาไปยุค 1980 ที่ติดท็อปหลายเรื่อง กูถามหน่อยเพื่อนโม่ง จีนยุคนั้นมีอะไรดีวะ ทำไมคนไทยถึงอยากย้อนไป ไม่ใช่ว่าช่วงเวลานั้นเป็นยุคมืดของจีนเหรอวะ หรือกูเข้าใจผิด ใครพอมีความรู้เรื่องนี้บ้าง
กูเริ่มเบื่อนิยายจีนย้อนเวลาไปยุค 1980 ที่ติดท็อปหลายเรื่อง กูถามหน่อยเพื่อนโม่ง จีนยุคนั้นมีอะไรดีวะ ทำไมคนไทยถึงอยากย้อนไป ไม่ใช่ว่าช่วงเวลานั้นเป็นยุคมืดของจีนเหรอวะ หรือกูเข้าใจผิด ใครพอมีความรู้เรื่องนี้บ้าง
https://www.dek-d.com/board/writer/4071467/
เยกันแค่ฉากเดียวไม่นับเป็น NC... เหรอวะ? (เม้น 4)
พูดถึง nc เห็นในรี้ดเค้ามีดราม่าลดเรื่องพวกนี้อยู่ อนาคตจะเหมือนกับในเด็กดีไหมวะ
อยากรู้ว่านิยายของหมอนี้มีดียังไง https://www.dek-d.com/board/writer/4071689/
มีใครอยากเสนอชื่อมู้ใหม่ไหมฮาฟฟฟ ท่านผู้เจริญทั้งหลาย (มู้นี้มันไม่ตายห่าได้ยังไงวะ?)
นิทานเด็กดีบทที่ 40 (DDN XL) มันจบแล้วอนาคิน เด็กใหม่สักแตเขียนไมคิดจะอ่าน พวกหน้าเกาก็เขียนนิยายเลียงชีพในเซฟโซน ดรามามัน ๆ ก็ไม่มี เจ้าของยังขายทิ้ง
นิทานเด็กดีบทที่ 40 (DDN XL) รู้มั้ยเกิดอะไรขึ้นกับวงการนิยายเด็กดีสมัยนี้ ชาวเด็กดีคือคนเขียน ไม่ใช่คนอ่าน โม่งต่างหากคือคนอ่าน แต่มีคนเขียนมั้ย อีกเรื่องนึง
กระทู้ใหม่ตั้งยัง?
เห็นเงียบมาชวนคุยซะหน่อย คือพูดถึงยุคนี้ไอ้ที่มีคำบอกว่านิยายติด TOP ตกต่ำลง ผมก็เป็นคนนึงที่ออกมาแก้ต่างให้บ้าง บอกว่าไม่ใช่บ้าง ก็จริงที่มันมีส่วนน้อยที่พยายามจะเปลี่ยนแปลง พยายามเขียนที่เป็นนักเขียนจริงๆ เขียนตามแนวทางของตัวเอง ทว่าสุดท้ายแล้วมันก็มาถึง
เมื่อสามห้าหกปีก่อนโน่นผมเริ่มอ่านนิยายจีน หมายถึงจีนกำลังภายในยุคใหม่น่ะ ไม่ใช่พวกมังกรหยกอะไรนั่นนะ พวกนั้นอ่านตั้งแต่ชาติปางก่อนแล้ว
อ่านไปอ่านมาเราจะพบว่านิยายจีนยุคใหม่จะมีพลอตมาตราฐาน แบบเหมือนเป็นโครงเรื่องสำเร็จที่คนหยิบมาใช้จนเกลื่อน
ยกตัวอย่างก็แบบแนวเทพเซียนกลับมาเกิดใหม่ เริ่มเรื่องด้วยการที่ชาติที่แล้วเป็นมหาเทพเซียนขั้นสุด เก่งสุดในสามโลก ตายด้วยเหตุผลบางอย่าง หรือพยายามไปถึงจุดสูงสุดแล้วพลาด สุดท้ายตาย ย้อนกลับไปในร่างของตัวเองตอนยังเป็นไอ้ขี้แพ้ขยะถูกรังแกสมัยเรียน จากนั้นก็ใช้ความรู้วิชาที่ได้มาแสดงความเทพ จุดเริ่มเรื่องมาตราฐาน ถ้าแค่พลอตหลวมๆมันเหมือนกันยังพอทำเนา มันแปลกก็ตรงการดำเนินเรื่องยังเหมือนกัน มังงะที่ผมอ่านผ่านตาจีนมาจนเอียนเนี่ย การดำเนินเรื่องเหมือนกันเลยแบบเป็นสิบเรื่องนะ
แบบเริ่มต้นในร่างตัวเองตอนเป็นเด็กนักเขียนโดนบลูลี่ เริ่มมาด้วยการฝึกวรยุทธ สำเร็จยุทธขั้นแรกในเมืองเล็กๆในเวลาอันสั้น ออกไปแสดงความกร่างโชวความเทพกับแฟนเก่าหรือพวกจิกโก๋ แสดงความเทพในเมือเล็กๆสักพักบังเอิญไปเจอตาแก่ในสวนสาธารณะหรือโรงพยาบาล แสดงความเทพในการบอกโรคลับๆที่ตาแก่เป็น ตาแก่ตาโตรู้ว่าพระเอกไม่ธรรมดา ตาแก่มีหลานสาวโง่ๆคนนึงที่พามาและจ้องจับผิดตัวเอก หลานสาวไม่เชื่อพระเอก จ้องจับผิด ท้าพระเอกแบบโง่ๆ พระเอกพิสูจน์แสดงความเทพรักษาตาแก่ สรุปคือตาแก่กลายเป็นมหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลในเมือง ตัวเอกได้คนหนุน เริ่มเรื่องมาแบบนี้และก็วนลูปเพิ่มสเกลพลังย้ายเมืองไปเรื่อยๆ
นิยายจีนพลอตมาตราฐานวนลูบแบบนี้ถูกนำไปดัดแปลงใช้กับทุกแนว แนวระบบ แนวกำลังภายใน แนวเทพเซียน นี่เป็นแค่แพทเทิลนึงที่ก็อบกันมาของแนวแฟนตาซีนะ แนวปลูกผักคงคล้ายเหมือนกันแค่ผมไม่เคยไปอ่าน
ซึ่งตอนแรกเมื่อ 6 -7 ปีก่อนมันเป็นแค่นิยายจีน ผมยังกลัวเลยว่าเฮ้ยก็อบพลอตกันหน้าด้านๆงี้เลยหรอวะ ไม่เป็นอะไรหรอ?? สุดท้ายมาช่วงปีนี้มันลามมาที่ไทยแล้ว นักเขียนเริ่มมักง่ายขึ้นเยอะ หลายคนแยกไม่ออกแล้วว่าแรงบันดาลใจกับการก็อบมันคืออะไร บางคนก็อบโครงเรื่อง ก็อบการดำเนินเรื่อง ก็อบเหตุการณ์มาทั้งดุ้นไม่ได้คิดเองเลย แค่เอามาเขียนเปลี่ยนชื่อเป้นคนไทย สลับเหตุการณ์ วนลูบตบเกรียนไปซ้ำๆ 300 400 500 ตอน
ช่วงแรกผมก็สงสัยว่าเฮ้ย อะไรแบบนี้ที่ดูถูกนักอ่านมันขายได้หรอวะ พอมาดูสภาพตลาดปัจจุบันที่นักเขียนมักง่ายขึ้นทุกวัน ก็อบพลอตกันเป็นว่าเล่น เรื่องแดงขึ้นมาแล้วนักอ่านก็ยังอวย ถ้าไม่ก็อบทุกตัวอักษรไม่ถือว่าผิด คือมันน่าอึดอัดใจมากๆเลยว่ะ ลองไปไล่ดูนิยายติด top แต่ละเรื่องแล้ว ถ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญอ่านนิยายจีนมาอย่างกว้างขวางจะเห็นเลยว่าพลอตและการดำเนินเรื่อง มันแทบจะเลียนแบบลอกกันมาเลย
คือบางที่คำว่าแรงบันดาลใจ กับก็อบปี้มันก็แบบแยกยากเนาะ ต้องขนาดไหนคือก็อบ?
ขออภัยเพราะบางทีผมเป็นนักเขียนที่พยายามจะเขียนงานโดยไม่ลอกพล็อตคนอื่น หรือเอาแรงบันดาลใจมาแบบน่าเกลียดมันท้อนิดก็เลยมาชวนคุย วงการนิยายไทยมันตกต่ำลงจริงๆ แบบหันไปดูแนวแฟนตาซีแล้วระบบ ระบบ ระบบ เต็มไปหมดเลย ผมก็เขียนแนวระบบนะ เรื่องที่เป็นแนวระบบแม่งติดตลาดง่ายมากแค่ใช้ชื่อเรื่องว่าระบบ พอมาแต่งแนวอื่นแนวดาร์คแฟนตาซีเนี่ย ติดตลาดยากกว่ามากเลย ความต่างมันเยอะแบบเยอะจริงๆกับกระแส
บางทีนิยายที่ขึ้นนิยายแนะนำของ DEK D น่ะ ถ้าอ่านดูดีๆจะเห็นเลยว่าไปก็อบพล็อตมาแค่มันจับแบบคาหนังคาเขายาก
ไม่พอใจที่เขาจัดให้การก็อปพล็อตเป็นสิ่งที่ไม่ผิดใช่ไหม? หยิบพล็อตสนุก ๆ จากเรื่องต่าง ๆ เอามายำใส่เรื่องสะดวกไปไหม?
อยากให้ลองหลับตานึกถึงโลกที่ก๊อปพล็อตมีความผิดเหมือนหยิบเอามิกกี้เมาส์มาเป็นตัวละครของตัวเอง
นักเขียนใหม่จะไม่มีเวทีให้เล่นเลย เรื่องไหนดังก็เตรียมโดนฟ้องแบ่งรายได้เพราะพล็อตนั้นเคยถูกใช้มาก่อน นักเขียนใหม่เกิดยาก ความคิดสร้างสรรค์ถูกจำกัด ข้อหลังนี่ล่ะทำให้การก็อปพล็อตไม่ได้ถูกปกป้อง
ความคิดสร้างสรรค์ = ไม่ใช่
การตลาด = ไม่ใช่
ลอกการบ้าน = ใช่
>>977 การก็อบพล็อตมันควรจะมีขอบเขตครับ ไม่ใช่ลอกมาเหมือนเป๊ะเหมือนกระทั่งการดำเนินเรื่อง อย่างนั้นถ้าก็อบเกือบทุกอย่างได้กระทั่งเหตุการณ์การดำเนินเรื่อง แบบนั้นต้องขนาดไหนถึงจะเข้าข่ายการก็อบที่ผิด??
แบบลอกทุกตัวอักษรแบบนั้นเลย?
พลอตมันคล้ายและเหมือนกันได้ แต่ผมคิดว่ามันไม่ควรจะคล้ายจนแบบเหมือนได้เกือบทุกอย่างกระทั่งเหตุการ การดำเนินเรื่อง เปิดเรื่อง อะไรทำนองนั้น มันเกินไป และมันทำให้วงการนิยายต่ำลง เกิดความักง่าย อย่างนี้นักเขียนไม่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์อะไรเลยสิ ก็อบลูกเดียวเลย ไม่ต้องคิดเลย ถ้าเป็นแบบนั้นมันน่าเศร้านะ ที่ต้องทนเห็นอาชีพนักเขียนต่ำลงเรื่อยๆ โดยที่ทำอะไรไม่ได้เนี่ย
>>977 ผมมาขยายความอีกนิด เท่าที่ผมอ่านมังงะเกาหลีมา มันแทบไม่มีเรื่องไหนเลยที่ก็อบพล็อตแบบเป็นแพทเทิลเดียวกันอย่างน่าเกลียด แบบเหมือนกระทั่งการดำเนินเรื่อง
ทว่ากับจีน มังงะจีน นิยายจีน เราจะเห็นการก็อบพล็อคแบบหน้าด้าน แบบลอกกันมาเลยนั้นเยอะ แบบต้องเอ๊ะเลย
แล้วปัญหาคือที่ไทยกำลังได้รับอิทธิพลจากจีนและเดินตามแนวทางจีน ผมออกจะแบบ... คุณภาพมังงะจีนช่วงหลังๆเนี่ยผมไม่อ่านเลย แพทเทิลเดียวกัน กลับกันมังงะเกาหลีมันกับสนุกเกือบทุกเรื่อง แม้กระทั่งแนวมังงะกำลังภายในก็ทำได้เหนือกว่าจีน เหมือนงานคนละคุณภาพ
พูดไปก็คงพูดลำบาก แต่มันก็น่าเศร้าที่วงการนิยายแฟนตาซีเราเดินตามแบบจีนซะงั้น
>>979 ถามจิ้ง ยกตัวอย่างก๊อปมาเหมือนกันตั้งแต่ต้นจนจบ คนฉลาดที่ไหนเขาทำกัน มันสุ่มเสี่ยงโดยฟ้องแบ่งรายได้ สมัยนี้เขาก๊อปแบบเอามายำกันเอามาต่อยอด ไอเดียนี้ดีก็หยิบมา จับมายำ ๆ เวลาคิดอะไรไม่ออก นี่ไงขอบเขตที่อยากได้ใช่ไหม
กูว่าเมิงเอาหูไปนาเอาตาไปไร่แล้วก้มหน้าก้มตาเขียนไปเถอะ ถ้ามันก๊อปเรื่องเมิงจริงก็รวบรวมหลักฐานเอาไปฟ้องแบ่งรายได้ แต่ใครมันจะโง่เขียนให้มึงฟ้องได้
เห็นพวกมึงคุยกันแล้วกูก็อยากคุยด้วยนะ แต่ประเด็นนี้คุยกันไปเยอะแล้วตั้งแต่สมัยยังเล่นมู้นินทาอยู่ กูเลยไม่อยากพิมพ์อีกเป็นรอบที่ล้านแต่ก็ช่างแม่ง จริงอยู่ว่าเรื่องพล็อตคล้ายหรือโดนยืมมาแต่งมันมีเยอะจนน่าเบื่อ แล้วยังไงต่อ ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีเพราะมันยังคงมีคนที่ชอบและอ่านเรื่องพวกนี้อยู่เรื่อยๆ ไง มันคือความฮิตเมื่อแนวนั้นกำลังมาแรงหรืออยู่ในกระแส ไม่ต่างอะไรกับยุค รรวม. หรือ อล. เลย
ความแตกต่างของตอนนี้กับยุคก่อนคือความสามารถในการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตของทุกคน ทีนี้พวกอยากอ่านมีเยอะ อยากเขียนก็มีเยอะเหมือนกัน พอเจออะไรที่มีอยู่เยอะๆ ในเน็ตก็คิดกันไปเองว่านี่แหล่ะดี ทำตามนี้เลยดีกว่า ต่างจากสมัยก่อนที่ต่อให้เป็นออนไลน์หรือโรงเรียนเวทมนตร์ก็จะมีการเดินเรื่องที่หลากหลายกว่า บางเรื่องเริ่มที่มหาสงคราม บางเรื่องเริ่มที่ตัวเอกโนเนมไปเจอของเทพ บางเรื่องตกกระไดพลอยโจนไปยุ่งกับเรื่องที่ไม่ควรยุ่งจนกลายเป็นจุดสนใจ
สรุปได้ว่าสิ่งที่เป็นตัวแปรคือความมักง่าย เพราะนักเขียนรุ่นกูมันจะมีอีโก้บางอย่างที่อยากสร้างผลงานที่จะไม่ถูกครหาว่าไปลอกพล็อตคนอื่นมา ทีนี้พอตัวเองแต่งแนวไหนก็จะไปหาอ่านแนวนั้นเยอะๆ ที่ว่าเยอะนี่คือเยอะจริงๆ อ่านจนรู้ว่าใครแต่งแบบไหนชอบเดินเรื่องยังไงตัวละครที่ใช้มีอะไรบ้าง อ่านกันหลักร้อยเรื่อย มันจะได้ไอเดียมาต่อยอดจากฉากเจ๋งๆ ของคนอื่น ในเวลาเดียวกันก็ต้องตอบให้ได้ว่ายืมมาใช้ยังไงจะไม่ให้ถูกจับได้หรือเหมือนจนน่าเกลียด
แต่ยุคนี้มันหาอ่านผิวเผิน เน้นไปที่ Top หมวด อ่านอันที่อยู่ในกระแสหรือเรื่องที่ถูกนำเสนอขึ้นหน้าเพจเฟซบุ๊กว่าแต่งแบบนี้สิแล้วจะมีคนอ่านเยอะ ขายดีได้เงินเป็นกอบเป็นกำ ไม่ได้อ่านหาไอเดียแต่อ่านเพื่อหาของมาลอก ดัดนิดเปลี่ยนหน่อยเอาแค่ไม่ให้เหมือนเป๊ะ คุณภาพไม่ต้องเน้นอัพได้บ่อย มีตอนลงรายวัน คิดไม่ออกแต่งไม่ทันทำไงดี ก็ต้อง ลอก! ลอก! ลอก! สิ พล็อตคล้ายแล้วไงใครๆ ก็ทำแบบนี้เหมือนกัน ถ้าจะจับกูก็ต้องไปไล่จับแม่งทั้งวงการนะ ด้วยชุดความคิดแบบนี้แหล่ะเลยทำให้นิยายเว็บปัจจุบันมันออกมาอย่างที่เห็น บางคนทำมานานแล้วพอมีฝีมืออยู่บ้างก็ได้ดีไป แต่พวกมือใหม่มีแต่จะทำให้ทุกอย่างมันแย่ลง
แต่กูคงต้องเห็นด้วยกับข้างบนว่า เออก็มันมีคนอ่านอะก็เลยมีคนแต่งแนวนี้ออกมาเรื่อยๆ เหมือนนิยายจีนแปลที่มาโผล่โฆษณา เปิดเรื่องว่าตัวเอกโดนดูถูกสารพัดทว่าพี่แกเป็นขั้นเทพปลอมตัวมา หรือจริงๆ แล้วผมเป็นประธานบริษัท ไม่ก็ได้รับมรดกชนิดใช้ไป 100 ชาติก็ยังไม่หมด ตอนที่ 2 ก็หลุดพ้นจากการถูกกดขี่แล้วไล่ทำตัวเทพซ่าส์ เอาเงินฟาดหัว ต่อด้วยไปรักษาคนแก่จนได้แบ็คมาหนุนหลังเพิ่มอำนาจใดๆ กี่สิบเรื่องก็มาทำนองนี้หมดเลย เพราะอะไร? ก็เพราะมันยังมีคนยอมจ่ายเงินตอนละบาทเพื่ออ่านอยู่ดี ถึงจะซ้ำซากก็ยังอ่าน
อะไรวะอยู่ดีๆ มู้ก็ Active คุยกันเยอะซะงั้น คุยกันต่ออีกหน่อยก็ดีนะ กูจะได้ตั้งมู้ใหม่ ช่วยกันถมหน่อยอีก 17 rep
>>975 ไอ้แนวนี้มันขายได้ เข้าใจง่าย เร้าใจ สนุกเร็ว คนที่ไม่เคยอ่านถ้าได้มาอ่านก็จะติด พออ่านถึงตอนล่าสุดหาแนวเดียวกัน เริ่มเห็นมันซ้ำไปมาก็เริ่มเบื่อ อีกอย่างนึงมันมาจากนิยายเว็บเหมือนกันด้วย สักวันจะมีคนเรียนพวกนิเทศเอาไปทำวิทยานิพนธ์หรือบทความไหมว่ะเนี่ย ดูมันน่าสนใจอยู๋
>>960 ไม่ได้อ่านของไทยนะ แต่ถ้าไปอีกโลก ย้อนอดีต ฯลฯ แนวนี้ของพวกจีนแท้ก็มีอย่างที่ดังๆก็ i really am a superstar. แต่อันนั้นใช้ไปโลกคู่ขนาน หรืออย่างim in hollywood อย่าว่าแต่จีนเลยฝรั่งก็มี ญี่ปุ่นก็มี เอาจริงกูอ่ะอยากเห็นคนไทยเขียนมากกว่าขอแนวการเมืองนะ เอาแบบย้อนเวลากลับไป2475 หรือ 2489 (แต่คนเขียนอาจจะได้พิซซ่าเดลิเวอรี่) ใช้วรรณกรรมไทยอย่างเรื่องขุนแผนในเว็บตูนนี่ก็ดีอยู๋ อยากได้แบบนี้อีกเหมือนกัน อาจซ้ำแต่มันก็ยังน่าสนใจ
พูดเรื่องนี้มาทุกกระทู้ ไม่เบื่อกันบ้างหรือครับ
ทุกวันนี้บอร์ดเด็กดีก็ไม่น่าสนใจอยู่แล้ว ยกเว้นดราม่า
ขนาดดราม่ามันส์ๆ แบบสมัยก่อนยังไม่มีเลย กลายเป็นพื้นที่บ่นของคนไม่แมสกับพื้นที่อวดของสายแมส
ถมโหน่ย
มีนิยายปลูกผักแนะนำกันไหมค้าบบบบ
โม่งขอความเห็นหน่อย ทุกคนคิดว่าเรื่องนี้โกงยอดวิว เหมือนไอ้เรื่อง H.A.CK ปะ
อยู่ๆเด้งมาติด top ยอดคอมเมนท์ไม่มีสักคน
ตอนเยอะน่ะใช่นะ แต่อยากจะบอกว่าถ้านักอ่าน 1 คน อ่าน 68 ตอนพร้อมกันใน 1 วันก็ได้ยอดวิวแค่ 1 นะ มีกลิ่นนิดๆ เพื่อนโม่งว่าไง
https://writer.dek-d.com/dekdee/writer/viewlongc.php?id=2352403&chapter=19
กูไม่รู้ กูแค่มาถม
มู้ยังไม่เต็มอีกเหรอ โม่งนักเขียนไปไหนกันหมดละ
กูไม่อยากช่วยเจิมเดี๋ยวมันครบ 1,000 เร็ว
จะขึ้นบทใหม่แล้วโว้ยยยยยยยยยยยยยยย
เดี๋ยวเลิกงานละจะมาเปิดมู้ใหม่ให้
มาๆวิ่งๆ
ปิดละน้า
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.