Fanboi Channel

นิทานเด็กดีบทที่ 39 (DDN XXXIX) ภาคปิดเทอมแล้วทำไมเงียบจังวะ สงครามหมีขาว-ทานตะวันจะยังไงก็ไม่สำคัญ เพราะโลกเด็กดีก็มีสงครามตัวเองกับนิยาย THIS NOVEL OF MINE (นักเขียนเขาจะย้ายเว็บกันจนร้างแล้วเพ่)

Last posted

Total of 1000 posts

115 Nameless Fanboi Posted ID:NqVq6qMzQW

จัดให้เป็นพิเศษตามคำขอของ >>109 กับ >>110

ฮัวเหมยสุดยอดตำนานเจ้าเมืองหญิง
https://writer.dek-d.com/snoopy147/writer/view.php?id=2283614

สำหรับคนที่จงใจขายแนวนี้ ชื่อเรื่องถือว่าตั้งมาได้ดี ปกนอกดูมีการพัฒนาเพราะช่วยสื่อถึงเนื้อเรื่องว่าอาจเป็นการบริหารเมืองด้วยการเพาะปลูก (ช่วงนี้แนวทำฟาร์มยิ่งฮิตๆ ด้วย) คำโปรยมันล้นไปบ้างแต่กูว่าใช้หลอกล่อให้คนเข้ามาอ่านไหวอยู่ ภาพรวมคือดีขึ้นในหลายๆ ด้าน บางทีกูอาจด่วนสรุปเองในเรื่องที่แล้วเพราะตอนนั้นนักเขียนมันกำลังหัดแต่ง บางทีเวลาที่ผ่านมาอาจทำให้เจ้าตัวพัฒนาขึ้นได้ เดี๋ยวเราค่อยมาดูกันว่าอะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้มันขึ้นมาติด Top 20 ได้สำเร็จกันแน่

ใช้ Tag ได้ชัดเจนตรงกลุ่มลูกค้าดีมาก ปกรองส่วนแรกเป็นคำเตือนเกี่ยวกับกฏหมายทรัพย์สินทางปัญญาเหมือนเคย ส่วนกลางเป็นเรื่องย่อว่าตัวเอกมันโดนทะลุมิติมาได้ยังไง แล้วส่วนท้ายเป็นหน้าปกแบบขยายจากไอคอนซ้ายบนลงมาให้เห็นชัดๆ อีกรอบ รอบนี้นักเขียนมันเกริ่นนำเกี่ยวกับเซตติ้งและความเป็นมาก่อนจะเริ่มเรื่องตั้งแต่บนปกรอง วิธีนี้ทำให้ประหยัดเวลาไปได้ค่อนข้างมาก เพราะถ้าเล่าได้ชัดเจนและกระชับก็ไม่จำเป็นต้องมีบทนำ ทำให้สามารถเข้าสู่เนื้อหาได้ทันที

ตอนที่ 1 พูดคุยกับนักเขียน

ก็แนะนำตัวเองเล็กน้อย บอกว่าเรื่องนี้เรื่องใหม่ครับ ส่วนอีก 2 เรื่องที่เขียนก่อนหน้านี้ (ศึกชิงจ้าวยุทธ กับ ผี+หมอ) ขอดองไปก่อนเพราะพล็อตเรื่องนี้มันโผล่มาแล้วทำให้เรื่องพวกนั้นตัน (Bruh...) ถัดลงมาเป็นหน่วยชั่งตวงวัด ค่าเงิน กับชื่อเรียกยามต่างๆ ตอนแรกกูหลอนๆ นึกว่าจะมีระดับพลังด้วย แต่โชคดีที่ไม่มี ก็คงจะเป็นแนวทะลุมิติเพื่อสร้างความเจริญในยุคล้าหลัง (แบบไม่มีดราม่าผัวนิสัยเหี้ยมาเป็น Plot device เหมือนเรื่องอื่นๆ) ด้วยความรู้ยุคใหม่นั่นแหล่ะ

ตอนที่ 2 เมืองที่ยากจนที่สุดในแคว้น

เล่าเรื่องด้วย POV 3 เท้าความถึงฉากบนรถเก๋งที่นางเอกใช้เดินทาง อธิบายว่านางเอกชื่อ "เหมย" เป็นสาวน้อยอัจฉริยะเจ้าของธุรกิจที่ทำกำไรได้มหาศาล ระหว่างที่งีบหลับตรงเบาะหลังเลขาควบตำแหน่งคนขับรถก็กรีดร้องขึ้น เพราะเกิดอุบัติเหตุโดนรถบรรทุกพุ่งเข้าชนเต็มๆ รู้สึกตัวอีกทีก็มาสิงร่างเด็กสาวคนหนึ่งที่หน้าตาคล้ายกับตัวเองมาก ผีเจ้าของร่างบอกแค่ว่าฝากดูแลพ่อกูด้วยแล้ววิญญาณก็สลายไป ตอนแรกก็งงๆ อยู่ ก่อนจะเข้าสูตรนิยายทะลุมิติทั้งหลาย นั่นคือปวดหัวแล้วโดนความทรงจำของร่างต้นทับซ้อนจนเข้าใจความเป็นมาทุกอย่าง มีการบรรยายว่าเมืองพ่อกับนางเอกอาศัยอยู่เป็นเมืองทำถ่าน แต่พอสงครามจบลงการใช้ถ่านในโรงหลอมก็ลดตามไปด้วย เนื่องจากไม่มีการหลอมอาวุธและชุดเกราะอีกต่อไป ทำให้สภาพคล่องของเมืองแย่ ข้าวยากหมากแพง ชาวเมืองขาดรายได้ พวกหนุ่มสาวก็ไปหาทำงานต่างเมืองกันหมด น้องเหมยเลยเข้าใจว่าที่ผีคนขับบอกให้ช่วยดูแลพ่อคงหมายถึงเรื่องนี้นั่นแหล่ะ สักพักพ่อน้องเหมยกลับมาพร้อมหมอ แต่น้องเหมยบอกสบายดีแล้วค่ะ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้คนขับคนเดิมเพิ่งจะเป็นลมแดดตาย จบตอนที่ 1 ไปแบบเรียบๆ

โอเคทีนี้กูจะบอกว่า ความสั้นของตอนนี่เหมือนกับเรื่องก่อนเลย แต่คราวนี้คนเขียนมันแบ่งส่วนการเล่าเป็น 2 ส่วนสำคัญในแต่ละตอน สไตล์ของ story telling เปลี่ยนจากภาษาวัยรุ่นในเรื่องเด็กวัดมาเป็นนิยายจีนหนัก tell เต็มตัว ก็คงจะอ่านนิยายแปลจีนมาพอสมควรถึงสามารถเลียนแบบให้ออกมาโอเคแบบนี้ได้ เดินเรื่องกระชับไม่มีแวะเยี่ยว บอกเป้าหมายที่เป็นเส้นเรื่องระยะกลางออกมาให้คนอ่านเข้าใจได้ทันที อีกอย่างที่สังเกตเห็นคือไม่มีคำผิดแม้แต่คำเดียว (อาจเป็นเพราะเรื่องนี้มันไม่ต้องเขียนคำว่าเวทมนตร์ด้วยหรือเปล่าวะ)

116 Nameless Fanboi Posted ID:NqVq6qMzQW

ตอนที่ 3 บันทึกรายรับรายจ่าย

บทนี้น้องเหมยหรือ "เสี่ยวเหมย" ในปัจจุบันออกหาข้อมูลเพื่อประเมินสถานการณ์ พบว่าเกิดภาวะเงินเฟ้อในเมืองอย่างหนัก ค่าเงินตกต่ำจนเงินจำนวนเท่าเดิมสามารถแลกสินค้าได้น้อยลงมาก บัญชีรายรับ-รายจ่ายของบ้านก็ติดตัวแดงยาวเป็นหางว่าว ทรัพยากรน้ำมีเหลือไม่มาก อากาศนี่ร้อนเหี้ยๆ จนพวกเกษตรกรเจอภาวะภัยแล้ง เนื้อหาในตอนมีอยู่แค่นี้ คือน้องเหมยตามหาบัญชีกับออกไปเจอปัญหาว่าทำไมเมืองแม่งใกล้จะร้างเต็มที นักเขียนมันโชว์ความเชี่ยวเกี่ยวกับหน่วยชั่งตวงวัด ค่าเงิน เวลา และชั่วยามต่างๆ แบบจีน แล้วมีการวงเล็บต่อท้ายด้วยการแปลงค่าเป็นมาตราชั่งตวงวัดสากล เช่น เค่อ(15 นาที) ยามเว่ย(13.00 - 14.59) หรือ 1 จิน(500 กรัม) ดูแล้วก็เห็นว่ามีการหาข้อมูลมาพอสมควร ต่างกับเรื่องเจ้าแม่ทองหยิบของไอ้เงินบวกที่มั่วนิ่มทุกอย่างชนิดฟ้ากับเหวเลยทีเดียว

ตอนที่ 4 สำรวจเมืองหลิง

เนื้อหาโดยสรุปของตอนนี้คือเสี่ยวเหมยตามพ่อไปซื้อข้าวที่ตลาด พอไปถึงเจ้าของร้านบอกข้าวยังไม่มา เสี่ยวเหมยเลยขอพ่อไปเดินเล่นแถวนั้น มีการบรรยาในสิ่งที่เสี่ยวเหมยพบเจอ เกี่ยวกับความแห้งแล้งของตัวเมืองจนแทบจะปลูกอะไรไม่ขึ้น มีฉากที่นางเอกคุยกับคนตัดฟืนจนได้ข้อมูลมาว่า เมืองนี้ตัดไม้ทำถ่านมากเกินจนป่าเสื่อมโทรม พอไม่มีป่าก็เลยเกิดปัญหาน้ำแล้งตามมา ถึงสงครามจะยุติมานานมากแล้วแต่ป่ามันฟื้นตัวไม่ทันกับจำนวนไม้ที่โดนตัดไป เสี่ยวเหมยได้แต่กุมขมับว่ากูจะทำยังไงดี แล้วจบตอนด้วยการมาถึงของขบวนพ่อค้า เจ้าตัวเลยรีบกลับไปหาพ่อที่ร้านค้าข้าว

ตอนที่ 5 อาหารม้า

เริ่มต้นด้วยการบ่นของพ่อนางเอกว่าข้าวแม่งขึ้นราคาอีกแล้ว พอซื้อขายกันเสร็จน้องเหมยสังเกตเห็นว่าพวกคนในคาราวานเลี้ยงม้าด้วยพืชอย่างอื่นที่ไม่ใช่หญ้า เลยเข้าไปขอดูปรากฏว่าเขาใช้ข้าวโพดเลี้ยงม้าแทน ด้วยความที่แถวนี้มันแล้งเกินหญ้าเลยแห้งตายหมด ก็เหลือแค่ข้าวโพดป่าเนี่ยที่ยังพอหาเด็ดให้ม้าแดกได้ (ถ้าหญ้าตายแล้วข้าวโพดรอดได้ไงวะ) เสี่ยวเหมยเห็นอย่างนั้นเลยขอซื้อข้าวโพดต่อจากพี่บ่าว แต่พี่แกยกให้ฟรีเลย 4 ฝัก เพราะถึงยังไงข้าวโพดพวกนี้ก็ให้ม้าแดกเยอะไม่ได้เดี๋ยวม้าจะท้องผูก ของป่าได้มาฟรีเก็บไว้ได้ไม่นานก็ต้องทิ้งด้วย เลยไม่รู้จะเก็บเงินน้องเหมยไปทำไม จากนั้นสองพ่อลูกก็กลับบ้านมาปรุงอาหารกินกัน น้องเหมยถามพ่อว่าแล้วเจ้าเมืองไปไหน ทำไมไม่มาแก้ปัญหา พ่อเลยตอบหน้าตายมาว่า เจ้าเมืองแม่งตายไปแล้ว น้องเหมยอึ้งแดกแต่เห็นสีหน้าพ่อตอนพูดก็คงไม่ได้ประชดหรือเล่นมุกแหงๆ ราชสำนักพยายามส่งคนมาทำหน้าที่แทน แต่ก็ไม่มีใครทนได้นาน แดกข้าวเสร็จน้องเหมยก็เอาเมล็ดข้าวโพดไปตากแดด เอาไว้เตรียมทดลองปลูกทีหลัง

117 Nameless Fanboi Posted ID:NqVq6qMzQW

การบรรยาย : สำนวนและการเล่าดีขึ้นมากเหมือนเป็นคนละคนกับเรื่องก่อน อ่านบทสนทนา สภาพสิ่งแวดล้อม วิถีชีวิตในเรื่องแล้วรู้สึกได้ว่าแม่งจีนจริงๆ ด้วยวิธีการเล่าแบบแบ่งเนื้อหา 2 ส่วนใน 1 ตอนทำให้คนอ่านตามทันได้สบาย ถึงจะไม่มี cliff hanger เต็มรูปแบบ แต่เนื้อหาท้ายตอนมักจะเชื่อมกับส่วนแรกของตอนต่อมาอยู่แล้ว มันเป็นการกระทำที่เรียกกันว่าเทคนิคแบบ soft tame สำหรับการเล่าเรื่องของนิยายที่ไม่ได้เน้นความตื่นเต้นเร้าใจ และเมื่ออ่านไปนานๆ คนอ่านจะเข้าใจได้เองว่าควรตั้งใจอ่านช่วงท้ายบทเพราะตอนต้นของบทต่อไปมันจะเชื่อมโยงกันเสมอ จังหวะการเดินเรื่องสมดุลไม่เร็วและไม่ช้า นักอ่านสามารถเข้าใจปัญหาและสิ่งที่เกิดขึ้นไปพร้อมๆ กับตัวละครหลักได้ ใช้ความสงสัยว่านางเอกจะแก้ปัญหาต่างๆ ยังไงเป็นเหยื่อล่อให้คนอ่านยอมไปต่อ ถึงจะหนัก tell ไปบ้างแต่สิ่งนี้คือความปกติของนิยายจีนแปลยุคใหม่ไปแล้ว ซึ่งนักเขียนอย่างเราๆ ก็อาจต้องปรับตัวตามสมัยนิยม ดีกว่ายึดติดกับหลักการบางอย่างมากเกินไป จนสร้างนิยายที่ไม่มีใครอยากอ่านขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

ตัวละคร : ไม่เด่นเท่าไหร่เพราะเรื่องสไตล์นี้มันเป็นแนว Plot base (เน้นเนื้อหามากกว่าตัวละคร) จากที่อ่านมามันไม่ค่อยพูดถึงรูปลักษณ์ตัวละคร หรืออธิบายตั้งแต่หัวยันหิแบบนิยายแจ่มใสสมัยก่อน เน้นให้จุดสนใจไปตกอยู่กับปัญหาที่ตัวเอกกำลังประสบอยู่แล้วลุ้นว่าจะแก้ไขมันได้ยังไง มากกว่าสนใจว่าปากกระจับ คิ้วเรียวเหมือนคันศรไหม มันมีการอธิบายคร่าวๆ แหล่ะ เช่นตอนที่บอกว่าเสี่ยวเหมยหน้าตาเหมือนน้องเหมยมาก แต่หลังจากนั้นคือไม่มีการพูดถึงหน้าตาอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นพ่อ หมอ หรือลุงขายข้าว

เนื้อเรื่อง : สรุปได้สั้นๆ ว่า ทะลุมิติจากไทยปัจจุบันมาอยู่ในจีนโบฯ บ้านเกิดแห้งแล้ง เจ้าเมืองไม่มี น้องเหมยเลยต้องหาทางทำไงก็ได้ให้ทุกอย่างดีขึ้น แรงจูงใจให้แก้ปัญหายังไม่ชัดเจน เราอาจอนุมานเอาเองได้ว่าเป็นเพราะความทรงจำเดิมของเสี่ยวเหมย คำขอก่อนสลายไปของวิญญาณน้อง หรือเป็นเพราะตัวเอกทนใช้ชีวิตในเมืองที่ร้อนเหี้ยๆ แบบนี้ไม่ได้ อีกหน่อยก็น่าจะใช้ความรู้ยุคใหม่ประดิษฐ์อุปกรณ์มาใช้ พอตั้งตัวได้เมืองก็คงเจริญขึ้นเรื่อยๆ พออุดมสมบูรณ์ข่าวก็ไปถึงหูคนในวังหลวง ที่เหลือกูคงไม่ต้องอธิบายต่อ เพราะเรื่องแนวนี้มันมีความสูตรสำเร็จอยู่ค่อนข้างสูง วัตถุดิบมันเดิมๆ แต่ใครจะปรุงออกมายังไงให้อร่อยต่างหากที่เป็นความแตกต่าง พวกชอบเผ็ดร้อนหน่อยก็อาจไปสายสงครามกับแคว้นอื่นหรือถ้าก้าวหน้ากว่าเมืองหลวงก็ยึดอำนาจแม่งเลย สายละมุนก็อาจไปเขียนเกี่ยวกับความรักต่อ เมืองเจริญจนกลายเป็นเจ้าแม่แล้วยังไง มีผู้มาจีบหรือตัวเองไปอยากได้เขา อะไรพวกนี้อะ

118 Nameless Fanboi Posted ID:NqVq6qMzQW

จุดเด่น : ทำได้ดีขึ้นจากเรื่องที่แล้วทุกด้าน คำผิดไม่มี pacing ค่อนข้างดี เนื้อหาอาจไม่มีความหวือหวาแต่ใช้วิธีอื่นดึงความสนใจจากผู้อ่าน เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของคำว่า simply is the best

จุดด้อย : มาเปิดเรื่องใหม่ทั้งๆ ที่เรื่องเก่าก็คาราคาซัง ทำแบบนี้มากๆ เดี๋ยวผู้อ่านจับทางได้ว่าแม่งคงทิ้งไว้กลางทางอีกแล้วจะเสีย brand loyalty เอา

คะแนน : 7/10 ... อ่านง่ายไม่หนักหัว เล่าเรื่องเข้าใจ รอชมการใช้นวัตกรรมจากโลกสมัยใหม่ได้ในตอนถัดๆ ไป

ความเห็นส่วนตัว : ถึงจะหย่อนยานเรื่องวินัย แต่ฝีมือมันพัฒนาขึ้นจริง ความเปลี่ยนแปลงอาจไม่สุดยอดเข้าขั้นเป็นปรากฏการณ์อะไรขนาดนั้น แต่ดูออกแหล่ะว่าคงศึกษามาเยอะว่าจะเขียนแนวนี้ยังไงให้ปัง สังเกตจากความถี่ในการอัปเดตแล้วมันอัปเร็วนะวันละตอนหรือ 2 ตอนด้วยในวันเสาร์ บางตอนที่เวลาแปลกกว่าเพื่อนคือมันกลับมารีไรท์แล้ววันที่เลยเลื่อนไปไกลจากตอนข้างๆ กัน ความยาวต่อตอนไม่มากแต่เน้นมาทุกวัน ที่สำคัญคือเรื่อง soft tame เนี่ย มันเป็น cliff hanger แบบอ่อนๆ ต้องตอบโจทย์ให้ได้ด้วยว่าทำยังไงถึงจะจูงจมูกคนอ่านสำเร็จ ในกรณีนี้คือลงสั้นๆ ทุกวันเพื่อเก็บทั้งพวกดองไว้อ่านสุดสัปดาห์และพวกที่ว่างมารออ่านต่อเรื่อยๆ ถ้าตอนใหม่มาแล้วจำไม่ได้ก็ย้อนไปอ่านท้ายตอนที่แล้วนิดเดียวก็รู้เรื่อง อย่างที่มีโม่งแถวนี้เคยบอกไว้ว่า ความสำเร็จมันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะแค่โชคช่วย ทุกอย่างต้องผ่านการวางแผน การคิดและใช้ข้อมูลหรือสถิติเดิมมาเป็นแนวทาง ทุกอย่างที่ทำต้องสามารถสร้าง effect ไปพร้อมกันได้ ถ้าอย่างใดอย่างหนึ่งไม่โอเคที่เหลือก็พังอยู่ดี

ลงได้ทุกวันแต่เล่าเรื่องห่วยใครจะอยากตามอ่าน เล่าเรื่องดีอ่านเข้าใจแต่คำผิดบานก็ไม่ค่อยเวิร์ค(แต่บางเรื่องก็มีคนทนอ่านนะ) คำผิดไม่มีเนื้อเรื่องสุดยอดแต่สามเดือนมาตอนหนึ่งก็ไม่มีใครอยากรอ ในยุคที่ทุกคนเข้าถึง social media ได้ มือถือคุณภาพปานกลางทุกคนสามารถซื้อได้สบายๆ การแข่งขันมันไม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว หลายๆ เพจผันตัวมาทำ daily content เพื่อดึงให้มีคนติดตามต่อเนื่อง กับการเขียนนิยายก็ไม่ต่างกัน ลูกค้าที่เป็นนักอ่านไม่ใช่คนใจเย็นเน้นคุณภาพ แต่เปลี่ยนเป็นเด็กวัยรุ่นยุคใหม่ที่ไม่ค่อยชอบการรอคอย หน้าที่ของผู้ผลิตอย่างเราๆ เลยต้องหาคำตอบว่าจุดไหนคือจุดที่มันสมดุลและสร้างโอกาสให้เราได้มากที่สุด ถ้ายังไม่รู้เดี๋ยวกูใบ้ให้ก็ได้ แต่พวกมึงก็คงเคยเห็นผ่านๆ ตามาบ้างแล้ว เพราะกูตอบไปค่อนข้างบ่อยเวลามีโม่งใหม่มุดลงมาถามน่ะนะ

119 Nameless Fanboi Posted ID:NqVq6qMzQW

ปริมาณต่อตอนไม่ต้องยาวจนได้มาตรฐานยุคบุกเบิก คนอ่านสมัยนี้เกินครึ่งมีสภาวะสมาธิสั้น เพราะใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ก่อนวัยอันควรจนเป็นเรื่องปกติ อุปกรณ์ที่ใช้อ่านก็ไม่ใช่ PC แต่เป็นมือถือ เขียนยาวเกินเดี๋ยวแม่งรำคาญ ไถหลายรอบก็ยังไม่จบตอนสักที บทบรรยายก็ไม่ต้องลากเยอะ หน้าจอมันก็มีนิดเดียวเดี๋ยวจะกลายเป็นกำแพงอักษร ไอ้เหี้ยบรรทัดใหม่อยู่ตรงไหนนะ ตัวหนังสือแม่งก็เล็กเท่าหีมด เลิกอ่านแม่ง

ถ้าใครติดเขียนตอนยาวก็ซอยตอนไปเลยก็ได้ จากปกติตอนนึงเขียน 3,000 คำ ถ้าขี้เกียจคิดชื่อตอนก็ใส่เป็น (ชื่อตอนอันเดิม) part 1,2,3,4 ซอยมาเหลือตอนละ 800 พอ หรือไม่ก็เอาแค่พอให้ระบบมัน detect ว่าจำนวนคำถึงขีดต่ำสุดแล้วเดี๋ยวมันไม่แจ้งเตือน เว้นบรรทัดตรงไหนได้ก็เว้นๆ ไปซะ จะได้ดูเหมือนว่าตอนยาวทั้งๆ ที่มีอยู่ไม่กี่พัน characters น้องเกรียนบางคนกลับชอบเสียด้วย สบายตาดีเล็งไม่ยากว่าขึ้นบรรทัดใหม่ตรงไหน

ถ้าพี่จะเขียนช่องคำพูดแล้วเว้นบรรทัดเลยก็ได้นะครัฟ ผมแม่งโง่บางทีแยกไม่ออกว่าอันนี้คือคำพูด อันนี้คือกำลังอธิบาย ถ้าอธิบายก็อย่าเกิน 3 บรรทัดนะครัฟ เพราะบนจอมือถือผมมันพื้นที่น้อย จาก 3 ของพี่มันกลายมาเป็น 7 ของผมอะครัฟ ถ้าจะบรรยายเกินก็เหมือนเดิม ช่วยเว้นวรรคทุกๆ 3 บรรทัดทีครัฟ เพราะผมแม่งจ้องจอเยอะจนสายตาไม่ดีต้องขยายตัวอักษรอ่านมันเลยยิ่งยาวครัฟ

ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียศักดิ์ศรี เพราะศักดิ์ศรีมันแดกไม่ได้ ไม่ทำให้ยอดวิวเพิ่มขึ้นด้วย ความภูมิใจในมาตรฐานที่ยืดถือมาตลอดมันกำลังจะทำลายตัวเราเอง เพราะคนอ่านมันเปลี่ยน เราก็ต้องปรับตัวตาม ส่วนเรื่องความยาวหมอยต่างๆ ที่กูเคยเล่นก็ให้คิดเสียว่าเอาฮา จัดระเบียบซะอย่าให้มันสั้นหรือยาวเกินไปในแต่ละตอน ดีเสียอีกซอยได้มากๆ จะได้อัปล่วงหน้าสำรองไปได้ไกลๆ มีเวลาปั่นตอนใหม่เติมเข้าไปได้อีกเรื่อยๆ ซอยจนจำนวนตอนเยอะยอดวิวก็ทวีคูณขึ้นไปตามนั้นอีก มีแต่ได้กับได้จริงไหม คนอ่านมันไม่เหนื่อยหรอกที่ต้องกดคำว่า "ตอนต่อไป" แต่มันเหนื่อยที่จะต้องเลื่อนหน้าจอลงไปลึก ดังนั้นถ้ายังไม่ได้เริ่มทำ ก็ให้หัดซอยตอนได้แล้ว

โอเคจบจากเรื่องความยาวตอนกับการอัปบ่อยก็คือการอยู่ในกระแส ถึงมึงจะไม่ค่อยชอบ แต่ถ้าตอนนั้นแนวไหนกำลังบูม อย่าอายที่จะทดลองเขียน ถึงไม่เคยจับมาก่อน ทุกอย่างมันเรียนรู้กันได้ ปั่นจักรยานไม่เป็นแล้วมึงจะยอมเดินไปตลอดหรือเปล่า ว่ายน้ำไม่เป็นก็ไม่อยากหัดพอถึงเวลาก็ขึ้นอืดไปโผล่ปากอ่าว การลอกเลียนมันไม่ผิด ถ้าอยากรู้ว่าเขาเขียนกันยังไง ก็ไปหาแนวนั้นมาอ่าน อ่านเยอะๆ จนรู้ว่าคนอ่านมันชอบให้เราเซอร์วิสแบบไหน เขียนยังไงแล้วมันอ่านแล้วจะฟินน้ำแตก คนทำถนนสร้างหนทางไว้ให้มันมีเพียบ มึงแค่เดินตามเค้าไปก็พอ ไม่ต้องไปพยายามถมดินเทปูนสร้างใหม่

เหมือนที่กูบอกไปข้างบนว่าวัตถุดิบหรือสูตรมันมีคนคิดไว้แล้ว มึงแค่เอามาดัดแปลงเป็นสูตรของตัวเองก็พอ เขาใส่แตงโมมือลองแตงไท เขาใส่เกลือมึงลองน้ำปลา ยืมมาดัดแปลงอย่าให้มันเหมือนเป๊ะจนน่าเกลียด หรืออย่าแหวกขนบเกินจนมันไม่เข้าท่า เขาใช้มะนาวอย่าเสือกลองมะขาม เอาจริงๆ ถ้ามาเป็นนักเขียนได้ก็คงมีสติปัญญาพอจะรู้ได้ว่าเส้นแบ่งมันอยู่ตรงไหน นักเขียนอย่างเราจะรู้เองโดยอัตโนมัติเลยว่าถ้าเขียนแบบนี้แล้วมันจะล้ำเส้น เหมือนพวกที่เขียนนิยายออนไลน์แล้วให้พระเอกใส่ชุดดำถือดาบคู่ได้คนเดียวในเซิฟ แบบนั้นใครๆ เขาก็ดูออกว่าลอก SAO หรือเขียนนิยายที่เวลาจะสู้กันต้องขยายร่างด้วยการแดกมือ แม่งก็ประเจิดประเจ้อเหมือนคิดว่าในเว็บไม่มีใครเคยอ่าน AoT มาก่อน

120 Nameless Fanboi Posted ID:NqVq6qMzQW

ถ้าชอบ SAO นักมึงก็ยืมมาเลยว่าติดอยู่ในเกมเหมือนกัน แต่ติดแบบไหน ออกมาได้ไง อันนี้ไปคิดมาเอง หรือถ้าชอบ AoT มากนักก็ยืมเรื่องที่ต้องหลบในกำแพงมา แล้วไปคิดศัตรูใหม่ว่าอะไรรอมึงอยู่ข้างนอก ถ้าจะใช้มุกแปลงร่างแล้วชัดเกินไปก็เปลี่ยนเป็นพลังพิเศษอย่างอื่นเอา อุปกรณ์ห้อยโหนมันแถว่าคิดขึ้นมาใหม่เองยาก งั้นจัดเลยว่าเรื่องนี้มีรองเท้าไอพ่นอะไรก็ว่าไป

อีกเรื่องที่สำคัญคือจะเขียนตามกระแสแล้วต้องทำการบ้าน หาข้อมูลแนวนั้นๆ ให้จริงจัง เพราะแนวที่อยู่ในความสนใจมันมีพวกแฟนพันธุ์แท้รอเล่นงานมึงอยู่ ถ้าจะเขียนจีนแล้วบอกว่าซาลาเปาคือหมั่นโถวแบบไอ้เงินบวกล่ะก็ อย่าหาทำ นอกจากจะไม่มีคนอ่านแล้ว ยังจะโดนด่าฟรีแถมด้วย เวลาจะทำอะไรก็ไปให้มันสุดทาง ถ้ามันฝืนใจมาก ทำยังไงก็คงแต่งแนวนี้ไม่ได้ ก็ค่อยถอนตัวออกมา โอกาสหน้ายังมีเผื่อแนวกระแสแบบใหม่มันมาแล้วมึงพอแต่งตามไหว ถึงตอนนั้นค่อยลองดูอีกทีก็ยังไม่สาย

เรื่องใต้สะดือ พื้นที่สีเทา ของผิดศีลธรรม เดี๋ยวนี้เขาไม่คิดมากกันแล้ว จะใส่ลงในงานก็ได้ไม่มีปัญหา แต่ใส่อย่างมีศิลปะ ใส่เท่าที่จำเป็น ยกเว้นลงในธัญวลัยใส่ไปได้เลยรัวๆ ในเว็บเด็กดวกมีบอกอยู่ว่าใส่ได้แค่ไหน คนรู้จักกูบางคนใส่เหมือนไม่กลัวโดนรีพอร์ตแล้วบอกกูว่า "เดี่ยวรอมีคนแจ้งแบนก่อนกูค่อยแก้" ถ้าไม่มีใครแจ้งแม่งก็ทิ้งเอาไว้อย่างนั้นแหล่ะ ขนาดพวกนิยายเสน่ห์มาเฟียทาสซาตานไรพวกนี้ยังรอดได้ ก็ไปหาอ่านดูแล้วกันว่าเขียนแค่ไหนถึงจะไม่โดนสอย นิยายจีนปลอมบางเรื่องยังใช้คำแทนโคตรตลกเลย อ่านแล้วกูงงมันมีอารมณ์กันได้ยังไง แม่งเลวร้ายกว่าบทอัศจรรย์ของวรรณกรรมไทยอีก คนเรามันขี้เงี่ยน มึงเงี่ยน กูก็เงี่ยน แต่งานเขียนที่ทำให้เราอ่านแล้วเงี่ยนได้ ไม่ใช่ว่าจะหาเจอได้บ่อยๆ ถ้าคิดว่าไม่เจ๋งพอก็อย่าใส่เดี๋ยวมันจะตลกไปแทน

เขียนไปเขียนมาชักจะเยอะ เอาเวอร์ชั่นยาวไปไม่อ่านห้อยท้ายไว้ด้วยละกัน

1) ถ้ายังไม่เก่ง ฝึกให้เก่งก่อน ถ้าสำนวนกาก ข้ออื่นไม่รอด
2) ฝึกมาตั้งนาน ไม่เก่งสักที หาเรื่องดังๆ มาอ่านแล้วลอก
3) จะแต่งตามเขา ต้องหาข้อมูล อย่าให้เขาด่า ว่ารู้ไม่จริง
4) เล่าเรื่องให้เป็น เอาภาษาคน เข้าใจคนเดียว ไปเขียนไดอารี่
5) จังหวะต้องดี หามาให้เจอ ตรงไหนต้องเน้น ตรงไหนต้องข้าม
6) เขียนๆ หยุดๆ เดี๋ยวแม่งดองยาว เขียนให้จบก่อน แล้วมึงค่อยลง
7) คิดถึงลูกค้า จัดหน้าอ่านง่าย ลองเปิดนิยาย เช็คในมือถือ
8) แต่งไม่ต้องยาว เน้นลงถี่ๆ ถ้าแก้ไม่ได้ ไปซอยตอนซะ
9) กีกี กวยกวย เรื่องธรรมชาติ ใส่บ้างนิดหน่อย ไม่มีใครว่า
10) ถ้ามีคนชอบ ติดเหรียญขายดิ วันดีคืนดี เดี๋ยวมีสัมภาษณ์

ดีนะที่คืนนี้มันไม่ค่อยมีใครโผล่มา คิดว่าคงเตรียมตัวกลับบ้านกันหมดแล้ว กูเลยพอมีช่องให้แอบสับอยู่ อย่างไรก็ดีพวกมึงไม่ต้องเชื่อกูมากก็ได้ อะไรที่กูบอกอาจใช้ไม่ได้ผลกับบางคน ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไปคิดหาวิธีที่เหมาะกับตัวเองดู เทคนิคต่างๆ มันมีโม่งอื่นคอยมาแนะนำเป็นพักๆ อยู่แล้ว (ล่าสุดก็เห็นมีไอ้เห็บหมาแวะมา)

คนเราจะเขียนอะไรแล้วแจ้งเกิดได้ อยากแรกคือใจมึงต้องมีก่อน พวกไม้หลักปักเลนส่วนใหญ่อยู่ได้ไม่นาน ประเภทที่มางอแงในบอร์ดว่าทำไมไม่มีคนอ่านเลย เลิกแต่งนิยายดีกว่า แบบนี้ไม่มีทางปีนขึ้นมาไหวแน่ๆ ใจรักแล้วก็ต้องเสมอต้นเสมอปลาย ฝึกเรื่อยๆ เขียนเรื่อยๆ มันก็ค่อยๆ เก่งขึ้นมาเอง ว่างก็หานิยายคนอื่นอ่าน ถึงนิยายจะกากแต่อ่านเอาแนวทางแทนได้เหมือนกันว่ามันเขียนยังไงคนถึงชอบ ในฐานะคนที่ขึ้นมาได้ก่อน กูอยากบอกพวกมึงว่าตอนปีนมันไม่เท่าไหร่ แต่การที่จะเกาะไว้ไม่ให้ร่วงลงไปนี่คือนรกเหี้ยๆ นึกตามว่ามันโหดกว่าเก้าอี้ดนตรีไปอีกขั้น เหมือนมึงเล่น fallguy ที่มีแท่นให้ยืนได้แค่ 20 คน แต่ต้องแย่งชิงที่ว่างกับคนเป็นพันเป็นหมื่น แล้วต่อให้ได้ที่ยืนเรียบร้อยก็มีคนพร้อมจะยกตีนถีบมึงลงไปเพื่อเข้ามาแทน

ถ้าไม่อยากกดดันอะไรมาก ให้เบนเข็มไปแต่งแนวกระแสเน้นขายเอาเงินแทนจะดีกว่าเขียนเพื่อติดท็อป หรือแต่งแค่ให้ achievement unlocked ก็ได้ ว่าครั้งหนึ่งในชีวิตกูเคยติด Top กับเขาเหมือนกัน (อย่าลืมแคปจอเอาไปแปะไว้ตรงปกรองแบบที่แม่งชอบทำกันด้วยล่ะ) ถึงจุดๆ นึงพวกมึงจะเข้าใจเองว่ามันกดดันที่ต้องคอยรักษาอันดับไว้ เลยอยากให้แต่งนิยายอย่างที่ทำแล้วมีความสุขมากกว่า บางทีแค่เขียนให้จบเป็นเรื่องๆ ไป แปลงไฟล์ขายเป็น E-book แลกค่าไฟได้เรื่อยๆ แค่นั้นก็อาจเพียงพอแล้ว

121 Nameless Fanboi Posted ID:TLoe3sohjh

ขอบพระทัยสำหรับความยากลำบากในการสับ แต่เท่าที่ดูพล็อตที่เมิงย่อยให้ฟัง มันไม่มีตรงไหนน่าสนใจเลยนะ มันไม่ใช่การผลิตซ้ำรอบที่ร้อยรอบที่พันเหรอ ยิ่งอยู่ในร่างเด็กด้วยน่าจะเพิ่มความน่ารำคาญเข้าไปอีก
ให้บอกเกิดใหม่เป็นนางร้ายโดนเนรเทศมายังชายแดนที่ทุรกันดาร กุว่ายังดูมีอะไรน่าสนใจกว่าถึงแม่งจะผลิตซ้ำเหมือนกันก็เถอะ
สิ่งที่กุไม่เข้าใจก็คนอ่านนี่ละ พวกเมิงว่างกันขนาดนั้นเลยเหรอวะ

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.