Fanboi Channel

นิทานเด็กดีบทที่ 39 (DDN XXXIX) ภาคปิดเทอมแล้วทำไมเงียบจังวะ สงครามหมีขาว-ทานตะวันจะยังไงก็ไม่สำคัญ เพราะโลกเด็กดีก็มีสงครามตัวเองกับนิยาย THIS NOVEL OF MINE (นักเขียนเขาจะย้ายเว็บกันจนร้างแล้วเพ่)

Last posted

Total of 1000 posts

58 Nameless Fanboi Posted ID:szH76zNp8f

มีจังหวะให้พักได้ 30 ชั่วโมงก็เลยนอน 6 ชั่วโมงแล้วหาอะไรทำหลายๆ อย่าง หนึ่งในนั้นก็คือแวะมาสับนิยายให้พวกมึงอ่าน (ถ้ามึงคิดว่าการด่านิยายคนอื่นคือการพักผ่อนแบบหนึ่ง) นิยายเรื่องนี้กูเห็นได้รับการแนะนำตรงหน้าเพจเด็กดวก พอเข้ามาแอบอ่านก็เจอพวกมึงพูดถึงเหมือนกันท้ายๆ มู้ที่แล้ว เราจะไม่พูดถึงเกี่ยวกับนักเขียนแต่เน้นไปที่เนื้อเรื่อง (เพราะเดี๋ยวจะมีพวกเหี้ยมาหาว่ากูเป็นพวก racist อีก) จากที่มีคนถามไว้ใน >>49 หลังจากที่กูสับนิยายแนะนำมาหลายรอบ กูจะบอกให้อ่านตามนี้ถ้าเป้าหมายของมึงคือการอยากให้หน้าเว็บเอานิยายไปแนะนำนะ

1) นิยายมึงต้องมีจำนวนตอนอย่างน้อย 50 ตอน (ในความยาวที่ไม่สั้นจนเกินไป)
2) ยอดวิวขั้นต่ำสูงกว่า 50,000
3) ยอดความเห็นสูงกว่า 500
4) ยอดผู้ติดตามสูงกว่า 2,000
5) มีการอัปเดตต่อเนื่องอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง (แต่ส่วนใหญ่เห็นอัปวันละตอนหรือวันเว้นวัน)
5) ***สำคัญเหี้ยๆ*** ต้องมีการติดเหรียญขายแล้วเกิดการขายแล้วในระดับหนึ่ง

ข้าจะเป็นหมอยา
https://writer.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=2277919

นิยายเหี้ยไรวะอยากจะเป็นหมอยเฉยเลย (พนักงานตบมุก : หมอยาครับไม่ใช่หมอย เห็นสระอามั้ยวะครับ) โอเคหมอยานี่เอง อะแล้วไงต่อ ถึงชื่อเรื่องจะธรรมดา แต่กูจะบอกว่ามันเป็นการตั้งชื่อแบบใช้กับดักทางความคิด ไม่ต่างกับนิยายเรื่องหมอยลดา หรือคุณหมอยศวิน โดยเฉพาะกับคนเหี้ยๆ (แบบมึงกับกู) ที่อ่านแล้วสามารถเก็ตมุกทะลึ่งตึงตังได้ทันใด แน่นอนว่านักอ่านบางส่วนอาจไม่คิดอะไรถ้าจิตใจไม่เหี้ยเท่าพวกเรา ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่มีผลในทางร้าย ถ้ามีคนเก็ตมุกก็เหมือนเกิด effect (+1) ถ้าอ่านแล้วไม่เก็ตก็ไม่เป็นไร (0) ในต่างประเทศเองก็มีการแอบใช้ subliminal message กันอย่างแพร่หลาย พอโดนจับได้ก็เจอโจมตีกันไป เช่นการแอบใส่คำว่า sex ใน texture ภาพพื้นหลังการ์ตูนเจ้าหญิงของดิสนีย์ กับอันที่อื้อฉาวกว่าคือยอดปราสาธในปกการ์ตูนเจ้าหญิงที่มีหอคอยอันนึงมีปลายเห็นเป็นหัวดอแบบถอกเรียบร้อย (ซึ่งไม่รู้ว่าคนวาดมันซ้อนแผนทำลายค่ายเองหรือเปล่า)

เรื่องทำนองนี้เป็นอะไรที่พื้นๆ มาก เหมือนเวลาคนถามว่าทำไมเรื่องเกี่ยวกับการเด้ากันถึงได้รับคำนิยมมากกว่า Love scene ในละครทำไมต้องใส่มา หนังผีเกรดบีของฝรั่งทำไมต้องโดนฆ่าระหว่างกำลังเยดกัน ถ้าให้ตอบแบบโง่ๆ เลยก็คือคนเรามันมีความขี้เงี่ยนแอบซ่อนอยู่ภายในทั้งแบบที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว พวกโปสเตอร์เหล้าเบียร์ก็มักจะมีนางแบบนุ่งน้อยห่มน้อยปรากฏอยู่ แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิด กูไม่ได้บอกให้พวกมึงแต่งนิยายที่มีแต่ฉากเยด เพราะมันจะกลายเป็นการเขียนเรื่องเสียวไปแทน คือในเนื้อเรื่องทั้งหมดก็อาจใส่ไปบ้างได้เป็นระยะ แล้วใส่แบบมีจุดประสงค์ด้วย ไม่ใช้เอะอะเดินชนกันหน้าพระเอกล้มทับกีแล้วนางเอกร้องอ๊างไรงี้นะ บางเรื่องใส่ฉากทำนองนี้เป็นฉากการถูกข่มขืน เพื่อให้ส่งผลต่อตัวละครประกอบ หรือตัวละครรองใน arc นั้นๆ ว่าจากเหตุการณ์นี้ทำให้เกิดอะไรขึ้นต่อบ้าง แล้วมันมาเกี่ยวกับพวกตัวละครหลักได้ยังไง ถ้าเป็นนิยายรักรอมคอมก็จะต้องใส่ฉากถูกเนื้อต้องตัวแบบจำใจมาบ้างพอกระชุ่มกระชวย ไม่งั้นแม่งน่าเบื่อแย่

อะไรวะ หลุดประเด็นจากชื่อเรื่องมาไกลเลย ถ้าไม่นับเรื่องการใช้คำว่า หมอย-า แล้วล่ะก็ กูว่าชื่อเรื่องธรรมดาไป อาจเป็นเพราะเห็นว่าชื่อเรื่องยาวๆ สไตล์ Light Novel มันเต็มเว็บไปหมดเลยอยากจะแตกต่าง ตั้งชื่อธรรมดาแบบสูงสุดคืนสู่สามัญแบบนี้แหล่ะดีแล้วก็เป็นได้

หน้าปกนักเขียนลงทุนจ้างนักวาดมาวาดให้ ลายเส้นโอเค การใช้สีก็ทำได้ดีเลย มีเทคนิคหน้าชัดหลังเบลอกับกุมารทองด้านหลังแถมมาให้อีกตัว font ที่ใช้กับชื่อเรื่องไปด้วยกันได้ ปกเรื่องนี้กูให้ผ่าน คำโปรยอ่านแล้วพอเข้าใจเนื้อเรื่องคร่าวๆ แต่อ่านแล้วติดๆ ขัดๆ เหมือนยังต้องเกลาอีกเยอะกว่าจะลื่น ถ้าอยากลองก็ไปอ่านกันดูเองใต้ชื่อเรื่อง ถามว่าดึงดูดใจไหม กูว่าไม่เลย เหมือนมึงขายเค้กแล้วมึงบอกแค่ว่าเค้กครับ อร่อยนะครับ แล้วไม่ได้บอกว่าใส่ครีมสด เนยแท้ มีสตรอเบอร์รี่เกรดเอลูกใหญ่กว่าหัวพ่อมึงแต่งหน้าเค้กด้วย ใช้ส่วนคำโปรยยังไม่คุ้มเท่าไหร่ Tag อันสุดท้ายนี่เป็นดาบสองคม เพราะคำว่าไม่ฮาเร็มมันทำได้ทั้งจัดการศัตรูและบาดคอมึงตายเองได้ในเวลาเดียวกัน ลองคิดกันเล่นๆ ว่าจำนวนคนอ่านเด็กชายวัยเบียวที่ชอบแนวเมียเยอะๆ ในเว็บมีอยู่เท่าไหร่ ถ้าเทียบกับพวกผัวเดียว-เมียเดียว

ปกรองเขียนเกี่ยวกับ setting ไว้นิดหน่อยว่า ปัจจุบันแพทย์แผนโบราณมันถูกด้อยค่าลงไป พระเอกของเราเลยจะทำให้มันโด่งดังขึ้นมาใหม่ ด้านล่างสุดมีแปะบทสัมภาษณ์จากหน้าเพจไว้ด้วย เผื่อมีคนอยากลองไปอ่านดู ก็เหมือนกันกับส่วนคำโปรย... ใช้งานได้ไม่คุ้มค่า

59 Nameless Fanboi Posted ID:szH76zNp8f

ตอนที่ 1 : ตอนที่1

โอเคนักเขียนเขียนแบบไม่มีชื่อตอน กับขนาดตัวอักษร 20pt แล้วเขียนแค่ 6,000 characters ถ้าหดลงมาให้เท่ากับขนาดมาตรฐานไฟล์ epub กูว่าจะให้ครบ 2 หน้ายังเกือบจะไม่รอด เอาไปเลยระดับความยาว : หมอยแมงเม่า คนที่จะซื้อนิยายเรื่องนี้ได้ต้องคิดให้ดีกับนิยายที่ตกหน้าละ 50 สตางค์แบบนี้ นิยายเรื่องนี้เล่าด้วย POV3 ส่วนเนื้อเรื่องก็... เปิดเรื่องมาด้วยการอธิบายว่ามีหมู่บ้านแห่งหนึ่งไกลเหี้ยๆ เวลาป่วยก็ต้องหาสมุนไพรแดกรักษากันเอง เพราะกว่าจะไปถึงเมืองก็มักจะตายห่ากันกลางทาง ปูนิลพาเด็กชายชื่อไอ้ไพรเข้าป้าหาสมุนไพร ไอ้ไพรบ่นว่าปูแม่งพากูเข้าป่าตลอด จนกูไม่สนิทกับเด็กในหมู่บ้านสักคน ไม่เห็นอยากจะเป็นเลยหมอยาเหี้ยไรเนี่ย เลยโดนปู่โบกหัวไป 1 ทีจนต้องหุบปาก หลังจากนั้นปู่ก็พูดถึงหน้าที่ของหมอว่าต้องรักษาคนป่วย ตกเย็นพอใกล้ค่ำเลยพากันขึ้นไปนอนบนนั่งร้านส่องสัตว์ของพวกพราน มีเสือสมิงในร่างหญิงสาวโผล่มาคุยกับปู่หลังไอ้ไพรหลับไปแล้ว สมิงเรียกปู่ว่าจอมไพรแล้วแจ้งข่าวว่ามีทหารบุกเข้ามาในป่า ปู่ก็รับทราบแล้วบอกอีสมิงให้กลับก่อน เดี๋ยวกูจะไปคุยกับพวกนั้นเอง

ตอนที่ 2 : ตอนที่ 2

เช้ามือวันถัดมา (เช้ามืดรึเปล่าวะ) ปู่นิลก็พาไอ้ไพรเดินทางต่อ เดินทางไปจนเจอกำลังทหาร 20 นายกับตัวหัวหน้า ปรากฏว่าหัวหน้าเป็นสหายเก่าของปู่ชื่อวี ก่อนจะคุยธุระปู่นิลใช้ให้ไอ้ไพรไปหาอะไรทำรอ เพื่อนปู่เลยบอกว่าไปนั่งคุยกับน้องมะขามหลานสาวกูก็ได้ พอเด็กๆ ออกไปแล้วสองเฒ่าก็พูดถึงเรื่องในอดีตที่ปู่นิลเคยถล่มกองพันของศัตรูตายห่าด้วยตัวเองในเวลาชั่วข้ามคืน (ปู่แม่ง OP นี่หว่า) สักพักปู่ก็ตัดเข้าเรื่องว่ามึงมาตามหากูทำไม ปู่วีทำหน้าเครียดๆ แล้วเล่าว่าไปมีปัญหากับกลุ่มอิทธิพลในเมืองหลวง ลูกๆ โดนจับตัวไปส่วนที่เหลือในบ้านถูกฆ่าตายเรียบ พวกนั้นบังคับให้ปู่วีขายกิจการให้ภายในเวลา 3 เดือน ตอนนี้ก็ผ่านมา 2 เดือนแล้วปู่วีเลยจะต้องทำอะไรสักอย่าง ก่อนจะไปลุยเลยเอาน้องมะขามมาฝากให้เพื่อนอย่างปู่นิลช่วยดูแล ปู่นิลได้ยินเลยทำนายชะตาให้เดี๋ยวนั้นเลยว่า ลูกๆ ของปู่วียังไม่ถึงฆาต แต่ครั้งนี้จะต้องระวังลูกน้องคนใกล้ตัวให้ดีๆ เดี๋ยวจะให้ item โกงๆ ไปติดตัวไว้ เวลาจะออกจากป่าก็ไปทางทิศนี้นะ ปู่วีบอกลาหลานสาว แล้วเก็บข้าวของเดินทางไปในทิศที่ปู่นิลบอก ขาเข้ามาเดินป่าตั้ง 3 อาทิตย์ แต่ตอนออกใช้เวลาแค่วันเดียวก็ออกมาได้ ปู่แกก็คิดในใจว่าเราเอาหลานมาฝากไว้ถูกคนแล้ว

ตอนที่ 3 : ตอนที่ 3

หลังจากนั้นปู่นิลก็ให้เด็กทั้งสองจับมือแล้วหลับตา ภายในเวลา 1 นาทีพอลืมตาขึ้นทุกคนก็มาถึงชายป่าใกล้หมู่บ้าน ไอ้เด็กไพรรู้ทันทีว่าปู่พาตัวเองกับมะขามวาร์ปมาแหงๆ เพราะตอนเดินป่าออกมาใช้เวลาตั้งหลายวัน ปู่รีบดักคอว่ายังไม่ต้องถามอะไร เดี๋ยวคืนนี้ค่อยคุยกัน น้องมะขามด้วยความที่เป็นเด็กเมืองกรุงก็เดินต่อไม่ไหว ไอ้ไพรเลยพาน้องขี่หลัง นักเขียนอธิบายว่าไอ้ไพรแบกน้องขามได้สบายแม้จะเป็นเด็กวัยเดียวกัน เพราะโดนปู่บังคับอาบน้ำสมุนไพรกับฝึกกล้ามเนื้อด้วยการเดินป่ามาตั้งแต่เด็ก (ตอนนี้มึงก็ยังเด็กอยู่นะ สรุปฝึกตั้งแต่ตอนไหนแล้ววะ) ตกกลางคืนปู่ก็เล่าเรื่องสำคัญให้เด็กชายไพรฟัง บอกว่าตระกูลเราเนี่ยเป็นแพทย์หลวงจากรุ่นสู่รุ่นมา 1,000 ปี แล้ว แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ต้องเลิกทำแล้วมาอยู่ในป่าที่นี่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเอ็งจะต้องเข้าพิธีฝึกการเป็นแพทย์หลวงเต็มตัว แช่น้ำว่าน ฝึกการต่อสู่ เรียนวิชาแพทย์ เรียนศาสตร์แห่งพราน บลาๆๆ ถ้าเทียบเป็นอนิเมะก็จะเป็น training arc ก่อนที่ไอ้ไพรจะเริ่ม OP เด็กไพรฟังแล้วก็เริ่มด้วยการลงชานเรือนไปออกกำลังกายศาสตร์ลับ 108 ท่า เพื่อเตรียมร่างกายตามที่ปู่บอก

60 Nameless Fanboi Posted ID:szH76zNp8f

ตอนที่ 4 : ตอนที่ 4

เช้ามาปู่นิลให้ไอ้ไพรไปตักนำด้วยคานหาบกับถังเหล็กขนาด 5 ลิตร 2 ถึง แต่ด้วยความที่เป็นเด็กทำไปไม่นานรอบที่ 3 ก็เดินไม่ไหวเลยโดนปู่ดีดหินใส่น่องจนต้องฝืนเดินต่อไป น้องขามเห็นก็สงสารไอ้ไพร แต่ปู่นิลห้ามไม่ให้เข้าไปช่วยเพราะนี่เป็นส่วนหนึ่งของการฝึก ถ้าอยากช่วยก็ให้ไปทำอาหารมาไว้ให้ไอ้ไพรกินแทน พอตักน้ำเสร็จปู่ก็พาไอ้ไพรไปแช่น้ำว่านสมุนไพรต่างๆ 108 ชนิด ซึ่งชื่อของว่านสมุนไพรพวกนี้กูเคยได้ยินมาบ้าง เช่นพวก หนุมานประสานกาย (ยางจากก้านใบใช้หยอดใส่แผลเปิดเพื่อเร่งการสมานได้) ขมิ้นขาวปัดตลอดแบบ 100 ปี (ซึ่งมีหลายรุ่นเช่น 10 หรือ 50 ปี ใช้ถอนพิษและอาการแสบคันเบื้องต้น) ในทางไสยศาสตร์ว่านพวกนี้ยังฤทธิ์ด้านอื่นๆ อีก ถ้าตามที่ปู่นิลเล่าไปในตอนที่แล้ว แปลว่าตระกูลแพทย์ลับของไอ้ไพร ไม่ได้ทำแค่การรักษาคน แต่ยังเรียนรู้เรื่องคุณไสยด้วย สรุปว่าปู่แกเตรียมความพร้อมให้ไอ้ไพรมาเป็นอย่างดี ว่านที่แช่อยู่ทุกวันก็มีผลทั้งเรื่องคงกระพัน มหาเสน่ห์ และเสริมพละกำลัง

ตกค่ำปู่พาไอ้นิลไปไหว้บรรพบุรุษเพื่อขออนุญาตเรียนวิชา ความรู้ที่ต้องเรียนก็มีมากมาย ทั้งเรียนจากคัมภีร์ใบลาน 100 เล่ม การค้นหาสมุนไพรป่า 10,000 ชนิด การออกกำลังกายลับ 108 ท่า และอื่นๆ พอไหว้รูปปั้นเสร็จจิตไอ้ไพรโดนดึงเข้ามิติลึกลับ พวกปู่ๆ ที่เป็นต้นแบบรูปปั้นพากันล้อมเข้ามาคุย บอกว่าเอ็งเป็นรุ่นที่ 99 ของตระกูล พอถึงรุ่นเอ็งชื่อเสียงของครอบครัวเราจะกลับมายิ่งใหญ่ พวกวิชาต่างๆ ก็เรียนไปได้เลย เดี๋ยวพวกเราจะแถมพลังจิตขั้นสูงให้ด้วย หลังจากกลับมาปู่นิลก็ตกใจเพราะพลังจิตของเด็กไพรมันเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน เลยพาตัวไอ้ไพรกลับบ้านก่อน

ตอนที่ 5 : ตอนที่ 5

พอไอ้ไพรฟื้นตอนเช้า ปู่นิลก็ถามว่าเป็นยังไงบ้างการไปพบบรรพบุรุษ ไอ้ไพรตกใจว่าปู่รู้ได้ไงแล้วก็เดาได้ว่าปูคงเคยเข้าไปในมิตินั้นเหมือนกัน ไอ้ไพรเล่าว่าบรรพบุรุษให้พลังจิตกับความรู้ด้านการแพทย์มา ศาสตร์อื่นๆ ก็ได้มาด้วยแต่ยังใช้ไม่ได้เพราะตบะยังไม่ถึงขั้น ปู่ได้ยินก็โล่งใจว่าแบบนี้ไอ้ไพรก็เทพซ่าเรียบร้อยเหลือแค่ต้องฝึกตบะกับหาประสบการณ์เพิ่มเท่านั้นเอง เวลาผ่านไป 1 เดือน ไอ้ไพรเก่งขึ้นทุกด้านจนปู่รู้สึกพอใจ ด้านปู่วีก็กลับมาหาหลานสาวแล้วคุยกับปู่นิลต่อ สรุปว่าปู่จะต้องออกไปทำธุระในเมืองหลวง ทิ้งให้ไอ้ไพรที่แช่น้ำว่านกับหนูมะขามที่เล่นตุ๊กตายืนงงอยู่ในหมู่บ้าน ขณะที่ปู่ทั้งสองคนเดินทางออกไปในชุดเครื่องแบบทหารเต็มยศ

การบรรยาย : สำนวนธรรมดาอ่านง่าย ไม่หนักไปในทางใดทางหนึ่งทั้ง show ทั้ง tell แต่รูปแบบการเล่ามันเน้นเอาเนื้อหาใส่ปากตัวละครพูดออกมาเยอะไปหน่อย เช่น "วิธีเข้าฝันคนอื่น ขั้นตอนแรกต้อง...(ยาวไปจนจบทุกขั้นตอน)" เขาอธิบายพร้อมทำท่าทางจริงจังไปด้วย ซึ่งมันเป็นการยัดเยียดข้อมูลผ่านตัวละคร กูไม่รู้ว่าควรติหรือเปล่า เพราะเรื่องความเชื่อไสยศาสตร์พวกนี้ถ้าไม่อธิบายให้ครบละมันจะฟังดูไม่ขลัง เอาเป็นว่าจะข้ามไปก็แล้วกัน เพราะถ้าเป็นคนสายมูฯ มาอ่านนิยายแนวนี้แล้วก็คงอ่านได้ไม่คิดมาก การดำเนินเรื่องกูว่ากราฟแม่งขึ้นๆ ลงๆ pacing แปลกดี เหตุการณ์สำคัญจะเล่าแค่คร่าวๆ แต่วิธีการฝึกหรือรายละเอียดสมุนไพร คาถาอาคม ไรพวกนี้จัดเต็มมากๆ ซึ่งอาจเป็นจุดเด่นของนิยายแฟนตาซีไทยแนวมูเตลูแบบนี้ ภายใน 5 ตอนแรก สาระสำคัญเหมือนให้กูดู training montage ของเด็กชายไพรว่าฝึกยังไงก่อนจะเริ่มเทพซ่า มันดีสำหรับคนชอบแนวคุณไสยลึกลับ แต่ถ้ามองให้กว้างขึ้นสำหรับนิยายทุกแนว ถือว่าเดินเรื่องช้าไปหน่อย

จบ 5 ตอน กูว่าปู่นิลกับปู่วีควรไปบวกกับพวกมาเฟียจบนานแล้ว สาเหตุสำคัญคือความยาวต่อตอนที่เหี้ยจัด ไม่ถึง 2 หน้าซักตอน แต่นักเขียนมันเก่งนะพยายามสรุปด้วยบทบรรยายให้คนอ่านตามทัน ทั้งๆ ที่ยัดเรื่องราวหลายส่วนใส่มาในความยาวแค่นี้ได้ บางจุดกูเลยรู้สึกเหมือนอ่านทรีตเมนต์ย่อของเนื้อหานิยายในตอนนั้นแทน ถ้าเป็นมะนาวนี่คือมะนาวหน้าแล้งที่โดนบีบแล้วบีบอีกจนมีน้ำออกมาได้ทั้งๆ ที่เปลือกแทบจะป่นเป็นผงแล้วอะ ละดูตรงท้ายตอนมันเขียนจำนวนตัวอักษรไว้ทุกตอน แรกๆ ยังดี มี 5-6,000 เจอตอน 5 เข้าไป เหลือ 3,098 เหมือนนิยายทำมือราคาหน้าละ 1 บาท (แต่ 1 บาทนี้ได้แค่ 1 ตอน)

61 Nameless Fanboi Posted ID:szH76zNp8f

ตัวละคร : ทุกตัวละครไม่มีเอกลักษณ์ชัดเจน ไอ้ลักษณะนิสัยตามอายุกูพอรู้สึกได้อยู่ แต่ voice ที่ทำให้รู้ว่าเป็นตัวละครนั้นๆ กลับไม่มีเลยสักนิด วิธีการพูดในบทสนทนาแทบจะไม่ต่างกัน บทบรรยายก็ไม่การพูดถึงภาษากายหรือการกระทำที่ไม่เหมือนใคร ถ้าในอนาคตมีตัวละครมาเพิ่มในกลุ่มแล้วยังเขียนบทสนทนาแบบนี้อยู่อีก นักอ่านจะมีปัญหาเรื่องการแยกตัวละครว่าใครเป็นคนพูด ต่อให้เขียนแบบ "ทำยังไงดี" เอถาม "ไม่รู้เหมือนกัน" บีตอบ ในฉากอื่นๆ ที่มีความชุลมุนแล้วต้องเล่าต่อเนื่องรับรองว่าต้องอ่านแล้วงงแน่นอน การแก้ไข่นั้นทำได้ไม่ยาก แค่ใส่วิธีการพูดหรือคำติดปากเข้าไป ไม่ก็ใช้ความล้นหรือความห้วนก็ได้ บางตัวละครอาจเป็นคนพูดน้อยถามคำตอบคำ บางตัวอาจถามนิดเดียวมึงพูดเหี้ยอะไรตอบมาเยอะแยะ หรือใช้ภาษากายประกอบในบทบรรยายเช่นชอบพูดแบบไม่มองหน้า พูดจบละเสยผม ใช้คำหยาบในประโยค ถ้าเป็นในมังงะหรือเมะก็จะเจอพวกที่พูดแล้วลงท้ายด้วย เดส นาโนะ โกซารุ(ขอรับ) เป็นแบบอย่างหนึ่งที่พบได้อยู่บ่อยครั้ง การสร้างตัวละคร plain แบบนี้ไม่ผิดอะไรตราบใดที่มึงเล่าเรื่องได้เข้าใจ แต่ตัวละครมันจะไม่เป็นที่น่าจดจำ หรือถูกจินตนาการเป็น stickman พูดได้แบบที่แยกเพศด้วยการเติมหำ-เติมนม

เนื้อเรื่อง : สายไสยศาสตร์ไทยเต็มตัว พออ่านไปนานๆ พบว่าหมอยาในชื่อเรื่องควรถูกเปลี่ยนเป็นหมอผีมากกว่า หมอยาจริงๆ เขาก็ศึกษาทางยาไปเลย แต่ที่ไอ้ไพรทำอยู่คือการเรียนไสยเวทโดยมีเรื่องสมุนไพรและว่านทรงฤทธิ์มาเป็นส่วนประกอบ เรียนทั้งการแพทย์ การเป็นพราน และการใช้คุณไสยแบบนี้ มันไม่เรียกว่าเป็นหมอธรรมดาแล้ว ไอเดียไม่ได้แปลกใหม่อะไร แต่เน้นไปที่การนำเอาคติความเชื่อไทยๆ มาสร้างเป็น power fantasy เดินเรื่องด้วยตัวเองที่เก่งเทพ OP จากเวทมนตร์คาถาและการรักษาแบบสารพัดประโยชน์ของสมุนไพรที่แทบจะหาไม่ได้ในชีวิตจริง เจ้าของเรื่องทำการบ้านมาดีสำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับของอาถรรพ์และสมุนไพรต่างๆ

จุดเด่น : เล่าเรื่องได้ลื่นไหล เน้นขายของสายมูเตลูอย่าชัดเจน หาข้อมูลมาดีอ่านแล้วรู้สึกว่าแม่งรู้จริงด้านไสยศาสตร์ การล่าสัตว์ และสมุนไพรโบราณ เท่าที่อ่านมา 5 ตอน ไม่เจอพล็อตโฮล (หรืออาจเพราะสั้นเกินไปเลยยังไม่เจอ) ใช้ความยาวตอนที่สั้นใส่ข้อมูลมาได้เยอะ อาจถูกใจพวกชอบดูสปอยหนังเป็นพิเศษ เพราะแม่งสรุปมาให้กูเหมือนโดนครูบังคับเขียนย่อความจากหนังสือเล่มอื่นอีกที หน้าปกนอกอยู่ในระดับสูงกว่ามาตรฐานเทียบกับนิยายในเว็บเดียวกัน

จุดด้อย : บทบรรยายอ่านแล้วสะดุดเหมือนกับคำโปรย แต่กูแก้เองในหัวได้เลยไม่มีปัญหาเท่าไหร่ ส่วนคนอื่นก็แล้วแต่เวรแต่กรรม ใช้คำโปรยและปกรองได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เนื้อหาต่อตอนสั้นเกินไปจนดูเหมือนเอาเปรียบผู้บริโภค ขนาดกูอ่านฟรียังรู้สึกไม่พอเลย

คะแนน : แช่น้ำว่านสมุนไพร/10

ความเห็นส่วนตัว : บักสัสเอ๊ย ทำเอาคำแนะนำของกูข้อแรกเป็นหมันเลย ที่บอกว่าถ้าอยากขึ้นแบนเนอร์ความยาวต่อตอนต้องไม่สั้นเกินไป แล้วดูเรื่องเหี้ยนี่สั้นเหี้ยๆ ยาวกว่าระดับหมอยมดไปขั้นเดียว จนกูต้องเปลี่ยนสมมุติฐานใหม่ว่า เนื้อหาอาจไม่ต้องยาวก็ได้แค่มึงขายออกก็พอ บางทีพี่เว็บน่าจะรู้สึกว่าเรื่องนี้มันเด่นในฌองของมัน เป็นตัวเลือกให้พวกนักอ่านที่ชอบเรื่องราวไสยศาสตร์ตามมาซื้อได้ เลยเลือกเรื่องนี้ขึ้นมาโปรโมตเหมือนนิยายย้อนเวลาไปยุคอยุธยาคราวที่แล้ว (ช่วงนี้เน้นแฟนตาซีไทยกันแบบแปลกๆ นะ) ตอนสั้นแต่ยัดข้อมูลมาเยอะแล้วเล่าความคืบหน้าแค่พอเข้าใจ เช่น ปู่พาไพรเข้าป่า-คุยเรื่องสมุนไพร-ปีนนั่งร้านหาที่นอน-สมิงมาบอกเรื่องทหาร <<< แบบนี้อะ 1 ตอนของมัน ด้วยความที่สั้นเกินเลยบอกเราแค่ what's going on ในแต่ละตอนแต่เสือกอธิบายสมุนไพรยาวเหยียด หวังว่าจะไม่มีใครทะลึ่งไปหาว่านมาแช่น้ำอาบจริงๆ (แต่ก็เห็นเขียนเตือนไว้ตรงหน้าปกแล้วนี่ว่า เป็นเรื่องแต่งไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์จริง)

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.