โม่งบดสับไปเตรียมเล่นสงกรานต์หรอวะ ว่างไม่ว่างก็มาสับหน่อยให้หายคิดถึงกันบ้าง
กว่าจะได้สับคงรออีกพักใหญ่ เพราะคุณภาพนิยายถิ่นนั้นเหี้ยระดับเดียวกับ The Snake
ช่วงนี้บอร์ดเด็กดีมีแต่พวกกากๆ เข้าไปเห็นก็เซ็งแล้ว
งั้นกูขอถกประเด็น ทำยังไงถึงจะให้พี่เว็บแนะนำนิยาย
มาแล้วลูกจ๋า สับพร้อมนินทาที่หนูอยากได้ ช่วงนี้เห็นบ่นกันว่าไม่มีใครสับ เออ ก็ตามนั้นแหล่ะ เพราะแต่ละคนมันก็ต้องทำอะไรในชีวิตประจำวันเหมือนกัน ไม่ได้ว่างมาสับนิยายให้อ่านกันฟรีๆ ถึงจะเก็บเงินก็เก็บได้แต่ตอนละบาท สับ 5 ตอนได้แค่ 5 บาทเอง (อิอิ) ไล่อ่านที่พวกมึงคุยกันดูกูจะออกความเห็นเพิ่มในเรื่องสำคัญๆ ตามนี้
>>11 อย่าเข้ากลุ่มนักเขียน เชื่อกู นอกจากจะไม่ได้อะไรแล้วมึงยังจะเสียเวลาชีวืตไปโดยเปล่าประโยชน์ด้วย อันที่เข้าแล้วพอได้อะไรบ้างหรือคอร์สสอนการเขียนทั้งหลาย ซึ่งอันนี้ก็ต้องวัดดวงด้วยเหมือนกันว่าจะเจอครูดีหรือครูที่ (ดูเหมือนจะ) ดี ถ้าเจอคนที่สอนเป็นมึงจะได้อะไรดีๆ มาใช้เยอะ แต่ถ้าเจอที่สอง มึงจะโดนหลอกขายหนังสือหลังอวยว่านิยายของครูมันเจ๋งยังไง
>>19 กับ >>22 อันนี้จริง เพราะโอกาสเป็นของคนที่พร้อมเสมอ เหมือนร้านขายน้ำผลไม้โนเนมแบบวันต่อวันที่อยู่ดีๆ ก็มีออเดอร์จากโรงแรมใหญ่สั่งซื้อเข้ามาเพราะทำของให้แขกไม่ทัน หลังจากดีลครั้งนี้จบลงโรงแรมก็จะได้ร้านน้ำร้านนี้เป็นตัวเลือกเวลาทำไม่ทันรอบหน้า ส่วนแขกในงานที่ติดใจรสชาติก็อาจถามว่าน้ำพวกนี้มาจากไหน แล้วตามไปหาซื้ออีก
พอกลับมาพูดถึงเรื่องโปรโมตที่ได้ขึ้นแบนเนอร์หรือโดนสัมภาษณ์ขึ้นหน้าเพจ นิยายกลุ่มนี้มักมีบางอย่างที่ตรงตามความต้องการของเว็บ เช่นมียอดวิวเยอะและกำลังติดเหรียญขาย หรือมีสำนวน-เนื้อเรื่องที่ดีแต่ดันอยู่ในซอกหลืบ คือก่อนที่ดวงจะพาโอกาสมาให้มึงคว้า ระหว่างนั้นมึงก็ต้องพยายามเองก่อนด้วย เพราะถ้านิยายมึงกากเนื้อเรื่องหมาไม่แดกต่อให้ทีมงานมาอ่านเจอ เขาก็ไม่คิดจะเอาไปโปรโมต หรือเขียนนิยายไปยาวๆ แล้วยังไม่ติดเหรียญก็ไม่รู้ว่าจะช่วยส่งเสริมการขายไปทำไม
โอกาสมันมาแบบไม่เลือกเวลา เหมือนเรื่องร้านขายน้ำผลไม้ข้างบน ถ้าโรงแรมมาติดต่อว่าอยากได้ 100 ขวด แล้วร้านมึงจัดให้ 100 ขวดได้ตามต้องการ ทุกอย่างมันก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ปัญหาคือร้านที่อยู่ในเว็บส่วนมากมันทำไว้แค่ 20 ขวด พอให้ขายได้พ้นไปเป็นวันๆ จนเมื่อโอกาสมาถึงจริงๆ ก็คว้าไว้ไม่ได้เพราะไม่มีอะไรสำรองไว้ในมือเลย
อย่างสุดท้ายที่กูจะพูดถึงใน >>19 คือช่วงที่นิยายได้ขึ้นหน้าแนะนำ อย่าเล่นตัว มีของอะไรให้รีบปล่อยออกมาให้หมด สต็อคมีแค่ไหน จัดไปเลยวันละหลายๆ ตอน ในช่วงที่แสงกำลังส่องมาจนสายตาของคนอื่นจับจ้องมึงอยู่ เป็นจังหวะสำคัญสัสๆ ที่ควรจะขายของ มึงมีดีอะไร จุดเด่นเป็นแบบไหน รีบโฆษณาเลย พอแสงส่องมามึงต้องรีบฉายแสงต่อเพราะมันมาแค่ไม่นาน อย่าให้โอกาสต้องสูญเปล่า
>>31 เศร้าแต่ก็ต้องปลง เพราะตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องของคุณภาพวรรณกรรม แต่กลายเป็นธุรกิจไปแล้ววะ โลกไม่ได้สนว่าดีหรือไม่ แต่สนว่าขายออกหรือเปล่า แต่งแล้วมีคนอ่านไหม
>>33 ฟังดูเข้าท่า แต่อาหารถ้าผสมหลายอย่างมากไปกินแล้วขี้แตกนะมึง (ทำพวกเมนูฟิวชั่นก็พอมั่ง)
>>38 การลอกเลียนแบบคือรูปแบบพื้นฐานในการเรียนรู้ ตอนเราเรียนหนังสือเราก็ต้องอ่านแบบเรียน ศิลปะทุกแขนงสร้างสรรค์มาเป็นพันปีจนแทบจะไม่เหลืออะไรที่เป็นเป็น OG เหลืออีกต่อไป กูไม่ค่อยคิดมากถ้าใครจะลอกงานใคร แต่แบบที่มึงบอกมันก็ทุเรศเกิน อย่างน้อยก็ควรดัดแปลงให้เป็นแนวทางของตัวเองหน่อย สร้าง setting ที่มันเป็นของตัวเองบ้าง ขนาดคนวาดโจโจ้ยังยอมรับเลยว่าได้ รบดจ. มาจากหมัดเทพเจ้าดาวเหนือ ส่วนเรื่องดาวเหนือนี่ก็รับแนวคิดมาจาก Mad max อีกต่อ ใช้วัตถุดิบเดิมมันไม่ผิด แต่ใครจะเอาไปต่อยอดได้ดีกว่ากันต่างหากคือสิ่งที่ต้องเก็บไปคิด
>>39 อ่านแล้วขำ ภาพความเห็นติ่งเลียไข่นักเขียนลอยเข้ามาในหัวเลย
>>47 รายได้รวมเยอะเหี้ยๆ สูงที่สุดในประวัติศาสตร์หนังไทย (ประชด)
>>49 รออ่านในสับเดี๋ยวกูจะบอกใบ้ให้เป็นข้อๆ
มีจังหวะให้พักได้ 30 ชั่วโมงก็เลยนอน 6 ชั่วโมงแล้วหาอะไรทำหลายๆ อย่าง หนึ่งในนั้นก็คือแวะมาสับนิยายให้พวกมึงอ่าน (ถ้ามึงคิดว่าการด่านิยายคนอื่นคือการพักผ่อนแบบหนึ่ง) นิยายเรื่องนี้กูเห็นได้รับการแนะนำตรงหน้าเพจเด็กดวก พอเข้ามาแอบอ่านก็เจอพวกมึงพูดถึงเหมือนกันท้ายๆ มู้ที่แล้ว เราจะไม่พูดถึงเกี่ยวกับนักเขียนแต่เน้นไปที่เนื้อเรื่อง (เพราะเดี๋ยวจะมีพวกเหี้ยมาหาว่ากูเป็นพวก racist อีก) จากที่มีคนถามไว้ใน >>49 หลังจากที่กูสับนิยายแนะนำมาหลายรอบ กูจะบอกให้อ่านตามนี้ถ้าเป้าหมายของมึงคือการอยากให้หน้าเว็บเอานิยายไปแนะนำนะ
1) นิยายมึงต้องมีจำนวนตอนอย่างน้อย 50 ตอน (ในความยาวที่ไม่สั้นจนเกินไป)
2) ยอดวิวขั้นต่ำสูงกว่า 50,000
3) ยอดความเห็นสูงกว่า 500
4) ยอดผู้ติดตามสูงกว่า 2,000
5) มีการอัปเดตต่อเนื่องอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง (แต่ส่วนใหญ่เห็นอัปวันละตอนหรือวันเว้นวัน)
5) ***สำคัญเหี้ยๆ*** ต้องมีการติดเหรียญขายแล้วเกิดการขายแล้วในระดับหนึ่ง
ข้าจะเป็นหมอยา
https://writer.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=2277919
นิยายเหี้ยไรวะอยากจะเป็นหมอยเฉยเลย (พนักงานตบมุก : หมอยาครับไม่ใช่หมอย เห็นสระอามั้ยวะครับ) โอเคหมอยานี่เอง อะแล้วไงต่อ ถึงชื่อเรื่องจะธรรมดา แต่กูจะบอกว่ามันเป็นการตั้งชื่อแบบใช้กับดักทางความคิด ไม่ต่างกับนิยายเรื่องหมอยลดา หรือคุณหมอยศวิน โดยเฉพาะกับคนเหี้ยๆ (แบบมึงกับกู) ที่อ่านแล้วสามารถเก็ตมุกทะลึ่งตึงตังได้ทันใด แน่นอนว่านักอ่านบางส่วนอาจไม่คิดอะไรถ้าจิตใจไม่เหี้ยเท่าพวกเรา ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่มีผลในทางร้าย ถ้ามีคนเก็ตมุกก็เหมือนเกิด effect (+1) ถ้าอ่านแล้วไม่เก็ตก็ไม่เป็นไร (0) ในต่างประเทศเองก็มีการแอบใช้ subliminal message กันอย่างแพร่หลาย พอโดนจับได้ก็เจอโจมตีกันไป เช่นการแอบใส่คำว่า sex ใน texture ภาพพื้นหลังการ์ตูนเจ้าหญิงของดิสนีย์ กับอันที่อื้อฉาวกว่าคือยอดปราสาธในปกการ์ตูนเจ้าหญิงที่มีหอคอยอันนึงมีปลายเห็นเป็นหัวดอแบบถอกเรียบร้อย (ซึ่งไม่รู้ว่าคนวาดมันซ้อนแผนทำลายค่ายเองหรือเปล่า)
เรื่องทำนองนี้เป็นอะไรที่พื้นๆ มาก เหมือนเวลาคนถามว่าทำไมเรื่องเกี่ยวกับการเด้ากันถึงได้รับคำนิยมมากกว่า Love scene ในละครทำไมต้องใส่มา หนังผีเกรดบีของฝรั่งทำไมต้องโดนฆ่าระหว่างกำลังเยดกัน ถ้าให้ตอบแบบโง่ๆ เลยก็คือคนเรามันมีความขี้เงี่ยนแอบซ่อนอยู่ภายในทั้งแบบที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว พวกโปสเตอร์เหล้าเบียร์ก็มักจะมีนางแบบนุ่งน้อยห่มน้อยปรากฏอยู่ แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิด กูไม่ได้บอกให้พวกมึงแต่งนิยายที่มีแต่ฉากเยด เพราะมันจะกลายเป็นการเขียนเรื่องเสียวไปแทน คือในเนื้อเรื่องทั้งหมดก็อาจใส่ไปบ้างได้เป็นระยะ แล้วใส่แบบมีจุดประสงค์ด้วย ไม่ใช้เอะอะเดินชนกันหน้าพระเอกล้มทับกีแล้วนางเอกร้องอ๊างไรงี้นะ บางเรื่องใส่ฉากทำนองนี้เป็นฉากการถูกข่มขืน เพื่อให้ส่งผลต่อตัวละครประกอบ หรือตัวละครรองใน arc นั้นๆ ว่าจากเหตุการณ์นี้ทำให้เกิดอะไรขึ้นต่อบ้าง แล้วมันมาเกี่ยวกับพวกตัวละครหลักได้ยังไง ถ้าเป็นนิยายรักรอมคอมก็จะต้องใส่ฉากถูกเนื้อต้องตัวแบบจำใจมาบ้างพอกระชุ่มกระชวย ไม่งั้นแม่งน่าเบื่อแย่
อะไรวะ หลุดประเด็นจากชื่อเรื่องมาไกลเลย ถ้าไม่นับเรื่องการใช้คำว่า หมอย-า แล้วล่ะก็ กูว่าชื่อเรื่องธรรมดาไป อาจเป็นเพราะเห็นว่าชื่อเรื่องยาวๆ สไตล์ Light Novel มันเต็มเว็บไปหมดเลยอยากจะแตกต่าง ตั้งชื่อธรรมดาแบบสูงสุดคืนสู่สามัญแบบนี้แหล่ะดีแล้วก็เป็นได้
หน้าปกนักเขียนลงทุนจ้างนักวาดมาวาดให้ ลายเส้นโอเค การใช้สีก็ทำได้ดีเลย มีเทคนิคหน้าชัดหลังเบลอกับกุมารทองด้านหลังแถมมาให้อีกตัว font ที่ใช้กับชื่อเรื่องไปด้วยกันได้ ปกเรื่องนี้กูให้ผ่าน คำโปรยอ่านแล้วพอเข้าใจเนื้อเรื่องคร่าวๆ แต่อ่านแล้วติดๆ ขัดๆ เหมือนยังต้องเกลาอีกเยอะกว่าจะลื่น ถ้าอยากลองก็ไปอ่านกันดูเองใต้ชื่อเรื่อง ถามว่าดึงดูดใจไหม กูว่าไม่เลย เหมือนมึงขายเค้กแล้วมึงบอกแค่ว่าเค้กครับ อร่อยนะครับ แล้วไม่ได้บอกว่าใส่ครีมสด เนยแท้ มีสตรอเบอร์รี่เกรดเอลูกใหญ่กว่าหัวพ่อมึงแต่งหน้าเค้กด้วย ใช้ส่วนคำโปรยยังไม่คุ้มเท่าไหร่ Tag อันสุดท้ายนี่เป็นดาบสองคม เพราะคำว่าไม่ฮาเร็มมันทำได้ทั้งจัดการศัตรูและบาดคอมึงตายเองได้ในเวลาเดียวกัน ลองคิดกันเล่นๆ ว่าจำนวนคนอ่านเด็กชายวัยเบียวที่ชอบแนวเมียเยอะๆ ในเว็บมีอยู่เท่าไหร่ ถ้าเทียบกับพวกผัวเดียว-เมียเดียว
ปกรองเขียนเกี่ยวกับ setting ไว้นิดหน่อยว่า ปัจจุบันแพทย์แผนโบราณมันถูกด้อยค่าลงไป พระเอกของเราเลยจะทำให้มันโด่งดังขึ้นมาใหม่ ด้านล่างสุดมีแปะบทสัมภาษณ์จากหน้าเพจไว้ด้วย เผื่อมีคนอยากลองไปอ่านดู ก็เหมือนกันกับส่วนคำโปรย... ใช้งานได้ไม่คุ้มค่า
ตอนที่ 1 : ตอนที่1
โอเคนักเขียนเขียนแบบไม่มีชื่อตอน กับขนาดตัวอักษร 20pt แล้วเขียนแค่ 6,000 characters ถ้าหดลงมาให้เท่ากับขนาดมาตรฐานไฟล์ epub กูว่าจะให้ครบ 2 หน้ายังเกือบจะไม่รอด เอาไปเลยระดับความยาว : หมอยแมงเม่า คนที่จะซื้อนิยายเรื่องนี้ได้ต้องคิดให้ดีกับนิยายที่ตกหน้าละ 50 สตางค์แบบนี้ นิยายเรื่องนี้เล่าด้วย POV3 ส่วนเนื้อเรื่องก็... เปิดเรื่องมาด้วยการอธิบายว่ามีหมู่บ้านแห่งหนึ่งไกลเหี้ยๆ เวลาป่วยก็ต้องหาสมุนไพรแดกรักษากันเอง เพราะกว่าจะไปถึงเมืองก็มักจะตายห่ากันกลางทาง ปูนิลพาเด็กชายชื่อไอ้ไพรเข้าป้าหาสมุนไพร ไอ้ไพรบ่นว่าปูแม่งพากูเข้าป่าตลอด จนกูไม่สนิทกับเด็กในหมู่บ้านสักคน ไม่เห็นอยากจะเป็นเลยหมอยาเหี้ยไรเนี่ย เลยโดนปู่โบกหัวไป 1 ทีจนต้องหุบปาก หลังจากนั้นปู่ก็พูดถึงหน้าที่ของหมอว่าต้องรักษาคนป่วย ตกเย็นพอใกล้ค่ำเลยพากันขึ้นไปนอนบนนั่งร้านส่องสัตว์ของพวกพราน มีเสือสมิงในร่างหญิงสาวโผล่มาคุยกับปู่หลังไอ้ไพรหลับไปแล้ว สมิงเรียกปู่ว่าจอมไพรแล้วแจ้งข่าวว่ามีทหารบุกเข้ามาในป่า ปู่ก็รับทราบแล้วบอกอีสมิงให้กลับก่อน เดี๋ยวกูจะไปคุยกับพวกนั้นเอง
ตอนที่ 2 : ตอนที่ 2
เช้ามือวันถัดมา (เช้ามืดรึเปล่าวะ) ปู่นิลก็พาไอ้ไพรเดินทางต่อ เดินทางไปจนเจอกำลังทหาร 20 นายกับตัวหัวหน้า ปรากฏว่าหัวหน้าเป็นสหายเก่าของปู่ชื่อวี ก่อนจะคุยธุระปู่นิลใช้ให้ไอ้ไพรไปหาอะไรทำรอ เพื่อนปู่เลยบอกว่าไปนั่งคุยกับน้องมะขามหลานสาวกูก็ได้ พอเด็กๆ ออกไปแล้วสองเฒ่าก็พูดถึงเรื่องในอดีตที่ปู่นิลเคยถล่มกองพันของศัตรูตายห่าด้วยตัวเองในเวลาชั่วข้ามคืน (ปู่แม่ง OP นี่หว่า) สักพักปู่ก็ตัดเข้าเรื่องว่ามึงมาตามหากูทำไม ปู่วีทำหน้าเครียดๆ แล้วเล่าว่าไปมีปัญหากับกลุ่มอิทธิพลในเมืองหลวง ลูกๆ โดนจับตัวไปส่วนที่เหลือในบ้านถูกฆ่าตายเรียบ พวกนั้นบังคับให้ปู่วีขายกิจการให้ภายในเวลา 3 เดือน ตอนนี้ก็ผ่านมา 2 เดือนแล้วปู่วีเลยจะต้องทำอะไรสักอย่าง ก่อนจะไปลุยเลยเอาน้องมะขามมาฝากให้เพื่อนอย่างปู่นิลช่วยดูแล ปู่นิลได้ยินเลยทำนายชะตาให้เดี๋ยวนั้นเลยว่า ลูกๆ ของปู่วียังไม่ถึงฆาต แต่ครั้งนี้จะต้องระวังลูกน้องคนใกล้ตัวให้ดีๆ เดี๋ยวจะให้ item โกงๆ ไปติดตัวไว้ เวลาจะออกจากป่าก็ไปทางทิศนี้นะ ปู่วีบอกลาหลานสาว แล้วเก็บข้าวของเดินทางไปในทิศที่ปู่นิลบอก ขาเข้ามาเดินป่าตั้ง 3 อาทิตย์ แต่ตอนออกใช้เวลาแค่วันเดียวก็ออกมาได้ ปู่แกก็คิดในใจว่าเราเอาหลานมาฝากไว้ถูกคนแล้ว
ตอนที่ 3 : ตอนที่ 3
หลังจากนั้นปู่นิลก็ให้เด็กทั้งสองจับมือแล้วหลับตา ภายในเวลา 1 นาทีพอลืมตาขึ้นทุกคนก็มาถึงชายป่าใกล้หมู่บ้าน ไอ้เด็กไพรรู้ทันทีว่าปู่พาตัวเองกับมะขามวาร์ปมาแหงๆ เพราะตอนเดินป่าออกมาใช้เวลาตั้งหลายวัน ปู่รีบดักคอว่ายังไม่ต้องถามอะไร เดี๋ยวคืนนี้ค่อยคุยกัน น้องมะขามด้วยความที่เป็นเด็กเมืองกรุงก็เดินต่อไม่ไหว ไอ้ไพรเลยพาน้องขี่หลัง นักเขียนอธิบายว่าไอ้ไพรแบกน้องขามได้สบายแม้จะเป็นเด็กวัยเดียวกัน เพราะโดนปู่บังคับอาบน้ำสมุนไพรกับฝึกกล้ามเนื้อด้วยการเดินป่ามาตั้งแต่เด็ก (ตอนนี้มึงก็ยังเด็กอยู่นะ สรุปฝึกตั้งแต่ตอนไหนแล้ววะ) ตกกลางคืนปู่ก็เล่าเรื่องสำคัญให้เด็กชายไพรฟัง บอกว่าตระกูลเราเนี่ยเป็นแพทย์หลวงจากรุ่นสู่รุ่นมา 1,000 ปี แล้ว แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ต้องเลิกทำแล้วมาอยู่ในป่าที่นี่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเอ็งจะต้องเข้าพิธีฝึกการเป็นแพทย์หลวงเต็มตัว แช่น้ำว่าน ฝึกการต่อสู่ เรียนวิชาแพทย์ เรียนศาสตร์แห่งพราน บลาๆๆ ถ้าเทียบเป็นอนิเมะก็จะเป็น training arc ก่อนที่ไอ้ไพรจะเริ่ม OP เด็กไพรฟังแล้วก็เริ่มด้วยการลงชานเรือนไปออกกำลังกายศาสตร์ลับ 108 ท่า เพื่อเตรียมร่างกายตามที่ปู่บอก
ตอนที่ 4 : ตอนที่ 4
เช้ามาปู่นิลให้ไอ้ไพรไปตักนำด้วยคานหาบกับถังเหล็กขนาด 5 ลิตร 2 ถึง แต่ด้วยความที่เป็นเด็กทำไปไม่นานรอบที่ 3 ก็เดินไม่ไหวเลยโดนปู่ดีดหินใส่น่องจนต้องฝืนเดินต่อไป น้องขามเห็นก็สงสารไอ้ไพร แต่ปู่นิลห้ามไม่ให้เข้าไปช่วยเพราะนี่เป็นส่วนหนึ่งของการฝึก ถ้าอยากช่วยก็ให้ไปทำอาหารมาไว้ให้ไอ้ไพรกินแทน พอตักน้ำเสร็จปู่ก็พาไอ้ไพรไปแช่น้ำว่านสมุนไพรต่างๆ 108 ชนิด ซึ่งชื่อของว่านสมุนไพรพวกนี้กูเคยได้ยินมาบ้าง เช่นพวก หนุมานประสานกาย (ยางจากก้านใบใช้หยอดใส่แผลเปิดเพื่อเร่งการสมานได้) ขมิ้นขาวปัดตลอดแบบ 100 ปี (ซึ่งมีหลายรุ่นเช่น 10 หรือ 50 ปี ใช้ถอนพิษและอาการแสบคันเบื้องต้น) ในทางไสยศาสตร์ว่านพวกนี้ยังฤทธิ์ด้านอื่นๆ อีก ถ้าตามที่ปู่นิลเล่าไปในตอนที่แล้ว แปลว่าตระกูลแพทย์ลับของไอ้ไพร ไม่ได้ทำแค่การรักษาคน แต่ยังเรียนรู้เรื่องคุณไสยด้วย สรุปว่าปู่แกเตรียมความพร้อมให้ไอ้ไพรมาเป็นอย่างดี ว่านที่แช่อยู่ทุกวันก็มีผลทั้งเรื่องคงกระพัน มหาเสน่ห์ และเสริมพละกำลัง
ตกค่ำปู่พาไอ้นิลไปไหว้บรรพบุรุษเพื่อขออนุญาตเรียนวิชา ความรู้ที่ต้องเรียนก็มีมากมาย ทั้งเรียนจากคัมภีร์ใบลาน 100 เล่ม การค้นหาสมุนไพรป่า 10,000 ชนิด การออกกำลังกายลับ 108 ท่า และอื่นๆ พอไหว้รูปปั้นเสร็จจิตไอ้ไพรโดนดึงเข้ามิติลึกลับ พวกปู่ๆ ที่เป็นต้นแบบรูปปั้นพากันล้อมเข้ามาคุย บอกว่าเอ็งเป็นรุ่นที่ 99 ของตระกูล พอถึงรุ่นเอ็งชื่อเสียงของครอบครัวเราจะกลับมายิ่งใหญ่ พวกวิชาต่างๆ ก็เรียนไปได้เลย เดี๋ยวพวกเราจะแถมพลังจิตขั้นสูงให้ด้วย หลังจากกลับมาปู่นิลก็ตกใจเพราะพลังจิตของเด็กไพรมันเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน เลยพาตัวไอ้ไพรกลับบ้านก่อน
ตอนที่ 5 : ตอนที่ 5
พอไอ้ไพรฟื้นตอนเช้า ปู่นิลก็ถามว่าเป็นยังไงบ้างการไปพบบรรพบุรุษ ไอ้ไพรตกใจว่าปู่รู้ได้ไงแล้วก็เดาได้ว่าปูคงเคยเข้าไปในมิตินั้นเหมือนกัน ไอ้ไพรเล่าว่าบรรพบุรุษให้พลังจิตกับความรู้ด้านการแพทย์มา ศาสตร์อื่นๆ ก็ได้มาด้วยแต่ยังใช้ไม่ได้เพราะตบะยังไม่ถึงขั้น ปู่ได้ยินก็โล่งใจว่าแบบนี้ไอ้ไพรก็เทพซ่าเรียบร้อยเหลือแค่ต้องฝึกตบะกับหาประสบการณ์เพิ่มเท่านั้นเอง เวลาผ่านไป 1 เดือน ไอ้ไพรเก่งขึ้นทุกด้านจนปู่รู้สึกพอใจ ด้านปู่วีก็กลับมาหาหลานสาวแล้วคุยกับปู่นิลต่อ สรุปว่าปู่จะต้องออกไปทำธุระในเมืองหลวง ทิ้งให้ไอ้ไพรที่แช่น้ำว่านกับหนูมะขามที่เล่นตุ๊กตายืนงงอยู่ในหมู่บ้าน ขณะที่ปู่ทั้งสองคนเดินทางออกไปในชุดเครื่องแบบทหารเต็มยศ
การบรรยาย : สำนวนธรรมดาอ่านง่าย ไม่หนักไปในทางใดทางหนึ่งทั้ง show ทั้ง tell แต่รูปแบบการเล่ามันเน้นเอาเนื้อหาใส่ปากตัวละครพูดออกมาเยอะไปหน่อย เช่น "วิธีเข้าฝันคนอื่น ขั้นตอนแรกต้อง...(ยาวไปจนจบทุกขั้นตอน)" เขาอธิบายพร้อมทำท่าทางจริงจังไปด้วย ซึ่งมันเป็นการยัดเยียดข้อมูลผ่านตัวละคร กูไม่รู้ว่าควรติหรือเปล่า เพราะเรื่องความเชื่อไสยศาสตร์พวกนี้ถ้าไม่อธิบายให้ครบละมันจะฟังดูไม่ขลัง เอาเป็นว่าจะข้ามไปก็แล้วกัน เพราะถ้าเป็นคนสายมูฯ มาอ่านนิยายแนวนี้แล้วก็คงอ่านได้ไม่คิดมาก การดำเนินเรื่องกูว่ากราฟแม่งขึ้นๆ ลงๆ pacing แปลกดี เหตุการณ์สำคัญจะเล่าแค่คร่าวๆ แต่วิธีการฝึกหรือรายละเอียดสมุนไพร คาถาอาคม ไรพวกนี้จัดเต็มมากๆ ซึ่งอาจเป็นจุดเด่นของนิยายแฟนตาซีไทยแนวมูเตลูแบบนี้ ภายใน 5 ตอนแรก สาระสำคัญเหมือนให้กูดู training montage ของเด็กชายไพรว่าฝึกยังไงก่อนจะเริ่มเทพซ่า มันดีสำหรับคนชอบแนวคุณไสยลึกลับ แต่ถ้ามองให้กว้างขึ้นสำหรับนิยายทุกแนว ถือว่าเดินเรื่องช้าไปหน่อย
จบ 5 ตอน กูว่าปู่นิลกับปู่วีควรไปบวกกับพวกมาเฟียจบนานแล้ว สาเหตุสำคัญคือความยาวต่อตอนที่เหี้ยจัด ไม่ถึง 2 หน้าซักตอน แต่นักเขียนมันเก่งนะพยายามสรุปด้วยบทบรรยายให้คนอ่านตามทัน ทั้งๆ ที่ยัดเรื่องราวหลายส่วนใส่มาในความยาวแค่นี้ได้ บางจุดกูเลยรู้สึกเหมือนอ่านทรีตเมนต์ย่อของเนื้อหานิยายในตอนนั้นแทน ถ้าเป็นมะนาวนี่คือมะนาวหน้าแล้งที่โดนบีบแล้วบีบอีกจนมีน้ำออกมาได้ทั้งๆ ที่เปลือกแทบจะป่นเป็นผงแล้วอะ ละดูตรงท้ายตอนมันเขียนจำนวนตัวอักษรไว้ทุกตอน แรกๆ ยังดี มี 5-6,000 เจอตอน 5 เข้าไป เหลือ 3,098 เหมือนนิยายทำมือราคาหน้าละ 1 บาท (แต่ 1 บาทนี้ได้แค่ 1 ตอน)
ตัวละคร : ทุกตัวละครไม่มีเอกลักษณ์ชัดเจน ไอ้ลักษณะนิสัยตามอายุกูพอรู้สึกได้อยู่ แต่ voice ที่ทำให้รู้ว่าเป็นตัวละครนั้นๆ กลับไม่มีเลยสักนิด วิธีการพูดในบทสนทนาแทบจะไม่ต่างกัน บทบรรยายก็ไม่การพูดถึงภาษากายหรือการกระทำที่ไม่เหมือนใคร ถ้าในอนาคตมีตัวละครมาเพิ่มในกลุ่มแล้วยังเขียนบทสนทนาแบบนี้อยู่อีก นักอ่านจะมีปัญหาเรื่องการแยกตัวละครว่าใครเป็นคนพูด ต่อให้เขียนแบบ "ทำยังไงดี" เอถาม "ไม่รู้เหมือนกัน" บีตอบ ในฉากอื่นๆ ที่มีความชุลมุนแล้วต้องเล่าต่อเนื่องรับรองว่าต้องอ่านแล้วงงแน่นอน การแก้ไข่นั้นทำได้ไม่ยาก แค่ใส่วิธีการพูดหรือคำติดปากเข้าไป ไม่ก็ใช้ความล้นหรือความห้วนก็ได้ บางตัวละครอาจเป็นคนพูดน้อยถามคำตอบคำ บางตัวอาจถามนิดเดียวมึงพูดเหี้ยอะไรตอบมาเยอะแยะ หรือใช้ภาษากายประกอบในบทบรรยายเช่นชอบพูดแบบไม่มองหน้า พูดจบละเสยผม ใช้คำหยาบในประโยค ถ้าเป็นในมังงะหรือเมะก็จะเจอพวกที่พูดแล้วลงท้ายด้วย เดส นาโนะ โกซารุ(ขอรับ) เป็นแบบอย่างหนึ่งที่พบได้อยู่บ่อยครั้ง การสร้างตัวละคร plain แบบนี้ไม่ผิดอะไรตราบใดที่มึงเล่าเรื่องได้เข้าใจ แต่ตัวละครมันจะไม่เป็นที่น่าจดจำ หรือถูกจินตนาการเป็น stickman พูดได้แบบที่แยกเพศด้วยการเติมหำ-เติมนม
เนื้อเรื่อง : สายไสยศาสตร์ไทยเต็มตัว พออ่านไปนานๆ พบว่าหมอยาในชื่อเรื่องควรถูกเปลี่ยนเป็นหมอผีมากกว่า หมอยาจริงๆ เขาก็ศึกษาทางยาไปเลย แต่ที่ไอ้ไพรทำอยู่คือการเรียนไสยเวทโดยมีเรื่องสมุนไพรและว่านทรงฤทธิ์มาเป็นส่วนประกอบ เรียนทั้งการแพทย์ การเป็นพราน และการใช้คุณไสยแบบนี้ มันไม่เรียกว่าเป็นหมอธรรมดาแล้ว ไอเดียไม่ได้แปลกใหม่อะไร แต่เน้นไปที่การนำเอาคติความเชื่อไทยๆ มาสร้างเป็น power fantasy เดินเรื่องด้วยตัวเองที่เก่งเทพ OP จากเวทมนตร์คาถาและการรักษาแบบสารพัดประโยชน์ของสมุนไพรที่แทบจะหาไม่ได้ในชีวิตจริง เจ้าของเรื่องทำการบ้านมาดีสำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับของอาถรรพ์และสมุนไพรต่างๆ
จุดเด่น : เล่าเรื่องได้ลื่นไหล เน้นขายของสายมูเตลูอย่าชัดเจน หาข้อมูลมาดีอ่านแล้วรู้สึกว่าแม่งรู้จริงด้านไสยศาสตร์ การล่าสัตว์ และสมุนไพรโบราณ เท่าที่อ่านมา 5 ตอน ไม่เจอพล็อตโฮล (หรืออาจเพราะสั้นเกินไปเลยยังไม่เจอ) ใช้ความยาวตอนที่สั้นใส่ข้อมูลมาได้เยอะ อาจถูกใจพวกชอบดูสปอยหนังเป็นพิเศษ เพราะแม่งสรุปมาให้กูเหมือนโดนครูบังคับเขียนย่อความจากหนังสือเล่มอื่นอีกที หน้าปกนอกอยู่ในระดับสูงกว่ามาตรฐานเทียบกับนิยายในเว็บเดียวกัน
จุดด้อย : บทบรรยายอ่านแล้วสะดุดเหมือนกับคำโปรย แต่กูแก้เองในหัวได้เลยไม่มีปัญหาเท่าไหร่ ส่วนคนอื่นก็แล้วแต่เวรแต่กรรม ใช้คำโปรยและปกรองได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เนื้อหาต่อตอนสั้นเกินไปจนดูเหมือนเอาเปรียบผู้บริโภค ขนาดกูอ่านฟรียังรู้สึกไม่พอเลย
คะแนน : แช่น้ำว่านสมุนไพร/10
ความเห็นส่วนตัว : บักสัสเอ๊ย ทำเอาคำแนะนำของกูข้อแรกเป็นหมันเลย ที่บอกว่าถ้าอยากขึ้นแบนเนอร์ความยาวต่อตอนต้องไม่สั้นเกินไป แล้วดูเรื่องเหี้ยนี่สั้นเหี้ยๆ ยาวกว่าระดับหมอยมดไปขั้นเดียว จนกูต้องเปลี่ยนสมมุติฐานใหม่ว่า เนื้อหาอาจไม่ต้องยาวก็ได้แค่มึงขายออกก็พอ บางทีพี่เว็บน่าจะรู้สึกว่าเรื่องนี้มันเด่นในฌองของมัน เป็นตัวเลือกให้พวกนักอ่านที่ชอบเรื่องราวไสยศาสตร์ตามมาซื้อได้ เลยเลือกเรื่องนี้ขึ้นมาโปรโมตเหมือนนิยายย้อนเวลาไปยุคอยุธยาคราวที่แล้ว (ช่วงนี้เน้นแฟนตาซีไทยกันแบบแปลกๆ นะ) ตอนสั้นแต่ยัดข้อมูลมาเยอะแล้วเล่าความคืบหน้าแค่พอเข้าใจ เช่น ปู่พาไพรเข้าป่า-คุยเรื่องสมุนไพร-ปีนนั่งร้านหาที่นอน-สมิงมาบอกเรื่องทหาร <<< แบบนี้อะ 1 ตอนของมัน ด้วยความที่สั้นเกินเลยบอกเราแค่ what's going on ในแต่ละตอนแต่เสือกอธิบายสมุนไพรยาวเหยียด หวังว่าจะไม่มีใครทะลึ่งไปหาว่านมาแช่น้ำอาบจริงๆ (แต่ก็เห็นเขียนเตือนไว้ตรงหน้าปกแล้วนี่ว่า เป็นเรื่องแต่งไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์จริง)
เออ... ก่อนจากของฝากอะไรไว้หน่อย
พอดีกูแวะไปดูนิยายอีกเรื่องของเจ้าของเดียวกัน ตอนแรกว่าจะลองอ่านเล่นๆ เจอชื่อเรื่องกับระดับพลังแบบจีนบน setting ยุคกลางเข้าไปเลยถอยดีกว่า
https://writer.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1741500
(แล้วรูปปกนี่คืออิหยังวะคะ)
ช่วงนี้กูลองพิมพ์ตามนิยายฝั่งจีน เกาหลี ญี่ปุ่น พวกงานลงเว็ปนี่ตอนนึงความยาวเฉลี่ยอยู่ราวๆ 900 คำ หรือ 4000 ตัวอักษรเอง
กูว่ามันน่าจะเป็นมาตรฐานใหม่ที่เหมาะกับการเลื่อนไถอ่านผ่านมือถือแล้วแหละ กูเองก็เริ่มปรับตัวเขียนแบบนั้นแล้วเหมือนกัน
คืนนี้อยากวิจารณ์นิยายแฟนตาซีเพื่อลับฝีมือ ใครมีเรื่องไหนมาเสนอแปะไว้ได้เลย จะเลือกมา 1 เรื่อง ขอไม่เกิน 20 ตอน เด็กดีเท่านั้น
>>73 เอ้านี่ ลองสุ่ม ๆ ดู
https://www.dek-d.com/board/writer/4053990/46/0
แต่ถ้าถามกู ที่ดูน่าสับมีความเห็น 6 ที่แม่งดูพูดอะไรยืดยาว แหวกจากเม้นอื่นที่แม่งจะขายของท่าเดียว (ไม่ต้องหาว่ากูเป็นม้านะสัส)
>>78 ขำว่ะ 555 เรื่องพวกนี้อย่างกับเป็นคำสาปของห้องเว็บโนเวลเลย
ถ้าเอานิยายมาให้คนอื่นสับ = โดนหาว่าเป็นหน้าม้าเชียร์เพื่อน
ถ้าเอานิยายมาสับเองแล้วชม = โดนหาว่าเอานิยายตัวเองมาอวย
ถ้าเอานิยายมาสับแล้วด่า = โดนหาว่าไม่เป็นกลาง เลือกปฏิบัติ อคติกับนักเขียน
ถ้าเอานิยายมาสับแล้วอ่านยาก = โดนหาว่ากากสับไม่เป็น มีความพยายามแต่ก็ยังอ่อนหัด
ถ้าเอานิยายห่วยๆ มาเผยแพร่ = โดนหาว่าพยายาม Sabotage สมองพวกเดียวกัน
ถ้าเอานิยายดีๆ มาแจก = โดนหาว่าโชว์เหนือ อวดเก่ง ดูถูกรสนิยมคนอื่น
สรุปคืออยากทำเหี้ยอะไรก็ทำไปเหอะ คนชอบ, คนที่เข้าใจ มันก็มี พวกขี้หมั่นไส้ เน้นด่าไว้ก่อน มันก็มาก ในโม่งมันก็เป็นงี้แหล่ะ เก็บมาคิดมากเดี๋ยวปวดหัวเองนะมึง ยิ่งร้อนตัวแบบนี้ก็ยิ่งมีคนอยากแซวหรืออยากใส่ไฟ เพราะในโม่งแม่งจริงๆ แล้วไม่มีอะไรแค่โรคจิตชอบดูคน suffer เฉยๆ
ขอแทรกแปป ช่วงนี้ ดด. มีปัญหาหรือเปล่าอะ อัพแล้วบางทีไม่ขึ้นตอนใหม่ แถมคนอ่านก็ลดลง
>>87 นักเขียนบางทีมันก็เหงา นั่งเขียนงาน เขียนไม่ออก หาข้อมูล มันก็อยากจะฟังว่ากลุ่มนักเขียนคนอื่นมีความเห็นยังไง คิดเห็นยังไง บอร์ดเด็กดีแมร่งมีแต่พวกเด็กกากๆ บางพวกก็จิตตก เอาง่ายๆอ่านแล้วไม่ได้อะไร บางทีพิมพ์แนะนำตรงๆทัวลงอีก เข้าโม่งมาส่องเล่น ดูด้วยว่าผลงานตัวเองมีถูกสับไหม สับเละยังไง ฆ่าเวลาไปเรื่อย
ออ อีกเรื่อง นักเขียนนิยายมันก็มีความโรคจิตของมัน มีคู่แข่ง บางทีมันก็อยากจะบ่น อยากจะด่าผลงานคนอื่น อยากเห็นผลงานคนอื่นโดนติ มันมีอารมณ์แบบนี้ โม่งคือคำตอบ แต่ก็ไม่เคยด่าผลงานคนอื่นหรือสับผลงานคนอื่นเสียๆหายๆนะ กูแค่เข้ามาอ่านขำๆ นักเขียน ยิ่งมึงดัง ยิ่งผลงานมึงคนอ่านเยอะ มึงก็จะยิ่งเครียด ยิ่งกดดัน เพราะนักอ่านจะคาดหวังงานจากมึง
กูไม่เชื่อออออ พวกมึงฝันว่ะ รีบตื่นด่วน ถ้ามึงเก่งจริง เป็นนักเขียนหลักล้านจริง คงมีเคล็ดลับดีๆ มาแชร์ในโม่ง ทุกวันนี้กูอ่านโม่ง เจอแต่ความโง่งม ไม่เห็นความเก่งกาจหรือบารมีนักเขียนหลักล้านที่แผ่ออกมาจากตัวพวกมึงเลย หรือต่อให้พวกมึงเป็นนักเขียนหลักล้านจริง กูว่าฟลุ๊คว่ะ ฟลุ๊คล้วนๆ ดังเพราะโชคช่วย กูไม่อยากเชื่ออ่ะ มันไม่ใช่ พวกมึงมันไม่มีออร่าว่ะ
ถ้าโม่งมีเทพเยอะขนาดนี้จริง ต่อให้พวกมึงไม่ตั้งใจแชร์ความรู้ แต่สำนวนการคุย มันต้องมีบารมีแผ่ออกมาบ้างว่ะ แบบเฮ้ย คนนี้ของจริง แต่นี่อะไร ดูยังไงก็นักเขียนเพ้อฝัน แบบนิยายไม่มีใครอ่าน เข้ามาเพ้อในโม่ง หลอกตัวเองว่าประสบความสำเร็จ ทั้งที่นิยายคนอ่านหลักสิบ แบบนี้ไม่ไหวๆ
>>92 >>93 ระวังเจอพวกโดนแทงใจดำออกมาดิ้นขออ่านนิยายมึงบ้างนะ (ถ้ามึงไม่ใช่นักเขียนก็แล้วไป) เอาตรงๆ คือตอนนี้คนเล่นโม่งห้องเด็กดวกมันน้อยลงมากถึงจะก่อเกรียนไปก็ตีกันไม่นานหรืออาจไม่มีคนออกมาเล่นด้วย ส่วนเรื่องเทพไม่เทพนี่ไม่รู้เหมือนกัน อาจเป็นแบบที่มึงบอก เพราะส่วนใหญ่พวกที่ดังมากมันไม่ค่อยมีเวลา ต้องคอยเขียนให้ทันขายตลอด ยกเว้นจะเป็นพวกติดงาน,ดองนิยาย ถึงจะแอบมาเล่นในนี้ได้
>>92 กูเขียนจุดประสงค์ที่กูเข้ามาชัดเจนไปแล้ว นักเขียนคนอื่นๆที่เก่งๆมันก็เข้ามาในจุดประสงค์เดียวกัน ส่วนเรื่องแนะนำให้ความรู้พวกมึง มันก็เหมือนกับการโปรดสัตว์อะ อารมณ์ดีกูก็โปรด อารมณ์ไม่ดีกูก็อ่าน หัวเราะ แล้วสมเพช บางเรื่องพวกมึงก็เหมือนบัวใต้น้ำ เวิ่นเว้อ ไม่ได้มองความจริง เอาง่ายๆให้พูดตรงๆก็พวกขี้แพ้เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ แล้วเอาจริงๆ มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยนะที่กูจะต้องมาแนะนำให้คนอื่นขึ้นมาเป็นคู่แข่งกูน่ะ นอกจากช่วงอารมณ์ดีอย่างโปรดสัตว์ แค่นั้นจริงๆ อาจจะแรงไป ก็ดูอย่างตอนนี้สิ ขนาดกูแสดงตัวออกมาบอกมึงชัดๆ คนที่มีดุดมการณ์แบบกูแสดงตัวออกมา มึงก็ยังไม่เชื่อ ดังนั้นต่อให้แนะนำวิธีการมึงไป มึงก็ไม่รู้จะเชื่อหรือเปล่า จะทำไปทำไม
นิยายกูเขียนมาหลายเรื่อง ทุกเรื่องก็วิวหลักหลายแสนหมดนะ หลักล้านก็มีไม่ใช่แค่เรื่องเดียว [นับแค่เว็บเดียว] ถ้านับเว็บอื่นรวมด้วยเนี่ย หลักล้านมันก็ไม่ได้ยากเลย มันมีวิธีการ มีสูตรสำเร็จ ก็แค่ถ้าสกิลการเขียนมึงไม่กาก ไม่ขี้เกียจ หรือแต่งเรื่องเพ้อเจ้อจนเกินไป มันก็สำเร็จได้ไม่อยากหรอก
>>93 อีกอย่าง การเข้ามาส่องโม่ง หรือตอบโม่ง มันไม่ได้เปลืองเวลาชีวิตอะไรขนาดนั้น มึงว่าไอ้พวกนักเขียนที่มันดังๆต้องปั่นงานกันเนี่ย มันปั่นงานทั้งวันทั้งคืน? เพ้อเจ้อ มันก็มีดูหนังฟังเพลง อ่านนิยายคนอื่น ใช้ชีวิตปกตินั่นแหละ แล้วทำไมแค่เข้ามาส่องโม่งเนี่ย มันจะทำไม่ได้? บางคนที่เข้ามา ผลงานมันก็มีเคยโดนพวกมึงสับไปแล้วด้วยซ้ำ แค่มันไม่ได้แสดงตัว หรือมึงไม่รู้ว่ามันเข้ามาอ่าน โม่งใครจะเข้ามาส่องก็ได้นี่ แล้วทำไมมึงถึงคิดว่าคนเก่งๆมันจะไม่เข้ามากันวะ? บางอารมณ์นักเขียนมันก็อยากจะถูกด่างาน อยากจะอ่านคำติของคนอื่นเหมือนกัน กูก็บอกได้แค่นี้
กูขอหายเข้ากลีบหีหมากลับดาวหมาน้อยเหมือนเดิมนะ บาย
โม่ง... โม่ง never changes จริงๆ
ว่างทีไรใส่กันเองตลอด
มืออาชีพบางคนไม่ว่างจะอวดชาวบ้านกันหรอก รายได้ก็ไม่อวด ยกเว้นมีคนจะขอสัมภาษณ์
อย่าให้อาหารโทรลสิสู ป่านนี้มันไปนั่งขำคิกคักละทำให้ออกมาดิ้นได้งี้ กูเจหลายห้องละจะมีโทรลมาปั่นประมาณนี้พล่ามไรโง่ๆให้คนมาตอบมาดิ้นตาม
รอเรื่องใหม่คงหลังสงกรานต์
เด็กวัด สร้างตำนานลุยโลกแฟนตาซี
https://writer.dek-d.com/snoopy147/writer/view.php?id=1772080
ชื่อเรื่องแม่งคุ้นๆ ใช่ไหม ไม่ได้คิดไปเองแน่นอนเพราะเรื่องนี้คือเจ้าของเดียวกับเรื่อง "สุดยอดพ่อบ้าน HERO กู้โลก " นามปากกา "สองดาวจุด" นั่นเอง เงงๆๆ พอเห็นนามปากกาก็นึกขึ้นได้ว่าเป็นหนึ่งในซีรีส์นักเขียนได้รับการโปรโมตหน้าเพจ แม่ง... ขอเวลาทำใจหน่อย เห็นจำนวนตอนเยอะๆ กับความเห็นนักอ่านที่บอกว่าเมื่อไหร่จะจบหรือเมื่อไหร่จะกลับมาแต่งต่อแล้วกูใจคอไม่ดี ขอร้องล่ะ อย่าเป็นแนวเทพซ่าวนลูปเลยนะ สกิมดูคร่าวๆ เพราะเห็นว่าตอนมันสั้นปรากฏว่าเกลียดอะไรก็ได้อย่างนั้นอีกแล้ว ต่างโลกเทพซ่าลมปราณและการไปเกิดในตระกูลขุนนางฝรั่งตามเคย ไอ้แย่เม็ด
ปกนอกเหมือนทำขึ้นง่ายๆ ด้วยภาพจากเว็บแจกภาพฟรีเอามาใส่ชื่อเรื่องด้านบนกับผู้แต่งด้านล่าง มีความใช้ภาพคนในผ้าคลุมหันหลังมองไปยังปราสาทที่อยู่ไกลลิบ เจ้าของเรื่องอาจอยากได้ปกสไตล์ลึกลับหน่อย เพราะหน้าปกเวอร์ชั่นที่เอาไปลงไว้ในฟิคล็อคกับธัญฯ ก็เป็นรูปตัวละครเอกหันหลังให้คนดูเหมือนกัน (เปลี่ยนแค่ BG ที่กลายเป็นภาพน้ำตกกลางป่า) คงไม่ขอพูดอะไรมากนอกจากปกกับชื่อเรื่องดูไม่มีความเกี่ยวข้องกัน และไม่สร้างแรงดึงดูดให้อยากอ่านเท่าไหร่ แต่กูพอเดาได้ว่าคนที่เข้ามาอ่านส่วนใหญ่เห็นคำว่าเด็กวัดแล้วมันสะดุดตา ก็เก็บไว้ใช้เป็นตัวอย่างวิธีตั้งชื่อก็แล้วกัน เพราะคำที่มันโผล่มาไม่บ่อยมักโดดเด่นและจำได้ง่ายกว่าคำโหลๆ แต่อย่าให้ถึงขั้น "ระบบเด่นชัย" แบบคราวก่อนก็แล้วกัน
คำโปรยสไตล์เล่าเรื่องย่อ ตัวเอกตายห่า พระเจ้าให้โอกาสไปเกิดใหม่แล้วพัฒนาบ้านเมือง อืม... ข้ามแม่ง ไม่ต่างอะไรกับเรื่องข้างบนเลย ใน Tag 4 อันกูมาสะดุดกับคำว่าเวทย์มนต์ เคยสอนกันมาตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนน่าจะสัก 100 รอบ งั้นเอาอีกสักรอบคงไม่เป็นไร ว่าคำๆ นี้ที่ถูกต้องคือ "เวทมนตร์" ความหมายของ มนต์ กับ มนตร์ คืออันเดียวกันแค่มันเป็นบาลีกับสันสกฤต และมนต์มักใช้ในบทสวดของพุทธ สำหรับศาสนาอื่นหรือคาถาอาคมจะใช้มนตร์เป็นหลักโดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวกับศาสตร์มืดเช่น มนตร์ดำ ถ้าหลวงพี่แถวบ้านไม่เคยตะโกนกลางงานบุญว่า "กิก้าแฟลร์!" "ไลท์นิ่งโบลต์!" หรือ "ไฟเออร์บอล!" ก็แปลว่าถูกแล้ว เพราะชื่อพวกนี้เป็นเวทมนตร์ ส่วนบทสวดที่พระสวดมันเป็นพระพุทธมนต์
ถ้าแยกเวทกับเวทย์ไม่ออกก็ให้นึกถึงคำว่าวิทย์กับเวท เพราะวิทยาศาสตร์กับเรื่องเหนือธรรมชาติอย่างเวทมนตร์ มันอยู่ตรงกันข้าม ดังนั้นเวทจะมี ย์ เหมือนกับวิทย์ไม่ได้ ส่วนมนต์กับมนตร์ก็แยกเป็นพระกับหมอผี อันนึงต้องสวดมนต์อันนึงใช้มนตร์ดำ อะ จบการสอนครั้งที่ 101 ไว้เพียงเท่านี้
ปกรองมีแจ้งข่าวเรื่องการเอาไปลงที่เว็บอื่น คำขู่เกี่ยวกับกฏหมายทรัพย์สินทางปัญญา นิสัยใจคอกับความเก่งของพระเอกที่เทพทรูนิดๆ (จริงหราาา) และแผนที่วาดเองด้วยโปรแกรม Paint เห็นแล้วรู้สึกว่าไม่ต้องมียังจะดีเสียกว่า เพราะเดี๋ยวนี้เค้าใช้ Inkarnate ทำกันหมดแล้วนะรู้ยัง?
บทที่ 1 บทนำ
เล่าเรื่องด้วย POV 1 ว่า ผม "เมฆา รักษ์กำเนิด" หรือ "น้องเมฆ" เกิดมากำพร้าอาศัยอยู่ในวัดจนเปลี่ยนอาชีพเป็นเด็กวัดไปโดยปริยาย นอกจากจะเรียนหนังสือกับพระแล้ว พระยังสอนวิธีรำดาบอาธมาฏให้ด้วย เรียนดาบเสร็จก็ไปเรียนมวยต่อ ด้วยความชำนาญของนักเขียนและการจัด pacing ขั้นเทพ อยู่ดีๆ หลังไอ้เมฆสวดมนต์ก่อนนอนจบ คำว่า "ปัจจุบัน"(ตัวหนา) ก็ปรากฏขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยพร้อมการ time skip 10 ปีรวด จากไอ้เมฆเด็กโปกกลายเป็นนายเมฆอายุ 18 ปีที่กำลังจะขึ้นรถเมล์ไปเที่ยวห้าง ระหว่างที่รอรถอยู่เกิดการวิ่งราวทรัพย์ ไอ้เมฆเห็นโจรวิ่งผ่านมาเลยใช้วิชามวยเตะก้านคอเข้าให้ พี่โจรเซเพราะเมาตีนจนไถลออกไปยืนบนถนน ด้วยความประเสริฐของพระเอกเห็นอย่างนั้นก็กลัวว่าพี่โจรจะโดนรถชนตาย เลยรีบวิ่งไปคว้าเสื้อกระชากพี่แกกลับเข้ามา แต่เรื่องกลายเป็นว่าไอ้เมฆของเราดันลื่นแอ่งน้ำบนฟุตพาธล้มลงไปบนถนนแทน ประกอบกับรถเมล์สาย 8 ขับมาถึงป้ายด้วยความเร็วสูงพอดี เลยมีการ Isekai เกิดขึ้นหลังโดนรถทับจนหัวเละ
คือ... กูพยายามขยายความให้มันดูยาวแล้ว เพราะเนื้อหาจริงๆ ในตอนมันสั้นกว่าเรื่องก่อนหน้านี้อีก จัดได้ว่าอยู่ในเขตหมอยมดอีกนิดเดียวจะไปถึงหมอยเต่าทอง ได้แต่หวังว่าเพราะมันเป็นบทนำหรือเปล่าวะ มันถึงได้สั้นขนาดนี้
บทที่ 2 ภารกิจจากลุง
วิญญาณไอ้เมฆไปโผล่ในพื้นที่ประหลาดที่นักเขียนไม่ได้บอกว่าประหลาดยังไง รู้แค่มีประตูสลักลวดลายงดงามไว้ เปิดประตูไม่ออกเลยยืนรออยู่ชั่วโมงหนึ่ง ก่อนที่ตาลุงผมทองจะเปิดประตูออกมาคุยด้วย ลุงบอกว่าที่นี่เป็นช่องว่าระหว่างมิติ เอาไว้ตัดสินว่าใครจะต้องไปนรกหรือสวรรค์ แต่มึงไม่ต้องไปทั้งคู่เพราะกำลังจะโดนกูส่งไปเกิดต่างโลกที่มีทั้งเวทย์มนต์ ลมปราณ และพลังจิต คนในโลกนั้นรู้จักแค่เวทย์มนต์ (ขัดใจเหี้ยๆ แต่ก็ต้องเขียนตามมัน) มึงมีหน้าที่ไปเผยแพร่ข้อมูลว่ายังมีปราณกับพลังจิตอยู่อีกด้วย แล้วไอ้ 2 อย่างนี้มึงก็มีอยู่ในตัวอยู่แล้วจากการเรียนวิชาดาบกับเรียนต่อยมวย (ห๊ะ มึงว่าอะไรนะ) ยังไม่ทันได้ถามอะไรต่อ ลุงก็ต่อยหน้าไอ้เมฆจนวูบ ได้สติอีกทีก็คือตอนกำลังไหลออกมาจากกีคุณแม่ คือจำอะไรได้หมดแต่พูดไม่ได้เพราะอยู่ในร่างเด็กทารก พ่อใหม่ตั้งชื่อไอ้เมฆว่า "คลาวด์" เออ... แปลว่าก้อนเมฆพอดี ละชื่อนี้ก็โหลสัสๆ เลยนะ สำหรับ Genre นี้ ไอ้ประเภทอิเซไคมาเกิดใหม่ในตระกูลขุนนางแต่มีลมปราณระดับพลังแบบจีนเนี่ย พวกมึงอ่านเดวาวิซาร์ดกับนิยายของไอ้ตุ๋นกบแล้วเอามาเขียนบ้างกันทุกคนเลยหรือไง ทำไมพระเอกแม่งชอบชื่อคลาวด์วะ
บทที่ 3 ฝึกอ่านหนังสือกับท่านแม่
ไอ้คลาวด์อวดว่าชาตินี้พี่โคตรเทพ ฉลาดเกินวัยทั้งเรื่องการอ่านเขียนและการเดินที่เร็วกว่าเด็กคนอื่นตั้ง 2 ปี แต่ยังไม่รู้ภาษาของโลกนี้เท่าไหร่นัก เลยไปขออ่านหนังสือกับแม่ แม่ก็จัดให้ลูกชายด้วยการอ่านนิยาย BL ต่างโลกให้ฟัง พี่คล้าวบอกกูแม่งพลาดแล้ว สุดท้ายเลยต้องนั่งฟังบทรักดูดปากเด้าตูดของเหล่ายอดชายไปหนึ่งชั่วโมงเต็ม พอได้จังหวะเลยหนีด้วยการอ้างว่าจะไปเจอพ่อ พ่อก็งานยุ่งต้องทำบัญชีส่งเมืองหลวง ดูจากตัวเลขคร่าวๆ ก็เห็นว่าเมืองที่พ่อดูแลอยู่ประชาชนรายได้ไม่ค่อยดีนัก แล้วจบตอนไปดื้อๆ
บทที่ 4 วันวานของนาเดียร์&เอริก
เปลี่ยนมาเล่าเกี่ยวกับพ่อและแม่ของพี่คล้าวด้วย POV 1 ของแต่ละคนในรูปแบบ
ข้าชื่อ...(ชื่อแม่)
(ความหลังก่อนมีพี่คล้าว)
ข้าชื่อ...(ชื่อพ่อ)
(ความหลังก่อนมีพี่คล้าว)
จบตอนที่น่าจะยาวแค่ 1,500 ตัวอักษร
บทที่ 5 เริ่มวางแผนพัฒนา
เนื้อหา 2 ใน 3 ส่วนแรกของตอนเป็นพี่คล้าวขอไปเที่ยวชายทะเลกับพ่อ พบว่าการประมงแม่งล้าหลังมากๆ อาหารก็มีแต่ขนมปังและกับข้าวรสชาติจืดชืด พี่คล้าวเกิดความคิดดีๆ ว่าอยากทำเครื่องปรุงรสขึ้นมา เลยขอให้เด็กรับใช้ปืนขึ้นไปตัดช่อดอกมะพร้าวละเอากระบอกเหล็กไปรองไว้ พอได้น้ำหวานมาเต็มกระบอก ก็ขอให้พี่ชายคนเดิมไปกรอกน้ำทะเลใส่กระบอกมาให้ด้วยอีกสัก 2-3 กระบอก พร้อมกับอธิบายในความคิดว่าจำวิธีทำน้ำตาลมะพร้าวมาจากการไปเที่ยวสมุทรสงครามกับหลวงพี่ในวัด ส่วนเกลือก็ใช้น้ำทะเลทำเอาแต่อาจต้องรอถึง 2 สัปดาห์กว่าจะกลายเป็นเกลือ (โลกนี้มันมีวิธีการต้มอยู่นะพี่คล้าว) อีกอย่างที่ต้องพูดคือปริมาณน้ำหวานที่ใช้ก่อนจะเคี่ยวจนกลายเป็นน้ำตาลปี๊บ ขนาดน้ำหวานเต็มกระทะโรงทานยังเคี่ยวแล้วได้น้ำตาลแค่ 5 ถ้วยตวง น้ำหวานกระบอกเดียวของพี่คล้าวจะได้น้ำตาลสักเท่าไหร่กันเชียว แต่ก็ช่างแม่ง บางทีน้ำหวานต่างโลกอาจเข้มข้นกว่า หรือมีความหนาแน่นมากกว่าจนได้น้ำตาลออกมาเยอะก็ได้
เนื้อหาอีก 1 ส่วนที่เหลือเป็นการเล่าของพ่อพี่คล้าวผ่านการตัดฉากด้วยคำว่า "มุมมองเอริก"(ตัวหนา) เกี่ยวกับการเดินทางมาเมืองชายทะเลครั้งนี้ แล้วก็ไม่มี cliff hanger เหมือนเคยแถมตอนยังสั้นอีกด้วย
การบรรยาย : เล่ารู้เรื่องแต่ติดกวนและหนักไปทาง tell พยายามจะให้ดูฮาแต่มุกแม่งแป๊กเหี้ยๆ อ่านแล้วนึกถึงการแทรกความเห็นของนักเขียนเข้าไปในบทบรรยาย คล้ายๆ ที่พวกนักเขียนสาวของค่ายแจ่มเสียวชอบทำกัน จนไม่สามารถสัมผัสถึงความเป็นยุคกลางผ่านตัวละครเอกได้ แต่ความรู้สึกพวกนี้ดันชัดเจนขึ้นเมื่อถึงบทเล่าเรื่องของพ่อกับแม่ที่เขียนด้วยตัวเอียง อาจเป็นเพราะสองคนนี้เป็นคนต่างโลกจริงๆ ส่วนพี่คล้าวใส้ในยังคงเป็นเด็กวัด บทสนทนาทำได้ปานกลาง อ่านแล้วแยกได้ว่าใครเป็นใคร มีเรื่องเดียวที่รู้สึกแปลกๆ คือพี่คล้าวแกเทพเร็วเกิน 3 ขวบก็เริ่มติดตามพ่อไปคิดแผนพัฒนาแล้ว น่าจะให้อายุเยอะกว่านี้อีกสักหน่อย ขืนไปทั้งๆ ที่อายุแค่นี้เดี๋ยวแม่งป่วยตายกันพอดี แต่ก็ช่างแม่งแล้วกัน นิยายแฟนตาซีอะไรก็เป็นไปได้หมดแหล่ะ
เป็นอีกเรื่องที่ตอนสั้นเหี้ยๆ แต่ยัดข้อมูลไม่เยอะเท่าเรื่องก่อน สาระสำคัญเลยสามารถสรุปออกมาได้ในประโยคเดียว เช่น "ไปเที่ยวทะเลกับพ่อ" ในตอนที่ 5 หรือ "โดนรถทับตายห่า" ในตอนที่ 1 ด้าน pacing แย่เข้าขั้นจัญไร อยากจะตัดฉากก็ตัดแบบไม่สน 4 สน 8 ใดๆ โดยเฉพาะตอนที่ 1 เนี่ย กูรับไม่ได้ ไหนจะเรื่องการแทรกความหลังของพ่องกับแม่งในตอนที่ 4 อีก ก็ทำได้แหล่ะแต่มันดูไม่มีชั้งเชิง ไม่มีกึ๋น มึงเล่าผ่านการเปิดประเด็นด้วยคำถามของบุคคลที่ 3 หรือเหตุการณ์ปัจจุบันที่ทำให้เกิด nostalgia ก่อนละค่อยเล่าไม่ได้เหรอวะ ถ้ากูเป็นครูนะ คะแนนเต็มเท่าไหร่กูจะให้แค่ครึ่งเดียว แถมเป็นครึ่งที่ฝืนใจให้ด้วย ทำตัวมือสมัครเล่นเกินไปอะแบบนี้
ตัวละคร : 5 ตอนสั้นที่เกินไป ทำให้กูแทบจะจำอะไรเกี่ยวกับตัวละครไม่ได้ รู้แค่ความเป็นมาของพี่คล้าวชาติก่อน กับพ่อ-แม่และเด็กรับใช้ที่กูจำได้แค่ชื่อเท่านั้น พยายามสร้างมิติให้ตัวละครเอกผ่านการอวยของตัวละครอื่นๆ ว่าอัจฉริยะอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งก็อ่อนหัดพอๆ กับการตัดฉากที่กูบ่นไปในย่อหน้าก่อนๆ ความเข้าใจผิดใหญ่หลวงข้อหนึ่งของการแต่งนิยายต่างโลก คือคิดไปเองว่าการทำให้ตัวละครรองมัน Hype ตัวเอกมากๆ หรือพยายามทำให้ตัวเอกดูพิเศษกว่าชาวบ้านแล้วคิดว่านั่นจะทำให้ตัวละครน่าสนใจ สองอย่างนี้เป็นอะไรที่บ้าบอสุดๆ ใช่ มันง่ายที่จะนำเสนอแบบนี้แต่มันมีวิธีที่ดีและได้ผลกว่าอยู่ อย่างการสร้างสถานการณ์อะไรสักอย่างขึ้นมา แล้ว show ทางอ้อมเลยว่าตัวละครมันเจ๋งยังไง เอาง่ายๆ อย่างเรื่องภาษา ถ้าเปลี่ยนจากมุกแม่อ่านนิยายยาโอยให้ฟัง ไปเป็นพี่คล้าวเรียนการเรียน ก ข ค ต่างโลกขั้นพื้นฐาน แล้วแอบฝึกอ่านหนังสือคนเดียวตอนกลางคืนจนพูดได้คล่องเอง แบบนี้มันยังจะดูมี "อะไร" มากกว่าฟังแม่พรรณาเกี่ยวกับพระเอก-นายเอกสอยดากกันเสียอีก
พวกมึงแยกออกใช่มั้ยระหว่าง "ทุกคนตกใจที่เขาหลบหลีกเก่ง" กับ "เหล่าศัตรูโจมตีเข้ามาจากทุกทิศทาง แต่ไม่สามารถสร้างบาดแผลให้เขาได้" หรือไม่ก็ "เขาแข็งแกร่งสุดๆ" กับ "ขนาดคุณโรเบอร์โต้ที่เป็นหัวหน้ายังถึงกับตัวสั่นหลังจากได้ประลองกับเขา" พลังของการนำเสนอและการใช้คำมันต่างกันขึ้นอยู่กับวิธีสื่อ นิยายเรื่องนี้ทำให้กูพูดได้ว่า "ผ่าน" แต่ทำให้กูพูดว่า "สุดยอด" ยังไม่ได้ ขนาดคำว่าผ่านกูยังต้องฝืนใจพูดเลยอะคิดดูเองก็แล้วกัน
เนื้อเรื่อง : ต่างโลก พระเอกเทพ แต่เทพยังไงยังไม่รู้ รู้แต่ว่ามีเควสจากลุงพระเจ้าให้มาพัฒนาบ้านเมืองและสอนชาวโลกใช้พลังจิตและปราณเป็น ถ้าวิธีการเดินเรื่องยังเป็นแบบนี้ไม่เปลี่ยนแปลง กูว่า 400 กว่าตอนที่เห็นอยู่นี่อาจยังไปไม่ถึงครึ่งเรื่องด้วยซ้ำ ถึงตอนนี้จะยังไม่มีระดับพลัง แต่การใช้คำว่าปราณในเนื้อหาทำให้กูเดาได้ว่าคงมาแนว Wuxia แบบข้าม setting อีกแล้ว หลายอย่างรวบรัดเกินไป อยากโชว์พระเอกเก่งแต่ใส่ความ Hype ของคนรอบข้างให้ตั้งแต่มันแค่ 3 ขวบ พวกไลท์โนเวลยังมีการพูดถึงช่วงแรกเกิดแค่ไม่นาน แล้ว skip ไปเป็นตอนโตขึ้นมาประมาณนึงเพื่อให้โตพอจะแสดงความสามารถได้ ตอนเป็นเด็กวัด skip 10 ปีได้ แต่ทำไมพออิเซไคมาแล้วข้ามสัก 3-5 ปี ไม่ได้วะ กูไม่เข้าใจจริงๆ เรื่องความยาวตอนนี่ก็เหมือนกัน มีโม่งบางคนพูดถึงว่าสั้นๆ นี่แหล่ะดี เพราะน่าจะเหมาะกับการอ่านบนมือถือ แต่เรื่องนี้สั้นเกินไป ไถทีเดียวก็เจอปุ่มตอนต่อไป ความต่อเนื่องในการเล่าเรื่องเลยไม่มี
จุดเด่น : ไม่ค่อยเสียเวลาชีวิตเพราะตอนแม่งสั้น มีมุกฝืดๆ ให้อ่านตลอดทางไม่จำเจ คำผิดมีไม่มาก (ยกเว้นคำว่าเวทย์มนต์นี่มาตลอดเลยค่ะอีสัส)
จุดด้อย : ตอนสั้น เป็นผลงานของมือใหม่ที่ค่อนข้างมักง่าย จัดจังหวะและ pacing แบบตามใจกู พล็อตซ้ำซากเหมือนนิยายต่างโลกเรื่องอื่นๆ ในเว็บเดียวกัน แต่การเดินเรื่องช้าสัสหมากว่าเยอะจากความสั้นของแต่ละตอน
คะแนน : อยากทำน้ำตาลปี๊บกับนาเกลือ/10
ความเห็นส่วนตัว : เรื่องนี้ได้ รบดจ. มาจากนิยายแนวเดียวกับเรื่องแรกของพี่ตุ๋นกบ ส่วนเรื่องสุดยอดพ่อบ้าน HERO กู้โลก ก็มาจาก solo leveling แบบที่พระเอกเคยทำอาชีพพ่อบ้านทำความสะอาดมาก่อน จังหวะการเล่าและการใช้คำน่าจะหลอกขายได้เฉพาะกับเด็กเล็กเท่านั้น ขนาดความเห็นในแต่ละตอนยังมีนักอ่านมาแนะนำเลยว่าบางอย่างมันไม่ถูกต้อง เป็นอีกครั้งที่กูต้องผิดหวังกับนิยายแนะนำจากหน้าเพจเด็กดวก คือกูมีความหวังนะว่าในสักวันจะต้องมีอยู่สักเรื่องแหล่ะที่สามารถทำให้กูรู้สึกพึงพอใจได้ กูเองก็ยังรอคอยนิยายเรื่องนั้นอยู่ แล้วใน list ที่สะสมนิยายรอสับไว้คงมีอีกหลายเรื่องที่มาจากการแนะนำของเว็บ ช่วยลุ้นให้กูทนสับไหวจนกว่าจะครบทุกเรื่องด้วยเถ้อะ
ปล.นิยายเรื่องนี้กับสุดยอดพ่อบ้านโดนดองมาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีก่อน คงเดากันได้ไม่ยากใช่ไหมว่าเป็นเพราะอะไร เออ ก็อย่างที่พวกมึงคิดกันอยู่นั่นแหล่ะ
ถ้าจะสับนักเขียนคนนี้นะ มึงจัดเรื่องล่าสุดเลย ที่มันเขียนแนวจีนโบราณอ่ะ อันดับสูงด้วยนะมึง top20 หมวดรวม ไม่ธรรมดา ตามเทรนด์จีนแบบนี้ร่ำรวยแน่ๆ
เออว่ะ อยากดูการสับแนว j3k โบราณบ้าง เผื่อจะได้เทคนิคว่าทำไมพวกนี้ถึงติดท็อป หรือเรื่องไหนทำไมถึงไม่ปัง ทั้งที่เขียนเนื้อเรื่องเป็นแนวกระแสเหมือนกัน
ดูแลคนไข้ไปก่อนเถอะ ว่างจริงๆค่อยมา ว่าแต่ช่วงสงกรานต์ปีนี้อุบัติเหตุยังเยอะอีกเปล่า อุตส่าห์ห้ามไม่ให้สาดน้ำกันแล้ว
>>113 กี่ปีๆ ก็เหมือนกันหมดนะ เพราะแม่งแดกเหล้าแล้วขับ-ขี่รถกัน อุบัติเหตุเยอะเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือเป็นโควิดด้วย พอเมาแล้วมันก็ไม่รักษาระยะห่าง กอดคอกันร้องเกะ กระดกเหล้าแก้วเดียวกันไปอีก ปีนี้เลยคิดว่ากราฟแดงไตรมาส 2 น่าจะขึ้นกว่าปีก่อนๆ เพราะมียอดตายโควิดบวกเข้ามาด้วย
จัดให้เป็นพิเศษตามคำขอของ >>109 กับ >>110
ฮัวเหมยสุดยอดตำนานเจ้าเมืองหญิง
https://writer.dek-d.com/snoopy147/writer/view.php?id=2283614
สำหรับคนที่จงใจขายแนวนี้ ชื่อเรื่องถือว่าตั้งมาได้ดี ปกนอกดูมีการพัฒนาเพราะช่วยสื่อถึงเนื้อเรื่องว่าอาจเป็นการบริหารเมืองด้วยการเพาะปลูก (ช่วงนี้แนวทำฟาร์มยิ่งฮิตๆ ด้วย) คำโปรยมันล้นไปบ้างแต่กูว่าใช้หลอกล่อให้คนเข้ามาอ่านไหวอยู่ ภาพรวมคือดีขึ้นในหลายๆ ด้าน บางทีกูอาจด่วนสรุปเองในเรื่องที่แล้วเพราะตอนนั้นนักเขียนมันกำลังหัดแต่ง บางทีเวลาที่ผ่านมาอาจทำให้เจ้าตัวพัฒนาขึ้นได้ เดี๋ยวเราค่อยมาดูกันว่าอะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้มันขึ้นมาติด Top 20 ได้สำเร็จกันแน่
ใช้ Tag ได้ชัดเจนตรงกลุ่มลูกค้าดีมาก ปกรองส่วนแรกเป็นคำเตือนเกี่ยวกับกฏหมายทรัพย์สินทางปัญญาเหมือนเคย ส่วนกลางเป็นเรื่องย่อว่าตัวเอกมันโดนทะลุมิติมาได้ยังไง แล้วส่วนท้ายเป็นหน้าปกแบบขยายจากไอคอนซ้ายบนลงมาให้เห็นชัดๆ อีกรอบ รอบนี้นักเขียนมันเกริ่นนำเกี่ยวกับเซตติ้งและความเป็นมาก่อนจะเริ่มเรื่องตั้งแต่บนปกรอง วิธีนี้ทำให้ประหยัดเวลาไปได้ค่อนข้างมาก เพราะถ้าเล่าได้ชัดเจนและกระชับก็ไม่จำเป็นต้องมีบทนำ ทำให้สามารถเข้าสู่เนื้อหาได้ทันที
ตอนที่ 1 พูดคุยกับนักเขียน
ก็แนะนำตัวเองเล็กน้อย บอกว่าเรื่องนี้เรื่องใหม่ครับ ส่วนอีก 2 เรื่องที่เขียนก่อนหน้านี้ (ศึกชิงจ้าวยุทธ กับ ผี+หมอ) ขอดองไปก่อนเพราะพล็อตเรื่องนี้มันโผล่มาแล้วทำให้เรื่องพวกนั้นตัน (Bruh...) ถัดลงมาเป็นหน่วยชั่งตวงวัด ค่าเงิน กับชื่อเรียกยามต่างๆ ตอนแรกกูหลอนๆ นึกว่าจะมีระดับพลังด้วย แต่โชคดีที่ไม่มี ก็คงจะเป็นแนวทะลุมิติเพื่อสร้างความเจริญในยุคล้าหลัง (แบบไม่มีดราม่าผัวนิสัยเหี้ยมาเป็น Plot device เหมือนเรื่องอื่นๆ) ด้วยความรู้ยุคใหม่นั่นแหล่ะ
ตอนที่ 2 เมืองที่ยากจนที่สุดในแคว้น
เล่าเรื่องด้วย POV 3 เท้าความถึงฉากบนรถเก๋งที่นางเอกใช้เดินทาง อธิบายว่านางเอกชื่อ "เหมย" เป็นสาวน้อยอัจฉริยะเจ้าของธุรกิจที่ทำกำไรได้มหาศาล ระหว่างที่งีบหลับตรงเบาะหลังเลขาควบตำแหน่งคนขับรถก็กรีดร้องขึ้น เพราะเกิดอุบัติเหตุโดนรถบรรทุกพุ่งเข้าชนเต็มๆ รู้สึกตัวอีกทีก็มาสิงร่างเด็กสาวคนหนึ่งที่หน้าตาคล้ายกับตัวเองมาก ผีเจ้าของร่างบอกแค่ว่าฝากดูแลพ่อกูด้วยแล้ววิญญาณก็สลายไป ตอนแรกก็งงๆ อยู่ ก่อนจะเข้าสูตรนิยายทะลุมิติทั้งหลาย นั่นคือปวดหัวแล้วโดนความทรงจำของร่างต้นทับซ้อนจนเข้าใจความเป็นมาทุกอย่าง มีการบรรยายว่าเมืองพ่อกับนางเอกอาศัยอยู่เป็นเมืองทำถ่าน แต่พอสงครามจบลงการใช้ถ่านในโรงหลอมก็ลดตามไปด้วย เนื่องจากไม่มีการหลอมอาวุธและชุดเกราะอีกต่อไป ทำให้สภาพคล่องของเมืองแย่ ข้าวยากหมากแพง ชาวเมืองขาดรายได้ พวกหนุ่มสาวก็ไปหาทำงานต่างเมืองกันหมด น้องเหมยเลยเข้าใจว่าที่ผีคนขับบอกให้ช่วยดูแลพ่อคงหมายถึงเรื่องนี้นั่นแหล่ะ สักพักพ่อน้องเหมยกลับมาพร้อมหมอ แต่น้องเหมยบอกสบายดีแล้วค่ะ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้คนขับคนเดิมเพิ่งจะเป็นลมแดดตาย จบตอนที่ 1 ไปแบบเรียบๆ
โอเคทีนี้กูจะบอกว่า ความสั้นของตอนนี่เหมือนกับเรื่องก่อนเลย แต่คราวนี้คนเขียนมันแบ่งส่วนการเล่าเป็น 2 ส่วนสำคัญในแต่ละตอน สไตล์ของ story telling เปลี่ยนจากภาษาวัยรุ่นในเรื่องเด็กวัดมาเป็นนิยายจีนหนัก tell เต็มตัว ก็คงจะอ่านนิยายแปลจีนมาพอสมควรถึงสามารถเลียนแบบให้ออกมาโอเคแบบนี้ได้ เดินเรื่องกระชับไม่มีแวะเยี่ยว บอกเป้าหมายที่เป็นเส้นเรื่องระยะกลางออกมาให้คนอ่านเข้าใจได้ทันที อีกอย่างที่สังเกตเห็นคือไม่มีคำผิดแม้แต่คำเดียว (อาจเป็นเพราะเรื่องนี้มันไม่ต้องเขียนคำว่าเวทมนตร์ด้วยหรือเปล่าวะ)
ตอนที่ 3 บันทึกรายรับรายจ่าย
บทนี้น้องเหมยหรือ "เสี่ยวเหมย" ในปัจจุบันออกหาข้อมูลเพื่อประเมินสถานการณ์ พบว่าเกิดภาวะเงินเฟ้อในเมืองอย่างหนัก ค่าเงินตกต่ำจนเงินจำนวนเท่าเดิมสามารถแลกสินค้าได้น้อยลงมาก บัญชีรายรับ-รายจ่ายของบ้านก็ติดตัวแดงยาวเป็นหางว่าว ทรัพยากรน้ำมีเหลือไม่มาก อากาศนี่ร้อนเหี้ยๆ จนพวกเกษตรกรเจอภาวะภัยแล้ง เนื้อหาในตอนมีอยู่แค่นี้ คือน้องเหมยตามหาบัญชีกับออกไปเจอปัญหาว่าทำไมเมืองแม่งใกล้จะร้างเต็มที นักเขียนมันโชว์ความเชี่ยวเกี่ยวกับหน่วยชั่งตวงวัด ค่าเงิน เวลา และชั่วยามต่างๆ แบบจีน แล้วมีการวงเล็บต่อท้ายด้วยการแปลงค่าเป็นมาตราชั่งตวงวัดสากล เช่น เค่อ(15 นาที) ยามเว่ย(13.00 - 14.59) หรือ 1 จิน(500 กรัม) ดูแล้วก็เห็นว่ามีการหาข้อมูลมาพอสมควร ต่างกับเรื่องเจ้าแม่ทองหยิบของไอ้เงินบวกที่มั่วนิ่มทุกอย่างชนิดฟ้ากับเหวเลยทีเดียว
ตอนที่ 4 สำรวจเมืองหลิง
เนื้อหาโดยสรุปของตอนนี้คือเสี่ยวเหมยตามพ่อไปซื้อข้าวที่ตลาด พอไปถึงเจ้าของร้านบอกข้าวยังไม่มา เสี่ยวเหมยเลยขอพ่อไปเดินเล่นแถวนั้น มีการบรรยาในสิ่งที่เสี่ยวเหมยพบเจอ เกี่ยวกับความแห้งแล้งของตัวเมืองจนแทบจะปลูกอะไรไม่ขึ้น มีฉากที่นางเอกคุยกับคนตัดฟืนจนได้ข้อมูลมาว่า เมืองนี้ตัดไม้ทำถ่านมากเกินจนป่าเสื่อมโทรม พอไม่มีป่าก็เลยเกิดปัญหาน้ำแล้งตามมา ถึงสงครามจะยุติมานานมากแล้วแต่ป่ามันฟื้นตัวไม่ทันกับจำนวนไม้ที่โดนตัดไป เสี่ยวเหมยได้แต่กุมขมับว่ากูจะทำยังไงดี แล้วจบตอนด้วยการมาถึงของขบวนพ่อค้า เจ้าตัวเลยรีบกลับไปหาพ่อที่ร้านค้าข้าว
ตอนที่ 5 อาหารม้า
เริ่มต้นด้วยการบ่นของพ่อนางเอกว่าข้าวแม่งขึ้นราคาอีกแล้ว พอซื้อขายกันเสร็จน้องเหมยสังเกตเห็นว่าพวกคนในคาราวานเลี้ยงม้าด้วยพืชอย่างอื่นที่ไม่ใช่หญ้า เลยเข้าไปขอดูปรากฏว่าเขาใช้ข้าวโพดเลี้ยงม้าแทน ด้วยความที่แถวนี้มันแล้งเกินหญ้าเลยแห้งตายหมด ก็เหลือแค่ข้าวโพดป่าเนี่ยที่ยังพอหาเด็ดให้ม้าแดกได้ (ถ้าหญ้าตายแล้วข้าวโพดรอดได้ไงวะ) เสี่ยวเหมยเห็นอย่างนั้นเลยขอซื้อข้าวโพดต่อจากพี่บ่าว แต่พี่แกยกให้ฟรีเลย 4 ฝัก เพราะถึงยังไงข้าวโพดพวกนี้ก็ให้ม้าแดกเยอะไม่ได้เดี๋ยวม้าจะท้องผูก ของป่าได้มาฟรีเก็บไว้ได้ไม่นานก็ต้องทิ้งด้วย เลยไม่รู้จะเก็บเงินน้องเหมยไปทำไม จากนั้นสองพ่อลูกก็กลับบ้านมาปรุงอาหารกินกัน น้องเหมยถามพ่อว่าแล้วเจ้าเมืองไปไหน ทำไมไม่มาแก้ปัญหา พ่อเลยตอบหน้าตายมาว่า เจ้าเมืองแม่งตายไปแล้ว น้องเหมยอึ้งแดกแต่เห็นสีหน้าพ่อตอนพูดก็คงไม่ได้ประชดหรือเล่นมุกแหงๆ ราชสำนักพยายามส่งคนมาทำหน้าที่แทน แต่ก็ไม่มีใครทนได้นาน แดกข้าวเสร็จน้องเหมยก็เอาเมล็ดข้าวโพดไปตากแดด เอาไว้เตรียมทดลองปลูกทีหลัง
การบรรยาย : สำนวนและการเล่าดีขึ้นมากเหมือนเป็นคนละคนกับเรื่องก่อน อ่านบทสนทนา สภาพสิ่งแวดล้อม วิถีชีวิตในเรื่องแล้วรู้สึกได้ว่าแม่งจีนจริงๆ ด้วยวิธีการเล่าแบบแบ่งเนื้อหา 2 ส่วนใน 1 ตอนทำให้คนอ่านตามทันได้สบาย ถึงจะไม่มี cliff hanger เต็มรูปแบบ แต่เนื้อหาท้ายตอนมักจะเชื่อมกับส่วนแรกของตอนต่อมาอยู่แล้ว มันเป็นการกระทำที่เรียกกันว่าเทคนิคแบบ soft tame สำหรับการเล่าเรื่องของนิยายที่ไม่ได้เน้นความตื่นเต้นเร้าใจ และเมื่ออ่านไปนานๆ คนอ่านจะเข้าใจได้เองว่าควรตั้งใจอ่านช่วงท้ายบทเพราะตอนต้นของบทต่อไปมันจะเชื่อมโยงกันเสมอ จังหวะการเดินเรื่องสมดุลไม่เร็วและไม่ช้า นักอ่านสามารถเข้าใจปัญหาและสิ่งที่เกิดขึ้นไปพร้อมๆ กับตัวละครหลักได้ ใช้ความสงสัยว่านางเอกจะแก้ปัญหาต่างๆ ยังไงเป็นเหยื่อล่อให้คนอ่านยอมไปต่อ ถึงจะหนัก tell ไปบ้างแต่สิ่งนี้คือความปกติของนิยายจีนแปลยุคใหม่ไปแล้ว ซึ่งนักเขียนอย่างเราๆ ก็อาจต้องปรับตัวตามสมัยนิยม ดีกว่ายึดติดกับหลักการบางอย่างมากเกินไป จนสร้างนิยายที่ไม่มีใครอยากอ่านขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ตัวละคร : ไม่เด่นเท่าไหร่เพราะเรื่องสไตล์นี้มันเป็นแนว Plot base (เน้นเนื้อหามากกว่าตัวละคร) จากที่อ่านมามันไม่ค่อยพูดถึงรูปลักษณ์ตัวละคร หรืออธิบายตั้งแต่หัวยันหิแบบนิยายแจ่มใสสมัยก่อน เน้นให้จุดสนใจไปตกอยู่กับปัญหาที่ตัวเอกกำลังประสบอยู่แล้วลุ้นว่าจะแก้ไขมันได้ยังไง มากกว่าสนใจว่าปากกระจับ คิ้วเรียวเหมือนคันศรไหม มันมีการอธิบายคร่าวๆ แหล่ะ เช่นตอนที่บอกว่าเสี่ยวเหมยหน้าตาเหมือนน้องเหมยมาก แต่หลังจากนั้นคือไม่มีการพูดถึงหน้าตาอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นพ่อ หมอ หรือลุงขายข้าว
เนื้อเรื่อง : สรุปได้สั้นๆ ว่า ทะลุมิติจากไทยปัจจุบันมาอยู่ในจีนโบฯ บ้านเกิดแห้งแล้ง เจ้าเมืองไม่มี น้องเหมยเลยต้องหาทางทำไงก็ได้ให้ทุกอย่างดีขึ้น แรงจูงใจให้แก้ปัญหายังไม่ชัดเจน เราอาจอนุมานเอาเองได้ว่าเป็นเพราะความทรงจำเดิมของเสี่ยวเหมย คำขอก่อนสลายไปของวิญญาณน้อง หรือเป็นเพราะตัวเอกทนใช้ชีวิตในเมืองที่ร้อนเหี้ยๆ แบบนี้ไม่ได้ อีกหน่อยก็น่าจะใช้ความรู้ยุคใหม่ประดิษฐ์อุปกรณ์มาใช้ พอตั้งตัวได้เมืองก็คงเจริญขึ้นเรื่อยๆ พออุดมสมบูรณ์ข่าวก็ไปถึงหูคนในวังหลวง ที่เหลือกูคงไม่ต้องอธิบายต่อ เพราะเรื่องแนวนี้มันมีความสูตรสำเร็จอยู่ค่อนข้างสูง วัตถุดิบมันเดิมๆ แต่ใครจะปรุงออกมายังไงให้อร่อยต่างหากที่เป็นความแตกต่าง พวกชอบเผ็ดร้อนหน่อยก็อาจไปสายสงครามกับแคว้นอื่นหรือถ้าก้าวหน้ากว่าเมืองหลวงก็ยึดอำนาจแม่งเลย สายละมุนก็อาจไปเขียนเกี่ยวกับความรักต่อ เมืองเจริญจนกลายเป็นเจ้าแม่แล้วยังไง มีผู้มาจีบหรือตัวเองไปอยากได้เขา อะไรพวกนี้อะ
จุดเด่น : ทำได้ดีขึ้นจากเรื่องที่แล้วทุกด้าน คำผิดไม่มี pacing ค่อนข้างดี เนื้อหาอาจไม่มีความหวือหวาแต่ใช้วิธีอื่นดึงความสนใจจากผู้อ่าน เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของคำว่า simply is the best
จุดด้อย : มาเปิดเรื่องใหม่ทั้งๆ ที่เรื่องเก่าก็คาราคาซัง ทำแบบนี้มากๆ เดี๋ยวผู้อ่านจับทางได้ว่าแม่งคงทิ้งไว้กลางทางอีกแล้วจะเสีย brand loyalty เอา
คะแนน : 7/10 ... อ่านง่ายไม่หนักหัว เล่าเรื่องเข้าใจ รอชมการใช้นวัตกรรมจากโลกสมัยใหม่ได้ในตอนถัดๆ ไป
ความเห็นส่วนตัว : ถึงจะหย่อนยานเรื่องวินัย แต่ฝีมือมันพัฒนาขึ้นจริง ความเปลี่ยนแปลงอาจไม่สุดยอดเข้าขั้นเป็นปรากฏการณ์อะไรขนาดนั้น แต่ดูออกแหล่ะว่าคงศึกษามาเยอะว่าจะเขียนแนวนี้ยังไงให้ปัง สังเกตจากความถี่ในการอัปเดตแล้วมันอัปเร็วนะวันละตอนหรือ 2 ตอนด้วยในวันเสาร์ บางตอนที่เวลาแปลกกว่าเพื่อนคือมันกลับมารีไรท์แล้ววันที่เลยเลื่อนไปไกลจากตอนข้างๆ กัน ความยาวต่อตอนไม่มากแต่เน้นมาทุกวัน ที่สำคัญคือเรื่อง soft tame เนี่ย มันเป็น cliff hanger แบบอ่อนๆ ต้องตอบโจทย์ให้ได้ด้วยว่าทำยังไงถึงจะจูงจมูกคนอ่านสำเร็จ ในกรณีนี้คือลงสั้นๆ ทุกวันเพื่อเก็บทั้งพวกดองไว้อ่านสุดสัปดาห์และพวกที่ว่างมารออ่านต่อเรื่อยๆ ถ้าตอนใหม่มาแล้วจำไม่ได้ก็ย้อนไปอ่านท้ายตอนที่แล้วนิดเดียวก็รู้เรื่อง อย่างที่มีโม่งแถวนี้เคยบอกไว้ว่า ความสำเร็จมันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะแค่โชคช่วย ทุกอย่างต้องผ่านการวางแผน การคิดและใช้ข้อมูลหรือสถิติเดิมมาเป็นแนวทาง ทุกอย่างที่ทำต้องสามารถสร้าง effect ไปพร้อมกันได้ ถ้าอย่างใดอย่างหนึ่งไม่โอเคที่เหลือก็พังอยู่ดี
ลงได้ทุกวันแต่เล่าเรื่องห่วยใครจะอยากตามอ่าน เล่าเรื่องดีอ่านเข้าใจแต่คำผิดบานก็ไม่ค่อยเวิร์ค(แต่บางเรื่องก็มีคนทนอ่านนะ) คำผิดไม่มีเนื้อเรื่องสุดยอดแต่สามเดือนมาตอนหนึ่งก็ไม่มีใครอยากรอ ในยุคที่ทุกคนเข้าถึง social media ได้ มือถือคุณภาพปานกลางทุกคนสามารถซื้อได้สบายๆ การแข่งขันมันไม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว หลายๆ เพจผันตัวมาทำ daily content เพื่อดึงให้มีคนติดตามต่อเนื่อง กับการเขียนนิยายก็ไม่ต่างกัน ลูกค้าที่เป็นนักอ่านไม่ใช่คนใจเย็นเน้นคุณภาพ แต่เปลี่ยนเป็นเด็กวัยรุ่นยุคใหม่ที่ไม่ค่อยชอบการรอคอย หน้าที่ของผู้ผลิตอย่างเราๆ เลยต้องหาคำตอบว่าจุดไหนคือจุดที่มันสมดุลและสร้างโอกาสให้เราได้มากที่สุด ถ้ายังไม่รู้เดี๋ยวกูใบ้ให้ก็ได้ แต่พวกมึงก็คงเคยเห็นผ่านๆ ตามาบ้างแล้ว เพราะกูตอบไปค่อนข้างบ่อยเวลามีโม่งใหม่มุดลงมาถามน่ะนะ
ปริมาณต่อตอนไม่ต้องยาวจนได้มาตรฐานยุคบุกเบิก คนอ่านสมัยนี้เกินครึ่งมีสภาวะสมาธิสั้น เพราะใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ก่อนวัยอันควรจนเป็นเรื่องปกติ อุปกรณ์ที่ใช้อ่านก็ไม่ใช่ PC แต่เป็นมือถือ เขียนยาวเกินเดี๋ยวแม่งรำคาญ ไถหลายรอบก็ยังไม่จบตอนสักที บทบรรยายก็ไม่ต้องลากเยอะ หน้าจอมันก็มีนิดเดียวเดี๋ยวจะกลายเป็นกำแพงอักษร ไอ้เหี้ยบรรทัดใหม่อยู่ตรงไหนนะ ตัวหนังสือแม่งก็เล็กเท่าหีมด เลิกอ่านแม่ง
ถ้าใครติดเขียนตอนยาวก็ซอยตอนไปเลยก็ได้ จากปกติตอนนึงเขียน 3,000 คำ ถ้าขี้เกียจคิดชื่อตอนก็ใส่เป็น (ชื่อตอนอันเดิม) part 1,2,3,4 ซอยมาเหลือตอนละ 800 พอ หรือไม่ก็เอาแค่พอให้ระบบมัน detect ว่าจำนวนคำถึงขีดต่ำสุดแล้วเดี๋ยวมันไม่แจ้งเตือน เว้นบรรทัดตรงไหนได้ก็เว้นๆ ไปซะ จะได้ดูเหมือนว่าตอนยาวทั้งๆ ที่มีอยู่ไม่กี่พัน characters น้องเกรียนบางคนกลับชอบเสียด้วย สบายตาดีเล็งไม่ยากว่าขึ้นบรรทัดใหม่ตรงไหน
ถ้าพี่จะเขียนช่องคำพูดแล้วเว้นบรรทัดเลยก็ได้นะครัฟ ผมแม่งโง่บางทีแยกไม่ออกว่าอันนี้คือคำพูด อันนี้คือกำลังอธิบาย ถ้าอธิบายก็อย่าเกิน 3 บรรทัดนะครัฟ เพราะบนจอมือถือผมมันพื้นที่น้อย จาก 3 ของพี่มันกลายมาเป็น 7 ของผมอะครัฟ ถ้าจะบรรยายเกินก็เหมือนเดิม ช่วยเว้นวรรคทุกๆ 3 บรรทัดทีครัฟ เพราะผมแม่งจ้องจอเยอะจนสายตาไม่ดีต้องขยายตัวอักษรอ่านมันเลยยิ่งยาวครัฟ
ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียศักดิ์ศรี เพราะศักดิ์ศรีมันแดกไม่ได้ ไม่ทำให้ยอดวิวเพิ่มขึ้นด้วย ความภูมิใจในมาตรฐานที่ยืดถือมาตลอดมันกำลังจะทำลายตัวเราเอง เพราะคนอ่านมันเปลี่ยน เราก็ต้องปรับตัวตาม ส่วนเรื่องความยาวหมอยต่างๆ ที่กูเคยเล่นก็ให้คิดเสียว่าเอาฮา จัดระเบียบซะอย่าให้มันสั้นหรือยาวเกินไปในแต่ละตอน ดีเสียอีกซอยได้มากๆ จะได้อัปล่วงหน้าสำรองไปได้ไกลๆ มีเวลาปั่นตอนใหม่เติมเข้าไปได้อีกเรื่อยๆ ซอยจนจำนวนตอนเยอะยอดวิวก็ทวีคูณขึ้นไปตามนั้นอีก มีแต่ได้กับได้จริงไหม คนอ่านมันไม่เหนื่อยหรอกที่ต้องกดคำว่า "ตอนต่อไป" แต่มันเหนื่อยที่จะต้องเลื่อนหน้าจอลงไปลึก ดังนั้นถ้ายังไม่ได้เริ่มทำ ก็ให้หัดซอยตอนได้แล้ว
โอเคจบจากเรื่องความยาวตอนกับการอัปบ่อยก็คือการอยู่ในกระแส ถึงมึงจะไม่ค่อยชอบ แต่ถ้าตอนนั้นแนวไหนกำลังบูม อย่าอายที่จะทดลองเขียน ถึงไม่เคยจับมาก่อน ทุกอย่างมันเรียนรู้กันได้ ปั่นจักรยานไม่เป็นแล้วมึงจะยอมเดินไปตลอดหรือเปล่า ว่ายน้ำไม่เป็นก็ไม่อยากหัดพอถึงเวลาก็ขึ้นอืดไปโผล่ปากอ่าว การลอกเลียนมันไม่ผิด ถ้าอยากรู้ว่าเขาเขียนกันยังไง ก็ไปหาแนวนั้นมาอ่าน อ่านเยอะๆ จนรู้ว่าคนอ่านมันชอบให้เราเซอร์วิสแบบไหน เขียนยังไงแล้วมันอ่านแล้วจะฟินน้ำแตก คนทำถนนสร้างหนทางไว้ให้มันมีเพียบ มึงแค่เดินตามเค้าไปก็พอ ไม่ต้องไปพยายามถมดินเทปูนสร้างใหม่
เหมือนที่กูบอกไปข้างบนว่าวัตถุดิบหรือสูตรมันมีคนคิดไว้แล้ว มึงแค่เอามาดัดแปลงเป็นสูตรของตัวเองก็พอ เขาใส่แตงโมมือลองแตงไท เขาใส่เกลือมึงลองน้ำปลา ยืมมาดัดแปลงอย่าให้มันเหมือนเป๊ะจนน่าเกลียด หรืออย่าแหวกขนบเกินจนมันไม่เข้าท่า เขาใช้มะนาวอย่าเสือกลองมะขาม เอาจริงๆ ถ้ามาเป็นนักเขียนได้ก็คงมีสติปัญญาพอจะรู้ได้ว่าเส้นแบ่งมันอยู่ตรงไหน นักเขียนอย่างเราจะรู้เองโดยอัตโนมัติเลยว่าถ้าเขียนแบบนี้แล้วมันจะล้ำเส้น เหมือนพวกที่เขียนนิยายออนไลน์แล้วให้พระเอกใส่ชุดดำถือดาบคู่ได้คนเดียวในเซิฟ แบบนั้นใครๆ เขาก็ดูออกว่าลอก SAO หรือเขียนนิยายที่เวลาจะสู้กันต้องขยายร่างด้วยการแดกมือ แม่งก็ประเจิดประเจ้อเหมือนคิดว่าในเว็บไม่มีใครเคยอ่าน AoT มาก่อน
ถ้าชอบ SAO นักมึงก็ยืมมาเลยว่าติดอยู่ในเกมเหมือนกัน แต่ติดแบบไหน ออกมาได้ไง อันนี้ไปคิดมาเอง หรือถ้าชอบ AoT มากนักก็ยืมเรื่องที่ต้องหลบในกำแพงมา แล้วไปคิดศัตรูใหม่ว่าอะไรรอมึงอยู่ข้างนอก ถ้าจะใช้มุกแปลงร่างแล้วชัดเกินไปก็เปลี่ยนเป็นพลังพิเศษอย่างอื่นเอา อุปกรณ์ห้อยโหนมันแถว่าคิดขึ้นมาใหม่เองยาก งั้นจัดเลยว่าเรื่องนี้มีรองเท้าไอพ่นอะไรก็ว่าไป
อีกเรื่องที่สำคัญคือจะเขียนตามกระแสแล้วต้องทำการบ้าน หาข้อมูลแนวนั้นๆ ให้จริงจัง เพราะแนวที่อยู่ในความสนใจมันมีพวกแฟนพันธุ์แท้รอเล่นงานมึงอยู่ ถ้าจะเขียนจีนแล้วบอกว่าซาลาเปาคือหมั่นโถวแบบไอ้เงินบวกล่ะก็ อย่าหาทำ นอกจากจะไม่มีคนอ่านแล้ว ยังจะโดนด่าฟรีแถมด้วย เวลาจะทำอะไรก็ไปให้มันสุดทาง ถ้ามันฝืนใจมาก ทำยังไงก็คงแต่งแนวนี้ไม่ได้ ก็ค่อยถอนตัวออกมา โอกาสหน้ายังมีเผื่อแนวกระแสแบบใหม่มันมาแล้วมึงพอแต่งตามไหว ถึงตอนนั้นค่อยลองดูอีกทีก็ยังไม่สาย
เรื่องใต้สะดือ พื้นที่สีเทา ของผิดศีลธรรม เดี๋ยวนี้เขาไม่คิดมากกันแล้ว จะใส่ลงในงานก็ได้ไม่มีปัญหา แต่ใส่อย่างมีศิลปะ ใส่เท่าที่จำเป็น ยกเว้นลงในธัญวลัยใส่ไปได้เลยรัวๆ ในเว็บเด็กดวกมีบอกอยู่ว่าใส่ได้แค่ไหน คนรู้จักกูบางคนใส่เหมือนไม่กลัวโดนรีพอร์ตแล้วบอกกูว่า "เดี่ยวรอมีคนแจ้งแบนก่อนกูค่อยแก้" ถ้าไม่มีใครแจ้งแม่งก็ทิ้งเอาไว้อย่างนั้นแหล่ะ ขนาดพวกนิยายเสน่ห์มาเฟียทาสซาตานไรพวกนี้ยังรอดได้ ก็ไปหาอ่านดูแล้วกันว่าเขียนแค่ไหนถึงจะไม่โดนสอย นิยายจีนปลอมบางเรื่องยังใช้คำแทนโคตรตลกเลย อ่านแล้วกูงงมันมีอารมณ์กันได้ยังไง แม่งเลวร้ายกว่าบทอัศจรรย์ของวรรณกรรมไทยอีก คนเรามันขี้เงี่ยน มึงเงี่ยน กูก็เงี่ยน แต่งานเขียนที่ทำให้เราอ่านแล้วเงี่ยนได้ ไม่ใช่ว่าจะหาเจอได้บ่อยๆ ถ้าคิดว่าไม่เจ๋งพอก็อย่าใส่เดี๋ยวมันจะตลกไปแทน
เขียนไปเขียนมาชักจะเยอะ เอาเวอร์ชั่นยาวไปไม่อ่านห้อยท้ายไว้ด้วยละกัน
1) ถ้ายังไม่เก่ง ฝึกให้เก่งก่อน ถ้าสำนวนกาก ข้ออื่นไม่รอด
2) ฝึกมาตั้งนาน ไม่เก่งสักที หาเรื่องดังๆ มาอ่านแล้วลอก
3) จะแต่งตามเขา ต้องหาข้อมูล อย่าให้เขาด่า ว่ารู้ไม่จริง
4) เล่าเรื่องให้เป็น เอาภาษาคน เข้าใจคนเดียว ไปเขียนไดอารี่
5) จังหวะต้องดี หามาให้เจอ ตรงไหนต้องเน้น ตรงไหนต้องข้าม
6) เขียนๆ หยุดๆ เดี๋ยวแม่งดองยาว เขียนให้จบก่อน แล้วมึงค่อยลง
7) คิดถึงลูกค้า จัดหน้าอ่านง่าย ลองเปิดนิยาย เช็คในมือถือ
8) แต่งไม่ต้องยาว เน้นลงถี่ๆ ถ้าแก้ไม่ได้ ไปซอยตอนซะ
9) กีกี กวยกวย เรื่องธรรมชาติ ใส่บ้างนิดหน่อย ไม่มีใครว่า
10) ถ้ามีคนชอบ ติดเหรียญขายดิ วันดีคืนดี เดี๋ยวมีสัมภาษณ์
ดีนะที่คืนนี้มันไม่ค่อยมีใครโผล่มา คิดว่าคงเตรียมตัวกลับบ้านกันหมดแล้ว กูเลยพอมีช่องให้แอบสับอยู่ อย่างไรก็ดีพวกมึงไม่ต้องเชื่อกูมากก็ได้ อะไรที่กูบอกอาจใช้ไม่ได้ผลกับบางคน ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไปคิดหาวิธีที่เหมาะกับตัวเองดู เทคนิคต่างๆ มันมีโม่งอื่นคอยมาแนะนำเป็นพักๆ อยู่แล้ว (ล่าสุดก็เห็นมีไอ้เห็บหมาแวะมา)
คนเราจะเขียนอะไรแล้วแจ้งเกิดได้ อยากแรกคือใจมึงต้องมีก่อน พวกไม้หลักปักเลนส่วนใหญ่อยู่ได้ไม่นาน ประเภทที่มางอแงในบอร์ดว่าทำไมไม่มีคนอ่านเลย เลิกแต่งนิยายดีกว่า แบบนี้ไม่มีทางปีนขึ้นมาไหวแน่ๆ ใจรักแล้วก็ต้องเสมอต้นเสมอปลาย ฝึกเรื่อยๆ เขียนเรื่อยๆ มันก็ค่อยๆ เก่งขึ้นมาเอง ว่างก็หานิยายคนอื่นอ่าน ถึงนิยายจะกากแต่อ่านเอาแนวทางแทนได้เหมือนกันว่ามันเขียนยังไงคนถึงชอบ ในฐานะคนที่ขึ้นมาได้ก่อน กูอยากบอกพวกมึงว่าตอนปีนมันไม่เท่าไหร่ แต่การที่จะเกาะไว้ไม่ให้ร่วงลงไปนี่คือนรกเหี้ยๆ นึกตามว่ามันโหดกว่าเก้าอี้ดนตรีไปอีกขั้น เหมือนมึงเล่น fallguy ที่มีแท่นให้ยืนได้แค่ 20 คน แต่ต้องแย่งชิงที่ว่างกับคนเป็นพันเป็นหมื่น แล้วต่อให้ได้ที่ยืนเรียบร้อยก็มีคนพร้อมจะยกตีนถีบมึงลงไปเพื่อเข้ามาแทน
ถ้าไม่อยากกดดันอะไรมาก ให้เบนเข็มไปแต่งแนวกระแสเน้นขายเอาเงินแทนจะดีกว่าเขียนเพื่อติดท็อป หรือแต่งแค่ให้ achievement unlocked ก็ได้ ว่าครั้งหนึ่งในชีวิตกูเคยติด Top กับเขาเหมือนกัน (อย่าลืมแคปจอเอาไปแปะไว้ตรงปกรองแบบที่แม่งชอบทำกันด้วยล่ะ) ถึงจุดๆ นึงพวกมึงจะเข้าใจเองว่ามันกดดันที่ต้องคอยรักษาอันดับไว้ เลยอยากให้แต่งนิยายอย่างที่ทำแล้วมีความสุขมากกว่า บางทีแค่เขียนให้จบเป็นเรื่องๆ ไป แปลงไฟล์ขายเป็น E-book แลกค่าไฟได้เรื่อยๆ แค่นั้นก็อาจเพียงพอแล้ว
ขอบพระทัยสำหรับความยากลำบากในการสับ แต่เท่าที่ดูพล็อตที่เมิงย่อยให้ฟัง มันไม่มีตรงไหนน่าสนใจเลยนะ มันไม่ใช่การผลิตซ้ำรอบที่ร้อยรอบที่พันเหรอ ยิ่งอยู่ในร่างเด็กด้วยน่าจะเพิ่มความน่ารำคาญเข้าไปอีก
ให้บอกเกิดใหม่เป็นนางร้ายโดนเนรเทศมายังชายแดนที่ทุรกันดาร กุว่ายังดูมีอะไรน่าสนใจกว่าถึงแม่งจะผลิตซ้ำเหมือนกันก็เถอะ
สิ่งที่กุไม่เข้าใจก็คนอ่านนี่ละ พวกเมิงว่างกันขนาดนั้นเลยเหรอวะ
อยากถามเรื่องการใส่ Trigger warning พี่โม่งคิดเห็นยังไงกันบ้าง?
ส่วนตัวรู้สึกว่าไร้สาระ ทำไมต้องมานั่งใส่แท็กสปอยนิยายตัวเองด้วย บอกว่า 18+ หรือเนื้อหามีความรุนแรงทางด้านอารมณ์ ด้านร่างกายสูง ใครอ่อน(แอ)ไหวไม่ควรอ่าน ก็น่าจะเยอะพอแล้วไม่ใช่เหรอ? นี่ต้องมานั่งใส่ ระวังเลือดนะ ระวังมีการใช้ความรุนแรงในครอบครัวนะ ระวังมีการฆ่าตัวตายนะ ระวังมีการเหยียดเพศ สีผิว ชาติพันธุ์ บลา ๆ ๆ ๆ นะ เพื่อ? เรทที่ใส่ไว้ตอนแรกไม่ได้มีความสำคัญเลยหรือไง? เรท 18+ ไม่ใช่อายุถึงแล้วอ่านได้ แต่มันหมายถึงเนื้อหามันไม่ได้มีไว้ให้เด็กดอกอายุน้อยอ่าน โตเป็นควายอายุจะ 20 ควรจะมีสมองไว้ ควย ได้แล้ว ไปอ่านนิยายที่มีเรทเยอะๆ แล้วหวังเห็นแต่คนเด้ากันอย่างเดียวหรือไง? งั้นก็อ่านเสร็จไปผูกคอตายแม่งให้จบ ๆ ไปเลย คนอ่อนแอขี้เงี่ยนไม่มีสมองไว้คิดมันจะได้ลดลงไปบ้าง เหนื่อยคนเขียนชิบหายไม่ใช่พ่อ แม่ หมอปรึกษาอาการทางจิต มึงนะที่ต้องมาเทคแคร์อารมณ์ให้ รมณ์เสีย
ล่าสุด นิยายเรื่องนี้ขึ้นTOP1 หมวดจีนย้อนยุค TOP7หมวดรวม ทั้งที่เนื้อเรื่องดาษดื่น ทุกอย่างธรรมดาเบสิคเหี้ยๆ แต่ทำไมคนอ่านเยอะ กูว่าส่วนหนึ่ง เพราะคู่แข่งของมันในTOPก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมาย
ต้องยอมรับจริงๆว่านักเขียนไทยส่วนใหญ่ ฝีมือไม่เอาไหน ในTOPเต็มไปด้วยมือใหม่หัดเขียนที่เพิ่งดังจากนิยายเรื่องแรก ดังเพราะเกาะกระแสนิยายจีน มีดวงเข้ามาเอี่ยวก็เยอะ
ฉะนั้น ไอ้ดาวจุดๆ คนนี้ เขียนห่วยก็จริง แต่มีประสบการณ์เขียนนิยายมาแล้วหลายเรื่อง ย่อมเก่งกว่าพวกมือใหม่ก็เลยพอจับทางได้ รู้ว่านักอ่านต้องการอะไร เลยขึ้นTOPมาได้
แต่เท่าที่กูอ่าน ถือว่าสกิลยังไม่ผ่าน นิยายไม่มีอะไรน่าสนใจสักอย่าง พล็อตจืดๆ ตัวละครจืดๆ กูว่านักอ่านแม่งคงไม่มีอะไรจะอ่านกันแล้วจริงๆ นิยายคู่แข่งในTOPหมวดเดียวกันคงห่วยน่าดู นิยายเรื่องนี้ถึงได้ขึ้นTOP1
สมัยนี้ ถ้าอยากให้นิยายปังก็แค่เอาพล็อตที่มีอยู่แล้วมาดัดแปลงเล็กน้อยเป็นแนวตัวเอง เกาะกระแสสูบเงินนักอ่าน แต่พวกแม่งก็ยังอุตส่าห์เขียนออกมาห่วย ทั้งที่มีคนปูทางให้พวกมันแล้ว มีคนคิดแนวอาหารให้เสร็จสรรพ ที่เหลือแค่มึงต้องปรุงรสให้อร่อยเท่านั้น แต่กลับปรุงออกมาได้เหี้ยมาก
สะท้อนให้เห็นว่านักเขียนไทยเป็นพวกขาดจินตนาการหนักมาก ทั้งที่อาชีพนักเขียนเป็นงานที่ต้องการจินตนาการ แต่นักเขียนเด็กดีส่วนใหญ่กลับเขียนอะไรซ้ำกัน ลอกกันไปมา ไม่มีไอเดียใหม่ๆ น่าเบื่อชิบหาย
TOP1หมวดจีนย้อนยุคจืดชืดขั้นนี้ กูโคตรหมดหวังกับเด็กดี
https://twitter.com/_moonnle/status/1514139673303478276?t=54ZVGpsaDOxp6XATjeb_Og&s=19
สองวันนี้มีประเด็นนี้ที่วนเวียนอยู่ในใจ คือกุมีนักเขียนที่ใช้ภาษาสละสลวยเป็นต้นแบบ แม่แบบนิยายกูก็ต้องเป็นแบบนั้น พอมาวันหนึ่งคนอ่านมีขอบเขตทางภาษาที่ลดลง กุต้องปรับตัวตามจริง ๆ เหรอวะ กูอยากเขียนตามแม่แบบที่กูชอบกลายเป็น "เขียนแบบนี้ไม่มีใครเขาอ่านกัน" เชี่ยมันเลวร้ายมากว่ะสำหรับกุ
>>124 แอบรู้สึกส่วนตัวว่าถ้ามันแนวเฉพาะแบบนั้นก็ควรใส่ tag ใหญ่รวมๆ แบบ guro อยู่หรอก แต่ถ้าต้องมาพินิจพิเคราะห์บรรจงใส่ มีเนโครฟีเลียนะ มีเลือดนะ มีเยดนะ ถึงจะดูเล็กน้อยยังไงมันก็สปอยเนื้อหาป่าว? แล้วถ้าจุดหักมุมมันดันไปอยู่ที่ประเด็นเยดศพ แล้วเสือกสปอยตรงนั้นตั้งแต่แรก มันจะถือว่าสปอยเล็กน้อยอีกไหมล่ะ? แยกเรทไว้ก็แล้ว จัดหมวดหมู่ไว้ ก็แล้ว ถ้าต้องมาระวังมันทุกก้าวที่มีความรุนแรง มันจะกลายเป็นกรอบให้นักเขียนมันทำงานยากขึ้นแทนไหม? กลัวว่าถ้ามันต้องทำเรื่องน่ารำคาญแบบนี้ต่อไป นักเขียนมันจะเลิกหยิบประเด็นรุนแรงพวกนี้มาเขียน กลายเป็นว่าต้องมาเซ็นเซอร์ตัวเองไปอีก หนักใจจริง
>>125 อันนี้คือเรื่องจริงที่ตลกร้ายโครตๆเลย บอกเลยขนาดกูเนี่ยเขียนงานบางครั้งยังพลาดระหว่างภาษาเขียนกับภาษาพูดเลย เอาง่ายๆ มึงลองเข้า DeK D แล้วไปอ่านนิยายกำลังภายในที่ติดอันดับ 1 2 3 4 5 ที่คนไทยแต่งตอนนี้สิ มึงจะพบว่าอ่านแล้วตัวมึงต้องจัดรูปประโยคใหม่ในหัว แถมบางทีต้องแปลไทยเป็นไทย อ่านแล้วสะดุดสัส กูรับรองเลยว่า พอมึงกลับไปไล่อ่านเม้นในนิยายของพวกมัน มึงจะต้องยกมือขึ้นมากุมขยับแล้วบอกว่าอิหยังวะทันที ที่ก็พิมพ์มาทั้งหมด ก็แค่จะยืนยันสิ่งที่มึงบอกว่าจริง นักอ่านสมัยนี้ เยอะด้วย แมร่งไม่สนใจแล้ว ว่าจะภาษาอ่าน ภาษาเขียน เอาง่ายๆ ใช้ google แปลนิยายจีนมาลงบางทีมันยังบอกว่าสนุก หรือภาษาสวยเลยอ่านลื่นไหล !
>>121 ที่มึงพูดมาก็ไม่ผิดเลย ในส่วนพล็อตคือกากๆ ดาษๆ มาก แต่ปัจจัยที่ทำให้มันติดได้กูว่ามาจากความถี่ในการลงกับความต่อเนื่องในการรักษาฐานผู้อ่าน สองดาวจุดมันแต่งนิยายมาเรื่อยๆ พอแต่งเรื่องใหม่ มันจะมีติ่งกลุ่ม fanboy fangirl ที่ชอบมันแบบงมหี(หรืองมหัว)ไม่ขึ้นตามมาช่วยอ่าน นักเขียนกลุ่มนี้แหละสำคัญ เพราะมันช่วยทำให้การออกตัวช่วงแรกทำได้ดี พอมีตัวเลขว่ามีคนอ่านพอสมควร คนนอกก็อยากลองเข้ามาอ่านบ้าง มันเลยฟังดูน่าเจ็บใจ ทั้งๆ ที่ฝีมือมันไม่ค่อยมีอะไร แต่มันขายของได้ถูกที่ ถูกคน และเน้นขายได้เยอะๆ บ่อยๆ ลงได้ทุกวัน ขนาดเรื่องที่สำนวนเหี้ย เนื้อเรื่องกากกว่านี้ยังเกาะกลุ่มขึ้นมาได้ ดังนั้นแล้วสำหรับคนที่ฝีมือพอใช้ และสะสมแฟนคลับมานาน ทำไมมันถึงจะขึ้นท็อปไม่ได้ โมเดลนี้มันไม่ต่างอะไรกับวิธีการของไอ้ราชานกฮูก แต่รายนั้นอาจลงไม่บ่อยเท่า ความยาวต่อตอนมากกว่า แล้วไปเน้นจัดหน้านิยายให้อ่านง่าย บทบรรยายไม่ยาว เว้นบรรทัดบ่อย จงใจเปลี่ยนตัวเองเป็น Lightnovelist โดยใช้ Yaoi bait มาเป็นจุดขายล่อสาวฟุให้มาอ่าน แกนกลางที่เหมือนกันคือความต่อเนื่องนั่นแหล่ะ พวกนักอ่านมันชอบแบบนี้ ลงทุกวันกูก็อ่านทุกวัน หรือสายดองก็พอใจเพราะรู้ว่านักเขียนมันเอาของมาลงไว้เรื่อยๆ เดี๋ยวไว้วันเสาร์ค่อยเจอกัน
ยิงปืนไม่แม่น แต่เน้นสาดกระสุน ยังไงมันก็ต้องโดดสักนัก คุณภาพยังไงไม่รู้แต่กูเน้นปริมาณกับความต่อเนื่อง ขนาดเขียนไม่จบสักเรื่องเพราะหมดมุกกลางทาง ก็ยังมีคนตามอ่านแบบนี้เลยอะ
>>122 อันนี้มันแล้วแต่คน ส่วนตัวกูใส่ไว้สั้นๆ นะ ขี้เกียจมามีปัญหากับนักอ่านหีบาง โดนอะไรนิดอะไรหน่อยก็บ่นว่าแสบหีแล้ว ถ้ามันอ่านแล้วไม่ชอบก็จะได้ต่างคนต่างไปตั้งแต่อ่านปกเลย ดีกว่าให้มันมาบ่นว่าทำไมกูไม่เตือนแต่แรก ทำมันเสียเวลาอ่านมาตั้งนาน
>>123 โคตรจะจริง +ล้านคะแนน กูเลยบอกในสับไงว่าถึงมันจะเก่งขึ้นจากตอนแรก แต่ไม่ได้ปังปุริเย่อะไรขนาดนั้น ถ้าเพื่อนบ้านไม่กาก ก็คงได้อานิสงส์จากกระแสของพล็อต กับความถี่ในการอัปเดตเข้ามาช่วย ต้องยอมรับอย่างนึงว่ามันวางแผนมาดี ดูทิศทางลมเป็น เรียนรู้จากนิยายตัวอย่างที่เคยอ่านมาได้ครบ มัน steal ข้อดีจากเรื่องต้นแบบมาปรับใช้ในนิยายตัวเองสำเร็จ
สุดท้ายเลยทำให้เกิดภาวะเหมือนย่านขายอาหารที่หลายๆ ร้านขายแต่เมนูจืดๆ กากๆ พอมันทำให้อาหารตัวเองอุ่นขึ้น มีรสชาติขึ้นมาได้เล็กน้อย และมีขายเรื่อยๆ ลูกค้าเลยแม่งไปต่อแถวแต่ร้านมัน ทั้งๆ ที่คุณภาพดีกว่าร้านอื่นในตรอกเดียวกันแค่นิดเดียว
>>125 >>127 เป็นเรื่องเศร้าแต่มึงต้องทำใจ เพราะนักเขียนเก่งๆ ที่เน้นคุณภาพ สำนวน และแบบแผนเดิม เขาย้ายไปขายนิยายทำมือ ขายนิยายในเว็บอื่น หรือเน้นปล่อย E-book ขายแทนกันหมดแล้ว
ถ้าใจมึงยังอยากอยู่ในเว็บนี้ต่อก็ต้องเข้าใจสภาพของนักอ่าน กูเองก็ทรมานไม่ต่างกันในช่วงแรกของการปรับตัว กูแบบว่ารับไม่ได้เลยในช่วงแรก คนที่เน้นขายของคุณภาพสูงแล้วจู่ๆ โดนตลาดบีบให้ต้องเปลี่ยนมาขายสินค้า mass product มันทำใจไม่ค่อยได้เลย แต่ก็ต้องยอมรับว่าพอเริ่มจับทางได้ ด้วยฝีมือที่สะสมมา มันทำให้นิยายเราเด่นแซงหน้าเจ้าเดิมๆ ที่มีอยู่ในหมวดเดียวกัน ถ้ามึงเคยอยู่ในโซนที่ตัวเองถูกห้อมล้อมไปด้วยยอดฝีมือ เป็นหางมังกร ตอนย้ายมาอยู่โซนหัวหมาแรกๆ มึงก็จะทำใจลำบากนั่นแหล่ะ แล้วพอนานๆ ไปมึงจะค้นพบเองว่าแม่ง... กูเก่งกว่าพวกนี้อยู่หลายช่วงตัวเลยนี่หว่า จริงอยู่ว่าอาจดูตกต่ำลงเพราะต้องมาแต่งนิยายที่คุณภาพสั่วๆ พล็อตกลวงๆ แต่มึงจะรู้ว่าต้องทำยังไงนิยายมึงถึงจะขายดีกว่าของพวกแม่ง
มันไม่ได้เกี่ยวกับว่าใครเก่ง ใครกาก ใครสูงส่ง ใครต่ำต้อย ศักดิ์ศรีอีโก้หรือมักง่ายเน้นสบาย แต่กลายเป็นการแข่งขันว่าใครจะจับนักอ่านได้มากกว่า เมื่อมึงเข้าใจแล้วว่านักอ่านส่วนใหญ่มันขอแค่ให้นิยายอ่านสนุก และมีให้อ่านทุกวัน ไม่ได้เน้นความถูกต้องความน่าสนใจ
มึงต้องเค้นความสามารถขอตัวเองออกมาเป็นจุดเด่น เพราะตอนนี้ทุกคนมันเน้นขาย fast food เลิกคิดถึงอาหารสุขภาพไปได้เลย แต่เปลี่ยนมาคิดว่าในเมื่อจะขายอาหารขยะเหมือนกัน อาหารขยะแบบไหนที่จะขายดีกว่าเจ้าอื่น เพราะ "คนเก่งบ้านนอก ยังไม่เท่าคนกระจอกในเมือง" เอาประสบการณ์ตอนเป็นหางมังกรมาทำให้มึงโดดเด่นในเขตหัวหมานี่ซะ โลกมันเปลี่ยนมึงก็ต้องปรับ ยกเว้นมึงจะยืนยันว่าชอบในสิ่งที่เป็นอยู่โดยไม่สนว่ายอดวิวจะเป็นยังไง ถ้าแบบนั้นก็ขอให้มึงโชคดี
พวกมึงว่าระหว่างนักอ่านหญิงกับนักอ่านชาย ชอบตัวละครนิสัยแบบไหนมากกว่ากัน ตอนนี้กูจะเขียนเรื่องใหม่เป็นแนวจีน แล้วจะให้นางเอกเป็นตัวละครหลัก ที่นิสัยแก่นซ่ากวนหน่อยๆ
หลังจากเรื่องก่อนที่เขียนให้นางเอกนิสัยแข็งราวกับหิน ผลตอบรับดูเฉยๆจนกูอยากแหวกไปอีกขั้ว แต่ก็ไม่รู้คนอ่านเค้าจะรับได้ไหม
แต่ที่แน่ๆตัวเอกต้องเทพซ่า อัจฉริยภาพผู้ไม่เคยผิดพลาด คาดการณ์แผนทุกอย่างล้ำหน้าไปกว่าคนอื่น 3 ก้าว เหมือน พณฯ ท่านปูติน
ส่วนเรื่องนิสัยกูไม่รู้จริงๆ ว่าคนอ่านส่วนใหญ่ต้องการแบบไหน
เริ่มจะเบื่อ ๆ แนวจีนโบราณละ มีนิยายยุโรปยุคกลางเรียล ๆ มาแบ่งปันกันบ้างไหม? หาเจอแต่แบบโรแมนติกที่ไม่ได้ใช้เซตติ้งให้เกิดประโยชน์ กับ ต่างโลกเบียว ๆ
https://www.dek-d.com/board/view/4055688/
โม่งใครว่างช่วยไปตอบน้องเขาหน่อยดิ!
เห็นพวกต่างประเทศเขียนนิยายกันหลักร้อยหลักพันตอนนี่กูสงสัยแฮะว่าไอเดียไม่หมดรึยังไง ถึงบางเรื่องมันจะเขียนวนลูปแต่ก็น่าจะหมดแพชชั่นหรือว่าขี้เกียจเขียนบ้างรึเปล่าวะ
กูนี่วางแผนเขียนไว้แบบย่อยได้ราวๆ 200 ตอนก็รู้สึกเปื่อยละ หลังจากนั้นก็ไม่รู้จะเอาพล็อตอะไรมาเล่นต่อดี
ทำไมไม่มีดราม่ามันส์ๆเบย
พวกสูคิดอย่างไรกับการโฆษณานิยาย ในบอร์ดนักเขียนที่กำลังเป็นดราม่าในขณะนี้
มันก็ต้องร้างอะถูกแล้ว ขนาดอกปอบมาโฆษณาเรื่องเฟทไดอาเรียยังไม่มีใครตอบกระทู้แกเลย
สวัสดี กูอัปเดตลิสต์สับให้ละนะ ออกตัวก่อนกูไม่ใช่โม่งที่สร้างลิสต์ แต่มาอัปเดตให้เนื่องจากหนึ่งในลิสต์นั้นมีตำนานที่ตอนนี้นักเขียนกำลังไล่ฟ้องคนวิจารณ์อย่างเมามัน ถึงจะไม่ใช่เรื่องที่โม่งสับก็เหอะแต่เซฟไว้ก่อนกูเลยลบออกจากลิสต์เอา แล้วอัปเดตเรื่องที่เคยสับกันซึ่งอาจไม่ครบเท่าไหร่ ว่างๆจะขุดหาให้อีกทีหรือโม่งไหนช่วยกูขุดก็ได้
ส่วนต้นเหตุที่ทำให้ต้องลบนั้นอยากเสือกเข้าทวิตแล้วพิมพ์แท็กนามปากกานักเขียนเอานะ แล้วเสือกเงียบๆละกันอย่ามาพล่ามในโม่งหรือที่สาธารณะเลย ตอนนี้การฟ้องมันง่ายขึ้นเยอะ ขอไอดีเซินก็ส่งให้เร็วขึ้นแป๊บๆเดี๋ยวพวกมึงได้เจอครุฑร่อนใส่แน่
ว่าแล้วก็ชักหนาว กูเป็นโม่งที่มีส่วนร่วมในการสับนิยายเรื่องนั้นซะด้วย เห็นที่ไล่ฟ้องในทวิตนี่ก็มั่วหน่อยๆไม่ใช่แค่เล่นคนที่ลามปามจนหมิ่น แต่แค่คนที่วิจารณ์หรือถามเฉยๆก็โดน แล้วเรื่องแบบนี้ต่อให้กูไม่ผิดแต่การขึ้นโรงขึ้นศาลมันก็เหนื่อยว่ะ แล้วประเด็นที่จะโดนเล่นนี่ไงคนฟ้องก็มีสิทธิชนะกว่า ต้องเอาเจ้าของลิขสิทธฺโน่นมางัดซึ่งจะลากมาไงล่ะ คนที่เอามาพูดก่อนโดนเล่นแทนนะสิเหอๆ
ค้นจากแท็กอันไหนวะ ละกูจะรู้ได้ไงว่านามปากกาอะไร
มิกซ์แฟนฟิคในตำนานที่ยำทั้งเมะสลับเพศทั้งเกมจีบหนุ่มแวมไพร์ ตอนนี้คนเขียนผันตัวไปจีนโบราณอะ ลูกรักสถาพัง
เอ๊ะไม่ใช่ดิ ใช่บ็อกเซตรองจอคอมในตำนาน โร×ซ×นีย ป่าววะ ถ้าแวมไพร์สลับเพศจีบหนุ่ม
>>160 ใช่ คนที่ค้านได้คือเจ้าของลิขสิทธิ์ที่เอามาก็อป ปต่ที่ฟ้องๆนี่คือคนที่เอามาพูดอีกต่อ ซึ่งโดนกินนิ่มไปสิจ้ะ มึงพิสูจน์ได้แต่แล้วไง กฏหมายบ้านเรามันเอื้อให้เจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้นทาเอาผิดได้ คนนอกอย่างมึงถึงช่วยพูดแทนแต่ก็ไม่รอดอะจ้า
ครวยเหรอ ถึงว่าทำไมก็อปของนอกกันครึกโครม นอกจาเจ้าของตามเอาเรื่องไม่ได้ ก็มีคนพูดแทนที่สามารถเล่นงานมันกลับได้ต่อที่ให้พูดมาแม่งจะจริงก็เถอะ
รีวิว mso2 ของดดแม่ง... ไม่พ้นย่อหน้าแรกเจอสวมvrโยงmetaกูก็มองบนแล้วไม่นับที่เหลืออีก...นี่เขียนให้ชวนอ่านมากกว่านี้ไม่ได้เลยจริงดิ
>>162 มึงไปอ่านไอ้นิยายระบบที่ติด top 1 ตอนนี้ดิ เขียนชื่อตัวละครสลับกับอีกเรื่อง ตอดล่าสุดแมร่งเร่งงานเอามาลงจนไม่ตรวจคำผิด อ่านไปะดุดไปหัวจะทิ่ม นักอ่านยังชมแม่ง ยังซูฮก บางอย่างนิยายไทยมันแย่ลงมันไม่ใช่เพราะนักเขียนแย่ แต่มันเพราะนักอ่านมาตราฐานต่ำลง คำผิดเยอะจนหัวทิ่มแต่ไม่มีใครตำหนิ แถมต้องจ่ายเงินอ่านด้วยช่วงหลัง
>>164 มันน่าจะหมายถึงพอมีแต่นักอ่านกลุ่มคนง่ายๆสายป้อนเคี้ยว เลยไม่ต้องใช้ระดับภาษาไรให้ยุ่งยากเน้นขายง่ายมากเข้าว่าป่าว ก็นักอ่านตอนนี้มันมีแต่พวกเน้นอ่านงานกินง่ายไม่เคี้ยวยากไม่ย่อยลำบาก ถ้าจะเขียนริวิวให้สละสลวยแบบเมื่อก่อนใครแม่งจะอ่าน
แต่อีกมุมนึง กูว่าทีมงานอาจจะกากเอง5555 เพราะกูนี่สิงมาเกือบสิบปีคือเรียนจบไปพร้อมกันอะ ทีมงานมันก็มีพัฒนาการ(ในทางเหี้ยลง)เหมือนกันนะวุ้ย ถึงจะเป็นเพราะเปลี่ยนทีมคนละชุดก็เถอะ แต่สมัยก่อนทีมงานหยิบนิยายมารัวิวทีจะใช้ภาษาที่ค่อนข้างกระชับและสละสวยกว่า ถึงยาวหน่อยแต่ก็ตามอ่านจนจบรีวิวได้ ส่วนตอนนี้คือเน้นขายแบบฟีลทวิตฟีลเฟซอะ เน้นความฉับไวย่อส่วนเอา เร่งเร้าให้รีบจบๆไป
>>164 กูหมายถึงมาตราฐานนักอ่านมันแย่ลง คนเขียนนิยายมันเลยมักง่ายขึ้นเรื่อยๆ เพราะเขียนเหี้ย คนอ่านแม่งยังเสือกชม อย่างไอ้เรื่องที่กูยกอ้างมา ชื่อตัวละครสลับกัน ไปเอาชื่อพระเอกจากอีกเรื่องมาใส่อีกเรื่อง เอาชื่อนางเอกสลับเรื่องเพราะมันเขียนสองเรื่องพร้อมกัน
คำผิดเยอะแยะไม่ค่อยแก้ นักอ่านแมร่งก็อวย เนื้อเรื่องกูอ่านดูก็ไม่เห็นมีอะไร วนหลูบตบเกรียน ก็อบนิยายจีนมา ให้ระบบมากับตัวเอง จากตัวเอกโง่ๆควายๆ ได้ระบบช่วย อะไรก็ระบบ ถอดระบบออกพระเอกมันก็คือควายอะ พลอตก็ดาดๆ กูเลยงงว่าทำไมนักอ่านมันถึงอวย
>>166 https://writer.dek-d.com/TightTaradon/writer/view.php/?id=2302659
นักเขียนคนนี้มันก็มีข้อดีอยู่ มันเขียนลงวันละหลายตอน บวกกับมันไม่ค่อยลอยแพนักอ่าน มันเขียนจนจบเกือบทุกเรื่อง มั้ง
พวกมึงบอกว่ามาตรฐานนักอ่านต่ำลง นิยายกากๆแบบนี้ยังขึ้นTop1หมวดแฟนตาซีที่พวกมึงใฝ่ฝันได้
งี้ก็เป็นโอกาสดีเลยดิเพื่อนโม่ง ในเมื่อมาตรฐานนักอ่านต่ำลง พวกมึงสกิลเขียนเทพอยู่แล้ว น่าจะแย่งตำแหน่งtop1มาได้ไม่ยาก ขนาดนิยายไม่แก้คำผิด เขียนชื่อตัวละครสลับยังขึ้นท็อปได้เลยนะมึง
แล้วพวกมึงที่เก่งกว่า100เท่า ทำไมจะขึ้นไม่ได้วะ เร็วๆเลย รีบเขียนนิยายแล้วแย่งชิงTop20หมวดแฟนตาซีให้กลายมาเป็นนิยายของโม่งให้หมด
>>169 ต่ำลงในที่นี้คือต่อให้โทลคีนหรือป้าเจเคมาเขียน พวกแม่งก็ไม่อ่านเพราะมันชั้นสูงไป เหมือนขายสลัดผักในดงคนกินเนื้อ มันคงจะขายดีอยู่หรอก
คือตลาดนิยายตอนนี้คนอ่าน=เน้นงานเสพง่าย เคี้ยวแล้วป้อนให้กูด้วย ขอย่อยง่ายด้วย
คนผลิต=เน้นปรุงด่วนเร่งขาย คุณภาพไรไม่สำคัญ สับงานหยาบๆเข้าไปให้คนอ่านก็เสพเพราะมันย่อยง่ายดี
พอตลาดมันเป็นงงี้ นักเขียนนักอ่านคุณตะพาบคับแก้วจะอยู่รอดได้ไงวะ ต่อให้นักเขียนเทพขยันเข็นงานสู้ แต่ย่อยยากไปคนอ่านไม่แดกสุดท้ายก็ถูกถีบไปอยู่ใต้ตีนพวกขี้กาก กลับกันถ้าคนอ่านงานละเอียดมาเจอแต่งานหยาบงี้ ก็หนีไปเสพงานนอกดีกว่า มันเลยกลายเป็นวงจรอุบาทเพราะงานดีขายไม่ได้ นายทุนไรจะกล้าส่งเสริมล่ะ เลยเหลือแต่งานกากๆล้นตลาดที่พวกนักอ่านย่อยยากมาเจอกันก็คิดว่าเริ่ดแล้วอุปทานหมู่ต่อๆกันไปว่านี่คือดีที่สุด ต่อให้รู้ว่ามีงานที่ดีกว่านี้แต่จ้องพยายามอ่านหน่อยพวกแม่งก็ไม่เอาหรอก ต้องการให้เคี้ยวป้อนอะ
ถ้าอย่างนั้น ทางออกของนักเขียนชาวโม่งคืออะไรวะ ในเมื่อไม่สามารถเขียนนิยายให้ตรงกับความต้องการของนักอ่านเด็กดีได้ แล้วนักเขียนชาวโม่งควรเขียนนิยายให้ใครอ่านวะ
ทุกวันนี้ พวกเราชาวโม่งเข้ามาอ่านการสับนิยายกันเพื่ออะไร พัฒนาตัวเองไปเพื่ออะไร ในเมื่อนักอ่านชอบงานห่วยๆ จุดหมายของนักเขียนชาวโม่งคืออะไรกันแน่
รบกวนชี้แนะด้วย กูสับสนมาก
ส่วนตัว มองว่ากลุ่มคนที่อ่านนิยายเว็บไม่ได้ต้องการความเป็นวรรณกรรมมากขนาดนั้น ภาษาสละสลวยเติมคำเปลี่ยนคำ อุปมาอุปไมย noๆ เอาแค่คำง่ายๆ ให้อ่านรู้เรื่องก็พอ เนื้อหาเนื้อเรื่องก็ใช้สูตรสำเร็จวนไป ค่อยๆ แต่งให้มีเอกลักษณ์ของตัวเองไปเรื่อยๆ ถ้าจะคาดหวังของดี กุมองว่ามาผิดตลาดแล้ว เหมือนอยากกินเสต็กหรูแต่เสือกเข้า KFC หรือ Seven อ่ะแหละ
>>172 เอาจริงๆมันก็ไม่ได้ชอบงานห่วย งานดีพวกมันก็ชอบ แต่พวกมันก็ยังอ่านงานห่วยๆเหมือนกัน
พฤติกรรมของนักอ่านมันทำให้นักเขียนไม่เกิดความคิดอยากจะพัฒนาตัวเอง แถมมันพาลให้เกิดนักเขียนสวะที่มีความคิดแค่ว่า ไป COPY พลอตชาวบ้านมา เปลี่ยนชื่อตัวละคร ใส่เหตุการณ์หลักๆจากแรงบันดาลใจที่ได้มาโดยการ COPY เปลี่ยนรายละเอียดนิดหน่อย เอามาเขียนเปิดขายได้เงินหลักหมื่น สบาย แถมไม่มีคนด่าด้วย มันหนักตรงไม่มีคนด่านี่แหละ เสรือกมีคนชม สุดท้ายพอทำได้ มันก็ขบวนพาเหรดกันทำ จนมึงจะเห็นพลอตตบเกรียนวนหลูบเต็มนิยายติด top แก้ไม่ได้ว่ะ งานดีๆ งานละเอียดมันต้องใช้เวลาสร้าง คิด บรรจงเขียน แก้คำผิด มันเลยนานๆลงได้ที แต่งานกากๆมันไม่ตรวจคำผิด ภาษาวิบัด อ่านไปสะดุดหัวทิ่มต้องอ่านๆหยุดๆแล้วช่วยพวกมันแก้รูปประโยคในใจ งานแบบนี้มันพิมพ์ได้วันละ 3 ตอน 4ตอน แบบที่ไอ้นิยายระบบนั่นทำ จะแก้ต้องแก้ที่คนอ่าน อ่านแล้วต้องบ่น ต้องด่า ต้องตำหนิ สุดท้ายพอไม่มีใครตำหนิแต่ดันชอบ มันก็เป็นการผลักดันให้งานเขียนในยุคนี้ออกมามักง่าย ข้อมูลไม่หา เขียนเอามัน คำผิดบาน ก็อบคนอื่นมา พอตันก็ลอยแพ
>>172 จุดประสงค์การเขียนของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ในเมื่อเมิงจะพูดว่าเขียนงานไม่มีคนอ่านจะเขียนทำไม พล็อตไม่มีเหี้ยอะไรก็ขายได้ บรรยายไม่เป็น ยัดแต่บทพูด คลังคำเท่าจิ๋มมดก็มีคนอ่าน พวกเมิงจะพัฒนาจะวิจารณ์กันทำเฮียอะไร
กูก็จะบอกว่า กุเขียนยังไงก็ไม่มีคนอ่านอยู่แล้ว ก็เลยจะพัฒนางานให้ตัวเองภูมิใจ มันทางของกุ
กุผ่านความฝันจะเป็นนักเขียนแล้ว กุรู้ว่างานกุห่วยขายไม่ได้ แต่กุทิ้งความรู้สึกเวลาเขียนนิยาย ชอบเวลาที่จมกับการเขียนนิยาย กุก็ต้องเขียนเพื่อตัวเอง
พอผ่านความล้มเหลวมาเยอะแยะ มาวันนี้ ต่อให้มียอดวิวเยอะ แต่กูไม่โอเคกับงานตัวเองกุก็เท
จุดประสงค์มันต่างกัน การเขียนนิยายทุกคนไม่จำเป็นต้องมีเป้าหมายคือ ต้องมีคนอ่าน ต้องขายได้ มึงเป็นศิลปินด้วย เมิงเป็นพ่อค้าด้วย กุไม่ว่า
แต่ไอ้คนที่เป็นศิลปิน ติ๊ดแตกแดกไม่ได้มันก็มี อย่างกูไง
>>176 +1 กูก็อินดี้เขียนเพราะอยากเขียนเอามันไม่ได้เขียนเพื่อเอาใจใคร เขียนเป็นงานรองด้วยซ้ำเพราะกูมีงานประจำอยู่ละ อัปเดือนละ2-3ตอนอีก พล็อตไม่คลิเช่อีก เปิดขายได้เดือนละร้อยสองร้อยบาทเอง555 มีคนเม้นตอนละ2-3คนหรือบางตอนไม่มีเลยด้วยซ้ำ ก็แห้งแล้งพอตัวอะแต่กูแฮปปี้ละวะที่อย่างน้อยมีคนตามอ่านหลักพันนิดๆดลยนะวุ้ย แม้จะเขียนมานานเป็นปีแล้วก็เถอะ แถมยังผิดหลักสูตรขายง่ายอย่างที่โม่งวิเคราะห์ว่่าซอยตอนให้สั้นเน้นภาษาง่ายๆกูนี่อัดไปตอนละหมื่นคำกว่าๆ สิบหน้ากระดาษอัปทุกตอน บรรยายใช้พวกโวหารก็เยอะ
เอาเป็นว่าถ้ามึงเน้นเขียนเพื่อขาย เขียนเพื่อใช้หาแดก ก็เขียนตามตลาดตอนนั้นไป อย่างตอนนี้เน้นนิยายย่อยง่ายพล็อตกากๆเนื้อหาก็อปปี้วางแบบบิดนิดหน่อยเอางี้ ถอดสมองทำๆไป ถ้าเขียนเพราะอยากเขียนเองไม่ง้อคนอ่านไม่ใช่รายได้หลัก ก็เขียนแบบใช้สมองหน่อยละกัน นิยายทุกแบบมีคนอ่านอยุ่แล้ว แค่มากน้อยตามกระแสเท่านั้นอะ
ขอถามหน่อยในรี้ดมีหมวดไหน เทียบแล้วเหมือนอดีต ปจบ. อนาคต ในเด็กดีบ้างไหม เผื่อจะเอาไปลงจะได้เป็นการกระจายฐานคนอ่าน
>>180 กลิ่นไรไหนฝอยมาสิ
ว่าแต่แม่งเป็นนอร์มใหม่ไปแล้วจริงๆเหรอวะเดี๋ยวนี้ เห็นบ่อยมากพวกเขียนสดลงเว็บลงแอปพอหายมางอแง แม่งไม่เขียนลงเอกสารลงโน้ตมาก่อนกันเหรอวะ ก็อปวางจบไม่ต้องใช้เน็ตด้วย กูงง กูสับสน สมมุติมึงเขียนจบทำอีบุ๊คคือไง มานั่งแคปหน้าจอทีละตอนไปทำไฟล์PDFกันเหรอวะ
ไม่ใช่แค่เด็กดีอะ รี้ดก็เป็นเว็บอื่นก็เป็น มานั่งเขียนสดไงงี้เหมือนลุ้นแจ็กพ็อตแตก เน็ตสะดุดทีหายหมด ซึ่งไม่ใช่ความผิดเว็บด้วยซ้ำเหอะเรื่องเน็ตเนี่ย
>>181 บางคนมันไม่มีคอมไง ใช้มือถือพิมพ์เอา ลำบากยังไม่พอ ถ้าเน็ตมือถือสะดุดนิดนึงมันก็ไม่เซฟความคืบหน้าให้ กดอัปโหลดไปก็หายหมด หรือบางทีแอพรวนลงละหาย จะกดย้อนไปลงใหม่ก็ไม่ได้ ถือว่าเป็นความซวยส่วนบุคคล ทั้งๆ ที่ word ในมือถือมันก็มี หรือใช้พวก sheet ออนไลน์ทั้งหลายเอาได้แต่เสือกไม่ทำ (หรือไม่มีความรู้ก็ไม่ทราบ) มันเลยต้องจบแบบนี้ไงล่ะโม่ง
>>182 จะสมน้ำหน้าก็แรงไป เอาเป็นขอให้หายโง่ไวๆละกัน
แต่พวกแอปพวกเว็บนี่กูว่าเหมือนเขาทำมาเพื่อให้ช่วยปรับหน้าง่ายขึ้นปะ แบบบางคนเขียนในโน้ตที่มันไม่มีจัดย่อหน้าแรกให้หรือบรรทัดมันชิดไปช่องไฟมันห่างแปลกๆ พอลงแอปลงเว็บมันจะปรับออโต้ให้อะ ที่กูลิงนะ พิมพ์ในมือถือนี่แหละ ลงรี้ดมันจะปรับให้หมดเลยทั้งขนาดตัวอักษรงี้ แต่เสียอย่างแม่งข้อความที่กูทำกึ่งกลางไว้ มันดึงงชิดซ้ายหมดเลยสัส ส่วนเด็กดวกชอบเปลี่ยนสีตัวหนังสือกูจากสีดำปกติมาเป็นสีน้ำตาลไรงี้ บางทีก็ลบย่อหน้ากูหายกลายเป็นชิดหมดไม่มีย่อบรรทัดแรกงี้
แต่ดด.มันดีหน่อยตรงที่มีเซฟออฟไลน์ให้นะบนเว็บ กูเคยนั่งแก้รีไรท์อะตัดคำผิดเขียนเพิ่มไปนิดแล้วไฟดับเนตตัด มันยังเก็บไว้ให้วุ้ย บนแอปมือถือก็มีให้เลือกเซฟบนเครื่องไว้ก่อนด้วยงี้
แต่ใดๆคือไม่ควรพิมพ์สดนั่นแหละ เพราะมันเกี่ยวกับเน็ตด้วยอะ ต่อให้วันนี้มันเสถียรคนใช้น้อยงี้เลยไม่มีค้าฃ แต่ถ้าไฟดับเน็ตสะดุดทีไงก็ปลิวจ้า
เขียนนิยายในมือถือลำบากมากน่ะ ก็ไปซื้อ Bluetooth Keyboard มาเชื่อมต่อสิเอ่อ
เดี๋ยวนี้ทำไมบอร์ดนักเขียน โปรโมทกันถี่จังวะ
ไม่เข้าใจว่าชื่อก็บอกเป็นบอร์ดนักเขียน แล้วยังโฆษณาทุกวัน เพื่อให้นักเขียนที่เป็นคู่แข่งเหม็นขี้หน้ากันหรอ
>>187 มันมีคนใช้ผิดวัตถุประสงค์มาตั้งแต่แรกๆ เลยใช้ผิดกันมาตลอดทั้งๆ ที่แยกหมวดให้แล้ว ซึ่งเท่าที่กูเคยคุยกับพี่เว็บมาเข้าบอกว่า
สัพเพเหระ = คุยอะไรก็ได้ แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับนิยายก็จะดี
กลเม็ดเคล็ดลับ = แชร์เทคนิคหรือแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับงานเขียน
แนะนำเรื่องเด็ดโฆษณา = แชร์นิยายที่ตัวเองชอบให้คนอื่นอ่าน ประกาศว่ามึงแต่งเรื่องนี้จบแล้ว หรือแจ้งการเปิดขาย-เปิดจอง(พวกนิยายทำมือยุคที่ยังไม่มีระบบติดเหรียญ)
ปัจจุบันนอกจากใช้ผิดแล้วยังทำพร่ำเพรื่อจนมันรกหน้าหลักไปหมด เด็กรุ่นหลังมาเห็นเลยเข้าใจผิดว่าสามารถใช้แปะได้ทุกครั้งที่ลงตอนใหม่ก็ยิ่งรกเข้าไปอีก ถ้าอยากสื่อสารกับนักอ่านจริงๆ แม่งควรทำเพจเฟซบุ๊ก ทวิต หรืออะไรก็ได้ที่ไม่ใช่บอร์ดนักเขียน ถ้าเป็นในเฟซจะฟลัดกี่โพสก็เรื่องของมึงเพราะเป็นเพจมึงเอง แต่มาฟลัดในบอร์ดนี่ไร้สาระ นักอ่านก็รู้แค่แจ้งเตือนจากกระดิ่งแค่นั้นแหล่ะ
>>190 ปสด.ว่ะ แค่โฆษณาบ่อยๆก็ทนเห็นได้ดี(ตรงไหนวะ)กว่ากันไม่ได้วุ่ย เอาจริงไอ้พวกที่น่ารำคาญกว่าคือพวกถามแบบไม่หาก่อน แถมถามซ้ำๆกันแบบอาทิตย์เดียวก็เจอมู้ถามหัวข้อเดียวกันไปสิบกว่ามู้จนหลอนละสัสเป็นเทรนด์ไรป่าววะ หรือขอให้ช่วยคิดทุกอย่างทั้งชื่อทั้งพล็อตแบบขอขนาดนี้มึงไม่ต้องเขียนเองเลยจ้างนักเขียนผีไปเถอะ
"ที่เป็นแบบนี้นั้นเป็นเพราะว่าขณะที่ชายที่ถือไม้กำลังฟาดมาที่หัวของxxxนั้น xxxก็ใช้ร่มแทงสวนไปที่แขนข้างหนึ่งของเขาทันที" พวกมึงอ่านประโยคบรรยายฉากการการต่อสู้แค่ส่วนนี้แล้วรู้สึกว่ายังไงบ้างวะ คือกูสงสัยว่าทำไมนักอ่าน อ่านอะไรทำนองนี้แล้วแบบยังอวยกันได้
>>193 1)ลำดับการเล่ามันย้อนไปย้อนมา มึน 2)ใช้คำที่กำกวมทั้งที่ไม่ควรกำกวม ไอ้แขนข้างหนึ่งเนี่ย มันน่าจะบอกไปเลยว่าซ้าย ขวา ในฉากต่อสู้ จุดที่ชัดเจนได้ก็ควรชัดเจนเลย 3) อันนี้ส่วนตัวกูนะ กูว่ามันรู้สึกขาดอะไรไปซักอย่างตรงท้าย รวมกันแล้วถ้ากูแก้ มันน่าจะเป็น "ในพริบตาที่ไม้ฟาดลงหัวของxxx เขา/เธอ ก็ใช้ร่มแทงสวนเข้าแขนซ้ายของศัตรูไปในทันที (สาธยายต่อเล็กน้อย)" อะไรทำนองนั้น
>>193 ยืดเยื้อเกินไป ที่ถูกต้องควรเป็น "ก่อนไม้ในมือของชายแปลกหน้าจะทุบโดนxxx แขนข้างที่ถือไม้ก็ถูกxxxแทงสวนด้วยร่มเสียก่อน เกิดเสียงดัง ฉัวๆๆๆ ขึ้นหลายครั้ง แล้ว xxx ก็กลิ้งกุดุสๆๆๆๆๆๆ หนีไป ย๊ากกกกก วิงวอคคคๆๆคคคคค xxx ตะโกนระหว่างใช้สกิลพรางกายเพราะคิดว่ามันเท่ดี"
เกิดเสียงดัง ฉัวๆๆๆ กุดุสๆๆๆ
ในขณะที่ชาวโม่งจมปลักไม่พัฒนา พี่ตุ๋นกบที่เคยถูกชาวโม่งวิจารณ์ ตอนนี้เขียนนิยายเรื่องใหม่ คว้าอันดับTop2หมวดแฟนตาซีที่ชาวโม่งใฝ่ฝัน เท่านั้นไม่พอ ยังติดTop10หมวดรวม
ทำให้กูเห็นว่า เล่นโม่งไปก็เท่านั้น นักเขียนที่เคยโดนโม่งด่า กลับได้ดิบได้ดี ได้อันดับ ได้เงิน ขณะที่ชาวโม่งจมปลัก ไม่เคยพัฒนา น่าขำชิบหาย วันๆถกเรื่องไร้สาระ ไม่เห็นว่าจะทำให้ชีวิตนักเขียนของกูปังขึ้นสักนิด สู้กูไปเลียไข่ตุ๋นกบ เผลอๆยังได้เทคนิคมาพัฒนาตัวเองมากกว่า
>>200 มึงนี่ก็ขยันโทรลดีจังวะ
เอางี้ สมมุติว่ามึงไม่ได้โทรลแต่คิดอย่างที่มึงพิมพ์มาจริงๆ เดี๋ยวกูจะบอกอะไรดีๆ ให้
เรื่องอยากไปเลียไข่ตุ๋นกบก็เลียได้ตามสบาย ถ้าคิดว่าวิธีนี้คือทางออก เป็นทางลัดที่ง่ายและดีสำหรับมึงก็ไม่ผิดอะไร แต่กูจะแนะนำว่าให้ไปดูนิยายของไอดีชื่อท่านโซ เจ้าของเรื่อง Deva wizard คนที่ไอ้ตุ๋นกบลอกแนวทางมาอีกทีแทนจะดีกว่า เพราะเทียบกันแล้วครูไอ้ตุ๋นเหมือนจะทำได้ดีกว่าอยู่นิดหน่อย โดยเฉพาะความเก่งด้านการยืดเรื่องหลอกแดกคนอ่าน
ปัจจัยที่ทำให้มันติดท็อปไม่ใช่ความเก่งกาจ คุณภาพ ฝีมือ แต่เป็นความถี่ วิธีใช้กระแส การศึกษาตลาด และวิธีโฆษณาของมันต่างหาก มีอยู่ช่วงนึงที่มันมาดราม่าในบอร์ดนักเขียน มันยอมรับเองว่าวางแผนก่อนเขียนตลอด ศึกษาตลาดว่าทำยังไงคนอ่านในเด็กดีจะติด และมันเป็นสายเขียนเพื่อขายอย่างแท้จริง ดังนั้นแล้วถ้ามึงจะเอามันมาเป็นแบบอย่าง กูบอกอีกรอบก็ได้ว่าไม่ผิด หากเป้าหมายของมึงมีแค่อยากติดท็อป อยากขายนิยายที่แต่งแล้วไม่จบสักเรื่อง หลอกแดกเงินคนอ่านวนไป แค่นั้นจริงๆ
สังเกตจากสำนวนของมึงคงแล้ว คงจะเป็นคนเดียวกับโม่งที่มาแซะว่าถ้าคนในโม่งเก่งจริงทำไมไม่ขึ้นไปยึดท็อปหมวดให้หมด กูเลยสงสัยว่าอะไรทำให้มึงมั่นใจขนาดนั้นว่าในท็อปหมวดไม่มีพวกกูอยู่ ต่อให้ไม่ใช่แฟนตาซีก็เถอะ กูว่ามันมีอยู่แล้วแต่อาจไปยึดกันหมวดอื่น อ่านวิธีการพิมพ์เทียบกับพวกแจ้งข่าวหรือทอล์คท้ายตอนบางคนก็ยังดูออกเลยแค่ไม่อยากไปแหกโม่งกันเล่น (ผีมันย่อมเห็นผีอยู่แล้ว) เพจนิยายบางคนที่กูมั่นใจนี่เด้งขึ้นมาตรงหน้าฟีดเฟซกูรัวๆ เลย ไม่รู้ว่าอัลกอริทึ่มของเฟซบุ๊กแม่งทำได้ไง โดยเฉพาะอีคนที่แต่งนิยายวายอะ อย่าให้รู้นะว่าแอบส่องเพจกูเหมือนกัน (ฮึๆ)
2 บรรทัดสุดท้ายของมึงนี่โจมตีว่าโม่งกาก แล้วมึงมาเล่นโม่งทำไมวะนั่น ถ้าคิดได้แล้วว่าในโม่งมันไม่มีสิ่งที่มึงตามหาจะเลิกลงมาเล่นก็ไม่มีใครว่า ก็ไปหาอ่านนิยายไอ้ตุ๋นได้ตามใจมึง สิ่งที่มึงจะได้ไม่ใช่วิธีเขียนนิยายให้ดีขึ้น แต่เป็นทำยังไงให้นิยายขายได้แม้จะคุณภาพแบบนั้น
เอาจริงๆ สาเหตุที่ทำให้ตุ๋นกบโดนด่าในโม่งหลักๆ ไม่ได้มาจากเรื่องฝีมือการเขียน แต่เป็นความจองหองอวดดี ความไม่รู้จักวางตัวในฐานะ Author เพราะตั้งแต่สิงในเว็บนี้มากูไม่เคยเจอนักเขียนคนไหนที่ลงไปปะทะกับคอมเมนต์ด่าของนักอ่านบ่อยเท่ามันมาก่อน บางอันก็ด่าซะหยาบจนสงสัยว่านี่คือคนเรียนจบสูงมาจริงดิ นักอ่านข้องใจพล็อตโฮลก็ด่า นักอ่านงงเนื้อเรื่องเพราะมันเล่าวกวนก็ด่า โดนแซวนิดเดียวก็ยังจะด่าว่าเขากวนตีนเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่เหมือนมันเคยบอกไว้ว่าถ้าใครดีมามันก็ดีกลับ ด่ามามันก็ด่าคืน กูมองว่าวิธีคิดแบบนี้มันเด็กน้อยเกิน ไส้ในจะเป็นคนเหี้ยยังไงอย่างน้อยเราก็ต้องสงวนท่าทีไว้บ้าง ไม่งั้นอีกหน่อยพลาดล้มขึ้นมา มันมีคนพร้อมจะขุดเรื่องเหี้ยๆ ในอดีตของเรากลับมาซ้ำได้เสมอแหล่ะ
แล้วเรื่องรายได้นี่นะ กูแม่งฮา ที่มันเอารูปมาโชว์ว่าได้เดือนละ 8,000-10,000 เพราะมีคนสบประมาท เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำมากๆ จะได้เยอะหรือได้น้อยแม่งก็อย่าหาทำ ถ้ามันเยอะเดี๋ยวมีปัญหาเรื่องภาษี ถ้ามันน้อยคนเขาจะถ่มถุยเอาว่าได้แค่นี้แล้วเสือกอยากอวด จากดราม่ารอบนั้นทำเอากูอายแทนเลย เพราะมันมีนักเขียนอีกเยอะที่ขายได้ประมาณนี้ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีแฟนคลับเหนียวแน่นซึ่งอาจขายได้มากกว่าอีก
ก็คงต้องยอมรับแหล่ะว่ามันทำให้นิยายคุณภาพเท่านั้นขายออกนี่ถือว่าเก่งใช้ได้ ในสายตากูมองว่ามันไม่ใช่นักเขียนแต่เป็นนักขายมากกว่า อะไรหลายๆ อย่างมันผิดจากที่กูเคยถูกสอนมา โดยเฉพาะการมองนักอ่านว่าเป็นแหล่งรายได้ ถ้าเน้นขายความสนุกความบันเทิงอย่างเดียวมึงจะกลายเป็นนักขาย แต่นักเขียนจะแต่งนิยายที่คนอื่นอ่านแล้วเขาได้อะไรมากกว่าแค่ความสนุก นั่นแหล่ะคือความแตกต่าง แม้จะเป็นนิยายที่ขายเหมือนกันแต่คุณประโยชน์มันต่างกัน
เรื่องที่ว่าไม่พัฒนาอันนี้กูคงต้องเถียง เพราะมันมีอยู่แล้วคนที่ได้ประโยชน์จากการตามอ่านโม่ง แล้วที่กูมาเขียนในโม่งเนี่ยไม่ได้กะจะสร้าง Super Writer รุ่นใหม่ออกมาประดับวงการ กูไม่ได้ถามหาความสมบูรณ์แบบ แต่กูอยากช่วยเด็กหัดใหม่ให้พอรู้พื้นฐาน หรือรู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำถ้าคิดจะแต่งนิยายสักเรื่อง สำหรับพวกที่มีของติดตัวอยู่หรือเป็นพวกที่มีฝีมือพอสมควร ก็จะได้เปิดหูเปิดตาแลกเปลี่ยนทรรศนะ อะไรที่ดีอยู่แล้วก็จะดีขึ้นอีกได้ มันเหมาะกับคนที่เปิดใจยอมรับแล้วมองข้ามความเหี้ยหรือความสถุนของการใช้ภาษา เท่าที่อ่านๆ มา ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนในนี้จะเขียนเพื่อความดัง ความรวย หรือความมีที่ยืน
คนที่อยากเติบโตอย่างช้าๆ มันมี และคนที่อยากหาทางลัดแบบมึงมันก็มี ดังนั้นมึงไม่จำเป็นต้องมาว่าร้ายโม่งก็ได้ เพราะถึงจะว่าไปบนดินมันก็ไม่รู้เรื่องอะไร ถ้าอยู่โม่งแล้วไม่ชอบก็แค่กลับขึ้นไป จะศึกษาจากตัวอย่างที่มึงคิดว่าตอบโจทย์ทำได้จริงอย่างทั่นกบก็แล้วแต่มึง แต่อยากให้มึงคิดสักหน่อยว่ากับคนที่แม้แต่ชื่อไอดีและวิธีแต่งนิยายยังเลียนแบบเขามา (ท่านโซ-ท่านกบ) มึงคิดว่าจะได้อะไรเจ๋งๆ จากคนแบบนี้เหรอวะ คนที่ทะเลาะตบตีกับเกรียนบนหน้านิยายตัวเอง คนที่อวดรายได้ต่อเดือนเพราะโดนแขวะนิดเดียว หรือคนที่ด่านักอ่านว่าคอมเมนต์เยอะเกินจนรำคาญเสียงแจ้งเตือนจากแอพ(ทั้งๆ ที่จะปิดเสียงก็ได้) มึงอยากเลียไข่คนแบบนี้จริงๆ ดิโม่ง
ปล.ดราม่าเสียงแจ้งเตือนคอมเมนต์คราวก่อน กูว่าจริงๆ แล้วไม่มีอะไรหรอก แต่อยากขิงว่ามีคนอ่านนิยายมันเยอะเฉยๆ
>>207 >>207 เฮ้ยๆใจเย็น อย่ามโนด่าผมเป็นตุเป็นตะสิท่าน เอานี่ผมออกตัวจริงๆเลยนะ ผมนี่ตัวจริงคนที่ท่านด่านั่นแหละ ไอ้ข้อเสียที่ท่านด่าผมน่ะ ผมก็ไม่ได้เถียงหรอกที่ผมชอบหัวร้อนใส่นักอ่าน มันเป็นลักษณะนิสัยเกรียนที่แก้ไม่หายครับท่าน เด็กน้อยจริง ผมก็ด่าตัวเอง...[มันติดเป็นโรคจิตไปแล้ว ก็ถ้าผมคุมได้แก้ได้เส้นทางนักเขียนผมมันน่าจะรุ่งและดีกว่านี้หลายขุม]
ไอ้ที่ด่าผมมา เรื่องจริงผมก็ยอมรับนะครับ แต่มันก็มีเรื่องที่ไม่จริง ไม่มีมูลเลย อย่างเรื่องที่ผมเป็นคนนิสัยเหี้ยนี่ จริงๆไม่ใช่ครับ ในชีวิตจริงผมแทบจะไม่เคยเอาเปรียบใครเลย ผมเป็นแบบนี้จริงๆ ในบอร์ดนักเขียนที่ผมโดนด่า ก็เพราะผมใช้แอทเค้าท์จริงลงมาพิมพ์ ผมไม่เคยเอาแอทหลุมมาพิมพ์ มันดูไม่ฉลาดก็จริง แต่ผมไม่อยากเฟค ผมก็เป็นคนแบบนี้แหละท่าน อย่างที่ผมปรากฎตัวออกมาแก้ต่างในโม่งนี่ก็ไม่ฉลาด แต่ลักษณะนิสัยผมเป็นแบบนี้
อีกเรื่องที่ขอแก้ต่างคือ เรื่องที่ผมไปลอกแบบนิยาย ลอกแบบการเขียนจากท่านโชมา อันนี้คือไม่จริงเลย ในชีวิตผม ผมอ่านนิยายท่านโชไปไม่เกิน 15 ตอนครับ อ่านเพื่อดูคุณภาพงานว่าไอ้คนนี้น่ะ ที่มันติดอันดับอยู่เหนือยนิยายเราได้ มันคู่ควรไหม เก่งกว่าเราจริงไหม พอผมเข้าไปอ่านในหลายจุด มันก็ทำให้ผมยอมรับว่าเขาเก่งกว่าผมจริงๆ เนื้องานเขาดีกว่า ภาษา ความละเอียดอ่อนในหลายมุม การวางพล็อต ดังนั้นมันเลยเกิดการยอมรับว่าเขาเก่งกว่าผม >> ส่งผลให้เกิดกระทู้อวยใน Dek d ที่ท่านพิมพ์ถึงกันจนเป็นดราม่าตลกโปกฮานั่นแหละ ส่วนเรื่องการไปลอกแบบการเขียน ลอกพลอตเรื่องอื่นมา อันนี้มันพูดยาก แต่จากใจผมคิดพลอต คิดทุกอย่างเองนะครับ ไม่ได้ไปเอาเรื่องอื่นมาเลย อืม..อย่างโลกาวินาศนี่มันก็ก้ำกึ่งกับการ Copy Gantz อยู่หน่อยๆ แต่ถ้าอ่านเนื้อใจแบบไม่มีอคติจะรู้ว่าต่างแบบคนละโยชน์อยู่นะครับ ทั้งเนื้อหาที่เน้นรักกุกกิก ใส่ระบบมา เอาเถอะพูดไปก็เกิดเป็นการแก้ตัว
เฮ้ยแต่ผมไม่ได้เหี้ยขนาดนั้น นี่เอาจริงๆนะ แค่พิมพ์ด่านิยายคนอื่นเสียๆหายๆผมยังไม่เคยทำเลยท่าน ผมก็แค่คนที่คิดไงพิมพ์แบบนั้น การสื่อสารผ่านตัวอักษรมันอาจจะไม่ตรง มันอาจจะทำให้ผู้รับแปลความหมายผิดไปบ้าง
ส่วนนิยายของผมที่ถูกด่าว่าห่วย มันมีส่วนที่ห่วยจริง อย่างเรื่อง Tales of Yuyan ที่เขียนไม่จบนั่นน่ะ ผมไปอ่านนิยายตัวเองย้อนหลัง บอกตามตรงว่าผมยังอายเลย แก้แล้วแก้อีกก็ไม่ค่อยจะดีขึ้น สำนวนสับสน สำนวนไม่นิ่ง มันมีคนอ่านดังมาได้ยังไงผมยังถามตัวเองถึงทุกวันนี้ครับ อันนี้เข้าใจในความห่วย แต่มันก็มีจุดที่สนุกของมันอยู่ ด้วยเพราะเป็นนิยายเรื่องแรกที่เขียนโดยแทบจะไม่ได้วางพลอต เขียนเพราะอยากเขียน มันเลยห่วยครับ ห่วยก็ไม่แปลก ซึ่งเส้นทางนักเขียนมันก็ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ ผมเข้ามาอ่านโม่ง ผมก็มีส่วนที่ได้ความรู้ แต่บางส่วนพวกท่านก็ด่าผมเกินจริงไปบ้าง นิยายผมมันมีส่วนที่ห่วยจริง อันนี้ยอมรับ ซึ่งที่ผมโดนด่ามา ผมก็ได้ความรู้และเอาไปพยายามปรับปรุงนะ มันมีส่วนที่ห่วย มันก็มีส่วนที่ดีและสนุกครับ เพราะถ้าไม่สนุกคงไม่มีคนอ่านหรอก ก็นั่นแหละ ด่าผมได้ แต่อย่าเว่อร์เกิน สงสารกูบ้างเถอะ นักเขียนเหมือนกัน !
เรื่องเขียนนิยายเอาเงินน่ะยอมรับ ผมไม่ได้ยืนอยู่บนจุดของความฝัน เขียนนิยายมันเสียเวลา ทุกคนต่างรู้ คนเราพอโตแล้วมันจะทำสิ่งที่รักอย่างเดียวไม่ได้หรอก เพราะคนมันมีภาระ ทำแล้วต้องได้เงินด้วยนะ มันถึงทำได้ดีไปรอด ซึ่งผมก็ไม่ได้ทำเพราะเงินอย่างเดียว ผมทำเพราะสนุกอยากจะเขียนด้วย และผมเป็นสายเขียนบนเว็บ ไม่ได้รวมเล่มทำหนังสือขาย ขนาด EBOOK ผมยังไม่ทำเลยเพราะคิดว่านิยายตัวเองยังดีไม่พอ ขอขัดเกลาฝีมืออีก 2-3 ปี ในเมื่อเป็นสายเขียนบนเว็บ ยอดวิว การติดอันดับ หรือหลายๆอย่างมันช่วยหมดนั่นแหละครับ เพราะแบบนั้นมันเลยต้องโฟกัสยอดอันดับด้วย
เฮ้ย...ไอ้ห่า กูแอบอยู่ของกูเงียบๆมาตั้งนาน ไอ้ที่ด่ากูซะยับมันก็ผ่านไปเป็นปีๆแล้ว ไม่ต้องขุดกูขึ้นมาเป็นประเด็น !
เออถ้าว่างก็เอาผลงานเรื่องล่าสุดกูมาสับก็ได้นะ ไม่ว่าหรอก โดนสับอาจจะรู้สึกแย่ก็จริง แต่มันก็ได้ประโยชน์ กูรับได้
ขอแก้ตัวอีกเรื่อง เรื่องที่เขียนนิยายไม่จบสักเรื่อง โลกาวินาศจบแล้ว ยอดยุทธสองโลกก็กำลังจะดันให้จบ ที่ไม่จบมีสองเรื่องคือ ยูยาน มันเละเกิน บวกเนื้อหาเยอะ แก้ไม่ไหว รอเขียนเรื่องใหม่ปังๆสักเรื่องจนมีเวลาไม่ได้พะวงเรื่องเงินจะกลับไปแก้ เรื่องย้อนเวลาอันนี้คงดองยาว เฮ้ยแต่กูเขียนจบไป 1 เรื่องแล้ว และกำลังจะจบอีกเรื่อง อย่าด่ากูเกินจริง กูมีความรับผิดชอบและกังวล + รู้สึกผิดต่อนักอ่านระดับหนึ่ง
>>208 เออ กูขอกลับมาแก้ตัวอีกเรื่อง กูคือนักเขียนคนหนึ่งที่พยายามจะยกระดับคุณภาพนิยายให้มันดีขึ้น ไม่เชื่อมึงลองไปอ่านงานดูดีๆ นอกจากไอ้เรื่อง [Yuyan] เรื่องนั้นมันมั่ว + เละจริง แต่เรื่องอื่นๆ กูพยายามจะหาข้อมูลมาอ้างอิง ใส่ความเรียล ใส่รายละเอียด หาข้อมูลเท่าที่กูจะหาได้มาอ้างอิงนะ กูไม่ได้ชุ่ยขนาดตั้งธงเขียนๆไป กูก็พยายามยกระดับงานในแบบของกูเท่าที่ความสามารถจะอำนวย
เอาง่ายๆ กูอวยตัวเอง กูก็ไม่ได้เป็นนักเขียนที่เหี้ยขนาดนั้น การเอาอย่างก็มันไม่ได้ผิด เขียนนิยายทำในสิ่งที่รักไปด้วย ได้เงินไปด้วย ค่อยๆพัฒนาแก้จุดบกพร่องของตัวเองไป มันมีกว่าการอยู่กับอุดมคติ เขียนแล้วไม่มีคนอ่าน สุดท้ายก็ต้องจางหายหมดกำลังใจ การจะขายของมึงก็ต้องศึกษาตลาด ศึกษาพฤติกรรมนักอ่าน ศึกษาความต้องการ การจะเขียนนิยายให้ติด top มันก็มีวิธี มีศิลปะในการเขียนของมันอยู่ ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่พวกคุณโม่งทั้งหลายควรศึกษาจากนิยายที่ติด top ไม่ใช่เข้าไปอ่านแล้วจ้องด่าอย่างมีอคติอย่างเดียว การทำแบบนั้นมันไม่ได้อะไร! บายขอหายตัวซุ่มเป็นโม่งต่อแล้ว
>>210 >>211 อ่านแล้วหลอนเลย ไม่รู้ตัวจริงรึเปล่าแต่ขออนุญาตคิดว่าเป็นตัวปั่นไว้ก่อน เพราะถ้าอิงจาก reaction ในหน้านิยาย ขนาดบนดินยังเถื่อนสัส ถ้าเป็นตัวจริงลงมาในโม่งสงสัยด่าสวนกูเละเทะไปแล้ว
แต่ถ้าเป็นตัวจริง จะบอกว่าเขียนจบแล้วก็ดีอย่างน้อยได้มีไว้แก้ต่างบ้างเวลามีคนจะโจมตี คือกูก็ไม่ได้ตามอ่านนิยายเรื่องอื่นๆ ด้วยเลยไม่รู้ว่ามีเขียนจบเหมือนกัน ถ้าเรื่องใหม่มีพัฒนาการขึ้นมาจริงๆ ก็ดี เขียนไปนานๆ มันก็ดีขึ้นกันทุกคน สมัยก่อนที่มีเรื่องดราม่ากันในบอร์ดคือมันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะว่านิยายดีหรือแย่ แต่เป็นวิธีการตอบกระทู้ที่ดูใจร้อนต่างหาก คนเขาอ่านแล้วเลยรู้สึกว่ามึงไม่เป็นมิตร บางคนที่หัวร้อนง่ายเหมือนกันอ่านแล้วเลยหมั่นไส้ไปอีก ถ้าหัดควบคุมอารมณ์ตัวเองตอนตอบความเห็นได้ก็จะดี มันจะมีประโยชน์มากๆ ในอนาคต แล้วที่บอกว่าไม่ได้เลียนแบบแนวทางการแต่งจากท่านโซ แล้วทำไมแนวมันคล้ายกันจังวะ หรือช่วงนั้น (2-3 ปีก่อน) แนวนี้กำลังมาแรง ตายแล้วไปเกิดใหม่ต่างโลกยุคกลางขุนนางฝรั่งแต่มีระดับพลังแบบจีนเนี่ย
เออ แต่ก็ช่างมันเถอะ พักหลังๆ นี้ไม่ค่อยได้คุยเกี่ยวกับมึงเท่าไหร่ เดี๋ยวนี้ก็เริ่มสอนเด็กใหม่ให้มันมองความจริงบ้างแล้วเหมือนกันว่าถ้าแต่งนิยายแบบเดิมมันติดท๊อปยาก ขายก็ขายไม่ค่อยออก พวกสายอนุรักษ์จัดๆ ก็เริ่มบอกให้ลองผสมผสานแนวทางใหม่ๆ อย่าให้มันยึดติดกับขนบธรรมเนียมเกินไป ถ้ามีใครมาถามแนวทาง เทคนิคการแต่ง ว่างๆ มึงก็มาช่วยเด็กใหม่ด้วยก็ดี
>>207 กูลืม ขอกลับมาแถอีกประเด็น คนเข้าใจผิดกูเยอะ ในกระทู้ที่กูแสดงรายได้น่ะ ช่วงนั้นมันหลายปีแล้ว 3-4 ปี + แล้วมั้ง ตอนนั้นการเขียนนิยายออนไลน์ขายมันยังไม่ได้แพร่หลายเหมือนตอนนี้เลย คนยังไม่กล้าติดเหรียญกันด้วยซ้ำ
กูทำเพราะไม่ใช่อยากจะอวดรายได้ แต่กูแสดงให้นักเขียนหน้าไม่เขาได้เห็นว่าการเขียนนิยาย มันสร้างรายได้ ได้จริง กูทำไปทำไม? มึงมองกูแย่ มึงเลยตีเจตนากูเหี้ย ว่ากูมาอวด เปล่าไม่ใช่ ฟังเหตุผลของกู
กูน่ะชีวิตก็ไม่ได้ราบรื่นหรือดีพร้อม กูก็มีช่วงวิกฤตชีวิต งานการย่ำแย่ ครั้งพอจะผันตัวมาเขียนนิยาย กูก็สับสน ว่าไอ้การเป็นนักเขียนมันจะสร้างรายได้ให้กูได้ไหม กูจะเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงครอบครัว ส่งตัวเองเรียนไหวไหม กูอยากรู้รายได้นักเขียนออนไลน์ ว่าอาชีพนี้มันไปได้จริงไหม? สรุปกูหาข้อมูล ถามใครก็ไม่มีใครตอบ กูไม่ได้อะไรเลย หาข้อมูลไม่ได้ ไม่มีความรู้เลย นั่นคือสิ่งที่กูเจอในยุคบุกเบิก พอกูเริ่มตั้งลำ มีประสบการณ์ ฟันฟ่าจากการลงไปลุยสนามนักเขียนหารายได้จริง กูได้ความรู้มา กูก็เอามาเผยแพร่ เพื่อให้นักเขียนรุ่นใหม่ๆเขามีข้อมูลในการตัดสินใจ ประเมินผล นั่นคือจุดประสงค์ของกู
เห็นรายได้กูหมื่นบ้างสองหมื่นบ้าง บางเดือนช่วยพีคๆโลกาวินาศนี่ก็มีเดือนสี่หมื่น ห้าหมื่น กูก็เข้าใจว่ามีคนเก่งกว่ากู คนทำได้เยอะกว่ากู แต่พวกนั้นมันเคยมาให้ความรู้เป็นวิทยาทานไหม? คำตอบคือไม่ไง? เอาเป็นว่าตอนนั้นกูยังเป็นคนดีอยู่ กูเลยอยากช่วยเหลือให้ข้อมูลนักเขียนใหม่ๆ สุดท้ายถูกนักเขียนด้วยกันหมั่นไส้ ช่วงหลังมานี้กูก็ไม่ออกตัวแรงอะไรทำนองนั้นแล้ว เพราะกูเข้าใจทำดีมีเจตดี เสมอตัว พลาดมาโดนซ้ำหนัก บางทีการจะพยายามเป็นคนดีในสังคมแม่งก็ยาก สังคมนักเขียนนี่น่ากลัวสัส กูได้มารู้ก็ช่วงที่กูโดนถล่มนั่นแหละ
สุดท้ายจุดประสงค์ที่กูหวังดี ถูกมองเป็นการอวด ตลกขบขัน อืมก็นะ ก็อย่างที่บอก มันคือการสื่อสารผ่านตัวอักษร ผู้รับอาจจะแปรเจตนาเราผิด + กับบุคคลิคของกูในการกระแทกตอบนักข่าวยเลยทำให้คนหมั่นไส้ จริงๆกูไม่ได้เหี้ยแบบที่มึงคิดนะ
>>213 กูว่าแม่งตัวจริงแล้วแหง คงไม่มีใครบ้ามานั่งตอบยาวเหยียดแบบนี้แล้วถ้ามาปั่นเฉยๆ ช่วงนั้นมันมีคนจ้องเล่นงานมึงเยอะด้วย เวลามึงทำอะไรเลยกลายเป็นโดนมองแง่ร้ายไปซะหมด บางทีเวลาสับนิยายเรื่องอื่นกูก็เอามึงมาแซวเล่นบ้างเหมือนกัน (อ่านแล้วจั๊กจี้ดีไหม) ถ้าเดี๋ยวนี้มีโอเคขึ้นแล้วก็ดี มีอะไรก็มาปรึกษากันได้
ส่วนสังคมนักเขียนมันก็อย่างที่มึงบอกนั่นแหล่ะ ลึกๆ แล้วแม่งโคตรเดือด พร้อมจะแทงข้างหลังกันได้ตลอดเวลาไม่ต่างจากในโม่ง เพียงแค่ข้างนอกมันต้องระวังตัวไม่แสดงท่าที่อะไรประเจิดประเจ้อเฉยๆ เห็นพูดกันเพราะๆ ใจจริงอาจรอกระทืบซ้ำตอนพลาดอยู่ก็ได้ สังคมแบบในโม่งมันเลยอยู่ง่ายกว่าข้างบน ไอดีหลักในบอร์ดกูยังไม่ค่อยอยากคุยกับใครเลย เขียนนิยายเงียบๆ ไปนั่นแหล่ะ เพราะถ้าตอบกระทู้แล้วบางทีมันมีดราม่าขึ้นมา ขี้เกียจเห็นพวกตามมาด่าถึงหน้านิยาย
ถ้ามึงเป็นพี่ตุ่นจริงกูสบายใจล่ะว่ามึงเหี้ยจริง กูไม่เคยรู้สึกอะไรกับมึงนะแค่ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างในโม่งบ้างเท่านััน แต่มึงช่วยยืนยันแล้วว่ะ
>>215 กูรู้ว่ามึงมาปั่นนะ แต่กูก็แค่มาใช้สิทธิ์พื้นฐาน คนถูกกล่าวหา มันก็ต้องมีสิทธิ์ที่จะชี้แจง อันนี้กูก็มาชี้แจงในมุมของกูให้ได้ฟัง ส่วนจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ ซึ่งกูก็ไม่ได้สนใจหรือเก็บเอาที่คนอื่นมาตัดสินกูเท่าไหร่ ก็แค่ขอใช้สิทธิ์ชี้แจงให้ผู้มีปัญญาเขามาอ่าน แล้วใช้ปัญญาตัดสินเจตนาของกูก็เท่านั้น
บายจริงๆแล้วนะ อันนี้ของจริง ! ขอหายตัว วิ้งๆๆๆๆ
>>212 กูไม่ได้เลียนแบบมัน นิยายยูยานกูลงก่อนท่านโชอีก แต่กูเขียนๆหายๆ หยุดๆ มันเลยเหมือนว่ากูมาทีหลัง จริงๆกูมาก่อน แล้วกูจะไปเลียนแบบมันได้ไง? ไอ้ที่บอกว่าอ่านนิยายท่านโชไปไม่เกิน 15 ตอนนั่นเรื่องจริง เรื่องยูยานนี่กูเริ่มเปิดเรื่องมา 5-6 ปีได้แล้วมั้งบางทีนานกว่านั้นอีก กูก็จำไม่ได้ ตอนนั้น ร.9 ยังอยู่อะมึง ก็อย่างที่บอกกูเขียนๆหยุดๆ [กูกลับไปดูประวัติมาแล้ว กูเปิดขายได้เงินก้อนแรกจากยูยานช่วงกลางปี 60 แสดงว่ากูต้องเขียนเรื่องนี้ก่อนกลางปี 60 ปี 60 นี่เด็กดีพึ่งจะเอาระบบขายนิยายเข้าเลย มึงไปย้อนดูว่าเรื่องของท่านโชนั่นเขาลงทีหลัง นี่ยืนยันได้เลยว่ากูไม่ได้ไป Copy]
ส่วนแนวคิดว่ายศขุนนางยุคกลาง พลังแบบกำลังภายในเอามาจากไหน น่าจะได้แรงบันดาลใจจากเรื่อง panlong นิยายจีนนั่นแหละ กูอ่านเรื่องนี้จบเป็นเรื่องแรก แต่มันไม่ดังในไทย มันใช้ชื่อยศขุนนางแบบฝรั่ง เออเรื่องนี้แหละ ช่วงแรกกูก็เขียนบอกไว้อยู่ว่าแรงบัลดาลใจมาจากเรื่องนี้ YuYan มันคือชื่อโลกของพระเอกในเรื่องนี้แหละ
ห่า...ว่าจะหายตัววิ้งวับ แต่ลืมตอบประเด็นนี้เลยกลับมาตอบให้หายสงสัย
โม่งๆ กูแวะไปหานิยายอ่าน ทำไมแฟนฟิคจอมยุทธภูติถังซานถึงเยอะเหี้ยๆ เลยวะ แล้วแม่งอยู่ผิดหมวดมั่วไปหมดเลยด้วยนะ
ตกลงตัวจริงป่าววะ ถเาเป็นตัวจริงนี่แบบ มากกว่าที่กุคิดไว้เยอะเลย อห
เมื่อกี้เล่นบอร์ดเจอปล่อยอึ่งรีวิวนิยายเจ๊เป่ยหนิง กดเข้าไปดูนิยายที่พี่แกเขียนเพิ่มจากเรื่องขาสปริงกับวายร้ายพันธุ์E ทำไมมันหันมาแต่งสายหื่นรัวๆ เลยวะ ตรงมุมปกคาด 18+ ไว้เรียบร้อย อะไรดลใจให้พี่แกมาทางนี้เนี่ย
>>231 ก็นั่นแหละ ถ้ารักการเขียน มันก็ต้องหาวิธีทำให้เขียนแล้วอยู่รอด เขียนไปวันๆไม่ได้เงิน ไม่ได้รายได้มันรอดยากนะ เพราะงานเขียนมันเหนื่อยและใช้เวลา
พอมาเขียนเรื่องเสียว มันไม่ต้องคิดพลอตอะไรเลย แก่นหลักเรื่องมีอย่างเดียวคือ จ้องจะเย็ดกัน ดังนั้นก็ว่ามันเข้ากับปล่อยอึ่งนะ ทางของมันล่ะมั้ง
สับนิยายแก้ว่างหน่อย จริงจังมาหลายเรื่องละ รอบนี้เอาฮาบ้าง
พอดีช่วงก่อนเห็นคุยกันเรื่องทำไมโฆษณาในบอร์ดกันบ่อย ละเหลือบไปเห็นภาพปกวาดเองของน้องแกแล้วอดใจไม่ไหว ไม่รู้ว่าเป็นความโรคจิตของกูเองหรือเปล่า พอเห็นปกวาดเองทีไรอยากลองอ่านเนื้อในทุกที คราวนี้พูดตรงๆ ว่าคนละอารมณ์กับของนารุตะกี้ ถึงจะวาดไม่ค่อยสวยเหมือนกันแต่ความกล้าที่จะออกแบบคอมโพสิชั่นเองทำให้กูมองไอ้เด็กนี่ในแง่บวกมากกว่า นรตก. โอเค มาดูกันเลยว่าจะรอดหรือร่วง
The LinkSlayer : Cycle of Other-World
https://writer.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=2304634
ความประทับจวยแรกหลังจากกดลิงก์เข้ามาคือไอ้เหี้ยแต่งหน้านิยายได้ปวดตามาก แสบตาสัสหมาพ่องมึงตาย กูเลยพอเข้าใจแล้วว่าทำไมผ่านไป 12 ตอนถึงได้ยอดวิวมาแค่ 130 จากที่แวะเข้าไปอ่านดู ทั้งๆ ที่เนื้อหาตอนหนึ่งๆ ก็ยาวใช้ได้อยู่ กูว่าแม่งคงเป็นเพราะพื้นหลังเหี้ยๆ แบบนี้แหล่ะ เลยไล่แขกออกจากร้านแบบยังไม่ได้ขายของ หน้าแรกคือไม่ผ่านอย่างแรงโว้ย
จะบอกยังไงดีวะ อาจเป็นเพราะนักเขียนมันยังเด็กอยู่เลยมีความอยากแต่งโน่นประดับนี่ สมัยก่อนกูก็เป็นนะ หยุดเสาร์อาทิตย์ทีไรก็นั่งหาโค้ดตกแต่งมาใส่พื้นรูปหลัง ลบแบนเนอร์ ตัดเส้นขอบ แต่พอแก่ตัวเข้าแล้วมันขี้เกียจว่ะ ขนาดหน้าปกยังหาตัดแค่รูปอะไรง่ายๆ มาติดไว้แบบไม่มีชื่อเรื่องด้วยซ้ำ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกูพบสัจธรรมว่าพอมีแฟนคลับอยู่ในมือจำนวนหนึ่ง หน้าปกมันไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าไหร่ ชื่อเสียงของนามปากกาคึอขายได้ในตัวของมันเอง กูเลยใช้ Theme ที่เว็บให้มาไม่เปลี่ยนอะไรมาก ใส่ปกครอบตัดง่ายๆ สักรูปให้ดูน่าสนใจขึ้นบ้าง (ดีกว่าไม่มีรูปปก) แล้วมาใส่ใจกับพวกชื่อเรื่อง คำโปรย กับการโฆษณาเรื่องใหม่บนหน้านิยายเรื่องเก่าที่กำลังจะจบแทน แค่นี้ก็กินนิ่มแล้วง่ายๆ ไม่ต้องเสริมเติมแต่งอะไรให้ยุ่งยาก
ปกนอกเป็นผลงานสไตล์เฉพาะตัวแบบคนวาดเอง effect สเปรย์ออร่ารอบตัวละครทำให้รู้ว่าคงใช้ Paint วาดอีกตามเคย อันนี้แล้วแต่คนจะมองแล้วกัน ชื่อเรื่องโกอินเตอร์แต่หน้าปก อบต. เปรียบเสมือนเป็นการ contrast ให้เข้าถึงศาสตร์หยิน-หยาง ...... กูว่ากูพอก่อนดีกว่าเดี๋ยวจะไม่เหลือเซลล์สมองไว้สับนิยาย
ส่วนคำโปรยแม่งกลวงมาก เขียนอะไรไม่รู้ไร้แก่นสาร คือมันบอก setting คร่าวๆ แต่ไม่มีความน่าสนใจผสมอยู่เลย แล้วพระเอกมึงนี่ชื่อเจหรือเจยกันแน่ใส่การันต์ผิดชีวิตบัดซบเลยนะ ชื่ออังกฤษเป็น Jayz แต่ชื่อไทยอ่านว่า เจยส์ แล้วกูต้องเข้าใจว่าอ่านเป็นคำว่า เต หรือ เตย กูนี่รู้สึกเหมือนไมเกรนใกล้จะแดกอีกแล้วสิ สำหรับ Tag นี่ก็เละพอกัน เข้าใจว่าอยากหว่านแหกว้างๆ แต่หว่านแบบนี้มึงโดนแหรัดคอตัวเองตกเรือจมน้ำตายแน่
ปกรองมีรูป พระเอก-นางเอก แบบวาดเองพร้อมประวัติย่อแปะอยู่ ดูๆ ไปแล้วนึกถึงเรื่องเบนเท็นขึ้นมาตะหงิดๆ อ่านแล้วกลัวใจว่าอีกหน่อยถ้ามีตัวละครมาเพิ่ม สงสัยได้แปะต่อลงล่างยาวเป็นพืด ซึ่งแม่งไม่ต่างอะไรกับระดับพลังของแนวจีน รกส่วนเนื้อหาปกรองแล้วไม่ได้ทำให้นิยายน่าติดตามเพิ่ม คือใครอยากให้ข้อมูลแนวนี้ มึงเขียนไปเลยก็ได้ว่านิยายเรื่องนี้มีระดับพลังนะครับ/คะ แต่ไม่ต้องเขียนหมดทุกอย่างบนปกรอง ไปหาจังหวะเนียนอธิบายในเนื้อเรื่องเอา ประวัติตัวละครมึงใส่เป็นตอนแยกพิเศษหลังเดินเรื่องไปแล้วสักพักก็ได้ คนที่มีใจอยากอ่านเขาก็จะเปิดดู ส่วนสายเสพเนื้อเรื่องเขาก็ข้าม มันมีอยู่แค่นั้นแหล่ะ
นักเขียนอาจมือใหม่มากจริงๆ ทั้งเรื่องนิยายและเรื่องวาดรูป ไม่รู้ดิ สำหรับกูปกรองคือจุดที่ควรใช้กระชากคอเสื้อนักอ่านเข้าร้าน ไม่ใช่จุดแปะใบปลิวหรือติดเมนู ถ้าหน้าปกนอกล่อคนเข้ามาอ่านปกในได้ ปกในต้องทำให้คนอยากไปอ่านเนื้อหาต่อ เข้าเรื่องเลยให้ตรงประเด็นอย่าเทข้อมูลใส่คนอ่านตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มตอนแรก เดี๋ยวแม่งก็จบลงแบบเรื่องนี้ไง 130 วิว (ส่วนหนึ่งก็เพราะพื้นหลังแสบตาของมึงด้วยอะสัส)
จากสิ่งที่กูเขียนไปข้างต้น ประกอบกับการใส่การันต์ผิดที่ของเจ้าของเรื่อง จากที่คิดว่าจะสับ 2 เรื่อง (เรื่องนี้เอาฮา เรื่องหน้าเอาจริง) คงต้องลดเหลือเรื่องเดียวไปก่อน อธิบายยังไงดีให้พวกมึงเข้าใจ อะ เอางี้ ให้ลองนึกถึงคนเรียก เจย์โชว ว่า เจยโชว หรือเรียกนกม็อคกิ้งเจย์ เป็นม็อคกิ้งเจย แล้วพวกมึงอาจเข้าใจหัวอกกูขึ้นมาบ้าง
ตอนที่ 1 : Introduction : Other-World Setting
(เป็น POV 1 ความยาวต่อตอนเยอะแต่แม่งไม่ค่อยรู้เรื่อง)
เปิดมาบทแรกก็ Infodump ใส่กูทันที อธิบายเซตติ้งโลกเบื้องหลังที่ชื่อ other-world คือเป็นเหมือนมิติคู่ขนาดกับโลกจริงแบบเรียลไทม์ แต่โลกนี้ใช่ว่าทุกคนจะเข้าไปได้ (แล้วมึงเติม ... ต่อท้ายทุกประโยคทำไมวะ) ในพื้นที่ที่โดนเรียกว่าต่างโลกมีคน 3 กลุ่มที่คานอำนาจกันอยู่คือ สเลเยอร์ เอเลเมนเทอร์ กับศาลแห่งโชคชะตะ (ห๊ะ?) แล้วไอ้ศาลแห่งโชคชะตะเนี่ยถูกอธิบายว่าเป็นศาลเตี้ยของทางการและให้ความเป็นธรรมมากที่สุด เป็นศาลที่ขึ้นตรงกับพวกสเลเยอร์
เดี๋ยวนะ... กูขอทำความเข้าใจแป๊บ ไอ้ศาลชะตะเนี่ยถ้าขึ้นตรงกับสเลเยอร์ มันก็ไม่คานอำนาจกันแล้วดิวะ เพราะเรื่องจะเปลี่ยนเป็น สเล,ชะตะ เป็นพวกเดียวกับส่วนเอเลนี่เป็นชนกลุ่มน้อย 1 ต่อ 2 เสียง
อีกอย่างคือศาลเตี้ยที่ให้ความเป็นธรรม... [ค] ุณ [ว] ่า [ย] ังไงนะ ? ศาลเตี้ยที่เป็นธรรม ระบบแบบเดียวกับกฏหมายตราสามดวงหรือไง
ต่อจากเรื่องสามกลุ่มนี้ก็เป็นประวัติพี่เจยอีกละ เจยเป็นโรคซึมเด้าเพราะอะไรบางอย่างก่อนเรียนจบมัธยม อยู่ดีๆ ก็มีเสียงปริศนามากระซิบบอกว่ามึงกำลังจะเทพซ่าแล้วนะ ว่าจบก็ infodump หนักๆ อีกรอบ อธิบายเกี่ยวกับ Link Guage พลังที่พระเอกได้มา ย่อจากข้อมูลที่กูโดนเทใส่ได้คร่าวๆ ว่า เกจพลังนี่เมื่อถูกใช้แล้วจะเติมจาก 1 กลับมาเป็น 100% ได้ ภายใน 10 วินาที สกิลพิเศษต่างๆ ใช้แล้วเกจจะลดมากบ้างน้อยบ้าง แต่ห้ามให้ลดจนถึง 0 ไม่งั้นพี่เจยจะสู่ขิต บอกได้เลยว่าเป็นสเกลพลังที่ไร้สมดุลสุดๆ เพราะตัวละครเอกมีเกจสกิลที่ถ้าไม่ควายจริงๆ ก็คงไม่มีทางลดลงไปถึง 0 แปลว่าอะไร ก็แปลว่าใช้สกิลได้เรื่อยๆ ตราบใดที่บริหารลิงก์เกจให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมไง กลายเป็นนิยาย Power Fantasy ดาดๆ อีกเรื่องไปเช่นเคย
อีกอย่างที่สำคัญคือ อย่าเอาประเด็นเรื่องโรคซึมเศร้ามาใช้ในนิยายถ้ามึงไม่ได้มีความรู้จริงๆ จะออกแบบให้ตัวละครเอดจี้มาดเข้มอะไรก็ช่าง ถ้าไม่ได้เข้าใจเรื่องความผิดปกติของสารเคมีในสมอง ขอแนะนำว่าควรจะเลี่ยง ระวังจะไปทำร้ายผู้ป่วยโดยไม่รู้ตัว แถมอาจเจอคนรู้จริงมาด่าคาบ้านตรงหน้านิยายอีกด้วย ท้ายตอนมีพูดว่าเจยจะไปหาเพื่อนที่บวชเป็นพระ เพราะได้ข่าวว่ามีคนร้ายจ้องจะแดกพระอยู่ โดยไม่มีการอธิบายที่มาที่ไป พี่เจยก็ออกตามล่าคนร้ายเพื่อทดสอบพลังที่ตัวเองได้มาหน้าตาเฉย
ตอนที่ 2 : Chapter 1 : Latest and Strongest Slayer
ก่อนจะเข้าเรื่อง กูขอบ่นเรื่อง . ในนิยายหน่อย แม่งจะเยอะไปไหนวะ SFX ก็ด้วย บู้มๆ ผั๊วะๆๆ อย่างกับนิยายมาสปอบ ส่วน ! กับ ? ก็เยอะไม่แพ้กัน ถ้าจะให้ตรงคอนเซปที่เคยคุยว่าจะมองข้ามข้อเสียกระจอกๆ พวกนี้ กูคงต้องหุบปากก่อนเลย เพราะดูทรงแล้วนักเขียนคงเด็กมาก เป็นมือใหม่ไร้ประสบการณ์ถึงขั้นที่หมอยอาจยังไม่ทันขึ้น ก็เปลี่ยนมาดูด้านการเดินเรื่องแทนดีกว่า
มีแวะเยี่ยวถึงบรรยากาศตอนพระริวเดินกลับวัด ว่าโดนชายหัวโล้นเดินตาม สักพักไอ้โล้นก็โผล่มาดักหน้าจะจับพระริวแดก พี่เจยคนเทพโดดมาขวางแล้วถีบไอ้โล้นไร้หน้าจนกระเด็น คนร้ายใส่ชุดขาวแต่พระเอกใส่ชุดดำสงสัยกลัวว่าพี่เจยจะไม่หล่อเท่เอดจี้ พอหยุดการโจมตีแรกได้แล้วพี่เจยโชว์การใช้พลังครั้งแรก คือนักเขียนมันอธิบายด้วยการใส่ข้อมูลท่าคล้ายพวกนิยายระบบในรูปแบบ
ปากพระเอกตะโกน "ชื่อท่าที่ถูกเปลี่ยนสีตัวอักษรตามหลักอะไรไม่รู้" [จำนวน % ที่ต้องจ่ายแต้มเกจ] > คำอธิบายสกิลและสิ่งที่เกิดขึ้น
พลังฝ่ามือที่สิ้นเปลืองเกจ 2 % ถูกยิงใส่พี่โล้นชุดขาวกระเด็นตกเขี่อนที่พระริวชวนสีกามาดู พอพี่เจยจะไปดูว่าตายหรือยัง ไอ้โล้นตัวร้ายแปลงร่างกลายเป็นงูขาวหลายหัว ก็มีฉากต่อสู้กันอีกนิดหน่อย เปลืองเกจไปอีก 1+7 % พี่โล้นชุดขาวที่เรียกตัวเองว่า Monk Eater (แหม ชื่อนี่นะ) เปลี่ยนใจอยากแดกพี่เจยแทนพระริว สุดท้ายพี่เจยโชว์เทพด้วยชื่อท่าอะไรไม่รู้อ่านไม่ออก เพราะเสือกเปลี่ยนสีตัวหนังสือเป็นสีเหลืองบนพื้นหลังสีครีม เห็นแค่ใช้เกจ 5+1 % จนพี่โล้นงูขาวสู้ต่อไม่ไหว สักพักมีตำรวจจากศาลแห่งชะตะดรรม (เขียนงี้จริงๆ) โผล่มาจับตัวพี่โล้น ตำรวจบอกขอบคุณพี่เจยก่อนที่ตัวเอกของเราจะโดดหายไปในความมืด ทิ้งพระริวให้งงแดกว่ากูมาทำอะไรที่นี่
ตอนที่ 3 : Chapter 2 : New Trouble
พี่เจยไปลงทะเบียนหอนอนในมหาวิทยาลัยในชุดฮูดดำ กางเกงขาสั้นสีดำ(ที่มีกระเป๋าติดอยู่หลายๆ ช่อง) แว่นกรอบสีส้ม ร้องเท้าอะไรไม่รู้ไม่ได้บอก ลงทะเบียนเสร็จก็เจอเพื่อนชื่อครูเกอร์เดินมาทัก ระหว่างที่กำลังคุยกับเพื่อนพี่เจยสังเกตเห็นนิสิตใหม่ในชุด... ประมาณว่าคล้ายสก๊อยละกัน (มหาลัยมึงนี่ฟรีสไตล์เรื่องชุดดีจังนะ) ท่าทางมีพิรุธก็เลยใช้สกิลจากลิงก์เกจตรวจสอบเธอดู พบว่าดูข้อมูลได้แค่ชื่อว่าเธอคือดีโอน่า ทั้งๆ ที่ปกติดูคนอื่นได้ทุกอย่าง ถึงจุดนี้กูงงนิดหน่อย มหาวิทยาลัยในไทยที่มีคนชื่อฝรั่ง แต่ตอนที่แล้วเพื่อนพระชื่อริว ถ้าตอนหน้ามีคนชื่อญี่ปุ่นโผล่มากูคงไม่แปลกใจละ ตรงนี้มีย้อนอดีตนิดหน่อยตอนครูเกอร์โทรหาพี่เจยเดือนก่อน ไอ้เจยของเราน่าจะอกหักแหล่ะ ซึ่งตรงนี้กูจะให้การบ้านพวกมึงไปศึกษาดูว่า การอกหักทำให้เกิดโรคซึมเศร้าได้หรือไม่ (อ่านตรงนี้แล้วหงุดหงิดเหี้ยๆ)
ทีนี้ก็ตัดกลับมาปัจจุบันพี่เจยหายจากโรคซึมเด้าเพราะมีพลังลิงก์เกจมาลบดีบัพออกให้จนสารเคมีในสมองกลับมาเป็นปกติ (ช่างแม่งแล้วกันวะ) ก็คือพยายามใช้เพื่อนที่ชื่อครูเกอร์ในการ tell ว่าพี่เจยยังคงดูจืดชืดเศร้าหมอง ทั้งๆ ที่บทสนทนาในตอนมันสดใสวัยรุ่นอย่างกับแนวสโลว์ไลฟ์วัยเรียน ไม่เห็นมึงจะเงียบๆ เครียดๆ อะไรเลย ตอนช่วงบ่ายมีกิจกรรมวิ่งแข่ง ตัวร้ายกากๆ 3 ตัวพยายามแกล้งพี่เจยแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะพี่เจยเทพซ่า สุดท้ายพวกที่คิดแกล้งพี่เจยโดนลงโทษเพราะวิ่งเข้าเส้นชัยเป็นที่โหล่ ก็มีฉากอาฆาตตามสูตรแบบกากๆ ก่อนจบตอนมี cliff hanger เป็นลูกธนูพันจดหมายยิงใส่หน้าพี่เจย บอกให้พี่เจยมาเจอกันที่โรงอาหารของมิติต่างโลก
ตอนที่ 4 : Chapter 3 : Queen the Revenger
พี่เจยไปถึงก็เจอหญิงสาวปริศนาผู้มาในชุด... อืม ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าแต่มีกระดาษทิชชู่ห่อทั่วตัวโผล่มาแค่ตาดวงเดียว ยังไม่ทันได้ทำอะไรพี่เจยก็เก๊กแล้วพูดว่าปกติคนที่จะเข้ามาในมิติต่างโลกได้ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ แต่ผมน่ะไม่ต้องใช้ก็เข้าได้ (มึงจะอวดทำไม) สาวทิชชู่ขู่พี่เจยว่าอย่ามายุ่งกับแผนการกำจัดพวกบูลลี่ ทำเอาพี่เจยงงว่าอ้าวมึงไม่ใช่คนที่เรียกกูมาสู้เหรอ น้องกระดาษชำระบอกว่าพูดเรื่องอะไรของมึง แล้วก็เข้าเล่นงานพระเอกเพราะคิดว่าพระเอกจะมาแย่งเหยื่อที่ตัวเองเล็งไว้ มันมีฉากต่อสู้สั้นๆ 5 บรรทัด แต่ตอนแรกกูจับใจความไม่ได้ หลังจากต้องอ่านทวนหลายรอบสรุปออกมาได้ว่า น้องทิชชู่จับตัวดีโอน่า (สาวนิสิตลึกลับ) เอาไว้ก่อนแล้ว พี่เจยหลบการโจมตีด้วยกระดาษชำระพิเศษตัดยังไงก็ไม่ขาดของสาวทิชชู่ไปได้พร้อมกับช่วยดีโอน่าที่กำลังสลบอยู่ออกมา
พอเอาดีโอน่าไปวางไว้แล้วพี่เจยก็กลับมาสู้กับน้องทิชชู่ด้วยสกิลชื่อสีฟ้า สีเขียว สีชมพู สีม่วง สีน้ำตาล สู้ไปสู้มาน้องชำระสู้ไม่ไหวแต่ตั้งใจว่าต้องฆ่าพี่เจยให้ได้ ซึ่งกูไม่รู้ว่าทำไมทั้งการต่อสู้รอบนี้และการต่อสู้กับ Monk Eater ตัวละครที่เป็นศัตรูถึงพ่นคำว่า "ตาย" กับ "ฆ่า" ออกมาเยอะแบบเกินความจำเป็น คือมันเรี่ยราดมากเลยนะ บางช่วงไม่จำเป็นต้องพูดมึงก็ยัดปากให้มันพูด แรงจูงใจก็กากๆ ลอยๆ ตัวแรกเพราะพี่เจยไปขัดขวางตอนจะแดกพระริว ส่วนตอนหลังคือมาขัดขวางน้องทิชชู่ไม่ให้ฆ่าดีโอน่า สรุปพี่เจยแม่งขี้เสือกเอง โผล่ไปอยู่ผิดที่ผิดทางโดยบังเอิญได้อย่างเหมาะเจาะตอนกำลังจะเกิดเรื่องพอดี Plot device ก็เสกเอาจากความว่างเปล่า เช่นตอนแรกที่ไปช่วยพระริวเพราะได้ข่าวคนร้ายแล้วอยากทดสอบพลัง ส่วนคราวนี้มีลูกธนูท้ารบยิงใส่ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ผู้เขียนจู่ๆ ก็อยากให้เกิดขึ้นในเรื่องจนอาจทำให้ผู้อ่านงงสัสถ้าไม่ถอดสมองก่อนอ่าน
พอน้องทิชชู่สู้ไม่ได้เลยระเบิดพลังซุปเปอร์ไซย่าหมอยทองจนร่างกายเป็นแมกม่า แต่ก็แพ้ให้กับพี่เจย์ไปอย่างง่ายๆ สู้ไม่ไหวแล้วยังจะปากดีด่าพี่เจยว่าเพราะมึงช่วยคนพวกนี้ ทำให้มีคนโดนรังแกในมหาลัยไม่จบไม่สิ้น พี่เจยเถียงกลับว่าที่ทำอยู่ตอนนี้มันเป็นงานของพวกศาลเตี้ยไม่ใช่เรา ถ้าทำแบบนี้มันจะผิดกฏหมายเอา น้องทิชชู่ไม่ยอมสนหีแตดใดๆ ก่อนพยายามจะระเบิดตัวเอง พี่เจยคนเทพโชว์ความหล่อเท่ใช้สกิลจากลิงก์เกจคลุมร่างดีโอน่าเอาไว้แล้วคิดหาทางให้ทุกคนรอด
ตัดฉากไปที่ครูเกอร์ในโลกจริง อธิบายว่าอยู่ดีๆ ก็รู้สึกร้อนขึ้นมา ในหอนอนโคตรร้อนยิ่งใกล้โรงอาหารยิ่งร้อน แล้วบรรยายต่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในมิติต่างโลกจะส่งผลมายังโลกจริงไม่มากก็น้อย แล้วจบตอนไปแบบงงๆ
(แถมพิเศษ 1 ตอน)
กูสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อเลยแวะไปอ่านตอนถัดมา เนื้อหาช่วงแรกย้อนอดีตไปช่วงที่น้องทิชชู่ยังเป็นนักเรียนธรรมดา เธอโดนเพื่อนๆ รุมแกล้งจนเกือบฆ่าตัวตาย อยู่ดีๆ ก็มีชายใส่สูทโผล่มาช่วยน้องล้างแค้นแล้วพาเข้าองค์กรแห่งการแก้แค้น จากนั้นน้องก็กลายเป็นผู้มีพลังบังคับกระดาษชำระใยเหล็กกล้า โดยมีไอ้หนุ่มชุทสูทลึกลับเป็นคนให้งาน ตัดมาถึงช่วงปัจจุบันน้องชำระสลบเหมือดเพราะโดนตีนพี่เจย อยู่ดีๆ ไอ้ชุดสูทเนี่ยก็ออกมาคุยกับพระเอกบอกว่าพระเอกขัดขวางน้องกระดาษ เท่ากับเป็นศัตรูกับองค์กรของผม ดังนั้นคุณก็ตายเสียเถิดครับ (ชื่อองค์กรว่าเบียวแล้ว ไอ้เหี้ยนี่วิธีพูดจาเบียวพ่อบ้านหนักยิ่งกว่า) จบตอนไปแบบ Cringe ๆ
การบรรยาย : เอาตรงๆ เลยคือค่อนข้างอ่านไม่รู้เรื่อง สัดส่วนของอันที่พอจับใจความได้กับที่ต้องอ่านซ้ำเป็น 50 ต่อ 50 ทักษะการเล่าเรื่องให้เห็นภาพยังไม่ดีพอ แล้วยังจะขยัน flashback ด้วย ระดับภาษาและสำนวนในเรื่องขึ้นๆ ลงๆ ช่วง infodump อ่านแล้วรู้สึกแฟนตาซี แต่ชีวิตมหาลัยรู้สึกเหมือนอ่านนิยายรักวัยรุ่น บทสนทนาซ้ำซาก โดยเฉพาะฉากต่อสู้ที่มีแต่คำว่า "ตาย" กับ "ฆ่า" เต็มไปหมด ให้ความรู้สึกเหมือนอ่านเด็กเบียวเอดจี้เขียนฉากต่อสู้ให้เพื่อนในชั้นอีกคนอ่านแล้วหวังให้เพื่อนรู้สึกว้าววว เมพขิงๆ เป็นผลงานของนักเขียนมือใหม่ไร้หมอยเหมือนที่กูบอกไปข้างบน ถ้าเจ้าของเรื่องอายุพ้นวัยหมอยเริ่มงอกแปลว่าอ่านนิยายมาโคตรน้อย หรือมีแบบอย่างที่ผิดเพี้ยนจนทำตามแล้วออกมาเป็นงี้ คือถ้าในอีก 10 ปี ข้างหน้ายังเป็นนักเขียนอยู่แล้วกลับมาอ่านเรื่องนี้ของตัวเอง กูว่าต้องมีคนชักดิ้นชักงอเพราะถูกความ Cringe ถาโถมเข้าใส่อย่างแน่นอน
การเดินเรื่องพยายามจะเร็วแต่ทำออกมาได้ไม่ดีนัก รีบจนไม่ค่อยได้รับรู้ความเป็นไประหว่างทาง หรือเขียนบรรยายแบบที่เข้าใจเฉพาะตัวเอง ฉากต่อสู้ไม่มี flow of action นึกภาพตามไม่ออกรู้แค่ว่ามีใช้สกิล มีเตะต่อย ตลอด 5+1 ตอนที่กูอ่านมาสรุปได้ใจความว่า 1.พระเอกได้พลังลิงก์แล้วกลายเป็นสเลเยอร์ 2.พระเอกไปช่วยพระริวเพราะได้ข่าวว่ามีตัวแดกพระอาละวาด 3.สู้กับมินิบอส (โล้นงูขาว) 4.ไปมหาลัยเจอนางเอก, เพื่อนชาย 5.สู้กับมินิบอส (น้องทิชชู่) 6.อดีตน้องทิชชู่+รองบอส (พี่สูทดำ) มันทำให้กูรู้สึกว่านิยายเรื่องนี้ทำออกมาเพื่อเน้นขายฉากแอคชั่นและความเทพของพี่เจย แต่ดันไปได้ไม่สุด ทำให้จุดขายมันขายไม่ออก เนื้อหาส่วนอื่นคือเล่าแบบลวกๆ สรุปว่ากลายเป็นพังในทุกๆ ด้าน
ตัวละคร : ตัวร้ายทั้งหลายเป็นแบบใช้แล้วทิ้ง ไม่มีเสน่ห์หรือที่มาที่ไปเพราะมีหน้าที่แค่โผล่มาให้พระเอกตบเล่น เป็นความพยายามร้ายแบบกูจะฆ่ามึงเพราะมึงขวางทางกู ความผูกพันธ์หรือภูมิหลังตัวละครเอกเน้นเล่าแบบผิวเผินซึ่งสามารถเข้าใจได้ในความเป็นมือสมัครเล่น ที่จำได้หลักๆ เลยเหลือแค่ "พี่เจยเทพซ่ากับชื่อสกิลหลากสีของเขา" ออกแบบตัวละครมาได้แบนราบ พยามยาม force drama แบบไม่มีความรู้ สร้างเพื่อนพระเอกให้เป็นตัวละครคอยตบมุกหรือเล่าสถานการณ์ทางอ้อมสั้นๆ ใช้ tell มากไปจนตัวละครไม่มีชีวิตชีวาและเกิดการหลุดคาร์บ่อยครั้งจากบทสนทนาที่มันดูสงบสุขเกินจริง เมื่อเทียบกับ tell ที่บอกเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเอกต้องเผชิญ
เนื้อเรื่อง : 5 ตอนผ่านไปมีสู้กัน 2 ครั้ง กับโดนกลุ่มนักเลงมาขัดแข้งขัดขานิดหน่อย ถ้ามันไม่มีการเล่า infodump ช่วงแรก กูจะงงกว่านี้มากว่ามันเกิดอะไรยังไงบ้างในเรื่อง เพราะมันรีบจัด พยายามจะเดินเรื่องให้เร็วแต่ทำไม่ถูกวิธี จนทำให้เนื้อเรื่องขยับไปได้แค่นิดเดียว ในสายตานักเขียนอาจคิดว่านี่ไงผ่านไปตั้งเยอะแล้ว เขียนก็ยาวด้วย จากซึมเด้าในบ้านออกมาช่วยพระแล้วไปมหาลัยเพื่อบวกกับน้องกระดาษต่อ คำถามคือพอพระเอกมีพลังลิงก์เกจแล้วก็คือจบงี้เหรอ เดินหน้าสร้างความเทพซ่าแล้วก็ถอนตัว ไม่มีข่าวไปถึงพวกเบื้องบนเลยรึไง (หรือกูคาดหวังเยอะเกินไปเองว่านักเขียนมันจะคิดได้)
ภายในความยาวของแต่ละตอน (นับเฉพาะ 2-4) มันใช้พื้นที่อย่างสิ้นเปลืองไปกับชื่อสกิล, การลดของเกจ และคำอธิบายสกิลอย่างมหาศาล
story telling ทำได้แย่เพราะเน้นแอคชั่นมากกว่าเล่าเรื่อง ตามหลักการพื้นฐานสุดๆ อย่างแผนผังแบบสามเหลี่ยมมันยังต้องมีการวางแผนว่าตรงไหนควรขึ้นตรงไหนควรลง จุดนี้คือสัพเพเหระ จุดนี้คือ trigger จุดนี้คือ peak แต่เรื่องนี้มันไม่มีเลย ไม่มีทั้ง warm-up ทั้ง cool-down จนออกมาเป็นสงบสุข 1 ตอน สู้ 1 ตอน ได้เบาะแส 1 ตอน นี่กูยังไม่ได้พูดถึงเรื่องการแทรกฉากย้อนอดีตนะ แต่คงไม่ต้องพูดแล้วก็ได้ คือมันก็ห่วยๆ จืดๆ ทำให้เกิดอารมณ์ร่วมไม่ได้ ความซาบซึ้งใจคือไม่มี เหมือนหีแห้งแล้งกระตุ้นไม่ขึ้น
จุดเด่น : สีชื่อสกิล
จุดด้อย : อ่านด้านบนมาครบก็คือตามนั้น
คะแนน : ชื่อพระเอกวางการันต์ผิดที่ / 10
ความเห็นส่วนตัว : กูนี่หายคาใจเลยว่าทำไมยอดวิวมันน้อยเหลือเกิน เรื่องศัพท์ภาษาอังกฤษมันใช้ได้ถูกต้องนะ แต่การใช้ภาษาไทยคงต้องคุยกันใหม่ สับช่วงฉากต่อสู้แล้วเดจาวูเหมือนโดนบังคับอ่านถนนแยมขาวนิยายมาสปอบ ท่าทางจะหัดแต่งนิยายเรื่องแรกจริงๆ ฝีมือมันก็คงประมาณนี้ โม่งจะเก็บไว้เป็นตัวอย่างสำหรับการทำ reverse รูปแบบก็ได้นะ เพราะแม่งเหี้ยครบสูตร แค่ทำตรงกันข้ามกับเรื่องนี้อย่างน้อยๆ ก็อาจได้นิยายคุณภาพปานกลางขึ้นมาเรื่องหนึ่งเลยทันที กูว่ากูพอก่อนดีกว่า แม่ง ไมเกรนกำลังแดกหนักขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนไปเดี๋ยวกูฝากสูตรออกแบบตัวร้ายใน Tier ต่างๆ ไว้ให้อ่านด้วย ถ้าเป็นไปได้พยายามอย่างสร้างพวก Tier ต่ำบ่อยๆ แล้วอันดับ ต้น-กลาง ก็คือเหมาะสำหรับการสร้างพวกบอสใหญ่
SS (sensible sacrifice) : ตัวร้ายซึ่งพร้อมจะสังเวยทุกสิ่งอย่างเพื่อไปถึงผลลัพท์ขั้นสุดยอด วิธีการอาจเหี้ยมโหดแต่กลับดูสมเหตุสมผล
S (superior vision) : ตัวร้ายผู้เล็งเห็นผลเสียอันจะเกิดขึ้นต่อคนจำนวนมหาศาล ทว่าแรงจูงใจของพวกเขาโต้แย้งได้ยาก
A (against own will) : ตัวร้ายที่จำใจต้องทำเรื่องป่าเถื่อนต่อคนหมู่มากอย่างไม่เต็มใจ หรือถูกสถานการณ์บังคับเพื่อช่วยฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
B (brutalized react) : ตัวร้ายจากการลุกขึ้นตอบโต้หลังถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรมโดยผู้มีอำนาจฝ่ายเรา โดยที่เราไม่ทราบเรื่องมาก่อน
C (craze instinct) : ตัวร้ายกลุ่มสูญเสียความนึกคิดขั้นพื้นฐาน ทำตามสัญชาตญาณเพื่อความอยู่รอด ทั้งความปลอดภัยและอาหาร
---------------------------------
D (disaster maniac) : ตัวร้ายแบบไม่มีแรงจูงใจแน่ชัด สร้างความเสียหายวงกว้างโดยไม่มีเหตุผลหลังเกิดการคุ้มคลั่ง
E (evil out of nowhere) : ตัวร้ายไร้มิติ ถูกวางบทบาทให้ต้องทำตัวชั่ว เป็นคนขี้เงี่ยน หรือกระหายซึ่งพลังอำนาจและเงินทอง
*** เส้นแบ่งระหว่าง Protagonist กับ Antagonist ***
1) จุดยืนของตัวเอกกับตัวร้ายนั้นต่างกันแค่ตรงที่เขาสู้เพื่อสิ่งไหนและใช้วิธีการใด
2) เป้าหมายในตอนท้ายอาจไม่ต่างกันกับตัวเอก แต่ตัวร้ายมักใช้วิธีการที่รุนแรงหรือไร้มนุษยธรรมกว่า
3) แรงจูงใจไม่ได้ทำให้พวกเขาเป็นตัวร้าย แต่สิ่งที่พวกเขาคิดจะสังเวยเพื่อให้เป้าหมายสำเร็จต่างหากทำให้ทุกคนมองเช่นนั้น
4) งานเขียนที่ดีทำให้เกิดความเห็นอกเห็นใจ เมื่อเราได้ฟังเรื่องราวจากทั้งสองฝั่ง
5) ตัวเอกอาจกลายเป็นตัวร้ายได้ง่ายๆ หากได้รับผลกระทบที่ทรงพลังพอ
ช่วงนี้ในบอร์ดมี Poiอึ่ง 2.0 ว่ะ เป็นทายาทอสูรที่เหมือนกันเป๊ะๆ ทั้งโฆษณานิยายพล็อตแปลก ๆ แต่ไม่สนุก แถมชอบโผล่ไปทุกกระทู้
>>241 ตัวอย่างบรรทัดสุดท้ายที่มึงยกมาก็คือเข้าเค้าแหล่ะ แต่อนาคินมันไม่ได้ถูกกระทำ อนาคินถูกล่อลวงจนหลงผิด สุดท้ายเลยกลายเป็นดาร์ธเวเดอร์เพราะแผนของพัลพาทีน
เทียร์ SS อันนี้ชัดเจน ธานอสคิดควบคุมจำนวนประชากรด้วยการดีดนิ้ว แก้ปัญหาได้อย่างเด็ดขาดแต่วิธีการนี่คงมีแต่คนไม่เห็นด้วย
เทียร์ S เรื่องเอเรน วิธีการย่ำพสุธาก็โหดร้ายเกิน แต่ถ้าไม่ทำกลุ่มสันนิบาตโลกก็รวมพลกันมายำชาวเกาะอยู่ดี ทางออกแบบสันติมันเลยสายเกินไป
เทียร์ A น่าจะเป็น Dhaos จาก Tale of phantasia เพราะดาออสทำไปเพื่อแค่ปกป้องชาวจันทรา จนเราต้องตั้งคำถามว่าฝั่งไหนกันแน่ที่เป็นผู้ร้าย
เทียร์ B อันนี้ตอบได้กว้างมาก เพราะเทียร์นี้คือตัวละครเอกของนิยายดิสโทเปียทั้งหลายที่ลุกขึ้นต่อต้านระบบ ซึ่งบ่อยครั้งเราก็ย้ายฝ่ายกลางเรื่องด้วย
เทียร์ C เป็นพวกชนเผ่า สัตว์ประหลาด หรือสิ่งมีชีวิตอะไรก็ตามที่สื่อสารกับเราไม่เข้าใจ แต่ตัวเอกมีความจำเป็นต้องบุกรุกเข้าไปในพื้นที่
สำหรับอันที่กูขีดแยกไว้คือเทียร์ตัวร้ายที่ใช้ง่าย สะดวก แต่ไม่มีมิติเท่าไหร่ เป็นของใช้แล้วทิ้งที่ถ้าใช้มากเกินไปนิยายจะดูตลาดล่างขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ถ้านิยายเรื่องนั้นเน้นจะขายฉากฆ่า ฉากข่มขืน หรือเน้นให้ตัวร้ายมันสมควรโดนเชือด เน้นการแก้แค้น หรือเน้นให้คนอ่าน satisfy เวลาพระเอกกระทำความเอดจี้ ตัวร้ายพวกนี้จะโผล่มาเยอะมากกก จำนวนตัวละครเหี้ยๆ เยอะกว่าตัวละครหลักไปหลายสิบเท่า ถ้านิยายที่มึงกำลังจะแต่งเป็นสายนี้ ก็คงต้องอนุโลมให้ใช้ได้ตามสบาย แม้แต่บอสใหญ่ก็อาจใช้เทียร์ D,E ได้เหมือนกัน
เรื่องตัวเอกที่กลายเป็นตัวร้าย ตัวอย่างที่นึกออกมี่แต่เรื่องเก่าๆ ทั้งนั้น เช่นเพื่อนพระเอกในเรื่องเซททัส ตอนแรกเป็นคนดีในกลุ่มตัวเอกแต่พอคนรักโดนพวกทาสฆ่าตาย เลยเกลียดพระเอก (ที่เป็นทาส) แล้วทำตัวทรราชไปเลย หรือ โจเซอร์จากเรื่องนักบวชเทพอิมโฮเทป ตัวละครพวกนี้พอกลายเป็นตัวร้ายแล้วจะยิ่งร้ายหนัก เพราะจะเคียดแค้นโลกและไม่ไว้ใจใครอีก
อีกกลุ่มที่มักจะเปลี่ยน role กลางอากาศ แม้จะไม่ใช่ตัวเอกแต่กลายเป็นตัวร้ายของเรื่องขึ้นมาแทน คือคนที่มารู้ทีหลังว่าตัวเองเกิดขึ้นจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์ เช่น เซฟิรอธ จากไฟนอล 7 หรือ อเล็กเซีย จาก Resident Evil Code : Veronica หรือแม้แต่ตัวอัลเบิร์ต เวสเกอร์เองก็ด้วย ตัวละครพวกนี้ตอนแรกไม่ได้เป็นพวกชั่วร้าย แต่พอเจอความจริงบางอย่างเข้าเลยรับไม่ได้ ตัวร้ายที่มีอดีต มีที่มาที่ไป จะเป็นที่จดจำกว่าพวกที่โผล่มาเหี้ยแล้วโดนเก็บ แต่จากนิยายเรื่องล่าสุดที่กูสับอันนั้นก็มีเล่าอดีตของตัวร้ายแต่เล่าได้กากมาก ถ้าเทียบกับการเล่าของ Kimetsu no yaiba แล้ว แม่งคนละโลกกันเลย (แต่ก็เข้าใจน้องแกอยู่ เพราะแต่งเรื่องแรก) เล่าเรื่องจะใช้เทียร์ต่ำระหว่างทางก็ได้ แต่พวกหัวหน้าหรือบอสใหญ่ควรให้มีการพูดคุยหลังจบการต่อสู้บ้าง ถึงจะเป็นสูตรสำเร็จไปหน่อย แต่ถ้าคนอ่านเข้าใจว่าทำไมคนร้ายถึงต้องทำแบบนี้ บางทีมันยังดูน่าประทับใจกว่าฆ่าแบบศพไม่เหลือซากแล้วตัวเอกยืนหัวเราะเยาะด้วยความเอดจี้
พล็อต : เกิดใหม่เป็นเจ็ทสตรีมแซมในโลกเกนชิน
ช่วงนี้กูอยากสับนิยาย อปอ.(จีน) พวกมึงมีแนะนำบ้างป่าว แบบที่ไม่ได้ติดท็อป 20 กูจะมาวิแคะว่าทำไมมันถึงยังไม่ดัง
แอป novel dek d จะสร้างมาทำควยไรวะ แต่งนิยายก็ไม่ได้
อันนี้กูว่าแล้วแต่คน สูตรขึ้นท้อปมันมีคนมาบอกเรื่อยๆ แต่สูตรหนีความกากแบบพวกไม่ติดท้อปมันไม่ค่อยมีใครมาบอก
โม่งบางตัวอาจอยากรู้ก็ได้ว่าขนาดตามกระแสแล้วยังกาก ทำไมถึงเป็นแบบนั้น แล้วอย่าทำแบบไหนเดี๋ยวจะกากแบบคนต้นเรื่อง
รำคาญพวกแปะป้าย "อย่าทำเป็นนักอ่านเงา" รู้สึกว่าดูเสร่อมาก ถ้านิยายมึงดีเดี๋ยวก็มีคนมาเม้นเองแหละ
คิดว่าถ้าอดนอนสัก 1 วันโม่งทั้งหลายยังจะสามารถนั่งปั่นเขียนนิยายต่อได้ไหม?
บอร์ดเด็กดีกลายเป็นบอร์ดขยะไปเพราะกระทู้พวกนี้ แม่งโครตน่าเหนื่อยหน่าย จะโปรโม่อะไรกันนักหนา ลงแม่งทุกวัน
แฟนตาซีช่วงนี้เมต้าอะไรอยู่วะ ไม่ได้เข้าอีกเลยหลังจากแนวระบบเก็ยเวลระบาด เรื่องติดท็อปอันไหนน่าสนใจบ้าง
>>263 อันดับ 1-3 แนวระบบหมด อันอับอื่นๆก็แนวระบบแซมเกือบหมด เอ่าง่ายๆระบบมันยังมาแรง แนวย้อนยุคกลับไปยุค 70 มันก็แนวระบบเกือบหมด มึงยังหนีแนวระบบลูกรักพระเจ้าไม่พ้นหรอก เพราะมันเขียนง่าย นักเขียน ADD ความเทพให้ตัวเอกผ่านระบบได้แบบไร้เหตุผล อะไรมันก็ง่าย ง่ายทั้งการเขียน คนอ่านเยอะ รุ่งเจริญ รายได้ดี มันก็หนีแนวนี้ไม่พ้น
ไปคิดเซ็ตติ้งแนวแฟนตาซีทั่วไป เซ็ตโลกแทบตาย สู้แนวระบบไม่ได้ ! มึงจะยังไม่เห็นแนวอื่นไปอีกนานเลยล่ะพวก
>>268 มึงว่างๆลองค้นดู ระบบค้นหานิยายก็ดีอยู่นะ กูใช้ทั้งต้นด้วยคีย์เวิร์คกับแท็ก ยังอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่คนเขียนเหี่ยวตายไปหมดละเพราะแต่งนอกกระแสคนอ่านน้อยเหี้ยๆ ใครจะมีกำลังดันต่อละวะเหอๆ แต่ถ้าให้อ่านพวกที่อัปเรื่อยๆมันก็เลี่ยนอะสัสมีแต่แนวเดิมๆ ในไทยถึงไม่จบแต่กูก็ขุดมาอ่านแก้ขัดก่อยละวะ ไม่ก็หมุดไปนอนเอา
ส่วนนิยายที่ถูกจริตกู ส่วนใหญ่คือแต่งเมื่อปี 50+ อะสัส สมัยจีนโบไม่เกิด เอาตรงมันก็ไม่ได้ดีเด่นอะไร แต่ไม่เบียวจัดเหมือนนิยายยุคนี้ว่ะ
ยุคสมัยเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยน แนวนิยายที่มึงด่าวันนี้ว่าเกลื่อน ๆ พรุ่งนี้อาจกลายเป็นนิยายให้คนรุ่นหลังถามหากัน ดังนั้นแล้วทำใจเสียเถอะ ถ้าต่อต้านไม่ได้ก็เข้าร่วมก่อนที่กระแสนี้จะดับสูญ แล้วจะเสียใจหากมีแนวใหม่ที่พวกมึงอาจรังเกียจมากกว่านี้
กูเองก็เซ็งเนี่ย คือตอนนี้สองจิตสองใจ มีเรื่องที่อยากเขียนแต่ค่อนข้างแน่ใจว่าเขียนแล้วขายไม่ได้แน่ๆ กับอีกเรื่องค่อนข้างแน่ใจว่าขายได้เขียนง่าย แต่ความรู้สึกคือกูอยากเขียนเรื่องแรกมากกว่าแลกกับการขายไม่ออกแน่นอนซะงั้น
อ่านแล้วฮากับครับเพ้อเจ้อ 55555555 ถ้ามีปัญญาเขียนเรื่องที่เขียนแล้วมันขายได้มีคนอ่าน เขียนแล้วได้เงิน มึงก็เขียนไปสิวะ เงินแสนไม่อยากได้รึไง?
เรื่องไหนเขียนแล้วคิดว่าได้เงินก็เขียนไป ส่วนเรื่องไหนอยากจะเขียนแต่ขายไม่ได้ ก็แบ่งเวลามาเขียนสนองนีทสิครับ กูถามมึงจริงๆ มึงจะเขียนนิยายต่อไปได้ยังไงวะ ถ้าเขียนแล้วมันไม่ได้ผลตอบแทนอะไรมา เขียนนิยายมันเป็นงานอดิเรกที่กินเวลาชีวิต กูก็บอกหลายครั้งแล้ว อยากจะอยู่รอดมันต้องปรับตัว ปรับจูนให้มันสมดุล ไม่ใช่อยู่แต่กับความฝัน ตามกฎธรรมชาติ คนที่จะอยู่รอดคือคนที่ยอมปรับตัว ใครไม่ปรับตัวก็จางหายไปตามกาลเวลา
ถ้าเขียนแล้วมั่นใจว่าขายได้ จัดเลย แต่กูแนะนำว่าอย่ามั่นจนเกินไป เดี๋ยวผิดหวังแล้วมันจะเจ็บ
>>274 ย้อนกลับไปอ่านที่โม่งเห็บหมาเคยให้เคล็ดวิชาเอาไว้ดีๆ ในฐานะนักเขียนที่พอมีวิชานิดๆเหมือนกัน กูอ่านแล้วมันใช่ เขียนนิยายบนเว็บ มันจะมีโมเมนตั้มที่นักอ่านอินและสนุกจนมึงต้องร้องขอชีวิต ถ้าอยู่ในอารมณ์นี้ คือช่วงที่มึงโกยๆได้ คือลงมาเท่าไหร่ ติดเหรียญราคาไหน นักอ่านมันก็ยอมจ่ายเพราะมันติด มันสนุก มันอยากอ่าน นิยายมึงจะดังขึ้นมาถือว่าประสบความสำเร็จ ซึ่งตรงจุดนี้แหละ มันยาก ยากที่จะรักษาความสำเร็จเอาไว้ เพราะถ้ามึงพลาด ดำเนินเรื่องผิดจังหวะ หรือยืดเรื่อง เปลี่ยนแนวเรื่อง เปลี่ยนโทนเรื่อง ไอ้พวกนักอ่านที่คอยเชิดชู คอยร้องขอตอนใหม่ เขาก็พร้อมจะเทนิยายมึงไปเรื่องใหม่กว่าครึ่ง ขืนไปเปลี่ยนกระแสกลางคันแบบแอบบเปลี่ยนแนว มันเหมือนทุบบ้านตัวเอง ต้องถามก่อนทำไปทำไม?
จนตอนนี้ แนวระบบยังมีคุณค่าทางวรรณกรรมไทยอีกเหรอ https://www.dek-d.com/board/writer/4057103/
นิยายแนวระบบ=อาหารแดกด่วนที่กินให้อิ่มท้องและอร่อยไปวันๆ แต่คุณค่าทางสารอาหารไม่มี มันก็ไม่ได้ผิดที่จะมีคนเลือกผลิตออกมาเพราะขายได้ มีคนรอแดกไง แต่ในแง่สังคมวงการหรือเหี้ยห่าไรก็ตามที่เป็นภาพรวมคุณค่า การที่คนเอาแต่ผลิตอาหารขยะเยอะๆแล้วคนแห่ไปแดกเยอะๆมันก็ไม่ได้ส่งผลดีทั่งนั้น กับตัวเองก็จะเป็นคนอ้วนรวยโรคเบาหวานความดันไขมันลำบากไปยันคนรอบข้างเวลาเจ็บป่วย หมอพยาบาลแทนที่จะได้ทุ่มเวลาไปรักษาโรคร้ายแรงที่เลี่ยงไม่ได้จริงๆอย่างมะเร็งผ่าตัดอุบัติเหตุไรงี้ ต้องมาเจียดเวลากับคนป่วยพวกนี้ที่เป็นเพราะพฤติกรรมเลือกเสพตามใจฉันแต่ไม่สนสุขภาพอะ
ในแง่นิยายก็คือ พอมีแต่คนเขียนงานกากๆงี้มานักอ่านมันก็จะซึมซับแต่งานง่อยๆจนทักษะถาษาติดลบ เทียบกันดิระหว่างพล็อตคลิเช่เมื่อก่อนอย่างต่างโลกงี้ ชาวเกาะเขาเขียนจนสนพ.เอียนว่าประกวดปีนี้กูไม่เอาละนะ ถึงจะเป็นพวกหน้าใหม่หัดเขียนเหมือนกันแต่ที่เขียนๆกันนี่ยังพอหาเรืองที่มีชั้นเชิงสอดแทรกสาระความรู้ หรือปรุงแต่งให้พอมีอะไรจับต้องได้บ้าง แม้พล็อตมันจะเบียวเอจจี้ชิบหายแต่ระหว่างนั้นมันก็มีไรให้คนอ่านซึมซับอะ อย่างการเมืองการสงครามงี้ ถึงมันจะจบแบบเทพซ่าว่าพระเอกกูกินเรียบ แต่ก็มีช่วงให้คนอ่านร่วมวิเคราะห์ด้วยอะว่าสร้างเมืองงี้จะพัฒนาไรเพิ่มได้บ้าฃ สร้างสงครามงี้มีใครได้ผลประโยชน์ไรบ้าง ฝั่งนั้นมีตัวเทพที่พองัดเด็กปั้นพระเอกได้และสู้กับพระเอกสูสีหน่อยงี้ ส่วนบ้านเรานี่กูควานหาไงก็เจอแต่พวกเรียบง่ายสัส สร้างเมืองก็เสกๆ มาจบไม่มีการประยุกต์ดัดแปลงไร สงครามก็เอาตัวโม้สเกลเทพๆมากกองฝั่งพระเอกหมดหรือบัฟพระเอกให้สเตตัสล้นหลอดไปเลยง่ายดี ตัวร้ายง่อยๆที่แปะป้ายไว้นิดนึงนี่มันคือตัวเก่งสุดในโลกนั้นจนกระทั่งพระเอกมาตบเกรียนให้ ไม่มีสอดแทรกห่าไรให้คนอ่านร่วมวิเคราะห์หรือซึบซับสาระดีๆเข้าไปมั่ง จูงจมูกอย่างเดียวเลยว่ามันเป็นงี้อย่างงี้นะตามนี้ คนอ่านก็ไหลง่ายมากเออดีๆง่ายๆงี้ละชอบ เทพไวดี ตัวร้ายก็กากสมใจ ยอดๆ
เห็นได้จากทุกวันนี้ที่พวกนักอ่านคลังศัพท์น้อยโผล่มาเรื่อยๆอะแหละ เจอคำแปลกในนิยายแปลหาว่าเขาแปลกาก เจอคำไม่คุ้นในนิยายออริก็ว่าคนเขียนใช้คำแปลกงี้ ว่างๆลองไปเทียบดูกับนิยายเบียวๆยุคก่อนกับตอนนี้ในเว็บดด.นี่แหละ เขียนโดยนักเขียนเลเวลหนึ่งเหมือนกันหาความเมคเซ้นไม่ได้ แต่คนอ่านสมัยก่อนยังดูมีสติมากกว่าสมัยนี้ และคนเขียนสมัยก่อนยังใช้ภาษาและเนื้อเรื่องที่ดูมีสาระมากว่าสมัยนี้อะ ถึงพล็อตมันจะต่างกันแต่ในด้านความเบียวหัดแต่งนี่เทียบได้เลย
วกมาที่นิยายระบบ กูมุดไปอ่านเกาะก็ยังรู้สึกว่าครีเอตกว่านะมีลุกเล่นระบบแต่ละเรื่องเด่นในแบบตัวเองแม้พล็อตหลักๆจะอันเดียวกันก็เถอะตือพระเอกซูเทพสัส ส่วนไทยคือเขียนตามกันไงก็งั้นเลยไม่ดัดแปลงไรมาก อ่านไปกี่สิบเรื่องแม่งก็แทบแฝดกัรหมด
เพิ่งเห็นว่าพิมพ์ยาวไป555 โทษทีกูอัดอั้นมานานละเห็นพวกมึงเถียวกันแต่เรื่องนี้มาทุกเดือน เสริมอีกนิดละกัน อย่างที่โม่งหลายตัวเคยบอกอะ มันก็ไม่ผิดที่จะมีคนเลือกเขียนแต่งานกากๆเพราะมันขายได้ โลกทุนนิยมก็งี้แหละของดีที่ขายไม่ออกใครจะไปทำ แต่การละทิ้งแสงสว่างเข้าสู่ด้านมืดนี่ก็สุดโต่งเกิน มึงสามารถเลือกผลิตงานดีๆไปพร้อมกับงานกากๆได้ มาทางสายกลางเถอะถ้ามึงสายหาแดกเป็นหลัก จะเขียนงานกากๆไว้ขายแล้วเขียนงานดีๆไว้ให้ตัวเองภูมิใจงี้ หรือถ้ามึงจะมั่นมากว่ากูเขียนแต่งานดีๆก็ขายได้กูจะไม่ยอมจับงานกากๆออกมาให้แปดเปื้อน ก็ทำได้ถ้ามึงยอมรับผลว่ามันจะขายยากกว่ามาก ในเวลาพอๆกันไงงานกากก็มาแรงกว่าดูไปก็บั่นทอนใจตัวเองเรื่อยๆอะว่ากูลงทุนผลิตงานดีขนาดนี้ทำไมได้ยอดแค่นี้วะ ถ้ามึงก้ามข้ามจุดนี้ไม่ได้ท้ายที่สุดมึงก็จะจมไปพร้อมงานดีของมึงนั่นแหละ แต่ถ้าผ่านมาได้มึงก็จะด้นแคร์อะว่าช่างดิต่อให้กัดเกลือแดกในตอนนี้แต่กูไม่คิดจะกินแต่น้ำต้มผักไปตลอดชีวิตนะวุ้ย แค่วันที่กูจะได้กินปลาย่างยังไม่มาไม่ถึงเท่านั้นเอง ไม่เชิงว่าปลอบใจความขี้แพ้ แต่คือการรู้ตัวในระดับนึงอะว่ากูมาได้แค่นี้แหละในตอนนี้ แต่กูทนไดแต่ก็ๆใ่ได้อยากอยู่แค่นี้ปะ ก็ต้องดิ้นจนกว่าจะไปถึงฝั่งอะ ระกว่างนั้นมันก็ต้องมีไรสักอย่างแหละวะที่ทำให้กูเฮงขึ้นมาบ้าง
>>285 กูจะบอกว่ากูเองก็ขายวิญญาณไปนานแล้วเหมือนกัน ทั้งขายเทพซ่า ขายเรื่องเยดๆ (ก็แม่งเงินมันดีอะ) แล้วเรื่องที่ตั้งใจเขียนก็มีวกกลับมาแต่งบ้าง ดองไว้เรื่อยๆ
ตอนนี้กูกลับมาอย่างใหญ่ epic cumback เอาเงินเรื่องเยมาเปย์เรื่องหลัก แนวอาจตกกระแสไปแล้วแต่ปกกูจ้างมาอย่างแพง รูปตัวละครมีครบ(อย่างที่พวกคนอ่านแม่งชอบไง)วาดใหม่ออริไม่ต้องขโมยรูปเมะจากเน็ตมา ถ้ากลัวไม่เห็นภาพกูจ้างวาดรายตอนเอาไว้ให้ดูใต้ชื่อตอนแบบเรื่องแฮร์รี่พ่อตาย พอทำขนาดนี้แล้วมีคนอ่านเพิ่มขึ้นเยอะ ถือเป็นความสุขเล็กๆ จากการใช้เงินแก้ปัญหา
โอเค พอก่อนเดี๋ยวแม่งโม่งแตก
กูคิดถึงตัวเองตอนมีไฟ แต่งนิยายไปด้วยวาดภาพประกอบเองไปด้วย
แต่ตอนนี้แต่นั่งจับปากกายังไม่อยากทำ orz
>>287 ไฟดับก็จุดใหม่สิครับ หาแรงพลัก ความโลภเอย เงินทองเอย ความฝันเอย ตั้งเป้าหมายจากเล็กๆไปใหญ่ เล่าสู่กันฟังช่วงเริ่มแรกจะเขียนนิยาย ผมก็ไปส่องนิยายชาวบ้าน เฮ้ยไอ้นี่มันขายได้เป็นแสนเลยหรอวะ แบบนี้เราก็น่าจะทำได้บ้าง โอยอยากได้โน่น จัง อยากได้คอมใหม่ อยากได้ไอโฟน ... แปลงความอยากมาเป็นแรงผลักให้ขยัน สร้างสรรค์งาน
เบื่อพวกโฆษณาในบอร์ดว่ะ แทนที่จะเจอสาระกลับไปเจอสวะ ครั้งสองครั้งพอว่าบางคนอัพตอนนึงโปรโมททีนึง แถมเนื้อเรื่องดันไม่สนุกเหมือนที่โม้เหม็นอีก
>>286 เฮ้ยคล้ายกูเลย ปต่กูทำงานประจำอะเขียนเป็นงานรอง ก็เอาเงินจากงานประจำแหละมาเปย์5555 เขียนยังไม่จบภาคแรกกูเสกปกยันภาคจบไปเรียบร้อย มีคาร์แยกกับ จิบิอีกต่างหาก หมดไปหลักหมื่นเลย ติดเหรียญขายได้เดือนหลักร้อยนานๆแตะพันที ในแง่การลงทุนคือสูญเปล่านะเหมือนเอาเงินมาละลายเล่น แต่พอได้แฟนคลับหลักพันในหนึ่งปีก็คอมพลีตละวะ ท็อปไม่ติดช่างดิ
รู้สึกท้อว่ะ เขียนนิยายแนวกระแสย้อนเวลามาได้ 30 กว่าตอน คนอ่านแค่หลักหมื่นต้น ๆ ปกติแนว ๆ นี้มันต้องเป็นแสนแล้วไหมวะ
>>293 ต่อให้แนวกระแส ถ้าไม่มีฐานแฟนจากเรื่องเลยมันก็ยากนะ คนอ่านถึงหมื่นแล้วมึงก็เดินออกไปหน้าปากซอยบ้าน มองซ้ายมองขวาหาซื้อยาม้ามาแดก แล้วก็กลับไปนั่งเขียนวันละ 5-6 ตอน เอาให้ยอดวิวรวมต่อวัน 1,400+ ให้ได้สักวัน พอติด top แล้วยอดวิวกับยอดติดตามมันจะถล่มมาเอง แล้วค่อนผ่อน ถ้าเรื่องมึงสนุกมันก็จะมีคนอ่านยาวๆ แต่ถ้าเรื่องกาก ก็ตามสภาพ สะสมฐานแฟนคลับรอเรื่องใหม่
โม่งอย่าเงียบได้ไหม เปิดประเด็น คุยอะไรกันบ้างสิ กูเขียนนิยายไม่ออก จะมาหาอย่างอื่นเสพขั้นเวลา ยกประเด็นอะไรก็ได้มาถกๆกันให้คิดหน่อยสิ
>>298 ถ้ามึงมั่นใจว่าฐานนักอ่านแน่นก็หักดิบติดเหรียญไปเลย ได้เงินเยอะกว่า ยุ่งยากน้อยกว่า แต่ถ้าอยากจะรักษาฐานนักอ่าน รักษาน้ำใจนักอ่าน ยังอยากแข่งขันให้ติด top เพื่อดึงนักอ่านใหม่ๆในอนาคต ก็ติดแบบอ่านล่วงหน้า
ขอเตือนไว้ก่อน แบบติดล่วงหน้าในเด็กดีปัญหามันเยอะ แบบมึงติดล่วงหน้าไปแล้วยกเลิกไม่ได้ นักอ่านจ่ายเงินให้ไปแล้ว พอตอนมันปลดฟรีแล้วมึงมาตั้งเก็บเงินหรือรวมแพคทีหลัง นักอ่านที่เขาจ่ายไปแล้วก็ต้องมาจ่ายซ้ำ เขาจะบ่นไม่พอใจเอาได้ ไอ้ตั้งอ่านล่วงหน้ามีข้อดีอย่างเดียว เพิ่มฐานนักอ่าน + ยังพอจะทำให้นิยายยืน top เหมือนเดิมได้อยู่ มึงจะได้ฐานนักอ่านใหม่ๆมาเรื่อยๆ ถ้าวางแผนไม่ดีแล้วติดเก็บเหรียญเลยนักอ่านมันจะลดหวด ฐานไม่แน่นมันอาจจะทำให้มึงหลุด top แบบกู่ไม่กลับ
วันนี้ระบบยอดวิวดูแปลก ๆ แถมยอดซับก็หายไปเยอะผิดปกติ(อาจจะเฉพาะของกู) มีใครเป็นบ้างเปล่า
งงกับการจัดหมวด raw อะ มันมีหมวด อดีต ปัจจุบัน อนาคต แบบเดียวกับเด็กดีไหม ?
โม่ง ดราม่าเรื่องอันดับ1 ทำไมโดนแบนวะ เรื่องเมียคนธรรมดา กูสงสัยแต่แรกว่ามันแปลกๆ เพราะนักเขียนมันปิดแสดงความเห็นในนิยาย ผิดวิสัย ใครรู้ว่าโดนแบนเพราะอะไรไหม?
>>313 อันนี้กูก็ไม่แน่ใจไง แต่เรื่องมันดังเวอร์จนคนอ่านหลักหมื่น+ ติดเก็บเงินตอนละบาทก็ได้ตอนละครึ่งหมื่นบาทนะ มันแปลกจริงกับไอ้การปิดความเห็นไม่ให้แสดงความเห็น มันไม่ปกติ แต่ถ้าไปก็อบมา มันก็ต้องมีคนรีวิวด่า หรืออย่างอื่น สุดท้ายมันไม่มีไงกูเลยงง พอไปอ่านเรื่องอื่น มันก็เขียนมาหลายเรื่องแล้ว แต่ไม่ดัง ชื่อเรื่อก็แบบ เมียคนธรรมดา ทหารคนธรรมดา แพทย์คนธรรมดา ทุกอย่างมันจะตั้งชื่อด้วยธรรมดาหมด แต่เอาจริงๆ กูไปอ่านสำนวนมาแล้ว มันไม่เหมือนคนไทยที่แต่งนิยายจีนเว้ย มันเหมือนไปสำนวนจีน บริบทการแปลจากจีน ด้วยสกิลการแปลระดับไม่เทพ คือไปเอารูปประโยคมาเกลา แต่งๆ แล้วเอามาลง มันไม่ใช่บริบทของคนไทยแต่ง [แค่จุดสังเกตการมดนของกู]
ก็ถ้ามัน COPY มาจริง มันก็ต้องก็อบแบบ..มีเชิงอยู่มั้ง หรือเปล่า? รู้แต่ว่าโดนแบนหมดใน Dek d และ raw รวมถึงเว็บใหญ่อื่นๆ จนมันต้องเอาไปลงในเว็บย่อยๆกากๆที่เขาไม่ตรวจ กูเลยสงสัยไงว่าน่าจะใช่สาเหตุนี้ เพราะโดนตอนเก็บเงินแถมโดนเว็บใหญ่อื่นหมด มันน่าจะมีเรื่องเดียวคือเรื่องลิขสิทธิ์ นักเขียนมันชี้แจงแบบแปลกๆด้วย บอกว่าช่วงนี้กำลังโดนไล่ตรวจสอบบางอย่าง พิมพ์เหมือนกำลังรู้ตัวว่าทำผิดน่ะ
ปัญหาคือ..เชี่ย..ถ้ามันไป COPY ผลงานคนอื่นมาลงจริงๆ มันโครตน่าสะเทือนใจ
>>315 คนนั้นนิยายมันไม่มีคนอ่าน แต่ไอ้ที่พูดถึงนี่คือนิยายมันติดอันดับ 1 DEK หมวดรวมมาสักพักแล้ว อยู่ๆถูกถอดหายไป กูสงสัยแต่แรก เพราะมันลงนิยายคนอ่านเป็นหมื่นแต่ปิดการแสดงความเห็น
วิสัยนักเขียน ถ้าเขียนงานเอง สิ่งที่อยากจะไม่แพ้เงินคือเสียงตอบรับ อยากรู้ความเห็นจากนักอ่าน แต่ไอ้นี่มันปิดแสดงความเห็น แม่งโครตแปลก
>>317 ชักจะแปลกๆ ละไอ้เรื่องที่มึงว่า พิรุธแม่งเยอะ
ส่วนเรื่องของมึง >>315 อันนี้กูคุยกับเพื่อนแล้วเขาบอกว่าโมเดลการขายของไอ้เหี้ยนี่ขัดผลประโยชน์และกฏของเว็บต่างๆ อย่างแรกเลยคือเปลืองพื้นที่ มีงานเยอะแต่เสือกเป็นเรื่องสั้นๆ แล้วขายตั้งราคาถูกจนการหักค่าหัวคิวทำได้ลำบากและผลตอบแทนน้อย เหมือนตัดราคาชาวบ้านด้วยนิยายแบบหลอกขาย เน้นถูกเข้าว่าจนถ้ามีคนทำตามแบบนี้มากๆ เข้าเพราะอยากขายออก มันจะเป็นผลเสียต่อราคากลางของ e-book หรือนิยายติดเหรียญในท้องตลาด ถ้าอยากขายจริงๆ เจ้าของพื้นที่อยากให้มันมัดรวมหลายๆ เรื่อง ที่สั้นจนเกือบจะเป็นนิยายขนาดสั้นหรือจบในตอน เอาไว้เป็นชุดๆ แล้วขายด้วยราคาที่ไม่ต่ำจนน่าเกลียดแบบนี้ ตั้งชื่อว่ารวมผลงานภายใต้นามปากกา xxx vol.1,2,3 ก็ได้ แต่มันไม่ยอมทำไง ไม่ก็คงทำผิดกฏอะไรสักอย่างในเว็บด้วยจนโดนลงดาบแบบไม่มีการเตือน
แต่ใจกูลึกๆ เดาว่าโดน อัลกอริทึ่มของเอไอป้องกันการ spam สอยตูด อะไรที่มันสั้นๆ แต่เยอะๆ และมากผิดปกติเนี่ยมักจะโดนก่อนเพื่อนอยู่แล้ว
>>318 เปล่ากูมาเช็คถามความเห็นว่ามีใครรู้สาเหตุไหม ก็ถ้าสาเหตุการโดนแบนมันเป็นแบบที่กูคิด กูจะไปด่ามันใน DEK D มันมีผลเว้ย ถ้าทำแบบที่บอก แอทมินต้องแบร รหัสแอทเค้าท์มันเลย ไม่งั้นมันแย่มากนะ เอาผลงานคนอื่นมาลงโดยไม่ขอเพื่อเพิ่มยอดฐานแฟน ยอดติดตาม พอเรื่องนี้มันบูมมีคนติดตามเยอะทั้งๆที่หน้าด้าน ไปเอาของคนอื่นมา พอมันลงเรื่องใหม่ มันก็จะดัง เพราะฐานแฟนมันเยอะ ได้ฐานแฟนที่กดติดตามมาจากวิธีผิดๆ โกงคนอื่น มันต้องแบน ACC ไปเลย ไม่งั้นมันจะทำให้เกิดวิธีแย่ๆได้ มันมีผลนะกูบอกก่อน
มึงลองคิดดูก็แล้วกัน พวกมึงเขียนนิยายแทบตาย กว่าจะได้คนอ่าน กว่าจะสะสมฐานแฟนที่กดติดตามมึงได้หลักร้อยหลักพัน ไอ้เหี้ยนี่มาแต่ไหนไม่รู้ เอาด้านเข้าว่า ไป copy ผลงานคนอื่นมาเทๆๆๆ ลงๆๆๆ ฟลุคดังสักเรื่อง แม่งได้ฐานแฟน 5000 คน พอมันมีฐาน 5000 ครั้งต่อไปมันลงเรื่องอะไร คนก็ไปแห่ดูจนติด top ง่ายๆแล้ว มันเอาเปรียบนักเขียนคนอื่นหนักไป มันต้องแบน ACC มันทิ้ง [ในกรณีที่มันทำผิดจริง เพราะมันไร้จิตสำนึก]
เห็นตอนนี้เข้าได้ปกติแล้วนะ
https://twitter.com/yamyummy/status/1525540861110792192?t=-emPtGU2hLgAET-WNAlwZg&s=19
มีช่วงนึงนิยายคนอ่านเยอะแม่งชอบเปิดตัวด้วยฉากเงี่ยนๆ คราวนี้ได้ดังสมใจพวกแม่งละ
ขอคั่นด้วยดราม่ามันส์ ๆ กับนักเขียนนอกกระแสต่อต้านโลกทุนนิยม
https://www.dek-d.com/board/writer/4057635/
กุว่ามันแปลก ๆ ว่ะ มั่นหน้าบอกว่าเขียนมาสามสี่ปี แต่แค่ภาษาคนปกติแม่งยังเขียนไม่รู้เรื่องนี่ไม่ใช่แล้วนะ แถมย่อหน้ายังเบี้ยวเหมือนเด็กเห่อหมอยหัดเขียนเรียงความอีก
คิดว่าแม่งตอแหลเรียกยอดวิวปะวะชาวโลก?
เหมือนเอาปมด้อยที่มีจุดร่วมหากิน แต่กูเดาจุดประสงค์ได้ว่า แม่งอยากได้ยอดวิวเยอะๆ แปะลิ้งค์ท้ายเม้น ปากบอกต้องการยอดวิวไม่เกิน 200
ถ้าเขียนกระแสรองแล้วไม่รอดมันมีแค่สองอย่างที่ไม่พอ คือ การโปรโมต กับ ความสามารถ
นักอ่านไทยไม่ได้เพิ่งมาตั้งไข่กับงานเขียนเย็ดๆ หรืองานสมองกลวงกระแสนิยม ถึงภาพลักษณ์ส่วนใหญ่จะเป็นพวกชิว เน้นอ่านเงี่ยนๆ ง่ายๆ ก็เหอะ แต่มันก็มีกลุ่มที่พร้อมจ่ายงานนอกกระแสดีๆ เยอะอยู่พอสมควร แค่มันไม่ได้สนใจนิยายไทย... เอาเป็นว่าถ้าเขียนดีจริง แต่ไม่ดังคือขาดการโปรโมต หัดลงงทุนบ้างถ้ามั่นใจ แต่ถ้าโปรโมตไปแล้วยังไม่ดัง ปัญหาคงอยู่ที่ความสามารถมึงแล้วล่ะ โชคดี
- นักไม่เขียน
>>338 ตอนแรกกูยังเห็นใจมันนะ เห็นมาตัดพ้อที่โดนโถมหนัก ตอนนี้พอมาอ่านคอมเมนต์ที่มันมาตอบเมื่อเช้า อยากจะยกตีนขึ้นถีบซ้ำ ไม่แปลกหรอกที่จะเป็นขี้แพ้ มาเวิ่นเว้อหาพวกพ้อง อวดอ้างว่ามีประสบการณ์มาก เขียนนิยายมา 4 ปี พอเข้าไปอ่านงาน งานอย่างกับพึ่งเขียนนิยายมาเรื่องแรก โทษว่าเรื่องกระแส เพราะไม่ใช่นิยายกระแสเลยไม่มีคนอ่าน พอมีคนหวังดีเขามาชี้จุดอธิบายก็ทำเป็นหูทวนลม พอคนเก่งๆเขาบอกอ้อมๆว่าอาจจะไม่ได้เป็นเพราะกระแส มันก็ไม่เข้าใจ พอมีคนมาพูดชี้ให้เห็นแบบตรงๆ แม่งงอน โมโห เหวี่ยงกวนเท้าใส่ สุดท้ายกลับไปพักใจ 1 วัน กลับมาพร้อมกับอาการมั่นหน้า ขอไม่รับการวิจารณ์ ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว ไม่แปลกเลยที่เขียนมา 4 ปีจะถอยหลังลงคลอง
สุดท้ายแทนที่จะมองว่านิยายที่ตัวเองเขียนห่วย เวิ่นเว้อ ไร้แก่นสาร เล่าเรื่องไปเรื่อยเลยไม่มีคนอ่าน มันไปมองว่าเพราะไม่ใช่แนวกระแส คนเลยไม่อ่าน สรุปก็คือโทษคนอื่น ยกเว้นตัวเอง !
จำเรื่อง เมียคนธรรมดาได้ไหม ที่มันขึ้นที่ 1 หมวดรวมแบบมาจากไหนไม่รู้ มาแรงแซงทุกโค้ง ของไอ้นักเขียนนามปากกา พันปักษา สรุป 100 เปอร์เซ็นต์แล้วนะ นิยายเกือบทุกเรื่องของมัน ไป COPY นิยายแปลมา แล้วมีดัดแปลงเคลมว่าเป็นของตัวเอง มันทำมาตั้งนานแล้ว แค่เรื่องอื่นๆมันไม่ดัง ดันมาดังเรื่องเมียคนธรรมดาที่ไปถูกจริตกลุ่มนักอ่านหญิง พอดังแม่งก็เคลมว่าแต่งเอง คงคิดว่าคนไทยคงไม่มีใครไปอ่านนิยายจีนมาหลอก + ปิดการแสดงความเห็น นักอ่านที่รู้ระแคะระคายจะได้พิมพ์ด่าไม่ได้ มันลงมาจนถึง 85 ตอนให้อ่านฟรี ปัญหามาเกิดคือมันกดเก็บเงิน! โป๊ะเลยแตกหนัก โดนแบนใน RAW จากนั้นก็โดนใน Dek มันไป ไอ้เรื่องที่ลงท้ายด้วยชื่อว่า ธรรมดาของมัน ไป COPY นิยายแปลจีนมาหมดเลย
เหี้ยสุดคือ DEK D ไม่แบน ACC แต่แค่ถอดเรื่องมันออกจาก TOP โครตแย่เลย ลงโทษเบาแบบนี้มันจะทำให้เกิดความมักง่าย สงเสริมให้เกิดนักเขียนมักง่าย
ไม่ค่อยชอบทัศนคติบางอย่างของมันนะแต่งานนี้ตุ๋นแม่ง based สัส ๆ เอาใจกูไปเลย
>>357 อืมเข้าใจอยู่ กูแค่ไม่อยากจะให้ไปให้ค่ามัน จะสับนิยายมันก็ต้องเข้าไปอ่าน เข้าไปอ่านมันก็ได้ยอดวิว ไปอ่านกระทู้ดิ ยังมีมั่นหน้าว่ามีคนตอบอ่านนิยาย ก็นั่นแหละ แต่จะสับก็ได้ถ้าว่าง
ว่าแต่ท่านลูเซียทำไมแกฟาดหนักจังวะ กระทู้นี้ ฟาดเจ้าของกระทู้แรงกว่าตุ่นกบอีก
ไม่ต้องเขียนนิยายแล้วมั้ง ไปเป็นนักเขียนเว็บบอร์ดรุ่งกว่า
เนี่ย ตั้งกระทู้ดึงคนสนใจง่ายกว่าเขียนนิยาย https://www.dek-d.com/board/writer/4057795/
นึกถึงสมัยที่นิยายวายทำเถื่อนเลย ทำเล่มเถื่อนกันด้วย
ขำตรงชื่อเรื่องเนี่ย ลอกมาแล้วคิดอะไรไม่ออกเลยเติม ธรรมดา ต่อท้ายงี้เลยเหรอ
เจ้าของนิยายเรื่องพี่เจยคนซึมเด้านี่ขยันตอบหลายมู้ดี ขยันโปรโมตนิยายตัวเองด้วย กูรอดูว่ายอดวิวจะถึง 1,000 ตอนไหน ล่าสุดลองแวะไปดู 15 ตอนได้ 379 วิว (เฉลี่ยตอนละ 25 วิว) อาจเป็นเพราะเปลี่ยนหน้าปกใหม่แล้วก็เป็นด้ายๆๆ https://writer.dek-d.com/Greatzer01/writer/view.php?id=2304634
พี่ตุ๋นเคี้ยวท่อมมาเหรอวะ ช่วงนี้เปิดศึกไปทุกทิศยังกะอวตารเป็นบุเรงนองมาเอง แต่ต้องชื่นชมเพราะมันทำดีจริง ๆ
นี่อาจจะเป็นมาเฟียบอร์ดยุคใหม่ก็เป็นได้
>>369 เปล่า เรื่องนี้ถ้าโม่งมองแบบลึกๆและวิเคราะห์ดีๆมันเอาไปปรับใช้กับนิยายได้โม่ง สำนวนการเขียน กับภาษา ไม่สำคัญเท่าพลอตเรื่อง นี่คือคำตอบ !
พลอตห่วย จะบรรยายเทพ ภาษาดียังไงคนก็ไม่อ่าน พลอตดี ภาษาอุบาทว์ แปลด้วย Google ต้องแปลไทยเป็นไทยอีกที คนยังอ่าน มันเอาไปปรับใช้เป็นแนวทางได้ ถ้ามองให้ลึกๆมันจะเห็นแนวทางตลาดได้
ky กูเพิ่งลองเขียน pov1 ได้ตกตอนละ 1,500-2,000 นี่น้อยไปป่าววะ ที่ผ่านมาเขียนแต่pov3มันก็มีบรรยายฉากมีบรรยาความคิดเยอะอะเนอะล่อไปเท่าตัวตกตอนละ 6-8,000 เลยงี้ พอลองpov1มันตัดนั่นนี่ไปเยอะพอจบเนื้อเรื่องในตอนนั้นรู้สึกว่าน้อยสัส จะยัดเพิ่มก็รู้สึกล้น มันปกติดีหรือกูแค่ไม่ชิน
หวนระลึกวันวานในช่วงยุคมาเฟียบอร์ด คิดถึงโซมีน มะม่วง 5 ส. เซฮุน เห็บหมา คันทอง อารี โดยเฉพาะโม่งเพลงมากค่ะซิส
โม่งจะเงียบเกินไปไหม หาหัวข้ออะไรมาคุยกันหน่อยดิ กูเหงา
ด้วยความที่พักหลังๆ นี่พวกมึงโหยหาแนวทางไม่ก็สูตรสำเร็จเพื่อขึ้นสู่ท้อปหมวด หรือพยายามทำยังไงก็ได้ให้ตัวเองอินเทรนด์ ดังนั้นจุดประสงค์ของการสับแบบดั้งเดิมเลยไม่มีความหมายอีกต่อไป เท่ากับว่าการสับต่อไปนี้ของกูคือล้างรายชื่อนิยายรอสับเฉยๆ ถ้าเป็นโม่งเก่าก็คงพออ่านได้ แต่ถ้าเป็นโม่งใหม่ที่สนใจแค่ทางลัดไม่เน้นพื้นฐานหรือข้อควรระวัง พวกมึงก็ข้ามไปได้นะ
เกิดใหม่เป็นเเม่มดผู้มีพลังทำลายล้างเทียบเคียงพระเจ้า ภาค ปฐมบทเเม่มดทมิฬ
https://writer.dek-d.com/hhhbabe1/writer/view.php?id=1791297
จำไม่ได้ว่ามาอยู่ในรายชื่อได้ไง นิยายเรื่องนี้ปิดตอนหลังตอนที่ 9 เป็นต้นไปและดองไปแล้วตั้งแต่มกราคมปี 62 ด้วยเหตุผลว่านักเขียนกำลังหาทางรีเซตจักรวาลในชุดนิยายที่กำลังแต่งอยู่ (สงสัยข้ามมัลติเวิร์สนานไปหน่อย 3 ปีแล้วก็ยังไม่กลับมา) จากรายชื่อนิยายเรื่องอื่นๆ ของนักเขียนคนนี้น่าจะเป็นพวกนิยมเรื่องแนวสาวน้อยอนิเมะโมเอะ หน้าปกนี่ก็ตามนั้นเลยคือรูปอนิเมะเกิร์ลที่ดูดมาจากในเน็ต ชื่อเรื่องเน้นขายคุจูนิเบียวตามสมัยนิยมที่แนวต่างโลกกำลังเฟื่องฟูเหี้ยๆ (ปัจจุบันก็ยังขายได้ถึงจะน้อยลงบ้างแล้ว) คำโปรยบอกใบ้ว่าเป็นแนวสลับเพศ สรุปได้สั้นๆ ว่า นักเขียนชื่อวิษณุตายห่าแล้วโดนพระเจ้าส่งไปต่างโลกแต่ไปกลายเป็นผู้หญิงแถมเป็นแม่มดด้วย ก็ขายของได้ตรงประเด็นดีอยู่
ปกรองอธิบายว่าเรื่องนี้หยุดอัพชั่วคราว กับบอกนิยายเรื่องนี้ลงเนื้อหาหลักไว้ที่เว็บนายท่าน แล้วเอาคำโปรยข้างบนมาเขียนตรงนี้อีกที ความรู้สึกของกูเวลาเจอนักเขียนทำเรื่องแบบนี้ก็จะประมาณว่า >>> https://i.imgur.com/2qgFyfK.jpg ไร้ประโยชน์... มึงต้องรีบขายของเพิ่มดิวะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะจบแบบเรื่องพี่เจย คนเข้ามาเจอภาพวาดขั้นเทพกับข้อมูลตัวละครแบบที่กูไม่ต้องรู้ตอนนี้ก็ได้ แล้วเขาก็จะพากันออกจากหน้าแรกจนได้ยอดวิวเท่าหีมด เรื่องเกี่ยวกับอะไรก็เขียนเพิ่มมาตรงปกรอง มีหน้าปกชัดๆ หรือจุดเด่นแบบไหนใส่ลงมาตรงนี้เลย ถ้าคอมมิชชั่นรูปสวยๆ ไว้ก็ปล่อยของซะ ข้อมูลติดต่อหรือหน้าเพจถ้ามีก็ใส่ไว้ข้างล่าง แค่นั้นแหล่ะ
ตอนที่ 1 : ตอนที่ 0 เรื่องเล่าของเเม่มด
บรรยายด้วย POV3 สำนวนแฟนตาซีหนักแน่นฟุ้งๆ ล้นๆ แต่บทสนทนาดันเป็นแบบไลท์โนเวล มีช่องคำพูดไม่มีการบรรยายตามเสียส่วนใหญ่ เนื้อหาในตอนไม่มีอะไรมาก เด็กสาวรับใช้ของแม่มดขาวมาแจ้งข่าวให้กับนายหญิงว่าลูกศิษย์ชายจะมาหา พอไปเจอกันไอ้หนุ่มสุดหล่อวัวตาควายตะลึงก็ทักทายด้วยการคุกเข้าลงจุมพิตตรงหลังมือ ตัวแม่มดก็บ่นหน่อยๆ ว่ามึงก็รู้ว่าใส้ในกูเป็นผู้ชายแล้วยังจะทำแบบนี้อีกเนอะ เจ้าตัวไม่ว่าอะไรแต่น้องเมดแม่งชักดาบออกมาพร้อมจะปาดคอลูกศิษย์หนุ่มจนเกือบจะมีเรื่อง พอเข้าเรื่องว่ามาหาทำไมตัวเอกก็ปฏิเสธว่าไม่ละกัน ไอ้การพิมพ์หนังสือชีวประวัติของกูน่ะมันเป็นไปไม่ได้ เพราะเรื่องแม่งยาวเกิน แต่ไอ้หนุ่มก็ตื้อจนตัวเอกใจอ่อนแล้วจบตอนด้วยการบอกว่าจะเริ่มเล่า
ตอนที่ 2 : ตอนที่ 1 ไม่น่าเลยวิษณุ
จากแนวแฟนตาซีวกกลับมาเป็นแนวเคร่งเครียดสะท้อนสังคม วิศณุไปเสนองานเขียนของตัวเองกับสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งซึ่งผลก็คือแห้วแดก มีความฝันอยากจะเป็นนักเขียนประจำสังกัดสักแห่งก็ทำไม่ได้สักที ถ้าไม่มีเงินมรดกจากพ่อที่ตกเครื่องบินตายสงสัยต้องเลิกเขียนไปนานแล้ว มีการจิกกัดปัญหาวงการงานเขียนบ้านเรา แซะนิยายฮาเร็มว่าทำไมคนชอบอ่านเรื่องแนวนี้ การมาถึงของงานเขียนแบบอิเล็คทรอนิกส์ การหาอ่านเถื่อนในอินเตอร์เน็ต ลามไปจนถึงการไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ปัญหาม็อบการเมืองคนเสื้อดำ-เสื้อขาว แล้วจบตอนด้วยไอ้นุโดนพวกเสื้อขาวยิงตายเพราะใส่เสื้อดำออกมานอกบ้าน
ตอนที่ 3 : ตอนที่ 2 เผชิญหน้าพระเจ้า
อยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนมาเป็น POV1 เล่าโดยไอ้นุ แกนหลักของตอนก็ตามชื่อตอน ไปเจอพระเจ้า โดนถามว่ารู้มั้ยนี่ใครเอ่ย บทสนทนาเริ่มจูนิเบียวและอนิเมะหนักขึ้นเรื่อยๆ เหมือนอ่านไลท์โนเวลกากๆ สักเล่ม เนื่องจากทายไม่ถูกว่าตัวเองอยู่ที่ไหนและคุยอยู่กับใคร ไอ้นุเลยต้องโดนสว่านกุเรนลากัน (ไม่ได้เล่นมุกมันเขียนมางี้จริงๆ) แทงปากทะลุท้ายทอยไป 1 ที ตอนแรกก็เจ็บเจียนตายแต่อยู่ดีๆ ก็ทายถูกว่ากำลังคุยอยู่กับพระเจ้า พระเจ้านี่ก็ดูไม่สมกับเป็นเทพฝ่ายดีสักเท่าไหร่ บอกไอ้นุว่าเดี๋ยวจะให้มึงไปเกิดเป็นผู้กล้า ตอนนี้ให้รีบเลือกพรโกงๆ ที่ต้องการมาได้เลย ไอ้นุเลยขอพลังทั้งหมดที่พระเจ้ามีมาเป็นของตัวเอง ตามกฏของมิติห้ามไม่ให้พระเจ้าพูดโกหก พลังของเทพเหี้ยนี่เลยโดนย้ายไปอยู่ในตัวไอ้นุ ก่อนจะโดนส่งไปเกิดต่างโลกแต่ดันเกิดเป็นเด็กทารกเพศหญิง
ตอนที่ 4 : ตอนที่ 3 เด็กสาวผู้มีนามว่า เอลโดน่า
กลับมาเล่าแบบ POV 3 ถึงชีวิตของไอ้นุในร่างของเอลโดน่า ผ่านมา 9 ปี ไม่รุ้ว่าไอ้นุไปเรียนวิชาหว่านเสน่ห์มาจากไหน พวกคนรับใช้ในบ้านถึงขั้นหลงไหลในความน่ารักแบบหัวปักหัวปำ มีการแซวว่าอีกหน่อยถ้าโตขึ้นคงสวยกว่าแม่ไปอีก กลางตอนมีพูดถึงน้องสาวที่ยังพูดไม่ชัดกับการเท infodump ที่ค่อนข้างยาว จำพวกเซตติ้ง การเมือง-การปกครอง กับความเทพที่ยังไม่ปรากฏขึ้นมาในร่างใหม่ของไอ้นุทั้งๆ ที่ได้พลังเทพมาครอง ตรงท้ายตอนเป็นการบรรยายถึงสีหน้าซีดเซียวของพ่อและแม่ ที่มาพร้อมข่าวว่าเจ้าชายอยากจะหมั้นกับร่างใหม่ของไอ้นุ
ตอนที่ 5 : ตอนที่ 4 รวบรวมข้อมูล
ไอ้นุสงสัยว่าทำไมเจ้าชายถึงอยากได้กู เลยส่งบริวารเป็นนกพูดได้ไปสืบข่าวในวัง ไม่ได้ข้อมูลอะไรสำคัญมากมายนัก รู้แค่ว่าเจ้าชายเป็นองค์ชายลำดับท้ายๆ เป็นลูกเมียน้อยแถมเป็นสาวใช้อีก โอกาสได้ขึ้นครองราชย์นี่ต่ำเตี้ยมากๆ เอาจริงๆ มันมีคนมาสนใจไอ้นุเยอะอยู่แต่ไอ้นุปฏิเสธตลอด ปัญหาคือคราวนี้คนที่มาคุยมันเป็นเชื่อพระวงศ์เลยปฏิเสธลำบาก คิดยังไงก็คิดไม่ออก ตกกลางคืนน้องสาวคนเล็กกับน้องชายคนกลางแวะมาหา พากันขอร้องไม่ให้ไอ้นุแต่งงานออกเรือนไปที่อื่น ไอ้นุก็บอกว่าไม่ต้องห่วง เพราะพี่น่ะรักครอบครัวกับทุกคนในคฤหาสน์นี้จะตายไป แล้วนึกในใจต่อว่า "และที่สำคัญคือกูเป็นผู้ชายโว้ย"
การบรรยาย : สำนวนค่อนข้างดีเลย เล่าออกมาได้อารมณ์แฟนตาซี ศัพท์แสงอะไรก็ฟุ้งเฟ้อดีแต่ไม่หนักเท่าของมังกรแดงเคย์เซย์ มันปนๆ กันอย่างลงตัวระหว่างการเขียนแนวแฟนตาซีเก่าๆ กับเล่าตามอนิเมะสมัยใหม่ ออกมาเป็นไลท์โนเวลที่เขียนในรูปแบบบทสนทนาครั้งละ 1 ประโยค สลับกับการใช้การบรรยายยาว 3 ประโยค ซึ่งไอ่รูปแบบที่ว่านี้จะถูกคั่นด้วยการเว้นบรรทัด ข้อดีคือทำให้อ่านง่ายในเครื่องมือพกพาอย่างมือถือ แต่ถ้าอ่านใน desktop ของคอมพิวเตอร์ก็จะรู้สึกรำคาญบ้างแล้วแต่คน ในจุดที่เป็นข้อมูลเวลามันจะเล่าคือเล่าเต็มย่อหน้ายาวสัก 5-6 บรรทัด
จังหวะการเทข้อมูลมันทำได้ไม่เลว เทแล้วไม่หลุดออกประเด็น บอกข้อมูลจำเป็นที่ควรรู้ในเนื้อหาช่วงนั้น dump ไม่ยาวราว 1 หน้ากระดาษ มีปมย่อยให้สงสัยคาใจติดมาด้วยเล็กน้อย วิธีการสลับ POV ก็ยังถือว่าสอบผ่าน เพราะไม่เปลี่ยน POV กลางตอนและเปลี่ยนมุมมองการเล่าแบบมีจุดประสงค์ เช่น บทไหนจะให้ข้อมูลมันก็จัด POV3 ยาวจนจบ บทไหนคือเรื่องที่เกิดปัจจุบันแล้วต้องมีการพูดคุยหรือบ่นในหัวของไอ้นุ นักเขียนจะตัดบทนั้นให้เป็น POV1 เพื่อให้ง่ายต่อการสื่ออารมณ์และความคิดในหัวตัวละคร ถือเป็นเทคนิคการเล่าแบบไลท์โนเวลที่มีคุณภาพค่อนข้างสูง
ตัวละคร : ออกแบบตัวละครไอ้นุได้โอเค ความเป็นนักเขียนในตัวแม่งอ่านแล้วเหมือนกำลังโดนล้ออยู่ คือเข้าใจหัวอกคนเป็นนักเขียนอย่างไอ้นุเลยเพราะอันที่พูดมาแม่งโคตรจริง ไอ้ บ.ก. นี่ก็ด่าได้ถูกใจดี ว่านิยายไอ้นุมันไม่ผ่านตรงไหน แล้วทำไมมันถึงไม่ได้ทำงานที่นั่น แต่พอมาดูด้านตัวละครในชาติใหม่หรือน้องเอลโดน่าเนี่ย ไม่รู้ไอ้นุมันไปเรียนจริตมารยามาจากไหน ทำไมถึงไปอ่อยจนคนหลงรักได้ทั้งบ้าน ปากบอกว่าไม่อยากเด่นแต่เผลอไปแสดงความสามารถทุกด้านเสียสูงทุกครั้งที่มีการวัดผลวัยเด็ก ฟังดูแล้วขัดแย้งกันอยู่พอดู เพราะถ้าเป็นกูคงทำตัวเงียบๆ ไปเลย การดัดจริตให้ชายอายุ 30 กลายเป็นสาวน้อยตามวัยไม่ถึง 10 ขวบได้เนี่ย กูว่าเป็นไปได้ยาก
ไอ้ความพริ้วพรายจนเป็นที่ชื่นชอบหลงไหลนี่ก็ด้วย ถ้ามึงยังมีความเป็นผู้ชายอยู่ภายในจริงๆ อะไรดลใจให้มึงแสดงออกแบบนั้นในร่างเอลโดน่า ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ ถ้าตอนท้ายมันแถว่าเป็นเพราะพลังเทพในตัว แบบนั้นก็คงต้องช่างแม่ง แล้วถ้าพูดถึงตัวประกอบทั้งพ่อแม่ พวกเมด น้องสาวน้องชาย พวกตัวละครนี้ก็ทำได้ดีเลย แต่ละคนไม่เหมือนกัน มีเอกลักษณ์วิธีการพูดจา ยกเว้นพวกสาวใช้ทั้งหนุ่ม-แก่นี่ ใครๆ ก็หลงไอ้นุจนอยากคลอเคลียกับคุณหนูทั้งวัน ก็ไม่ได้แย่อะไรถือว่าพอรับได้ในฐานะตัวประกอบเพื่อใช้อวยรูปลักษณ์
เนื้อเรื่อง : เกิดใหม่ต่างโลกไปสลับเพศ หาทางจัดการเรื่องวุ่นๆ ไม่ให้ตัวเองโดนเด้า น่าจะเป็นแนวแม่รี่ซูพลังเทพีเต็มพิกัดจัดหนักเติมทรูมาแบบไม่อั้น คล้ายๆ เรื่องสาวน้อยเกิดใหม่ขอสเตตัสเท่าค่าเฉลี่ย ไม่ก็เรื่องดูเหมือนว่าร่างกายของฉันมันจะไร้เทียมทานไปซะแล้วค่ะ หรือได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องศิษย์จอมปราชญ์เกิดใหม่ในโลกเกม ที่ตอนแรกตัวจริงเป็นผู้ชายเล่นเกมออนไลน์อาชีพจอมเวทชายแต่สร้างตัวละครสาวน้อยโลลินักเวทไว้ในไอดีเดียวกัน พอไปเกิดใหม่ในโลกเกมดันโผล่มาเป็นตัวละครรองโลลิที่มีสเตตัสโคตรเยอะแถมมาให้ ชาวบ้านเลยเข้าใจว่าคงเป็นลูกศิษย์ของตัวละครหลัก (ผู้เฒ่านักปราชญ์) ที่เป็นตัวละครหลักในเกมอีกที
จุดเด่น : คำผิดน้อย สำนวนดี เล่าได้ลื่นไม่ชวนง่วงแม้จะใช้การพรรณาแบบแฟนตาซี
จุดด้อย : เว้นบรรทัดรัวๆ แต่ถ้าไม่คิดมาก็ไม่เป็นไร, เขียนผิดคำว่าเวทย์มนตร์อีกแล้ว
คะแนน : 7/10 ของดีที่มาช้าไป ถ้าแต่งแบบนี้สมัยกูเข้าวงการใหม่ๆ เรื่องนี้น่าจะดังพอสมควร
ความเห็นส่วนตัว : แฟนตาซีสลับเพศแมรี่ซูเน้นความสโลวไลฟ์ของตัวเอก ขายความน่ารักภายนอกของตัวละครที่มีความขัดแย้งกับนักเขียนหนวดข้างใน มีความจูนิเบียวบ้างตามประสาคนแต่งนิยายแฟนตาซี นักเขียนมันเล่าได้ดีนะ สำนวนโอเค ใช้คำศัพท์เก่าๆ ที่กูไม่ได้เห็นมานานหลายสิบคำเลย ปัญหาคือถึงแม้กูจะบอกว่าถ้าแต่งเร็วกว่านี้ 10 ปี อาจจะดัง แต่การแต่งด้วยสำนวนไลท์โนเวลและเน้นการเว้นบรรทัดแบบนี้ คงไม่ค่อยถูกจริตของนักอ่านอย่างแน่นอน เพราะส่วนใหญ่ตอนนั้นเน้นความอลัง ความ epic ความล้นแบบน้ำหลาก บรรยายทีหลายย่อหน้าเลยในสายแฟนตาซี ซึ่งถ้าไปเว้นบรรทัดรัวๆ แบบนี้ อาจโดนรำคาญเอาได้ โดยรวมถือว่าดี รีไรท์แล้วออกมาโอเคไม่ชุ่ยเหมือนเรื่องอื่นๆ ทั่วไป
ตอนแรกสงสัยว่านิยายกีฬาทำไมขายออกเยอะขนาดนี้วะ พออ่านคำโปรยเท่านั้นแหล่ะ แม่งหนีไม่พ้นแนวนี้จริงๆ
>>393 มึงเชื่อกูปะ กูก็คนที่เขียนนิยายระบบอยู่ ติด TOP อันดับด้วย แต่กูก็กลุ้มใจเรื่องเดียวกับที่มึงคิด คือแค่ใช้คำว่าระบบต่อให้ข้างในกลวงไม่มีอะไร มันก็ขายได้
บางทีกูก็งง ไม่เข้าใจ เอาเป็นว่ากูท้อเหมือนกัน ถึงกูจะเขียนนิยายระบบ แต่ก็ไม่ใช่แบบว่า "ระบบมอบ.. ระบบมอบ.." อะไรแบบนั้นนะ กูก็พยายามจะเปลี่ยนแปลงในแบบของกู แต่การสู้กับตลาด มันเหนื่อยจริงๆกูบอกมึงเลย
เหนื่อยยังไง เอาง่ายๆมึงพยายามมากกว่าคนอื่น สุดท้ายผลลัพธ์เท่าเดิม ถ้าบ่นมันก็จะยาวและกลายเป็นการกระทำชั่วอีก เอาเป็นว่ากูเขียนนิยายแนวระบบเอง กูยังท้อ
>>394 เมื่อพยายามมากกว่าคนอื่นแล้วผลลัพธ์มันเท่ากัน สุดท้ายมันก็เลยกลายเป็นการผลักดันตลาดไปในแนวทางที่มึงเห็น "ระบบ"
เพราะอะไร เพราะอ้างคำว่า "ระบบ" นักอ่านทุกคนก็พร้อมที่จะมองข้ามความไม่สมเหตุสมผลทุกอย่างในเรื่อง อะไรที่ยุ่งยากก็ใช้ "ระบบ" แก้ มันง่ายต่อการแต่ง ได้รับความนิยมง่าย ไม่ต้องปั้นโลกอะไร ไม่ต้องสนโลจิก แค่ใช้ระบบ นักเขียนหน้าใหม่ ไม่ต้องมีประสบการณ์ก็ผุดขึ้นมาติดอันดับสบาย มันเป็นแบบนั้นแหละ
>>396 จำไม่ได้ว่าลาไหมแต่ที่แน่ๆ เคยทำตัวมาเฟียสมัยก่อนจนกลายเป็นดราม่าใหญ่โต แล้วไอ้กระทู้ที่ถามว่าแบบไหนเวินเว้อในบอร์ดไม่กี่วันก่อนอะ ถ้าอยากได้ตัวอย่างให้ลองอ่านนิยายของเคซวยดู ที่สุดของความละเมอเพ้อพกแล้ววะ เวิ่นเว้อจนขนาดเจ๊กัลยังพ่ายแพ้ เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้นิยายไม่ดังสักเรื่องแม้จะเป็นขาใหญ่คุมบอร์ดตอนนั้น น้ำเยอะชนะเลิศเลยจ้า
แต่พักนี้เคย์เซย์ทำตัวกร่างน้อยลงจากเมื่อก่อน สงสัยรอพวกคู่กัดลาออกจากเด็กดีให้เกลี้ยงก่อนถึงค่อยกลับมา เพราะอยู่กับพวกนี้ทีไรดราม่าเป็นประจำ
พี่ตุ๋นเปิดเครื่องด่าอีกแล้ว
>>399 มาเฟียเก่าสมัยเปิดบอร์ดนักเขียนแรกๆ เป็นคู่จิ้นกับซ่อนนาม เคยมีดราม่าเพราะออกมาเปิดกระทู้ตั้งกฏให้สมาชิกหน้าใหม่ (ดาวน้อย) ต้องเข้าไปแสดงความเคารพรุ่นพี่ (ดาวเยอะ) ในกระทู้ ผลก็คือโดนรุมด่าเละจนจำทางกลับบ้านไม่ถูก ก่อนนั้นก็มีทำตัวเป็นผู้คุมกฏ ศาลเตี้ย ฯลฯ คุยกันสนิทแต่กับพวกรุ่นบุกเบิก แล้วทำตัวดุดันกับเด็กใหม่ อะไรไม่เข้าตานิดหน่อยก็ไปโถมเด็กในกระทู้เค้า ใครมีแนวโน้มจะผิดกฏก็เอาเขามาแขวนประจานทั้งๆ ที่ยังไม่เกิดเรื่อง เป็นหนึ่งในคนที่ริเริ่มวัฒนธรรมการใช้คำว่า "ท่าน" นำหน้าชื่อเล่น โดยอ้างว่าเป็นการเรียกแบบให้เกียร์ติด้วยการเติม -sama ต่อท้ายชื่อ (ก็คือเบียวญี่ปุ่นวัยกลางคนนั่นเอง) ถ้านึกบรรยายกาศไม่ออก ก็ลองเติมคำว่าท่านหน้าชื่อดู เช่น ท่านตุ๋น ท่านเจย ท่านมิลัน ท่านเคย์ หรือท่านอื่นๆ เวลาคุยกันในกระทู้ (ฟังดูเป็นไงล่ะมึง)
ทำตัวคล้ายๆ พวกรกบอร์ดจิบน้ำชาเจนที่แล้ว เช่น ไปแชทกันในกระทู้คนอื่นกับคนรู้จักยาวเหยียด โดยที่เนื้อหาไม่เกี่ยวกับหัวมู้ กดไฟแดงกระทู้ที่ตัวเองไม่ชอบ (คนดาวเยอะครบ 3 คนกดไฟแดงแล้วกระทู้นั้นจะโดนลบ) จนหลังๆ มาเขาต้องเอาระบบไฟแดงออกเพราะใช้ผิดวัตถุประสงค์กัน
ในกลุ่มขาประจำบอร์ดที่ได้ดีมีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันมีแค่ แบงค์คนเขียนคิวบิก จิ้ง กับหมอลู เท่านั้นแหล่ะ คนอื่นๆ แม่งยอดนักแชท สาดในกระทู้เก่งแต่ผลงานไม่เท่าไหร่ ไอ้คนที่เก่งจริงๆ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเล่นบอร์ด หรือนานๆ มาที
ส่วนกูรอดไปได้ชิลๆ ในสงครามเพราะเป็นสมาชิก 6 ดาวมาตั้งแต่แรกเลยไม่โดนบูลลี่ นานๆ ครั้งกูจะไปเล่นบอร์ดทีนึง เน้นโผล่ไปแสดงความเห็นต่อยเจ็บๆ เป็นบางดราม่า กับส่องเงียบๆ เสือกแบบลอบเร้นเอาเป็นส่วนใหญ่
ยุคนั้นแม่งบันเทิงโคตรๆ ถ้าได้ลองสักทีจะพบว่า "บ้าจริง ทำไมเราหยุดเสือกไม่ได้!!"
ขอถามหน่อย สมมติเราให้อ่านตอนล่วงหน้า พอเราอัพแล้วมันจะขึ้นหน้าอัพเดทไหม หรือว่าต้องให้มันปลดล็อกก่อนถึงจะขึ้น
สวัสดีครับ จากการตรวจสอบของทีมงาน พบยอดวิวที่มีที่มาผิดปกติจริง ทางเว็บจึงขอไม่ให้นิยายเรื่องนี้ติดท็อปเป็นเวลา 1 เดือน และในกรณีที่พบกรณีนี้ซ้ำอีกจะเพิ่มระยะเวลาเป็น 2,3,4 เดือน ตามลำดับ
ขอบคุณสมาชิกที่สอบถามครับ
https://www.dek-d.com/board/writer/4058323/12/1
สรุปที่กูแจ้งไป โกงจริง ผมไม่ใช่มาเฟียบอร์ดนะครับท่าน
>>412 นักเขียนทำเอง เพราะนักเขียนเข้ามาตอบความเห็นนักอ่านซึ่งถามเข้าไปอยู่ตลอด สาเหตุที่ทำ จะบอกให้ ทำเพราะกำลังจะออกเล่มใหม่ มีแผนจะออกเล่มไหม เลยดันเรื่องขึ้นมาให้คนอ่าน เขาจำได้ ดันให้แฟนเก่าๆรู้ข่าว ประมาณนี้ เขาได้ประโยชน์เต็ม
ถ้านักเขียนไม่ได้ทำเองและทิ้งเรื่องไป 2-3 ปีแล้ว เขาคงไม่กลับมาตอบความเห็นในเม้นท์หรอก เขาคงหายเข้ากลีบเมฒไปเอง แต่พอเขาอยู่และมาตอบว่าจะออกเล่มใหม่แน่นอน มันก็เข้าแก็บ
>>413 ทำไงวะ? มาแฮกให้สมชื่อนิยายเหรอ5555 แต่กูเห็นมีเม้นนอ.มาเรื่อยๆแค่ไม่กี่เม้นเองแต่ติดๆกันแทบจะวันเว้นวันงี้ คือคงมีนักอ่านเข้ามาอ่านกันเรื่อยๆด้วยส่วนหนึ่งแหละนิยายเลยมีวิววิ่งตลอดงี้ ก็ตำนานเก่าอะเนอะระดับเดียวกับบรม.เลยแค่คนละสาย แต่ให้ขึ้นติดท็อปค้างงั้นเป็นเดือนได้นี่ก็น่าสงสัยจริง ทั้งนข.มึงทำไงให้มันค้างได้นานขนาดนั้น กับเว็บดด.เองที่ปล่อยผ่านมาได้ไงวะทั้งที่น่าจะรู้ว่ามันแปลกที่นิยายเหมือนตายคาหิ้งไปแล้วจะยังมีคนแก่มาอ่านให้ติดดอยเป็นเดือสโดยที่นข.ไม่ได้มาอัปเดตไรเลยแม้กระทั่งปก
>>414 คนแห่สิ ไม่ใช่แก่5555
แต่ตำนานค้างฟ้างี้นึกถึงHxHที่พึ่งกลับมาเลย แค่คนเขียนเปิดทวิต+ลงภาพต้นไม้โง่ๆ คนก็แห่ไปฟอลกันหลักแสนหลักล้านรุมรีกันอย่างบ้าคลั่งอะ เคสนี้ก็คงประมาณนี้แหละ คือแฟนๆเหนียวแน่นจนยังมาตามต่อเรื่อยๆ มีวิววิ่งเข้าตลอดเม้นสม่ำเสมออะ ถึงจะวันละสามสี่คนก็ตามแต่แม่งพลังนักอ่านเงามันแรงนา
แต่ถึงขั้นขึ้นท็อปค้างเป็นเดือนนี่บ่ใช่ละสู เรื่องนี้นี้มันต้องมีเงี่ยนงำ
ช่องโหว่มันมีหมดแหล่ะ ขอแค่รู้เงื่อนไขพื้นฐาน อย่างเด็กดวกเนี่ย UIP นึงได้วันละวิวใช่มะ ก็ไปเขียนสคริปต์ให้มันรีไอพีเป็น UIP ใหม่ หรือเปลี่ยนด้วยการใช้ VPN ก็ได้ ทำเสร็จแล้วลองเข้ามาดู ถ้าระบบมันจำไม่ได้ว่ามาจากคอมเครื่องเดิมแค่นี้ก็ปั้มยอดวิวได้แล้ว ปัญหาคือคงไม่มีใครบ้ามานั่งปั้มเอง ต้องมีตัวช่วยเป็นพวกโปรแกรมหรือ Tool อะไรสักอย่างมาอำนวยความสะดวก
ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับทีมงานว่าจะจัดการอะไรไหม เพราะทุกอย่างมันเช็คได้หมด เช่น ทำไมเรื่องนี้ยอดวิวมันมักจะพุ่งกระฉูดตอนสองทุ่ม หรือทำไมในแต่ละวันเรื่องนี้ถึงมียอดวิวเพิ่มขึ้น 500 วิวเป๊ะๆ ทุกๆ 3 ชั่วโมง ไอ้การเคลื่อนไหวอย่างผิดปกติของยอดวิวแบบนี้แหล่ะมันฟ้องว่ามีการเล่นตุกติกเกิดขึ้น log หลังบ้านมีบันทึกอยู่ตลอด แต่ถ้าไม่มีใครรายงานเข้าไปก็ไม่มีการตรวจสอบ
ดังนั้นรอบนี้กูว่าพี่ตุ๋นแกทำดีวะ ถ้าแกไม่ไปจี้ เรื่องนี้ก็ปั้มเนียนต่อไปได้เรื่อยๆ เดี๋ยวจะตั้งฉายาให้เป็นศรีสุวรรณแห่งเด็กดวกก็แล้วกัน
daasdas23154123
daasdas23154123
daasdas23154123
daasdas23154123
fanboifccc
fanboifccc
fanboifccc
fanboifccc
fanboifccc
fanboifccc
fanboifccc
fanboifccc
fanboifccc
fanboifccc
fanboifccc
fanboifccc
อิหยังวะเนี่ย รกชิบหาย
อ๋อ กูเข้าใจละ มี spam นี่เอง พอดีกูเล่นในแอพมันเลยบล็อกอัตโนมัติ ก็ว่าทำไมเลขความเห็นแม่งข้ามหลายอันเลย
มาแจกเทคนิคดีย์ ๆ ในการโฆษณาในบอร์ด
1. โปรโมททุกครั้งที่อัพตอนใหม่
2. ใช้คำโปรยแปลก ๆ ล่อให้คนเข้ามา
3. เอาส่วนเนื้อเรื่องที่คิดเองว่าเด็ด มาไว้ในรายละเอียด ไว้ดูรก ๆ
4. *** (อันนี้สำคัญสุดให้ดอกจัน 3 ดวง) แปะลิ้งก์ลงใต้คอมเม้นต์ ทางที่ดี (ไม่ใช่ทางลาดยาง) เอาลิงก์เรื่องอื่นมาด้วย ได้ดูเยอะ ๆ ทีนี้ตรง Top board อาจจะมีกระทู้ของเรา เย้ ๆ
5. รอรับยอดคนอ่านอันมหาศาลเท่าเม็ดทรายในโหลแก้ว จากเพื่อน ๆ นักเขียนที่หมันไส้ภาวนาให้พวกนี้สูญพันธ์ุไปซะที
พูดถึงพี่เจย นิยายมันยอดวิว 470 แล้วนะ
ส่วนเรื่องใหม่ของนารุตะ-กี้ แม่งก็จบละ 151 ตอน ยอดวิวหมื่นกว่า ขายแพ็คออกด้วย หน้าปกสไตล์ดราฟมาเหมือนเคย ละดาบนางเอกก็เอาภาพดาบลุง Sam ใน Metal gear:R มาใส่ในนิยายตัวเองเฉย แก้ไม่หายจริงๆ นิสัยชอบขโมยภาพเค้ามาหากินเนี่ย
>>446 ในโม่งนีมันมี 2 กี้ อันนี้ นารุตะ-กี้ กับลาวากีกี้ ตัวที่กำลังพูดถึงน่าจะหมายถึงนารุตะกี้
นิยายไอ้กี้ที่เคยโดนสับ : https://fanboi.ch/webnovel/8685/155-158/
นิยายเรื่องล่าสุดที่ขโมยดาบเฮียแซมเกมเมทัลเกียร์:R : https://writer.dek-d.com/dekd/writer/view.php?id=2239641
นี่ไม่ได้ค่าโฆษณาเลยนะเนี่ย
>>447 กูไม่น่าไปลองของเล้ย https://i.imgur.com/baM7ua6.jpeg
ปล.มันหมายถึงแม็กกาซีนที่บรรจุกระสุนปืนปะวะ
kyเกิดใหม่ในโลกเดิมถือว่าแฟนตาซีปะ กูสับสนกับพล็อตตัวเองอยู่หาหมวดลงไม่ได้สักที มันไม่มีเรื่องเหนือธรรมชาติไรมาเกี่ยวข้องนะ พล็อตคร่าวๆคือระลึกชาติได้ มีปมจากชายิก่อนให้มาแก้ในชาตินี้ มันก็วนๆคือหาทางแก้ปมในอดีตที่ค้างคานั่นละ แนวทำภารกิจอะ ไม่แก้ก็จะเป็นเรื่องติดค้างในใจไปตลอดชีวิตเลยแก้แม่งให้จบๆไปงี้
>>450 เพราะแบบนี้แหล่ะกูถึงชอบเล่นโม่ง มันมีเรื่องฮาๆ ที่มาแบบไม่คาดคิดให้อ่านบ่อย
ดูทรงแล้วกูว่ามันคงไปก็อปบทความของซามูเอล (พี่แซม) มาแปลทั้งดุ้น เปลี่ยนชื่อพี่แซมเป็นชื่อนางเอกมัน แล้วตอนสุดท้ายดันลืมเปลี่ยนคำทับศัพท์กลับมา คือ AI ของเครื่องมือแปลมันก็ทำได้ดีในระดับหนึ่งแหล่ะ แต่คำตั้งต้นมันแปลได้ทั้ง "นิตยสาร" และ "ราง,รังกระสุน" ผลจึงออกมาอย่างที่เห็น
มีอยู่อย่างหนึ่งเกี่ยวกับไอ้กี้ที่กูต้องขอชม นั่นคือความสามารถในการหาสิ่งต่างๆ มายัดใส่นิยายตัวเองได้อย่างโคตรหน้าด้าน Ref. ที่เพื่อนโม่งไปขุดเจอด้วยกันนี่อย่างเยอะ คอมโพสท่วงท่าในรูปก็แม่งทั้งดราฟทั้งเทรซ ชื่อเฉพาะต่างๆ ก็เหมือนกันอย่าง "วาโนะ" ในรูปตัวอย่างเนี่ย จะใช้ทั้งทีเอาอันที่มันไม่ค่อยสะดุดตาหน่อยจะได้ไหม เนียนเอาชื่อเฉพาะจากผลงานคนอื่นมาใช้แบบไม่กลัวคนทักแบบนี้ ต้องยอมรับในความไม่สนหีสนแตดของมันจริงๆ
วันนี้ว่างๆเขียนนิยายตันๆบวกกับจะหาคนวาปปกสวยๆให้กูเลยจับพลัดจับผูไปกดเข้ากลุ่มเขียนนิยาย โอ้วว มี 80000 คนเป็นสมาชิก 'เฮ้ยทำไมคอมมูนักเขียนมันโตเร็วจังวะ' กูคิดอย่างรู้สึกตื่นเต้น ไอ้สัส พอเข้าไปในกลุ่มอย่างกับกลุ่มรวมขยะนักเขียน ไม่มีเหี้ยอะไรเลย ไม่มีเคล็ดลับ ไม่มีวิธีการ นักเขียนส่วนใหญ่ในกลุ่มคือแนว 20+ เอาตัวอย่างรูป เอาตัวอย่างในนิยายตัวเองมาลงให้อ่าน พออ่านแล้วกูที่เป็นชายแท้บางทีก็อยากจะอ้วกเพราะบรรยายฉากเกย์อัดตูดกัน มิติใหม่ของวงการเย็ดเป็ด ตลาดแนว 20 + แม่งโตเกินแบบจนงง ถ้าแม่งเงี่ยนกันขนาดนั้นกูงงว่าทำไมไม่ไปดูหนังผู้ใหญ่แล้วปลดปล่อยวะ
>>458 กลุ่ม "นักเขียนนิยาย" ที่ไม่ค่อยได้เขียนนิยาย 555 กุเพิ่งได้เข้ากลุ่มไปเมื่อต้นเดือนนี่เอง แทนที่จะได้เห็นนักเขียนคุยอะไรที่มันเกี่ยวกับเรื่องการเขียน มีแต่มีม เขียนบ่น แล้วก็ไอ้พวกขายของ (เหมือนไม่อยากขายอ่ะ มาลงลิงก์แล้วก็หนีไปก็มี อยากจะแจ้งแสปมใส่แม่ง) กุคิดว่าถ้าจะหากลุ่มไว้คุยไปหากลุ่มอื่นเหอะ ถ้าจะมาสิงในกลุ่มนี้สู้ไปอยู่คนเดียวดีกว่าเยอะ
ถ้าไม่ติดว่าขี้เสือก กูคงไม่เข้ากลุ่มเข้าดิสคอร์ดให้เสียเวลาหรอก จากประสบการณ์หลายปีที่ลองมาหลายสิบกลุ่ม แม่งไม่เคยเจอกลุ่มไหนที่ประทับใจเลยแม้แต่กลุ่มเดียว
คุยเหี้ยอะไรกันไม่รู้เยอะแยะจนต้องปิดแจ้งเตือน นิยายไม่ไปเขียน เขียนแต่โฆษณากับคู่จิ้นเยดตูด กลุ่มไหนอายุน้อยหน่อยก็เต็มไปด้วยมีมและข้อความเบียวๆ หรือโพสให้กำลังใจที่ดูปลอม อยากดูหล่อ/สวยด้วยคำคมแนะนำนั่นนู่นนี่แต่พอถามว่านิยายจบรึยังแม่งใบ้แดก
แล้วในกลุ่มเหล่านี้มักจะมีอยู่ 1-2 คนที่เป็นพวกเมนฮาระ ชอบดราม่าฟูมฟายแพร่กระจายพลังลบ อ่านแล้วหดหู่ชีวิตแม่งไม่เคยมีแต่เรื่องดีๆ เรียนก็ห่วย เพื่อนไม่คบ นิยายร้าง อ้างว่าตัวเองเป็นซึมเศร้า (โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นจริงๆ หรือเปล่า) ขอความเห็นใจว่าไปอ่านนิยายหนูหน่อย อยู่กับมันมากๆ แล้วเราก็พลอยจิตตก+รำคาญไปด้วย บางทีเลยออกกลุ่มแม่งเลยไม่ชอบอ่านละครโศก
>>460 5555555 ไอ้สัส แม่งจริง กูในฐานะชายแท้เจอนิยายเยดตูดเข้าไป หำหดเลยแม่ย้อย บางทีกูก็มีอารมณ์แบบอยากจะพยายามเข้าใจว่าเฮ้ย...ไอ้นิยายวายเยดตูดกันมันมีอะไรวะ ทำไมคนถึงได้นิยม คู่จิ้นเกิดขึ้นมาเต็มบ้านเต็มเมืองทำเงิน แต่พอเข้าไปอ่านแล้วแบบ บางเรื่องเจอปกเข้าไปกูก็สยิวแล้ว ผู้ชายตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ ส่วนอีกคนเป็นชายเขียนให้ดูบอบบางตัวเล็กแต่ตูดแม่งใหญ่แบบ ไอ้สัส เห็นแล้วเหมือนเอาภาพพระบิดาแดกขี้มาให้ดูอะ อารมณ์กูแบบนั้นเลย แม่งเอาปกแบบนี้เป็นปกนิยาย ยังเสือกมีคนอ่าน .... ไปไม่เป็นเลยกู
อยากสร้างกลุ่มนักเขียนที่พูดคุยแต่เรื่องการเขียนนิยาย จำกัดสมาชิกทั้งหมดแค่ 4 คนพอ
ใช้เฟส ไลน์ ดิส อวาตารก็ได้ เป็นโม่งต่อไป ไม่มีระบบถามอายุ ไม่มีอาวุฒิโส มีใครสนไหม คัดคนที่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อการเขียนของตัวเอง แปลไทยเป็นไทยว่าคัดคนที่คิดว่าน่าจะมีสไตล์ใกล้ๆกันช่วยส่งเสริมกันได้มารวมกันให้ครบ 4 คน
>>457 กูลองละผลลัพท์คือเป๊ะมากเกือบจะ 100% นอกจากจะลอกผลงานสร้างสรรค์ชาวบ้านแล้วยังก๊อปวิกิชาวบ้านมาหน้าด้าน ๆ อีกด้วย
อันนี้เป็นเนื้อหาวิกิส่วนที่กูหยิบมาเทส https://metalgear.fandom.com/wiki/Samuel_Rodrigues#Weapon
>>462 โอเพ่นแชทเถอะมึงถ้าจะขนาดนั้น อีกอย่างเอาทำไมแค่สี่คนวะ จะโรลเบียสเป็นจตุรเทพกันเหรอ แล้วในโม่งก็มีมู้สำหรับนข.มาแลกเผลี่ยนเทคนิตกันอยู่แล้ว ไปห้องลิทโน่น ถึงจะมีออกทะเลไปบ้างแต่ถ้ามึงจะสอบถามไรมีโม่งคอยตอบแน่นอน
เอาตรงไอ้กลุ่มนข.บนเฟสแม่งมีประโยชน์สำหรับกูแค่เสพดราม่านี่ละ555 สาระจริงๆกูมาสิงโม่งยังได้มากกว่า หรือนั่งรีเสิร์ชตามเว็บแจกเคล็ดก็ได้ไม่ค้องเสียตังเข้าคอร์สหลอกแดก
>>465 จำนวนคนสำคัญนะ คนเยอะเรื่องเยอะ คนเยอะลูกหาบก็จะเยอะตาม คนเยอะการควบคุมคุณภาพก็ลำบาก
ส่วนเรื่อง 4 คนกับการเป็นจตุรเทพนี่ก็เบียวเกิน
สุดท้าย เวลาต้องการคำตอบบางอย่างแล้วมันไม่ได้คำตอบจากคนที่ต้องการถาม มันก็ไม่ได้นะ หลายอย่างคนตอบไม่รู้ คนรู้ไม่ตอบ ถ้าอยากให้ตอบก็ต้องถามจี้ แล้วถ้าไม่มีความสนิทสนมกันในระดับที่จะทำให้อยากตอบ คนรู้มันก็ไม่ตอบ หลายอย่างไม่อยากให้ทั้งโลกรับรู้ ก็ต้องจำกัดวงให้รู้แค่ไม่กี่คน สี่คนนี่กำลังดี จำนวนไม่เยอะหรือน้อยไป
แต่ขอบคุณนะ เดี๋ยวไปแปะห้องลิทก่อน
>>467 ไม่จำเป็นต้องเป็นมหาเทพ ถ้าหากมองตามความเป็นจริงว่าทุกคนมีเรื่องให้เรียนรู้จากคนอื่นได้เสมอ รวมทั้งมุมมองความคิดไอเดียของแต่ละคนก็มีความเป็นปัจเจกอยู่แล้ว ประเด็นสำคัญน่าจะอยู่ที่พื้นฐานนิสัย กับความตั้งใจมากกว่า ไม่เบียวเกิน ไม่อีโก้เกิน
ถ้าเกิดรวมกันแล้วไม่ได้ดั่งใจก็แยกย้าย แต่ถ้าไปได้สวยก็น่าจะเป็นอะไรที่ดีมากๆ อย่างน้อยก็ไม่มีอะไรเสียหาย
>>467 อีกประเด็นคือบางครั้งคำถามที่ถามจากความไม่รู้จริงๆก็มีประโยชน์กว่าคำตอบดีๆนะ หลายครั้งมันทำให้เราได้ฉุกคิดว่าเออทำไมไม่เคยมองมุมนี้เลยนะ หรือพอมีคนถามแล้วค่อยเออหว่ะ พอได้ลองทบทวนความคิดตัวเองดูอีกทีก็รู้สึกว่าเข้าใจเรื่องที่เคยคิดว่าเข้าใจดีแล้วเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย
>>470 ที่อยากจะบอกคือคนไม่รู้ถามคนไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าเกิดตั้งกลุ่มแค่ 4 คน แล้วคนในกลุ่มมันคือคนอย่างเทพกีกี้ กับเทพโชกุลที่ต่างมีมุมมองและลักษณะทางความคิดที่บิดเบี้ยว กลุ่มนั้นมันก็จะพากันไปในทิศทางที่เบี้ยวแบบกู่ไม่กลับ รู้ตัวอีกทีก็ประมาณ ข้ามาทำอะไรที่นี่ ข้าเสียเวลาทำไม..
มันมีหลายคำถามที่ต้องใช้ประสบการณ์ในการบอกชี้แนะ ซึ่งบางอย่างมันหาจาก Google หรือการค้นคว้าได้ยาก คนที่มีความรู้มีประสบการณ์ เขาก็ไม่อยากจะเข้ากลุ่ม ไม่อยากจะผูกมัด ตอบคำถามตามอารมณ์ เพราะแบบนั้นเราเลยเห็นว่ามันมีแต่กลุ่มกากๆ เพราะคนที่เก่งๆมันก็สิงบอร์ดแต่ไม่แสดงตัว ตอบตามอารมณ์ คนที่โหยหากลุ่ม โหยหาพรรคพวกสุดท้ายมันคือกลุ่มมือใหม่ พอจับกลุ่มคุยกัน ก็อย่างที่เห็น สรุปไม่ได้คุยเรื่องนิยายหรือการเขียนอะไรเลย เอาแต่เว่อเว้อ หาสาระไม่ได้
>>471 ประเด็นนี้น่าสนใจนะ ต้องบอกที่ตัดสินใจเริ่มทั้งหมดนี้เพราะประเด็นนี้เลย พวกคนเก่งๆเค้าสิงบอร์ดสิงโม่งแต่เค้าไม่แสดงตัว แต่พอมาลองคิดดูดีๆ ที่คนพวกนี้ต้องมาสิงบอร์ดสิงโม่งแล้วไม่ค่อยแสดงตัวนี่มันหมายความว่าเค้าก็อยากหาพื้นที่ดีๆให้ตัวเองอยู่ด้วยใช่ไหม เพียงแต่อะไรที่มีคำว่าดีนั้นมันช่างหายากตามสภาพ เพราะงั้นมันเลยตอบอีกประเด็นไปในตัวเอง ประเด็นที่ว่าถ้าเจอคนที่บิดเบี้ยวล่ะ
คำตอบของเรื่องนี้ก็คือ อะไรที่ดีๆมันก็ต้องหายากตามสภาพ แต่ที่คนเก่งๆต่างไม่แสดงตัวเพราะเค้าเองก็คาดหวังว่าจะเจอที่ดีๆด้วยเหมือนกัน หมายความว่าคนพวกนี้สิ้นหวังกับการรวมกลุ่ม เพียงแต่เพราะการเป็นนักเขียนมันเหมือนการเป็นนักสำรวจที่ไม่มีไฟฉายตอนกลางคืน อยากจะได้อะไรก็ต้องไปงมหา อยากจะถามอะไรใครเพื่อให้ได้คำตอบที่มีคุณภาพก็ยากแสนยาก คนเก่งๆตั้งเยอะเลยกลายเป็นลอยไปลอยมาเหมือนผี ยังคงคาดหวังลึกๆว่าจะเจอที่ที่ดี ยังคงโหยหาพรรคพวกอยู่ เพราะถ้าไม่ต้องการการรวมกลุ่มหรือโหยหาพรรคพวกจริง คงไม่ต้องมาสิงบอร์ดหรือโม่ง คงอยู่คนเดียวแบบสบายๆไป
แต่สุดท้ายเราก็จำเป็นต้องใช้ความกล้าที่จะลอง ถ้าดีก็ดี ถ้าไม่ดีก็ค่อยตั้งหลักกันใหม่ การที่>>471 ให้คำแนะนำต่างๆมา ผมเดาว่าเพราะลึกๆ>>471 ก็ยังคาดหวังอยู่ว่าจะเจอที่ดีๆ เพียงแต่ในความตั้งใจคงปักธงไปแล้วว่าที่ดีๆนั้นมันไม่มีอยู่จริงๆหรอก ขอโทษที่ทำเหมือนเข้าอกเข้าใจทั้งๆที่ความจริงคงไม่เข้าใจความคิดของใครได้ร้อยเปอร์เซนหรอก แค่อยากแสดงให้เห็นถึงความจริงอีกด้านและเหตุผลที่เริ่มทั้งหมดนี้เฉยๆ
ถ้าลองแล้วสำเร็จ มันคือโอเอซิสเลย แต่ถ้าไม่สำเร็จความจริงแล้วก็ไม่ได้เสียหายอะไรขนาดนั้น
มันคุ้มที่จะลอง
ส่วนประเด็นเรื่องที่ว่าคนที่เก่งๆอาจไม่ได้มาเข้ากลุ่ม ประเด็นนี้ก็พอจะคิดและเตรียมใจมาระดับนึงแล้ว เป็นประเด็นที่น่าสนใจมากๆ แต่อีกมุมมองนึง หากสามารถคัดคนที่ต้องการพัฒนาตัวเองแบบจริงๆจังๆ คนพวกนี้ต่อให้เป็นมือใหม่ ไม่ได้เรื่อง หรือปล่อยให้อยู่คนเดียว วันนึงคนพวกนี้ก็จะถีบตัวเองขึ้นมาได้อยู่ดี เพราะพื้นฐานของคนพวกนี้เป็นแบบนั้น ในจุดนี้คิดว่า>>471 น่าจะเข้าใจเป็นอย่างดี
และด้วยเหตุผลที่ว่า คนพวกนี้จะไม่ค่อยมีอีโก้กับความเบียวแบบสุดกู่ติดตัวมาด้วยเพราะยังอ่อนประสบการณ์และยังไม่เก่งยังไม่คิดว่าตัวเองรู้ไปหมด(แต่ถ้าเบียวจัดก็แยกย้าย ไม่มีอะไรการันตีแค่คิดถึงความเป็นไปได้ที่พอจะคุ้มให้ลองเสี่ยง) ถ้าเป็นนิยายย้อนเวลาหรือเกิดใหม่ คนพวกนี้คือแรร์บุคลากรที่ต้องรีบไปตีสนิทเอามาเป็นพวกให้ได้
https://www.dek-d.com/board/writer/4058633/ ฝากนิยายครับ
>>477 ถ้าไม่ทับก็จะประมาณนี้ https://i.imgur.com/BGb1SDL.png
ว่างแล้วก็มาสับนิยายเล่นกันหน่อย คราวนี้เป็นทีของนิยายที่ถูกโฆษณาในบอร์ดรัวๆ ช่วงปีที่แล้ว โดยพยายามชูจุดขายว่าเป็นนิยายภาษาสากลแล้วเอามาแปลไทยเรียบเรียงใหม่เพื่อลงในเว็บเด็กดวก ด้วยความเข้าอกเข้าใจว่านักอ่านส่วนใหญ่ในเว็บนี้อาจมีความรู้ทางภาษาในระดับเดียวกับแมงเม่า พี่เขาเลยจัดเวอร์ชั่นแปลจากเว็บ Wattpad มาถวาย สำหรับนิยายที่ถูกดองมาเกือบขึ้นปีที่ 2 อาจสับแล้วไม่ได้อะไรมาก แต่ในเมื่อมันมาอยู่ในรายชื่อ กูก็คงต้องจัดให้เสียหน่อย
ผู้สังหารความมืด (Thai Version)
https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1887809
ชื่อเรื่องและหน้าปกหลักมีความเฉยๆ สำหรับกู คำโปรยทำได้ปานกลาง Tag ไม่กว้างแต่ก็ยังไม่น่าจะจับกลุ่มลูกค้าได้เยอะ ปกรองครึ่งแรกมีเขียนอัพเดตความคืบหน้าเล็กน้อยว่านักเขียนทำอะไรไปแล้วในวันที่เท่าไหร่และกำลังจะทำอะไรต่อ ส่วนกลางเป็นข้อมูลชื่อเมืองทั้ง 9 ในโลกอีกมิติ ระบบการนับเวลาและสกุลเงิน ส่วนท้ายเป็นการแนะนำตัวและพูดคุยที่มาที่ไปของนิยายเรื่องนี้ อืม... เอาเป็นว่ากูจะเลิกบ่นเรื่องปกรองก็แล้วกัน เพราะซ้ำซากกับเรื่องก่อนหน้านี้หลายๆ เรื่อง พวกมึงที่ตามอ่านมานานคงสามารถใช้ปลายหมอยรับรู้ว่าปกรองมันมีหน้าที่ยังไง ใช้งานแบบไหนแล้วถึงจะมีคนอ่านเพิ่ม ถ้าใช้หมอยแล้วยังจำไม่ได้ กูจะสรุปให้สั้นๆ 4 อย่างว่า "ใช้ขายของเพิ่ม ยกระดับความน่าสนใจ แปะรูปหลอกเด็ก ฝากข้อมูลติดต่อหรือหน้าเพจ" มันเป็นพื้นที่สำคัญใช้งานให้คุ้มค่าก็แล้วกัน
ตอนที่ 1 : Prologue : เริ่มการเดินทางสู่โลกใหม่
เล่าเรื่องด้วย POV 3 เป็นบทนำความยาวประมาณ 1 หน้า 16pt ซึ่งกูไม่รู้ว่ามันเป็นธรรมเนียมจากเว็บ Wattpad หรือเปล่าที่ต้องเว้นบรรทัดรัวๆ เพื่อให้อ่านง่ายบทแพลตฟอร์มที่โน่น เว้นจนเกือบกลายเป็น LN ไม่รู้ดิ กูว่าเดี๋ยวนี้มันอาจนิยมการแต่งแบบนี้ไปแล้ว จะได้อ่านง่ายบนมือถือ ส่วนตัวกูยังคงติดการกด Enter ครั้งเดียวเหมือนเดิม (ส่วนหนึ่งเพราะขี้เกียจ) ใครรำคาญหรืออ่านแล้วแยกบรรทัดเองไม่ได้ มึงก็ออกไปเลยกูไม่แคร์ เนื้อหาเล่าประมาณว่าพระเอกชื่อไอ้โจ๊กอวดรวยเลี้ยงหนังเพื่อนทั้งสาขาของตัวเอง เรียกรถจากบริษัทพ่อมารับเพื่อนๆ ในมหาลัยหลังจบงานรับปริญญา (นอนเซนส์เหี้ยๆ ตอนกูรับเสร็จกูอยากกลับบ้านนน) ทุกคนดูหนังจบไอ้โจ้กก็เดินทางกลับแล้วเผลอหลับกลางทาง ในฝันไอ้โจ๊กได้คุยกับสาวสวย เธอบอกว่าในมิติฝั่งนี้ไอ้โจ๊กคือบร๊ะเจ้าโจ๊ก มามะมาเป็นวีรบุรุษช่วยพวกกูเสียดีๆ ว่าแล้วก็วาร์ปไอ้โจ๊กไปต่างโลก ทำเอาคนขับรถประจำตระกูลเกือบรถคว่ำตาย เพราะนายน้อยแม่งหายตัวไปเสียเฉยๆ
ตอนที่ 2 : Adventure 1 : การพบเจอ
คราวนี้ความยาวหดลงเหลือครึ่งหน้า เล่าว่าไอ้โจ๊กฟื้นขึ้นมาบนทุ่งหญ้า ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็มีทหารมาเรียกพี่โจ๊กด้วยชื่อแนวแฟนตาซีที่ค่อนข้างยาว พอเห็นพระเอกของเรางงแดก พี่ทหารเลยเรียกด้วยชื่อไทยแล้วบอกว่าอันนี้ใช่ชื่อจริงของฝั่งโลกมนุษย์หรือเปล่า พี่โจ๊กพยักหน้าทั้งที่ยังไม่หายงง แต่ก็ยอมตามทหารไปหลังพี่แกเล่าว่าเจ้าหญิงกำลังรอมึงอยู่ จบตอนแค่นี้แล้วก็มี talk ท้ายตอนที่ยาวเกือบเท่าเนื้อเรื่องปิดท้าย อธิบายว่ารีไรท์เนื้อหาในตอนเพื่อเพิ่มความยาว ทำเอากูอึ้งไปเลยว่าถ้าอันนี้คือยาวแล้ว ก่อนหน้านั้นมันจะสั้นขนาดไหนวะ
ตอนที่ 3 : Extra 1 : โปรโมทนิยายอีกเรื่องครับ
ไอ้เหี้ย... มึงกล้าหาญมาก เอานิยายที่แต่งไว้ใน ธวล กับ จลด มาโปรโมตในเด็กดวก แถมโปรโมตได้กากสัสด้วย มีแค่เซตติ้งหลวมๆ คำพูดนางเอก 3 ประโยค กับชื่อเรื่อง "แก๊งบันเทิงใจกับน้องใหม่สุดกาว" โปรโมตในนิยายยอดวิว 500 คนเฟ้ฟ 25 คน คงจะได้ยอดวิวเพิ่มขึ้นที่ปลายทางมหาศาลหรอกนะมึง แต่ก็ดีเหมือนกัน ประหยัดเวลาชีวิตกู
ตอนที่ 4 : Adventure 2 : ที่มาของเสียงเรียก
นิยายเหี้ยนี่กูว่าความยาวคงประมาณนี้ไปเรื่อยๆ อะ กะเอาแบบลวกๆ เลยก็ 2-300 คำต่อตอน เนื้อหาก็ห้วนๆ ทหารพาไอ้โจ๊กไปเจอเจ้าหญิง เจ้าหญิงบอกว่าที่มึงโดนอัญเชิญมาเนี่ยไม่ใช่เรื่องบังเอิญแบบอิเซไคเรื่องอื่นๆ ที่สุ่มดึง เพราะกูรู้ว่ามึงมีจิตวิญญาณนักรบในตัว เลยดึงมึงมาช่วยสู้กับจอมมาร แล้วที่โลกเดิมก็ไม่ต้องเป็นห่วง กูใช้พลังเพื่อหยุดเวลาไว้แล้ว ถ้าภารกิจจบเมื่อไหร่ก็กลับไปโลกเก่าในวันที่เดิมตอนข้ามมาได้เลย ไอ้โจ๊กได้ยินก็ตกลงรับข้อเสนอโดยไม่สงสัยอะไรสักนิด (ใจง่ายสัสหมา) คุยจบก็เบิกตัวครูฝึกชื่อแฟนตาซียาวเหี้ยๆ อ่านยากมาคนหนึ่ง บอกว่าเดี๋ยวมึงไปฝึกกับไอ้นี่นะ แล้วก็จบตอน
ตอนที่ 5 : Adventure 3 : การตามหา โชคชะตา เเละความรู้สึก
ครูฝึกส่งไอ้โจ๊กไปที่พัก พอไปถึงมีพูดเกี่ยวกับสัญญาณโทรศัพท์ว่ามีคลื่นแต่โทรหาใครไม่ติดเลย (ไม่รู้ว่าอยากจะสื่อเหี้ยอะไร) ห้องพักต่างโลกแม่งมีนาฬิกาบอกว่า 5 ทุ่มด้วยพี่โจ๊กเลยง่วงนอน ตอนหลับคราวนี้ก็ฝันอีกแล้ว ฝันว่าตัวเองนั่งอยู่ข้างๆ เด็กผู้หญิงใต้ต้นไม้ เด็กบอกว่ากลัวจะมีคนมาตัดต้นไม้ พี่โจ๊กเลยโชว์เท่แบบเปลือกๆ กากๆ ว่าเดี๋ยวพี่จะปกป้องต้นไม้นี้เอง ผ่านไปไม่ถึง 5 วินาที ก็มีตัวร้ายโผล่มาจากไหนไม่รู้แล้วตัดต้นไม้ล้ม (พี่โจ๊กแม่งกากสัสทำเหี้ยไรไม่ได้เลย) ส่งผลให้เด็กผู้หญิงสลายร่าง ไอ้โจ๊กก็ร้องไห้ฟูมฟายว่าพี่ขอโทษตอนที่เด็กสาวกำลังจะหายไป มีอธิบายนิดหน่อยว่าเด็กสาวพูดกับไอ้โจ๊ก แต่ไม่ได้บอกว่าพูดอะไร (ผูกปมห่วยขั้นเด็กอนุบาล) แล้วพระเอกก็สะดุ้งตื่น จบตอน
การบรรยาย : อ่านรู้เรื่องแต่สำนวนมันเฉยๆ มาก ไม่สามารถรับรู้ถึงความเป็นแฟนตาซีได้เมื่อไปยังต่างโลก อันที่พอไปวัดไปวาก็มีแค่เรื่องการใช้คำราชาศัพท์กับเจ้าหญิง แต่การใช้ผม/คุณเมื่อคุยกับตัวละคนอื่นทำให้ความขลังของเรื่องลดลงไปเยอะ ไอ้พวกตัวร้ายในฝันนี่ยิ่งแย่ คาร์แรคเตอร์อิเซไคแต่ใช้วะ เว้ย โว้ย หรือสรรพนามมึง/กู ทำเอานิยายแม่งตลาดล่างไปในทันที บทสนทนาทำได้ปานกลาง มีเหมาะบ้างไม่เหมาะบ้างตามที่บอกไปข้างต้น ส่วนเรื่องบรรยากาศนี่ ถ้ามึงไม่ได้แปะรูปไว้กลางตอนที่ 2 คือไม่เห็นภาพความเป็นแฟนตาซีเลยวะ อ่านรู้เรื่องไม่วกวนแต่ก็ไม่เกิดอารมณ์ร่วมด้วยเหมือนกัน
ตัวละคร : กลวงสัส มีแค่โม้ว่าพี่โจ๊กเค้ารวยจริง พ่อแม่ตามใจอนุญาตให้ลูกชายเปย์เพื่อนได้ไม่อั้น จะดูหนังซื้อของกินเข้าโรงหรือแวะเลือกของฝากก็จัดไป แต่ในความเป็นจริงวันรับปริญญาคือนรกบนดินของแท้ ต้องตื่นแต่ตั้งยังไม่สว่างเพื่อแต่งตัวแต่งหน้าไปรอรับ ถ้ามันเปลี่ยนไปเป็นวันเลี้ยงส่งอื่นๆ ที่ไม่ใช่วันรับปริญญานี่ จะฟังดูน่าเชื่อถือขึ้นมาบ้าง กูว่าเจ้าหญิงแม่งยังดูมีอะไรมากกว่าพระเอกอีก ท่าทางหรือนิสัยอะไรก็พอมีให้รับรู้บ้าง แม้จะสูตรสำเร็จไปหน่อยก็ตาม ส่วนไอ้โจ๊กนี่แม่ง YES Man ใครบอกอะไรก็ตกลงไปทุกอย่าง บางจังหวะก็ทำตัวโง่ๆ ด้วย ไม่สมกับเป็นคนรวยเรียนจบอุดมศึกษา มันไม่สามารถปูทางให้กูชอบพระเอกได้เลย ต่อให้พระเอกเก่งตาม Tag ที่อ้าง แต่ถ้าสมองเป็นงี้กูว่าแม่งสูญเปล่าเชี่ยๆ
เนื้อเรื่อง : อิเซไคทั่วไป๊ทั่วไป แค่เปลี่ยนจากทรัคซังเป็นวาร์ปซัง พระเอกโดนดึงตัวไปเป็นผู้กล้าที่ต้องรับการฝึกก่อนไปสู้กับจอมมาร ด้วยลักษณะนิสัยของพระเอก ถ้าหากโดนย้ายไปอยู่ในโลกของนิยายเรื่องอื่น อาจรอดชีวิตได้ไม่เกิน 5 ตอน หรือกลายเป็น Shield Hero ที่ไม่มีโอกาส Rising กลับมาอย่างยื่งใหญ่ เพราะโดนหลอกไปฆ่าหมกป่าข้างทางตั้งแต่ต้นเรื่อง
จุดเด่น : ความยาวต่อตอนที่สั้นเหี้ยๆ
จุดด้อย : ทุกอย่างในเรื่องที่มันปานกลาง และดูจืดๆ ไปหมด ไร้ความโดดเด่น ไม่มีความน่าสนใจ ไม่เกิดความอยากติดตาม
คะแนน : เลี้ยงหนังเพื่อนทั้งสาขาในวันรับปริญญา / 10
ความเห็นส่วนตัว : พระเอกเป็นตัวตลกสมกับชื่อที่โดนตั้งให้ ไม่รู้สึกถึงเสน่ห์ ความเท่ หรือความเก่งกาจที่ควรจะมีในตัวละครเอกแนวอิเซไค Pacing ช้าโคตรพ่อด้วยเพราะความยาวต่อตอนที่สั้นอย่างไม่น่าเชื่อ ถ้าให้กูแต่งนิยายด้วยความยาวเท่านี้เช้าจรดเย็น กูว่าคงได้ไม่ต่ำกว่า 50 ตอนต่อแน่ๆ คือขนาดภาษาไทยยังง่อนแง่นปานนี้ เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษจะขนาดไหนวะ ลดจากความยาวเท่าหมอยมดลงไปเป็นหมอยแบคทีเรียเลยหรือเปล่า โดยรวมคือยังไม่ผ่านว่ะ
>>478 แม่ง......... https://i.imgur.com/Hxz7D27.png
>>478 ไอ้คนบาป บูลลี่ลายเส้นคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง คิดว่าอยู่ในโม่งแล้วจะทำตัวเหี้ยยังไงก็ได้งั้นเหรอ จิตใจมึงทำด้วยอะไร เลวมาก ทำไมถึงไม่ใช้เวอร์ชั่นลงสี https://i.imgur.com/967EYOx.jpeg
สนุกดีนะเรื่องนารูตะกี้(ตัวมันนะไม่ใช่นิยาย) เขียนนิยายลอกLN ไอเทมแฮ๊บจากเกมก็อปแปะยันคำอธิบาย รูปก็เทรซซ้ำซาก ผ่านมาหลายปีแล้วถ้าฝึกหน่อยกูว่าฝีมือวาดเขียนต้องพัฒนาบ้างแหละแต่พี่กี้ไม่เลย โคตรคนไม่สนหีสนแตดจริมๆ
หวัดดีเพื่อนโม่ง กูหายจากวงการนิยายไปนานมาก ตอนนี้เขาฮิตไรกันวะ ช่วยแนะนำหน่อย พอดีจะเขียนหาเงินสักก้อน เอาแบบปังๆ นะพวกมึง
>>492 กูเสียสละเวลาอันมีค่าในชีวิตไปหาคำตอบมาแล้วในตอนอื่นๆ (เพราะตอนมันสั้น) มันอ้างว่าในโลกมนุษย์มีแหล่งพลังเวทคล้ายๆ อีเทอร์ในเซตติ้งนิยายแฟนตาซีเรื่องอื่นอยู่น้อยมาก ความต้านทานต่อเวทมนตร์จึงต่ำตามไปด้วย ดังนั้นแม้จะมีพลังแค่ในระดับเจ้าหญิงก็สามารถระเบิดโลกทิ้งไปได้ง่ายๆ เรื่องหยุดเวลาเลยไม่ใช่ปัญหาน่ะ ส่วนในมิติที่เจ้าหญิงอยู่นางก็ถือว่าสูงกว่าระดับปานกลางอยู่นิดหน่อย
นิยายแซ่บคอมพันวิวแล้วนะ
สับนิยายรายวันเช่นเคย ยอดวิวจะเยอะหรือน้อยไม่สำคัญ ขอแค่มันอยู่ในรายชื่อค้างสับก็เท่ากับว่ามึงโดนแน่ เพราะมันต้องมีสาเหตุอะไรสักอย่างให้กูเลือกมาใส่ (แม้จะลืมไปแล้วบางเรื่องก็ตามที)
ต่างโลกพร้อมพลังแห่งการกลืนกิน
https://writer.dek-d.com/first56/writer/view.php?id=1976674
ขายของได้ตรงจุดเหี้ยๆ แต่มาแบบแข็งโป๊กเป็นหิน บุกเข้ามาตรงๆ ชนิดไม่มีลูกล่อลูกชน เอาวะบางทีอาจจะได้ผลก็ได้กับนิยาย 208 ตอนที่ทำยอดวิวไปถึง 24,809 (เฉลี่ยแล้วตกอยู่ตอนละ 100 วิวกว่าๆ) หน้าปกไม่รู้ไปเอามาจากไหนแต่โดนใจวัยเกรียนจูนิเบียวแน่นอนแต่ขอติเล็กน้อยตรงสีชื่อเรื่อง กลืนไปกับสีเสื้อตัวละครจนแทบมองไม่เห็น ยังดีที่มีผมนางเอกปาดมาจากทางซ้ายให้พออ่านได้ครึ่งแรก
คำโปรย : ฟอสเด็กนักเรียนมัธยมต้นธรรมดาที่อยู่ๆทั้งห้องก็โดนอัญเชิญไปต่างโลก และเขาก็ได้พลังของอสูรมา เรื่องราวจะเป็นอย่างไรโปรดอ่าน
อ่านแล้วรู้สึกว่าแข็งโป๊กเป็นควยโกเลม เน้นขายของแบบตรงไปตรงมาอีกแล้ว ถ้าเป็นร้านอาหารก็คงเขียนประมาณว่า "ขายข้าวไข่เจียวอย่างเดียวเท่านั้น 15 บาท" กระชับ รวบรัด ชัดเจน ไม่มีการออดอ้อนหรือหลอกล่อใดๆ นานๆ ทีกูจะเจออะไรแบบนี้บ้าง ถ้านักเขียนไม่อายุน้อยก็คงเป็นคนจริงจังมากๆ เนื้อเน้นๆ น้ำไม่ต้องถ้าติดคอตายก็เรื่องของมึง นิยายเรื่องนี้ยังคงอัปเดตอยู่เรื่อยๆ ใครอยากลองของก็ไปหาตำกันดูได้
ปกรองหรือส่วนข้อมูลเบื้องต้นถูกใช้ในการแนะนำตัวละครอยู่ 3 ตัว ก่อนบอกว่าจะมาเขียนเพิ่มทีหลัง เอาที่สบายใจเลยก็แล้วกัน
ตอนที่ 1 : ตอนที่ 1 บทนำ
เล่นด้วย POV 1 ในสไตล์ไร้โนเวล ใช่โม่ง... กูยืนยันว่าเป็น "ไร้-โนเวล" เพราะหาความเป็นนิยายได้น้อยนิดเหลือเกิน ขนาดไลท์โนเวลยังทำได้ดีกว่านี้มากๆ ทำเอากูโดนกระตุกจิตกระชากใจจนจำขึ้นมาได้ว่ามีรุ่นน้องมาแนะนำว่านิยายเรื่องนี้สนุกมาก อ่านง่าย โอเค กูพอเข้าใจแล้วว่าอ่านง่ายที่ว่าหมายถึงอะไร เปิดเรื่องมาด้วยการแนะนำตัวว่าผม "ยามิ ฟอส" อายุ 16 ปี เป็นนักเรียนม.ปลาย (แล้วทำไมคำโปรยมึงเขียนว่าอยู่ม.ต้นคะอีสัส) กำลังเดินไปโรงเรียน ระหว่างทางเจอเพื่อนสาวสมัยเด็ก 2 คน เป็นพี่น้องกัน อ่านจากชื่อตัวละครแล้วก็คงเป็นเรื่องในญี่ปุ่นสไตล์อนิเมะ มีการพูดคุยหยอกล้อกันนิดหน่อย ทางไอ้ฟอสโดนสาวแซวก็ตะโกนว่าอีกหน่อยกูจะเป็นเสือผู้หญิงให้ได้เลย แล้วก็จบตอน (????) วัดด่าฟัก กูถึงขั้นต้องเลื่อนขึ้นลงว่ามันจบตอนแล้วจริงดิ เรื่องพี่โจ๊กที่คิดว่าสั้นแล้ว เจอเรื่องนี้ความยาว 37 ประโยครวมบทสนทนา ไอ้เหี้ย... มีหมอยตัวอะไรที่สั้นกว่าหมอยแบคทีเรียอีกไหมวะ
ตอนที่ 2 : ตอนที่ 2 ถูกอัญเชิญ
นายฟัค เอ๊ย! นายฟอสพระเอกของเราพอมาถึงก็เข้าห้องเรียนทันที ก้าวแรกที่ตีนแตะพื้นห้องก็ปรากฏวงเวทอัญเชิญโผล่มา พร้อมกับเสียงลึกลับถามว่า "เจ้าอยากได้พลังอะไร" ไอ้ฟอสตกใจเล็กน้อยก่อนตอบกลับไปอย่างเด็กจูนิเบียวว่า "พลังของอสูรแห่งการกลืนกิน" เจ้าของเสียงเปลี่ยนคลาสให้ไอ้ฟอสเป็นนักกลืนกินแล้วส่งทุกคนในห้องไปต่างโลกทันที พอไปถึงก็เดินเรื่องตามขนบแนวอิเซไคเป๊ะๆ ชนิดแทบทุกกระเบียดนิ้ว ไอ้หนุ่มเรียจูหน้าตาดี กีฬาเด่น ใจหล่อ เปิดฉากถามพระราชาว่าเกิดอะไรขึ้น ไอ้นักเขียนกลัวคนอ่านไม่รู้ อุตส่าห์ย้ำต่อจากบทพูดของตัวละครใหม่ว่าเขาคือเรนผู้เหมาะสมจะเป็นผู้กล้าถึง 2 ครั้งรวด ก็เป็นไปตามฌองของแนวต่างโลก คือโดนสุ่มพาตัวมาแต่ในกลุ่มนี้จะมีคนเก่งแน่ๆ อยู่ 1 คน พอราชาสอนวิธีดูชื่ออาชีพตัวเอง ไอ้ฟอสก็พบว่าตัวเองมีสกิลประเภทแดกแล้วได้ EXP แดกได้ทุกอย่าง ถ้าแดกมอนสเตอร์ก็จะได้สกิลด้วย ส่วนพี่เรนคนหล่อก็ตามคาด ได้คลาสเป็น Hero เพื่อนสมัยเด็กคนพี่ไอ้คลาสนักนู ส่วนคนน้องได้นักเวท ยังไม่ได้เข้าที่พักพระราชาก็บอกว่าทุกคนเตรียมตัวไปเก็บเวลในดันเจี้ยนของเมืองหลวงกันได้เลย (????) แล้วก็จบตอนที่ยาวกว่าตอนแรก 2 เท่าไปทั้งอย่างนั้น
ตอนที่ 3 : ตอนที่ 3 อาณาจักร ราฟาร
เจ้าหญิงอาสานำทางทุกคนไปห้องเตรียมอาวุธ ซึ่งในคำอธิบายเนี่ยทำเอากูนึกถึงเรื่องกันโอตะขึ้นมาเลย เพราะเรียกวัตถุดิบเป็น "เมทัล สไลม์" เหมือนกัน วิธีการสร้างก็เหมือนกันคือเอามือจุ่มลงไปในถังโลหะเหลว จ่ายพลังเวทระหว่างนึกถึงอาวุธที่ต้องการ แล้วเหล็กเหลวจะขึ้นรูปตัวเองออกมาเป็นอาวุธนั้นๆ ต่างกันตรงที่พระเอกเรื่องกันโอตะต้องขึ้นรูปส่วนประกอบของปืนขึ้นมาทีละชิ้นแล้วถึงจะสร้างอาวุธได้ แต่เรื่องนี้คือเสร็จในขั้นตอนเดียว ไอ้ฟอสหรือฟรอสที่ถูกเรียกชื่อสับไปสับมาเกิดสงสัยว่าทำไมเราไม่ลองเจรจากับพวกปีศาจดูก่อน เจ้าหญิงได้ยินคำถามก็แย้งว่าพวกนั้นบุกมาทำลายเมืองนี้จนเกือบล่มสลาย จึงต้องมีแต่การนองเลือดเท่านั้นที่จะสามารถจบสงครามนี้ได้ พวกผู้หญิงจู่ๆ ก็พากันออกอาการเห็นใจโดยไม่ทราบสาเหตุแถมด่าไอ้ฟอสด้วยว่ามึงมันเหี้ยที่ไปสงสัยเจ้าหญิง ไอ้ฟอสเลยเดินหนีมาคิดว่าจะสร้างอาวุธอะไรดีก่อนตัดสินใจว่านักแดกแบบกูต้องดาบคาตานะเท่านั้น ซึ่ง...มันเชื่อมโยงกันยังไงวะ บอกกูที อ่านแล้วแม่งเบียวชิบหาย
ตอนที่ 4 : ตอนที่ 4 ทิ้งฉันแล้วเดินต่อไปซะ
ชื่อตอนอย่างกับเนื้อเพลงคนอกหัก เนื้อหาโดยย่อ ทุกคนลงดันไปเก็บเวลจนถึงเวล 15 ฆ่าบอสชั้นแรกลงไปชั้น 2 เจอมอนหลงมาจากชั้นอื่น มอนแม่งเก่งจนทุกคนเริ่มแย่ แถมเจอดีบัพติด fear จนยืนนิ่งทำอะไรไม่ได้ แต่พี่ฟอสที่มีสกิลแดกทุกอย่างดันแดกสถานะหวาดกลัวแล้วได้ EXP จนเลเวลอัพพรวดๆ เข้าต่อสู้แบบ 1-1 กับบอสจนเอาชนะไปได้ แต่ก่อนตายบอสสะบัดหางโดนพระเอกกระเด็นตกหน้าผา 2 สาวเพื่อนสมัยเด็กวิ่งมาจับมือไอ้ฟอสไว้ทันแต่ด้วยความอ่อนแรงก็คงจะยื้อไว้ได้ไม่นานนัก มีดราม่ากันเล็กน้อยตามชื่อตอนก่อนที่พระเอกของเราจะร่วงลงเหวไปต่อหน้าต่อตาสาวๆ
คำถามคือในเมื่อมึงเทพซ่าแล้วทำไมถึงขึ้นมาเองไม่ได้ ถ้าปราบบอสได้แล้วทำไมเจอหางเหวี่ยงใส่นิดเดียวถึงหลบไม่ได้ ต่อให้โดนแรงของบอสใกล้ตายฟาด ด้วยเลเวลที่อัพขึ้นซ้ำๆ ทำไมถึงยังถูกกระแทกจนปลิวอยู่อีก อันนี้คือความไม่สมเหตุสมผลอันใหญ่โตสุดๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อสร้าง force drama ระหว่างสาวๆ กับไอ้ฟอส เหมือนพยายามใช้มุกแบบในเรื่องอาริฟูเรตะ ให้พระเอกมีอันต้องตกลงไปที่ก้นเหวของดันเจี้ยนเพื่อไปพบกับความเทพซ่ายิ่งขึ้นไปอีก แต่ไม่รู้สิเรื่องนั้นมันให้พระเอกตกลงไปแบบกากๆ เกือบเอาชีวิตไม่รอด ยังพอมีเหตุผลให้ตามอ่านอยู่ผิดกับเรื่องเหี้ยนี่
ตอนที่ 5 : ตอนที่ 5 เอาชีวิตรอดในดัน
พอถึงพื้นไอ้ฟอสมีศพบอสเป็นเบาะรองเลยรอดมาได้ แต่ก็ยังมีอาการบาดเจ็บพวกฉีกขาดหรือกระดูกหักอยู่หลายจุด ก็ตามที่คิดคือแดกบอสทันที ในความยาวที่กลับไปเท่าตอนแรก มีการอธิบายว่าพระเอกแดกบอสแล้วได้สกิลมาใหม่ 3 อย่าง คือขู่ให้ติด fear, ปล่อยสายฟ้าจากมือ และบาเรียป้องกันที่เปลี่ยนความเสียหายมาฮีลเจ้าของ เปิดเรื่องมาไม่ทันไรก็ OP เกินไปแล้วสัส แล้วก็จบตอนลงภายใน 40 ประโยค
การบรรยาย : ห้วนๆ แข็งๆ เล่าเรื่องเหมือนไม่เต็มใจเล่าและเดินเรื่องตามขนบเกินไปจนน่าเกลียด กูอ่าน 3 ประโยคแรกของตอนแล้วเดาได้ทันทีว่าอาจเกิดอะไรขึ้น ใช้ tell จำนวนมากอย่างที่นักเขียนกากๆ นิยมทำไปโดยไม่รู้ตัว แถมเป็น tell ที่แย่กว่าพวกนิยายจีนอีกด้วย (เพราะให้ข้อมูลน้อยจนไม่รู้ทิศทางของเนื้อเรื่อง เป็นสรุปเนื้อหาที่ให้อารมณ์เหมือนเรียงความ) บทสนทนามีเยอะกว่าบทบรรยาย การพูดคุยนี่คืออนิเมะจ๋าเลย เพื่อนสมัยเด็กคนนึงซึนคนนึงเรียบร้อย มีฉากการหึงหวงโผล่มาเป็นระยะ สำหรับเด็กๆ ที่ชอบดูเมะพอมาอ่านเรื่องนี้แล้วอาจถูกใจ แต่สำหรับนักอ่านที่อายุมากขึ้นมาแม้สักหน่อยเดียวก็คงถึงกับกลอกตามองบน
ตัวละคร : สร้างตัวละครตามสูตรอนิเมะ พระเอกซื่อๆ ไม่ประสาเรื่องผู้หญิง มีเพื่อนสมัยเด็กมารอเข้าฮาเร็มตั้งแต่เปิดฉากถึง 2 คน นิสัยยังดูไม่ออกเพราะตัวละครขาดเอกลักษณ์ตั้งแต่ขั้นตอนของการออกแบบ ถ้าเป็นคนที่ดูเมะมาก็อาจจินตนาการตัวละคร Type ต่างๆ ได้เองในหัว แต่ถ้าไม่ใช่แล้วล่ะก็บอกตามตรงเลยว่าคงแยกตัวละครแต่ละตัวออกจากกันยาก เพราะ voice และวิธีพูดจามันแทบจะไม่ต่างกัน ถ้าไม่บอกว่าใครกำลังพูดอยู่ คงต้องใช้คำว่าค่ะกับครับเป็นตัวช่วยสุดท้ายในการแยก แล้วอีเจ้าหญิงนี่ก็ด้วยใช้ คะ/ค่ะ ผิดรัวๆ เหมือนนักเขียนจงใจ คาร์มันแบนหนักมาก ไม่มีมิติใดๆ ด้านนิสัยใจคอ ขนาดผู้นำอย่างเรนยังต้อง tell เอาเลยว่าลักษณะท่าทางเหมาะสมที่จะเป็นผู้กล้า คือมึงบอกมาแค่เนี๊ยะแล้วจะให้กูเกิดเอฟเฟคอะไรต่อตัวละครต่างๆ ดีวะ ส่วนไอ้วัคเดอะฟอส-วอสเดอะฟัคพระเอกของเรามึงก็บอกแค่ว่ามันชอบดูอนิเมะเลยของพลังในการแดก กูหาไม่เจอเลยว่ามันมีอะไรน่าสนใจหรือควรผูกพันด้วย เรื่องความเก่งเทพ OP อันนี้กูรู้อยู่แล้ว เดาออกตั้งแต่เปิดเรื่องเลย แต่ออร่าความเป็น Protagonist ของมึงไม่มีเลยแม้แต่เสี้ยวธุลีเดียว
เนื้อเรื่อง : แฟนตาซีต่างโลก พระเอกเทพซ่าด้วยสกิลที่มีกลไกง่ายดายอย่างการแดกแล้วเก่ง สุดท้ายคงกลายเป็นนิยายแนวไล่ตบตัวร้าย ดูดสาวเข้าฮาเร็ม เดินเรื่องไปโดยไม่มีเป้าหมายหรือเส้นเรื่องอะไรที่ชัดเจน นอกจากโม้ว่าตอนสุดท้ายจะไปปราบจอมมาร อาจมีการหักมุมเกิดขึ้นได้ไม่กี่แบบ เช่น พี่เรนที่เป็นผู้กล้าเข้าสู่ด้านมืดจับดาบขึ้นก่อกบฏ ฆ่าผัวมันเสียเอาเมียมันมา แล้วเด้าคู่ทั้งแม่ทั้งลูกเพราะกูมีสอง hee ดับเบิ้ล hee จนนายวัคเดอะฟอสต้องเป็นผู้กอบกู้บุกไปสู้ด้วย หรือพบว่าพวกปีศาจไม่ได้เป็นตัวร้ายอย่างที่คิด แต่อีดอกเจ้าหญิงต่างหากที่ใช้มนตร์ดำทำของใส่พี่เรนจนเสียคน เพื่อใช้ให้เข้าไปชิงสมบัติวิเศษ, ทรัพยากรบางอย่างในแดนปีศาจ จนพระเอกต้องย้ายค่ายเบอร์เดิมกลางอากาศ ทั้งนี้ทั้งนั้นกูก็ไม่รู้ว่านักเขียนมันจะเอาไอเดียอะไรมาลอกลงในเรื่องอีกจนถึงตอนล่าสุด (208 ตอน) แต่ที่แน่ๆ คือกูคงไม่ไปตามอ่านนิยายที่ยาวไม่ถึง 1 หน้าต่อตอน ทว่ากลับใช้เวลาแต่งมาตั้งแต่กลางปี 61 แบบนี้อีกต่อไป ลาก่อย
จุดเด่น : ความยาวต่อตอนที่สั้นเหี้ยๆ (เดจาวูเหมือนเรื่องไอ้โจ๊กล่ะสิ อ่านต่อทางขวา) สั้นกว่าหมอยแบคทีเรียไปอีกขั้น
จุดด้อย : เป็นนิยายที่กากกว่าผลงานของมือสมัครเล่นไปอีก ดูออกเลยว่านักเขียนไม่มีพรสวรรค์ทางด้านนี้
คะแนน : เลิกอ่านนิยายที่รุ่นน้องคนนี้แนะนำมาตลอดชีวิต / 10
ความเห็นส่วนตัว : ตัดสินด้วยอคติเต็มขั้นได้ว่านักเขียนเป็นพวกหัวเกรียนจูนิเบียวดูเมะแล้วอยากมาลองแต่งนิยายบ้าง ใช้วัตถุดิบจากเมะเรื่องต่างๆ เอามาประกอบกันขึ้นเป็น "ไร้-โนเวล" แบบตัดแปะจนไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง การนำเสนอแข็งโป๊กไร้ความน่าสนใจและทำตามขนบเกินพอดี บทบรรยาย...กาก บทสนทนา...กาก ตัวละคร...กาก เนื้อเรื่อง...กาก สมดุลพลังต่อสู้...กาก ห่วยแตกไปทุกสรรพสิ่ง ตอนแรกเห็นยอดวิวหลักหมื่นก็ดูเหมือนจะเยอะ แต่ตอนนี้ต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ว่ากับนิยายคุณภาพเหี้ยๆ แบบนี้ มันได้มาเกือบ 25,000 วิวได้ยังไงวะ (ถึงจะแต่งมา 4 ปีแล้วก็เถอะ) อย่างสุดท้ายที่ต้องพูดให้ได้คือ "ไอ้รุ่นน้อง ไอ้เหี้ย-พ่อมึงตาย อย่าสะเออะมาแนะนำนิยายให้กูอ่านอีกเป็นอันขาด จำไว้"
กูแวะไปดูนิยายพี่เจย มันเล่นโม่งหรือเปล่าวะ ทำไมแม่งไล่แก้ที่กูติเอาไว้หลายส่วน (แต่ไม่แก้ชื่อพระเอก) มีการอธิบายว่าเดินเรื่องเร็วและเป็นแนวเซย์เน็น พื้นหลังแสบตาก็เอาออกด้วย กูนี่ข้องใจสุดๆ ไปเลยวะ
แต่งนิยายสายต่อสู้โชวเน็นหวังจะได้นักอ่านแบบเด็กผู้ชายพลังมิตรภาพ มึง-กู เพื่อนกันจนวันตาย หน้าเพจเสือกมีแต่สาววายมากดถูกใจแถมวาดแฟนอาร์ตถอดเสื้อลูบไล้กันอีก จะกดปิดเพจก็เสียดายยอด เชี่ยจริงๆ
กูเจอละนิยายแซดคอม แต่มันไม่ได้เรียกกันว่า dark humor หรอกเหรอวะ
ปุกาศๆ แอดมินบอร์ดโม่งแจ้งอย่างเป็นทางการผ่านทวิตภพเรื่องเทคฮอร์โมนมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เท่ากับว่าต่อไปนี้เราต้องเปลี่ยนการเอ่ยพระนามใหม่จาก "ท่านเสิน" มาเป็น "พระแม่เสิน" หลังทรงหลุดพ้นจากเพศสภาพเดิมตามสิทธิ์ที่พึงกระทำได้โดยอิสระ ขอจงเสินพระจะรง อุ่ย ทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นๆ ปี
ขอเดจ๊ะ ด้วยข้าวด้วยแกงอ่อม
นายโม่งศักดิ์ รักการเสือก ณ แฟนบอยธยา
Header เปลี่ยนเป็นสีรุ้งแล้วด้วย สุดเจ๋ง
เหนื่อยใจไปกับบรรทม
โปรโมทนิยายในบอร์ดมาตั้งนาน เมื่อไหร่พี่เว็บจะเอาขึ้นแบนเนอร์บ้างน้า~
ค ว ย
https://www.dek-d.com/board/writer/4059581/
KY หน่อย พวกมึงคิดเห็นไงกับกระทู้นี้
กูว่านะเพราะนักอ่านนิยายรักส่วนมากในไทยเป็นผู้หญิงมั้งยูริเลยไม่นิยมเท่าวาย คล้าย ๆ เรื่องผู้ชายไม่อ่านวายเพราะรู้ว่าตรงนั้นมันเป็นไงนั่นแหละ ผู้หญิงเวลาอ่านยูริก็คงรู้สึกเหมือนกัน
>>521 เหตุผลเดียวกับที่ผู้ชายไม่อ่านวาย นั่นแหละ อย่างที่มึงบอก คนอ่านวายคือกลุ่มผู้หญิงเกือบทั้งหมด หญิงก็จะไม่ค่อยชอบแนวหญิงกับหญิง ชายก็จะไม่ชอบแนวหญิงกับหญิง คนอ่านมันเลยน้อย สุดท้ายเราก็ต้องยอมรับว่ากลุ่มนักอ่านที่อ่านนิยาย มันเป็นผู้หญิงมากกว่า โดยเฉพาะนิยายรัก
ใครมีประเด็นอะไรน่าสนใจมาถกกันไหมวะ ในบอร์ดมีแต่กระทู้โฆษณาจนเกลื่อน
กระทู้โฆษณานี่มันได้ผลจริงๆ หรือเปล่า มีใครเคยทำการทดลองไหมว่าโฆษณาแล้วยอดเพิ่มหรือไม่-อย่างไร ถ้าเคยแล้วเล่าให้ฟังหน่อย
หรือเว็บเด็กดีคนอ่านน้อยมากแล้ว…
>>527 ไม่มีผล เป็นแค่เพียงการดิ้นรน เคยเห็นคนที่มาโปรโมทนิยาย แล้วนิยายของคนนั้นมีคนอ่านไหมปังๆไหมล่ะ? คำคือไม่ จะมีคนอ่านไหมในเว็บ Dek D
1. โชค ถ้าโชคดีเรื่องแรกมันจะติดตลาดเลยแบบงงๆแล้วจะได้ฐานแฟน เรื่องถัดไปจะง่ายขึ้น
2.เรื่องต้องสนุกน่าสนใจ ปกต้องสวย
3. ตอนเรื่องมาทรงดีแล้วต้องรีบโกย ต้องขยัน รีบลงให้ติด top
4. ในเว็บ Dek d การติด TOP สำคัญ และมันจับต้องได้กว่าเว็บอื่น มันมีวิธี คิดสั้นหน่อยก็โกงเหมือนเรื่อง H.A.C.K
ถ้านิยายไม่ติด Top มันจะแทบไม่มีคนอ่าน เพราะไม่มีคนเห็นนิยาย ไม่มีคนรู้ว่ามีนิยาย เริ่มแรกแต่งให้สนุก น่าสนใจ แล้วต้องหาวิธีทำให้คนรู้ว่ามีนิยายเรา ก็ประมาณนี้ การเอาไปโพสต์ในบอร์ดนักเขียนมันไม่ได้ฐานนักอ่านเพิ่มหรอก เพราะมีแต่นักเขียนด้วยกันเข้ามาส่องดูเชิง แล้วก็กดออก
>>530 ขอถาม 2 ข้อ
1. ต้องมียอดวิวหรือคนติดตามเท่าไหร่ ถึงจะเรียกติดตลาดหรือว่าต้องติดท๊อปเทนเท่านั้น
2. สงสัยเรื่องความสนุกของนิยาย เหมือนนิยายจีนโบเกิดใหม่ที่ติดท๊อป กูอ่านของคนอื่นละเฉย ๆ แต่นักอ่านเค้าว่าสนุก เลยงงว่าตลาดของนักอ่านเค้าชอบพล็อตแนวไหนกัน ตลก ดราม่า หรือสโลไลฟ์ไปวัน ๆ
>>531 ยอดวิวมันก็แล้วแต่หมวด การแข่งขันแต่ละหมวดมันไม่เท่ากัน ความสนุกของแต่ละคนมันก็ไม่เท่ากัน อนุมาณไปว่า หมายถึงความสนุกของคนส่วนใหญ่ ก็ถ้าความสนุกของมึงมันคือความสนุกของคนส่วนน้อย อย่างนั้นมึงจะมีปัญหาแล้วล่ะ ต้องปรับ ต้องหา ต้องทำความเข้าใจถึงความสนุกของคนส่วนใหญ่ให้ได้ ถ้าอยากจะปัง แต่ถ้าไม่อยากปัง เขียนไปวันๆ ไม่สนเงินได้ ไม่สนคนอ่าน ก็เอาตามแต่ใจ แต่ถ้าสน มันก็ต้องปรับตัว จะขายของ ก็อย่าอินดี้
จริงๆมีคนเคยถามแล้วล่ะ แต่กูไม่รู้อยู่มู้ที่เท่าไหร่ กูโคตรสับสนเลยว่าจะเอานิยายไปแนวแฟนตาซีหรือรักแฟนตาซีดี รบกวนขอนิยามพอช่วยกูให้ตัดสินใจได้ที
>>533 ถ้ามีเรื่องเหนือจริง = แฟนตาซีหมด ส่วนจะเป็นรักแฟนตาซีด้วยหรือไม่นี่ อยู่ที่มึงเน้นเล่าเกี่ยวกับคู่ พระ-นาง มากแค่ไหน ถ้าเน้นเล่าความเป็นไปในเรื่อง ฉากต่อสู้ ยุทธศาสตร์ หรือดราม่า มากกว่าเล่าฉากจู๋จี๋ ฉากเลิฟๆ ฉากมือที่สามพยายามแทรกกลางระหว่างตัวเอก แปลว่ายังไม่ถึงกับเป็นรักแฟนฯ เส้นแบ่งที่มึงวัดได้ง่ายๆ ถ้าภายใน 10 ตอน มีพูดถึงตัวเอกคิดในใจถึงกันเชิงรักๆ ใคร่ๆ พ่อแง่แม่งอน เกิดการเย็ด หรืออื่นๆ ที่เกี่ยวกับการจีบกันเกิน 3 ตอนให้คิดว่าเป็นรักแฟนตาซีไว้ก่อน หรือไม่ถ้าไม่รู้จะแยกยังไงจริงๆ ก็ให้ไปหาเรื่องดุจตะวันกับซาตานของกิ่งน้ามาอ่าน (กูล้อเล่น อย่าซื้อมาเด็ดขาดนะ เปลืองเงิน)
กูว่าโดน prank แน่ๆ ชื่อเรื่องกับรูปภาพไม่เข้ากันเลย https://www.dek-d.com/board/writer/4059762/
อีกเรื่องนึงที่กูสงสัยตอนนี้นิยายจีนโบกูยอดวิวห้าหมื่นกว่า คนซื้อไปแล้วพันกว่าบาท จำนวนตอน 50 ตอน แต่ทางเว็บเค้าไม่โปรโมทให้เลยว่ะ (หมายถึงโฆษณาในเฟสให้นะ ไม่ถึงกับสัมภาษณ์นักเขียนหรือรีวิวประจำสัปดาห์)
พอเห็นนักเขียนเรื่องอื่นที่ยอดวิวน้อยกว่า จำนวนตอนเท่ากันแนวเดียวกัน ได้โปรโมทแล้วน้อยใจอะ นี่แค่บ่นเฉยๆ ตามประสาคนเข้าแก่เข้าวัยทอง
>>535 อยากจะไปบอกในกระทู้แกนะว่ารูปเหมือนสมัย 20 ปีที่แล้วตอนหัดว่าในโปรแกรม Paint กับพี่เลย ใครจะจ้าง!
นิยายเรื่องล่าสุดของป้าแกดัง แกเลยมีความมั่นใจขึ้นมาสูง น่าจะได้เงินไปหลักแสนอยู่มั้ง จะว่าดังก็คงไม่ใช่ เอาเป็นว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่งเพราะอยู่ในหมวด อดีต ปัจจุบัน อนาคต หมวดนี้เขียนๆไปฟลุคได้เงินแสนง่ายๆบอกเลย กูก็กำลังจะไปลองเสี่ยงโชค 55
>>536 กูจะบอกอะไรให้ มึงสงสัยใช่ไหม? กูสงสัยกว่ามึงอีก 10 เท่า เอาง่ายๆกูคิดว่ากูโดนแบนด้วยซ้ำ นิยายกูขึ้นอันดับ 1 หมวด ขึ้นท็อบ เข้าเงื่อนไขขายดีทุกอย่าง ทำปกสวยๆพร้อม แต่ไม่ถูกหยิบมาขึ้นแบรนเนอร์ หรือขึ้นเว็บเลย พอไปส่องดูในเพจ บางทีเรื่องเดิมแม่งขึ้นแบรนเนอร์ หยิบมาโปรโมทให้ 3-4 รอบใน 5 เดือนอะ ลองคิดดู ถ้าเอ่ยปากขอไปคงได้ แต่กูไม่ขอ กูอยากรอดู รอมา 3 ปี ไม่เคยถูกหยิบ ทั้งๆที่บางช่วง อันดับ 1 อันดับ 2 นิยายไล่ๆกูในหมดเดียวกันแม่งโดนหยิบไปรีวิวจนหมด ตลกเหมือนกัน แต่ก็นะ ยืนด้วยลำแข็งแล้วสุดท้ายกูก็ไม่ได้ขอไป
เห็นโม่งคุยเรื่องตั้งดิสคอดกัน กูอยากจะบอกว่ามันมีดิสโม่งอยู่นะ ใช้ชื่อว่า underground v2 ส่วนเรื่องหมวดนี่กูไม่รู้ เพราะสำหรับกูแค่ในโม่งข้อมูลก็ท่วมมิดหัวละ ไม่รู้จะไปถกอะไรเพิ่มอีก
https://discord .gg/GYRad4YMv5
ตอนแรกแปะไม่ติด
มีใครอ่านออกมั้ย https://www.dek-d.com/board/writer/4060235/
ลดขนาดตัวอักษรแทบไม่ทัน
ขอเม้าท์มอยหน่อยละกัน ระหว่างที่บอร์ดแม่งเงียบชิบหาย พอดีกูไปเจอนิยายอปค. เรื่องนึง แนวนางร้ายแก้แค้นปลูกผักปลูกหญ้า แล้วทีนี้อ่านได้สักพักกูก็รู้สึกตะหงิดเลยว่าคนแต่งต้องไม่ใช่ผู้หญิงแน่ๆ
ทีนี้กูเลยตั้งข้อสงสัยว่าเพศมันมีผลต่อการแต่งนิยายในแต่ละแนวไหมวะ แบบให้ผู้หญิงไปแต่งแนวแฟนตาซีอิเซไก คนอ่านก็น่าจะมองออก หรือจริงๆกูแค่อคติไปเอง
https://www.dek-d.com/board/view/4060714/
พวกไทกั๊วทั้งหลายลื้อกลายเป็นทาส J3K แล้วนะ ทำไมไม่รู้จักอนุรักษ์ความเป็นไทยในนิยาย เอาอย่างเจ้าของกระทู้สิแต่งแต่นิยายชื่อฝรั่งแล้วเป็นขี้ข้าตะวันตกแทน
อ่าาา อวั๊ะอ่านจีนมาตั้งแต่สมัยโน่นเลี้ยว ไม่อ่านไทยโบราณ ไม่ชอบคำว่า จัก หนา ดอก
https://www.dek-d.com/board/writer/4060728/
หืมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
เฮ้ยเว็บเด็กดีติดไวรัสหรือเปล่าวะ
เข้าเด็กดีแม่งโผล่เวบโป๋เฉยเลยไอ้เหี้ย 55555
ถ้าปกติเมื่อไหร่บอกกูด้วยนะ ยังไม่กล้าเข้าไป
เหมือนจะหายละ
ถ้าอนุญาตให้แต่งนิยายโป๊ได้ กูจะไม่ค่อยแปลกใจ
เด็กดี X
เด็ก เ ก เ ร O
มีใครเป็นมั่งปะ อยากเขียนนิยายนะ เขียนพล็อตวางโครงอะไรอย่างดีพร้อมเขียนเรียบร้อย
แต่พอเปิด word จะเขียนกลับหมดอารมณ์ไม่อยากเขียนซะงั้น กลายเป็นว่าเขียนแม่งแต่โครงเรื่องซะงั้น
กุตกใจ เข้าหน้าแต่งนิยาย มีแบบสอบถามกฎการจัดระเบียบเนื้อหาแบบใหม่โผล่มาให้ตอบ มีเรท 18+ เกิดขึ้น เด็กดีอาจจะกลายร่างแล้วจิง
ถ้าจะทำช่วยแยกหมวดเรทไปให้ไกลๆ เลย กุเหนื่อยจะเจอนิยายเบียวๆ เย็ดๆ ละ
>>585 ในที่สุดก็พ่ายแพ้แก่ยุคทุนนิยมไปแล้วสินะ555 เอออย่างที่ >>586 ว่า ถ้าจะมีจริงก็จัดหมวดแยกด้วยเถอะ กูไม่อยากไถแฟนตาซีหาไรอ่านเบาๆแล้วเจอนิยายเงี่ยนเบียดหมด
แต่แอบเศร้าใจหน่อยๆนะถ้าเป็นงี้จริง เด็กดีนี่เซฟโซนของเด็กๆเลย เป็นเว็บที่พ่อแม่ค่อนข้างวางใจอะถ้ารู้ว่าลูกเล่น ถึงแม้มันจะไม่ได้มีไรใสสะอาดไปหมดก็เถอะ555 ไหนๆก็ทำเป็นเว็บแยกไปเลยมะแบบรอร.กับเมพอะ
กูแม่งเริ่มรู้สึกว่าตัวเองหลอนละ นั่งหานิยายอ่านกี่เรื่องๆ ทำไม่วิธีเปิดตัวเอกแม่งมาแนวเดียวกันหมดเลยวะ
โดดเดี่ยว > โดนบุลลี่ > รับพลัง
กูอุสส่าโดดไปอ่านแนวที่จะเป็นไซไฟแฟนตาซี วิธีเปิดตัวเดียวกันแม่งยังเสือกตามมาอีกอีชิบหาย
>>588 ที่มามันมีไม่กี่อย่างอะโม่ง ถ้าเป็นเมะญี่ปุ่นแนวโชวเน็งมันก็มาอีหรอบนี้บ่อยๆ เพราะปัญหาเด็กโดนบูลลี่ในโรงเรียนมันมีเยอะ เอาไว้ขายฝันเด็กขี้แพ้ที่อยากหนีความจริงได้ อย่างที่มีโม่งเคยมาบอกว่ามันเป็นการเขียนแบบประโลมโลก ขายฝันให้คนอ่านได้รู้สึกเหมือนตัวเอก ได้เจอเรื่องดีๆ มีคนคอยช่วยเหลือ ได้รับทั้งพลังและความรัก, ความชื่นชมจากคนรอบข้าง (นี่คือพูดแบบไม่อยากใช้คำว่า self-insert ละนะ) อ่านแล้วสบายใจอย่างที่คนชอบแนวสุขนิยมตามหา
ถ้าเป็นนิยายจีนก็คล้ายๆ กัน แต่ต่างตรงต้องมีความ Disable บางอย่างอะไรในตัวก่อน จากนั้นก็โดนเหยียดโดนบูลลี่โดนด่าว่าเป็นขยะเป็นสวะ หรือจุดด่างพร้อยของตระกูล ต้องโดนเล่นงานถึงตายก่อนละค่อยได้พลังเทพซ่า (เป็นแบบแผนที่ซ้ำซากเหี้ยๆ แต่ก็ไม่เลิกใช้กันสักที)
การเดินเรื่องนี่ไม่รู้วะ เพราะขึ้นอยู่กับคนเขียน แต่สิ่งที่เดาออกเพราะเจอมาเป็นหมื่นครั้งคือ ญี่ปุ่นหลังได้พลังแล้วจะเริ่มมีเพื่อน ใช้พลังในทางที่ (เหมือนจะ) ดี ต้องแหกปากก่อนถึงจะเอาชนะได้ เป็นพวกพลังกาย 20 พลังแฝง 2 ล้าน ไม่ก็เทพซ่า OP แบบกู่ไม่กลับดีดมะกอกทีเดียวบอสระเบิดเป็นซาก มีสาวๆ มาเข้าฮาเร็มเยอะแต่มักจะทำตัวเป็น Beta male ยอมให้สาวๆ โขกสับทำร้าย
ถ้าเป็นแนวจีน/เกาหีลคือมีพลังมิตรภาพน้อยกว่า เน้นความเทพของพระเอกมากกว่า OP แบบว่าไม่มีใครสู้ได้ จะมีพลาดพลั้งก็แค่จงใจทำให้คนอ่านได้ลุ้นบ้าง อย่างหนึ่งที่กูไม่เข้าใจคือพอเทพซ่าแล้วทำไมชอบเถื่อนหรือโหดร้ายกันจังเลยวะ นิสัยหรือหน้าตาก็แม่งเปลี่ยนไปหมด จากเด็กดีกลายเป็นผู้ใหญ่เหี้ยแทบทุกเรื่อง จะว่าเป็นเพราะเจอเรื่องเหี้ยๆ มา มันก็ดูปุบปับเกินไป เมียเยอะเป็นสิบแต่เยดแล้วทิ้งบทหายไปหลังจบตอนก็มี
อย่างไรก็ตาม ถึงจะซื้อฝันมาเสพได้ แต่กูยังยืนยันว่าคนที่เป็นขี้แพ้กับคนที่เป็นนักล่าในชีวิตจริงมันไม่ได้เปลี่ยนกันได้ง่ายๆ พวกที่รังแกคนอื่นก็จะรังแกต่อไป ส่วนพวกที่เสพสื่อแล้วลองลุกขึ้นสู้สักตั้ง ถ้าใจไม่แข็งพอก็จะเจ็บตัวหนักกว่าเก่า ทำให้บางทีการอ่านนิยายประโลมจิตใจพวกนี้อาจเป็นทางออกที่ดีกว่าสำหรับคนที่เป็น nobody ในชีวิตจริง เพราะความจริงมันโหดร้ายจนต้องเข้ามาพึ่งพิงโลกนิยายหรือโลกอินเตอร์เน็ตแทน
เอาจริงๆ กูก็ไม่ได้สนับสนุนแนวคิดพวก Escapism อะไรนักเพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ดี แต่คนอ่านบางส่วนอาจไม่ใช่คนขี้แพ้ แค่ชอบอ่านนิยายแนวสุขนิยมเฉยๆ แล้วดันมีคนพวกนี้อยู่เยอะ พอมันขายดีคนก็ทำมาขายเรื่อยๆ เป็นธรรมดา
ต้องนึกไว้ในใจเสมอก่อนอะว่ามันเป็นโลกแฟนตาซีที่อะไรก็เป็นไปได้ เหมือนแนววายที่ชีวิตจริงมันหาหนุ่มหน้าตาดี 2 คนมาคลอเคลียกันให้ดูบ่อยๆ ไม่ได้ นิยายเลยเป็นทางออกหนึ่งไปนั่นแหล่ะ
https://www.dek-d.com/board/writer/4061374/
เขาต้องการอะไรจากสังคม?
ช่วงนี้ไม่มีพลังในการเขียนเลยว่ะ เขียนได้สัก 5-6 บรรทัดก็เริ่มเหนื่อย ทั้งที่คนอ่านก็ยังเมนต์ชมอยู่ อยากรู้จังว่าคนที่เขียนได้วันละ 2-3 ตอนเค้าทำกันยังไง
ในที่สุดกูก็ชนะโม่ง กูเคยประกาศว่าจะไม่เข้ามาโม่งอีก ผ่านไป2ปีแล้วที่กูไม่ได้เข้ามา เป็นไง กูเก่งมั้ย
เห็นหมอนี้หลายทีแล้ว dek-d เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ meb เหรอวะ https://www.dek-d.com/board/writer/4061431/
รําคาญนิสัยตัวเองว่ะ แค่ไม่กี่ประโยคก็อ่านซ้ำเขียนใหม่ไปมาแม่งอยู่นั่นแหละ ทำเกินร้อยรอบแล้ว จะอยากให้แม่งเพอร์เฟ็คเหี้ยอะไรนักหนา วันนึงแก้แบบนึง อีกวันก็แก้ให้เป็นอีกแบบนึง วันต่อมาลบทิ้ง แล้วก็กลับมาเขียนประโยคเดิม ลำไยชิบหายไม่รู้แม่งจะระแวงอะไรนักหนา
เบื่อพวกมาบ่นว่าท้อ ไม่มีคนอ่านว่ะ จริงๆคือมันมาหาคนอ่านนิยายมันแหละ แต่เข้าไปดูแล้วนิยายมันไม่สนุก ไม่น่าติดตาม ตอนน้อยด้วย จะมาเรียกร้องอะไรวะ
ระหว่างที่พวกมึงกำลังวุ่นกับการรีไรซ์ พี่เจยกูก็เตรียมตัวจะขึ้นภาคใหม่แล้ว
>>608 ขี้ตีนว่ะ เจอไอดอลกูป่าว ภาคสองแล้วนะมึง เปิดด้วยการแนะนำตัวละที่กูเกลียดที่สุด
https://writer.dek-d.com/story/writer/view.php?id=2321487
>>612 พี่ sadcom นี่ กูไปหาอ่านนิยายเรื่องอื่นๆ ของแกดู เขียนมานานแล้วเหมือนกันนะ นิยายมีตั้งแต่ยาว 30 ตอนจนถึง 100 ตอน แต่ละตอนยาวประมาณ 1 หน้า 14pt ปัจจุบันมีนิยายในคลัง 69 เรื่อง (nice) ภาพปกบางเรื่องถูกใจกูมากอยากลองเข้าไปสับแต่ไม่รู้ทำไมดันปิดการเข้าถึงเฉยเลย ส่วนเรื่องที่เข้าได้นี่ก็สำนวนละครไทยดีมาก บางเรื่องชื่อ+แนวไม่เข้ากับสำนวนแต่พี่เขาก็ยังฝ่าฟันมาจนจบได้ จากใจคนที่แต่งนิยายมาน้อยเรื่องแต่คนอ่านมีมากกว่า กูคิดว่าปัญหาอยู่ที่ความอินดี้ของพี่แกแล้วแหล่ะ 69 เรื่องผ่านไปยังมียอดติดตามอยู่แค่ 2 พันกว่า นับถือในความใจรักของพี่แกจริงๆ โดยรวมแล้วถือว่ามีความตั้งใจแต่แนวที่แต่งมันไปไม่ได้กับตลาดปัจจุบัน
อยากลองอ่านคลิก >>> https://novel.dek-d.com/albaflorecitych/profile/writer/
ปล.ไม่ใช่หน้ามานะสัส
ไฮ สวัสดีชาวโม่งหลังจากที่ไม่ได้เกลือกกลั้วมานาน ช่วงนี้นิยายแนวไหนขายดีวะ กูอยากลับฝีมือเผื่อมีโอกาสจับเงินแสนกับเค้าบ้าง
ตอนสมัยเป็นเด็กน้อยกูชอบบ่นในใจว่าทำไมมีแต่พวกเขียนนิยายตามกระแสวะ พอโตมาเข้าสู่วัยทำงาน ไอ้ห่า การหากินกับกระแสไม่ใช่แค่ในกลุ่มนิยาย วงการอื่นก็มีกระแสของมัน อย่างพวกสตีมเมอร์หรือ Vtuber งี้ ใครไม่เล่นเกมที่กำลังเป็นกระแสคนตกฮวบเหมือนกัน แต่ถ้ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมีฐานแฟนคลับยังไงก็เสมอตัว แต่ในทางตรงกันข้ามใครแม่งมีแฟนคลับเยอะมากๆ แม่งจะกลายเป็นคนจุดกระแสใหม่ๆได้เลย
มีคนเคยบอกกูว่าต่อให้มึงอัพตามกระแส เนื้อเรื่องดี บรรยายไหลลื่น ก็สู้พวกพล็อตจืดจาง เขียนติดขัด แต่อัพถี่ ๆ ไม่ได้หรอก
>>625 อันนี้กูว่ามันเป็นเรื่องของความถี่ที่คนจะเห็นผลงานมากกว่า สมมุติถ้าคนเห็นงานมึง 100 คน จะมีคนลองอ่าน 10 และติดตาม 1 แบบแน่นอน 100%
งานมึงดีหรือเหี้ยก็ช่างแม่ง ออกไปโฆษณาเดือนละครั้ง แปลว่า 1 ปีมึงจะมีผู้ติดตาม 12 คน แล้วมึงจะไปสู้คนโฆษณาทุกวันจนไดผู้ติดตาม 365 คนได้ยังไงล่ะ
ส่วนไอ้ที่โฆษณาในบอร์ดไม่ต้องพูดถึงแม่งนะ ไอ้พวกนั้นมันโฆษณาใส่ 100 คนหน้าเดิมทุกวันจนเขารำคาญสัสๆแล้ว
ลงนิยาย 1 ตอนก็เท่ากับโฆษณาดันตัวขึ้นมาบนเวทีครั้งนึงแล้ว การที่มึงเอาผลงานตัวเองไปเทียบกับคนที่ลงนิยาย 100 ครั้ง มึงคิดว่ามันเป็นเรื่องสมเหตุสมผลไหมล่ะ
ประเด็นคือลงถี่คนอ่านเยอะก็จริง แต่ยอดขายเยอะตามด้วยไหมอะ
ใครเซียน VN โอกาสมาถึงมือมึงแล้ว https://www.thisisgamethailand.com/content/Dokific-writer.html?fbclid=IwAR12jbWqYUluj4xwa6rnI9GYaRFyEZAwXqZsAT99EWD7Cm8vAy4fTe9Z03w
https://www.dek-d.com/board/writer/4061878/
ฉัวๆกุดุสๆ หลบไป จิ้กๆเพี้ยะ!! กำลังมาแรง
จิ้กๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เพี้ยะ!! จิ้กๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เพี้ยะ!! จิ้กๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เพี้ยะ!! จิ้กๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เพี้ยะ!! จิ้กๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เพี้ยะ!! จิ้กๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เพี้ยะ!!
สัมผัสถึงกระบวนการปั่นไม่เนียน!! ตั้งมู้สร้างไวรัล>> ลงโม่งเจตนาเปรียบเทียบกุดุสๆ>> แต่ยังไม่ปังเลยต้องแคปรูปนิยายมาแปะ(เลียนแบบกุดสๆเป๊ะ)
555มีทำคอนเทนต์ในโม่งด้วยเว้ย มึงน่าเอาเวลาไปบรับปรุงผลงานจะดีกว่าว่ะ เลิกเหอะไอ้นิตยสารกับขโมยรูปขโมยข้อมูลเกม แม่งโคตรแย่ เป็นนข.อย่ามักง่ายละเมิดลิขสิทธิ์คนอื่นดิวะ
วิธีเล่าแบบนี้ทำเอากูคิดถึงมาสปอบฯ ขึ้นมาจริงๆ นะ
มาสปอบเล่ายังไงเหรอ ขอไขกระจ่างหน่อย
>>640 ใช้ sound effect เยอะ บรรยายน้อย สมัยแรกๆ ตอนแกแต่งไวท์โร้ดแม่งกากแบบนั้นจริงๆ
บอกไม่ถูกแต่ลองอ่านอันนี้ดูละกัน https://fanboi.ch/webnovel/10135/407/
>>640 กูไปเจอในลิ้งล่างพอดีสมัยนั้นดอกปอบมันบรรยายประมาณนี้
บรรยายล้นดีแถมจูนิเบียวด้วย สมแล้วที่เป็นต้นตำหรับแห่ง ฉัวๆ กุดุสๆ
จิ้กๆๆ นี่เสียงอะไรนะ ธนูปักโดนเนื้อป่ะ
ไม่รู้ทำไมนะ บทพูดกับเสียงประกอบของนารุทักกี้เหมือนกูกำลังดูคลิปพรหาบกับแดงเหลี่ยมวะ
พี่เจยอยากได้คำแนะนำ พวกโม่งไปช่วยกันหน่อยเร้ววว
แหม อยากจะร้อง C R I N G E ไปถึงดาวอังคารเลยทีเดียว
>>651 เอาจริงๆ ต้องบอกเลยว่า ถ้าพี่เจยอยู่ช่วงประถมหรือ ม.ต้น แล้ววาดได้ขนาดนี้ถือว่ามิธรรมดา(ตัวละครดูมีการออกท่าทาง หายากนะที่ระดับนี้จะวาดได้ จำเป็นต้องศึกษาอนาโตมี่ให้แม่นแล้วฝึกฝนอย่างจริงจังและต่อเนื่องรับรอง 4-5 ปี เทพ เทพ! เทพ!!!) แต่ถ้าอยู่มหาลัยมหาหลอกหรือวัยผู้ใหญ่อาจจะพัฒนายากหน่อย ต้องขยันกว่าพวกเด็กๆ หลายเท่าเพราะไม้แก่แม่งดัดยากแล้ว
>>654 ตกลงพี่เจยอายุเท่าไร? ดูสำนวนที่พิมพ์ในบอร์ดไม่น่าเด็กมากนะ กูรู้สึกเหมือนผู้ใหญ่เบียวเด็ก ส่วนฝีมือวาดรูปแม่งไม่เกี่ยวกับอายุว่ะ แก่เพิ่งหัดวาดก็มี แล้วมันก็เก่งขึ้นได้ตลอดถัาขยันฝึก แต่พี่เจยแม่งต้องเรียนพื้นฐานเยอะเลย แล้วเลิกฝึกแนวรามเกียรติ์ด้วยแม่งโคตรโบราณสัส
กระทู้พี่เจยได้ขึ้นหน้าเพจด้วย เมพขิงๆ
กูไปเจอบรรยายเยอะกว่าบทพูด นานๆทีเจอหน แต่รู้สึกยิ่งอ่านยิ่งงงวะ มีใครอ่านรู้เรื่องบ้าง
https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=2321908
ไปตอบมู้พี่เจยบ้างนะทุกคน
เพื่อนโม่งขอถามหน่อยจิ มันมีวิธีดูไหมว่าแท็กไหนได้รับความนิยมที่สุดในตอนนี้ แบบที่ไม่ใช่บทความ rewind ของพี่เว็บนะ
เพื่อนโม่ง กูไม่ได้เข้าเดกดวกมานาน ทำไมระบบเวปมันกากลงกว่าเดิมอีกวะ หรือกูคิดไปเอง?
เหมือนตอนมู้ก่อนโม่งเห็บหมาเคยบอกว่านิยายแนวจีนคอมเมดี้จะมาแรง แต่ทำไมกูเห็นแต่แนวจีนล้างแค้นในท็อปหมวดวะ
>>669 สิ่งที่เกิดขึ้นคือมีนักเขียนหลายคนหันมาเขียนแนวคอเมดี้แล้วแป้กกันรัวๆ คือมันเขียนนะ แต่ดันไม่ติดtop เพราะใช่ว่าทุกคนจะมีเซ้นด้านการคิดมุขตลก หรือมีอารมณ์ขัน เพราะการคิดมุขตลกทั้งยากและกดดัน แต่แนวแก้แค้นมันเขียนง่ายกว่ามาก มีนิยายแนวเดียวกันให้ใช้เป็นตัวอย่างเยอะด้วย
>>673 ถ้าบอกว่าเห็นด้วยคงไม่โดนหาว่าเป็นหน้าม้านะ คือการเขียนให้ตลก หรือขำ ถ้าใครไม่เคยลองจะไม่รู้เลยว่าแม่งเขียนยากเบอร์ไหน มันดูเขียนง่ายนะ แต่เอาจริง ยากชิบหาย อันนี้คือไม่นับการเขียนแบบยิงมุขบ้าๆบอๆแบบตลกห้าบาทสิบาทแล้วขำคนเดียวนะ ไม่ใช่ว่าไม่มีคนเขียน แต่แทบไม่มีนักเขียนที่มีทักษะมากพอจะเขียนให้ตลกหรือขำขันได้แบบของนักเขียนต่างประเทศ
สมัยนี้เค้าเป็นแชตคอมกันหมดแล้วว่ะ จะมาคอมเมดี้อะไรกัน
>>669 ที่กูเห็นนอกจากแนวแก้แค้น ก็แนวอบอุ่นหัวใจสุขนิยม นางเอกทำมาหาแดกจนร่ำรวยหรือไม่ก็ได้พรเทพมาช่วย แนวนี้ส่วนใหญ่ไม่เน้นคู่พระนางจะเจาะจงที่ครอบครัวมากกว่า
ส่วนบางเรื่องกูเห็นคนอ่านคอมเม้นต์ว่าขำก๊ากบ้าง ขำกลิ้งบ้าง พออ่านจริงได้แค่หึๆ ความตลกของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกันก็ได้
โม่งเด็กดอกเงียบไปแล้ว เงียบเกินไป เงียบบบบบบบบ ทำอะไรสักอย่างที หาดราม่าให้เสพแก้เหงาหน่อย เปิดดิ เปิดดด
>>677 เงิียบเพราะ...
เด็กดอยสงบขึ้นX
คนแห่ไปอยู่รอร.✓
กูเห็นตีกันเรื่องนิยาย PwP กันข้ามวันคืนอยู่เนี่ย555 ตอนนี้เริ่มซาละ ดด.ห้ามลงนิยายเรทเลยสงบไง รอร.คือตีกันชิบหายคนโชว์โง่ก็เยอะจนเว็บเดือดร้อนพยายามซ่อนๆละนะ ยังจะไปยัดหมวดมั่วจนซวยกันไปหมดอีก แว่วๆว่าหลุมดำจะรีเทิร์นกันอีกละงานนี้
หลุมดำนี่คือรายการฝันเปียกของพวกไม่ยอมรับความแตกต่างจากตน
>>680 มันเกิดจากรายการนึงเอาวายมาออกสื่อ ซึ่งในยุคนั้นอะยังต่อต้านการรักเพศเดียวกันอยู่เลย แล้วยิ่งงานวายที่แบบรู้ๆกันอะ เซ็กแฟนตาซีกันหนักมากอะเนอะ คือมันก็อยู่เงียบๆในที่ของมันจนกระทั่งมีรายการห่านี่เอามาขึ้นบกนั่นละ ผู้ปกครองรับบ่ได้ที่สื่อลากมกผิดเพศแบบนี้ลูกหลานเข้าถึงง่าย เลยเกิดการกวาดล้างแบบวางขายแบบเดิมไม่ได้ละต้องแอบ คนซื้อคนขายต้องมีรหัสลับ ทำยังกะยาเสพติดอะ555 คือถูกต่อต้านหนักมากแบบถ้ามีคนรู้ว่ามึงอ่านงานวาย คือชีวิตมึงจบสิ้นเลย
แต่ตอนนี้ที่แว่วๆว่าจะมาอัก เกิดจากพวกนข.เองแหละแข่งกันโชว์ยอดขายปังๆ ตามประสาอะแหละพวกหัดรวยขี้อวด พอคนอื่นเห็นว่าแนวpwpแม่งขายดีว่ะ เลยแห่กันมาไม่พอ ยังยัดหมวดมั่วซั่วแบบปกติพวกนี้อยู่ในหมวดลึกๆหน่อยโรมานซ์20+ งี้ พวกแม่งเอามายัดหมวดโรแมนติก วรรณกรรมเยาวชน แถมไม่แปะป้ายตรวจบัตร18+อีกเพราะอยากดึงยอดนักอ่านเยอะๆอะ จนแบบตอนนี้รอร.แทบไม่ต่างจากธวล. มึงเข้าไปส่องดิอย่างกับซ่อง555 พอมีคนเตือนอย่าอวดเยอะเดี๋ยวจะซวยกันหมด มาไล่ด่าว่าอิจฉาอะดิๆ แล้วอวดหนักกว่าเดิมอีกแบบจะเอาให้อกแตกตายงี้ เลยมีเปรยๆกันไงแม่งล่อตีนว่ะเดี๋ยวหลุมดำกลับมาหรอก บ้านเมืองเราเป็นไงรู้อยู่ จะหาแดกกันเงียบๆไม่เป็นรึไง
เออ แต่อีพวกนี้มันก็โง่จริงแหละ ช่างกล้าเอาสุนทรภู่ลิลิตพระลอมาเทียบกับpwp ทั้งที่แม่งยังไม่เข้าใจเลยเหอะว่าpwpกับอีโรติกมันคนละอย่างนะ แล้วสุนทรภู่อะเขาใช้คำแต่งสละสลวยงดงามมาก ส่วนpwp มึงนี่เรื่องเสียวดีๆนี่เอง เข้าไปมีแต่เน้นเย ทั้งตอนนี่มีแต่กวยกี เสียวจัง หินแดด แม่งไม่มีความงามทางภาษาจะไปเทียบเขาได้เลย ช่างกล้า
คิดถึงโม่งเพลง
ใครไม่คิดถึงโม่งเพลง คนผู้นั้นเป็นคนไร้หัวใจ แต่ใครต้องการโม่งเพลงกลับมา คนผู้นั้นไม่มีสมอง
คิดถึงโม่งเกรี้ยวกราด สมัยนั้นมันมาก อ่านแล้วสนุกดี
ช่วงนี้สอบกันอยู่เรอะ เด็กดวกถึงไม่มีอะไรน่าสนใจ
กูมองว่ามันเป็นช่วงซบเซาน่ะ รอรกะลังมาแรง เรื่องหมวดหมู่ที่บัดซบก็เหมือนจะดีขึ้นแล้ว เอาตรง ๆ ถ้าไม่ติดเรื่องแฟนเบสก็ไม่มีอะไรให้อยู่ดดละเหอะ
แต่มู้รอร.ขยับตัวช้าไปหน่อย หรือไปโพสกันที่ห้องนินทาเรอะวะ
โหลๆ แถวนี้มีคนเล่นทวิตปะ อยากยืมมือหน่อย เห็นแท็กนปก.ชื่อจีนติดเทรนด์มะ มีแว่วๆว่าอาจจะเป็นกิ่งน้าในตำนาน เลยอยากขอความร่วมมือช่วยขุดหน่อย สงสารคู่กรณีว่ะลองตามอ่านดู ถ้าใช่นี่โลกกลมสัส วีรกรรมร่างเก่าก็ใช่ย่อย ถ้าไม่ใช่ก็แล้วไป แต่น่ากลัวอยู่ดีว่ะ
.........
>>700 เจ้าของดราม่านิยายทำมือ เคยอยู่กลุ่ม TALENT ขายของเก่งโดยเฉพาะพวงกุญแจ (ที่ทำมาหักหลังพวกซื้อเล่มตอนแรก เพราะเล่มตีพิมพ์ชุดหลังแถมฟรีเฉย) อวยตัวเองว่าเป็นสายเลิฟ-แฟนตาซี ผลงานเป็นชิ้นเป็นอันสมัยก่อนมีแค่เรื่องดุจตะวันกับซาตาน กูเคยซื้อมาลองอ่าน แม่งเสียดายเงินชะมัด ล่าสุดเห็นโม่งข้างบนมาบอกว่าเบนเข็มไปเขียนจีนแล้ว
กุไม่ได้อ่านนิยายมานานล่ะ ตอนนี้เป็นไงบ้างว่ะ...(เมื่อก่อนกุสิฃสถิตในรักแฟนตาซีช่วง2015-2016ที่ช่วงยุคทองก่อนที่นางร้ายจะงอกเป็นดอกเห็บ เลยไปเสพFicซึ้งช่วงนี้นภาษาโคตรดีจนกระทั่งแม่งแมสแล้วขยะมาเต็ม..)
บอกตามสภาพ นักเขียนใหม่ยุคหลังๆ ไม่เน้นคุณภาพ เน้นปริมาณจากยอดวิว ซีไรต์ก็ไม่เอา ซีไรต์มีไว้สำหรับยอดมนุษย์เท่านั้น
>>705 >>705 ตามนั้น คือยุคมันเปลี่ยนไป คนที่เข้าถึงนิยายมันกลายเป็นกลุ่มเด็กวัย 12 13 14 15 เยอะ ทีนี้คนพวกนี้เขาจะไม่ชอบภาษาสวยเท่าไหร่ ใช้คำแปลกๆเขาก็จะหาว่าลิเก
ภาษาสวยมันไม่ใช่ว่าจะขายไม่ได้นะ ยังไงมันก็ดีกว่า ขายได้ แต่มันต้องใช้เวลาในการเขียนมากกว่านิยายกากๆทั่วไปที่ภาษางั้นๆเน้นเร็วฉับไวไง เหนื่อยกว่าแต่ยอดอ่านมากกว่าหรือน้อยกว่า รายได้ก็ไม่ใช่ว่าจะดีเท่า
ยิ่งสมัยนี้เน้นแนว Y ขาย NC ด้วย มองบน ลองไปดูกลุ่มนักเขียนในเฟสสิ ที่สมาชิก 8 หมื่นกว่าคนน่ะ คนเยอะขนาดนั้นเข้าตอนแรกมึงคงคาดหวังทริปดีๆของการเขียน how to เกล็ดความรู้ ถุยย เข้าไปมีแต่โพสต์โปรโมทนิยายเ ย.. ด จิบิเ....ย..ดกัน รับคอมมิชชั่นวาดรูปเย ..ดประกอบนิยาย เอาบทขายเสียวมาโพสต์โปรโมท เอาง่ายๆมึงเข้ากลุ่มนิยาย แต่มึงอย่าเผลอไปเลื่อนดูฟีสตอนอยู่ใกล้ญาติผู้ใหญ่มึงแล้วกัน
บางทีแม่งมีความเห็นแปลกๆงงๆมาก็เยอะ พ่อเ ..ย.. ดลูกไม่ผิด ถ้าสมยอมงี้ ในกลุ่มแปดหมื่นคน มันมีพวกแบบนี้เกินครึ่งอะ บ่นไปก็เท่านั้น กูอยากจะกดออกจากกลุ่มนะ แต่กลุ่มนี้มันมีประโยชน์อย่างสำหรับกู คือกูเอาไว้หานักวาดปกให้ นานๆทีมันจะมีคนมาโพสต์รับงานคอม [แบบช้างเผือกหลุดมารับงาน ในเรทราคาต่ำกว่าตลาด นักวาดปกตอนนี้บางคนลายเส้นเฉยๆ คิดปกเป็นหมื่นแถมต้องจองคิวข้ามปีด้วย 55 นานๆจะมีเรท 3500 4000 งานเทพๆหลุดมา เลยต้องอยู่จ้อง เพราะกูเขียนแนวแฟนตาซี มันต้องหาคนวาดมีฝีมือหน่อย]
ในกลุ่มนิยายเห็นแบบนั้น มันจะแปลกอะไรที่คุณภาพนิยายมันจะดรอบ
เหตุผลคนนิยมเขียน Y เน้น NC หนักๆหรือ pwp เพราะแทบไม่ต้องคิดเนื้อเรื่องห่าเหวไรเลย เปิดเรื่องหาเหตุผลทักอย่างเพื่อจะเย้ให้ได้เหมือน เอ็กเอนเอ๊กเอ๊กกก กากบากแฮมหนูเตอร์ แดงจอ พัดลมเท่านั้น พรหาบ ฯลฯ ตัวละครเหรอ ไม่ต้องออกแบบให้น่าจดจำ เป็นใครหน้าตาไม่สน แต่คนจะอ่านความหงี่
>>707 พอเข้าใจได้แหละว่าNC กับ Yมันขายดีจริงๆ เมื่อก่อนมันยังแทรกๆตารางน่ะ แต่เดี๋ยวนี้แถบจะกินเรียบไปหมดล่ะ....
คือเมื่อก่อนกุอคตินิยายมาก พอได้มาลองอ่านนิยายตอนนั้นคือโคตรประทับใจ จะแนวตลาด นิยายฝึกเขียนทั่วไปสำนวณดีหมด แถมอ่านเข้าใจง่ายมาก บอกตามตรงเลย...ที่กุเลิกยุ่งDek dตรงที่พอแนวตลาดมันเยอะมันก็มาโทนเดียวหมด คือเหมือนอ่านนิยายเรื่องซ้ำกันแต่เปลี่ยนชื่อ คือตอนนั้นสำนวนมันก็พออ่านได้อย่างน้อยก็ยังพอมีองค์ประกอบนิยายอยู่ ถึงเนื้อเรื่องมันจะไม่ได้ดีไรมาก แต่ถัดจากนั้นคือ กุบายล่ะ
เคส กน. ในทวิตล่าสุดนี่เกินไปจริงๆ แฮะ สงสารนักวาดโดนลูกหาบกับเพื่อนๆ รุมซะเสียคนเลย อุตส่าห์ไปเอาดีทางจีนได้แล้วดันมาก่อดราม่าเพราะอารมณ์ชั่ววูบแบบนี้ น่าเสียดายแทน
ชื่อจริงมันเปลี่ยนกันได้ แต่ชื่อเล่นไม่น่าจะเปลี่ยนกันบ่อยไม่งั้นคนรู้จักคงปวดหัวตาย ส่วนนิสัยเก่าๆ ที่มึงว่าก็ตามนั้นแหล่ะ ขนาดมีดราม่านิยายเรื่องใหม่ตอนนี้ คนพรีนิยายเรื่องก่อนยังไม่ได้รับของเลยก็มี แบบว่าไม่ทิ้งลายเดิมจริงๆ ตอนแรกไปรุมเค้าซะยับ พอเรื่องแดงดันออกมาขอโทษแบบส่งๆ เลยโดนสังคมรุมบ้าง สงสารคู่กรณีเขาไม่ค่อยมีเงินเลยจ้างทนายฟ้องไม่ไหว ไม่ได้อะไรแล้วยังต้องเสียสุขภาพจิตเป็นซึมเศร้าของจริง ส่วน กน. ไม่รู้ว่าเป็นจริงหรือเปล่าแต่ใช้เรื่องซึมเศร้ามาอ้างขอยังไม่ส่งค่าพรีออเดอร์นิยายเรื่องเก่าคืนคนสั่งซื้อ ไล่อ่านในทวิตละกูแม่งเพลียใจ ไปเทรซรูปเขามากะจะเอาไว้เคลือบอะคริลิคทำพวงกุญแจขายจนเกิดดราม่าใหญ่โต (เพราะมีคนทักเรื่องคล้าย แล้วไปหาว่าเจ้าของผลงานต้นแบบลอกรูปตัวเองไป) นิยายมีแววรุ่งดันมาตกม้าตายเพราะกิมมิคตัวเอง (พวงกุญแจ) ง่ายๆ ซะงั้น
>>718 เออใช่ บ้านเรามันเปลี่ยนชื่อจริงได้ง่ายเลยนี่หว่า555 ตอนแรกกูคิดว่าไม่ใช่เพราะเห็นรูปหน้าจริงนางไง แบบไม่เหมือนกันอะ อันนี้ไม่ใช่ความลับไรนะ เพจกน.ก็มี ในทวิตเพื่อนที่ออกมาปากแจ๋วก็มี ขุดๆเทียบดูดิ หรือแค่น้ำหนักเปลี่ยน+เวลาผ่านไปหน้าก็เปลี่ยนปะวะ แต่ใดๆคือความนิสัยไม่เปลี่ยนนี่แม่งฆ่าตัวเองมาสองรอบเลยนะ55
>>719 ไม่รู้ทำไมถึงชอบก่อดราม่า ตอนแรกอาจคิดว่าเขาเป็นนักวาดโนเนมตัวเองมีพวกเยอะเลยกะจะเหยียบให้จมดิน สุดท้ายกระแสตีกลับมีแต่นักอ่านออกมาบอกว่าผิดหวังจะเลิกติดตามแล้ว กูไล่อ่าน #สปตป แล้วถึงขั้นทึ่งในความไม่น่าเชื่อ ขนาดมีเรื่องกับเขาได้ไม่นาน วันที่ 13 ยังลอยหน้าลอยตาขายหนังสือในเฟซอยู่เลย
ส่วน แถ-ลง ขอโทษในทวิตนี่ก็ช้าเกินแถมพรรณาเหี้ยไรไม่รู้เกี่ยวกับความเจ็บปวดของตัวเองจะขอรับผิดคนเดียว คนเขาไม่ได้อยากอ่านว่ามึงเป็นยังไง เขาอยากเห็นมึงออกมาแจ้งขอโทษกับแสดงความรับผิดชอบต่างหาก อีกฝ่ายป่วยซึมเศร้าการรักษามีค่าใช้จ่ายและใช้เวลานาน ไหนจะเรื่องเสียโอกาสขาดรายได้จากงานวาดเพราะไปแขวนเขาอีก เรียกพวกไปรุมดับฝันชาวบ้านพอถึงเวลาทำแค่ออกมาประกาศขอโทษ (ถ้าไม่โดนฟ้องก็คงไม่คิดกระดิกตีน) ในเธรดขอโทษนี่ก็เต็มไปด้วยน้ำอ่านแล้ววกวนฉิบหาย (เหมือนนิยายของเจ้าตัว) ดราม่านี้กูว่า กน. ทำเพื่อน ฟ. แม่งซวยไปด้วย เพราะรายนั้นทำตัวเป็นหัวหอกในการมาโจมตี ออกตัวแรงเกินพอคดีพลิกเลยเบรคไม่ทันตกเขาตายไปอีกคน
กูนอนก่อน ไว้ค่อยตามเสือกใหม่ทีหลัง
ล่าสุดเอาตำหนวดโทรไปขู่คนให้ลบโพสที่รีวิวนิยายนางต่ำเตี้ยด้วยว่ะ
>>721 เห็นละขำ แค่เขาโหวต 1 ดาว ถึงขั้นทำงี้เลย (เห็นว่ามีคนโดน 5-6 ราย)
แต่อีเคสที่ไปด่า กน. ว่าเป็นมาเฟียรุมนักวาด ทำนิสัยเหี้ยไม่ควรเกิดมาเป็นคน อันนี้กูว่าแรงไปหน่อย เปิดช่องให้ กน. ฟ้องหมิ่นกลับได้ ถ้าไม่มีประโยคท้ายๆ นี่คงรอดไปแล้ว (ดังนั้นก็ระวังความแซ่บของปากตัวเองกันด้วย คิดเยอะๆ ก่อนโพสลงโซเชี่ยล)
>>724 นั่นละกูถึงว่าล่อซื้ออีกป่าว555 ขยันโทรจิกผิดวิสัยตร.ทั่วไป คดีไม่ใหญ่มากแม่งจะทำงานดีเกินไปแล้ว ญาติกูเจอโกงค่าแรงเป็นแสนยังเดินเข้าออกสน.เกือบสามเดือนเพื่อมารู้ว่าตร.แม่งยังไม่ทำส่งหมายเลยจ้า ยังค้างแต่รับเรื่องอยู่เลย นี่แค่ด่ากันค่าเสียหายไม่เท่าไหร่ ตร.แม่งจะน้ำดีเกินไปลพนะ
ทำตัวมาเฟียแล้วยังใช้อำนาจมืดส่งตำหนวดโทรขู่อีก สุดยอดจริงๆ
>>722 กูเป็นนักเขียนที่โดนรีวิว กูก็แจ้ง ก่อนอื่นๆต้องไปศึกษากฎหมายว่าด้วยการหมิ่นประมาทก่อน
ถ้าไอ้รีวิว 1 ดาว มันเป็นรีวิวอันเดียวกับที่กูอ่านอะ มันผิดกฎหมายหมิ่นประมาทเต็มๆ เพราะมันไม่ใช่รีวิวที่เกี่ยวกับนิยาย แต่เป็นการมาด่านักเขียนในช่องรีวิว ด่าอันที่ไม่เกี่ยวกับการติดชม ซึ่งมันจะทำให้นักอ่านคนอื่นที่เขาเข้ามาอ่าน เกลียดนักเขียน ไม่ชอบ ไม่สนับสนุนผลงาน
ในทางกฎหมาย ต่อให้เรื่องที่ด่านั้นจะจริง แต่มันก็ผิดกฎหมาย นางเลยมีสิทธิในการฟ้องเรียกค่าเสียหายได้อย่างชอบธรรมตามกฎครับ ถ้าขึ้นศาลสู้กันก็คือนางชนะแทบจะ 100 เปอร์เซ็นต์ เรียกค่าเสียหายได้
ดราม่าเรื่องไหนหว่า กูตามไม่ทัน
>>728 ดราม่าปกนิยายจีนโดยตัวจี้ดเก่าของบอร์ดนักเขียน ไทม์ไลน์ง่ายๆ ก็คือ
1. กน. แต่งนิยายจีนแล้วทำปกนิยายเรื่องล่าสุดขึ้นมา
2. มีคนทักว่าไปคล้ายกับปกของนักวาดคนนึง
3. ลูกหาบ,เพื่อนๆ เริ่มปฏิบัติการยอดนักสืบควeนัน
4. เจอตัวนักวาดแล้วไปป้ายสีว่าเขาลอกผลงานของ กน.
5. กน. เพื่อนๆ และลูกหาบ ไปรุมด่า ฯลฯ
6. เหยื่อโดนเอาชื่อไปประจานในกลุ่ม หมดทางหากิน
7. ฝั่งนักวาดก็เลยให้ข้อมูลบ้าง จนคดีมันพลิก
8. กลายเป็นว่า กน. เป็นคนเอารูปเขาไปทาบแล้ววาดใหม่
9. กน. กับเพื่อน ฟ. ที่เคยพาคนไปโถมเหยื่อหายตัวไป
10. นักวาดเตรียมตัวฟ้องร้อง แต่เงินไม่พอจ้างทนาย
11. แฟนคลับจะจ่ายเงินให้ แต่นักวาดเกรงใจเลยไม่เอา
12. เหยื่อประกาศคืนเงินให้คนอื่นๆ ที่บริจาคค่าทำคดีให้
13. เจ้าตัวภาวะจิตใจแย่จนหมอให้เฝ้าระวังโรคซึมเศร้า
14. ออกมาประกาศว่าจะไม่สู้ต่อเพราะกลัวจะเป็นหนัก
15. เหยื่อทวิตรอบสุดท้ายว่ายังไม่ได้รับการขอโทษหรือชดเชยอย่างเป็นทางการ
16. สรุปว่าเสียชื่อเสียงฟรี โดนทำร้ายจิตใจฟรี โดนรุมฟรี
17. ได้โรคซึมเศร้ามาเพิ่ม (มีรูปเอกสารยืนยันจากแพทย์)
18. คนที่ตามดราม่าเลยพาทัวร์ไปลงที่ทวิต กน.
19. มีแถลงการณ์ขอโทษจาก กน. และ ฟ. ออกมา
20. ซึ่งมีแต่น้ำและไม่พบความจริงใจแต่อย่างใด
21. พวกคนที่รู้เรื่องบางคน เข้าไป review bomb ใส่หน้านิยาย กน. ด้วยข้อความรุนแรง
22. มีตำหนวดโทรหาคนกลุ่มที่ว่า โดนไปคนละ 2-3 สาย
23. เกิดการแคปรูปมาแฉ แต่ก็มีคนเห็นว่าข้อความแรงเกินเองด้วยถึงได้โดน
24. ถึง กน. จะดราม่าและทำเรื่องเหี้ยจริง แต่การโหวตต่ำโดยด้วยข้อความรุนแรง โดยไม่เกี่ยวกับคุณภาพนิยาย = ผิดกฏหมาย
25. เพื่อนโม่งเอาเรื่องมาเตือนกันในนี้
26. บางที กน. อาจกำลังหาเงินจากการฟ้องคนกลุ่มนี้ไปจ่ายค่าทำขวัญให้นักวาดต้นเรื่อง
27. แต่อาจทำให้ชื่อเสียงตัวเองเน่ากว่าเดิม เพราะตัวเองก็ไปหมิ่น, ใส่ความคนอื่นมาก่อนหน้านี้เหมือนกัน
28. มีคนขุดชื่อนามปากกาอื่นๆ กับนามปากกาเก่าในเด็กดี
29. บอกว่าให้ใช้วิธีลงโทษทางสังคม ด้วยการเลิกตามแทน
30. มีคนขุดเรื่องเก่าๆ ของ กน. มาคุยเพราะจำนามปากกาเก่าได้
31. โดนแฉเรื่องนิยายที่พรีออเดอร์แล้วไม่ได้ของ และไม่คืนเงินมัดจำ
32. เพื่อน ฟ. เจอหางเลข โดนคนเลิกติดตามด้วยเหมือนกัน
33.ไปหาเสือกต่อกันเอง... นามปากกาตัวย่อ สปตป. เข้ากลุ่มนิยายจีนคงเดาได้เอง หรือตามไปถามที่ตำหนักนิยายจีนในห้องนินทาก็ได้
>>730 มันก็ไม่เชิงว่าชอบโกงอะไรขนาดนั้นนะ แต่มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยอยู่เด็กดวกแล้ว ทุนรอนไม่มี ให้นักอ่านพรีออเดอร์มา แล้วชอบมีปัญหาของส่งช้า ทำ goods มาขายรัวๆ จนหมุนเงินไม่ทัน
พวก postcard กับ keychain นี่คนอ่านหลังหักกันมาเยอะละ ซื้อตอนพิมพ์ครั้งแรกไม่มีของแถม มีแต่แบบขาย พอพิมพ์รอบหลังๆ เสือกเอาของที่ขายมาแจกเฉย ไม่รู้ว่าเพราะลอตนั้นขายไม่ออกหรืออยากทำโปรโมชั่นกันแน่
มีปัญหามากๆ เข้าก็เกิดดราม่า มีด่ากันไปด่ากันมา แคปรูปไปโพสหน้าเพจให้ลูกหาบรุม เดจาวูภาพเดิมเคยเห็นมาแล้วชัดๆ
กูอยากเสือกเรื่อง สปตป ว่ะ ช่วยชี้เป้าที ว่าจะตามนามปากกาตั้งแต่แรกได้ยังไงวะ อยากรู้วีรกรรมนาง
ky เออตลกดี ถ้าตัวปลอมไม่มารื้อฟื้นอีก ตัวจริงคงได้แต่เงียบมั้ง
ตัวจริงปี 64
https://www.dek-d.com/board/writer/4037645/
ตัวปลอมปี 65
https://www.dek-d.com/board/writer/4064118/
แล้วตัวจริงเสริมทัพอีกวันนี้
https://www.dek-d.com/board/writer/4064578/
เจ้า CS เคยเปิดประเด็นหาเหตุผลที่คนไทยชอบเขียนเรื่องซ้ำซาก อารมณ์คนไทยน่าจะมีฝีมือพอแล้ว แต่ไม่กล้าออกจากเซฟโซน พึ่งพาตลาดเกินไป คนอื่นเข้ามาตอบบลาๆๆๆๆ แล้วเงียบกริบ นี่คือเหตุการณ์ปี 64 แล้วหนึ่งปีต่อมา มีนอนเมนสวมรวยนาย CS ก็อปทั้งหัวมู้กับเนื้อหาทั้งดุ้น คนก็เข้ามาตอบตามประสาคนรู้มาก จากนั้น CS ตัวจริงไปเห็นมู้ของตัวปลอมจึงใช้โอกาสนี้เปิดประเด็นใหม่ 'ทำไมนิยายถึงมีพล็อตซ้ำกัน?' เพราะคิดว่ามู้ตัวจริงเด้งขึ้นหน้าแรก
สรุป ไม่มีใครรู้ว่ามีตัวปลอมเกี่ยวข้อง
เฮ้ยกูเพิ่งรู้ เด็กดอยลงnc ได้แล้วอ้อวะ
เด็กดี=no
เด็กเงี่ยน=yes
https://www.dek-d.com/board/writer/4064610/
https://www.dek-d.com/board/writer/4064653/
sadcom กลายเป็นศัพท์ใหม่แล้วเหรอวะ?
>>739 กูว่ามันขายได้ โปรโมทไม่โปรโมทนั่นอีกเรื่อง แต่ต้องยอมรับว่ามันจะเป็นที่ลงงานที่เป็นมิตรกับนักเขียนในเรื่องภาษีที่สุด คนดังไม่อยากยุ่งยากมาก มั่นใจว่ารายได้เข้าอยู่แล้วก็หนีมาได้ ยังไงคนก็ตามมาเปย์ วินวิน (กูพูดรวมถึงการแก้ปัญหาด้วยนะ ที่นี่ก็ทำได้ดีกว่าแอปเขียวที่ว่าดีระดับนึงเสียด้วย)
>>742 กูกลัวมันจะตามรอยรอร.เรื่องยัดหมวดมั่วอะดิ แบบคนเขียนมันหนีตายจากการปรับซ่อนของรอร.ด้วยการแม่งไปอยู่หมวดอื่น ลองไปดูดิเละเทะชิบหาย PWP ครองทั่วหมวด คือไม่ใช่ความผิดเว็บละเพราะอันนี้คนเขียนมันตั้งใจทำเอง แล้วเยอะจนเว็บรับไม่ไหวจริง แต่ส่วนหนึ่งก็เพราะเว็บมันจัดการไม่เข้มงวดด้วยละ
ถึงดด.จะเข้มกว่าแบบโดนแบนงั่นงี้ แต่กูว่ายังไม่เด็ดขาดพออะ ในอนาคตรอดูเลยถ้าคนแห่มาเยอะกว่านี้ PWP จะยั้วเยี้ยกว่านิยายระบบอีก555 อาจมาเนียนแบบไม่ห้อยท้ายชื่อแต่เจ้าไปอ่าน PWP ทั้งเรื่องงี้
ใดๆ คือกูรำคาญความตั้งตนเป็นคแมมูผู้มากลากดีของคนในนั้นมาก พูดเหยียดนิยาย 18+ pwp เหมือนแม่มันเอากับล้อถังขยะมาหรือพ่อไปสาวกับกระบอกไม้ไผ่เพื่อมีลูก ทั้งที่สายแฟนตาซีอะไรของมันทั้งหลายเนี่ยซุกแนวฮาเรม นอกใจ สัมพันธ์สายเลือดแบบคลุมเครือไว้กันเยอะแยะ แหมทำมารังเกียจเรื่องที่มีเซ็กซ์โจ๋งครึ่ม กระแดะกันจัง
>>744 กุก็รำคาญคนแบบมึงเหมือนกัน ใดๆ คืองี่เง่าจับแพะชนแกะ จะ 18+หรือ pwp ไม่มีใครรังเกียจหรอกนะ แต่มันมีที่ทางของมัน ไม่ใช่ปะปนหรือประเจิดประเจ้อล่อตีนไปทุกที่ ถ้าไม่กลัวปัญหาตามมาทีหลังเดกดวกก็คงกล้าโปรโมทให้อย่างเปิดเผย แต่มันไม่ใช่ไง เรียกร้องสิทธิ pwp แต่กดหัวกับระรานแนวอื่น จังไรจัง
>>747 รอร.ก็มีกฏจัดเรตให้เป็นที่เป็นทาง แต่คุมได้มั้ยละทุกวันนี้ มึงไปอ่านกฏนั่นดิเขาซอยหาที่ลงไว้ละนะ จะเยสดุกันเท่าไหร่ก็มาอยู่ตรงนี้ๆนะ แต่ไม่จ้าคนมันไม่เคารพกฏทันก็แหกกันยับอะ แล้วรอร.จัดการไม่ไหวเลยดิงานล้นมืออะ
ปล้วส่วนหนึ่งที่คนเขาเหยียดนี่คือคนเขียนงานนั่นละทำตัวเอง ช่วงที่ดราม่ากันเอาสุนทรภู่มาเทียบคือโชว์โง่มาก สุนทรภู่เขาใช้ภาษาได้มีระดับ แต่งานPWP พวกแม่งมีแต่กีกวยเน้นๆ หาความงามภาษาไม่ได้ แล้วพอมีคนมาเตือนอย่าโชว์ยอดเยอะเดี๋ยวคนแห่มาแล้วจะจัดระเบียบยาก บ้านเรามีนเมืองพุชซี่ หากินกันเงียบๆไปเถอะ ก็มีพวกอ่านไม่แตกมาว่าอิจฉาอะดิๆ ระรานเหมือนหมาบ้าจนคนนอกยี้กว่าเดิม งานก็ไร้รสนิยมคนเขียนก็ไร้สติ
ใดใดคือกูอ่านหมด หนังโป๊กูก็ดูนะ โดจิน แนวจิตๆกูก็อ่าน แต่กูโตแล้ว แยกแยะได้ และกูก็ไม่แฮปปี้ที่จะให้ไอ้สื่อพวกนี้มันขึ้นมาถูกกฎหมาย หรือวางขายได้โจ๋งครึ่มน่ะ
PWP มีได้ แต่มันต้องถูกให้จัดอยู่ในที่ของมัน จัดในที่นี้ของกูไม่ใช่จัดแบบ RAW อะ มันต้องมีการจำกัดเรทจริงๆ จัดหมวด ห้ามไม่ให้มาแทรก มาเนียน คนจะอ่านต้อง 18+ จริงๆ
คนเขียนแนวนี้ก็ควรจะมีจิตสำนึก ที่คนเขาเอือม คนเขาเบื่อเพราะแม่งไม่มีจิตสำนึก ไร้ยางอาย ชอบเอานิยายมาแปะผิดหมวด อยากขึ้นมาสู่แสงเหลือเกิน ทั้งๆถ้าเขาจะไล่บี้ เขาจะจับ แม่งผิดแบบเว็บโดนปิดได้เลย ตอนนี้ที่ทำๆกันน่ะเพราะการเมืองมันไม่นิ่ง เขาเลยหยวนๆ ถ้าเกิดมันโจ๋งจนเกินไปโดนแน่
ปลาข้องเดียวกัน ตัวหนึ่งเน่า ก็พลอยพาให้เหม็นไปด้วย
Ky โม่งง กูขอบ่นหน่อย อยู่ดีๆ กูก็คิดถึงนิยายเกมออนไลน์แล้วหานิยายเกมออนไลน์เรื่องแรกที่กูอ่านแล้วติดอยู่นานมาก จำชื่อไม่ได้แต่กูจำคีย์เสิร์จได้เว้ย 3-4 ปีก่อนกูยังหาเจอ แต่นี่หาไงก็ไม่เจอจนต้องไปจิ้มๆ เอาจากลิสรวมนิยาย ในที่สุดความพยายามกูก็สำเร็จเพราะพอเห็นชื่อเนื้อหามันแวบเข้าสมอง แต่พอกดเข้าไป อห. ปลิวไปแล้ว กูจาร้องงง
ทำใจเถอะ เจ้าของไม่รักษาข้าวของตัวเองมักจะเป็นแบบนี้
กูสงสัยว่ะเพื่อนโม่ง ทำไมนิยายแนวเรตจึงได้รับความนิยมวะ อย่างกูเขียนนิยายเด็กดีแล้วมีซีนวาบหวิวในบางบท ปากนักอ่านก็บอกว่าไม่ชอบ แต่ยอดอ่านซ้ำเยอะกว่าตอนที่ไม่ติดเรตเยอะมาก บางคนก็คอมเมนต์บอกว่าไม่ชอบๆๆๆ แต่บทถัดไป ยอดคนอ่านเท่าเดิมเป๊ะๆ ไม่มีใครเลิกอ่าน คืออะไรวะ งง
สรุป คนอ่านชอบแนวติดเรตใช่ไหมวะ มันสนุกยังไง ทำไมถึงชอบกันนัก มันฟินตรงไหนวะ งงว่ะ คือถ้าเป็นฉากตัวเอกเทพ ตบตัวร้ายแบบปังๆ กูยังเข้าใจว่ามันสนุกที่ตรงไหน
แต่แนวติดเรต ตัวละครทำเรื่องวาบหวิวกัน มันฟินยังไง ทำไมต้องอ่านซ้ำ สรุปคนส่วนใหญ่ชอบหรือไม่ชอบแนวติดเรตกันแน่วะ เชี่ยไรวะเนี่ย งงมาก สับสนโว้ยยยยยยยยยยย เดาใจนักอ่านไม่ถูก พวกมันเป็นเชี่ยไรกัน
เดี่ยวนี้คนชอบตีความนิยายวายหมายถึงนิยายโป๊ไปแล้ววะ น่าจะลืมสนิทว่านิยายวายไม่จำเป็นต้องเขียน pwp
>>760 คือมันมีเยอะจนถูกเหมารวมไปไง แถมกลายเป็นจุดขายอีกวายเรื่องไหนไม่มีฉากนี้คือกริบ หรือดูจากซีรี่ส์วายไทยดิ ต้องมีเซอร์วิสทั้งในจอนอกจอ ประเทศอื่นไม่ยัดเยอะขนาดนี้ แต่บ้านเรามีทุกเรื่อง บางเรื่องใส่เกินต้นฉบับมาอีก ฟีลแบบแดกส้มตำต้องใส่ผงนัวอะ ไม่ใส่ไม่อร่อย ทั้งที่ไม่จำเป็นก็ได้ปลาร้าก็นัวพอละ แต่มันต้องใส่เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ชอบ
>>762 อย่างขยำตูดนี่เรียกว่าฉากร่วมเพศป่ะวะ ส่วนใหญ่ในเฟสมันแค่เขียนฉากเซ็กส์แบบเจาะจงเพื่อเพิ่มอรรถรสให้พวกขี้เงี่ยนติดใจ ไอ้คนเขียนวายปกติมันไม่มีวิธีสร้างจุดสนใจได้พอเห็นคนอื่นเขียนเรื่องเซ็กส์แบบโจ้งแจ้งมาลงโม้ยอดวิวแล้วดูไปรอดกว่า สภาพนิยายวายก็เลยกลายเป็นแบบที่เห็นเนี่ย พวกหน้าใหม่ๆพอเห็นอะไรแบบนี้กลายเป็นมโนไปเองว่าเขียนวายต้องมีเซ็กส์นะ ดูๆไปกลุ่มไอ้เฟสนี่แม่งจะป็นลัทธิขึ้นมาละ
NC มาเยือนเด็กดีอย่างเป็นทางการ อ่านกฎแล้วเพื่อนโม่งคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง
>>766 เชี่ยไรเนี่ย กูบอกว่ามันไม่มีให้ยืนยันอายุแบบรอร.ว้อย NC กูไม่ได้ต่อต้าน แต่มันคือ 18+อะ เนื่อหาไม่เหมาะกับเด็ก ก็ควรมีการควบคุมมั้ยละ นี่ชุ่ยมากแค่ให้กดยืนยันแบบไม่ตรวจบัตรก็ได้ละ อิหยังวะ ก็เหมือนพวกผับร้านเหล้าอะ สากลเลยอายุต่ำกว่า 18 ห้ามเข้า ควรมีการตรวจบัตร เออถึงมันจะมีเด็กเหี้ยพยายามมุดไป แต่อย่างน้อยฝั่งคนผลิตก็ควรมีความรับผิดชอบในระดับนึงอะ
พวกชาวติ๊กต๊อกกับทวิตยังไม่เป็นตัวอย่างให้เห็นชัดพอละเหรอว่าพอเด็กมันขาดวิจารณ์รับรู้สารก่อนวัยอันควรแล้วจะออกมาไง ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่มึงก็ควรช่วยดูแลเด็กมันหน่อยเหอะ ถึงจะคุมได้ไม่ 100% แต่ดีกว่าปล่อยไปตามมีตามเกิดละกัน
>>767 มึงก็รู้ที่นี่ประเทศไทย ความหวังดีเป็นเรื่องดีแต่มันไม่มีประโยชน์ มึงคิดว่าชุ่ยแต่กูคิดว่ามันเป็นแค่พิธีการตามกฎหมายเฉยๆหรอก อ่ะสมมุติกูเป็นเจ้าของเว็ปกูจะบอกว่า "เราได้พยายามป้องกันเนื้อหาสำหรับคนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะแล้ว ขึ้้นอยู่กับคนอ่านว่าจะโกหกอายุหรือไม่" แค่นี้ก็ถือว่าเป็นการแสดงความรับผิดชอบแล้ว(แค่ข้ออ้างแหล่ะ) จริงๆจะให้ยืนยันด้วยบัตรก็ได้แต่ทีมงานบอกกูไม่เอา
ถ้ามึงเปรียบเทียบกับผับบาอะไรกูจะบอกว่ามันคนละเรื่องเพราะผับมันเช็คได้อยู่แล้วเพราะยังไงใครจะเข้าร้านตามกฎมันต้องโชว์บัตรว่าอายุถึงจริงมั้ยมส่วนใหญ่ของข้างเข้มงวดด้วยถ้าไม่ใช่ลูกพวกคนมีสี บลาๆๆๆ กูรอดูอยากรู้มันจะมีดราม่ากัน
>>768 ความจริงคือที่เว็บมันทำนี่เอาผิดทางกฏหมายได้สวยๆเลยนะ ลองมีคนเคร่งศีลธรรมผ่านมาสิ ถ้ามันส่งเรื่องแจ้งจริงคือปลิวทั้งเว็บได้เลย ที่นี่เมืองพุซซี่นะมึง นอกจากดัดจริตสุดโต่งแล้ว ในทางกลับกันก็เคร่งสุดโต่งไปอีก อย่างพวกโอนลี่แฟนงี้แม่งเขาปืดห้องถ่าย หรือถ่ายในบ้าน แต่ถ้าโดนรู้เจอบุกจับไปเลยจ้า ขนาดพวกแอบขายเซกทอยแม่งเนียนๆมานานเจอรวบทีโดนย้อนหลังไปอีก แล้วกฏหมายสื่อลามกอนาจารบ้านเราเสือกแรงชิบหายแบบไม่สมเหตุสมผล ต่อให้เป็นเว็บอยู่มานาน โปรโตไทป์เว็บนิยายของประเทศ ก็มีสิทธิปลิวได้จ้ะ ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นแหละ
จงบอกเขาหน่อยสิ เขียนนิยายยังไงให้เสร็จก่อนเดธไลน์ 2 เดือน https://www.dek-d.com/board/writer/4065506/
ky นี่วาดเองหรือจ้างคนอื่นวาด https://i.imgur.com/vYBS7Ui.jpg
Ref: https://www.dek-d.com/board/writer/4065539/
ต่อด้วย https://i.imgur.com/VZepnyT.jpg
Ref: https://writer.dek-d.com/0372007145/writer/view.php?id=2239641
>>772 ไม่ได้จ้าง เป็นหน้าปกนิยายเรื่องอื่น
https://www.pixiv.net/users/2681670 Pixiv คนวาด
https://i.imgur.com/tkqrBGq.png
พูดถึงNC ในเว็บเด็กดี กูคิดมาตลอดว่าเว็บนี้ไม่ควรอนุญาตให้เอาลงNC คือเว็บมันมีกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กมัธยมนี่... ถึงเด็กวัยรุ่นจะเต็มไปด้วยhorny teen แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตัวเว็บจะควรให้ท้ายปล่อยให้มีคอนเทนต์ncในเว็บที่เด็กๆเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักงี้
แต่พอเห็นตัวเว็บเปิดให้ลงเองก็ปวดหัวกันเลยทีเดียว
แอพเด็กดีไม่มีวันตายถ้าทุกคนอยากที่จะเขียนนิยาย ไม่เคยมีแพลตฟอร์มไหนในไทยที่เด่นกว่าเว็บเด็กดี
เพื่อนโม่งรู้สึกไหมว่านักอ่านเด็กดีไม่ชอบคอมเมนต์ ในหน้าคอมเมนต์ของนิยายแต่ละเรื่องมีแต่นักอ่านหน้าเดิมๆ
บางเรื่องที่ยอดวิวหลักหมื่นต่อวัน ยอดคอมเมนต์ต่อวันยังไม่ได้สูงมาก หรือนี่จะเป็นวัฒนธรรมใหม่ของนักอ่านเด็กดี อ่านอย่างเดียวแต่ไม่ comment
แล้วพวกเมิงไม่อึดอัดเหรอวะ ที่ไม่มีคอมเม้น เท่ากับไม่มีฟีดแบ็ค ไม่รู้ว่าคนอ่านคิดยังไงกับเนื้อเรื่อง พวกเมิงเหงาบ้างไหม ไม่รู้สึกเปลี่ยวๆหราวะ
No comment = no review
ผองเพื่อนไปดูดราม่ารูปปกของมหาเทพโชหรือยังวะ ที่ปกไปเทรชงานคนอื่นมาแบบเหมือนเป๊ะ คิดว่าเขาวาดเองเทรชเองก็อบเอง หรือนักวาดที่ไปจ้างมาทำ?
ถ้าเป็นกรณีแรกนี่โครตอุบาทว์เลยปะ ขายนิยายได้ไปเป็นล้านแต่เงินจ้างนักวาด วาดปกไม่ทำ?
ดราม่ารูปปกที่ไหนวะ กูเห็นเงียบทุกเว็บ พวกเมิงอย่าแต่งเรื่องใส่ร้ายชาวบ้าน
มึงอย่าออกตัวแรงเดี๋ยวหงายเงิบ เมื่อเย็นๆกูเห็นโพสที่กลุ่มใหญ่แต่ตอนนี้ปลิวไปแล้ว คนเม้นกันสัก60คน กูไม่ได้เซฟรูปเลยไม่มีหลักฐานให้มึง รอโม่งคนอื่นที่มีภาพละกัน แต่ที่หน้านิยายเอารูปออกแล้ว มึงคิดว่าไงล่ะ เจ้าตัวไม่มีคำอธิบายแต่ลบรูปพร้อม(สั่ง)ลบโพสเรียบร้อยอย่างไว
มีใครเซฟไว้ทันรึเปล่าไอ้รูปต้นเรื่องที่ว่า
เมื่อไหร่หนอแนวทะลุมิติ จะดับเสียกระที
https://www.dek-d.com/board/writer/4065516/ พี่เจยถามถึงนิยายตัวเองเหรอคะ
อยากเขียนหาตังมั่ง แต่กูขายไม่เก่งจนไม่มั่นใจเลยว่ะ
วันนี้กูก็เริ่มเปิดขายแล้วว่ะ ขอกำลังใจหน่อย
กูสงสัยพวกที่คุยในบอร์ดเรื่องจำนวนคำในนิยายแต่ละตอน พอมีกระทู้แนวนี้ถามว่าควรเขียนเท่าไหร่ถึงคนอ่านชอบ มักมีบางพวกชอบมาขิงว่า 3000 บ้าง 4000 น้อยไป ปกติเค้าไม่เขียน 5000 กันหรอ
จนสุดท้ายก็ไม่ได้คำตอบดีๆ ว่านักอ่านชอบที่เท่าไหร่กันแน่
ป.ล. ที่มาบ่นเพราะอยากได้จำนวนตอนเยอะๆ และไม่อยากให้เรื่องตัดฉับเร็วไป เลยอยากได้จำนวนคำที่มีประสิทธิผลที่สุด
เดี๋ยวนี้มันมีตัวนับในเว็บมั้ยว่าที่พิมพ์ไปมีกี่คำ
กูว่าไม่มี ระบบยังไม่ฉลาดพอ
เงียบเหงาจังเลย เพื่อนโม่งใครมีประเด็นอะไรคุยกันเปล่า
ถามหน่อย ตอนนี้ไอ้แนวองค์กรลับ แบบ h.a.c.k อะไรนี่มันยังมีคนเขียนอยู่บ้างไหม หรือสูญพันธ์ไปแล้ว นี่ไม่ได้เช็คมานานละ
ตอนนี้แนวจีนทะลุมิติกับระบบกำลังครองตลาด ใครเขียนแนวนี้กูว่ารุ่งอยู่
ยังมีคนอ่านรู้เรื่องเหรอ ไอ้นิยายระบบเนี่ย
ใครมันไปเรื้อนในบอร์ดอีกละวะ เจอคนด่าด้วยว่าโม่งกาก เชื่อถือไม่ได้ ไม่มีคนเก่งจริงอยู่ในโม่ง ... เออ แม่งพูดถูก คนเก่งๆ ที่ไหนจะมาเสียเวลาเล่นโม่ง (นอกจากกู)
อ่ะ https://www.dek-d.com/board/writer/4066593/
เม้น 6-1 มั่นใจมาก เลยอยากรู้เหมือนกันว่าเม้น 6 มันเล่นโม่งแบบนั้นจริงเหรอวะ
>>820 กุก็เล่นโม่งมู้นิทานเด็กดีมาตลอดนะ แต่ไม่ได้เล่นมู้นินทาอีกห้องหนึ่ง
กูก็ตีความว่า มันมาถึงจุดที่คนเขียนนิยายไม่จบห้ามแสดงความคิดเห็นแล้วเหรอ
ที่ 6-1 เขียนกุอ่านไม่รู้เรื่องว่าเชาจะสื่อสารอะไร เขาจะบอกว่ากุตีความกระทู้ไม่แตก กุก็ไม่ได้ติดใจอะไร กูไม่ใช้ซีรีบรัมในสมองเจ้าของกระทู้
ลองเข้าจากสารบัญเก่าของกูดูละกัน
มันยังไปได้อยู่รึเปล่าว่าหรือเจ๊มาริสะแกลบกระทู้ทิ้งแล้ว
>>>/netwatch/1575/ รวมนินทาเด็กดวก
>>>/netwatch/1602/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 51-100
>>>/netwatch/1606/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 101-49
>>>/netwatch/1610/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 150-200
>>>/netwatch/1728/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 201 - 250 รวมพลังเรนเจอร์ปราบมาเฟีย
>>>/netwatch/1738 รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 251-300 เรารักกิ่งน้าาา
>>>/netwatch/1743/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 251-300 นักรบมาเฟียเคจจี้ฆ่าล้างวันโนขี้ม่อ ปราบCOSเบียว
>>>/netwatch/1748 รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 451-500 โม่งมหัศจรรย์ผจญภัยแดนเคจจี้สีชมพู ภาค กิ่งน้าคอสเบียวสะบรึยหมีโนวัน
>>>/netwatch/1804 รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 401-450
>>>/netwatch/1806/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 451-500
>>>/netwatch/2202/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 501-550
>>>/netwatch/2429/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 551-600
>>>/netwatch/2501 รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 601-650
>>>/netwatch/2591 รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 651-700 ภาคจิบชาอียิปต์แล้วกลอกตามองเป็นเลขแปด
>>>/netwatch/2614 รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 701-750 นักสืบโม่งควeคุง ภาคแหกอตินไม่ได้อีกแล้ว โธ่
>>>/netwatch/2807/รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 751- 800 ภาคมู้นินทาแห่งความเงียบเหงา
>>>/netwatch/3223/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 801-850 ชาวเด็ก(ดอย)ดวกกากดี ลิขสิทธิ์นี้ช่างheeแม่มึง
>>>/netwatch/3558/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 851-900 The Return of The Fanboi ชาวโม่งคืนบัลลังก์
อันนี้ของแถม เจ้าของรางวัลโดนนินทาสูงสุดตลอดกาลแห่งเว็บเด็กดวก
https://fanboi.ch/netwatch/1803/
https://fanboi.ch/netwatch/5084/
อัตชีวประวัติของ dr.poop (ควรอ่านอย่างยิ่ง) https://th.uncyclopedia.info/wiki/ดร.ป๊อป
ทางเข้าโดนดึงลงหลุมหาไม่เจอแล้วแต่ใช้สารบัญแอบขุดลงไปอ่านได้แฮะ ตอนเข้าไปมันจะโชว์กระทู้ไม่เต็มก็กด Show topic เอาจะได้อ่านตั้งแต่ 1 ได้
ลองแก้สารบัญหน่อยเผื่อจะได้อ่านง่าย
ลองเข้าจากสารบัญเก่าของกูดูละกัน
มันยังไปได้อยู่รึเปล่าว่าหรือเจ๊มาริสะแกลบกระทู้ทิ้งแล้ว
https://fanboi.ch/netwatch/1575/ รวมนินทาเด็กดวก
https://fanboi.ch/netwatch/1602/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 51-100
https://fanboi.ch/netwatch/1606/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 101-49
https://fanboi.ch/netwatch/1610/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 150-200
https://fanboi.ch/netwatch/1728/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 201 - 250 รวมพลังเรนเจอร์ปราบมาเฟีย
https://fanboi.ch/netwatch/1738 รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 251-300 เรารักกิ่งน้าาา
https://fanboi.ch/netwatch/1743/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 251-300 นักรบมาเฟียเคจจี้ฆ่าล้างวันโนขี้ม่อ ปราบCOSเบียว
https://fanboi.ch/netwatch/1748 รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 451-500 โม่งมหัศจรรย์ผจญภัยแดนเคจจี้สีชมพู ภาค กิ่งน้าคอสเบียวสะบรึยหมีโนวัน
https://fanboi.ch/netwatch/1804 รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 401-450
https://fanboi.ch/netwatch/1806/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 451-500
https://fanboi.ch/netwatch/2202/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 501-550
https://fanboi.ch/netwatch/2429/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 551-600
https://fanboi.ch/netwatch/2501 รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 601-650
https://fanboi.ch/netwatch/2591 รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 651-700 ภาคจิบชาอียิปต์แล้วกลอกตามองเป็นเลขแปด
https://fanboi.ch/netwatch/2614 รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 701-750 นักสืบโม่งควeคุง ภาคแหกอตินไม่ได้อีกแล้ว โธ่
https://fanboi.ch/netwatch/2807/รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 751- 800 ภาคมู้นินทาแห่งความเงียบเหงา
https://fanboi.ch/netwatch/3223/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 801-850 ชาวเด็ก(ดอย)ดวกกากดี ลิขสิทธิ์นี้ช่างheeแม่มึง
https://fanboi.ch/netwatch/3558/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 851-900 The Return of The Fanboi ชาวโม่งคืนบัลลังก์
อันนี้ของแถม เจ้าของรางวัลโดนนินทาสูงสุดตลอดกาลแห่งเว็บเด็กดวก
https://fanboi.ch/netwatch/1803/
https://fanboi.ch/netwatch/5084/
อัตชีวประวัติของ dr.poop (ควรอ่านอย่างยิ่ง) https://th.uncyclopedia.info/wiki/ดร.ป๊อป
กระทู้ร้างไม่มีใครเล่นงั้นกูขอแก้อีกที
ลองเข้าจากสารบัญเก่าของกูดูละกัน
มันยังไปได้อยู่รึเปล่าว่าหรือเจ๊มาริสะแกลบกระทู้ทิ้งแล้ว
https://fanboi.ch/netwatch/1575/ รวมนินทาเด็กดวก
https://fanboi.ch/netwatch/1602/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 51-100
https://fanboi.ch/netwatch/1606/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 101-49
https://fanboi.ch/netwatch/1610/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 150-200
https://fanboi.ch/netwatch/1728/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 201 - 250 รวมพลังเรนเจอร์ปราบมาเฟีย
https://fanboi.ch/netwatch/1738 รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 251-300 เรารักกิ่งน้าาา
https://fanboi.ch/netwatch/1743/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 251-300 นักรบมาเฟียเคจจี้ฆ่าล้างวันโนขี้ม่อ ปราบCOSเบียว
https://fanboi.ch/netwatch/1748 รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 451-500 โม่งมหัศจรรย์ผจญภัยแดนเคจจี้สีชมพู ภาค กิ่งน้าคอสเบียวสะบรึยหมีโนวัน
https://fanboi.ch/netwatch/1804/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 401-450
https://fanboi.ch/netwatch/1806/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 451-500
https://fanboi.ch/netwatch/2202/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 501-550
https://fanboi.ch/netwatch/2429/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 551-600
https://fanboi.ch/netwatch/2501/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 601-650
https://fanboi.ch/netwatch/2591/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 651-700 ภาคจิบชาอียิปต์แล้วกลอกตามองเป็นเลขแปด
https://fanboi.ch/netwatch/2614/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 701-750 นักสืบโม่งควeคุง ภาคแหกอตินไม่ได้อีกแล้ว โธ่
https://fanboi.ch/netwatch/2807/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 751- 800 ภาคมู้นินทาแห่งความเงียบเหงา
https://fanboi.ch/netwatch/3223/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 801-850 ชาวเด็ก(ดอย)ดวกกากดี ลิขสิทธิ์นี้ช่างheeแม่มึง
https://fanboi.ch/netwatch/3558/ รวมนินทาเด็กดวก ความคิดเห็นที่ 851-900 The Return of The Fanboi ชาวโม่งคืนบัลลังก์
อันนี้ของแถม เจ้าของรางวัลโดนนินทาสูงสุดตลอดกาลแห่งเว็บเด็กดวก
https://fanboi.ch/netwatch/1803/
https://fanboi.ch/netwatch/5084/
อัตชีวประวัติของ dr.poop (ควรอ่านอย่างยิ่ง) https://th.uncyclopedia.info/wiki/ดร.ป๊อป
เหมือนได้เรียนประวัติศาสตร์โม่ง 101
อดีต ปจบ. อนาคต สรุปหมวดนี้คือไรกันแน่วะ จีนโบ ย้อนยุค ย้อนเวลา ทะลุมิติ กูงงอยู่ทุกวันนี้กับการมีอยู่ของหมวดนี้ว่ะ ก่อนจีนโบจะเกร่อแบบนี้ก็มั่วซั่วใช้ได้มีทั้งแนวย้อนเวลาไปอดีตหรือข้ามมาอนาคตมั่ง แนวพีเรียดๆทั้งไทยฝรั่งคละๆกัน ต่อมาพอแนวย้อเวลากลับมาแก้แค้นก็เริ่มไปทั่วละเดี๋ยวอยู่หมวดนี้เดี๋ยวไปอยู่แฟนตาซี พอตอนนี้จีนโบก็กลายเป็นดงเสิ้นเจิ้นไปแล้ว สรุปแม่งหมวดนี้คือไรวะ
พอดีเห็นมีการจัดอันดับหมวดนิยายแนวหมวดนี้มันยืนหนึ่งว่ะเลยอยากมาคุยแก้เหงาหน่อย55 แต่สงสัยจริงนะเว้ย wm เขาใช้เกณฑ์ไรตั้งหมวดนี้วะ แล้วทำไมต้องยัดมาทั้งสามช่วง อดีตหรืออนาคตอย่างเดียวงี้ไม่ได้เหรอ ปจบ.นี่คือแนวเรื่องไงวะ
กูเพิ่งรู้ว่านางเคยเคลมว่าเขียนนิยายเก่งกว่าทมยันตี มั่นหน้าขั้นไหนวะเนี่ย 555
และเหมือนหมวดนี้จะยึดยาวด้วยแฮะ กระแสยังดีไม่ตก
>>837 มันก็หมวดไซไฟแยกไปแล้วนี่หว่า น่าจะเว็บอธิบายไม่ชัดมสกกว่า ชื่ออดีตปจบ.อนาคตงร้ เห็นแล้วใครจะนึกถึงแนวไซไฟวะ555
>>838 ยึดยาวแบบขนาดเขาทำหมวดจีนโบแยกให้ยังมาปักหลักกันที่เดิมอะ555
เอาตรงนี่คือข้อดีของเด็กดอกนะเนี่ยขยันทำหมวดยิบย่อยให้ อย่างแฟนตาซีช่วงเกมออนไลน์บูมๆเขาก็ทำหมวดแยกให้แม่งเลยงี้ ถึงระบบไรจะล้าหลังกว่ารอร. แต่เรื่อฃการจัดหมงดขอชมเลยว่าทำดีกว่ามมก ๆ แต่สุดท้ายคนยังใช้มั่วกันอยู่ดีอะสัส
งั้นลองทำแนวโดราเอม่อนบ้าง ไอ้แมวฟ้าไปได้ทุกยุคทุกสมัยเลย เหลือยุคโลกแตกละมั้งที่ยังไม่ได้ไป
จีนโบหรือสามมื้อ https://www.dek-d.com/board/writer/4067484/
>>842 เข้ ตัวแทนหมู่บ้านมาก5555
แต่เห็นยังแถหนักอยู่ว่าจีนโบก็คือจีนโบไงแต่ถ้าคนเขียนแนวย้อนเวลาก็มาหมวดนี้ไม่ผิดไรแค่เซตติ้งจีนโบเฉยๆ ไม่ว่ะสู กูเจอเรื่องที่ไม่ย้อนเวลาก็เกร่อ แบบเกิดเป็นคนยุคนั้นแล้วดันมีสกิลซูงี้ แล้วท็อปแต่ละเรื่องก็ปาไปจีนโบเกือบหมด ถ้าจะบอกมีย้อนเวลาเลยลงหมวดงี้ได้ แล้วแม่งจะมีเกมออนไลน์แยกจากแฟนตาซีทำไมวะในเมื่อมันก็แนวๆเดียวกันอะสัส
เออ สรุปหมวดนี้คือไรยังคงเป็นปริศนาต่อไปสินะ
ไอ้สัส บ้านบึ้มแล้วเหรอ https://imgur.com/a/oA9Vjln
เออถามหน่อย จะเขียนแนวสืบสวนไปลงหมวดแฟนตาซีได้ป่าววะ หมวดสืบสวนแม่งเงียบจัด
คนจะลงมั่วหมวดเพราะ
1.ระบบหมวดหมู่ไม่เอื้ออำนวยต่อนิยายสายผสม
2.คนไทยห่วงตัวเลขจนไม่สนใจว่าเขียนดีหรือห่วย
3.อยากดังเร็วๆ แต่หมวดหมู่แม่งบีบเกินไป
4.บางคนยังไม่รู้ว่าตัวเองเขียนแนวอะไรไป
เห็นพวกเว็ปอ่านนิยายแปลทั้งหลายในต่างประเทศเขาเลิกใช้วิธีจัดหมวดหมู่ แล้วหันไปใช้ระบบ Tags กันหลายปีละ ค้นหาสะดวกกว่าเยอะ แถมเรื่องนึงใส่ได้หลาย Tags อย่างสนใจแนวย้อนอดีต แต่ไม่อยากอ่านจีนๆ ก็ตั้ง tags ที่เราจะค้นหา และแบน tags ที่ไม่ต้องการทิ้งก็หาเจอได้สบายๆ ละ แถมไม่ได้ใช้ระบบแบบใครอัพก่อนขึ้นก่อนอย่างเดียว แต่ใช้ระบบ Rating มาช่วยอีก ทำให้พวกเรื่องที่ไม่ได้อัพถี่ก็ยังมีคนเห็น
แต่เท่าที่เห็นเด็กดวกยังใช้ระบบเก่าคือแยกหมวดๆ แถมยังเป็นแบบใครอัพตอนใหม่ก็จะพุ่งขึ้นไปอยู่หน้าแรกอีก กลายเป็นว่าเป็นการแข่งกันใครอัพถูกจังหวะ ใครอัพถี่กว่า ก็ครองหมวดนั้นๆ ไปเลย พวกที่ไม่ได้เขียนถี่ๆ ก็ไม่ได้เกิดกันไป
จะว่าไปกูว่ากูจะกลับไปเขียนขายบ้างละ แต่ต้องมาขอถามหน่อย ตั้งใจว่าจะเปลี่ยนไปใช้แบบซอยตอนเพื่ออัพถี่ขึ้นบ้าง (อย่างน้อยก็วันละ 1-2 ตอน) ทำให้ตอนนึงกูยาวแค่ 800-1500 คำเอง แบบนี้กูควรติดเหรียญซักเท่าไรดีวะ กลัวแพงไปคนซื้อบ่นไม่คุ้มกัน
ขอ How to ทำยังไงให้นิยายไม่น่าอ่านหน่อยเพื่อนโม่ง แบบ List เป็นข้อๆ เลยไรงี้จะได้เอาไปทำแบบตรงข้าม
มีโม่งคนไหนเคยลองอัพติดเหรียญอ่านล่วงหน้าบ้างไหม แล้วพอแจ้งเตือนมันจะขึ้นเฉพาะตอนที่อัพเลยหรือตอนที่ถึงเวลาอ่านฟรีอย่างเดียว หรือว่าทั้งสอง
กูมีคำถามนะ เขียนนิยายลงเว็บเด็กดี ไปในแนวดราม่าปนตลกคลายเครียด ย้อนยุคแบบสิบยี่สิบปี ไม่พีเรียดเกินเหตุ แนววัยรุ่นมัธยมไลฟ์สไตล์สมัยก่อน คนในเว็บจะอ่านกันไหมวะ? แล้วนิยายเว็บนี้ใส่ลูกเล่นอะไรบ้างที่ว้าวจัดๆเลย ...แต่ถ้ากูงบน้อย ทำแค่ว่าจ้างวานคนวาดปกนิยาย+ทำให้ทุกอย่างเหมือนอ่านบนกระดาษธรรมดาๆมันก็ดึงดูดคนอ่านได้เหมือนกันใช่ไหม?
กูทำงานแล้ว มีเงินเดือนปกติ จ้างคนมาวาดปกนิยายได้แน่นอน แต่เบื่อชีวิตจนไม่อยากเรียนต่อ ไม่อยากลงทุน อยากมาประชดชีวิตโดยการเขียนนิยายบ้าๆบอๆสักเรื่องจนจบเรื่อง ไม่รู้หล่ะว่าเขียนบนเว็บไหนดี แต่เว็บที่กูผ่านตาบ่อย ใช้งานประจำคือเด็กดี แต่ไม่เคยอ่านนิยายเว็บนี้ กูควรเริ่มต้นตั้งค่าอะไรยังไงบนเว็บให้สะดวกแก่การเขียน+รับรายได้บ้างวะ?
>>852 ลูกเล่นว้าวๆที่เว็บอื่นไม่มีก็แต่งธีมอะ5555 แบบมึงใส่รูปพื้นหลังได้แต่งสีตัวอักษรได้งี้ คล้ายๆแต่งธีมมือถืออะ เออ แล้วก็ระบบการขายแบบแพ็กเกจกับตั้งเวลา เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การขายที่มึงต้องหาทางหลอกล่อเองละกันว่ามันดีกว่าขายแบบติดเหรียญรายตอนไง
ส่วนแนวที่มึงจะเขียนนี่ก็เกร่อสัส คนอ่านมีอยู่ละแค่คนเขียนเยอะกว่า เขียนไปมีคนอ่านแน่ๆแต่จะแมสยากหน่อยถ้าไม่แนวตามกระแสทีาตอนนี้วนๆกับจีนโบและระบบ
ลองกลับเข้าไปดูนิยายตัวเองในเด็กดวกก็แปลกใจว่าทิ้งร้างไป 5 ปีแล้วงั้นเหรอเนี่ย รู้สึกว่ามันเร็วมากเลยแฮะ แถม UI อัพใหม่จนจำไม่ได้
แต่พอลองไล่กลับไปอ่านคอมเม้นท์เก่าๆ แล้วรู้ซึ้งเลยว่าเขียนนิยายเดี๋ยวนี้ไม่ควรสนใจเรื่องคอมเม้นท์จริงๆ หลายคนเลยแค่คอมเม้นท์เอามันหรือไม่ก็โคตร Toxic แค่ไล่อ่านแล้วก็รู้สึกเหนื่อยใจ มีน้อยจริงๆ ที่อ่านแล้วรู้สึกชื่นใจเนี่ย
อีกอย่างที่พบเห็นคือ เดี๋ยวนี้คนอ่านน้อยลงเยอะเลยแฮะ สมัยกูเขียนนี่เรื่องดีๆ 50 ตอนยอยวิวก็เกินแสนได้ง่ายๆ ละ ขนาดกูเขียนเขี่ยๆ ยังได้ตั้ง 50k เฉลี่ยตอนนึงไม่ต่ำกว่า 300-500 คน แต่ปัจจุบันนี่เท่าที่เห็นเฉลี่ยกันตอนนึงคนอ่านยังไม่ถึง 100 เลยด้วยซ้ำ ชักกังวลกับตัวเองละสิว่ากลับมาเขียนนี่จะไหวมั้ยหนอ
>>857 คำถามกูนะ .... เห็นบางบทความเกี่ยวกับการเขียนนิยาย บางคนคือแม่งทำไมสร้างรายได้ขึ้นมาได้เกือบแสนเลยวะ? หรือเป็นแคมเปญจ้อจี้ป่ะ? คือบางคนเล่าสตอรี่ตัวเองก็ดูไม่ค่อยมีเงิน เรียนราม มาจาก ตจว ด้วยซ้ำ แต่มาเขียนนิยายก็เลยมีรายได้แบบพรึ่บพรั่บ ซึ่งกูก็สงสัยนะว่าคนอ่านนิยายเว็บเด็กดีเยอะได้ขนาดนี้เลย? เป็นไปได้เหรอ?
>>859 กลยุทธ์ล่อซื้อน่ะ มาแนวๆเดียวกับพวกวัยรุ่นสร้างตัวไลฟ์โค้ชทั้งหลาย เริ่มจาก0เริ่มจากติดลบมันล่อเม่าดี เด็กดอกมันก็มาเวย์ธุรกิจแล้วปะเลยต้องขยันชวนเชื่อหน่อยเพื่อค่าคอมอันงดงาม แต่แม่งคิดคอนเท้นกากมสกวนๆแค่อุ้ยนข.หน้าใหม่โลว์โปรไฟล์ งานแรกในชีวิตขายดีมาก ๆ จนแม่งถ้ากูไม่สิงเว็บนี้มานานจะนึกว่าเว็บหลอกขายไรปะวะ คุณภาพคนทำคอนเท้นแม่งต่ำลงทุกวัน สมัยก่อนยังทำดีกว่านี้อีกที่ไปสัมภาษณ์นข.ติดท็อปหรือเข้าสนพ.มาอะ ดูมีความพยามหน่อยทั้งคนเขียนทั้งคนทำคอนเท้น แต่ตอนนี้มักง่ายมาก ทำคอนเท้นคลิกเบทเฮ้ยดูนี่ๆ นข.หน้าใหม่เริ่มมาจสกคนติดลบแล้วเขียนได้ขายดีจนมีเงินหลักแสนค่อเดือนแหนะ เหอๆ เอาจริงนะมึง คนพวกนี้มีจริงทำได้จริง แต่ 10% อะจากทั้งเว็บ แต่เด็กดอกมันเอามาเป็นจุดขายซะอย่างกะง่ายนัก 90% ของเว็บคือทำแบบนี้ได้หมดเลยงี้ เหอๆ
>>860 ไม่ถึง 10 % มั้งโม่ง กูว่าน้อยกว่านั้นอีก นิยายตั้งหลายแสนเรื่อง จะปังแบบนี้ได้นับตั้งแต่ 3 ปีก่อนมา กูให้เยอะๆ เลย เดือนละ 2 คน เอา 12*3 ก็คือ 36 คนแล้วมึงคิดสัดส่วนดู นับกากๆ เฉพาะนิยายที่ยัง active อยู่ราว 350k เรื่อง
350,000 : 36
100,000 : 1
หรือ 0.0001% จากจำนวนนิยายทั้งหมด
แล้วมาขายฝันว่ามึงอาจเป็น 1 ในแสนคนที่ว่า สร้างแรงบันดาลใจจอมปลอมให้เกิดปริมาณเยอะๆ ไว้ก่อนเอาไว้เพิ่มค่า Mean ในสถิติลุ้นว่าอาจมีเรื่องปังๆ โดนๆ โผล่มาหลอกแดกเงินคนอ่านได้เรื่อยๆ นั่นแหล่ะ
เงินเดือนละ 100,000 บาท มีปัญญาซื้อ Macbook Pro 16“ หรือ Mac Studio M1 Max ได้เลยนะ
เอาจริงๆ แค่หลักหมื่นอัพกูว่าก็ไม่ธรรมดาแล้ว
>>859 เอาจริงๆนะ มันไม่ได้จ้อจี้ เรื่องแรกได้เงิน 4 - 5 แสนเลยก็มีเยอะและโผล่มาเรื่อยๆ ถ้ากากๆฟลุคๆก็ หลักแสน หลักหลายหมื่นชิวๆก็มี
แค่เขียนแนวที่มันเป็นกระแส และอ่านมาเยอะๆจนมีทักษะการเขียนระดับนึง
อย่างตอนนี้แนวแฟนตาซีก็นิยายระบบ เขียนกากขนาดไหนก็มีฐานแฟนตามอ่าน มีคนตามอ่านสักพักคนเริ่มติดเหรียญ อย่างน้อยๆได้เห็นเงินหมื่นแน่นอน ถ้าเขียนดี เลี้ยงคนอ่านไม่ให้ตกได้ ก็มีหลักแสน
อีกแนวที่น่าจะปังแล้วได้เงินหลักหลายแสนไม่ยากคือแนวจีนย้อนเวลาไปแก้แค้น ไปปลูกผัก แต่แนวนี้จะยากขึ้นมากว่าแนวแฟนตาซีระบบหน่อย คือต้องมีความรู้เรื่องศัพท์จีนๆระดับนึง แต่ถ้าติดตลาดขึ้นมา รายได้หลักแสนอยู่ไม่ไกล
ที่จริงกูก็อยากจะยกตัวอย่างให้เห็นว่ามันมีเรื่องไหนบ้าง แต่ไม่อยากยกมา ไม่อยากละเมิดเจ้าของผลงานมากไป
พวกมึงคิดยังไงกับนิยายแปลบ้างวะ ระหว่างช่วยให้นักเขียนเร่งผลิตผลงานคุณภาพมาแข่ง หรือทำลายให้นักเขียนคนไทยหมดไป
>>865 นิยายแปลมันก็ดีของมันนั่นแหละ ยังไงก็ทำลายนักเขียนไทยไม่ได้ อาจจะเกิดการเปรียบเทียบกันระหว่างท็อปนิยายเรากับท็อปนิยายต่างประเทศอยู่นิดหน่อย แต่ก็เป็นแค่ปัญหาเล็กๆ ไอ้ที่น่าเป็นห่วงคือ ควรจะสร้างที่ให้มันสักทีเถอะ กุอยากอ่านเรื่องที่คนไทยเขียนบ้างเพราะอย่างน้อยมันก็โตมาคล้ายๆ กัน กลิ่นของนิยายต่างประเทศมันยังไงก็ไม่ไทยอ่ะ เบื่อ
ได้หลักหมื่น สมควรเรียกว่าอาจารย์มั้ย แบบคนญี่ปุ่นเรียกนักเขียนว่าเซ็นเซ
เออถามหน่อย ถ้าจะเขียนแนวเอาชีวิตรอดจากสถานที่ปิดตายโดนบังคับให้หาฆาตกร เหมือนบอร์ดเกมแวร์วูฟ ฆ่าจริงตายจริง แบบนี้ควรอยู่หมวดแฟนตาซี สืบสวน ระทึกขวัญ หรืออะไรดีวะ?
>>879 มันไปได้ทั้ง 2 หมวดแบบที่ >>876 บอกอะ แต่ขึ้นอยู่กับว่ามึงรับความเสี่ยงแบบไหนได้มากกว่าระหว่าง
แฟนตาซี : คนอ่านเยอะ แต่นิยายก็เยอะกว่าหลายเท่า ตรงหน้า Recent update มึงอัพแล้วอาจร่วงไปหน้า 2 หน้า 3 ได้ภายใน 5 นาที ถ้าเป็นเวลา prime time
สืบสวน/ระทึกขวัญ : คนแม่งร้าง นิยายมีไม่มาก อัพแล้วค้างอยู่หน้าแรกได้ 2-3 วัน แลกกับการที่มีคนอ่านนิยายน้อยกว่าแฟนตาซีอย่างมาก
อยากอยู่แบบโดนถมในหนังสือลดราคาหมื่นเล่ม หรือวางเด่นอยู่บนชั้นหนังสือด้านในสุดของร้านล่ะโม่ง
POV3 อธิบายความคิดในหัวยังไง
https://www.dek-d.com/board/writer/4068021/
https://www.dek-d.com/board/writer/4068098/ ใครไปด่าพี่นารูตะกี้วะ แต่ยังไงพี่ก็ไม่แคร์ ใช้โฆษณาซะเลยพร้อมแปะรูปใหม่ที่เทรซมาเหมือนเดิม
ในเด็กดวกเคยมีคนเขียนนิยายแบบแนวคนสู้ชีวิต สร้างเนื้อสร้างตัวจนรวย หรือออกแนวพาโบล เอสโคบา , เล่าปี่ เริ่มตั้งก๊กตัวเอง เจรจาการเมือง เศรษฐกิจ เจอจุดเปลี่ยนจนถีบตัวเองมาไกลกว่าที่เคยเป็น หรือแนวคล้ายๆ lookism ในเว็บตูนไหมวะ? ถ้ามีนิยายแนวนี้ จะเข้าเค้าหมวดไหน? ยัดลงดราม่าได้ไหม? แล้วมีคนสนใจอ่านเยอะไหมถ้าเขียนเรื่องราวให้กระชับและง่ายต่อการอ่าน? ปัญหากูคือกลัวทำเนื้อเรื่องเครียด ซับซ้อนจนคนอ่านแม่งทิ้งเนื้อหาไปเลย
ขอถามหน่อยมีใครเคยลงใน Raw ไหม ทำไมเหมือนนักอ่านในนั้นเป็นมิตรกว่า หรือว่ากูแค่บังเอิญโชคดีที่ไม่เจอ toxic ในนั้น
>>886 แต่นักอ่านสายนกฟ้าพรึ่บเลยนะ แบบไม่ถูกใจไรในนิยายมึงจับแขวนทันและทัวร์ลงทันที ถึงมึงไม่เล่นนกฟ้าแต่มันจะแห่มาตบมึงในนิยายเอง สายโว้กอย่างเยอะ ถ้ามึงรอดไม่เจอมีสองอย่างคือแต้มบุญสูงกับนิยายไม่ดัง แต่อันหลังนี่นิยายในเหลือบยอดวิวไม่กี่พันเจอจับแขวนจนปลิวไปแล้วก็มีแค่ไม่ติดtw ให้ครบ โดนรุมด่าสาดซะถ้ากุเป็นคนเขียนได้แจกครุฑเพลินเลยอะ ไล่ไปตัยกันเยอะแยะเลย
>>888 ได้อย่างเสียอย่างอะ เดี๋ยวนี้คนอ่านแห่ไปรอร.เยอะขึ้นเด็กดอยมันก็มีแต่พวกเด็กๆกำลังซื้อไม่เท่า รอร.มันดีตรงนิยายมึงถึงไม่เคยติดท็อปแต่แมสง่ายถ้ามีคนหยิบไปรีวิวในตต.หรือนกฟ้า หารายได้ดีเพราะมีโดเนทด้วยต่อให้มึงเปิดฟรีก็รับตังจากโดเนทได้ ส่วนเด็กดอยถ้านิยายมึงไม่ติดท็อปไม่ได้เกิดสักที รับตังได้แค่ติดเหรียญ เออ ว่าแต่มันปรับเรื่องติดเหรียญล่วงหน้ายังวะที่ต้องให้คนซื้อซ้ำถ้าติดเหรียญอีก
>>889 สับสนกันเหรอวะซื้อตอนกับอ่านล่วงหน้า บริการมันคนละอย่างอยู่แล้ว
ถ้าจะโทษก็ต้องไปโทษนักเขียนที่ใช้ฟังชั่นนี้เก็บเงินซ้ำซ้อน หรือถ้าจะออกบริการเพิ่มก็คือเงินที่จ่ายอ่านล่วงหน้า เอามาเป็นส่วนลดซื้อรายตอนได้ แต่เดี๋ยวก็มีปัญหาอีกคอยดู ถ้าใหเแฟร์กูว่านักเขียนที่เก็บอ่านล่วงหน้า อยากขายอีกรอบควรแก้เรื่องให้สมบูรณ์แล้วออก ebook ขายแบ่งเป็นเล่มไป
>>892 ไม่นะมึง คือรอร.ก็มีระบบเดียวกันแต่ไม่ต้องซื้อซ้ำไง ซื้อล่วงหน้าตั้งเวลาเหมือนกัน แต่กดจ่ายละจบต่อให้คนเขียนมาติดเหรียญขายแพงกว่าก็ไม่ต้องซื้อซ้ำ แต่ดด.มันต้องซื้อซ้ำอะ จนนักอ่านด่านักเขียนฟรีไปเลย5555 ทั้งที่แม่งเว็บมันทำมางี้ เอาจริงเหมือนเป็นระบบเช่าซื้อมากกว่า แบบคาเคาอะเช่าไว้ปีนึงก็ต้องซื้อใหม่ ถ้าบอกว่าเป็นระบบเช่าคนอ่านคงเข้าใจ อต่ดันบอกว่าซื้อล่วงหน้าทั้งคนเขียนคนอ่านก็นึกว่าซื้อละไม่ต้องจ่ายซ้ำ มารู้ทีหลังว่าต้องซื้อซ้ำคือเงิบเลยดิ
ว่าแต่ปรับยังวะ กูซื้อแต่แบบแพ็กกับรายตอน เจอครั้งเดียวละเข็ดเลยกู เห็นติดล่วงหน้าทีไรกูอดใจรอดีกว่า
>>893 กูงงจริง ๆ นะ คำว่า "อ่านล่วงหน้า" มันไม่ชัดเจนอีกเหรอ ทีมงานก็อธิบายโคตรละเอียด ทำไมเข้าใจว่าเป็นการซื้อตอนกัน
แล้วอ่านล่วงหน้ามันต้องเก็บถูกว่าซื้อตอน
ของ RAW กลายเป็นมึงซื้อบริการอ่านล่วงหน้า เท่ากับ ใช้บริการอ่านล่วงหน้าแถมซื้อตอนไปด้วย ในราคาถูก
คนมาซื้อตอนที่หลังต้องซื้อแพงกว่า
ตรรกนี้เมิงมองว่าถูก?
กูคิดว่าถ้าคนเขียนมันคิดจะขายตอนแต่แรกแล้วมันก็ไม่ควรตั้งขายล่วงหน้า เพราะมันแปลว่าเมิงจะขายซ้ำซ้อน
มาเขียนประเด็นซ้ำๆ เผื่อมีโม่งมาอ่านผ่านๆ แล้วไม่เข้าใจ
ซื้อล่วงหน้า คือได้อ่านก่อนคนไม่จ่าย (ซื้อเวลา) ซึ่งถ้ามึงรอได้ก็ไม่ต้องจ่าย รออ่านฟรีไป ใครทนกิเลสไม่ไหวก็ค่อยไปจ่ายอ่าน
ซื้อตอน เข้าอ่านได้เฉพาะคนจ่าย (ซื้อชิ้นงาน) อันนี้แล้วแต่บุญละ ถ้านักเขียนอยากปล่อยฟรีก็ได้อ่านฟรี ถ้าไม่ก็อดอ่านไป 555
เห็นด้วยในฐานะคนซื้อ กุก็ไม่อยากจ่ายหลายหน แต่ในฐานะคนขายมันก็ขายคนละแบบ อันนึงขายเวลา อันนึงชิ้นงาน ถ้าคิดว่าไม่แฟร์ก็รอไปซื้อตอนเป็น e-book หรือ รายตอน ไปก็น่าจะโอเคป่ะ?
มีใครลงกิจกรรมของเด็กดวกปะ กูอยากร่วมแต่ไม่ค่อยเข้าใจเงื่อนไขเท่าไหร่ จึงวิงวอนโม่งช่วยแถลงไขที
บริการมึนชิบหายชะมัด ไม่ใช้บริการดด.แมร่งแล้ว ขาดความโปร่งใส
รีดจะเข้าตลาดหลักทรัพพวกมึงว่าจะเกิดปรากฏการณ์กลับบ้านเก่าเด็กดวกไหมวะ
>>899 ไม่มีทาง รอร.ลูกเล่นมันเยอะกว่าขายงานง่ายกว่าแมสง่ายกว่า
>>900 อาจจะกลัวนายทุนเข้าแล้วจะเจอปรับระบบไง เช่นลดส่วนแบ่ง จาก70/30 ลดเหลือ50/50 งี้ หรืออะไรที่เคยได้ฟรีๆก็ต้องเสียตัง เช่นขึ้นแบนเนอร์ ซึ่งอย่าเพิ่งกาวกันไปเลย รอดูก่อนนายทุนใช่จะขูดรีดอย่างที่อุปทานหมู่กันบ่อย ๆ เว้นแต่จะเจอเจ้าสัวกับนายทุนจีน อันนี้มึงเตรียมเลย555 มันจะขูดยันกระดูกมึงอะ
>>902 กูขอตอบ ในมุมคนอ่านรี้ดก็ไม่ใช่อันดับหนึ่งจริงๆนั่นแหละ แบบดด.มันยังมีแนวอื่นได้เกิดมั่ง รอร.นี่แม่งแทบจะมีแค่แนวเดียวครองเว็บทุกหมวดแล้ว5555 อย่างแฟนตาซีขวัญใจโม่งนี่แนวระบบเกร่อ แต่เปิดไปหมวดอื่นยังพอเจอแนวอื่นที่ไม่ใช่ระบบมั่ง มีความหลากหลายกว่าแม้หมวดนึงจะพล็อตซ้ำๆแต่แนวเรื่องมันเยอะดีเปลี่ยนอารมณ์อ่านได้เรื่อยๆ ส่วนรอร.มีแต่วาย(ไม่โอเมก้าก็ผช.ท้องได้)กับpwp(ที่แม่งพยายามเคลมว่าเป็นแค่โรแมนซ์แซ่บๆแต่ncเยอะไปหน่อย) แบบไปหมวดไหนก็เจอ สยองขวัญก็วาย แฟนตาซีก็วาย รักจะเลเวลไหนต้องมีpwp แล้วเว็บแม่งก็เน้นอวยหมวดรักจนขาดควาทหลากหลายกว่า ซอยแนวรักซะละเอียดส่วนแนวอื่นซอยส่งๆ เอาดูติดท็อปดิ ถ้าไม่แยกตามหมวดกูจะนึกว่าทั้งเว็บมีแต่แนวเดียวกันอะ เออระบบจัดการนิยายแปลก็แย่กว่าดด.ด้วย ไม่มีแยกให้แต่รวมกันเลย งมหางานคนไทยยากชิบหายถ้าไม่ใช่หมวดรัก ท็อปแฟนตาซีนี่นิยายแปลแทบจะกลบนิยายคนไทยแล้ว ปัญหาที่ดด.เคยเจอก่อนจะปรับแยกให้อะ
แต่ในมุมนข.รอร.มันยืนหนึ่งกว่าว่ะ ระบบขายมันหลากหลายกลยุทธ์ดีทั้งติดเหรียญทั้งโดเนท แบนเนอร์ แล้วคนอ่านส่วนใหญ่มาจากนกฟ้าคนเขียนก็ตั้งตัวกันในนั้นไปด้วย เลยพลอยขายนิยายให้แมสง่ายกว่า ส่วนดด.นี่ถ้าเว็บไม่หยิบมาขายบนเพจก็ไม่รู้จักเลยจ้า
ไม่มีใครเป็นอันดับหนึ่ง แต่ทุกคนมีอันดับหนึ่งในดวงใจอยู่แล้ว
Pwp คือ
ไหนๆ เด็กดีก็มี nc แล้ว อยากให้มีระบบโดเนทด้วยจัง
สอบเสร็จยัง
ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ศึกษาตลาด ก็เลยอยากถามโม่งหน่อย
ระหว่างเขียนให้ตัวเอกเป็นผู้ชาย แล้วเนื้อเรื่องแบบดมกาวกันไปข้างนึงเลย กับให้ตัวเอกเป็นผู้หญิง แล้วเนื้อเรื่องออกแนวแมรี่ซูไปเลย
อันแบบไหนมันจะตอบสนองความนิยมในตลาดได้มากกว่ากันหว่า โครงเรื่องเอยอะไรเอยพร้อมเขียนละ ขาดแต่เลือกเพศตัวละคร + ตั้งชื่อเรื่อง
คือถ้าเป็นผู้ชายมันจะออกแนวเก่งอยู่แล้วจึงให้เน้นไปทางตลกเบาสมองแทน แต่ถ้าเขียนให้ตัวเอกเป็นหญิงแล้วเก่งรอบด้านมันจะกลายเป็นแมรี่ซูน่ะ
แมรี่ซูไม่เกี่ยวกับความเก่งความเทพ แต่เป็นเรื่องของความเพ้อฝันเชิงอุดมคติของนักเขียนโดยไม่สนตรรกะ หรือภาษาบ้านๆคือ การ SIMP ตัวละคร
>>912 มีคนเห็นก็ดี เรื่องก็อบผมไม่อยากตีให้มันใหญ่เกินไป ในโม่งก็ยิ่งไม่ชอบผม นิยายผมก็มีการกระทำผิดเอารูปมาใช้ ผมก็ไม่ได้คลีนร้อยเปอร์เซ็นต์ ปัญหาเรื่องนี้มันเรื่องใหญ่มากถ้าวงการนักเขียนจะหยิบมาพูดกันจริงๆจังๆ ก็อบปี้ ทุกคนมีนิยามความหมายว่ายังไง? ถ้าหมายถึงการก็อบทุกตัวอักษรน่ะ ยังไงมันก็จับไม่ได้ไล่ไม่ทันไง เพราะถ้าคนมันฉลาดหน่อย อยู่เป็นหน่อย มันไม่มีทางก็อบแบบทุกตัวอักษร ไอ้คนที่จะทำแบบนี้มันคือพวกเด็กๆสิ้นคิด ถ้าโตมาหน่อยก็จะก็อบแล้วเอาไปดัดแปลง แต่ง เปลี่ยนจนจับยาก
ทีนี้ประเด็นเนื้อหานิยายผมมันเป็นเรื่องยาว 250 ตอน อีกเรื่องก็เป็นเรื่องยาว 500 ตอน ตีเป็นหนังสือรวมกัน 20 เล่มหนาๆกองเป็นตั้ง ต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์กว่าจะอ่านได้หมด ดังนั้นถ้าจะไปกวาดตาอ่านว่าก็อบตรงไหน เหมือนตรงไหนโดยใช้เวลาแค่ 10 -20 นาทีมันจะจับไม่ได้เลยเพราะเขาไม่ได้ก็อบทุกตัวอักษร แต่เป็นการก็อบไอเดียไปทั้งดุ้น แล้วแปลง เปลี่ยน เขียนสไตล์ตัวเอง
ไอเดียทั้งดุ้นที่ว่าคือโครงเรื่อง สตอลี่ไลน์
เช่นนิยายผมเป็นแนวระบบแต้มบุญ ถึงแม้จะชื่อว่าระบบ แต่ผมไม่ได้ดำเนินเรื่องด้วยระบบ ระบบในเรื่องของผมเป็นใบ้ พูดไม่ได้ เป็นแค่ร้านค้าโง่ๆ ดังนั้นผมเลยต้องเสก AI BOB ขึ้นมาดำเนินเรื่อง ทว่าอีกเรื่องเปิดเรื่องด้วยระบบดาดๆตามกระแส ชื่อระบบเงินคืน 100 เปอร์เซ็นต์ จะเป็นแนวระบบมอบให้ มอบนั่น มอบนี่ การดำเนินเรื่องมันจะคนละแบบ สตอรี่ไลน์ก็จะคนละแบบ
ถ้าอ่านมาตั้งแต่ต้นจะเห้นว่าวิธีการเขียนของนักเขียนเรื่องระบบเงินคืน 1-150 ตอนแรกจะเป็นอีกแบบ ทว่าหลัง 200 ตอนเป็นต้นไปหลังจากที่เขาเสก AI ชื่อบ็อบเหมือนเรื่องของผมเข้ามาในเรื่องเขา ทีนี้สตอรี่ไลน์เขาเปลี่ยนมาทับเรื่องผม ตัวเอกจากโง่ๆไม่มีอุดมการณ์ตบเกรียนไปเรื่อย กลายมาเป็นแนววิทยาศาสตร์ใช้ AI สร้างโน่นนี่เหมือนผม สิ่งประดิษฐ์อะไรต่างๆที่เรื่องผมมีและสร้างขึ้น เรื่องเขามีมาเหมือนกันหมดทุกอย่าง มียันลูกแฝด แม้แต่สำนวนการเขียนก็ยังมีคนตั้งข้อสังเกตุว่าเขาเปลี่ยนไปจากช่วงแรกจนมาคล้ายผม
เขาออกมาแถลง ลองไปอ่านที่เขาแถลงดีๆ แล้วตีความหมาย โครตตลก "ผมไม่เคยอ่านเรื่องนั้นเลย ไม่เคยจิ้มเข้าไปอ่าน ย้ำว่าไม่เคยอ่าน แล้วก็แก้ตัวว่าไอเดียที่มีคล้ายกันทุกอย่างในเรื่องคิดมาเอง โดยเคยเห็นผ่านตาจากนิยายแปลจีน บลาๆๆ ความหมายคือ เขาไม่ได้ก็อบเรื่องที่เป็นประเด็น แต่ไปก็อบแรงบันดาลใจมาจากเรื่องอื่น???? มันตลก" มาก
ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง มันรู้สึกแย่ แย่หนักที่มีนักอ่านอวยและสนับสนุนนักเขียนที่มักง่าย บางคนถึงกลับพูดว่า ไม่ชอบก็ไม่ต้องอ่าน ก็รออ่านฟรีไปดิ คือผมงง ถ้าก็อบคนอื่นมามันต้องโดนลงโทษ โดนตำหนิปะ นี่ลอยหน้าลอยตาออกมาโกหกเหมือนว่าคนอื่นโง่ซะงั้น ทีมงานก็เหมือนจะช่วยนะ ช่วยโดยการแบนไม่ให้นอนเม็มไปถล่มเขาเยอะ ผมงงว่าทีมงานจะอุ้มอะไรขนาดนั้น
พูดลำบาก
>>918 เสริมให้อีกนิด ชื่อเรื่องมันระบบเงินคืน ถ้าไปอ่านจะรู้เลยว่ามันไปก็อบเขามา เพราะระบบเงินคืนที่เขาคิดขึ้นมันมีพลอตโฮลเยอะ เยอะจนกลบไม่มิด นิยายมี 500 ตอน ระบบเงินคืนชื่อเรื่องมันหายไปตั้งแต่ 100 ตอนแรก ไม่กล่าวถึงเงินคืนอีกเลย สุดท้ายเขียนวันละ 3 ตอนโดยการไปบิดเอาไอเดียจากนิยายจีน เรื่องนั้นที เรื่องนี้ทีมันแปะ เขียนไถๆตบเกรียนไป พอเริ่มถูกเรื่องผมแซงขึ้นมา พี่แกก็เลยก็อบไอเดียสตอรี่ไลน์ผมไปเขียนไถต่อแตกตังจากตอนที่ 200 ซึ่งแกเริ่มตัน ไถต่อจนมา 500 ตอนอะ
แจ้งทีมงานไปก็เท่านั้นขอหลักฐาน จะไปเอาหลักฐานมาจากไหน? ก็มันไม่ได้ก็อบทุกตัวอักษร แต่คนที่อ่านทั้งสองเรื่องตั้งแต่แรกดูออกทุกคน บอกได้แค่นี้
ที่หนักคือออกมาแก้ตัวหน้าด้านๆ ทุกอย่างที่เหมือนผมเขียนหลังผมตลอด อ้างว่าคิดเอง แล้วทำไมไอเดียที่เหมือนกันไม่เคยผุดมาก่อนเลย เข้าโหมดเครื่องบิน ไม่ตอบนักอ่าน ไม่มีปฎิสัมพันธ์ใดๆ มันเป็นอาการของนักเขียนที่ไม่รักนิยายตัวเอง เพราะนิยายไม่ได้สร้างขึ้นจากไอเดียตัวเอง แต่ไปก็อบเขามา เขียนได้เงินไปครึ่งล้าน ค่าจ้างวาดปก 2000 3000 ยังไม่เจียดมาวาด ดูก็รู้ว่าแม้แต่ตัวนักเขียนยังไม่อินกับเรื่อง ไม่รักนิยาย ไม่รักตัวละ เห็นแก่ได้
ทีมงานถามหาหลักฐานที่ชัดเจน ผมจะไปหาหลักฐานมาจากไหน? ก็อีกฝ่ายมันไม่ได้ก็อบทุกตัวอักษร ผมอาจจะหาหลักฐานได้แหละ แต่มันต้องเสียเวลาเอาเรื่องของอีกฝ่ายมาตีแผ่ วิเคราะห์ ทำรายงาน มันเสียเวลาหนักมาๆ แถมไม่รู้ว่าทีมงานจะตัดสินยังไง มันน่าอึดอัดตรงรู้ว่าถูกก็อบแต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะมันไม่ได้ผิดกฎชัดเจน
นักเขียนเรื่องระบบเงินคืนเนี่ย เงียบเป็นใบ้มาตั้งนาน ไม่ตอบ ไม่หือ ไม่เคลียร์ ไม่ชี้แจง เพราะคนโกหกถ้าออกมาชี้แจงก็จะอย่างที่เห็น ยิ่งแก้ตัวยิ่งเผยพิรุธ ปล่อยไก่ บอกว่าไม่เคยมาส่อง ไม่เคยอ่านเรื่องผม แต่สำนวนเปลี่ยนกลางคัน แม้แต่สำนวนการเขียนยังเปลี่ยนมาคล้ายผมนิดๆ วิสัยนักเขียนที่ติด top ร้อยทั้งร้อยจะส่องลิสต์ TOP หมวดในหมวดเดียวกันทุกวัน วันละหลายรอบ ส่องคู่แข่ง ยิ่งมีเรื่องไหนมาแรงแซงตัวเองขึ้นมาหรือกำลังจี้ตัวเอง เขายิ่งต้องส่อง ส่องเก็บข้อมูล ส่องว่าทำไมอีกเรื่องมีคนอ่านเยอะ เผื่อจะเอาแนวทางมาปรับใช้ นักเขียนมันต้องส่อง ยิ่งเขียนทุกวัน ยิ่งเขียนรายตอนต้องส่องคู่แข่ง ส่อง top หมวดนั้นหมวดนี้ ผมฟันธงให้เลยในฐานะที่เขียนนิยายมาหลายเรื่อง หลายปี ดังนั้นคำอธิบายแรกของเราที่บอกว่าไม่เคยมาส่องเรื่องผม ไม่เคยอ่าน แค่บังเอิญคล้าย มันไม่จริงหรอก ก็ถ้าแค่เรื่องแรกที่ออกมาอธิบายยังโกหก เรื่องอื่นๆจะเชื่อได้ไหมล่ะ?
ก็อบด้านขนาดไหน ขนาด AI ที่ก็อบมามันยังเอาชื่อบ็อบเหมือนกันเลยคิดเอา ชื่อลูกสาวตัวเองเชื่อจันทร์เจ้า ก็ไปก็อบชื่อมาจากนางเอกแนวระบบอีกเรื่องที่ติด top นิสัยนักเขียนเรื่องเงินคืนเนี่ยเขามักง่ายแต่แรก เห็นได้ยากคำผิดไม่ยอมแก้ นักอ่านเตือนแล้วเตือนอีกก็ไม่แก้ ชื่อตัวละครสลับกับอีกเรื่องก็ไม่แก้ พฤติกรรมหลายอย่างมันชวนให้คิดวิเคราะห์ได้อยู่แล้วว่าเป็นยอดนักก็อบ พล็อตเรื่องมันก็ก็อบมาจากนิยายจีนนั่นแหละ ถามดีกว่าว่าระบบเงินคืนเนี่ย มีตรงไหนคิดเองบ้าง ไอเดียน่ะ ไปบิดเอามาทั้งนั้น แค่จะรู้หรือไม่รู้ เขาทำจนติดเป็นนิสัยแต่แรก พอขายได้มีนักอ่านอวยมันยิ่งได้ใจ ได้ใจมากคิดว่าทำแล้วไม่ป็นอะไร จิตสำนึกมันก็ยิ่งลด ยิ่งล้ำเส้น สุดท้ายก็อบแม่งคนข้างบ้าน คนไทยด้วยกันนี่แหละ ง่ายดี เขียนไถขายได้เงินหลักแสน
ไม่รู้จะพูดยังไง เอาเป็นว่าคนโดนแล้วทำอะไรไม่ได้พูดเยอะก็ไม่ได้ กลายเป็นผู้ร้าย โดนหาว่าไปใส่ร้าย เชี่ยขนาดสตอรี่ไลน์ยังเปลี่ยนกลางเรื่องมาเหมือนผม สำนวนก็เปลี่ยนมาคล้ายผม เรื่องนี้ถ้าเคยเขียนนิยายจะรู้เลย ว่าสำนวนมันจะไม่นิ่ง สำนวนมันจะเปลี่ยนถ้าระหว่างเขียนเราไปอ่านผลงานของนักเขียนคนอื่นเยอะไป แล้วแบบนี้มันจะมาอ้างได้หรอวะว่าไม่เคยอ่านเรื่องผม ... สุดท้ายก็อย่างว่า ด้านไม่ยอมรับซะอย่าง จะทำไม? แถโง่ๆยังมีคนเชื่อเฉย
>>920 ขำๆนะผมด่าคนอื่นเรื่องคำผิด แต่พิมพ์เนี่ยก็คำผิดเยอะ แก้ไม่ได้ด้วย ขออภัยร้อนไปหน่อย ได้ระบายก็ดีขึ้น สุดท้ายที่ออกมาเปิดหน้าชกมันเนี่ย ไม่ได้หวังสูงอะไรหรอก แค่อยากจะให้มันรู้ว่าถ้ามึงก็อบของคนไทย มันไม่จบง่าย และมันจะได้มีประวัติไว้ว่าเคยถูกกล่าวหาว่าก็อบ ครั้งหน้าถ้ามันไปทำอีก แล้วถูกกล่าวหาอีก มันจะมาไถว่าบังเอิญไม่ได้แล้ว คนอื่นจะได้ไม่โดนเหมือนผม
เป็นเราจะให้ชื่อมันอยู่ในหมายละ เสียสุขภาพจิต
แต่ถ้าทางคุณจบตรงนี้ก็คือจบ เราก็ไม่ว่าคุณนะ แนะนำว่าอย่าเอาคำพูดของทางนั้นมาทำให้ใจตัวเองบางลง มั่นเข้าไว้ถ้าเราไม่ได้ทำผิด ทุกเหตุการณ์มีเหตุผลของมัน
https://www.dek-d.com/board/view/4069315
ตั้งกระทู้แล้ว หวังว่าจะไม่ถูกลบ
>>926 กูรู้นานแล้ว แต่จะให้กูทำไงได้วะ? คนก็หมั่นกูเยอะ ขืนกูโวยวายกระแสตีกลับกูก็ยิ่งแย่ แม่ง
กูโครตอึดอัดอะ ขืนกูออกมาแล้วกระแสไปเข้าข้างคนผิดกูไม่แย่หรอ มันไม่ใช่นิยายเรื่องสั้นที่กวาดตาอ่านแล้วมึงจะรู้เว้ยว่ามันก็อบ มันเป็นเรื่องยาวที่มึงต้องเสียเวลาอ่านเปรียบเทียบ และคนดูต้องมีสติปัญญาระดับนึง เข้าใจการเขียนระดับนึง ดูเผินๆไม่รู้เลย ไม่เชื่อมึงไปอ่านความเห็นในเรื่องมันดิ นักอ่านยังอวยมันอยู่เลย
ก็รู้ตั้งนานแล้ว กูสงสัยตั้งแต่ AI ชื่อบ็อบมันโผล่มาแล้ว ตอนแรกก็ว่าจะทำเฉยๆ แต่พอนานไป แม่งเอาจากเรื่องกูไปทุกอย่างเลย กูเลยรู้สึกแบบไอ้เชี่ย ไม่ไหวละ ก็ถึงเริ่มบ่นในหน้านิยายกู เรื่องมันถึงเริ่มมาแดงเนี่ย มึงไม่เป็นกูคงเข้าใจยาก
>>926 ฟ้องศาลแม่งก็ลำบาก เสียค่าทนายแถมต้องมาพิสูจน์ว่ามันก็อบยังไง พิสูจน์ยากมาก ขนาดเว็บยังบอกหลักฐานไม่พอเลย มันทำอะไรไม่ได้จริงๆ
ที่เจ็บกว่านั้นคืออะไรรู้ไหม ความด้านของนักเขียนคือมันมั่นหน้ามาก พอเรื่องแดงทีมงานคงติดต่อไปสอบถาม มันก็อธิบายให้ทีมงานฟังตามเหตุผลแถๆของมัน และมันคงคิดว่าทีมงานรับฟัง รอดตัวแล้ว เลยออกมาพิมพ์คำชี้แจงแบบกากๆอย่างมั่นหน้า ถึงได้เป็นประเด็นไง คนโกหก ยิ่งโกหกเรื่องมันก็ยิ่งโป๊ะ คิดว่าอธิบายทีมงานได้แล้วจะรอดตัว ดูถูกสติปัญญานักอ่าน คงคิดว่าเขียนอะไรไปคนก็เชื่อ ง่าย ทีมงานมีแอบช่วยด้วย แบนห้ามให้นอนเม็มมาเม้นในหน้านิยายมัน กลัวถูกถล่มมั้ง กูเลยต้องเปิดหน้าชกแม่งไง อย่างนั้นให้มันมีประวัติไว้ จะได้ไม่เสือกไปทำอีก
>>925 กระทู้ใน DEK D ถ้ามันถูกลบคือผมแจ้งลบเองนะครับ ไม่ต้องไปว่าทีมงาน สาเหตุคือผมรู้สึกว่าตัวเองดูแย่ ไปกล่าวหาคนอื่น ถึงตัวเองจะมีเหตุผลที่ทำให้เชื่อได้ว่าถูกก็อบ แต่การไปกล่าวหาเฟรมคนอื่นมันก็ดูไม่ดี ยิ่งดึงมาเป็นประเด็นสาธารณะแบบนีั้ด้วยแล้วยิ่งไม่ควร ประกอบกับที่ตัวผมขี้เกียจไปต่อความยาวสาวความยืดหาหลักฐาน เพราะหลักฐานมันอ่อนจนไม่พอ อีกฝ่ายไม่ได้ก็อบทุกตัวอักษร อย่างมากก็ก็อบไอเดียไปเขียน เปลี่ยน ดำเนินเรื่องในแนวทางของตน ซึ่งมาคิดดูแล้ว บางทีมันอาจจะอยู่ในขอบเขตที่กระทำได้มั้ง?
เอาจริงๆมันก็แยกยากนะเรื่องการก็อบไอเดีย ทำได้ขนาดไหน เส้นแบ่งขนาดไหน จริงๆเราหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาถกกันก็ดีนะ
ขออภัยทุกท่านที่เอาดราม่า และความร้อนของตัวเองมาให้เสพอย่างไร้สติ เอาเป็นว่าหลังมันเกิดประเด็นขึ้น นักเขียนต้นเรื่องคงได้รับผลกระทบและได้คิดทบทวนระดับนึงแล้ว
ผมเองก็ได้บทเรียนเยอะเหมือนกัน
เอาน่า มึงไม่ใช่คนแรกที่เจอเรื่องบ้าๆ แรงบันดาลใจกับลอกเลียนแบบยังเป็นปัญหาโลกแตกทุกวงการจนทุกวันนี้ นิยายต่างโลกไม่เห็นจะฟ้องเลย แต่ลอกไอเดียใช่ว่าทุกเรื่องจะสำเร็จ เขียนดีหรือแย่ การตลาดดีหรือแย่ สุดท้ายอยู่ที่ดวง ดีนะที่ไม่มีเรื่องของสิทธิบัตร อันนี้เหี้ยกว่าลิขสิทธิ์ เพราะแม่งผูกขาดทางความคิดสัสๆ ขืนนักเขียนท่านใดจดสิทธิบัตรเรื่อง "กิลด์นักผจญภัย" คนอื่นที่เขียนแนวกิลด์นักผจญภัยไม่ว่าอยู่สัญชาติไหน ไม่อยากขึ้นศาลก็ต้องจ่ายเงินให้ผู้จดสิทธิบัตรคนนั้น อย่าให้มีการผูกขาดทางความคิดเลย
ปกติกูเฉยๆ กับตุ๋นกบ แต่รอบนี้กูอยู่ข้างไอ้ตุ๋นว่ะ เพราะเรื่องแบบนี้กูเองเคยโดนมาเหมือนกัน จากที่อ่านมาดูเหมือนมึงจะเข้าใจดีอยู่แล้วว่ามันจัดการยาก ตอนกูโดนกูเองก็ไม่อยากเสียเวลาเลยแก้ด้วยการแต่งนิยายแบบหลอกด่าคนลอกผ่านตัวนิยาย เอาชื่อนามปากกามาดัดแปลง เอาชื่อเรื่องมาบิดหน่อยๆ แล้วแต่งแบบกวนตีนในนิยายเรื่องที่กำลังถูกลอก คนลอกที่อ้างว่าไม่เคยมาอ่านเรื่องกูเหมือนกับที่มึงกำลังโดนอยู่แม่งดิ้นเป็นหมาโดนน้ำร้อนเลย พวกนักอ่านก็ถามว่าถ้ามึงไม่เคยแวะมาอ่านจริงๆ ทำไมถึงรู้ได้ว่าตัวเองกำลังถูกหลอกด่า มันอ้างว่ามีแฟนคลับมาเจอแล้วเอาไปบอกมัน กูบอกต่อว่าแล้วมั่นใจได้ไงว่าเนื้อเรื่องกับชื่อเรื่องนั้นเป็นนิยายของมึงเพราะไม่มีอะไรตรงกันซักอย่าง พี่แกใบ้แดกแล้วหายหัวไปซะงั้น
ถึงจะแก้เรื่องที่ว่ามันมาทำตัวเหลือบไรเอาไอเดียเราไปหาผลประโยชน์ใส่ตัวไม่ได้ แต่กูมั่นใจว่าเวลามันมาดูเพื่อเอาไปลอก ก็ต้องมีหัวร้อนไม่มากก็น้อย เหมือนคนแอบขายตัวพอเห็นคำว่ากระหรี่แล้วมีอาการชะงักตอนอ่าน
มึงก็ไม่ต้องไปคิดมาก ของแท้มันย่อมดีกว่าของปลอมอยู่แล้ว อยู่ไปนานๆ เดี๋ยวมันก็แต่งเองไม่ได้ ทำได้แค่ไปหาที่นั่นที่นี่เอามาลอก จนตอนสุดท้ายคนจับได้บ่อยแล้วเลิกอ่านของมันไปเอง งานเขียนเป็นทักษะอย่างหนึ่งถ้าไม่ฝึกฝนเรื่อยๆ ก็จะค่อยๆ แย่ลง คราวนี้ก็ถือว่าทำบุญทำทานไป
เจอเคสนี้ก็รู้สึกผิดแฮะ สมัยกูยังเป็นเด็กเกรียนในเว็ปประมูลก็เคยทำพฤติกรรมแบบนี้ orz
พอก็อบจนถึงตอนล่าสุดที่เหลือก็เขียนเองมั่วนิ่มจนกลายเป้นอีกเรื่องไปเลย
ky กลุ่มอมรินทร์ เข้าซื้อหุ้น 51% ของ Dek-D คิดเป็นมูลค่าดีล 204 ล้านบาท
https://www.blognone.com/node/130902
เหยด ... งั้นก็กลายเป็นเจ้าของเลยดิวะเพราะถือหุ้นใหญ่
อมริน เป็นเจ้าของเด็กดีแล้ว จะมีผลไรกับพวกเรานักแต่งนิยายบ้างไหม หรือไม่มีไรเลย
แต่ขณะเดียวกัน โพสข่าวเดียวกันดันไม่มีคนเม้น หรือว่าคนสิงเว็บเด็กดีจะหลับหูหลับตาละหว่า
https://www.dek-d.com/board/writer/4069773/
พวกเอ็งรู้จักแค่ 2-3 แอพเองเหรอวะ
https://www.dek-d.com/board/writer/4069964/
เดี่ยวนี้พวกมึงสิงที่ไหนกันหยอ
visual novel นี่ยังใช้ได้ปะวะ กูว่าจะลองทำเป็นตอนพิเศษให้คนลองเล่นดู กะใช้โฆษณาอ้อมๆ+เขียนแบบเกมไงมีหลายรูท แต่เดี๋ยวนี้มันไม่บูมเหมือนเมื่อก่อนจะมีคนเล่นไหมอะ กลัวแป้ก
โม่งคิดอย่างไร กับพวกองุ่นเปรี้ยวในบอร์ด
อัลไลของมันวะ https://www.dek-d.com/board/writer/4070996/
นโยบาย 1 วิวต่อ 1 ไอดีคือการซุกใต้พรม?
https://www.dek-d.com/board/writer/4071158/
เออยังไม่จบอีกเหรอวะ กูจำได้ว่าในยุคสมัยนึงเมื่อจะดังมากเลยนิ นึกว่าแต่งจบไปเป็นชาติแล้วซะอีก อีปากกาแดงดำแม่งยังเขี่ยจนจบได้เลย แต่กูก็ไม่เคยอ่านหรอกนะ
กูเริ่มเบื่อนิยายจีนย้อนเวลาไปยุค 1980 ที่ติดท็อปหลายเรื่อง กูถามหน่อยเพื่อนโม่ง จีนยุคนั้นมีอะไรดีวะ ทำไมคนไทยถึงอยากย้อนไป ไม่ใช่ว่าช่วงเวลานั้นเป็นยุคมืดของจีนเหรอวะ หรือกูเข้าใจผิด ใครพอมีความรู้เรื่องนี้บ้าง
https://www.dek-d.com/board/writer/4071467/
เยกันแค่ฉากเดียวไม่นับเป็น NC... เหรอวะ? (เม้น 4)
พูดถึง nc เห็นในรี้ดเค้ามีดราม่าลดเรื่องพวกนี้อยู่ อนาคตจะเหมือนกับในเด็กดีไหมวะ
อยากรู้ว่านิยายของหมอนี้มีดียังไง https://www.dek-d.com/board/writer/4071689/
มีใครอยากเสนอชื่อมู้ใหม่ไหมฮาฟฟฟ ท่านผู้เจริญทั้งหลาย (มู้นี้มันไม่ตายห่าได้ยังไงวะ?)
นิทานเด็กดีบทที่ 40 (DDN XL) มันจบแล้วอนาคิน เด็กใหม่สักแตเขียนไมคิดจะอ่าน พวกหน้าเกาก็เขียนนิยายเลียงชีพในเซฟโซน ดรามามัน ๆ ก็ไม่มี เจ้าของยังขายทิ้ง
นิทานเด็กดีบทที่ 40 (DDN XL) รู้มั้ยเกิดอะไรขึ้นกับวงการนิยายเด็กดีสมัยนี้ ชาวเด็กดีคือคนเขียน ไม่ใช่คนอ่าน โม่งต่างหากคือคนอ่าน แต่มีคนเขียนมั้ย อีกเรื่องนึง
กระทู้ใหม่ตั้งยัง?
เห็นเงียบมาชวนคุยซะหน่อย คือพูดถึงยุคนี้ไอ้ที่มีคำบอกว่านิยายติด TOP ตกต่ำลง ผมก็เป็นคนนึงที่ออกมาแก้ต่างให้บ้าง บอกว่าไม่ใช่บ้าง ก็จริงที่มันมีส่วนน้อยที่พยายามจะเปลี่ยนแปลง พยายามเขียนที่เป็นนักเขียนจริงๆ เขียนตามแนวทางของตัวเอง ทว่าสุดท้ายแล้วมันก็มาถึง
เมื่อสามห้าหกปีก่อนโน่นผมเริ่มอ่านนิยายจีน หมายถึงจีนกำลังภายในยุคใหม่น่ะ ไม่ใช่พวกมังกรหยกอะไรนั่นนะ พวกนั้นอ่านตั้งแต่ชาติปางก่อนแล้ว
อ่านไปอ่านมาเราจะพบว่านิยายจีนยุคใหม่จะมีพลอตมาตราฐาน แบบเหมือนเป็นโครงเรื่องสำเร็จที่คนหยิบมาใช้จนเกลื่อน
ยกตัวอย่างก็แบบแนวเทพเซียนกลับมาเกิดใหม่ เริ่มเรื่องด้วยการที่ชาติที่แล้วเป็นมหาเทพเซียนขั้นสุด เก่งสุดในสามโลก ตายด้วยเหตุผลบางอย่าง หรือพยายามไปถึงจุดสูงสุดแล้วพลาด สุดท้ายตาย ย้อนกลับไปในร่างของตัวเองตอนยังเป็นไอ้ขี้แพ้ขยะถูกรังแกสมัยเรียน จากนั้นก็ใช้ความรู้วิชาที่ได้มาแสดงความเทพ จุดเริ่มเรื่องมาตราฐาน ถ้าแค่พลอตหลวมๆมันเหมือนกันยังพอทำเนา มันแปลกก็ตรงการดำเนินเรื่องยังเหมือนกัน มังงะที่ผมอ่านผ่านตาจีนมาจนเอียนเนี่ย การดำเนินเรื่องเหมือนกันเลยแบบเป็นสิบเรื่องนะ
แบบเริ่มต้นในร่างตัวเองตอนเป็นเด็กนักเขียนโดนบลูลี่ เริ่มมาด้วยการฝึกวรยุทธ สำเร็จยุทธขั้นแรกในเมืองเล็กๆในเวลาอันสั้น ออกไปแสดงความกร่างโชวความเทพกับแฟนเก่าหรือพวกจิกโก๋ แสดงความเทพในเมือเล็กๆสักพักบังเอิญไปเจอตาแก่ในสวนสาธารณะหรือโรงพยาบาล แสดงความเทพในการบอกโรคลับๆที่ตาแก่เป็น ตาแก่ตาโตรู้ว่าพระเอกไม่ธรรมดา ตาแก่มีหลานสาวโง่ๆคนนึงที่พามาและจ้องจับผิดตัวเอก หลานสาวไม่เชื่อพระเอก จ้องจับผิด ท้าพระเอกแบบโง่ๆ พระเอกพิสูจน์แสดงความเทพรักษาตาแก่ สรุปคือตาแก่กลายเป็นมหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลในเมือง ตัวเอกได้คนหนุน เริ่มเรื่องมาแบบนี้และก็วนลูปเพิ่มสเกลพลังย้ายเมืองไปเรื่อยๆ
นิยายจีนพลอตมาตราฐานวนลูบแบบนี้ถูกนำไปดัดแปลงใช้กับทุกแนว แนวระบบ แนวกำลังภายใน แนวเทพเซียน นี่เป็นแค่แพทเทิลนึงที่ก็อบกันมาของแนวแฟนตาซีนะ แนวปลูกผักคงคล้ายเหมือนกันแค่ผมไม่เคยไปอ่าน
ซึ่งตอนแรกเมื่อ 6 -7 ปีก่อนมันเป็นแค่นิยายจีน ผมยังกลัวเลยว่าเฮ้ยก็อบพลอตกันหน้าด้านๆงี้เลยหรอวะ ไม่เป็นอะไรหรอ?? สุดท้ายมาช่วงปีนี้มันลามมาที่ไทยแล้ว นักเขียนเริ่มมักง่ายขึ้นเยอะ หลายคนแยกไม่ออกแล้วว่าแรงบันดาลใจกับการก็อบมันคืออะไร บางคนก็อบโครงเรื่อง ก็อบการดำเนินเรื่อง ก็อบเหตุการณ์มาทั้งดุ้นไม่ได้คิดเองเลย แค่เอามาเขียนเปลี่ยนชื่อเป้นคนไทย สลับเหตุการณ์ วนลูบตบเกรียนไปซ้ำๆ 300 400 500 ตอน
ช่วงแรกผมก็สงสัยว่าเฮ้ย อะไรแบบนี้ที่ดูถูกนักอ่านมันขายได้หรอวะ พอมาดูสภาพตลาดปัจจุบันที่นักเขียนมักง่ายขึ้นทุกวัน ก็อบพลอตกันเป็นว่าเล่น เรื่องแดงขึ้นมาแล้วนักอ่านก็ยังอวย ถ้าไม่ก็อบทุกตัวอักษรไม่ถือว่าผิด คือมันน่าอึดอัดใจมากๆเลยว่ะ ลองไปไล่ดูนิยายติด top แต่ละเรื่องแล้ว ถ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญอ่านนิยายจีนมาอย่างกว้างขวางจะเห็นเลยว่าพลอตและการดำเนินเรื่อง มันแทบจะเลียนแบบลอกกันมาเลย
คือบางที่คำว่าแรงบันดาลใจ กับก็อบปี้มันก็แบบแยกยากเนาะ ต้องขนาดไหนคือก็อบ?
ขออภัยเพราะบางทีผมเป็นนักเขียนที่พยายามจะเขียนงานโดยไม่ลอกพล็อตคนอื่น หรือเอาแรงบันดาลใจมาแบบน่าเกลียดมันท้อนิดก็เลยมาชวนคุย วงการนิยายไทยมันตกต่ำลงจริงๆ แบบหันไปดูแนวแฟนตาซีแล้วระบบ ระบบ ระบบ เต็มไปหมดเลย ผมก็เขียนแนวระบบนะ เรื่องที่เป็นแนวระบบแม่งติดตลาดง่ายมากแค่ใช้ชื่อเรื่องว่าระบบ พอมาแต่งแนวอื่นแนวดาร์คแฟนตาซีเนี่ย ติดตลาดยากกว่ามากเลย ความต่างมันเยอะแบบเยอะจริงๆกับกระแส
บางทีนิยายที่ขึ้นนิยายแนะนำของ DEK D น่ะ ถ้าอ่านดูดีๆจะเห็นเลยว่าไปก็อบพล็อตมาแค่มันจับแบบคาหนังคาเขายาก
ไม่พอใจที่เขาจัดให้การก็อปพล็อตเป็นสิ่งที่ไม่ผิดใช่ไหม? หยิบพล็อตสนุก ๆ จากเรื่องต่าง ๆ เอามายำใส่เรื่องสะดวกไปไหม?
อยากให้ลองหลับตานึกถึงโลกที่ก๊อปพล็อตมีความผิดเหมือนหยิบเอามิกกี้เมาส์มาเป็นตัวละครของตัวเอง
นักเขียนใหม่จะไม่มีเวทีให้เล่นเลย เรื่องไหนดังก็เตรียมโดนฟ้องแบ่งรายได้เพราะพล็อตนั้นเคยถูกใช้มาก่อน นักเขียนใหม่เกิดยาก ความคิดสร้างสรรค์ถูกจำกัด ข้อหลังนี่ล่ะทำให้การก็อปพล็อตไม่ได้ถูกปกป้อง
ความคิดสร้างสรรค์ = ไม่ใช่
การตลาด = ไม่ใช่
ลอกการบ้าน = ใช่
>>977 การก็อบพล็อตมันควรจะมีขอบเขตครับ ไม่ใช่ลอกมาเหมือนเป๊ะเหมือนกระทั่งการดำเนินเรื่อง อย่างนั้นถ้าก็อบเกือบทุกอย่างได้กระทั่งเหตุการณ์การดำเนินเรื่อง แบบนั้นต้องขนาดไหนถึงจะเข้าข่ายการก็อบที่ผิด??
แบบลอกทุกตัวอักษรแบบนั้นเลย?
พลอตมันคล้ายและเหมือนกันได้ แต่ผมคิดว่ามันไม่ควรจะคล้ายจนแบบเหมือนได้เกือบทุกอย่างกระทั่งเหตุการ การดำเนินเรื่อง เปิดเรื่อง อะไรทำนองนั้น มันเกินไป และมันทำให้วงการนิยายต่ำลง เกิดความักง่าย อย่างนี้นักเขียนไม่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์อะไรเลยสิ ก็อบลูกเดียวเลย ไม่ต้องคิดเลย ถ้าเป็นแบบนั้นมันน่าเศร้านะ ที่ต้องทนเห็นอาชีพนักเขียนต่ำลงเรื่อยๆ โดยที่ทำอะไรไม่ได้เนี่ย
>>977 ผมมาขยายความอีกนิด เท่าที่ผมอ่านมังงะเกาหลีมา มันแทบไม่มีเรื่องไหนเลยที่ก็อบพล็อตแบบเป็นแพทเทิลเดียวกันอย่างน่าเกลียด แบบเหมือนกระทั่งการดำเนินเรื่อง
ทว่ากับจีน มังงะจีน นิยายจีน เราจะเห็นการก็อบพล็อคแบบหน้าด้าน แบบลอกกันมาเลยนั้นเยอะ แบบต้องเอ๊ะเลย
แล้วปัญหาคือที่ไทยกำลังได้รับอิทธิพลจากจีนและเดินตามแนวทางจีน ผมออกจะแบบ... คุณภาพมังงะจีนช่วงหลังๆเนี่ยผมไม่อ่านเลย แพทเทิลเดียวกัน กลับกันมังงะเกาหลีมันกับสนุกเกือบทุกเรื่อง แม้กระทั่งแนวมังงะกำลังภายในก็ทำได้เหนือกว่าจีน เหมือนงานคนละคุณภาพ
พูดไปก็คงพูดลำบาก แต่มันก็น่าเศร้าที่วงการนิยายแฟนตาซีเราเดินตามแบบจีนซะงั้น
>>979 ถามจิ้ง ยกตัวอย่างก๊อปมาเหมือนกันตั้งแต่ต้นจนจบ คนฉลาดที่ไหนเขาทำกัน มันสุ่มเสี่ยงโดยฟ้องแบ่งรายได้ สมัยนี้เขาก๊อปแบบเอามายำกันเอามาต่อยอด ไอเดียนี้ดีก็หยิบมา จับมายำ ๆ เวลาคิดอะไรไม่ออก นี่ไงขอบเขตที่อยากได้ใช่ไหม
กูว่าเมิงเอาหูไปนาเอาตาไปไร่แล้วก้มหน้าก้มตาเขียนไปเถอะ ถ้ามันก๊อปเรื่องเมิงจริงก็รวบรวมหลักฐานเอาไปฟ้องแบ่งรายได้ แต่ใครมันจะโง่เขียนให้มึงฟ้องได้
เห็นพวกมึงคุยกันแล้วกูก็อยากคุยด้วยนะ แต่ประเด็นนี้คุยกันไปเยอะแล้วตั้งแต่สมัยยังเล่นมู้นินทาอยู่ กูเลยไม่อยากพิมพ์อีกเป็นรอบที่ล้านแต่ก็ช่างแม่ง จริงอยู่ว่าเรื่องพล็อตคล้ายหรือโดนยืมมาแต่งมันมีเยอะจนน่าเบื่อ แล้วยังไงต่อ ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีเพราะมันยังคงมีคนที่ชอบและอ่านเรื่องพวกนี้อยู่เรื่อยๆ ไง มันคือความฮิตเมื่อแนวนั้นกำลังมาแรงหรืออยู่ในกระแส ไม่ต่างอะไรกับยุค รรวม. หรือ อล. เลย
ความแตกต่างของตอนนี้กับยุคก่อนคือความสามารถในการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตของทุกคน ทีนี้พวกอยากอ่านมีเยอะ อยากเขียนก็มีเยอะเหมือนกัน พอเจออะไรที่มีอยู่เยอะๆ ในเน็ตก็คิดกันไปเองว่านี่แหล่ะดี ทำตามนี้เลยดีกว่า ต่างจากสมัยก่อนที่ต่อให้เป็นออนไลน์หรือโรงเรียนเวทมนตร์ก็จะมีการเดินเรื่องที่หลากหลายกว่า บางเรื่องเริ่มที่มหาสงคราม บางเรื่องเริ่มที่ตัวเอกโนเนมไปเจอของเทพ บางเรื่องตกกระไดพลอยโจนไปยุ่งกับเรื่องที่ไม่ควรยุ่งจนกลายเป็นจุดสนใจ
สรุปได้ว่าสิ่งที่เป็นตัวแปรคือความมักง่าย เพราะนักเขียนรุ่นกูมันจะมีอีโก้บางอย่างที่อยากสร้างผลงานที่จะไม่ถูกครหาว่าไปลอกพล็อตคนอื่นมา ทีนี้พอตัวเองแต่งแนวไหนก็จะไปหาอ่านแนวนั้นเยอะๆ ที่ว่าเยอะนี่คือเยอะจริงๆ อ่านจนรู้ว่าใครแต่งแบบไหนชอบเดินเรื่องยังไงตัวละครที่ใช้มีอะไรบ้าง อ่านกันหลักร้อยเรื่อย มันจะได้ไอเดียมาต่อยอดจากฉากเจ๋งๆ ของคนอื่น ในเวลาเดียวกันก็ต้องตอบให้ได้ว่ายืมมาใช้ยังไงจะไม่ให้ถูกจับได้หรือเหมือนจนน่าเกลียด
แต่ยุคนี้มันหาอ่านผิวเผิน เน้นไปที่ Top หมวด อ่านอันที่อยู่ในกระแสหรือเรื่องที่ถูกนำเสนอขึ้นหน้าเพจเฟซบุ๊กว่าแต่งแบบนี้สิแล้วจะมีคนอ่านเยอะ ขายดีได้เงินเป็นกอบเป็นกำ ไม่ได้อ่านหาไอเดียแต่อ่านเพื่อหาของมาลอก ดัดนิดเปลี่ยนหน่อยเอาแค่ไม่ให้เหมือนเป๊ะ คุณภาพไม่ต้องเน้นอัพได้บ่อย มีตอนลงรายวัน คิดไม่ออกแต่งไม่ทันทำไงดี ก็ต้อง ลอก! ลอก! ลอก! สิ พล็อตคล้ายแล้วไงใครๆ ก็ทำแบบนี้เหมือนกัน ถ้าจะจับกูก็ต้องไปไล่จับแม่งทั้งวงการนะ ด้วยชุดความคิดแบบนี้แหล่ะเลยทำให้นิยายเว็บปัจจุบันมันออกมาอย่างที่เห็น บางคนทำมานานแล้วพอมีฝีมืออยู่บ้างก็ได้ดีไป แต่พวกมือใหม่มีแต่จะทำให้ทุกอย่างมันแย่ลง
แต่กูคงต้องเห็นด้วยกับข้างบนว่า เออก็มันมีคนอ่านอะก็เลยมีคนแต่งแนวนี้ออกมาเรื่อยๆ เหมือนนิยายจีนแปลที่มาโผล่โฆษณา เปิดเรื่องว่าตัวเอกโดนดูถูกสารพัดทว่าพี่แกเป็นขั้นเทพปลอมตัวมา หรือจริงๆ แล้วผมเป็นประธานบริษัท ไม่ก็ได้รับมรดกชนิดใช้ไป 100 ชาติก็ยังไม่หมด ตอนที่ 2 ก็หลุดพ้นจากการถูกกดขี่แล้วไล่ทำตัวเทพซ่าส์ เอาเงินฟาดหัว ต่อด้วยไปรักษาคนแก่จนได้แบ็คมาหนุนหลังเพิ่มอำนาจใดๆ กี่สิบเรื่องก็มาทำนองนี้หมดเลย เพราะอะไร? ก็เพราะมันยังมีคนยอมจ่ายเงินตอนละบาทเพื่ออ่านอยู่ดี ถึงจะซ้ำซากก็ยังอ่าน
อะไรวะอยู่ดีๆ มู้ก็ Active คุยกันเยอะซะงั้น คุยกันต่ออีกหน่อยก็ดีนะ กูจะได้ตั้งมู้ใหม่ ช่วยกันถมหน่อยอีก 17 rep
>>975 ไอ้แนวนี้มันขายได้ เข้าใจง่าย เร้าใจ สนุกเร็ว คนที่ไม่เคยอ่านถ้าได้มาอ่านก็จะติด พออ่านถึงตอนล่าสุดหาแนวเดียวกัน เริ่มเห็นมันซ้ำไปมาก็เริ่มเบื่อ อีกอย่างนึงมันมาจากนิยายเว็บเหมือนกันด้วย สักวันจะมีคนเรียนพวกนิเทศเอาไปทำวิทยานิพนธ์หรือบทความไหมว่ะเนี่ย ดูมันน่าสนใจอยู๋
>>960 ไม่ได้อ่านของไทยนะ แต่ถ้าไปอีกโลก ย้อนอดีต ฯลฯ แนวนี้ของพวกจีนแท้ก็มีอย่างที่ดังๆก็ i really am a superstar. แต่อันนั้นใช้ไปโลกคู่ขนาน หรืออย่างim in hollywood อย่าว่าแต่จีนเลยฝรั่งก็มี ญี่ปุ่นก็มี เอาจริงกูอ่ะอยากเห็นคนไทยเขียนมากกว่าขอแนวการเมืองนะ เอาแบบย้อนเวลากลับไป2475 หรือ 2489 (แต่คนเขียนอาจจะได้พิซซ่าเดลิเวอรี่) ใช้วรรณกรรมไทยอย่างเรื่องขุนแผนในเว็บตูนนี่ก็ดีอยู๋ อยากได้แบบนี้อีกเหมือนกัน อาจซ้ำแต่มันก็ยังน่าสนใจ
พูดเรื่องนี้มาทุกกระทู้ ไม่เบื่อกันบ้างหรือครับ
ทุกวันนี้บอร์ดเด็กดีก็ไม่น่าสนใจอยู่แล้ว ยกเว้นดราม่า
ขนาดดราม่ามันส์ๆ แบบสมัยก่อนยังไม่มีเลย กลายเป็นพื้นที่บ่นของคนไม่แมสกับพื้นที่อวดของสายแมส
ถมโหน่ย
มีนิยายปลูกผักแนะนำกันไหมค้าบบบบ
โม่งขอความเห็นหน่อย ทุกคนคิดว่าเรื่องนี้โกงยอดวิว เหมือนไอ้เรื่อง H.A.CK ปะ
อยู่ๆเด้งมาติด top ยอดคอมเมนท์ไม่มีสักคน
ตอนเยอะน่ะใช่นะ แต่อยากจะบอกว่าถ้านักอ่าน 1 คน อ่าน 68 ตอนพร้อมกันใน 1 วันก็ได้ยอดวิวแค่ 1 นะ มีกลิ่นนิดๆ เพื่อนโม่งว่าไง
https://writer.dek-d.com/dekdee/writer/viewlongc.php?id=2352403&chapter=19
กูไม่รู้ กูแค่มาถม
มู้ยังไม่เต็มอีกเหรอ โม่งนักเขียนไปไหนกันหมดละ
กูไม่อยากช่วยเจิมเดี๋ยวมันครบ 1,000 เร็ว
จะขึ้นบทใหม่แล้วโว้ยยยยยยยยยยยยยยย
เดี๋ยวเลิกงานละจะมาเปิดมู้ใหม่ให้
มาๆวิ่งๆ
ปิดละน้า
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.